คํานํา
ี
ู้
ื
ั
้
ื
่
่
้
ื
รายงาน เร อง การละเลนพ นบานนของไทยเลมน คณะผจดทําไดจดทําข น เพ อใชเป นเอกสาร
ึ
้
ั
ุ่
ี
ั
้
ึ
ู้
ี
ื
ี
ประกอบการเรยนการสอนในกลมสาระการเรยนรภาษาไทย ซ งประกอบไปดวยเน อหาสําคญเก ยว
่
ั
ั
ิ
กบประวตความเป นมาและความสําคญของการละเลนพ นบานของไทย เป นตน
้
้
ื
ั
่
ี
ู้
้
ั
่
ิ
่
ั
ี
์
คณะผจดทําจงหวงเป นอยางย งวางานการศกษาคนควาเลมน จะเป นประโยชนตอนกเรยน
่
ั
ึ
ึ
้
่
ึ
ื
ุ
ั
ี
นกศกษา คร อาจารยหรอบคคลท วไป ท มความสนใจในการศกษาการละเลนพ นบานของไทย
ื
้
ี
ึ
ั
์
ู
ุ
ื
ู้
้
ี
้
ู้
ี
สามารถนาไปใชเป นเอกสารประกอบการเรยนรและเผยแผความรท ใหกบบคคลอ นๆ
ั
่
ไดอยางถกตอง
ู
่
้
้
่
ื
ื
ื
การละเลนพ นเมองคออะไร ?
ื
์
ื
่
ี
ื
ั
่
ี
ู่
ี
ิ
การละเลนพ นเมอง คอ การละเลนท แสดงเอกลกษณของทองถ นท มอยท ว
ั
้
่
้
่
่
ทกภาคของประเทศไทย โดยสามารถแบงตามการละเลน แตละภาค ไดแก ่
ุ
ั
การละเลนภาคกลางและภาคตะวนออก
่
การละเลนภาคตะวนออกเฉยงเหนอ (ภาคอสาน)
่
ั
ื
ี
ี
การละเลนภาคเหนอ
ื
่
่
การละเลนภาคใต ้
ประวตความเป นมาของการละเลนพ นเมอง
ิ
ั
่
ื
ื
่
ี
ั
ุ่
ี
้
่
ิ
่
ี
้
ุ่
้
ุ่
เป นการละเลนท มในกลมสงคมทองถ น ในอดตมกฬาพ นบานตางๆใหเลนมากมายต งแตรนกอนๆจนกระท งถงรน
่
ั
ื
ี
ี
ั
่
ึ
่
้
็
ั
ี
ุ
ั
้
่
ี
่
ั
้
็
ุ
็
ั
ปจจบนกยงมใหเหนอยซ งแตกนอยกวาในสมยกอนมากเพราะสมยปจจบนมเทคโนโลยเขามามาก
ั
ี
ู่
ึ
ั
้
่
ั
ั
จงทําใหคนรนใหมไมคอยไดเลนกนนก กจกรรม การเลนของสงคม เป นกจกรรมนนทนาการหน งซ งไดรบการยอมรบรวมกนในสงคม
ั
ึ
ั
่
ิ
ั
ึ
่
ั
่
ั
่
้
้
ุ่
ิ
ึ
่
ิ
ี
ิ
ั
ื
ั
ั
ิ
ุ
ู่
่
ี
ี
ุ
ี
ี
ิ
ิ
ิ
ี
โดยมรากฐานมาจากความเป นจรงแหงวถชวตของชมชนท มการประพฤตปฏบต สบทอดกนมาจากอดตสปจจบน
้
ี
ิ
การละเลนแสดงออกดวยการเคล อนไหวกรยาอาการเป นหลก อาจมดนตร การขบรองหรอการฟ อนรําประกอบการเลน
่
ื
ื
ี
่
้
ั
ั
ุ
ื
ั
ี
มจดมงหมาย เพ อความสนกสนานเพลดเพลนในโอกาสตาง ๆ การละเลนบางชนดไดรบการถายทอดสบสานตอกนมา
ุ
ื
ุ่
่
ิ
้
ิ
่
่
ั
ิ
่
ื
และปรบปรงเปล ยนแปลงเพ อพฒนารปแบบอยางตอเน องจนมลกษณะเฉพาะถ น
ื
ั
ั
ี
่
ั
ุ
ี
่
ิ
ู
ความแตกตางของการละเลน
่
่
่
่
่
ั
่
้
ความแตกตางของการละเลนจะปรากฏใน ลกษณะ ทาทางการรายรํา คํารอง ดนตร
ี
ั
้
ิ
่
์
้
ี
และการแตงกาย การละเลนเป นกจกรรมบนเทงท แฝงไวดวยสญลกษณ
ั
ิ
ั
่
ี
้
้
ั
อนเน องดวยวฒนธรรมและประเพณ สะทอนวถชวตและความเช อของสงคมท สบทอดมาแตโบราณ
ิ
ั
ื
ื
ื
่
ิ
ี
ี
ั
ี
่
้
่
่
ั
การละเลนบางอยางของแตละภาคอาจไดรบ
่
้
ิ
ื
ี
ั
ื
้
อทธพลจากประเทศเพ อนบานท อยใกลเคยงท มพรมแดนตดตอหรอใกลเคยงกนกน
ิ
ิ
ี
ี
ี
ี
ั
ู่
้
ู
่
ั
เชน ประเทศ ลาว กมพชา พมา จน อนโดนเซย มาเลเซย เป นตน
่
ี
ี
้
ี
ิ
ี
ิ
ั
ลกษณะของกจกรรมบนเทง
ั
ิ
ู่
่
ท จดอยในการละเลน
ี
ั
่
การแสดง หมายถง การละเลนท รวมท งท เป นแบบแผนและการแสดงท วไปของชาวบาน
ึ
ี
ี
ั
้
ั
ู
้
ึ
ิ
้
ในรปแบบการรอง การบรรเลง การฟ อนรํา ซ งประกอบดวยดนตร เพลงและนาฏศลป
ี
ิ
ิ
ี
่
็
ี
่
ื
ั
้
มหรสพ หมายถง การแสดงท ฝ ายบานเมองจะเรยกเกบคาแสดงเป นเงนภาษแผนดนตามพระราชบญญต ิ
ี
ั
ึ
้
ั
ิ
่
้
ี
ุ่
ั
ั
้
ี
ท กําหนดไวต งแตพทธศกราช 2404 เป นตนมา ประกาศมหรสพวาดวยการละเลนหลายประเภท ดงน ละคร ง ว หน
่
ุ
่
หนงตางๆ เพลง สกวา เสภา ลเก กลอง ยาว ลาวแพน มอญรําและทวายรํา พณพาทย มโหร กลองแขก คฤหสถสวดศพ และจําอวด
ิ
์
ั
ิ
ี
ั
่
์
ั
่
ั
่
ู
ื
่
ื
ุ
ื
กฬาและนนทนาการ คอ การละเลนเพ อความสนกสนานตามเทศกาลและเลนตามฤดกาล และการละเลนเพ อการแขงขน
ี
ั
่
ึ
ิ
ิ
ื
ิ
ี
หรอกจกรรมท ทําตามความสมครใจในยามวาง เพ อใหเกดความสนกสนาน เพลดเพลน และผอนคลายความตงเครยด
่
้
่
ื
ุ
ี
ิ
ั
์
ุ
ั
่
วตถประสงคของการละเลน
ื
พ นเมอง
ื
ั
ิ
ึ
เพ อศกษาประวตความเป นมาของการละเลนพ นบานของไทย
ื
ื
่
้
้
ื
่
ื
เพ อศกษาการละเลนพ นบานของไทย
ึ
่
ั
ี
ิ
ื
ื
่
ี
เพ อใชเวลาวางใหเป นประโยชนหลาย การละเลนของเดกสมยกอนท นยมเลนกนในชวตประจ าวนน น และสบทอดมาจากคน
่
่
้
ั
ั
็
ิ
ั
้
เพ อเผยแพรเอกสารการละเลนพ นบานของไทย
ื
ื
่
้
่
ุ
ื
่
้
็
ิ
ั
เพ อสอบถามความคดเหนของนกเรยนและครท มตอการละเลนพ นบานของไทยสมมตฐาน
ื
ิ
ี
ี
ู
ี
่
้
่
ื
้
ื
้
การศกษาคนควาเร องน ทําใหทราบประวตความเป นมาและความสําคญของการละเลนพ นบานของไทย
ึ
ิ
ั
ั
ี
้
่
การละเลนในแตละภาค
่
ื
่
่
่
ั
ื
การละเลนในแตละภาคเลนเหมอนกนหรอไม ่
่
่
ี
ั
ี
ั
ื
เน องจากในแตละภาคมลกษณะเฉพาะตวท แตกตาง
กนท งในดานภาษา วฒนธรรม ประเพณ ความเช อ
ั
ื
ั
ี
ั
้
สภาพแวดลอม ทําใหการละเลนของเดก แตละภาคม ี
่
็
้
้
่
้
้
ั
่
ความแตกตางกนไปบางในเร องของบทรองประกอบ
ื
่
การละเลน กตกา และอปกรณการละเลน แตโดยสวน
่
่
ุ
์
่
ิ
่
้
ั
่
้
รวมแลวลกษณะการเลนจะคลายคลงกนเป นสวนใหญ ่
ั
ึ
ื
่
ื
ื
การละเลนพ นเมองภาคเหนอ
เตยหรอหล น
ิ
ื
ภาค : ภาคเหนอ
ื
ั
ั
จงหวด : ตาก
ี
่
่
้
สถานท เลน : ลานกวาง ท โลงแจง
ี
้
์
่
ุ
อปกรณ : ไมม ี
่
ู้
จํานวนผเลน : ๖-๑๒ คน
ู้
้
ิ
่
ิ
ี
่
่
่
ั
วธเลน ขด เสนเป นตารางจํานวนเทากบผเลน (สมมตวาม ๖ คน)
ี
ี
้
แลวแบงผเลนออกเป น ๒ ฝ าย ฝ ายหน งยนประจําเสน (ตามขวาง)
ึ
ื
่
่
ู้
้
้
ิ
อกฝ ายจะว งผานแตละเสนไปโดยไมใหเจาของเสนแตะได
้
้
่
่
ี
่
้
้
ิ
่
ู
้
ี
ื
ิ
่
เม อเร มเลนคนท ยนประจําเสนแรก พดวา ไหล หรอ หล น
ื
ื
้
้
ิ
้
ุ
ั
ิ
ิ
็
ฝ ายตรงขามกเร มว งผานเสนแรกไปจนถงเสนสดทายแลวว งกลบ
้
่
ึ
้
ิ
ั
้
ถาว งกลบถงเสนแรกโดยไมถกฝ ายตรงขามแตะไดก ็
้
ู
้
่
ึ
้
พดวา เตย กจะเป นฝ ายชนะโอกาส
็
่
ู
การละเลนพ นเมองภาคเหนอ
่
ื
ื
ื
มาจกคอก
้
ื
ภาค : ภาคเหนอ
จงหวด : กําแพงเพชร
ั
ั
้
้
่
ี
การเลนมาจกคอก ภาคกลางเรยก ลาวกระทบไม
์
ั
่
ึ
่
ี
ิ
ู้
่
อปกรณและวธเลน : จํานวนผเลน ต งแต ๓ คนข นไป
ุ
์
ุ
อปกรณ :
๑. ไมกลมขนาดกํารอบ ยาวประมาณ ๕ ศอก จํานวน ๒ ทอน
่
้
ู
้
๒. ขอนไมสงประมาณ ๑ คบ ยาวประมาณ ๑-๒ ศอก จํานวน ๒ ทอน
ื
่
่
ี
ิ
่
้
สถานท เลน : เลนบรเวณท เป นลานกวาง
ี
ี
ิ
วธการเลน :
่
้
่
ั
ื
๑. แบงผเลนออกเป น ๒ ฝ าย ฝ ายแรกม ๒ คน สําหรบถอทอนไมท วางขนานบนขอนไม
ี
่
ู้
ี
้
่
ี
ู้
่
ั
ี
ึ
แลวกระทบกนเป นจงหวะ สวนฝ ายท ๒ ม ๒ คนข นไป สําหรบเป นผเตน
ั
ั
้
้
้
่
ู้
้
ื
ู่
็
ั
ั
ู้
้
่
ู่
๒. ใหผเลนเขาไปอยระหวางคาน ผถอไมคานท งคกทําสญญาณ
ู้
่
ู่
ั
้
้
โดยยกคานไมท งคกระแทกลงบนไมหมอน ระหวางท เคาะจงหวะอยน นผเลนตองเตนไปดวย
ั
้
้
ู่
้
่
ี
ั
้
ั
้
ี
ิ
้
เม อใหสญญาณเคาะ ๓ คร งแลว คร งท ๔ ผถอจะเอาคานท งสองเขาชดกน
ั
ั
ื
ื
ั
ู้
ั
้
้
้
่
ู
ู้
ั
้
้
ผเตนจะตองกระโดดใหสงกวาคร งแรกของจงหวะและแยกขาออกใหพนไม
้
ั
ถาถกหนบเรยกวา มาขําคอก หรอมาตดคอก คท ถกไมหนบจะตองออกไปเปล ยนใหผท ถอคานอยเดมน นเขามา
ิ
ื
ี
ู
ี
้
้
ี
ู่
ู้
ู่
ิ
้
ี
้
ี
ู
่
ี
ั
้
้
ื
้
ั
้
่
เตน ในระหวางคานน นบาง
้
ื
ื
่
ื
การละเลนพ นเมองภาคเหนอ
ึ
ึ
ไมห ง หรออห ง
ี
ื
้
ภาค : ภาคเหนอ
ื
ั
จงหวด : กําแพงเพชร
ั
์
ิ
้
ี
ี
่
่
ิ
้
อปกรณและวธการเลน : ใชไม ๒ ช น คอ ไมแม ทําดวยก งไมท หางายและเหนยว
ุ
่
้
้
ิ
้
ี
ื
ิ
้
์
ู
ี
่
ื
มขนาด เสน ผาศนยกลางประมาณ ๑น ว หรอใกลเคยง ยาวประมาณ ๑ ศอก
้
ี
่
้
้
ั
ี
่
้
ู
้
และ ไมลก อาจนําจากไมทอนเดยวกนดานปลายของไมแมยาวประมาณ ๑ คบ
ื
ี
ั
้
่
็
ไมท สามารถทําได เชน ไมมะขาม ไมฝร ง หรอไมไผลําเลก
ื
้
้
้
้
่
่
ั
ี
วธการเลน : โดยการแบงฝ ายละเทา ๆ กน เชน ๒ ตอ ๒ หรอ ๓ ตอ ๓
ื
่
่
ิ
่
่
่
็
ฝ ายไดเลนกอนจะทําการขดรองท พ นดนแขงใหเป นรองยาวประมาณ ๑ คบ ลก ๑ น วคร ง
่
้
่
ื
ี
ึ
ึ
ุ
้
่
ื
่
ิ
ิ
ั
ี
้
เป นรางคลายเรอ หรอ พอเพยงกบการงดไมลกไดจากน นฝ ายเร มจะวางไมลกขวางรองหลม
ุ
ื
้
ั
่
้
ู
ื
ิ
ู
ั
้
่
้
ี
้
้
ั
่
้
ี
ท ขดไว แลวใชไมแมงดออกไปขางหนาใหไดระยะไกลท สดเทาท จะทําได
้
ุ
้
้
้
ุ
ี
้
ื
ื
ั
เพ อใหฝ ายตรงขามรบยากหรอโตกลบยาก
้
้
ั
้
ี
่
้
ื
การละเลนพ นบานภาคอสาน
ู
ิ
งกนหาง
ั
ภาค : ภาคตะวนออกเฉยงเหนอ
ื
ี
้
ั
จงหวด : รอยเอด
็
ั
่
ิ
ิ
ู
ี
่
ุ
ุ
ี
อปกรณและวธเลน : การเลนงกนหางไมมอปกรณการเลนใด ๆ
์
่
์
่
้
่
่
ุ
ั
สามารถเลนไดทกโอกาสจะมเลนท งเดกและผใหญ
ู้
ี
็
่
์
่
็
ั
่
่
่
่
ู้
สวนมากผใหญจะเลนในเทศกาลสําคญ เชน สงกรานต สวนเดก ๆ
ี
ั
ึ
ุ
ิ
ั
จะเลนทกโอกาสท เดก ๆ รวมกนซ งมวธการเลนดงน
ี
่
ี
่
ี
็
้
้
ิ
้
่
ั
่
้
ิ
เร มเลนเม อผเลนพรอมกนแลวจะเร มดวยการเส ยงถาใครแพคนน น
ี
ู้
ื
้
ั
่
กจะออกเป นพอง สวนผชนะกจะไดเลนเป นแมงและลกง
็
ู
็
ู
่
ู้
่
ู
ู
่
้
็
ุ่
สวนมากในกลมผเลนจะเลอกเอาคนท มรางกายแขงแรงหรอรปรางใหญในทม
ื
่
ู้
ี
่
ี
ู
่
ื
่
่
ี
้
ู
ั
ู
ั
ื
้
่
ู
ั
ื
ู
้
่
เป นแมง เพ อเอาไวป องกนลกง เม อไดผเลนแลวพองและแมงจะยนหนหนาเขาหากน
ื
ู
้
่
่
้
ู้
ู
ี
้
่
สวนแมงจะมลกงกอดเอวตอแถวไปขางหลงแลวพองจะเร มถามแมงวา
่
ู
่
่
ั
้
ิ
ู
ู
่
่
ู
ี
การละเลนพ นบานภาคอสาน
้
่
ื
ู
งกนหาง
ิ
ู
่
พองจะเร มถามแมงวา :
ิ
่
ู
่
ู
ิ
่
ํ
๋
พอง “แมงเอยกนน าบอไหน”
่
ู
่
่
่
ิ
ํ
ั
แมง “กนน าบอโสกโยกไปโยกมา” พรอมแสดงอาการสายตวไปมา
ู
้
่
่
่
ู
ํ
พอง “แมงเอยกนน าบอไหน”
๋
ู
่
ิ
ํ
ิ
ิ
้
แมง “กนน าบอหนบนไปบนมา” พรอมแสดงอาการบนไปบนมา
ิ
่
ู
ิ
ิ
่
ิ
๋
พอง “แมงเอยกนน าบอไหน”
ํ
ิ
ู
่
ู
่
่
่
้
่
้
แมง “กนน าบอทรายยายไปยายมา” พรอมแสดงอาการสายตวไปมา
ั
ู
่
ํ
้
ิ
ั
ิ
่
ิ
ั
ู
ิ
พอง “กนหวกนหางกนกลางตลอดตว”
เม อ พองกลาวเสรจพองจะเร มไลจบลกงท กอดเอวแมงอยสวนแมงกจะ
ู
ี
ู
่
ื
่
ั
ู
ิ
็
่
ู
ู่
่
ู
่
ู
็
่
่
้
ู
ู
ู
ู
่
ื
ู
้
ั
้
่
ู
่
พยายามป องกนไมใหพองไปแยงลกงได เม อพองจบลกงคนใดไดลกงกจะออก
็
ั
ู
ู
่
ู
่
่
่
มายนอยตางหากเพ อรอเลนรอบตอไป สวนพองจะพยายามแยงลกง ู
ู่
ื
ื
่
ู
่
่
้
ใหไดหมดทกตวจงจะถอวาจบการเลนรอบหน ง เม อพองจบลกงไดทกตว
ึ
ู
่
่
่
ู
้
้
ึ
ู
ื
ั
ุ
ื
ั
ุ
ั
ิ
่
่
แลวกจะเร มเลนใหม โดยพองคนเดมจะกลบไปเป นแมงในรอบตอไป
้
็
่
่
ู
่
ู
ิ
ั
ื
่
การละเลนพ นบานภาคอสาน
้
ี
่
ื
แขงเรอบก
ี
ื
ภาค : ภาคตะวนออกเฉบงเหนอ
ั
ั
ู
ั
จงหวด : ชยภม ิ
ั
ิ
้
่
ี
่
ุ
์
อปกรณและวธการเลน : ไมกระดาน ๒ แผน ยาวประมาณ ๑ วาเศษ
ั
้
้
ั
พรอมเชอกท จะใชรดหลงเทาตดกบไม ้
ั
้
ิ
ื
ี
ี
ั
้
ิ
ุ่
ู้
่
่
วธการเลน : ผเลนแบงเป นกลม ๆ ละ ๒-๕ คน โดยจะรดเทาท ง ๒ ขาง
้
่
ั
ไวกบกระดาน ๒ แผน มอจบเอวหรอจบไหลของผท อยขางหนา
ื
ั
ู่
้
้
่
ู้
ี
้
ั
ื
่
ั
้
้
้
้
อาศยความพรอมเพรยงจะยกเทาซายพรอม ๆ กน ดนไมกระดานไปขางหนา
ี
้
้
้
ั
ั
ั
ั
ุ่
้
่
กลมใดถงเสนชยกอนถอวาชนะ
ึ
ื
่
้
การละเลนพ นบานภาคใต ้
่
ื
เป ากบ
ั
ั
ิ
้
ภาค : ภาคใตจงหวด นราธวาส
อปกรณและวธการเลนอปกรณ :
ุ
่
ุ
ิ
ี
์
์
้
้
้
ั
่
ื
่
็
็
๑. ยางวง (ยางเสน) วงใหญ หรอวงเลกกได แลวแตความชอบและความถนด
็
๒. ผเลนจํานวนต งแต ๒ คน หรอมากกวาเลนท งเดกชายและ
ู้
ั
่
ื
่
่
่
ั
็
ั
่
็
ี
เดกหญงบางคร งอาจเลนเป นทมกได ้
ิ
ี
๊
ี
์
ื
ื
ื
ื
่
๓. สถานท เชน พ นซเมนต พ นกระดาน หรอพ นโตะ
ั
่
่
่
ิ
ึ
ิ
่
็
ี
็
ั
วธการเลน : เป า กบเป นการเลนอยางหน งของเดก เลนกนท งเดกชายและหญง
ื
ี
้
ี
ี
ื
ผเลนมจํานวน ๒ คน หรอเป นทมกได สถานท เลน ในท รม ใชพ นท เรยบ ๆ
่
่
ี
้
ี
ี
ู้
็
่
้
ื
่
ึ
เชน พ นซเมนต พ นกระดาน หรอพ นโตะ ซ ง ผเลนจะเอายางเสน (ยางวง)
ื
๊
ู้
ี
์
ื
ื
่
ู่
่
ี
็
จะเป นวงเลกหรอวงใหญ หรออาจจะเป นวงสตาง ๆ อยท ความชอบ
ื
ี
ื
่
ี
ไดแก สเขยว สแดง สน าตาล เป นตน นํามาวางบนพ นคนละ ๑ เสน
้
่
ี
ี
ื
ํ
ี
้
้
้
ั
่
ให อยหางกนประมาณ ๑ ฟุต ผเลนจะผลดกนเป ายางเสน (ยางวง)
ั
้
ู้
ู่
่
ั
้
ั
ั
ี
้
้
ู่
้
่
้
ของตนไปขางหนาทละนอย ๆ จนยางเสนท งสองมาอยใกลกนผเลนคนใด
ุ้
้
ู้
้
็
้
้
้
เป าใหยางเสนของตนไปทบยางเสนของฝ ายตรงขามไดกจะเป นผชนะ
ั
ฝ ายแพจะตองจายรางวลใหกบผชนะ ซ งสวนใหญจะเป นยางเสน (ยางวง)
้
้
ึ
่
ู้
้
่
ั
้
่
ั
ื
้
ั
็
ั
่
แตอาจใหรางวลอ น ๆ กไดตามแตจะตกลงกน
่
้
การละเลนพ นบานภาคใต ้
้
่
ื
่
ั
ชกกะเยอ
ภาค : ภาคใต ้
จงหวด : พงงา
ั
ั
ั
ี
ื
ิ
์
่
ั
อปกรณและวธเลน : เชอกเสนใหญๆ ๑ เสน สําหรบจบดงกน
่
ั
ั
ุ
ึ
้
้
ั
ี
้
ั
ื
่
่
ิ
้
ั
ี
็
่
วธเลน : จดคนเลนออกเป น ๒ พวก ใหมกําลงพอๆ กน เม อแบงพวกเสรจแลว
้
ื
้
่
้
ใหไปอยคนละขางของไมหรอเชอกน น ใหคนหวแถวจบกอนขางละคน
ั
ื
ั
ั
้
ู่
้
่
็
ั
้
้
้
นอกน นใหจบเอวกนตลอดท งสองขาง เม อใหสญญาณแลวตางฝ ายกลงไปขางหลง
ั
ื
ั
้
้
ั
ั
ั
ื
้
ู้
ี
ิ
ิ
้
ิ
ั
ั
ุ
ี
ั
ั
ทกคนระเบยบการตดสน ใชตดสนกนเองหรอใหมผตดสน ๑ คน
้
่
่
ั
ั
ิ
ยนตรงกลางใหสญญาณและตดสนได เพ อใหรแนวาฝ ายใดแพชนะจะปกธง
ื
้
้
้
ื
ู้
ั
่
้
็
ั
ไวตรงกลางกได ฝ ายใดถกดงเลยเขตไดหมดต งแตหน งศอกข นไปนบเป นแพ
้
้
ู
ึ
ึ
้
ึ
ื
่
เม อแพแลวไมมปรบใหรองรําอยางใดเลย
่
ั
ี
้
้
้
้
การละเลนพ นบานภาคใต ้
่
้
ื
หมากขม
ุ
ภาค : ภาคใต ้
ั
ี
ั
จงหวด : นครศรธรรมราช
ิ
์
อปกรณและวธการเลน :
ี
่
ุ
์
่
อปกรณในการเลน
ุ
ิ
้
ู
ุ
ื
๑). รางหมากขม เป นรปเรอทําจากไม ยาวประมาณ ๑๓๐ เซนตเมตร
กวางประมาณ ๒๐ เซนตเมตร มหลมเรยงเป น ๒ แถว หลมกวางประมาณ ๗ เซนตเมตร
ี
ุ
ิ
้
ุ
ิ
้
ี
ิ
ี
้
ลกประมาณ ๔ เซนตเมตร มดานละ ๗ หลม เรยกหลมวา เมอง
ี
ุ
ื
่
ึ
ุ
้
้
ิ
ุ
่
ุ
ุ
ู่
ี
ั
หลมท อยปลายสดท งสองขางเป นหลมใหญกวางประมาณ ๑๑ เซนตเมตร
ื
ั
่
ี
เรยกวา หวเมอง
ู
๒) ลกหมาก นยมใชลกสวดเป นลกหมาก ใสลกหมากหลมละ ๗ ลก
ุ
ู
ู
้
ู
ิ
่
ู
่
ึ
จงตองใชลกหมาก ในการเลน ๙๘ ลก
ู
้
ู
้
่
ู้
๓) ผเลนม ๒ คน
ี
่
การละเลนพ นบานภาคใต ้
้
ื
ิ
ี
่
วธการเลน :
ุ
ู้
๑) ผเลนน งคนละขางกบรางหมากขม แตละคนใสลกหมากหลมละ ๗ ลก ท ง ๗ หลม สวนหลมหวเมองไมตองใสใหเวนวางไว ้
ุ
่
่
ู
่
ุ
้
ั
ู
ั
ั
่
่
้
่
ื
้
ั
่
้
ุ
่
ิ
ั
้
๒) การเดนหมาก ผเลนจะเร มเดนพรอมกนท ง ๒ ฝ าย
ิ
ิ
ู้
ั
่
ื
ิ
เรยกวา แขงเมอง โดยหยบลกหมากจากหลมเมองของตนหลมใดกได แตสวนใหญจะหยบหลมสดทายของฝ ายตนเอง เพราะ
่
็
้
ิ
้
ี
ุ
ุ
ุ
ุ
่
่
ื
่
ู
ุ
้
ี
็
ึ
ั
่
ื
คํานวนวาเมดสด ทายจะถงหวเมองของตนพอด หมากขม
ุ
ุ
การเดนหมากจะเดนจากขวาไปซาย โดยใสลกหมากลงในหลม
ิ
ิ
้
่
ู
ึ
ุ
่
ู
ิ
ิ
ี
ู
ุ
ั
ื
็
ุ
่
ั
ื
ถดจากหลมเมองท หยบลกหมากข นมาเดน ใสลกหมากหลมละ ๑ เมด รวมท งใสหลมหวเมอง
ั
ฝ าย ตนเอง แลววนไปใสหลมของฝ ายตรงกนขาม ยกเวนหลมหวเมอง
ั
ื
้
่
้
ุ
ั
้
ุ
ื
เม อเดนลกหมากเมดสดทายใสในหลม ใหหยบลกหมากท งหมด
้
้
ิ
ิ
ั
ุ
ู
็
่
ุ
ู
่
ึ
่
ิ
่
ในหลมน นข นมาเดนหมากตอไป โดยใสในหลมถดไปเลน
ั
ั
ุ
ุ
ิ
เดนหมากอยางน จนลกหมากเมดสดทายหมดลงในหลมท เป นหลมวาง
็
่
ุ
ี
ี
ุ
ุ
้
ู
่
ุ
ื
่
้
็
ุ
ิ
ิ
ื
ิ
้
่
ื
ถอวาหมากตาย ถาเดนหมากตายในหลมเมองของฝ ายตรงขามกถอวาส นสดการเดนหมาก
แตถาตาย ในหลมเมองฝ ายตนเอง ใหผเลนกนหมากหลมเมอง
ื
ุ
่
ิ
่
ุ
้
้
ู้
ื
ุ
ู่
้
ู
ั
ุ
ี
ั
ั
ุ
ิ
ึ
ซ งอยตรงขามกบหลมท เราเดนหมากมาตาย โดยควกลกหมากท งหมดในหลมไปไวในหลมหวเมองของฝ ายตน
ื
ั
้
ื
่
ุ
่
ึ
ี
ิ
ู
ี
เรยกวากนแทน เลน อยางน จนหลมเมองของฝ ายใดฝ ายหน งหมดลกหมาก
่
่
เดนตอไปไมได ลกหมากท งหมดจะไปรวมอยในหลมหวเมองของท ง ๒ ฝ าย จงเร มเลนรอบใหมตอไป
ื
ึ
่
ิ
่
ั
่
่
ู
้
ิ
ั
ุ
ู่
ั
ี
ั
ู้
ิ
่
ั
๓) การเดนหมากรอบสอง ผเลนจะผลดกนเดนทละคน ทําเชนเดยวกบการเดนรอบแรก
ี
ิ
ั
ิ
่
ั
ู
ู
ุ
ุ
นําลกหมากจากหลมหวเมองฝ ายตนเองใสลงในหลม ๆ ละ ๗ ลก
ื
่
ในฝ ายของตนเอง คราวน แตละฝ ายจะ มลกหมากไมเทากน
ี
ี
ู
่
่
ั
่
่
่
ู
ี
ี
่
ู้
ฝ ายท มลกหมากมากกวาจะเป นผเดนหมากกอน ฝ ายท มลกหมากนอยกวาจะใสไมครบทกหลม
ิ
ุ
ี
ุ
ี
่
้
ู
่
ุ
ี
ู
ู
้
่
ี
่
หลมใดมไมครบใหนําลกหมากท เหลอไปใสในหลมหวเมองฝ ายตนหลม ใดไมมลกหมากเรยกวา
่
ั
ี
ื
ี
ุ
ื
่
ุ
ิ
ื
ุ
้
่
้
ื
เมองหมาย ตามปกตหลมเมองหมายจะปลอยไวหลมปลายแถว
้
ุ
ั
หลมเมองหมายจะไมใสลกหมาก ถาฝ ายใดใสจะถกรบเป นของฝ ายตรงกนขาม
ื
่
่
ู
ิ
้
ุ
้
้
่
ู
ิ
ึ
่
้
ื
่
้
่
ื
ั
่
ในกากรเลนจะเลนจนฝ ายใดฝ ายหน งหมดลกหมากเดนตอไปไมไดและจะนบเมองหมาย ใครมจํานวนเมองหมายมากกวาฝ าย
ี
่
้
ู
น นเป นฝ ายแพ ้
ั
่
้
ื
การละเลนพ นบานภาคกลาง
ั
และตะวนออก
่
วาว
ั
่
์
้
้
ุ
่
้
่
ี
ุ
อปกรณ : วาวโดยท วไปมโครงสราง ประกอบดวยไมไผสสกนํามาผา
ี
้
แลวเหลาใหไดตามท ตองการแลวนํามาประกอบกน
้
้
้
ี
ั
้
ั
้
ู
้
ิ
ู
้
ื
ึ
ใหเป นรปทรงตางๆผกตดกนดวยเชอกโยงยดกนเป นโครงสรางและป ดดวย
้
ั
่
ี
่
้
่
กระดาษชนดบางเหนยว เชน กระดาษสาและตกแตงลวดลายดวยจด
ุ
ิ
ื
ื
ื
้
หรอดอกดวงเพ อป ดยดกระดาษกบเชอกใหแนน
่
ึ
ั
ุ
่
่
่
่
ื
ี
ิ
ั
วาวท นยมกนคอ วาวจฬา วาวปกเป า วาวหงาว
่
ุ
ุ
ี
ึ
้
้
้
่
่
ี
ิ
วาวจฬาซ งม โครงสรางประกอบดวยไมไผสสก 5 ช น มจําปา 5 ดอก
ี
้
ทําดวยไมไผยาว 8 น ว เหลากลมโตประมาณ 3 มลลเมตร จําปา 1 ดอก
ิ
ิ
้
่
ิ
ั
ั
ี
ั
ุ
มจํานวนไม 8 อนมดแนนกบสายป านท ชกวาวจฬาอนเป นอาวธท ใชตอสกบปกเป า
ุ
ี
ั
ี
่
้
่
้
่
ั
ั
ู้
้
่
ื
ี
่
ี
ี
้
ุ
ี
ิ
้
วาวปกเป า มโครงสรางประกอบดวยไมไผสสกเหลากลม 2 ช นมเหนยงเป นเชอกยาว 8 เมตร
ุ
้
ึ
ู
่
ั
ผกปลายท งสองขางใหหยอนเป นสายรปคร งวงกลมเพ อคลองตววาวจฬา
่
้
ื
้
ู
ั
ิ
ใหเสยสมดลจงตกลงพ นดนวาวหงาว ทําดวยโครงไมไผป ดกระดาษสา
่
้
้
ื
่
ี
่
ุ
้
ึ
ั
่
่
ลําตวตอนบนมรปคลายอกวาวจฬามเอวคอดและทอนลางกวาทอนบน
ุ
่
ู
ี
ี
้
่
่
ี
ี
ื
ึ
ิ
ี
ื
่
ั
ื
ึ
ื
ั
ตอนสวนหวมไมไผเหลาและขงเชอกเหมอนคนธน สวนขงเชอกน จะเกดเสยงเม อตองลม
่
้
ู
่
้
้
ี
ั
้
ั
้
ั
ี
เสยงน ชวยกําจดความช วรายได ปจจบนวาวท มการเลนโดยท วไปไดมการ
่
ี
ี
่
ี
ั
่
ุ
พฒนารปแบบการเลนเพ อความสวยงาม โดยทําวาวใหเป นรปแบบท แปลกแตกตางกนออกไปเป นรปสตวตางๆ
่
้
ั
ู
์
่
ั
ั
ู
ู
ี
่
ื
่
ี
ื
่
่
เชน วาวง วาวผเส อ ฯ ลฯ
่
ู
้
ื
่
การละเลนพ นบานภาคกลาง
ั
และตะวนออก
วาว
่
ี
ิ
ี
วธการเลนมอย 3 วธ คอ
ิ
ี
่
ู่
ื
ี
่
้
ู
่
ื
ั
่
ู่
1.ชกวาวใหลอยลมปกอยกบท เพ อดความสวยงามของวาวรปทรงตางๆ
ั
ู
ั
้
ื
ั
้
้
ั
ี
ั
ั
2.บงคบสายชกใหชกเคล อนไหวไดตามตองการ นยมกนท ความสวยงาม
ิ
ึ
ี
ี
็
้
ความสง และบางทกคํานงถงความไพเราะของเสยงวาวอกดวย
ึ
ู
่
ี
ั
3.การตอสทําสงครามกนบนอากาศ คอ การแขงขนวาวจฬาและปกเป าควากนบนอากาศ
่
ั
้
ู้
ั
่
ื
่
ุ
ั
ิ
้
ี
่
่
ั
จะจดใหมการแขงขนท บรเวณ ทองสนามหลวงกําหนดแดนขณะทําการแขงขน
ั
้
ี
่
่
ึ
่
ิ
ุ
ู่
วาวปกเป าจะข นอยในดนแดนของตน ลอหลอกใหวาวจฬามาโฉบ
้
ิ
ื
่
ี
้
ิ
เพ อจะลากพามายงดนแดนของตนโดยใหวาวปกเป าตด ตรงดอกจําปาท ตดไว
้
ั
ิ
ื
ั
ี
ิ
เม อตดดแลววาวจฬาจะรบลากรอกพามายงดนแดนของตน
ุ
ี
่
ิ
้
ื
ี
ี
ี
่
่
็
ขณะเดยวกนวาวปกเป ากจะพยายามใชเหนยงท เป นเชอกป านคลอกงตววาว
้
ั
ั
้
่
ุ
้
่
ุ
่
จฬาใหเสยสมดล และชกลากดงใหตกลงมายงดนแดนของตน ในการเลนวาวจฬาลากพาวาว
ั
ี
้
ึ
ุ
ิ
ั
้
่
่
ั
ิ
ี
ั
ั
ปกเป าเขามาทละตวหรอหลายตวกได ถาตางฝ ายตางนําคแขงขนมาตกยงดนแดนของ
ื
้
ั
้
ู่
็
่
้
ั
ื
ตนเองไดกถอวาเป นฝ ายชนะแตถาขณะชกลากพามา
็
้
่
่
้
่
ี
้
่
ื
วาวปกเป าขาดลอยไปไดถอวาไมมฝ ายใดไดคะแนน
่
่
ื
้
การละเลนพ นบานภาคกลาง
และตะวนออก
ั
หมากเกบ
็
่
์
ุ
ั
้
่
ื
็
้
่
ั
อปกรณ :กอนหินลกษณะคอนขางกลมขนาดเทาหวแมมอ จํานวน 5 เมด
้
ิ
ิ
วธเล่น : ใชส งสมมตเป นหมาก 5 กอนเร มตนดวยการทอด คอ
ิ
ิ
ื
้
้
้
ี
ื
้
การเทปลอยใหหมากท ง 5 กระจาย ไปบนพ นกระดานถากอนไหน
้
ั
่
้
ึ
ู
ึ
้
อยหางถอเป นตวนําและข นตนดวยหมากหน ง คอ หยบนําลกไวตางหากโยนข นไป
่
ั
้
ื
้
่
ู่
ิ
ื
ึ
้
แลวปลอย 4 ลกกระจายบนพ นทละลก และรบลกท โยนใหได
ู
ู
ี
ี
ู
้
ื
ั
่
้
้
่
่
็
็
้
ในขณะเดยวกนถาเกบไดหมดกตอหมาก 2 หมาก3 หมาก4 ตอไปดวยวธเลนแบบเดยวกน
ี
่
ี
ิ
ั
้
ี
ั
็
้
ั
แตถาเกบลก 3 ลกพรอมกนเรยกวา หมาก3 แลวจงเกบอก 1 ลก
่
็
่
้
ี
้
ี
ึ
ู
ู
ู
่
่
้
ี
้
้
ถารวมหมดเรยกวา หมาก4 และลกโยนน นจะตกไมได ถาตกนบเป นได
ู
้
ั
ั
ิ
ตองใหคนอ นเลนตอไป หมากเกบน มวธเลนพลกแพลงหลายอยาง
ิ
้
ี
่
้
็
ี
่
่
ี
่
ื
้
้
ื
ื
ี
็
ี
้
ู
ื
เชนการใชมอซายป องและเข ย หรอเกบหมากใหเขาในมอทละลก
่
้
ั
ทละ 2 3 4 ตามลําดบ เรยกวา “อกาเขารง”
้
่
ั
ี
ี
ี
้
ี
็
ั
ู
ั
่
้
ี
ู
ี
ถาเข ยไมเขากนบเป นตายยงม “อกาออกรง” “รป”
ั
้
ึ
้
ื
ื
่
ิ
้
้
ซ งใชมอซายรปตางๆ ถาใชน วกลางและน วหวแมมอยนพ น
ื
ื
ิ
ู
่
ั
ู
ั
ื
ู
ี
็
ี
ู
้
่
ู้
ู
เป นรปเหมอนรปกเรยก “รป” ผเลนตองเกบหมากลงในรปหรอเข ยออกนอกรง
ู
็
ื
ู
ู
ี
้
้
ในขณะท รบลกโยนใหได พรอมกน การละเลนชนดน ตองอาศยการคาดคะเนใหด
ี
ั
ู
้
้
ั
้
ั
ี
ิ
่
ู
้
่
ู
ึ
่
็
่
ี
ู
ในขณะโยนลกวาควรจะสงต ําเพยงใด ในการโปรยลกวาถงกําหนดตองเกบอยางไร
้
ื
่
้
ิ
ู
่
ั
ั
ู
ื
่
ึ
จะไดโปรยใหหมากเหลาน นอยชดหรอหางกนอยางไร เพราะถามอท เกบไปถกลกหมากอกลกหน ง
ู่
ู
็
ี
้
ี
ึ
่
ั
้
็
ื
ี
่
้
ื
ซ งไมไดอยในแมท กําหนดไวกถอเป นตายเหมอนกน
ู่
ื
่
การละเลนพ นบานภาคกลาง
้
และตะวนออก
ั
ี
ั
ต จบ
ี
็
้
ุ
ื
่
์
้
ื
อปกรณ : เชอกหรออะไรกไดท เป นเสนแบงเขตแดน
่
ี
ู้
่
่
ั
้
่
ี
ิ
วธการเล่น : การเลนต จบตองแบงผ เลนออกเป นสองฝ าย ฝ ายละเทาๆกัน
ี
้
้
่
มเสนแบงเขตตรงกลาง ตองตกลงกนวาฝ ายใดจะเป นฝ ายรกไปกอน
ุ
ั
่
่
็
ุ
้
้
ี
้
้
้
ิ
ึ
่
คนหน งท เป นฝ ายรกจะเร มขามเขต พอเขาเขตฝ ายตรงขามกตองรอง”ต ”ไมใหขาดเสยง
ี
ี
้
ุ
ึ
ี
ั
่
้
และว งเอามอแตะตวคนใดคนหน งในฝ ายรบ แตจะหยดหายใจไมไดในขณะรอง “ต ”
่
ิ
ื
้
ั
้
ี
ั
้
ี
น น ฝ ายรบกจะพยายามจบคนท รอง “ต ” ไว ถาคนรอง “ต ”
ี
้
้
ั
ั
็
้
้
ื
้
้
้
เหนวาจะสไมไดหรอจะตองถอนหายใจ ตองรบถอยมาใหพนเสนแบงเขต
้
ู้
่
ี
็
่
่
ั
ู
้
ั
้
ู้
ี
ั
้
้
ถาถอยไมทนผรอง”ต ” หยดถอนหายใจกจะตองถกจบตวไวเป นเชลย
็
ุ
่
้
ี
แตถาคนท รอง “ต ” แตะตวฝ ายรบไดคนท ถกแตะกเป นเชลยฝ ายน
้
่
ี
ั
ั
้
ู
ี
ี
็
ี
้
็
ี
ี
ฝ ายท ไดเชลยกจะสงคนรอง”ต ”ไปแตะคนท อยฝ ายตรงขามอก
ู่
้
ี
้
่
่
็
้
ั
้
ุ
้
ั
ั
ถายงจบไมไดกผลดกนรกคนละคร ง จนกวาจะกวาดเชลยไดหมดกข นตาใหม ่
็
ึ
่
ั
ั