The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by John Muangsai, 2022-09-30 05:44:54

สถาปัตยกรรมของชาวยอง

pdf_20220930_164143_0000

สถาปัตยกรรมของชาวยอง

ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่

สารบัญ ก

เรื่อง หน้า

สารบัญ ก
คำนำ ข
ที่มาของชาวยอง 1
ภาษาของชาวยอง 2
การอพยพของชาวยอง 3
สถาปัตยกรรมของชาวยอง 4-6
พระพุทธรูปพระสิงห์ยอง 7
การแต่งกาย ประเพณี วัฒนธรรมและภูมิปัญญา 8-9
พิพิธภัณฑ์ใบลาน 10-11
รูปปั้นประติมากรรมไตยอง 12



คำนำ

ภาคเหนือของประเทศไทยประกอบไปด้วยกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลายอาศัยอยู่ร่วมกัน
ตามประวัติการอพยพโยกย้ายชุมชนของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ จากเมืองทางตอนบนของอาณาจักร
ล้านนา ทำให้กลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ในพื้นราบตามหุบเขานั้นประกอบไปด้วยกลุ่มคนไทเชื้อชาติต่างๆ
ซึ่งกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เหล่านี้ล้วนมีบทบาทในการขับเคลื่อนหรือพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคม
สร้างความเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของล้านนาทำให้ภาคเหนือของประเทศไทยมีลักษณะเด่น
ที่ต่างจากภาคอื่นด้วยความตระหนักในความสำคัญของการศึกษาวิจัยและการพัฒนาด้าชาติพันธุ์
พวกเราจึงได้ริเริ่มสำรวจข้อมูล รวบรวมข้อมูล รูปภาพและประวัติสำคัญของชาวยองเพื่อจัดทำ
อีบุ๊คเรื่อง“สถาปัตยกรรมของชาวยอง”ที่มีการรวบรวมองค์ความรู้ด้านประวัติศาสตร์และ
ประวัติศาสตร์ศิลป์ การวางแนวทางที่เอื้อต่อการดันคว้าและเรียนรู้ของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย อันจะ
นำไปสู่การสนับสนุนกิจกรรมการเรียนการสอนและการทำวิจัยทางด้านชาติพันธุ์ชาวยองในล้านนา
รวมทั้งการพัฒนาและอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆในเขตภาคเหนือ และอาณา
บริเวณลุ่มน้ำโขงและสิ่งสำคัญในการศึกษาครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างนักเรียนกับ
ชุมชนท้องถิ่นในการพัฒนาและอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวยองในล้านนาเพื่อ
ประโยชน์ทางด้านการพัฒนา การท่องเที่ยว และการสืบทอดมรดกอันดีงามแก่คนรุ่นใหม่ในชุมชน
ชาติพันธุ์ต่อไป

คณะผู้จัดทำ
นายเมืองใส ลุงทุน เลขที่10
นางสาวรัชนกพร วงค์เขียว เลขที่21
นางสาวณัฏฐชา ปัญญาฟู เลขที่30
นางสาวศิริญญา ตาลศรี เลขที่ 33
นางสาวจุฑาทิพย์ นิยมพานิช เลขที่ 34

1

ที่มาของชาวยอง

ชาวยองหรือชาวเมืองยองคือชาวลื้อที่ตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณเมืองยอง
และกระจายอยู่ในด้านตะวันออกของรัฐบาลประเทศพม่า เขตสิบสองพันนา
ในมณฑลยูนนานของจีนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
มหาราชจึงถูกพระเจ้ากาวิละแห่งนครเชียงใหม่กวาดต้อนเข้ามาตั้งบ้านเรือน

ในจังหวัดลำพูน เชียงใหม่ เชียงราย และน่านตามนโยบาย
"เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง"

เพื่อฟื้นฟูบ้านเมืองหลังการปกครองของพม่าในล้านนาสิ้นสุดลง

2

ภาษาของชาวยอง

ภาษายอง เป็นภาษาหนึ่งของชาวไทลื้อ ตระกูลภาษาขร้า-ไท กลุ่มกัม-ไท
สาขาเบ-ไท สาขาย่อยไท-แสกมีผู้พูดราวหนึ่งแสนคนในประเทศไทย ส่วน
ใหญ่อาศัยอยู่ในจังหวัดลำพูน บางพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัด

เชียงราย

3

การอพยพของชาวยอง

จากตำนาน ชาวเมืองยองซึ่งเป็นชาวลื้อได้อพยพมาจากเมืองเชียงรุ่งและเมืองอื่น ๆ
ในสิบสองปันนา และได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานครั้งใหญ่ในเมืองลำพูนและเชียงใหม่

ในปี พ.ศ. 2348 ด้วยสาเหตุของสงคราม เจ้าเมืองยองพร้อมด้วยบุตรภรรยา
น้องทั้ง 4 ญาติ พี่น้อง ขุนนาง พระสงฆ์และไพร่พลจากเมืองยอง จำนวน 20,000
คนเข้ามาแผ้วถางเมืองลำพูนที่ร้างอยู่ ตั้งบ้านเรือนตามลุ่มน้ำแม่ทา น้ำแม่ปิง ผู้คนทั่วไป

ในแถบนั้นจึงเรียกคนที่มาจากเมืองยองว่า ชาวไทยอง



ในสมัยนั้นผู้คนต่างเมืองที่มาอยู่ร่วมกันจะเรียกขานคนที่มาจากอีกเมืองหนึ่งตามนาม
ของคนเมืองเดิม เช่น คนเมืองเชียงใหม่ คนเมืองลำปาง คนเมืองแพร่ คนเมืองน่าน
คนเมืองเชียงตุง เป็นต้น แต่ของคนเมืองยองนั้น ต่อมาคำว่าเมืองได้หายไปคงเหลืออยู่

คำว่าคนยองดังนั้นยองจึงมิใช่เป็นเผ่าพันธุ์และเมื่อวิเคราะห์จากพัฒนาการ
ประวัติศาสตร์ของเมืองยองแล้ว ชาวไทยอง ก็คือ ชาวไทลื้อนั่นเอง

สถาปัตยกรรมของชาวยอง 4



ลักษณะบ้าน
1.เป็นเรือนไม้ยกใต้ถุนสูง ใช้งานใต้ถุนเรือน
2.ทางขั้นบันไดหน้าเพียงบันไดเดียวมีหลังคาคลุมทั้งที่หลังคาผืนใหญ่คลุม
และที่ต่อชายคายื่นยาวคลุม
3.หลังคาผืนใหญ่ ยื่นยาว และทำเป็นสองตับ จนแทบมองไม่เห็นผนัง
4.มีและใช้เสาแหล่งหมา
5.มีบริเวณที่เรียกว่า หัวค่อมหรือค่อม เหมือนเติ๋นในเรือนล้านนา
6.ภายในเรือนเป็นโถงแบ่งพื้นที่ซ้ายขวาเป็นส่วนเอนกประสงค์
7.โถงเอนกประสงค์ใช้พักผ่อน ครัวไฟ เก็บของ ส่วนปลายเป็นลานซักล้าง
8.ใช้แม่เตาไฟเป็นกระบะไม้ดาดดินเหนียวใช้ตั้งเตาไฟ
9.ส่วนนอนจะกั้นพื้นที่แต่ละคนด้วยผ้าม่าน ใช้เตียงหรือฟูกปูนอน
10.มีหิ้งผีบรรพบุรุษติดตั้งกับฝาบ้านในห้องโถง ไม่มีหิ้งพระ

5

สถาปัตยกรรมของชาวยอง

6

สถาปัตยกรรมของชาวยอง

17

พระพุทธรูปพระสิงห์ยอง

พระพุทธรูปพระสิงห์ยองอายุกว่า400ปีภายในวิหารประดิษฐานพระสิงห์ยองของวัดป่า
ตาล ตำบลบวกค้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิคู่บ้าน
คู่เมืองของชาวไทยเชื้อสายยองหรือชาวยองเป็นที่เคารพนับถือและเมื่อมาที่บ้านป่าตาล
หลายคนจะเข้ามากราบสักการะเพื่อเป็นศิริมงคลก่อนจะเข้าไปท่องเที่ยวสำผัสวิถีชุมชน
พระสิงห์ยองซึ่งเป็นพระพุทธรูปสิงห์หนึ่งที่วัดเชียงแสนสมัยเชียงแสนอายุ400กว่าปีน
อกจากนั้นในวัดยังเปิดเป็นแหล่งการเรียนรู้อีกด้วย
ภาพวาดฝาผนังภายในวิหารประดิษฐานพระสิงห์ยองสะท้อนให้เห็นถึง
ประเพณี12เดือนและความเป็นอยู่ของชาวยองซึ่งยังคงสืบสานต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน

8

การแต่งกาย ประเพณี วัฒนธรรมและภูมิปัญญา

ปัจจุบันนี้ชาวยองบ้านป่าตาลยังคงรักษาอนุรักษ์ภาษา การแต่งกาย ประเพณี
วัฒนธรรมและภูมิปัญญา ไว้อยู่

วัดป่าตาลยังรวมมือกับผู้นำชุมชนพัฒนาพื้นที่ให้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิง
วัฒนธรรมพร้อมยังเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านศาสนาศิลปวัฒนธรรม ส่วนพื้นที่ใกล้
กันยังมีพิพิธภัณฑ์ชาวยองที่รวบรวมนำข้อมูลของเครื่องใช้ในอดีตมาจัดแสดงให้กับ
ผู้ที่พบเห็นได้เรียนรู้

9

การแต่งกาย ประเพณี วัฒนธรรมและภูมิปัญญา

10

พิพิธภัณฑ์ใบลาน

พิพิธภัณฑ์ใบลาน อายุตั้งแต่80ปีจนถึง160ปี รวบรวมเกี่ยวกับคาถา โบราณ
บทสวด ชาดก ให้คนรุ่นหลังได้มาศึกษาเรียนรู้ และยังมีการตั้งชมรมสมุนไพรชาว
ยอง มีพ่อหมอเมืองประจำชุมชนมาให้ให้คำแนะนำสำหรับคนที่สนใจ

แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไปแต่ชาวบ้านก็ยังคงใช้เตาฟืนในการหุงหาอาหารตามวิถี
ชีวิตดั้งเดิมนอกจากในทนทานแข็งแรงก็ยังช่วยประหยัดเงินมากกว่าการใช้ก๊าซหุง
ต้มซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบัน

การหาอยู่หากินแบบชาวยองเรียบง่ายหาวัตถุดิบได้จากการปลูกผัก เลี้ยงสัตว์
ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน นอกจากนี้ยังปลูกฝังให้ลูกหลานรู้จักถึง
ขนบธรรมเนียมประเพณีเพื่อเป็นการอนุรักษ์การเป็นอยู่ให้กับชาวยองสืบไปค่ะ

11

พิพิธภัณฑ์ใบลาน

12

รูปปั้นประติมากรรมไตยอง

รูปปั้นประติมากรรมไตยอง เป็นผลงานของสล่าเพชร วิริยะ ศิลปินดีเด่น
จ.เชียงใหม่ ประจำปี 2543 สาขาทัศนศิลป์ ด้านประติมากรรม และผู้ก่อตั้งบ้าน
จ๊างนัก สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นอัตลักษณ์ของชุมชนไตยอง เนื่องจากชาว ต.บวกค้าง
มากกว่า 80% คือคนยอง ที่สืบเชื้อสายมาจากคนเมืองยอง (เขตเมืองเชียงตุง
ประเทศพม่าในปัจจุบัน) ที่ถูกกวาดต้อนมาอยู่ในเมืองเชียงใหม่เมื่อ 200 กว่าปีก่อน
และได้ตั้งหลักปักฐานเป็นชุมชนในเขต ต.บวกค้างสืบมา


Click to View FlipBook Version