The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การละเล่นพื้นเมือง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mzazazel115, 2022-04-11 04:45:04

การละเล่นพื้นเมือง

การละเล่นพื้นเมือง

คำนำ

โครงงานเรื่อง การละเล่นพื้นบ้านนของไทยเล่มนี้ คณะผู้จัดทำได้จัดทำขึ้น เพื่อใช้เป็นเอกสาร
ประกอบการเรียนการสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อหาสำคัญเกี่ยว

กับประวัติความเป็นมาและความสำคัญของการละเล่นพื้นบ้านของไทย เป็นต้น
คณะผู้จัดทำจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่างานการศึกษาค้นคว้าเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อนักเรียน
นักศึกษา ครู อาจารย์หรือบุคคลทั่วไป ที่มีความสนใจในการศึกษาการละเล่นพื้นบ้านของไทย

สามารถนาไปใช้เป็ นเอกสารประกอบการเรียนรู้และเผยแผ่ความรู้ที่ให้กับบุคคลอื่นๆ
ได้อย่างถูกต้อง

การละเล่นพื้นเมืองคืออะไร ?

การละเล่นพื้นเมือง คือ การละเล่นที่แสดงเอกลักษณ์ของท้องถิ่นที่มีอยู่ทั่ว
ทุกภาคของประเทศไทย โดยสามารถแบ่งตามการละเล่น แต่ละภาค ได้แก่

การละเล่นภาคกลางและภาคตะวันออก
การละเล่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน)
การละเล่นภาคเหนือ
การละเล่นภาคใต้

ประวัติความเป็ นมาของการละเล่นพื้นเมือง

เป็นการละเล่นที่มีในกลุ่มสังคมท้องถิ่น ในอดีตมีกีฬาพื้นบ้านต่างๆให้เล่นมากมายตั้งแต่รุ่นก่อนๆจนกระทั่งถึงรุ่น
ปั จจุบันก็ยังมีให้เห็นอยู่ซึ่งแต่ก็น้อยกว่าในสมัยก่อนมากเพราะสมัยปั จจุบันมีเทคโนโลยีเข้ามามาก
จึงทำให้คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยได้เล่นกันนัก กิจกรรม การเล่นของสังคม เป็นกิจกรรมนันทนาการหนึ่งซึ่งได้รับการยอมรับร่วมกันในสังคม
โดยมีรากฐานมาจากความเป็นจริงแห่งวิถีชีวิตของชุมชนที่มีการประพฤติปฏิบัติ สืบทอดกันมาจากอดีตสู่ปัจจุบัน
การละเล่นแสดงออกด้วยการเคลื่อนไหวกริยาอาการเป็นหลัก อาจมีดนตรี การขับร้องหรือการฟ้อนรำประกอบการเล่น
มีจุดมุ่งหมาย เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินในโอกาสต่าง ๆ การละเล่นบางชนิดได้รับการถ่ายทอดสืบสานต่อกันมา
และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนารูปแบบอย่างต่อเนื่องจนมีลักษณะเฉพาะถิ่น

ความแตกต่างของการละเล่น

ความแตกต่างของการละเล่นจะปรากฏใน ลักษณะ ท่าทางการร่ายรำ คำร้อง ดนตรี
และการแต่งกาย การละเล่นเป็นกิจกรรมบันเทิงที่แฝงไว้ด้วยสัญลักษณ์
อันเนื่องด้วยวัฒนธรรมและประเพณี สะท้อนวิถีชีวิตและความเชื่อของสังคมที่สืบทอดมาแต่โบราณ
การละเล่นบางอย่างของแต่ละภาคอาจได้รับ
อิทธิพลจากประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงที่มีพรมแดนติดต่อหรือใกล้เคียงกันกัน
เช่น ประเทศ ลาว กัมพูชา พม่า จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย เป็นต้น

ลักษณะของกิจกรรมบันเทิง
ที่จัดอยู่ในการละเล่น

การแสดง หมายถึง การละเล่นที่รวมทั้งที่เป็นแบบแผนและการแสดงทั่วไปของชาวบ้าน
ในรูปแบบการร้อง การบรรเลง การฟ้อนรำ ซึ่งประกอบด้วยดนตรี เพลงและนาฏศิลป์
มหรสพ หมายถึง การแสดงที่ฝ่ายบ้านเมืองจะเรียกเก็บค่าแสดงเป็นเงินภาษีแผ่นดินตามพระราชบัญญัติ


ที่กำหนดไว้ตั้งแต่พุทธศักราช 2404 เป็นต้นมา ประกาศมหรสพว่าด้วยการละเล่นหลายประเภท ดังนี้ ละคร งิ้ว หุ่น

หนังต่างๆ เพลง สักวา เสภา ลิเก กลอง ยาว ลาวแพน มอญรำและทวายรำ พิณพาทย์ มโหรี กลองแขก คฤหัสถ์สวดศพ และจำอวด
กีฬาและนันทนาการ คือ การละเล่นเพื่อความสนุกสนานตามเทศกาลและเล่นตามฤดูกาล และการละเล่นเพื่อการแข่งขัน
หรือกิจกรรมที่ทำตามความสมัครใจในยามว่าง เพื่อให้เกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และผ่อนคลายความตึงเครียด

วัตถุประสงค์ของการละเล่น
พื้นเมือง

เพื่อศึกษาประวัติความเป็ นมาของการละเล่นพื้นบ้านของไทย
เพื่อศึกษาการละเล่นพื้นบ้านของไทย
เพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชนหลาย การละเล่นของเด็กสมัยก่อนที่นิยมเล่นกันในชีวิตประจ าวันนั้น และสืบทอดมาจากคน
เพื่อเผยแพร่เอกสารการละเล่นพื้นบ้านของไทย


เพื่อสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนและครูที่มีต่อการละเล่นพื้นบ้านของไทยสมมุติฐาน

การศึกษาค้นคว้าเรื่องนี้ ทำให้ทราบประวัติความเป็นมาและความสำคัญของการละเล่นพื้นบ้านของไทย

การละเล่นในแต่ละภาค

การละเล่นในแต่ละภาคเล่นเหมือนกันหรือไม่
เนื่องจากในแต่ละภาคมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่าง
กันทั้งในด้านภาษา วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ
สภาพแวดล้อม ทำให้การละเล่นของเด็ก แต่ละภาคมี
ความแตกต่างกันไปบ้างในเรื่องของบทร้องประกอบ
การละเล่น กติกา และอุปกรณ์การละเล่น แต่โดยส่วน
รวมแล้วลักษณะการเล่นจะคล้ายคลึงกันเป็ นส่วนใหญ่

การละเล่นพื้นเมืองภาคเหนือ

เตยหรือหลิ่น

ภาค : ภาคเหนือ
จังหวัด : ตาก
สถานที่เล่น : ลานกว้าง ที่โล่งแจ้ง
อุปกรณ์ : ไม่มี
จำนวนผู้เล่น : ๖-๑๒ คน
วิธีเล่น ขีด เส้นเป็นตารางจำนวนเท่ากับผู้เล่น (สมมติว่ามี ๖ คน)
แล้วแบ่งผู้เล่นออกเป็น ๒ ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งยืนประจำเส้น (ตามขวาง)
อีกฝ่ายจะวิ่งผ่านแต่ละเส้นไปโดยไม่ให้เจ้าของเส้นแตะได้
เมื่อเริ่มเล่นคนที่ยืนประจำเส้นแรก พูดว่า ไหล หรือ หลิ่น
ฝ่ายตรงข้ามก็เริ่มวิ่งผ่านเส้นแรกไปจนถึงเส้นสุดท้ายแล้ววิ่งกลับ
ถ้าวิ่งกลับถึงเส้นแรกโดยไม่ถูกฝ่ายตรงข้ามแตะได้ก็
พูดว่า เตย ก็จะเป็นฝ่ายชนะโอกาส

การละเล่นพื้นเมืองภาคเหนือ

ม้าจกคอก

ภาค : ภาคเหนือ
จังหวัด : กำแพงเพชร
การเล่นม้าจกคอก ภาคกลางเรียก ลาวกระทบไม้
อุปกรณ์และวิธีเล่น : จำนวนผู้เล่น ตั้งแต่ ๓ คนขึ้นไป
อุปกรณ์ :
๑. ไม้กลมขนาดกำรอบ ยาวประมาณ ๕ ศอก จำนวน ๒ ท่อน
๒. ขอนไม้สูงประมาณ ๑ คืบ ยาวประมาณ ๑-๒ ศอก จำนวน ๒ ท่อน
สถานที่เล่น : เล่นบริเวณที่เป็นลานกว้าง
วิธีการเล่น :
๑. แบ่งผู้เล่นออกเป็น ๒ ฝ่าย ฝ่ายแรกมี ๒ คน สำหรับถือท่อนไม้ที่วางขนานบนขอนไม้
แล้วกระทบกันเป็นจังหวะ ส่วนฝ่ายที่ ๒ มี ๒ คนขึ้นไป สำหรับเป็นผู้เต้น
๒. ให้ผู้เล่นเข้าไปอยู่ระหว่างคาน ผู้ถือไม้คานทั้งคู่ก็ทำสัญญาณ
โดยยกคานไม้ทั้งคู่กระแทกลงบนไม้หมอน ระหว่างที่เคาะจังหวะอยู่นั้นผู้เล่นต้องเต้นไปด้วย
เมื่อให้สัญญาณเคาะ ๓ ครั้งแล้ว ครั้งที่ ๔ ผู้ถือจะเอาคานทั้งสองเข้าชิดกัน
ผู้เต้นจะต้องกระโดดให้สูงกว่าครั้งแรกของจังหวะและแยกขาออกให้พ้นไม้
ถ้าถูกหนีบเรียกว่า ม้าขำคอก หรือม้าติดคอก คู่ที่ถูกไม้หนีบจะต้องออกไปเปลี่ยนให้ผู้ที่ถือคานอยู่เดิมนั้นเข้ามา
เต้น ในระหว่างคานนั้นบ้าง

การละเล่นพื้นเมืองภาคเหนือ

ไม้หึ่ง หรืออีหึ่ง

ภาค : ภาคเหนือ
จังหวัด : กำแพงเพชร
อุปกรณ์และวิธีการเล่น : ใช้ไม้ ๒ ชิ้น คือ ไม้แม่ ทำด้วยกิ่งไม้ที่หาง่ายและเหนียว
มีขนาด เส้น ผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑นิ้ว หรือใกล้เคียง ยาวประมาณ ๑ ศอก
และ ไม้ลูก อาจนำจากไม้ท่อนเดียวกันด้านปลายของไม้แม่ยาวประมาณ ๑ คืบ
ไม้ที่สามารถทำได้ เช่น ไม้มะขาม ไม้ฝรั่ง หรือไม้ไผ่ลำเล็ก
วิธีการเล่น : โดยการแบ่งฝ่ายละเท่า ๆ กัน เช่น ๒ ต่อ ๒ หรือ ๓ ต่อ ๓
ฝ่ายได้เล่นก่อนจะทำการขุดร่องที่พื้นดินแข็งให้เป็นร่องยาวประมาณ ๑ คืบ ลึก ๑ นิ้วครึ่ง
เป็นรางคล้ายเรือ หรือ พอเพียงกับการงัดไม้ลูกได้จากนั้นฝ่ายเริ่มจะวางไม้ลูกขวางร่องหลุม
ที่ขุดไว้ แล้วใช้ไม้แม่งัดออกไปข้างหน้าให้ได้ระยะไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามรับยากหรือโต้กลับยาก

การละเล่นพื้นบ้านภาคอีสาน

งูกินหาง


ภาค : ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จังหวัด : ร้อยเอ็ด
อุปกรณ์และวิธีเล่น : การเล่นงูกินหางไม่มีอุปกรณ์การเล่นใด ๆ
สามารถเล่นได้ทุกโอกาสจะมีเล่นทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ส่วนมากผู้ใหญ่จะเล่นในเทศกาลสำคัญ เช่น สงกรานต์ ส่วนเด็ก ๆ
จะเล่นทุกโอกาสที่เด็ก ๆ รวมกันซึ่งมีวิธีการเล่นดังนี้
เริ่มเล่นเมื่อผู้เล่นพร้อมกันแล้วจะเริ่มด้วยการเสี่ยงถ้าใครแพ้คนนั้น
ก็จะออกเป็นพ่องู ส่วนผู้ชนะก็จะได้เล่นเป็นแม่งูและลูกงู
ส่วนมากในกลุ่มผู้เล่นจะเลือกเอาคนที่มีร่างกายแข็งแรงหรือรูปร่างใหญ่ในทีม
เป็นแม่งู เพื่อเอาไว้ป้องกันลูกงู เมื่อได้ผู้เล่นแล้วพ่องูและแม่งูจะยืนหันหน้าเข้าหากัน
ส่วนแม่งูจะมีลูกงูกอดเอวต่อแถวไปข้างหลังแล้วพ่องูจะเริ่มถามแม่งูว่า

การละเล่นพื้นบ้านภาคอีสาน




งูกินหาง

พ่องูจะเริ่มถามแม่งูว่า :
พ่องู “แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน”
แม่งู “กินน้ำบ่อโสกโยกไปโยกมา” พร้อมแสดงอาการส่ายตัวไปมา
พ่องู “แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน”
แม่งู “กินน้ำบ่อหินบินไปบินมา” พร้อมแสดงอาการบินไปบินมา
พ่องู “แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน”
แม่งู “กินน้ำบ่อทรายย้ายไปย้ายมา” พร้อมแสดงอาการส่ายตัวไปมา
พ่องู “กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว”
เมื่อ พ่องูกล่าวเสร็จพ่องูจะเริ่มไล่จับลูกงูที่กอดเอวแม่งูอยู่ส่วนแม่งูก็จะ
พยายามป้องกันไม่ให้พ่องูไปแย่งลูกงูได้ เมื่อพ่องูจับลูกงูคนใดได้ลูกงูก็จะออก
มายืนอยู่ต่างหากเพื่อรอเล่นรอบต่อไป ส่วนพ่องูจะพยายามแย่งลูกงู
ให้ได้หมดทุกตัวจึงจะถือว่าจบการเล่นรอบหนึ่ง เมื่อพ่องูจับลูกงูได้ทุกตัว
แล้วก็จะเริ่มเล่นใหม่ โดยพ่องูคนเดิมจะกลับไปเป็นแม่งูในรอบต่อไป

การละเล่นพื้นบ้านภาคอีสาน




แข่งเรือบก

ภาค : ภาคตะวันออกเฉีบงเหนือ
จังหวัด : ชัยภูมิ
อุปกรณ์และวิธีการเล่น : ไม้กระดาน ๒ แผ่น ยาวประมาณ ๑ วาเศษ
พร้อมเชือกที่จะใช้รัดหลังเท้าติดกับไม้
วิธีการเล่น : ผู้เล่นแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ละ ๒-๕ คน โดยจะรัดเท้าทั้ง ๒ ข้าง
ไว้กับกระดาน ๒ แผ่น มือจับเอวหรือจับไหล่ของผู้ที่อยู่ข้างหน้า
อาศัยความพร้อมเพรียงจะยกเท้าซ้ายพร้อม ๆ กัน ดันไม้กระดานไปข้างหน้า
กลุ่มใดถึงเส้นชัยก่อนถือว่าชนะ

การละเล่นพื้นบ้านภาคใต้

เป่ากบ


ภาค : ภาคใต้จังหวัด นราธิวาส
อุปกรณ์และวิธีการเล่นอุปกรณ์ :
๑. ยางวง (ยางเส้น) วงใหญ่ หรือวงเล็กก็ได้ แล้วแต่ความชอบและความถนัด
๒. ผู้เล่นจำนวนตั้งแต่ ๒ คน หรือมากกว่าเล่นทั้งเด็กชายและ
เด็กหญิงบางครั้งอาจเล่นเป็ นทีมก็ได้
๓. สถานที่ เช่น พื้นซีเมนต์ พื้นกระดาน หรือพื้นโต๊ะ
วิธีการเล่น : เป่า กบเป็นการเล่นอย่างหนึ่งของเด็ก เล่นกันทั้งเด็กชายและหญิง
ผู้เล่นมีจำนวน ๒ คน หรือเป็นทีมก็ได้ สถานที่เล่น ในที่ร่ม ใช้พื้นที่เรียบ ๆ
เช่น พื้นซีเมนต์ พื้นกระดาน หรือพื้นโต๊ะ ซึ่ง ผู้เล่นจะเอายางเส้น (ยางวง)
จะเป็นวงเล็กหรือวงใหญ่ หรืออาจจะเป็นวงสีต่าง ๆ อยู่ที่ความชอบ
ได้แก่ สีเขียว สีแดง สีน้ำตาล เป็นต้น นำมาวางบนพื้นคนละ ๑ เส้น
ให้ อยู่ห่างกันประมาณ ๑ ฟุ ต ผู้เล่นจะผลัดกันเป่ายางเส้น (ยางวง)
ของตนไปข้างหน้าทีละน้อย ๆ จนยางเส้นทั้งสองมาอยู่ใกล้กันผุ้เล่นคนใด
เป่าให้ยางเส้นของตนไปทับยางเส้นของฝ่ายตรงข้ามได้ก็จะเป็ นผู้ชนะ
ฝ่ายแพ้จะต้องจ่ายรางวัลให้กับผู้ชนะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นยางเส้น (ยางวง)
แต่อาจให้รางวัลอื่น ๆ ก็ได้ตามแต่จะตกลงกัน

การละเล่นพื้นบ้านภาคใต้




ชักกะเย่อ

ภาค : ภาคใต้
จังหวัด : พังงา
อุปกรณ์และวิธีเล่น : เชือกเส้นใหญ่ๆ ๑ เส้น สำหรับจับดึงกัน
วิธีเล่น : จัดคนเล่นออกเป็น ๒ พวก ให้มีกำลังพอๆ กัน เมื่อแบ่งพวกเสร็จแล้ว
ให้ไปอยู่คนละข้างของไม้หรือเชือกนั้น ให้คนหัวแถวจับก่อนข้างละคน
นอกนั้นให้จับเอวกันตลอดทั้งสองข้าง เมื่อให้สัญญาณแล้วต่างฝ่ายก็ลงไปข้างหลัง
ทุกคนระเบียบการตัดสิน ใช้ตัดสินกันเองหรือให้มีผู้ตัดสิน ๑ คน
ยืนตรงกลางให้สัญญาณและตัดสินได้ เพื่อให้รู้แน่ว่าฝ่ายใดแพ้ชนะจะปักธง
ไว้ตรงกลางก็ได้ ฝ่ายใดถูกดึงเลยเขตได้หมดตั้งแต่หนึ่งศอกขึ้นไปนับเป็นแพ้
เมื่อแพ้แล้วไม่มีปรับให้ร้องรำอย่างใดเลย

การละเล่นพื้นบ้านภาคใต้




หมากขุม

ภาค : ภาคใต้
จังหวัด : นครศรีธรรมราช
อุปกรณ์และวิธีการเล่น :
อุปกรณ์ในการเล่น
๑). รางหมากขุม เป็นรูปเรือทำจากไม้ ยาวประมาณ ๑๓๐ เซนติเมตร
กว้างประมาณ ๒๐ เซนติเมตร มีหลุมเรียงเป็น ๒ แถว หลุมกว้างประมาณ ๗ เซนติเมตร
ลึกประมาณ ๔ เซนติเมตร มีด้านละ ๗ หลุม เรียกหลุมว่า เมือง
หลุมที่อยู่ปลายสุดทั้งสองข้างเป็นหลุมใหญ่กว้างประมาณ ๑๑ เซนติเมตร
เรียกว่า หัวเมือง
๒) ลูกหมาก นิยมใช้ลูกสวดเป็นลูกหมาก ใส่ลูกหมากหลุมละ ๗ ลูก
จึงต้องใช้ลูกหมาก ในการเล่น ๙๘ ลูก
๓) ผู้เล่นมี ๒ คน

การละเล่นพื้นบ้านภาคใต้ หมากขุม


วิธีการเล่น :

๑) ผู้เล่นนั่งคนละข้างกับรางหมากขุม แต่ละคนใส่ลูกหมากหลุมละ ๗ ลูก ทั้ง ๗ หลุม ส่วนหลุมหัวเมืองไม่ต้องใส่ให้เว้นว่างไว้
๒) การเดินหมาก ผู้เล่นจะเริ่มเดินพร้อมกันทั้ง ๒ ฝ่าย
เรียกว่า แข่งเมือง โดยหยิบลูกหมากจากหลุมเมืองของตนหลุมใดก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะหยิบหลุมสุดท้ายของฝ่ายตนเอง เพราะ
คำนวนว่าเม็ดสุด ท้ายจะถึงหัวเมืองของตนพอดี
การเดินหมากจะเดินจากขวาไปซ้าย โดยใส่ลูกหมากลงในหลุม
ถัดจากหลุมเมืองที่หยิบลูกหมากขึ้นมาเดิน ใส่ลูกหมากหลุมละ ๑ เม็ด รวมทั้งใส่หลุมหัวเมือง
ฝ่าย ตนเอง แล้ววนไปใส่หลุมของฝ่ายตรงกันข้าม ยกเว้นหลุมหัวเมือง
เมื่อเดินลูกหมากเม็ดสุดท้ายใส่ในหลุม ให้หยิบลูกหมากทั้งหมด
ในหลุมนั้นขึ้นมาเดินหมากต่อไป โดยใส่ในหลุมถัดไปเล่น
เดินหมากอย่างนี้จนลูกหมากเม็ดสุดท้ายหมดลงในหลุมที่เป็ นหลุมว่าง
ถือว่าหมากตาย ถ้าเดินหมากตายในหลุมเมืองของฝ่ายตรงข้ามก็ถือว่าสิ้นสุดการเดินหมาก
แต่ถ้าตาย ในหลุมเมืองฝ่ายตนเอง ให้ผู้เล่นกินหมากหลุมเมือง
ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหลุมที่เราเดินหมากมาตาย โดยควักลูกหมากทั้งหมดในหลุมไปไว้ในหลุมหัวเมืองของฝ่ายตน
เรียกว่ากินแทน เล่น อย่างนี้จนหลุมเมืองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดลูกหมาก
เดินต่อไปไม่ได้ ลูกหมากทั้งหมดจะไปรวมอยู่ในหลุมหัวเมืองของทั้ง ๒ ฝ่าย จึงเริ่มเล่นรอบใหม่ต่อไป
๓) การเดินหมากรอบสอง ผู้เล่นจะผลัดกันเดินทีละคน ทำเช่นเดียวกับการเดินรอบแรก
นำลูกหมากจากหลุมหัวเมืองฝ่ายตนเองใส่ลงในหลุม ๆ ละ ๗ ลูก
ในฝ่ายของตนเอง คราวนี้แต่ละฝ่ายจะ มีลูกหมากไม่เท่ากัน
ฝ่ายที่มีลูกหมากมากกว่าจะเป็นผู้เดินหมากก่อน ฝ่ายที่มีลูกหมากน้อยกว่าจะใส่ไม่ครบทุกหลุม
หลุมใดมีไม่ครบให้นำลูกหมากที่เหลือไปใส่ในหลุมหัวเมืองฝ่ายตนหลุม ใดไม่มีลูกหมากเรียกว่า
เมืองหม้าย ตามปกติหลุมเมืองหม้ายจะปล่อยไว้หลุมปลายแถว
หลุมเมืองหม้ายจะไม่ใส่ลูกหมาก ถ้าฝ่ายใดใส่จะถูกริบเป็นของฝ่ายตรงกันข้าม
ในกากรเล่นจะเล่นจนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดลูกหมากเดินต่อไปไม่ได้และจะนับเมืองหม้าย ใครมีจำนวนเมืองหม้ายมากกว่าฝ่าย
นั้นเป็ นฝ่ายแพ้

การละเล่นพื้นบ้านภาคกลาง

และตะวันออก

ว่าว


อุปกรณ์ : ว่าวโดยทั่วไปมีโครงสร้าง ประกอบด้วยไม้ไผ่สีสุกนำมาผ่า
แล้วเหลาให้ได้ตามที่ต้องการแล้วนำมาประกอบกัน
ให้เป็ นรูปทรงต่างๆผูกติดกันด้วยเชือกโยงยึดกันเป็ นโครงสร้างและปิดด้วย
กระดาษชนิดบางเหนียว เช่น กระดาษสาและตกแต่งลวดลายด้วยจุด
หรือดอกดวงเพื่อปิดยึดกระดาษกับเชือกให้แน่น
ว่าวที่นิยมกันคือ ว่าวจุฬา ว่าวปักเป้า ว่าวหง่าว
ว่าวจุฬาซึ่งมี โครงสร้างประกอบด้วยไม้ไผ่สีสุก 5 ชิ้น มีจำปา 5 ดอก
ทำด้วยไม้ไผ่ยาว 8 นิ้ว เหลากลมโตประมาณ 3 มิลลิเมตร จำปา 1 ดอก
มีจำนวนไม้ 8 อันมัดแน่นกับสายป่านที่ชักว่าวจุฬาอันเป็นอาวุธที่ใช้ต่อสู้กับปักเป้า
ว่าวปักเป้า มีโครงสร้างประกอบด้วยไม้ไผ่สีสุกเหลากลม 2 ชิ้นมีเหนียงเป็นเชือกยาว 8 เมตร
ผูกปลายทั้งสองข้างให้หย่อนเป็ นสายรูปครึ่งวงกลมเพื่อคล้องตัวว่าวจุฬา
ให้เสียสมดุลจึงตกลงพื้นดินว่าวหง่าว ทำด้วยโครงไม้ไผ่ปิดกระดาษสา
ลำตัวตอนบนมีรูปคล้ายอกว่าวจุฬามีเอวคอดและท่อนล่างกว่าท่อนบน
ตอนส่วนหัวมีไม้ไผ่เหลาและขึงเชือกเหมือนคันธนู ส่วนขึงเชือกนี้จะเกิดเสียงเมื่อต้องลม
เสียงนี้ช่วยกำจัดความชั่วร้ายได้ ปัจจุบันว่าวที่มีการเล่นโดยทั่วไปได้มีการ
พัฒนารูปแบบการเล่นเพื่อความสวยงาม โดยทำว่าวให้เป็นรูปแบบที่แปลกแตกต่างกันออกไปเป็นรูปสัตว์ต่างๆ
เช่น ว่าวงู ว่าวผีเสื้อ ฯ ลฯ

การละเล่นพื้นบ้านภาคกลาง

และตะวันออก

ว่าว


วิธีการเล่นมีอยู่ 3 วิธี คือ
1.ชักว่าวให้ลอยลมปักอยู่กับที่ เพื่อดูความสวยงามของว่าวรูปทรงต่างๆ
2.บังคับสายชักให้ชักเคลื่อนไหวได้ตามต้องการ นิยมกันที่ความสวยงาม
ความสูง และบางทีก็คำนึงถึงความไพเราะของเสียงว่าวอีกด้วย
3.การต่อสู้ทำสงครามกันบนอากาศ คือ การแข่งขันว่าวจุฬาและปักเป้าคว้ากันบนอากาศ
จะจัดให้มีการแข่งขันที่บริเวณ ท้องสนามหลวงกำหนดแดนขณะทำการแข่งขัน
ว่าวปักเป้าจะขึ้นอยู่ในดินแดนของตน ล่อหลอกให้ว่าวจุฬามาโฉบ
เพื่อจะลากพามายังดินแดนของตนโดยให้ว่าวปักเป้าติด ตรงดอกจำปาที่ติดไว้
เมื่อติดดีแล้วว่าวจุฬาจะรีบลากรอกพามายังดินแดนของตน
ขณะเดียวกันว่าวปั กเป้าก็จะพยายามใช้เหนียงที่เป็ นเชือกป่านคล้อกงตัวว่าว
จุฬาให้เสียสมดุล และชักลากดึงให้ตกลงมายังดินแดนของตน ในการเล่นว่าวจุฬาลากพาว่าว
ปักเป้าเข้ามาทีละตัวหรือหลายตัวก็ได้ ถ้าต่างฝ่ายต่างนำคู่แข่งขันมาตกยังดินแดนของ
ตนเองได้ก็ถือว่าเป็ นฝ่ายชนะแต่ถ้าขณะชักลากพามา
ว่าวปั กเป้าขาดลอยไปได้ถือว่าไม่มีฝ่ายใดได้คะแนน

การละเล่นพื้นบ้านภาคกลาง

และตะวันออก

หมากเก็บ


อุปกรณ์ :ก้อนหนิ ลักษณะค่อนข้างกลมขนาดเท่าหัวแม่มือ จำนวน 5 เม็ด

วิธีเลน่ : ใช้สิ่งสมมติเป็นหมาก 5 ก้อนเริ่มต้นด้วยการทอด คือ

การเทปล่อยให้หมากท้ัง 5 กระจาย ไปบนพื้นกระดานถ้าก้อนไหน

อยู่ห่างถือเป็นตัวนำและขึ้นต้นด้วยหมากหนึ่ง คือ หยิบนำลูกไว้ต่างหากโยนขึ้นไป

แล้วปล่อย 4 ลูกกระจายบนพื้นทีละลูก และรับลูกที่โยนให้ได้

ในขณะเดียวกันถ้าเก็บได้หมดก็ต่อหมาก 2 หมาก3 หมาก4 ต่อไปด้วยวิธีเล่นแบบเดียวกัน

แต่ถ้าเก็บลูก 3 ลูกพร้อมกันเรียกว่า หมาก3 แล้วจึงเก็บอีก 1 ลูก

ถ้ารวมหมดเรียกว่า หมาก4 และลูกโยนนั้นจะตกไม่ได้ ถ้าตกนับเป็นได้

ต้องให้คนอื่นเล่นต่อไป หมากเก็บนี้มีวิธีเล่นพลิกแพลงหลายอย่าง

เช่นการใช้มือซ้ายป้องและเขี่ย หรือเก็บหมากให้เข้าในมือทีละลูก

ทีละ 2 3 4 ตามลำดับ เรียกว่า “อีกาเข้ารัง”

ถ้าเขี่ยไม่เข้าก็นับเป็นตายยังมี “อีกาออกรัง” “รูปู”

ซึ่งใช้มือซ้ายรูปต่างๆ ถ้าใช้นิ้วกลางและนิ้วหัวแม่มือยืนพื้น

เป็นรูปเหมือนรูปูก็เรียก “รูปู” ผู้เล่นต้องเก็บหมากลงในรูปูหรือเขี่ยออกนอกรัง

ในขณะที่รับลูกโยนให้ได้ พร้อมกัน การละเล่นชนิดนี้ต้องอาศัยการคาดคะเนให้ดี

ในขณะโยนลูกว่าควรจะสูงต่ำเพียงใด ในการโปรยลูกว่าถึงกำหนดต้องเก็บอย่างไร

จะได้โปรยให้หมากเหล่านั้นอยู่ชิดหรือห่างกันอย่างไร เพราะถ้ามือที่เก็บไปถูกลูกหมากอีกลูกหนึ่ง

ซึ่งไม่ได้อยู่ในแม่ที่กำหนดไว้ก็ถือเป็ นตายเหมือนกัน

การละเล่นพื้นบ้านภาคกลาง

และตะวันออก


ตี่จับ

อุปกรณ์ : เชือกหรืออะไรก็ได้ที่เป็นเส้นแบ่งเขตแดน
วิธีการเล่น : การเล่นตี่จับต้องแบ่งผู้ เล่นออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายละเท่าๆกนั
มีเส้นแบ่งเขตตรงกลาง ต้องตกลงกันว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายรุกไปก่อน
คนหนึ่งที่เป็นฝ่ายรุกจะเริ่มข้ามเขต พอเข้าเขตฝ่ายตรงข้ามก็ต้องร้อง”ตี่”ไม่ให้ขาดเสียง
และวิ่งเอามือแตะตัวคนใดคนหนึ่งในฝ่ายรับ แต่จะหยุดหายใจไม่ได้ในขณะร้อง “ตี่”
นั้น ฝ่ายรับก็จะพยายามจับคนที่ร้อง “ตี่” ไว้ ถ้าคนร้อง “ตี่”
เห็นว่าจะสู้ไม่ได้หรือจะต้องถอนหายใจ ต้องรีบถอยมาให้พ้นเส้นแบ่งเขต
ถ้าถอยไม่ทันผู้ร้อง”ตี่” หยุดถอนหายใจก็จะต้องถูกจับตัวไว้เป็นเชลย
แต่ถ้าคนที่ร้อง “ตี่” แตะตัวฝ่ายรับได้คนที่ถูกแตะก็เป็นเชลยฝ่ายนี้
ฝ่ายที่ได้เชลยก็จะส่งคนร้อง”ตี่”ไปแตะคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามอีก
ถ้ายังจับไม่ได้ก็ผลัดกันรุกคนละครั้ง จนกว่าจะกวาดเชลยได้หมดก็ขึ้นตาใหม่




Click to View FlipBook Version