The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ด.ช. ณภัทร ณะเสน ม.2/1 เลขที่9

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by we mon, 2024-06-25 06:54:32

นาฏศิลป์ตะวันออก

ด.ช. ณภัทร ณะเสน ม.2/1 เลขที่9

นาฏศิศิ ศิศิ ลป์ป์ป์ป์ ตะวัวั วัวั นออก ด.ช. ณภัทร ณะเสน ม.2/1 เลขที่9 เสนอ ครูสุดา จันทร์ทอง โรงเรียนปากพนัง


นาฏศิลป์ตะวัน วั ออก หมายถึง, ศิลปะการ แสดงการร่ายรำ ในรูปแบบของระบำ รำ ฟ้อน และการแสดงที่เป็นเรื่อ รื่ งราวเรีย รี กว่า ว่ ละคร ของกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียที่มี ความสัมพันธ์ทางวัฒ วั นธรรมการแสดงโดย เฉพาะ ที่เกี่ยวข้องกับนาฏศิลป์ไทย ได้แก่ นาฏศิลป์อินเดีย นาฏศิลป์ญี่ปุ่น นาฏศิลป์จีนนาฏศิลป์อินโดนีเซีย นาฏศิลป์ตะวัน วั ออก หมายถึง, ศิลปะการ แสดงการร่ายรำ ในรูปแบบของระบำ รำ ฟ้อน และการแสดงที่เป็นเรื่อ รื่ งราวเรีย รี กว่า ว่ ละคร ของกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียที่มี ความสัมพันธ์ทางวัฒ วั นธรรมการแสดงโดย เฉพาะ ที่เกี่ยวข้องกับนาฏศิลป์ไทย ได้แก่ นาฏศิลป์อินเดีย นาฏศิลป์ญี่ปุ่น นาฏศิลป์จีนนาฏศิลป์อินโดนีเซีย นาฏศิศิศิ ล ศิ ลป์ป์ป์ป์ ตะวัวั วั น วั นออก


นาฏศิลป์อินเดียมีความผูกพันอยู่กับคติความเชื่อ และศรัทธาในศาสนา ฮินดู การแสดงนาฏศิลป์สะท้อนให้เห็นถึงการเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมที่เน้นความลึกลับ ศักดิ์สิทธิ์ อินเดียถือว่า ว่ นาฏศิลป์เป็นทิพยกำ เนิดตามคัมภีร์ภารตะนาฏยศาสตร์ ซึ่งได้กล่าวถึงประวัติ วัติ ความเป็นมาของนาฏศิลป์อินเดีย และการแสดงที่อินเดียยึดถือเป็นแบบแผน ยกย่องว่า ว่ เป็นศิลปะประจำ ชาติประวัติ วัติ ความเป็นมาของนาฏศิลป์อินเดียตามคัมภีร์นาฏยศาสตร์ พระภารตะมุนีเป็นผู้รับพระราชทานนาฏลีลาจากพระพรหม และ พระศิวะ ชาวฮินดูจึงยกย่องพระศิวะเป็น “นาฏราชา” หมายถึง พระราชาแห่งการฟ้อนรำ ยุคที่อินเดียตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ อินเดียได้รับผลกระ ทบอย่างรุนแรงทางด้านนาฏศิลป์ การละคร วัฒ วั นธรรม ตะวัน วั ตกได้เข้ามาผสมผสานทำ ให้นาฏศิลป์ที่เป็นแบบฉบับในราช สำ นักกลายเป็นสิ่งไร้ค่า ขาดการดูแลรักษา จนเกือบจะสูญ ต่อ มาเมื่ออินเดียเป็นเอกราช จึงฟื้นฟูนาฏศิลป์ประจำ ชาติขึ้นมาใหม่ อันได้แก่ ภารตะนาฏยัม กถักกฬิ และมณีปุรี โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ประวัติ วัติ ความเป็นมาของนาฏศิลป์อินเดีย นาฏศิศิ ศิศิ ลป์ป์ป์ป์ อิอิ อิอิ นเดีดี ดีดี ย


1. ภารตนาฏยัม ยั เป็น ป็ นาฏศิล ศิ ป์ที่ ป์ เ ที่ ก่า ก่ แก่ที่ ก่ สุ ที่ ด สุ ในอิน อิ เดีย ดี และเป็น ป็ นาฏศิล ศิ ป์ข ป์ องชาวอิน อิ เดีย ดี ตอนใต้มี ต้ ลี มี ล ลี าการการใช้จั ช้ ง จั หวะที่ร ที่ วดเร็ว ร็ มีค มี วามหมายในท่า ท่ รำ ใช้ศิ ช้ ล ศิ ปะการรำ ตามตำ รานาฏยะสาดของพระภรตฤาษี เป็น ป็ การฟ้อ ฟ้ นรำ เพื่อ พื่ บูช บู าเทพเจ้า จ้ เป็น ป็ การแสดงที่ใที่ ช้ ผู้หผู้ญิง ญิ แสดงนิย นิ มแสดงเดี่ย ดี่ ว 2.ดนตรี ที่ใที่ ช้ปช้ ระกอบการแสดง ในวงดนตรีจ รี ะมีผู้ มี ขัผู้บ ขั ร้อ ร้ ง 2 คน คนหนึ่งนึ่ จะตีฉิ่ ตี ง ฉิ่ คอยให้จั ห้ ง จั หวะแก่ผู้ ก่ เผู้ต้น ต้ อีก อี คนจะเป็น ป็ ผู้ขัผู้บ ขั ร้อ ร้ งและตีก ตี ลอง 1. ภารตนาฏยัม ยั เป็น ป็ นาฏศิล ศิ ป์ที่ ป์ เ ที่ ก่า ก่ แก่ที่ ก่ สุ ที่ ด สุ ในอิน อิ เดีย ดี และเป็น ป็ นาฏศิล ศิ ป์ข ป์ องชาวอิน อิ เดีย ดี ตอนใต้มี ต้ ลี มี ล ลี าการการใช้จั ช้ ง จั หวะที่ร ที่ วดเร็ว ร็ มีค มี วามหมายในท่า ท่ รำ ใช้ศิ ช้ ล ศิ ปะการรำ ตามตำ รานาฏยะสาดของพระภรตฤาษี เป็น ป็ การฟ้อ ฟ้ นรำ เพื่อ พื่ บูช บู าเทพเจ้า จ้ เป็น ป็ การแสดงที่ใที่ ช้ ผู้หผู้ญิง ญิ แสดงนิย นิ มแสดงเดี่ย ดี่ ว 2.ดนตรี ที่ใที่ ช้ปช้ ระกอบการแสดง ในวงดนตรีจ รี ะมีผู้ มี ขัผู้บ ขั ร้อ ร้ ง 2 คน คนหนึ่งนึ่ จะตีฉิ่ ตี ง ฉิ่ คอยให้จั ห้ ง จั หวะแก่ผู้ ก่ เผู้ต้น ต้ อีก อี คนจะเป็น ป็ ผู้ขัผู้บ ขั ร้อ ร้ งและตีก ตี ลอง ภารตะนาฏยัยัม ยัยั เครื่รื่ รื่รื่ รื่รื่ องแต่ต่ ต่ต่ งกาย ในยุยุ ยุยุ คโบราณ จากหลัลั ลัลั กฐานที่ที่ ที่ที่ ที่ที่ ปรากฏ ตามรูรู รูรู ปปั้ปั้ปั้ปั้ น รูรู รูรู ปแกะสลัลั ลัลั ก ไม่ม่ ม่ม่สวมเสื้สื้ สื้สื้ สื้สื้ อ สวม แต่ต่ ต่ต่ ผ้ผ้ ผ้ผ้ านุ่นุ่ นุ่นุ่ นุ่นุ่ งยาวแค่ค่ ค่ค่ เข่ข่ ข่ข่ า ใส่ส่ ส่ส่ เครื่รื่ รื่รื่ รื่รื่ องประดัดั ดัดั บ สร้ร้ ร้ร้ อยคอ ต่ต่ ต่ต่ างหูหู หูหู กำกำ กำกำ กำกำไล ข้ข้ ข้ข้ อมืมื มืมื อ ข้ข้ ข้ข้ อเท้ท้ ท้ท้ า ต้ต้ ต้ต้ น แขน ปละเครื่รื่ รื่รื่ รื่รื่ องประดัดั ดัดั บที่ที่ ที่ที่ ที่ที่ ศีศี ศีศี รษะ ปัปัปัปั จจุจุ จุจุ บับั บับั น สวมเสื้สื้ สื้สื้ สื้สื้ อ ยึยึ ยึยึ ดหลัลั ลัลั กการแต่ต่ ต่ต่ งกายสตรีรี รีรี ที่ที่ ที่ที่ ที่ที่ เป็ป็ป็ป็ น ชุชุ ชุชุ ดประจำจำ จำจำ จำจำชาติติติติของอิอิอิอินเดีดี ดีดี ย


กถัก กถัก กถัก เป็นนาฏศิลป์ของ อินเดียตอนเหนือ นิยมแสดง เดี่ยว ผู้แสดงอาจเป็นหญิง หรือชายก็ได้ เป็นการผสม ระหว่างวัฒนธรรมฮินดูและ มุสลิม มีบทร้องเกี่ยวกับ เทพเจ้าของฮินดูและเรื่องราว จากวรรณคดี การแต่งกาย ผู้หญิง สวมเสื้อคอกว้าง แขน สั้น เอวลอย ห่มสาหรี เกล้ามวยผม ใช้สาหรี คลุมผม ผู้ชายแต่งกาย คล้ายกัน ใช้ผ้าโพก ศีรษะ


กถกฬิ หรือกถักกฬิ เป็น นาฏศิลป์ของอินเดียตอนใต้ นิยมแสดงเป็นเรื่องแบบละคร เป็นมหากาพย์ เช่น มหาภาร ตะ รามายณะ ใช้ผู้ชายแสดงล้วน ใช้ภาษาซับ ซ้อน มีการแต่งหน้าที่ประณีต โดยใช้สีธรรมชาติ กถกฬิฬิ ฬิฬิ หรืรื รืรื อกถัถั ถัถั กกฬิฬิ ฬิฬิ การแต่งกาย นุ่งกระโปรง ยาว ใส่สุ่มด้านใน มีเครื่อง ประดับ ศีรษะ เป็นมงกุฎใหญ่ มีรัศมีอยู่ ด้านใน


นาฏศิลป์ญี่ปุ่นมีต้นกำ เนิดมาจาก การแสดงเพื่อบูชาเทพเจ้าภูเขาไฟ บางประเภทได้แรงบันดาลใจมาจาก ทางศาสนา บางประเภทเกิดจาก รสนิยมความต้องการของพวกชนชั้น สูง พ่อค้า ชาวบ้าน ตามยุคสมัยที่ แตกต่างกัน นาฏศิลป์ญี่ปุ่นมีต้นกำ เนิดมาจาก การแสดงเพื่อบูชาเทพเจ้าภูเขาไฟ บางประเภทได้แรงบันดาลใจมาจาก ทางศาสนา บางประเภทเกิดจาก รสนิยมความต้องการของพวกชนชั้น สูง พ่อค้า ชาวบ้าน ตามยุคสมัยที่ แตกต่างกัน นา ฏศิลป์ ญี่ปุ่ น


. ละครโนะ ละครโนะ เป็นละครที่เก่าแก่ที่สุด แต่เดิมจัดแสดงตาม วิหาร มีกฎข้อบังคับเคร่งครัดมาก แสดงเรื่องเกี่ยวกับ เทพเจ้า การแต่งกายงดงาม ผู้แสดงจะสวมหน้ากาก ซึ่ง ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่าทางการเคลื่อนไหวล้วนมีความ หมายทั้งสิ้นแต่เดิมแสดงใต้ร่มไม้ ต่อมาทำ เวทีอย่าง ง่ายๆ เป็นเวทีสี่เหลี่ยมคนดูดูได้รอบ จัดฉากง่ายๆ เขียน รูปต้นสนและไม้ไผ่ไว้ห่างๆ และมีสนสามกิ่งยื่นออกมาเพื่อ รักษาสภาพเดิมที่เคยแสดงใต้ร่มไม้ ถือว่าเป็นการแสดง ชั้นสูง ละครโนะ เป็นละครที่เก่าแก่ที่สุด แต่เดิมจัดแสดงตาม วิหาร มีกฎข้อบังคับเคร่งครัดมาก แสดงเรื่องเกี่ยวกับ เทพเจ้า การแต่งกายงดงาม ผู้แสดงจะสวมหน้ากาก ซึ่ง ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่าทางการเคลื่อนไหวล้วนมีความ หมายทั้งสิ้นแต่เดิมแสดงใต้ร่มไม้ ต่อมาทำ เวทีอย่าง ง่ายๆ เป็นเวทีสี่เหลี่ยมคนดูดูได้รอบ จัดฉากง่ายๆ เขียน รูปต้นสนและไม้ไผ่ไว้ห่างๆ และมีสนสามกิ่งยื่นออกมาเพื่อ รักษาสภาพเดิมที่เคยแสดงใต้ร่มไม้ ถือว่าเป็นการแสดง ชั้นสูง ละครโนะ


ละครเคียวเง็น เป็นการแสดง ละครตลกสลับฉาก ลักษณะคล้าย กับจำ อวดของไทย เป็นละคร เสียดสีเรื่องราวชวนหัว ทั้งคำ พูด และการแสดง เนื้อเรื่องที่แสดง ไม่มีการฝึกซ้อม ใช้ความรู้สึกตาม ธรรมชาติ ละครเคียวเง็น ละครคาบูกิ เป็นละครที่ได้รับความนิยม มาก ผสมผสานระหว่างละครโนะและ ละครหุ่นบุนรากุ การแสดงมีทั้งการร้อง และการพากษ์ ท่าทางการแสดงมี แบบแผนที่เคร่งครัด เรื่องที่แสดงเป็น เรื่องประวัติศาสตร์ ศาสนาและเทพนิยาย ใช้ผู้ชายแสดงล้วนแต่งกายด้วยสีสัน ฉูดฉาด มีการเขียนหน้าคล้ายงิ้ว การแต่ง หน้ามีแบบแผนตายตัว กำ หนดว่าสีใด เป็นของตัวละครใด เช่นผู้ร้ายหน้า สีน้ำ เงิน พระเอกหน้าสีขาว ละครคาบูกิ


นาฏศิลป์จีนเกิดจากระบำ ทรงเจ้า ในพิธีทางศาสนาหรือเรียกว่า "รา มาอู๋อู" นับเป็นศิลปะที่เก่าแก่มาก ที่สุด จุดประสงค์ในการแสดง เพื่อ บำ บัดภัยอันตรายจากธรรมชาติ บำ บัดความเจ็บไข้ และความทุกข์ ทั้งปวง ในสมัยราชวงศ์โจวศิลปะ ทางนาฏศิลป์ของจีนมีหลากหลาย เช่น งิ้ว รำ กระบี่ ระบำ พัด นาฏศิลป์จีนเกิดจากระบำ ทรงเจ้า ในพิธีทางศาสนาหรือเรียกว่า "รา มาอู๋อู" นับเป็นศิลปะที่เก่าแก่มาก ที่สุด จุดประสงค์ในการแสดง เพื่อ บำ บัดภัยอันตรายจากธรรมชาติ บำ บัดความเจ็บไข้ และความทุกข์ ทั้งปวง ในสมัยราชวงศ์โจวศิลปะ ทางนาฏศิลป์ของจีนมีหลากหลาย เช่น งิ้ว รำ กระบี่ ระบำ พัด นาฏศิศิ ศิศิ ลป์ป์ป์ป์ จีจี จีจี น


งิ้ว เป็นการแสดงที่ผสมผสานการขับ ร้องและการเจรจา ประกอบลีลาท่าทาง ให้ออกมาเป็นเรื่องราว โดยนำ เหตุการณ์ ในพงศาวดาร ความเชื่อ ประเพณี และ ศาสนามาแสดง เป็นเรื่องราว รำ จีนรำ พัด จีนรำ พัดเป็นการ แสดงชุดง่ายๆ ที่ใช้พัดเป็น อุปกรณ์ในการรำ ทำ นองเพลง ที่ใช้ประกอบ คือ จีนดาวดวง เดียว ผู้รำ จะใช้พัดรำ ทั้งสองมือ และแต่งกายแบบจีน รำ พัดจีน งิ้ว งิ้วปักกิ่ง งิ้วปักกิ่งครองอันดับหนึ่งในหลาย ๆ ด้าน เช่น ความหลากหลายของบท ละคร จำ นวนศิลปินนักแสดง จำ นวน คณะแสดง จำ นวนผู้ชมผู้ฟังและ อิทธิพลที่กว้างขวาง เป็นต้นงิ้วปักกิ่ง เป็นศิลปะการแสดงสมบูรณ์แบบที่รวม ศิลปะ“การขับร้อง” “การพูด” “การ แสดงลีลา” “การแสดงศิลปะการ ต่อสู้”และ“ระบำ รำ ฟ้อน”เข้าไว้ด้วยกัน ตัว


นาฏศิลป์ของประเทศอินโดนีเซียมี ความหลากหลาย เนื่องจากมีเกาะ มากมายและแต่ละเกาะก็มีการแสดง ของตนเอง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดด เด่น ศิลปะการแสดงที่เก่าแก่ที่สุด คือ การเชิดหุ่น วายัง นอกจากนี้ยังมีศิลปะ ประจำ ชาติ คือนาฏศิลป์สุมาตรา นาฏศิลป์ชวา และนาฏศิลป์บาหลี นาฏศิลป์ของประเทศอินโดนีเซียมี ความหลากหลาย เนื่องจากมีเกาะ มากมายและแต่ละเกาะก็มีการแสดง ของตนเอง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดด เด่น ศิลปะการแสดงที่เก่าแก่ที่สุด คือ การเชิดหุ่น วายัง นอกจากนี้ยังมีศิลปะ ประจำ ชาติ คือนาฏศิลป์สุมาตรา นาฏศิลป์ชวา และนาฏศิลป์บาหลี นา ฏศิลป์อินโดนี เซีย


ระบำ บาหลี นาฏศิลป์บาหลี การร่ายรำ เพื่อบวงสรวง และ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นส่วนใหญ่ มีการ แสดงละคร เป็นเรื่องราว ลักษณะการแสดงมีชีวิต ชีวา จุดเด่นคือ การยักย้ายสะโพก การใช้ดวงตา เครื่อง ดนตรีจะคล้ายคลึงกับดนตรีชวา เช่น มหาภารตะ รามายนะ และละครพื้นบ้าน การแสดงเชิดหุ่นเงา หรือวายัง เป็นนาฏศิลป์ ประจำ ชาติที่เก่าแก่ที่สุด แต่เดิมหุ่นเชิด ทำ ด้วยหนังสัตว์ เรียกว่า วายัง กุลิต เรื่องที่ใช้ แสดงในวายังคือ รามายณะ และมหาภารตะ โดยทำ เป็นบทละครเฉพาะของวายัง มีการแทรก เรื่องปรัชญา ข้อคิดขบขันในชีวิตประจำ วัน นำ มา เชื่อมโยงร่วมสมัยใหม่ นาฏศิลป์ชวา เป็นการแสดงที่มีพื้นฐานมา จากการรำ ในราชสำ นักมีลีลาร่ายรำ ที่นุ่มนวล ประณีต จังหวะที่ใช้ในการร่ายรำ จะช้า มีผ้า สไบเป็นส่วนประกอบสำ คัญในการร่ายรำ เวลาแสดงตาจะตกตลอดเวลา ไม่ใช้สายตา ไปยังคนดู วงดนตรีประกอบการแสดง เป็น วงดนตรีประจำ ราชสำ นักสมัยโบราณ ปัจจุบันใช้วงดนตรีสำ หรับฟ้อนรำ เรียกว่า ภารมวลัน นาฏศิลป์ชวา การแสดงหุ่นเงาหรือวายัง


การแสดงของเขมรดั้งเดิมใช้ผู้หญิงแสดง เพราะเป็นการแสดงภายในราชสำ นักเท่านั้น การแสดงมาตรฐานของเขมรจะแสดงเรื่อง เรียมเลอ ซึ่งมีรากฐานมาจากรามายณะของ อินเดียการแสดงของเขมรจะมีการเคลื่อนไหวที่ นุ่มนวล สง่า ย่อเข่ามากกว่าไทยและไม่อ่อนช้อย เท่าของไทย มีทั้งการแสดงละครนอกเรื่อง พระอภัยมณีละครในเรื่องอิเหนา โขนเรื่อง รามเกียรติ์ ลักษณะการแต่งกาย มีความใกล้ เคียงกับไทยมาก นาฏศิลป์เขมร


ละครบาสสัก ละครบาสัก มีรูปแบบการแสดงที่หลอม รวมเอกลักษณ์ของศิลปะการแสดงหลายๆ ชาติ รวมไว้ในรูปแบบเดียว ทั้งการร้องที่ ผสมผสานระหว่างเพลงเขมรโบราณ กับ เพลงละครไก๋เลือง ของเวียดนาม การแต่ง กาย วาดหน้าของตัวยักษ์ ตัวพระ ตัวตลก ที่ผสมผสานระหว่างการทรงเครื่องแบบ ละครเขมร กับละครงิ้ว ของจีน ระบำ อัปสรา เป็นการแสดงที่ถือกำ เนิดขึ้นมาไม่นานนัก โดยเจ้า หญิงบุปผาเทวี พระราชธิดาในเจ้านโรดมสีหนุ เพื่อ เข้าฉากภาพยนตร์เกี่ยวกับนครวัด แต่กลายมา เป็นที่จดจำ และเป็นระบำ ขวัญใจชาวพม่า ด้วย เครื่องประดับศีรษะและท่วงท่าร่ายรำ อันเป็น เอกลักษณ์ที่ถอดแบบมาจากรูปสลักหินนางอัปสรา ในปราสาทนครวัด ประหนึ่งทำ ให้นางอัปสราซึ่งเป็น รูปสลักหินนับพันปีมีชีวิตขึ้นมาผ่านการแสดงนี้ ละโคนโขล มีลักษณะใกล้เคียงกับการ แสดงโขนในไทยเนื่องจากได้รับการ ถ่ายถอดไป สวมเสื้อแขนยาวปักดิ้น และเลื่อมศีรษะสวมชฎาและสวม เครื่องประดับต่างๆซึ่งมีความใกล้ เคียงกับของไทยอย่างมาก ละโคนโขล


การแสดงของชาวพม่า จะแสดง ในงานพิธีการต่างๆ เกี่ยวกับ ศาสนา และประเพณี นาฎศิลป์ที่ เก่าแก่พม่าได้แก่ ระบวงสวรง เทพเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นาฏศิลป์พม่า


โยธยาสัตคยี” หรือละครแบบโยธยา ท่ารำ ดนตรี และเรื่องที่แสดงรวมทั้ง ภาษาที่ใช้ก็เป็นของไทยมีการแสดง อยู่ 2 เรื่อง คือ รามเกียรติ์เล่นแบบ โขน และอิเหนาเล่นแบบละครใน การแสดงชุดระบำ หน้ากากพม่า เป็นการแสดงที่ เป็นนาฏศิลป์พื้น เมืองของพม่ามาผสมผสานกับลีลา ท่าทางของหุ่นกระบอกพม่าซึ่ง เป็นการแสดงที่สร้างสรรค์จาก จินตนาการของพื้นเมืองของกลุ่ม ชาติพันธุ์ไทยใหญ่รวมถึงพม่า ซึ่งท่ารำ นั้นเป็นแบบพม่าไทยใหญ่ดั้งเดิมและ ได้นำ มาเล่าเรื่องแสดงถึงการเกี้ยว พาราสี ชายและหญิงซึ่งเลียนแบบ อากัปกิริยาของคนเชิด การแสดงชุดระบำ หน้ากากพม่า เป็นการแสดงที่ เป็นนาฏศิลป์พื้น เมืองของพม่ามาผสมผสานกับลีลา ท่าทางของหุ่นกระบอกพม่าซึ่ง เป็นการแสดงที่สร้างสรรค์จาก จินตนาการของพื้นเมืองของกลุ่ม ชาติพันธุ์ไทยใหญ่รวมถึงพม่า ซึ่งท่ารำ นั้นเป็นแบบพม่าไทยใหญ่ดั้งเดิมและ ได้นำ มาเล่าเรื่องแสดงถึงการเกี้ยว พาราสี ชายและหญิงซึ่งเลียนแบบ อากัปกิริยาของคนเชิด ระบำ หน้ากาก โยธยาสัตคยี ซะปแว การแสดงพื้นบ้าน คือ ซะปแว ความ เป็นมา เนื้อเรื่องส่วนหนึ่งที่ซะปแว นำ มาแสดงไม่ต่างไปจากหุ่นชัก คือ มาจากนิทานชาดก ที่ต่างกันอยู่ตรง ผู้แสดงระหว่างคนกับหุ่นชัก อันที่ จริงชาวไทใหญ่ก็มีการแสดงที่เหมือ นซะปแว ซึ่งเรียกว่า จ้าดไต โดยเรียก ซะปแวว่า จ้าดพม่า ซึ่งคำ ว่า ซะ หรือ จ้าด มาจากคำ ว่า ชาตก หรือ ชาดก ในภาษาไทย


Thank You !


Click to View FlipBook Version