เอกสารประกอบการสัมมนา
เร่ือง…การปลูกมะเขือเทศ
จดั เรียงโดย
นางสาวนูรีฟาน มะลี
รหสั นักศึกษา 63305010055
เสนอ
ครู รัตน์พีภรณ์ ทองประพนั ธ์
หนงั สือเลม่ น้ีเป็นส่วนหน่ึงของการศึกษาตามหลกั สูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพ
วทิ ยาลยั เทคโนโลยกี ารเกษตรและประมงปัตตานี
ก
คำนำ
รายงานเล่มนจ้ี ดั ทาขึน้ เพ่อื เปน็ สว่ นหนึ่งของวิชาสมั มนาทางดา้ นเกษตรศาสตร์
รหัสวชิ า 3051-2002 ชั้นประกาศนียบัตรวชิ าชีพช้นั สูง เพ่ือให้ได้ศกึ ษาหาความรูใ้ นเรือ่ ง
มะเขือเทสและไดศ้ กึ ษาอยา่ งเขา้ ใจเพ่อื เป็นประโยชน์กับการเรียน
ผจู้ ดั ทาหวงั ว่า รายงานเล่มนจ้ี ะเปน็ ประโยชนก์ ับผู้อ่านหรอื นกั เรียน นักศึกษา ที่
กาลงั หาข้อมูลเรือ่ งนี้อย่หู ากมีขอ้ แนะนาหรือขอ้ ผิดผลาดประการใด ผูจ้ ัดทาขอน้อมรับไว้
และขออภยั ม ณ ที่น้ีด้วย
ผู้จัดทา
นางสาวนรู ีฟาน มะลี
สำรบญั ข
เร่อื ง หนำ้
คานา (ก)
สารบญั (ข)
ลักษณะทว่ั ไป 1-2
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ 2-3
ประโยชน์ 4
พนั ธุข์ องมะเขือเทศ 4-9
การปลกู มะเขือเทศ 9-13
โรค 14-20
1
มะเขือเทศ
ชื่อพืน้ เมือง : มะเขือเทศ
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Lycopersicon esculentum Mil
ชื่อวงศ์ : Solanaceae
ชือ่ สามัญ : Tomato
ลักษณะท่ัวไป
มะเขือเทศมีตน้ กำเนิดอยู่ในประเทศเมก็ ซิโก มะเขือเทศสำมำรถข้นึ ได้กับดินแทบทุก
ชนดิ แตช่ อบดินร่วนท่มี คี วำมเป็นกรดเป็นด่ำง (pH) ของดินในช่วง 6.0-6.8 และควำมชน้ื ของดนิ
พอเหมำะ ต้องกำรแสงแดดเต็มทตี่ ลอดวัน ชว่ งอณุ หภูมิที่เหมำะสมในกำรเจริญเตบิ โต ระหวำ่ ง 21-
24 องศำเซลเซยี สเปน็ พืชล้มลกุ อำยุเพียง 1 ปี
มะเขือเทศเป็นพืชล้มลุก ลำต้นเป็นพุ่มเต้ียๆ ผลมีลักษณะกลมรี บำงพันธ์ุผลหยักเป็นร่อง 5-
6 ร่อง พำดจำกขั้วถึงก้นผล บำงพันธุ์ผลใหญ่ บำงพันธ์ุผลเล็ก ผิวผลบำงเรียบล่ืนเป็นมัน ผลดิบสี
เขียวเหนือแข็ง ผลแก่สีเหลือง แดง ชมพู เนื้อนิ่มชุมน้ำ เมื่อสุกมำกเน้ือจะเละ มะเขือเทสส่วนใหญ่จะ
นำมำกินเปน็ ผลไม้ หรอื นำมำใส่ในน้ำซปุ
มะเขอื เทศพืชชนดิ หน่งึ ท่อี ดุ มไปด้วยคณุ ค่ำทำงอำหำร อยูใ่ นวงศ์เดยี วกบั พรกิ ขห้ี นู พรกิ ยักษ์
มะเขือ มันฝร่ัง และยำสูบ แต่เดิมมะเขือเทศถูกพบในทวีปอเมริกำใต้ แล้วต่อไปยังยุโรป จนเม่ือรำวๆ
400 ปีท่ีผ่ำนมำจงึ เขำ้ มำทำงจีน เอเซยี ใต้ และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จนกลำยเป็นทน่ี ยิ มปลูกกันท่ัว
โลกในปัจจุบัน ซ่ึงมะเขือเทศเป็นผลไม้ท่ีมีวิตำมินซี และวิตำมินเอ สูง 1 ผลขนำดปำนกลำง ก็มี
ปริมำณวิตำมินซเี ท่ำกับคร่ึงหนึ่งของสม้ โอทั้งผล และหนงึ่ ผลของมะเขือเทศจะมวี ิตำมินเอรำว 1 ใน 3
2
ของวิตำมินเอ ที่ร่ำงกำยต้องกำรใน 1 วัน นอกจำกนี้มะเขือเทศยังมีโปแตสเซียม ฟอสฟอรัส
แมกนีเซยี มและแรธ่ ำตอุ นื่ ๆ อกี หลำยชนดิ
ของมะเขือเทศต้องกำรสภำพอำกำศค่อนข้ำงเย็น อุณหภูมิกลำงวันที่เหมำะสมอยู่ที่ระหว่ำง
25 - 30 องศำเซลเซียส อุณหภูมิกลำงคืนประมำณ 16 - 20 องศำเซลเซียส ถ้ำอุณหภูมิกลำงคืน สูง
กว่ำ 22 องศำเซลเซียส จะทำให้มะเขือเทศไม่ติดผลหรือติดผลได้น้อยมำก ฝนและควำมช้ืน สูงเป็น
สำเหตสุ ำคญั ท ำให้โรคทำงใบและทำงรำกระบำดรุนแรง ดังน้นั ฤดปู ลูกที่เหมำะสมทส่ี ุด จึงอยู่ในช่วง
ฤดูหนำว โดยมีช่วงหยอดเมล็ดเพำะกล้ำอยู่ระหว่ำงเดือนตุลำคมถึงเดือนธันวำคม ซ่ึงนอกจำกสภำพ
อำกำศจะเหมำะสมต่อกำรติดผล ทำให้ไดผ้ ลผลติ สงู แลว้ ยังมีศัตรูพืชรบกวน นอ้ ย ต้นทุนกำรผลิตจึงต่
ำงกว่ำกำรปลูกในฤดูอืน่ ด้วย
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์
มะเขือเทศมีจำนวนโครโมโซมเท่ำกับ 2n=24 เป็นพืชผสมตวั เองตำมธรรมชำตแิ ละมีกำรผสม
ขำ้ ม 2-5 เปอรเ์ ซ็นต์ ดอกเป็นดอกสมบูรณเ์ พศ ประกอบด้วยสว่ นของเกสรตวั เมียคือ รังไข่ และก้ำนชู
เกสรตัวเมีย ส่วนของเกสรตวั ผูป้ ระกอบด้วยอับละอองเกสรตวั ผู้ 5-10 อัน ซ่ึงมีลักษณะเป็นแท่งเชื่อม
ติดกนั เปน็ รูปกรวย เรียกว่ำ anther capหรอื anther cone ซงึ่ อยลู่ ้อมรอบสว่ นของเกสรตัวเมีย โดย
ปกติก้ำนชุเกสรตัวเมียส้ันกว่ำอับละอองเกสรตัวผู้ด้ังนนั้ เม่ือละอองเกสรตัวผ้พู ร้อมที่จะผสมเกสรส่วน
ของละออง เกสรตัวผู้จะฟุ้งกระจำยอยู่ภำยใน anther cap และตกลงบนเกสรตัวเมีย ทำให้มี
กำรผสมตัวเองสูง แต่ในสภำพอุณหภูมิและควำมชื้นสัมพัทธ์สูง อำจพบส่วนของ ก้ำนชูเกสร ตัวเมีย
ยำวโผล่พ้นอับละอองเกสร ตัวผู้ออกมำ ทำให้มีอัตรำกำรผสมข้ำมสูงข้ึน พันธุ์ทนร้อนและชื้นมักพบ
ลักษณะน้ีและมีกำรผสมข้ำมสูง กลีบดอกและกลีบเล้ียงมี 5-7 กลีบ และมีสีเหลืองล้อมรอบส่วนของ
เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียมะเขอื เทศออกดอกเป็นช่อแบบ raceme ช่อดอกเจริญจำกบริเวณข้อ หรือ
ระหว่ำงข้อ ช่อดอกมีดอกย่อย 4-50 ดอก ผลเป็นแบบ berryประกอบด้วยช่องว่ำงภำยในผล2-
25 ช่อง ปกตมิ กั มี 2-9 ชอ่ งผลมีรูปรำ่ งแตกต่ำงกนั สผี ลมสี ีแดง สม้ และเหลือง
3
ราก
มะเขือเทศมีระบบรำกเป็นแบบรำกแก้ว มีรำกแขนงเจริญไปตำมแนวนอนไปได้ไกลถึง 60
เซนตเิ มตร และสำมำรถเจรญิ ในแนวด่ิงได้ลึกประมำณ 100-120 เซนติเมตร อีกทัง้ ยังสำมำรถเกิดรำก
ไดท้ ัว่ ๆไปตำมลำตน้ ทีส่ ัมผัสกับผวิ ดิน ซ่ึงเปน็ ลักษณะพเิ ศษของมะเขือเทศ
ลาตน้
ต้ังตรง มีลักษณะเป็นไม้พุ่มเต้ียกึ่งเลื้อย ควำมสูง 50-150 ซม. แตกกิ่งก้ำนมำก ลำต้นสีเขยี ว
ขน นุ่มปกคลมุ และมีเมือกเหนียวมอื
ใบ
เป็นใบประกอบ ออกสลับกัน ใบย่อยมีขนำดไม่เท่ำกัน บำงใบเล็กรียำว บำงใบกลมใหญ่
ปลำยใบแหลม ขอบใบเป็นหยักลึกคล้ำยฟันเลื่อยมีขนอ่อน ๆ บริเวณซอกใบ ก้ำนใบยำว 3-5 ซม. มี
ใบย่อย 5-9 ซม. ใบย่อยรูปสำมเหลย่ี ม ขอบใบจัก แผ่นใบขรุขระเล็กน้อย มีขนนุ่มปก คลุมสีเขียวเขม้
ขนำดใบยอ่ ยกว้ำง2-4 ซม. ยำว 3-6 ซม
ดอก
ดอกเกิดเป็นช่อบนลำต้นระหว่ำงข้อ ดอกมีกลีบเลี้ยงสีเขียว 5-10 กลีบ มีกลีบดอก 5กลีบ สี
เหลือง รูปร่ำงคล้ำยหอกเช่อื มติดกันท่ีโคน เม่ือดอกบำนกลีบเลี้ยงและกลีบดอกจะโค้งออก กลีบเล้ียง
ตอนแรกจะส้ันกว่ำกลีบดอก แต่จะมีขนำดใหญ่ขึ้นเม่ือผลแก่มีเกสรตัวผู้ 5 อัน ประกอบด้วยอับเรณู
ใหญแ่ ละกำ้ นอบั เรณูส้นั อย่รู อบเกสรตวั เมยี
ผล
เป็นผลเดี่ยว รูปทรงของรูปผลมีตั้งกลมจนถึงรี มีขนำดรูปร่ำงและสีต่ำงกัน ซ่ึงมีขนำดเล็ก
ประมำณ 3 เซนติเมตร จนถึงใหญ่ประมำณ 10 เซนติเมตร รูปร่ำงมีท้ังกลม กลมแบน หรือกลมรี ผิว
นอกลีบเป็นมัน สีของผลจะข้ึนอยู่กับเม็ดสี 2 ชนิด คือ ไลโคปีน(Lycopene) ซึ่งทำให้เกิดสีแดงและ
แคโรทีน(Carotene) ทำให้เกิดสีเหลืองแดง ส้ม และสีน้ำตำลอ่อน เน้ือภำยในฉ่ำด้วยน้ำมีรสเปร้ียว
ภำยในมีเมล็ดเรยี ง ตวั เป็นชอ่ ง ๆ และมีเมอื กวุน้ หอ่ หมุ้ เมลด็
เมลด็
รปู คอ่ นขำ้ งกลมแบนสนี ้ำตำลอ่อน ขนำด 0.2-0.5 ซม. มขี นสั้น ๆ โดยรอบมเี ป็นจำนวนมำก
4
ประโยชน์
- มะเขือเทศมีสำรทสี่ ำมำรถยับย้ังกำรเจรญิ เติบโตของเชื้อรำ ดังนน้ั จงึ ใชเ้ ป็นยำรักษำโรคท่ี
เก่ียวกบั ปำกทเ่ี กดิ จำกเช้อื รำได้
-มะเขือเทศมีสำรแอนต้ีออกซิแดนท์ คือ ไลโคปีน ท่ีมีคุณสมบัติสำมำรถลดกำรเกิดมะเร็ง
ลำไส้ และมะเร็งต่อมลกู หมำกได้ หำกทำนมะเขือเทศ 10 คร้ัง/สัปดำห์ จะช่วยลดอัตรำกำรเกดิ มะเร็ง
ต่อมลูกหมำกในเพศชำยได้ถึง 45% นอกจำกนี้มะเขือเทศยังมีบีตำ-แคโรทีน และฟอสฟอรัสมำก ที่
มะเขือเทศมีรสชำติอร่อยนั้น เพรำะมีกรดอะมิโนท่ีช่ือกลูตำมิคสูง กรดอะมิโนนี้เองเป็นตัวเพิ่มรสชำติ
ให้อำหำร ทั้งยงั เปน็ กรดอะมิโนตวั เดยี วกับทอี่ ยู่ในผงชูรสด้วย
- รกั ษำสวิ สมำนผิวหน้ำใหเ้ ตง่ ตึง โดยใชน้ ำ้ มะเขอื เทศพอกหนำ้ หรอื อำจจะนำมะเขือเทศสุก
ฝำนบำง ๆ แปะบนใบหน้ำ จะช่วยใหผ้ วิ หนำ้ อ่อนนุ่ม
- ในผลมะเขือเทศมีสำรจำพวก แคโรทีนอยด์ ชื่อไลโคพีน (Lycopene) ซ่ึงเป็นสำรสีแดง
และวติ ำมินหลำยชนิด เชน่ วติ ำมนิ บี 1 วติ ำมนิ บี 2 วิตำมินเค โดยเฉพำะวติ ำมินเอ และวติ ำมินซี มใี น
ปริมำณสงู มกี ลดมำลิค กรดซติ รกิ ซ่งึ ให้รสเปร้ยี ว และมีกลตู ำมคิ (Glutamic) ซง่ึ เปน็ กรดอะมิโนช่วย
เพ่ิมรสชำติให้อำหำร นอกจำกน้ียังประกอบด้วยสำรบีตำ-แคโรทีน และแร่ธำตุหลำยชนิด เช่น
แคลเซยี ม ฟอสฟอรัส เหลก็ เป็นตน้
- มะเขือเทศมีสรรพคุณทำงยำค่อนข้ำงสูง เพรำะมะเขือเทศมี วิตำมินพี (citrin) ซ่ึงจะช่วย
ป้องกันกำรแข็งตวั ของหลอดเลือด มะเขอื เทศยงั มีฤทธขิ์ ับปัสสำวะจึงสำมำรถแก้อำกำรควำมดนั โลหิต
สูงมะเขือเทศมีวิตำมินเอจึงสำมำรถรักษำโรคตำได้ ท่ีสำคัญอีกอย่ำงหนึ่งคือมีวิตำมินซีมำกทำให้
สำมำรถป้องกันและรกั ษำโรคลักปดิ ลักเปดิ ช่วยระบบกำรยอ่ ยและช่วยกำรขบั ถำ่ ยอจุ จำระอีกด้วย
- ช่วยบำรุงผิวลดร้ิวรอย ผิวพรรณไม่แห้งกร้ำน ระบบกำรหมุนเวียนเลือดดีข้ึน และยัง
สำมำรถตำ้ นมะเร็งได้ด้วย
3 ซอสมะเขือเทศสำมำรถนำมำใช้หมักผมได้ โดยจะช่วยป้องกันกำรเปลี่ยนไปของสีผมอัน
เน่ืองมำจำกกำรวำ่ ยในนำ้ ในสระทม่ี ีคลอรีน และยังนำมำใชข้ ัดเครอื่ งประดบั เงินช้ินโปรดของคณุ ให้เงำ
งำมได้เหมือนเดิม
5
พนั ธ์ุของมะเขือเทศ
พนั ธ์มุ ะเขอื เทศสำมำรถแบ่งออกได้ 2 ประเภทคือ แบ่งตำมลักษณะกำรเจรญิ เตบิ โตของลำ
ตน้ และกำรเกดิ ชอ่ ดอกและอีกประเภทหนึ่งคือ แบ่งกำรตำมใชป้ ระโยชน์ ซึ่งกำรแบ่งแต่ละประเภทมี
หลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้คอื
1.การแบ่งพันธุ์มะเขือเทศตามลกั ษณะการเจรญิ เตบิ โตของลาตน้ และการเกิดช่อดอก
กำรแบง่ ด้วยวิธีนสี้ ำมำรถแบง่ มะเขือเทศออกไดเ้ ป็น2 ประเภทใหญ่คือ
พันธ์ุพุ่ม หรือพันธ์ุไม่ทอดยอด (Determinate type) เป็นพันธุ์ซ่ึงมีลำต้นลักษณะเป็นพุ่ม
ช่อดอกเกิดได้ทุก2ข้อของลำต้น และส่วนปลำยจะกลำยเป็นช่อดอกแทน และมีมะเขือเทศพันธ์ุ นี้
ส่วนมำกจะออกดอกในเวลำใกล้เคียงกัน ดังนั้นกำรเก็บเกี่ยวจึงทำได้สะดวก คือสำมำรถเก็บได้พร้อม
กนั ตัวอย่ำงมะเขือเทศพนั ธ์พุ ุ่ม
พนั ธ์ุเลอ้ื ยหรือพนั ธ์ทุ อดยอด (Indeterminate type) เป็นพนั ธ์ทุ มี่ ีลำต้นเลือ้ ย ไมม่ ดี อ
ที่ปลำยยอด ตำมปกติต้นจะทอดยอดออกไปเรื่อยๆ นอกจำกในสภำพแวดล้อมท่ีไม่เหมำะสมเท่ำนั้น
ยอดจะชะงักกำรเจริญเติบโต ชอ่ ดอกเกดิ ทุกๆ 3ขอ้ กำรปลกู มะเขือเทศพันธ์ุนี้ต้องทำค้ำงโดยใช้ไม้ปัก
หรอื เชือกพลำสติกขงึ เพื่อค้ำงเพื่อชว่ ยใหผ้ ลมีคุณภำพดีขึ้น ไม่เปอ้ื นดิน ไม่ถกู ทำลำยจำกควำมช้นื โรค
และแมลงในดินแต่ในบำงแห่งที่มีค่ำจ้ำงแรงงำนสูง และต้องลงทุนสูงในกำรทำค้ำงท่ีปล่อยให้เล้ือยไป
ตำมดิน โดยไม่ทำค้ำงแต่ใช้วัสดุคลุมดินแทน เช่น ฟำงข้ำวเพื่อป้องกันควำมเสียหำยที่เกิดขึ้นกับผล
ของมะเขือเทศ ปรำกฏว่ำใช้ได้ผลดีเช่นกันตัวอย่ำงมะเขือเทศพันธุ์เลื้อยได้แก่ พันธ์ุสีดำ ฟลอรำเดล
และอนื่ ๆ
6
2.การแบ่งพันธ์มะเขอื เทศตามประเภทการใช้ประโยชน์
แบง่ ออกได้ 2 ประเภทดังนี้
พนั ธุบ์ รโิ ภคสด มะเขอื เทศชนดิ นีม้ ที ้ังแบบมผี ลขนำดเล็กนยิ มสชี มพูมำกกว่ำสแี ดง สำหรับ
ผลขนำดใหญล่ กั ษณะผลกลมคลำ้ ยแอปเปล้ิ ผลสเี ขยี วเมื่อสุกจะมีสีแดงจดั เน้ือหนำแขง็ เปลอื กไม่
เหนยี วและผลไม่กลวงพนั ธุ์ทีใ่ ช้ปลกู เพอื่ บริโภคสดมีหลำยพันด้วยกนั เชน่ พันธ์ุ สดี ำ พันธ์ฟุ ลอรำเดล
เปน็ ต้น
พันธุอ์ ุตสาหกรรม ลกั ษณะมะเขือเทศพันธุ์อตุ สำหกรรม
1) เปน็ มะเขือเทศพันธเุ์ นอื้ มรี สเปรย้ี วจดั มเี ปอรเ์ ซ็นกรดสูง
2) เปน็ พนั ธุท์ ่ีมผี ลสกุ พร้อมๆกนั เกอื บทงั้ ต้น ทำกำรเกบ็ เกี่ยวเพียง 2-3 คร้ัง
3) เปน็ พนั ธุพ์ ุ่ม
4) เป็นพันธุ์แน่นเปลือกเหนียว ไม่แตกซำ้ ง่ำยในขณะขนส่ง
5) ผลสุกมสี ีแดงจัดท้ังผล
6) ขนำดและรูปร่ำงของผลสมำ่ เสมอ
7) กลบี รองดอกที่ติดผล แยกหลุดจำกผลไดง้ ำ่ ยขณะเกบ็ เกี่ยว
8) มีควำมทนทำนต่อโรคและแมลงได้ดี
9) ผลผลิตต่อไรส่ ูง
7
พันธแุ์ ละชนิดของมะเขอื เทศ
1.มะเขือเทศเชอรร์ ่ี (Cherry tomatoes)
มะเขือเทศเชอรร์ ่ีเป็นมะเขือเทศลกู เล็ก ๆ พอเหมำะและมขี นำดกลมพอดีคำ เม่อื กดั เขำ้ ไปจะ
รู้สึกถึงควำมชุ่มฉ่ำ มะเขือเทศชนิดนี้เหมำะสำหรับใส่รวมในสลัดหรือทำนเป็นของว่ำง และยังอร่อย
มำกถ้ำใสล่ งในเคบบั อีกด้วย ไม่เชอื่ ลองดู
2.มะเขือเทศองุ่น (Grape tomatoes)
มะเขอื เทศองุน่ จะมีขนำดครึ่งหนงึ่ ของมะเขอื เทศเชอร์ร่ี มะเขือเทศชนิดน้ีมรี ปู รำ่ งยำว ๆ และ
มนี ำ้ ไมม่ ำก เหมำะสำหรบั ใส่ลงไปในสลดั หรือจะทำนเป็นขนมขบเค้ียวอย่ำงเดยี วโดด ๆ ก็อรอ่ ยไปอีก
แบบ
8
3.มะเขอื เทศโรม่า (Roma tomatoes)
มะเขือเทศโรม่ำจะมขี นำดใหญ่กว่ำมะเขือเทศองุ่นและมะเขือเทศเชอรร์ ี่ มะเขือเทศชนิดน้ีจะ
มีควำมหวำนและฉ่ำตำมธรรมชำติ เหมำะสำหรับทำซอสหรือทำผลิตภณั ฑ์บรรจกุ ระป๋องและใส่ลงใน
สลัด ในแถบภำคเหนือหำกอยำกกินข้ำวซอยน้ำเงี้ยวที่รสชำติออกหวำนหน่อย ๆ มะเขือเทศชนิดนี้ก็
มกั จะเป็นทน่ี ิยม
4.มะเขอื เทศสเต็ก (Beefsteak tomatoes)
มะเขือเทศสเต็ก เป็นมะเขือเทศที่มีขนำดใหญ่และเนื้อแน่น ทำให้คนนิยมนำมำใช้ห่ันบำง ๆ
เพ่ือใส่ในแซนวิชหรอื แฮมเบอร์เกอร์ มะเขือเทศชนิดนี้จะมีรสชำติอ่อนและชุ่มฉ่ำ จึงเหมำะสำหรับทำ
ซอสหรอื บรรจกุ ระปอ๋ งด้วย
9
5. Heirloom tomatoes
Heirloom tomatoes จะเป็นมะเขือเทศที่มีขนำดและสีที่แตกต่ำงกัน ต้ังแต่สีเหลืองอ่อน สี
เขยี ว สีม่วงแดง รวมไปถึงสีมว่ งแดงเข้ม มะเขอื เทศชนดิ น้ีจะมรี สชำติทีห่ วำน ๆ เค็ม ๆ เหมำะสำหรับ
ทำซอส บรรจุกระปอ๋ ง หรือกนิ สด ๆ
6.มะเขือเทศเถาวลั ย์ (Tomatoes on the vine)
มะเขือเทศชนิดนี้พบได้บ่อยท่ีสุดเนื่องจำกปลูกง่ำยและดูแลง่ำย มะเขือเทศชนิดนี้จะมีลูก
ใหญ่ เนอื้ แน่น เหมำะสำหรับใส่ลงในแซนวิช ทำซอส หรอื บรรจกุ ระปอ๋ ง
10
7.มะเขือเทศสเี ขียว (Green tomatoes)
มะเขือเทศสีเขียวเป็นมะเขือเทศท่ีห่ันง่ำยเพรำะมีเนื้อแน่น แถมยังมีรสชำติเปรี้ยวเล็กน้อย
เหมำะสำหรับบรรจุกระป๋อง ทำซอส ทำเครื่องปรุง แต่ มะเขอื เทศสีเขียวถึงแมผ้ ลจะสุกแล้วกต็ ำมก็ยัง
มีระดับของสำรอัลคำลอยที่สูง ทำให้ย่อยยำกและอำจจะทำให้เกิดปัญหำเกี่ยวกับระบบทำงเ ดิน
อำหำร ทำงที่ดกี ่อนทำนควรทำใหส้ กุ ก่อน และหลีกเลย่ี งกำรรบั ประทำนแบบดิบ ๆ
การปลูกทาได้ 2 วิธี
1. เพำะกล้ำแล้วย้ำยปลูก โดยเตรียมแปลงกล้ำอย่ำงประณีต ยกแปลงสูงประมำณ 1 คืบ น
ำปุ๋ย คอก หรือ ปุ๋ยหมักมำคลุกเคล้ำประมำณ 1 - 2 บุ้งก๋ี ต่อ 1 ตำรำงเมตร ใช้เมล็ดประมำณ 30 -
40 กรัม หยอดลงบนแปลงยำว 10 เมตร กว้ำง 1 เมตร จะได้ต้นกล้ำพอส ำหรับปลูกในพื้นท่ี 1 ไร่
กำรหยอดเมล็ด ควรหยอดเป็นแถวห่ำงกันประมำณ 10 ซม. ลึกไม่เกิน 1 ซม. เมื่อหยอด เมล็ดแล้ว
กลบดว้ ยดนิ ผสมปยุ๋ หมัก และคลุมแปลงดว้ ยฟำงข้ำว หรอื หญ้ำแห้งบำงๆ ในช่วง 3 วนั แรก รดน้ำสม่
ำเสมออย่ำให้ผิวหน้ำดินแห้ง และถ้ำแดดจัดหรือฝนตกหนักต้องคลุมแปลงด้วย ผ้ำไนล่อนหรือผ้ำ
พลำสติก เพื่อป้องกันเม็ดฝนกระแทกล ำต้นหรือใบเป็นรอยซ้ ำ ซ่ึงเป็นสำเหตุ ของกำรเกิดโรคต่ำงๆ
ได้ง่ำย โรคท่ีส ำคัญในแปลงกล้ำ คือ โรคโคนเน่ำ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งเมื่อฝนตกติดต่อกัน ควำมชื้นใน
อำกำศและที่ผิวดินสูง ป้องกันโดยน ำเศษฟำงหรือหญ้ำที่ใช้คลุม แปลงออกให้หมด เพื่อให้แปลงกล้ำ
โปร่งและกำรระบำยอำกำศดี แล้วฉีดพ่นด้วยยำกันรำ ในช่วงท่ีกล้ำมะเขือเทศอำยุประมำณ 17 - 22
วัน ควรลดปริมำณน้ ำท่ีให้ลง และให้กล้ำได้รับ แสงแดดอย่ำงเต็มท่ี ต้นกล้ำจะแข้งแรง เหนียว ไม่
11
อวบฉ่ ำน้ ำ ซง่ึ มีผลใหก้ ล้ำรอดตำยมำก หลังจำกย้ำยกลำ้ โดยทวั่ ไปกำรย้ำยกลำ้ ลงแปลงปลกู มกั จะใช้
กล้ำอำยปุ ระมำณ 21 - 25 วัน หลังจำกหยอดเมลด็ หรอื เมื่อกลำ้ มีใบจริง 3 - 4 ใบ
2. หยอดเมล็ดลงแปลงปลูกโดยตรง ใช้ในกรณีที่สำมำรถให้น้ ำได้ง่ำย แต่จะเสียเวลำและ
แรงงำน ในกำรดูแลรักษำมำกกว่ำ อีกทั้งต้องใช้เมล็ดพันธ์ุมำกข้ึนเป็น 80 - 100 กรัม ต่อไร่ ส ำหรับ
ระยะปลูกท่ีเหมำะสม ควรใช้ระยะระหว่ำงแถว 1 เมตร ระยะระหว่ำงต้น 25 - 50 ซม. ปลูก 1 ต้น
ต่อ หลุม ถำ้ ใชร้ ะยะปลูกแคบจะไดผ้ ลผลิตต่อ พน้ื ทมี่ ำกข้ึน แต่กำรควบคุมโรคและ กำรปฏิบัตงิ ำนอื่น
จะยุ่งยำกขึ้นด้วย ในฤดูแล้งควรปลูกถ่ี ส่วนในฤดูฝนควรใช้ระยะปลูกห่ำง เน่ืองจำกมะเขือเทศ
เจรญิ เตบิ โตดีมีทรงพุ่มสูงใหญก่ ว่ำฤดอู ืน่ ๆ
สภาพดินและการเตรียมดินปลูก : ดินที่เหมำะสมต่อกำรปลูกมะเขือเทศมำกท่ีสุดควรเป็น
ดนิ ร่วนปนทรำยท่ีมีอินทรียว์ ัตถุสงู และมีกำรระบำยน้ำดี ควำมเปน็ กรดเปน็ ด่ำงของดินประมำณ 4.5-
6.8 ถ้ำดินเป็นกรดหรือเป็นด่ำงมำกเกินไป จะทำให้ดินขำดธำตุอำหำรบำงอย่ำงได้ หรือธำตุอำหำร
บำงชนดิ สำมำรถละลำยออกมำได้มำกเกนิ ไป จนเป็นเหตุใหเ้ ป็นพิษต่อพชื หำกอยำกทรำบว่ำดินนั้นๆ
มีควำมเป็นกรดเป็นด่ำงเท่ำไหร่ จำเป็นต้องเก็บตัวอย่ำงดินส่งวิเครำะห์ท่ีสำนักวิทยำศำสตร์เพื่อกำร
พัฒนำดิน กรมพัฒนำท่ีดิน กทม. หรือ กองเกษตรเคมี กรมวิชำกำรเกษตร บำงเขน กทม.ซ่ึงจะให้
คำแนะนำกำรปรบั สภำพดนิ ใหเ้ หมำะสมตอ่ กำรปลกู พืชต่อไป
การเตรียมดิน : สำหรับกำรปลกู มะเขอื เทศ ตอ้ งพถิ ีพิถันเปน็ อยำ่ งมำกในกำรเตรยี มดนิ พ้ืนที่
หรือแปลงปลูกจำต้องมีทำงระบำยน้ำดี ควรมีกำรกำจัดวัชพืชออกหมด เพรำะวัชพืชจะไปแย่งกินนำ้ -
อำหำร-แสงแดด และ ยังเป็นที่อยู่อำศัยของโรคและแมลงศัตรูพืชได้ ดังน้ันถ้ำมีกำรเตรียมดินดี
นับต้ังแต่แรกเร่ิม ก็จะช่วยป้องกันให้วัชพืชงอกช้ำลง กำรเตรียมดินที่เหมำะสม ควรไถพรวนหน้ำดิน
ให้มีควำมลึก ประมำณ 30-40 ซม. โดยใช้ผำล 4 และ ผำล 7 ไถย่อยดินไปมำ 2 คร้ัง ควรย่อยดินให้
ละเอียดพอสมควร เนื่องจำกรำกมะเขือเทศต้องกำรสภำพดินที่มกี ำรระบำยนำ้ และถ่ำยเทอำกำศไดด้ ี
จำกนั้นตำกแดดไว้ให้ดินแห้ง 3-4 อำทิตย์ ถ้ำดนิ มสี ภำพควำมเปน็ กรดควรหวำ่ นปูนขำวปรับสภำพดิน
อตั รำไรล่ ะประมำณ 100-300 กก. และ คลุกเคลำ้ กบั ดิน หรอื ใช้หวำ่ นในกำรเตรยี มดินก่อนปลูกรอบ
สุดท้ำย และควรใสก่ ่อนปลกู 2-3 อำทิตย์
12
การเพาะกลา้
กำรเพำะกล้ำทำได้ 3 วิธี คอื
1. กระบะเพำะ นิยมใช้กรณีท่ีต้องกำรต้นกล้ำจำนวนไม่มำกนัก กำรเพำะกล้ำโดยวิธีนี้จะ
สำมำรถเพำะได้ดี เน่ืองจำกใช้ดินจำนวนน้อย สำมำรถนำดินมำอบฆ่ำเช้ือโรคก่อนทำกำรเพำะได้โดย
อบด้วยไอน้ำร้อน หรือตำกดินท่ีจะใช้เพำะให้ดีก่อนประมำณ 3-4 อำทิตย์ หรือเลือกดินที่ปรำศจำก
โรคมำเป็นสว่ นผสมโดยสงั เกตว่ำดนิ น้ันปลูกพืชแลว้ พืชไม่เคยเป็นโรคมำก่อนหรือเป็นดินท่ีไมเ่ คยปลกู
พชื มำกอ่ นเลยกใ็ ชไ้ ด้
กระบะที่ใช้เพำะเมล็ดควรมีขนำดประมำณ 45-60 ซม. หรือ ภำชนะอื่นใดที่พอจะหำมำใช้
แทนกันได้ ลึกไม่เกิน 10 ซม. มีรูระบำยน้ำ ได้ ใส่ดินที่ร่อนแล้ว 3 ส่วน ปุ๋ยคอก 1 ส่วน ทรำยหรือ
แกลบ 1 สว่ น คลกุ เคล้ำใหเ้ ขำ้ กนั ปรับผวิ หน้ำดนิ ใหเ้ รียบแล้วโรยเมล็ดเป็นแถว โดยกำรใชไ้ ม้ทำบเป็น
ร่องเล็กๆ ระยะระหว่ำงแถว 5-7 ซม. แล้วกลบเมล็ดด้วยแกลบหรือทรำยบำงๆ รดน้ำให้ชุ่ม และใช้
สำรป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช พด.7 เจือจำงน้ำ อัตรำ 1:500 ฉีดพ่นอีกคร้ังหนึ่ง เพื่อป้องกันมดคำบ
เมล็ดไปกิน
เม่ือต้นกล้ำอำยุได้ 15 วัน หรือ มีใบจริง 2 ใบ ให้ย้ำยกล้ำลงถุงพลำสติกขนำด 4-6 นิ้ว ซ่ึง
บรรจุดินผสมอยู่จนกระทั้งตนกล้ำสูงประมำณ 30 ซม. หรือ มีอำยุ 30-40 วัน จึงทำกำรย้ำยลงแปลง
ปลูก โดยใช้มีดกรีดถุงพลำสติกให้ขำดเพื่อไม่ให้รำกกระทบกระเทือนก่อนท่ีจะย้ำยปลูก 2-3 วัน อำจ
ใชโ้ พแทสเซยี ม คลอไรด์ อัตรำ 2 ช้อนแกงตอ่ นำ้ 1 ปบ๊ี รดเพื่อใหต้ น้ กล้ำแข็งแรง แต่กอ่ นย้ำยกลำ้ ควร
งดกำรให้น้ำ 1 วนั เพอื่ ให้ดินในถงุ จับตัวแน่น ทำให้สะดวกต่อกำรย้ำยกล้ำ อยำ่ งไรก็ตำมเมื่อกล้ำมีใบ
จริง 2-3 ใบ หำกไม่ย้ำยกล้ำลงถุงพลำสติกก็ควรชำต้นกล้ำให้เป็นแถวในแปลงเพำะชำ โดยเตรียมดิน
ให้ร่วนซยุ ด้วยกำรใส่ป๋ยุ คอกในอัตรำ 5-7 กก.ตอ่ ตรม. ขนำดแปลงเพำะชำควร
กล้ำง 1 เมตร ควำมยำวขนึ้ อยกู่ ับขนำดของพืน้ ท่ี และ ปรมิ ำณของตน้ กล้ำ ระยะปลูกระหว่ำง
แถว 10 ซม. เม่ือกล้ำมีควำมสูง 30 ซม. จึงย้ำยปลูกในแปลงจริง โดยก่อนจะย้ำยต้องรดน้ำให้แปลง
ชุ่มเสียก่อน เพ่ือควำมสะดวกในกำรถอนต้นกล้ำและรำกต้นกล้ำจะไม่ขำดหรือถูกกระทบกระเทือน
มำกนกั
2. แปลงเพำะ นิยมใช้ในกรณีที่ต้องกำรต้นกล้ำเป็นจำนวนมำก สำหรับขนำดของแปลงเพำะ
ก็เช่นเดียวกับแปลงเพำะชำ คือ ขนำดกว้ำง 1 เมตร ควำมยำวข้ึนอยู่ ขนำดพื้นท่ี ควำมกว้ำงทำงเดิน
ระหว่ำงแปลง 50 ซม. ผสมดินด้วยปุ๋ยคอก และ ทรำยในอัตรำ 3:1 ทำกำรเพำะเมล็ดโดยโรยเมล็ด
13
เป็นแถวๆ ห่ำงกัน 10 ซม. เม่ือกล้ำมีอำยุ 25-30 วันหรือมีใบจริง 2-3 คู่ ให้ย้ำยปลูกลงแปลงได้ หลัง
ย้ำยปลกู ใหม่ๆ ควรพรำงแสงในชว่ งบ่ำยเพื่อชว่ ยเก็บควำมช้ืนและเอื้อต่อกำรงอกของเมล็ด หรือจะใช้
ฟำงข้ำวช่วยคลุมก็ได้เช่นกัน เมื่อเมล็ดเริ่มงอกให้เอำฟำงท่ีคลุมไว้ออก เพื่อปล่อยให้ต้นกล้ำงอกโผล่
ออกมำไดง้ ำ่ ยข้ึน เนอ่ื งจำกเมลด็ พันธข์ุ องมะเขือเทศมรี ำคำแพง ก่อนจะเพำะควรทำกำรทดสอบควำม
งอกเสียก่อนง่ำมีควำมงอกก่ีเปอร์เซ็นต์ โดยใช้วิธีกำรเพำะเมล็ดในกระดำษเพำะเมล็ด โดยตรงหรือ
กระดำษฟำงชื้น หรือ ในกระบะทรำยก็ได้ โดยใช้เมล็ด 100 เมล็ด หลังจำกเพำะได้ 10-15 วัน นับ
จำนวนต้นทง่ี อกเปน็ เปอรเ์ ซน็ ตค์ วำมงอกของเมล็ด
3. ถำดเพำะกล้ำ เป็นวิธีเพำะกล้ำ ท่ีสะดวกและพัฒนำจำกวิธีกำรเพำะกล้ำมในกระบะเพำะ
โดยเตรียมเพำะเมล็ด มะเขือเทศลงในถำดเพำะกล้ำ พลำสติก เม่ือกล้ำมีอำยุได้ประมำณ 20 วันจึง
เตรียม ย้ำยปลูกลงแปลง โดยใช้มือบีบด้ำนล่ำงสุดของถำดหลุมต้นกล้ำจะหลุดออกมำจำกถำดพร้อม
ดนิ ปลูกทำใหต้ น้ กลำ้ มะเขือเทศไม่ได้รบั ควำมกระทบกระเทือนมำกนัก
การปฏบิ ตั ิดแู ลรกั ษา
- กำรคลุมแปลงปลูกด้วยฟำงหรือหญ้ำแห้ง เพื่อรักษำควำมช้ืนของดินและเป็นกำรป้องกัน
กำร ชะล้ำงผิวหน้ำดินเมื่อฝนตก หรือให้น้ ำ นอกจำกน้ียังช่วยลดเปอร์เซ็นต์ผลเน่ำและกำรระบำด
ของโรคทำงใบ ซึ่งจะช่วยให้ผลผลิตเพิ่มสูงขึ้นประมำณ 20 - 40 % แต่ฟำงมักจะมีเชื้อรำสเคอ
โรเต่ยี มตดิ มำดว้ ย ท ำให้เกิดโรคเห่ยี วตน้ แหง้ ตำยไป กำรคลุมฟำงจึงควรคลมุ ให้ห่ำงโคนต้น เพอ่ื ไม่ให้
โคนตน้ มคี วำมชน้ื สงู เกินไป
- กำรกำจัดวัชพืช ใช้สำรเคมีชื่อ เมตริบูซิน หรือชื่อกำรค้ำว่ำ เซงคอร์ อัตรำ 80 - 120 กรัม
(เน้ือสำรบริสุทธ์ิ) หรือ 115 - 170 กรัม สำรเซงคอร์ 70 % ต่อพ้ืนที่ปลูก 1 ไร่ ฉีดหลังจำกย้ำย กล้ำ
ขณะทด่ี นิ มคี วำมชืน้ อยู่ จะสำมำรถควบคมุ วชั พืชใบแคบและใบกวำ้ งบำงชนิดได้ แตถ่ ้ำมี กำรพรวนดิน
พนู โคนหลงั จำกใสป่ ๋ยุ ทอ่ี ำยุ 20 และ 40 วนั กไ็ ม่จ ำเปน็ ต้องใช้สำรเคมีควบคมุ วัชพชื
การพรวนดินกลบโคนต้น : เมื่อต้นกล้ำต้ังตัวได้เต็มที่ ควรทำกำรพรวนดินกลบโคนต้น โดย
เปิดเป็นร่องระหว่ำงแถว ในแปลงที่ไม่ได้คลุมพลำสติกทึบแสง เพื่อให้สะดวกต่อกำรให้น้ำ น้ำไม่ขัง วิธี
น้จี ะทำให้รำกมะเขือเทศเกดิ มำกและลำต้นแข็งแรงหลังจำกนั้นอีก 1 เดือน ควรทำกำรกลบโคนซ้ำอีก
ครัง้ หนึง่
14
การให้น้า
ระยะท่ีมะเขือเทศต้องกำรน้ำมำกคือ ช่วงแรกของกำรเติบโตและช่วงท่ีผลกำลังขยำยขนำด
(ประมำณ 35 - 50 วัน หลังจำกย้ำยกล้ำ) สำหรับช่วงที่กำลังติดผล (20 -35 วัน) ไม่ต้องกำรน้ำมำก
นัก แต่ต้องกำรกำรพรวนดิน เพื่อให้รำกเจริญเติบโตลงไปได้ลึก และรำกกระจำยทำงด้ำนข้ำงได้
สะดวก
การใสป่ ยุ๋
1. ปุ๋ยรองพ้ืน ใช้ปุ๋ย 15 - 15 - 15 อัตรำ 30 กก./ไร่ รองก้นหลุมพร้อมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ย
หมกั 2,000 กก./ไร่ และโบแรกซ์ 4 กก./ไร่
2. ปุ๋ยแต่งหน้ำท่ีอำยุ 7 - 10 วัน หลังจำกย้ำยปลูก ใช้ปุ๋ย 46 - 0 - 0 หรือ 21 - 0 - 0 อัตรำ
10 หรือ 20 กก./ไร่ ถ้ำเปลี่ยนแปลงปลูกท่ีเคยปลูกผักกินใบ เช่น ผักชี มำก่อนควรใช้ปุ๋ย 13 - 13 -
21 แทน
3. ปุ๋ยแต่งหน้ำทอ่ี ำยุ 21 - 25 วัน หลังจำกยำ้ ยปลกู ใชป้ ุย๋ 15 - 15 - 15 อัตรำ 30 กก./ไร่
4. ปยุ๋ แต่งหน้ำทีอ่ ำยุ 40 วัน หลังจำกย้ำยปลูก ใชป้ ยุ๋ 13 - 13 - 21 อัตรำ 30 กก./ไร่
5. ปุ๋ยแต่งหน้ำที่อำยุ 60 วัน หลังจำกย้ำยปลูก ใช้ปุ๋ยชนิดและอัตรำเดียวกับครั้งที่ 4 แต่ถ้ำ
สภำพต้นมะเขือเทศค่อนข้ำงโทรมมีผลน้อยก็ไมจ่ ำเปน็ ต้องใสป่ ยุ๋ คร้ังท่ี 5
23 - 20 หรือ 10 - 30 - 20 เป็นต้น นอกจำกน้ียังมีปุ๋ยใบท่ีมีธำตุอำหำรรอง หลำยชนิดอยู่
ด้วย เช่น แมงกำนีส เหล็ก สังกะสี โบรอน จะช่วยให้ต้นมะเขือเทศสมบูรณ์ยิ่งขึ้นในสภำพอำกำศที่ไม่
เหมำะสม เช่น ร้อนเกินไปหรือมีฝนตกบ่อย ทำให้ต้นมะเขือเทศไม่ค่อยสมบูรณ์ หรือมีอำกำรเฝือใบ
อำจช่วยได้โดยกำรฉีดพ่นปุ๋ยทำงใบสูตรต่ำงๆ ตำมระยะกำรเจริญเติบโต เช่น ในระยะยังไม่ออกดอก
อำจใช้ปุ๋ยใบสูตรเสมอ เช่น 25 - 25 - 25 ส่วนในระยะออกดอกแล้วควรใช้ปุ๋ยใบที่มีฟอสฟอรัส และ
โปแตสเซยี มสงู เชน่ 10 -
การปักค้าง
มีควำมจำเป็นมำกเมื่อปลูกมะเขือเทศในฤดูฝน หรือ ปลูกด้วยพันธุ์ท่ีมีกำรเจริญเติบโตแบบ
เล้ือย กำรปกั ค้ำงแบบค้ำงเดีย๋ วหรือแบบกระโจม จะช่วยให้ผลผลติ ของมะเขือเทศสูงขน้ึ กว่ำกำรไม่ปัก
คำ้ ง 20 % และทำใหก้ ำรฉีดยำป้องกนั ศัตรูพืช กำรเกบ็ เกย่ี ว และกำรปฏิบตั งิ ำนอื่นๆ ในแปลงสะดวก
15
ข้ึน นอกจำกปักค้ำงแล้วต้องหม่ันผูกต้นมะเขือเทศติดกับค้ำงด้วย มิฉะนั้นแขนงที่เกิดใหม่จะ
เจรญิ เติบโตทอดไปกบั ดินทำใหผ้ ลเน่ำเสียหำยได้
การปอ้ งกนั กาจดั โรคที่สาคญั โรคทสี่ าคญั ได้แก่
โรคปลายผลเน่าดาในมะเขือเทศ (Tomato Blossom End Rot)
โรคปลำยผลเน่ำดำในมะเขือเทศสำมำรถสร้ำงควำมเสยี หำยเป็นสว่ นมำกให้กับต้นมะเขอื
เทศ ดังน้ันกำรเรียนรู้วิธีกำรป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดโรคน้ีรวมถึงวิธีกำรรักษำทันทีท่ีเร่ิมแสดงอำกำรของ
โรคเช่นเดยี วกบั วิธกี ำรแก้ไขปญั หำโรคชนิดอน่ื ๆทพี่ บได้บ่อยในมะเขือเทศ
ทุกคนชอบมะเขือเทศพื้นบ้ำนท่ีมีรสชำติดีแต่บ่อยครั้งท่ีชำวสวนจะรู้สึกผิดหวังเม่ือพชื ผกั
ของพวกเขำเกิดปัญหำขึ้น และน่ีก็คือบทสรุปที่เข้ำใจได้ง่ำยเกี่ยวกับโรคที่พบได้บ่อยในมะเขือเทศ
รวมถงึ วธิ ีกำรรักษำตน้ ไมเ้ หล่ำนั้น
โรคปลายผลเนา่ ดา (Blossom End Rot)
อาการ : โรคปลำยผลเน่ำดำจะเกดิ ขึน้ เม่ือมีจดุ เน่ำโหว่ปรำกฏบริเวณปลำยด้ำนลำ่ งของผล
สาเหตุ : โรคปลำยผลเน่ำดำมีสำเหตุมำจำกกำรขำดธำตุแคลเซียมจึงส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณ
ปลำยผลยุบตัวลงซึ่งปัญหำกำรขำดธำตุแคลเซียมนี้สำมำรถเกิดขึ้นได้ถ้ำดนิ มีระดับสำรเคมีที่ต่ำหรือไม่
ก็ธำตุแคลเซียมในดินถูกทำลำยเนื่องจำกค่ำ pH ของดินที่ต่ำ นอกจำกน้ียังอำจเกิดจำกกำรรดน้ำที่ไม่
สมำ่ เสมอหรือกำรขำดแคลนธำตุแคลเซยี มซ่ึงจะส่งผลตอ่ ปริมำณในกำรดูดซึมของพืช
16
วิธีแก้ปัญหา : เร่ิมจำกกำรทดสอบดินในสวน ถ้ำพบว่ำดินมีค่ำ pH ต่ำอำจต้องเติมปูนขำวลง
ไปซึ่งค่ำ pH ท่ีดีที่สุดสำหรับต้นมะเขือเทศจะอยู่ในช่วงระหว่ำง 6.5–6.8 นอกจำกนี้กำรคลุมดินต้นไม้
เพื่อรักษำควำมชนื้ ในดินอยำ่ งสม่ำเสมอโดยพชื ผักจะต้องกำร 1 ถงึ 1.5 นิ้วของนำ้ ตอ่ สัปดำห์ ดังนน้ั จงึ
ควรใช้สำยยำงรดน้ำเพื่อส่งน้ำไปยังบริเวณรำกของพืชโดยตรงและ อย่ำให้ปุ๋ยกับต้นไม้มำกเกินไปโดย
เด็ดขำดเพรำะปุ๋ยจะมีปริมำณธำตุไนโตรเจนที่สูงซึ่งจะไปจับกับธำตุแคลเซียมในดินจึงทำให้พืชไม่
สำมำรถที่จะดดู ซมึ ได้
รอยแตก (Cracking)
อาการ : รอยแตกจะเกิดข้ึนเม่ือผิวของมะเขือเทศสุกหรือใกล้สุกโดยจะเกิดได้สองแบบคือ
บริเวณผิวตรงกลำงของผลหรือไม่ก็ผิวด้ำนข้ำงรอบๆผล แต่ยังสำมำรถกินได้เพียงตัดบริเวณรอยแตก
ออกไปซ่ึงแมลงกส็ ำมำรถเข้ำไปทำลำยกัดกนิ ภำยในผลได้ผำ่ นทำงรอยแตก
สาเหตุ : มะเขอื เทศบำงสำยพันธม์ุ ผี ิวบอบบำงทำให้ง่ำยต่อกำรเกิดรอยแตกมำกกวำ่ สำยพันธ์ุ
อื่นๆและรอยแตกจะเกิดขึ้นเมือ่ พืชใช้ระยะเวลำในกำรเจริญเติบโตที่เร็วมำกตำมดว้ ยระยะเวลำในกำร
เจริญเตบิ โตทช่ี ้ำลงแลว้ ก็กลับมำเร็วข้ึนอีกครั้งจงึ ทำใหเ้ ซลลใ์ นผวิ มะเขอื เทศไม่สำมำรถขยำยออกได้ทนั
สง่ ผลให้เกดิ รอยแตกขึน้ ซ่ึงระยะเวลำทเี่ กดิ สภำวะแห้งแล้งตำมดว้ ยกำรทดน้ำที่ดมี ำกหรือปรมิ ำณฝนที่
มำกกจ็ ดั เปน็ หนึ่งในสำเหตุหลักของกำรเกิดรอยแตกข้นึ
17
วิธีแก้ปัญหา : ทำกำรคลุมดินต้นมะเขือเทศเพ่ือรักษำควำมช้ืนในดนิ อยำ่ งสม่ำเสมอและหำ้ ม
เร่งกำรเจริญเติบโตของพืชด้วยกำรใส่ปุ๋ยในปริมำณที่มำกเกินไป นอกจำกน้ีในกำรเลือกสำยพันธ์ุต้น
มะเขือเทศควรมองหำพนั ธ์ุทมี่ ีควำมตำ้ นทำนต่อกำรเกิดรอยแตกดว้ ย
Anthracnose โรคใบไหม้
อาการ : Anthracnose จัดเป็นโรคร้ำยแรงชนิดหน่ึงที่สำมำรถพบได้ตำมแผลขนำดเล็ก
รวมถึงบริเวณพ้ืนผิวที่ยุบลงไปหรือแม้แต่จุดดำบนผลที่สุกหรือใบของต้นมะเขือเทศซึ่งโรคนี้สำมำรถ
แพร่กระจำยได้อยำ่ งรวดเร็วและอำจเกดิ กำรติดเชื้อในพน้ื ที่ท้ังหมดทีท่ ำกำรเพำะปลูกได้
สาเหตุ : Anthracnose สำมำรถตรวจพบได้ในดิน เมล็ดพืช วัชพืช รวมท้ังซำกพืชท่ีมีกำรตดิ
เช้ือซ่ึงส่วนใหญ่แล้วจะพบได้ทั่วไปตำมสภำพอำกำศท่ีอบอุ่นช้ืนและสำมำรถแพร่กระจำยผ่ำนฝนและ
กำรทดน้ำทก่ี ระเดน็ ไปโดนบริเวณใบได้
วิธีแก้ปัญหา : ทันทีที่มีกำรติดเชื้อควรทำกำรกำจัดต้นที่ติดเช้ือทั้งหมดออกไปจำกสวน
จำกนั้นทำกำรคลุมดินพืชด้วยใบไม้แห้งและบำรุงรักษำสวนเหมือนกำรกำจัดวัชพืชและห้ำมใช้เครื่อง
18
ฉีดน้ำชนิดลอยเหนือหัว และควรปลูกพืชหมุนเวียนทุกๆ 2–3 ปีเพ่ือป้องกันกำรเกิดโรคจำกดินท่ีติด
เช้ือ
โรคเหี่ยวแห้งและตายของพืช (Blight)
อาการ : 3 ควำมเสียหำยหลักท่ีจะเกิดกับตน้ มะเขือเทศนั่นก็คือใบเป็นจดุ (Early blight), ใบ
ไหม้ (Late blight) และกำรเกิด Septoria Leaf Spot ซ่ึงท้ัง 3 ควำมเสียหำยนี้เกิดจำกเชื้อรำท่ีมีผล
ทำให้ใบเกิดจุดหรือใบเหี่ยวเฉำลง โดยโรคใบจุดจะปรำกฏบนใบน้อยลงหลังจำกท่ีมีผลมำกข้ึนและจุด
บนใบจะมีสีน้ำตำลเข้มจนถึงสีดำพร้อมกับมีสีเหลืองบริเวณตรงกลำงจุดและในท่ีสุดใบก็จะร่วงหล่น
จำกต้น ส่วนโรคใบไหม้จะเกิดข้ึนในสภำพอำกำศท่ีอุ่นในตอนกลำงวันแต่หนำวเย็นในตอนกลำงคืนซ่งึ
จุดบนใบจะมีสีเขียวเข้มไปจนถึงสีดำและผลก็อำจจะมีจุดเกิดขึ้นได้ อันดับสุดท้ำยก็คือโรค Septoria
Leaf Spot จะปรำกฏบนใบน้อยลงหลังจำกท่ีมีผลเกิดขึ้นเป็นคร้ังแรก และในท่ีสุดใบร่วงหล่นจำกตน้
เหลือเพียงผลทจ่ี ะสัมผสั กับอำกำร Sunscald
สาเหตุ : โรคท้ังสำมชนิดนี้สำมำรถแพร่กระจำยผำ่ นสปอร์ที่เป้ือนตำมใบในชว่ งสภำพอำกำศ
ทเ่ี ปยี กช้ืน
วิธีแก้ปัญหา : โรคเหลำ่ น้ีสำมำรถแพร่กระจำยได้อยำ่ งรวดเร็วและยำกที่จะควบคุมได้ทันทีที่
พืชเกิดกำรติดเช้ือ ดังน้ันเพ่ือเป็นกำรป้องกันควรหมุนเวียนกำรปลูกต้นมะเขือเทศทุกๆ 2–3 ปีเพ่ือท่ี
19
สปอร์จะไม่สำมำรถก่อตัวขึ้นในดินได้ จำกนั้นทำกำรคลมุ ดินต้นไมเ้ พื่อป้องกันดินเปือ้ นส่วนใบในช่วงท่ี
ฝนตกหนักและเพื่อเป็นกำรทดน้ำให้ใช้สำยยำงรดนำ้ หรือกำรให้น้ำแบบหยดโดยวำงใต้วัสดุคลุมดินซงึ่
จะช่วยในกำรเพำะปลูกพันธทุ์ ต่ี ้ำนทำนต่อโรค
โรคเหยี่ วเฉา (Wilt)
อาการ : โรคเห่ียวเฉำของต้นมะเขือเทศมี 2 ชนิดหลักคือชนิดท่ีเกิดจำกเชื้อรำในกลุ่ม
Fusarium และชนิดที่เกิดจำกเช้ือรำในกลุ่ม Verticillium ซ่ึงโรคท้ังสองชนิดนี้เป็นสำเหตุท่ีทำให้ใบ
เกิดกำรเห่ียวเฉำ เปล่ียนเป็นสีเหลืองและตำยซ่ึงบำงคร้ังก็อำจจะไม่ตำยแต่จะหยุดกำรเติบโตและมี
ลักษณะทีผ่ ิดปกตไิ ปจำกเดมิ
สาเหตุ : โรคทั้งสองชนิดนี้เกิดจำกเชื้อรำท่ีเข้ำสู่ต้นโดยผ่ำนทำงรำก จำกน้ันก็จะทำกำร
ขัดขวำงน้ำทีจ่ ะถูกลำเลยี งสง่ ไปยังใบ
วิธีแก้ปัญหา: ควรทำกำรสับเปลี่ยนพ้ืนที่ที่ใช้ในกำรเพำะปลูกต้นมะเขือเทศภำยในสวนเมื่อ
พบว่ำมีโรคใดโรคหน่ึงในโรคเหล่ำนี้เกิดขึ้นซ่ึงอำจต้องใช้เวลำนำน 4–6 ปีท่ีเช้ือรำจะหำยไปจำกดิน
ส่วนกำรดูแลรักษำแปลงในสวนทำได้ด้วยกำรกำจัดวัชพืชและใส่ปุ๋ยเพื่อส่งเสริมควำมแข็งแรงของต้น
และที่สำคัญที่สุดก็คือสำยพันธุ์ที่มีควำมต้ำนทำนต่อโรคโดยกำรเลือกพันธุ์ท่ีมีสัญลักษณ์ F สำหรับ
Fusarium และ / หรอื สัญลักษณ์ V สำหรับ Verticillium หลงั ช่อื สำยพนั ธุ์เหลำ่ น้นั
20
ไวรสั ใบดา่ งในยาสบู (Tobacco Mosaic Virus)
อาการ : ต้นมะเขือเทศที่ติดเช้ือไวรัสใบด่ำงในยำสูบพบว่ำใบจะมีจุดด่ำงดำเกิดข้ึนและผิวใบ
จะมีสีเหลืองและเขียวสลับกัน นอกจำกนี้พื้นผิวสีเขียวยังอำจมีมำกข้ึนหรือเกิดกำรพุพองขึ้น ส่วนผล
มะเขอื เทศอำจจะมีรปู รำ่ งทผี่ ดิ แปลกไปจำกปกติพรอ้ มกบั มรี อยด่ำงเกิดข้นึ บนผิวทำใหม้ สี จี ำงลง
สาเหตุ : ไวรัสใบด่ำงในยำสูบสำมำรถแพร่กระจำยได้ผ่ำนมนุษย์ที่สัมผัสกับผลิตภัณฑ์จำก
ยำสูบหรือแมลงที่รับอำหำรจำกพืชจำพวกยำสูบเป็นส่วนใหญ่ ดังน้ันเมื่อมะเขือเทศถูกสัมผัสใน
ระหวำ่ งกำรเพำะปลกู หรอื กำรเกบ็ เกี่ยว กรณีถ้ำมีแผลเกดิ ขนึ้ อำจทำใหไ้ วรัสสำมำรถแพรผ่ ่ำนเข้ำไปได้
วิธีแก้ปัญหา : ถ้ำมีกำรสูบบุหร่ีก็ควรล้ำงมือให้สะอำดอยู่เสมอก่อนที่จะสัมผัสกับต้นมะเขือ
เทศ และเน่ืองจำกไม่มีวิธีรักษำโรคที่เกิดจำกไวรัสใบด่ำงในยำสูบดังนั้นจะต้องทำกำรกำจัดออกจำก
แปลงในทันทีที่พบว่ำมีอำกำรเกิดข้ึนและควรหลีกเล่ียงกำรปลูกต้นมะเขือเทศในสถำ นท่ีเดียวกันใน
ทุกๆปีและควรทำลำยพชื ทมี่ กี ำรติดเชือ้ อย่ำงเด็ดขำดเน่ืองจำกกำรวจิ ัยพบว่ำไวรสั ชนิดน้ีสำมำรถอำศัย
อยู่ในพชื ทตี่ ำยไปแลว้ ได้นำนถึง 50 ปี
บรรณานุกรม
DISTHAI. 2564. มะเขือเทศ ประโยชน์ดๆี สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจยั . สบื ค้นจาก:
https://www.disthai.com/17105183 ( 20 กนั ยายน 2564 )
เอี้ยงฟ้า เห็มแดง. 2564.การปลูกและการดูแลรกั ษา. สืบคน้ จาก:
https://sites.google.com/site/makheuxthes001/my-friend ( 20 กันยายน 2564 )
นริ นาม.2564.ลกั ษณะทางพฤกษศาสตรข์ องมะเขอื เทศ. สบื คน้ จาก:
https://www.ubu.ac.th/web/files_up/00049f2019101716232126.pdf
(20 กันยายน 2564 )
สานกั งานเกษตรและสหกรณ์ จงั หวดั สุรนิ ทร์.2563. มะเขอื เทศ สรรพคณุ และประโยชน์ของมะเขือเทศ.
สืบคน้ จาก:
https://www.opsmoac.go.th/surin-local_wisdom-preview-422891791839
(20 กนั ยายน 2564 )
มาตราฐานสินคา้ เกษตร
มาตรฐานสินคา เกษตรและอาหารแหง ชาติ
มกอช. 1503–2550
THAI AGRICULTURAL COMMODITY AND FOOD STANDARD
TACFS 1503-2007
มะเขอื เทศ
TOMATO
สํานกั งานมาตรฐานสนิ คาเกษตรและอาหารแหง ชาติ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ
ICS 67.080.20 ISBN xxx-xxx-xxx-x
มาตรฐานสนิ คาเกษตรและอาหารแหง ชาติ
มกอช. 1503-2550
THAI AGRICULTURAL COMMODITY AND FOOD STANDARD
TACFS 1503-2007
มะเขอื เทศ
TOMATO
สาํ นักงานมาตรฐานสินคา เกษตรและอาหารแหงชาติ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ
ถนนราชดาํ เนนิ นอก เขตพระนคร กรงุ เทพฯ 10200
โทรศัพท 0 2283 1600 โทรสาร 0 2280 3877
www.acfs.go.th
ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา ฉบบั ประกาศและงานทั่วไป เลม 124 ตอนพิเศษ 78 ง
วันท่ี 29 มถิ นุ ายน พุทธศกั ราช 2550
(2)
คณะอนกุ รรมการเฉพาะกิจพจิ ารณารางมาตรฐานมะเขือเทศ
1. อธิบดกี รมวชิ าการเกษตร หรือผูแ ทน ประธานอนกุ รรมการ
(นายมาโนช ทองเจียม แทนอธิบดี)
2. ผูแทนกรมสง เสรมิ การเกษตร อนุกรรมการ
(นางอรสา ดสิ ถาพร)
3. ผแู ทนกรมสงเสรมิ การสง ออก กระทรวงพาณชิ ย อนุกรรมการ
(นายราเชนทร พจนสนุ ทร
นายกุญญาพันธ แรงขํา)
4. ผแู ทนสาํ นักมาตรฐานสนิ คา และระบบคุณภาพ อนกุ รรมการ
สาํ นกั งานมาตรฐานสนิ คาเกษตรและอาหารแหงชาติ
(นางอรทยั ศลิ ปนภาพร
นายพศิ าล พงศาพชิ ณ)
5. ผแู ทนสํานักวจิ ยั และพัฒนาวิทยาการหลงั การเกบ็ เกยี่ วและแปรรปู ผลติ ผลเกษตร อนกุ รรมการ
กรมวชิ าการเกษตร
(นางสาวรมั มพ นั โกศลานนั ท)
6. ผแู ทนสถาบนั วิจยั พืชสวน กรมวิชาการเกษตร อนุกรรมการ
(นางพิศวาท บวั รา)
7. ผูแทนคณะเกษตร มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร อนุกรรมการ
(นางสาวปริยานุช จลุ กะ)
8. ผูแทนสมาคมพืชสวนแหงประเทศไทย อนุกรรมการ
(นายสุรพงษ โกสยิ ะจนิ ดา
นางกนกรัตน สิทธพิ จน)
9. ผทู รงคุณวุฒิ (เฉพาะคราวประชุม) อนกุ รรมการ
(มล. อโณทัย ชุมสาย
นางซิง ชงิ ทองดี
นายณรงค สงิ หปุระอดุ ม
นายถาวร โกวทิ ยากร
นายศกั ดิช์ ยั อุนจติ ติกลู )
10. ผูแ ทนสาํ นักมาตรฐานสนิ คาและระบบคณุ ภาพ อนกุ รรมการและเลขานุการ
สาํ นกั งานมาตรฐานสนิ คา เกษตรและอาหารแหงชาติ
(นางสาวณมาพร อตั ถวิโรจน)
(3)
11. ผูแทนสาํ นกั มาตรฐานสนิ คา และระบบคุณภาพ อนุกรรมการและผชู ว ยเลขานุการ
สํานักงานมาตรฐานสินคาเกษตรและอาหารแหง ชาติ
(นางสาวมนทชิ า สรรพอาสา
นางสาวญาณินสริ ิ ถ่ินนคร
นางสาวพรรณพิลาส สายแกว )
(4)
มะเขือเทศเปนสินคาเกษตรท่ีประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตและการสงออก การกําหนดมาตรฐาน
มะเขือเทศ จึงมีความสําคัญท่ีจะชวยสงเสริมพัฒนาคุณภาพในการผลิตใหไดมาตรฐาน เพื่อใหผลิตผล
มะเขือเทศมีมาตรฐานท้ังดา นคุณภาพและความปลอดภัย สรางความเชื่อถือใหเปนท่ียอมรับทั้งในประเทศ
และการคาระหวางประเทศ เพ่ือคุมครองความปลอดภัยของผูบ รโิ ภค รวมทั้งสง เสรมิ การสงออก กระทรวง
เกษตรและสหกรณ จงึ เห็นสมควรจัดทํามาตรฐานมะเขอื เทศขน้ึ
มาตรฐานสนิ คา เกษตรและอาหารแหง ชาติน้ี กําหนดข้ึนโดยอาศยั ขอมูลและภาพจากผลการศกึ ษาโครงการ
ศึกษาดัชนีชี้วัดคุณลักษณะสําคัญท่ีใชเปนในการบงช้ีคุณภาพ การแบงช้ันคุณภาพ และการกําหนดรหัส
ขนาดของมะเขือเทศ ของสํานักงานมาตรฐานสินคาเกษตรและอาหารแหงชาติ ซึ่งไดรับความรวมมือการ
ดําเนินงานจากคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร สําหรับภาพมะเขือเทศผลยาวหรือผลรี และ
มะเขือเทศผลเล็ก ไดรับความอนุเคราะหภาพจากนางพิศวาท บัวรา สถาบันวิจัยพืชสวน และใชแนวทาง
ตามเอกสารตอ ไปน้ี
FAO/WHO. 2005. Draft Codex Standard for Tomatoes (Appendix II) and Draft Section 3-
Provisions Concerning Sizing and 4.2 Size Tolerances (Appendix III), pp. 30- 34. In Report of the
Twelfth Session of the Codex Committee on Fresh Fruits and Vegetables (ALINORM 05/28/35).
Joint FAO/WHO Food Standards Programme, FAO, Rome.
มกอช. 1503-2550
มาตรฐานสนิ คา เกษตรและอาหารแหงชาติ
มะเขอื เทศ
1 นิยามของผลิตผล
มาตรฐานสินคาเกษตรและอาหารแหงชาตินี้ใชกับ มะเขือเทศ (tomato) พันธุที่ผลิตเปนการคาซึ่งมีชื่อ
วิทยาศาสตรวา Lycopersicon Esculentum MILL. และอยูในวงศ Solanaceae สําหรับการบริโภคสด และ
ไมรวมมะเขือเทศทจี่ ะนําไปแปรรูป
2 ประเภท
มะเขอื เทศทางการคา แบงตามรูปทรงและขนาดเปน 4 ประเภท ดงั น้ี
(1) ผลกลม (round)
(2) ผลเปนพู (ribbed)
(3) ผลยาว หรอื ผลรี (oblong หรือ elongated)
(4) ผลเล็ก (cherry และ cocktail)
ทั้งนม้ี ะเขือเทศกลมุ สดี าสามารถจดั อยูในประเภทผลเลก็ หรอื ผลรไี ด
3 คุณภาพ
3.1 คณุ ภาพขนั้ ตาํ่
3.1.1 มะเขือเทศทกุ ชน้ั คุณภาพ (ขอ 3.2) ตองมคี ณุ ภาพดังตอไปนี้ เวนแตจะมีขอกาํ หนดเฉพาะของ
แตละช้นั และเกณฑความคลาดเคลอื่ นท่ียอมใหม ไี ดตามทร่ี ะบุไว
(1) เปน มะเขือเทศท้งั ผล
(2) ผลมีความสด
(3) ไมเ นา เสยี และไมมรี อยช้ําที่จะทําใหไ มเหมาะสมกบั การบริโภค
(4) ไมมีรอยปรแิ ตก (unhealed crack)
(5) สะอาด และไมมสี ่งิ แปลกปลอมทมี่ องเห็นได
มกอช. 1503–2550 2
(6) ไมม ีความผดิ ปกตขิ องความชืน้ ภายนอก โดยไมร วมถงึ หยดน้าํ ท่เี กดิ หลังจากการนาํ ผลิตผลออกจาก
หองเยน็
(7) ไมมศี ตั รพู ชื ทมี่ ีผลกระทบตอ รปู ลักษณท ่ัวไปของผลติ ผล
(8) ไมม คี วามเสียหายของผลิตผลเน่อื งจากศตั รพู ืชทมี่ ผี ลกระทบตอ รปู ลักษณทวั่ ไปของผลิตผลและการ
ยอมรับของผบู ริโภค
(9) ไมม ีความเสียหายเนอ่ื งมาจากอณุ หภูมติ า่ํ และ/หรอื อุณหภมู ิสูง ท่ีมผี ลกระทบตอรูปลกั ษณท ว่ั ไป
ของผลิตผลและการยอมรับของผูบ ริโภค
(10) ไมม ีกลิน่ แปลกปลอม และ/หรือรสชาตผิ ดิ ปกติ
(11) ในกรณีมะเขือเทศท่ีเปนชอ กานชอ ตอ งสด สมบูรณ สะอาด ไมมีใบและสงิ่ แปลกปลอมที่มองเหน็ ได
3.1.2 ผลมะเขือเทศตองผานการเก็บเกี่ยวดวยความระมัดระวัง และมีความแกไดท่ี เหมาะสมกับพันธุ
และพ้ืนท่ีปลูก และยังสุกไดอยางตอเน่ืองจนถึงระดับท่ีเหมาะสม ซ่ึงพิจารณาไดจากสีผิวของมะเขือเทศ
เปน เกณฑประกอบ เพ่ือใหผลมะเขอื เทศอยูในสภาพทส่ี ามารถเคล่ือนยายและขนสง โดยยังคงอยูในสภาพ
ที่ยอมรบั ไดเมื่อถึงปลายทาง
3.2 การแบงชั้นคณุ ภาพ
มะเขอื เทศตามมาตรฐานนี้ แบง เปน 3 ช้ันคณุ ภาพ ดงั นี้
3.2.1 ช้นั พิเศษ (extra class)
3.2.1.1 มะเขือเทศในชั้นนี้มีคุณภาพดีที่สุด ผลมะเขือเทศตองมีคุณลักษณะตรงตามพันธุในดานรูปราง
ลักษณะปรากฏ การพฒั นาของผล และความแนน ของเนอ้ื (firm)
3.2.1.2 ผลมีขนาดสม่ําเสมอ แตละผลมีสีสมํ่าเสมอตามระดับความสุกที่เหมาะสมตามที่ระบุในขอ
3.1.2 โดยไมมีสีเขียวเปนปนหรือมีพื้นที่สีเขียวท่ีผิดปกติ (greenback)1/ ปนเมื่อผลสุก ยกเวนสีเขียวท่ี
เปนลักษณะประจําพันธุ และตําหนิอื่นๆ ยกเวนตําหนิเล็กนอยท่ีไมสามารถมองเห็นไดชัดเจน ซ่ึงไมมีผล
ตอรูปลักษณทั่วไปของผลิตผล คุณภาพภายใน คุณภาพระหวางการเก็บรักษา และการจัดเรียงเสนอใน
ภาชนะบรรจุ
3.2.2 ชั้นหน่ึง (class I)
3.2.2.1 มะเขือเทศในชัน้ นม้ี ีคุณภาพดี และมเี น้อื แนน ตามคณุ ลกั ษณะของพันธุ
1/ greenback หมายถึง มีสเี ขียวเปน ปนหรอื มพี ื้นที่สเี ขียวทไ่ี มใ ชล ักษณะประจําพนั ธุเมือ่ ผลสุกซง่ึ สามารถ
เกิดบริเวณใดของผลก็ได
3 มกอช. 1503–2550
3.2.2.2 ผลมีขนาดสมํ่าเสมอ และไมม สี เี ขยี วเปน ปน หรอื มพี ้ืนท่สี เี ขียวท่ีผดิ ปกติ (greenback) ปนเมือ่ ผล
สุก ที่สามารถมองเห็นไดชัดเจน ผลมีตําหนิไดเล็กนอย ซึ่งไมมีผลตอรูปลักษณท่ัวไปของผลิตผล คุณภาพ
ภายใน คณุ ภาพระหวา งการเก็บรักษา และการจัดเรียงเสนอในภาชนะบรรจุ ดังตอไปนี้
(1) ตําหนเิ ลก็ นอ ยเกี่ยวกบั รูปรา งและการพฒั นาของผล
(2) ตําหนิเลก็ นอยเกย่ี วกับสี
(3) ตาํ หนเิ ล็กนอ ยท่ีผวิ
(4) รอยชํ้าเล็กนอ ย
3.2.2.3 สําหรบั มะเขอื เทศผลเปน พู มีตําหนิเลก็ นอ ยได ดงั ตอไปนี้
(1) รอยแผลเปน ต้นื ๆหรอื รอยปรทิ ีส่ มานแลว โดยมคี วามยาวไมเกนิ 1 cm
(2) ไมมตี ่งิ (protuberance) มากเกินไป
(3) รอยท่ปี ลายผลตามธรรมชาตหิ รือท่เี รยี กวาสะดือ (umbilicus) มีขนาดเล็ก แตไ มเกดิ รอยท่ีเกิดจาก
ซเู บอไรเซชนั (suberization)2/
(4) รอยท่ีเกดิ จากซูเบอไรเซชนั ทปี่ ลายผล มีขนาดไมเกนิ 1 cm2
(5) รอยแผลเปนท่เี ปนทางยาว (linear scar) ยาวไมเกินสองสวนในสามสวนของเสน ผา ศนู ยกลางของ
สว นทกี่ วางทีส่ ุดของผล
3.2.3 ช้ันสอง (class II)
3.2.3.1 มะเขอื เทศในชน้ั นร้ี วมมะเขอื เทศที่มีคณุ ภาพไมเขา ขัน้ ชน้ั พิเศษหรอื ชน้ั หนึ่ง แตม คี ณุ ภาพข้ันตาํ่
ตามทกี่ าํ หนดในขอ 3.1
3.2.3.2 ผลมตี าํ หนดิ ังตอไปนไี้ ด หากยังคงคุณลกั ษณะท่สี าํ คญั ในดานคณุ ภาพ คุณภาพระหวางการเก็บ
รกั ษา และการจดั เรียงเสนอในภาชนะบรรจุ
(1) ตําหนเิ ลก็ นอ ยเก่ียวกับรปู ราง และการพัฒนาของผล
(2) ตาํ หนเิ ล็กนอยเก่ียวกับสี
(3) ตําหนิทผ่ี ิว หรอื รอยชาํ้ ท่ีไมมผี ลกระทบตอคณุ ภาพมะเขอื เทศท่รี ุนแรง
(4) รอยแผลเปนตนื้ ๆ หรือรอยปริทส่ี มานแลว ท่ยี าวไมเ กนิ 3 cm สําหรบั มะเขอื เทศผลกลม ผลเปน พู
และผลยาวหรอื ผลรี
2/ ซเู บอไรเซชนั (suberization) หมายถงึ กระบวนการสรา งเน้ือเย่ือทําใหเกดิ รอยแผลเปน ทปี่ ลายผลทเ่ี กิด
จากโคนของเสาเกสรตวั เมยี ท่หี ลดุ ออกไป เปนรอยแหง สีนาํ้ ตาล
มกอช. 1503–2550 4
3.2.3.4 สําหรบั มะเขือเทศผลเปนพู อาจมตี าํ หนิ ดงั ตอ ไปนี้
(1) มตี ่งิ ทีช่ ดั เจนมากกวาทอี่ นุญาตใหม ีในชน้ั หน่ึง แตไมทาํ ใหรปู รางผิดปกติ
(2) มีรอยท่ีปลายผลตามธรรมชาติหรือทีเ่ รียกวาสะดือ ได 1 รอย
(3) มรี อยทีเ่ กิดจากซเู บอไรเซชันท่ปี ลายผล ไดไมเกิน 2 cm2
(4) มรี อยบางๆ จากกา นเกสรตวั เมีย (blossom scar) เปนทางยาวเหมือนตะเข็บ (seam)
4 ขนาด
4.1 ขนาดของมะเขือเทศวดั ไดจากความยาวเสน ผา ศนู ยกลาง ณ สว นทีก่ วา งที่สดุ ของผล ดงั ในตารางท่ี 1,
2 และ 3
4.2 มะเขือเทศแตล ะประเภทมีขนาดผลทเี่ ล็กทส่ี ดุ ได ดงั น้ี
(1) มะเขอื เทศผลเล็ก 10 mm ยกเวน มะเขอื เทศกลุมสดี า
(2) มะเขอื เทศสดี า 20 mm
(3) มะเขอื เทศผลยาว หรือผลรี 30 mm
(3) มะเขือเทศผลกลม และผลเปนพู 35 mm
ตารางท่ี 1 ขนาดของมะเขือเทศผลกลม ผลเปนพู และผลยาว หรอื ผลรี ไมรวมมะเขอื เทศชอ
รหสั ขนาด ความยาวเสน ผาศูนยก ลาง (mm)
1 > 102
2
3 >82 ถงึ 102
4 >67 ถึง 82
5 >57 ถงึ 67
6 >47 ถงึ 57
7 >40 ถงึ 47
8 >35 ถึง 40
>30 ถึง 35
5 มกอช. 1503–2550
ตารางที่ 2 ขนาดของมะเขอื เทศผลเลก็ ยกเวนมะเขือเทศกลมุ สีดา
รหัสขนาด ความยาวเสน ผา ศนู ยก ลาง (mm)
1 >25 ถงึ 30
2 >20 ถึง 25
3 >15 ถึง 20
4 10 ถึง 15
ตารางท่ี 3 ขนาดของมะเขอื เทศกลุมสดี า
รหสั ขนาด ความยาวเสน ผาศูนยกลาง (mm)
1 >40 ถึง 45
2 >35 ถงึ 40
3 >30 ถงึ 35
4 >25 ถงึ 30
5 20 ถึง 25
5 เกณฑความคลาดเคลื่อน
เกณฑความคลาดเคลือ่ นเร่ืองคณุ ภาพและขนาด ท่ีมีไดในแตล ะภาชนะบรรจุ สาํ หรับผลติ ผลท่ีไมเ ขา ชั้นท่ี
ระบุไว มดี ังน้ี
5.1 เกณฑค วามคลาดเคลอื่ นเรอื่ งคณุ ภาพ
5.1.1 ช้ันพเิ ศษ (extra class)
ไมเกนิ 5% โดยจาํ นวนหรอื นํา้ หนักของผลมะเขอื เทศทมี่ คี ุณภาพไมเ ปนไปตามขอกําหนดของชนั้ พเิ ศษ แต
เปนไปตามคณุ ภาพของชน้ั หน่งึ หรอื คุณภาพยังอยูในเกณฑความคลาดเคล่ือนของคุณภาพชั้นหน่ึง
5.1.2 ชัน้ หนงึ่ (class I)
ไมเ กนิ 10% โดยจาํ นวนหรอื นา้ํ หนกั ของผลมะเขือเทศทม่ี คี ณุ ภาพไมเ ปนไปตามขอ กาํ หนดของชน้ั หน่ึง
แตเปนไปตามคุณภาพของชนั้ สอง หรอื คุณภาพยังอยูใ นเกณฑความคลาดเคล่ือนของคณุ ภาพชน้ั สอง
สาํ หรับมะเขือเทศท่เี ปน ชอ มีผลรว งไดไ มเ กิน 5% โดยจํานวนหรือนาํ้ หนักของแตล ะภาชนะบรรจุ
มกอช. 1503–2550 6
5.1.3 ช้นั สอง (class II)
ไมเกนิ 10% โดยจาํ นวนหรอื นาํ้ หนกั ของผลมะเขอื เทศท่ีมคี ุณภาพไมเ ปนไปตามขอ กาํ หนดของชน้ั สอง หรือ
ไมไดคุณภาพขั้นต่าํ แตต อ งไมมีผลเนาเสีย รอยช้ํา หรอื ลกั ษณะอื่นทไ่ี มเ หมาะสําหรบั การบรโิ ภค
สําหรบั มะเขือเทศทเี่ ปนชอ มผี ลรว งไดไมเ กนิ 10% โดยจํานวนหรือนาํ้ หนักของแตล ะภาชนะบรรจุ
5.2 เกณฑค วามคลาดเคลือ่ นเร่ืองขนาด
มะเขือเทศทุกช้ันคุณภาพ ทุกรหัสขนาด หรือทุกรูปแบบการเรียงเสนอ มีผลมะเขือเทศขนาดท่ีใหญหรือ
เล็กกวาในช้นั ถดั ไปหนงึ่ ช้ันปนมาไดไ มเกนิ 10% โดยจํานวนหรอื นา้ํ หนกั
6 การบรรจุและการจดั เรยี งเสนอ
6.1 ความสมา่ํ เสมอ
มะเขือเทศทีบ่ รรจุในแตล ะภาชนะบรรจุ ตอ งมคี วามสม่ําเสมอท้ังในเรอ่ื งของพนั ธุ คุณภาพ ขนาด และสี
สว นของผลในภาชนะบรรจุทม่ี องเห็นไดต อ งเปน ตวั แทนของผลิตผลทงั้ หมด
ความแกและสีของมะเขือเทศในชั้นพิเศษและช้ันหนึ่งตองมีความสม่ําเสมอ สําหรับมะเขือเทศผลยาวหรือ
ผลรตี องมีความยาวสมํ่าเสมอ
6.2 การบรรจุ
ตองบรรจุมะเขือเทศในลักษณะท่ีสามารถเก็บรักษามะเขือเทศไดเปนอยางดี วัสดุที่ใชภายในภาชนะบรรจุ
ตองใหม สะอาด และมีคุณภาพ เพื่อปองกันความเสียหายอันจะมีผลตอคุณภาพภายนอกหรือภายใน
ของมะเขือเทศ การใชวัสดุโดยเฉพาะกระดาษหรือตราประทับท่ีมีขอกําหนดทางการคาสามารถทําได
หากการพิมพห รือการแสดงฉลากใชหมกึ พมิ พหรอื กาวท่ไี มเ ปนพิษ
6.3 รายละเอยี ดของภาชนะบรรจุ
ภาชนะบรรจุตองมีคุณภาพ ถูกสุขลักษณะ มีการระบายอากาศท่ีดี ไมมีกลิ่นและสิ่งแปลกปลอม และมี
คณุ สมบัติทนทานตอ การขนสง และรักษาผลมะเขือเทศได
6.4 การเรยี งเสนอ
ผลมะเขอื เทศตอ งมีการจดั เรยี งเสนอในรปู แบบใดรูปแบบหนึ่ง ดงั ตอ ไปน้ี
6.4.1 มะเขอื เทศผลเดย่ี ว
มะเขอื เทศผลเดย่ี วอาจมีหรือไมมกี ลบี เลีย้ ง (calyx) และข้ัวก็ได แตถ า มขี วั้ ตองตดั ใหส น้ั
7 มกอช. 1503–2550
6.4.2 มะเขือเทศชอ
มะเขือเทศท้ังชอหรือสวนของชอ ควรมีจาํ นวนผลมะเขือเทศอยางนอ ยท่ีสดุ ดงั น้ี
6.4.2.1 มะเขือเทศผลกลม ผลยาวหรือรี และผลเปนพู ใหมีผลมะเขือเทศอยางนอยท่ีสุด 3 ผล หรือ
อยา งนอย 2 ผล ถาอยูในภาชนะบรรจุสําหรบั คา ปลีก
6.4.2.2 มะเขือเทศผลเล็ก และมะเขือเทศกลุมสีดา ใหมีผลมะเขือเทศอยางนอยท่ีสุด 6 ผล หรืออยางนอย
4 ผล ถา อยใู นภาชนะบรรจสุ ําหรับคา ปลีก
7 เครอ่ื งหมายและฉลาก
7.1 ภาชนะบรรจุสาํ หรับผบู รโิ ภค
ตองมีขอความแสดงรายละเอียดทีภ่ าชนะบรรจุมะเขือเทศใหเ ห็นไดงา ย ชดั เจน ไมเปนเท็จหรอื หลอกลวง
ดงั ตอ ไปนี้
(1) ประเภทของผลิตผล
กรณีทไ่ี มสามารถมองเหน็ ผลิตผลจากภายนอกภาชนะบรรจุได ใหระบุขอความวา “มะเขอื เทศ” และ/หรือ
“ชอ่ื พันธมุ ะเขอื เทศ” สาํ หรับมะเขือเทศชอใหร ะบขุ อความวา “มะเขอื เทศชอ”
(2) น้าํ หนกั สทุ ธิเปนกรมั หรือกิโลกรัม
(3) ขอ มูลผผู ลติ
ใหร ะบชุ ื่อและทตี่ ัง้ ของสถานท่ผี ลติ หรอื แบง บรรจุ หรือจัดจาํ หนา ย ทง้ั นอ้ี าจแสดงชอ่ื และท่ีตง้ั สาํ นกั งานใหญ
ของผผู ลติ หรอื ผูแบง บรรจกุ ็ได กรณมี ะเขอื เทศนาํ เขาใหระบชุ อ่ื และทต่ี ้งั ของผนู ําเขา
(4) ขอ มลู แหลง ผลิต
ใหร ะบุประเทศผผู ลติ ยกเวน กรณมี ะเขอื เทศที่ผลติ เพ่อื จาํ หนา ยในประเทศ
(5) ภาษา
กรณที ีผ่ ลติ เพื่อจาํ หนายในประเทศตอ งใชข อความเปน ภาษาไทย กรณีท่ีผลติ เพ่อื การสงออกใหแ สดงขอความ
เปนภาษาตา งประเทศได
7.2 ภาชนะบรรจุสาํ หรบั ขายสง
แตละภาชนะบรรจุ ตองมขี อความท่รี ะบใุ นเอกสารกํากบั สนิ คา ฉลาก หรือแสดงไวท ่ีภาชนะบรรจุ โดย
ขอ ความตองอา นไดช ดั เจน ไมหลุดลอก ไมเ ปน เทจ็ หรือหลอกลวง โดยมรี ายละเอยี ดดังตอ ไปนี้
มกอช. 1503–2550 8
(1) ประเภทของผลติ ผล
กรณที ่ไี มสามารถมองเห็นผลิตผลจากภายนอกภาชนะบรรจุได ใหระบขุ อความวา “มะเขือเทศ” และ/หรอื
“ชอ่ื พนั ธุมะเขอื เทศ” สําหรับมะเขอื เทศชอ ใหร ะบขุ อความวา “มะเขือเทศชอ”
(2) ชัน้ คณุ ภาพ
(3) รหสั ขนาด ในกรณีที่มีการคดั ขนาด
(4) น้าํ หนักสทุ ธเิ ปนกรมั หรอื กโิ ลกรมั
(5) ขอมลู ผูผลติ
ใหระบุช่ือและที่ตั้งของสถานที่ผลิต หรือแบงบรรจุ หรือจัดจําหนาย และหมายเลขรหัสสินคา (ถามี) ทั้งน้ี
อาจแสดงช่ือและที่ตั้งสํานักงานใหญของผูผลิต หรือผูแบงบรรจุก็ได กรณีมะเขือเทศนําเขาใหระบุช่ือและ
ทต่ี ้งั ของผูนําเขา
(6) ขอมูลแหลงผลติ
ใหร ะบปุ ระเทศผผู ลติ ยกเวน กรณีมะเขอื เทศท่ีผลิตเพือ่ จาํ หนา ยในประเทศ
(7) ภาษา
กรณีที่ผลิตเพ่ือจําหนายในประเทศตองใชขอความเปนภาษาไทย กรณีท่ีผลิตเพ่ือการสงออกใหแสดงขอความ
เปนภาษาตางประเทศได
7.3 การแสดงเครอ่ื งหมายการตรวจรบั รองจากทางราชการ
การแสดงเคร่ืองหมายการตรวจรับรองใหเปนไปตามหลักเกณฑและเงื่อนไขของหนวยตรวจหรือหนวย
รับรองและเปนไปตามมาตรฐานนี้ และไดรับการยอมรับจากคณะกรรมการมาตรฐานสินคาเกษตรและ
อาหารแหงชาติ
8 สารปนเปอ น
ใหเปนไปตามขอกําหนดในกฎหมายที่เกี่ยวของ และขอกําหนดของมาตรฐานสินคาเกษตรและอาหาร
แหง ชาติ เร่อื งสารปนเปอ น
9 สารพษิ ตกคา ง
ใหเปนไปตามขอกําหนดในกฎหมายที่เก่ียวของ และขอกําหนดของมาตรฐานสินคาเกษตรและอาหาร
แหงชาติ เร่ืองสารพษิ ตกคา ง
9 มกอช. 1503–2550
10 สขุ ลกั ษณะ
การเก็บเก่ียว การปฏิบตั ติ อ ผลมะเขือเทศในขัน้ ตอนตางๆ รวมถงึ การเกบ็ รักษา และการขนสงมะเขอื เทศ
ตองปฏิบตั ิอยางถูกสขุ ลักษณะ เพอ่ื ปองกันการปนเปอ นท่จี ะกอใหเ กดิ อนั ตรายตอผบู รโิ ภค
11 วิธีวเิ คราะหและชักตัวอยาง และขอ กาํ หนดของมาตรฐานสินคา เกษตรและอาหาร
ใหเ ปนไปตามขอ กําหนดในกฎหมายท่ีเก่ียวขอ ง
แหงชาติ เรอ่ื งวธิ วี ิเคราะหและชกั ตวั อยา ง
มกอช. 1503–2550 10
ภาคผนวก ก
ภาพแสดงผลมะเขือเทศ
ภาพท่ี 1 มะเขือเทศผลกลม (round)
ภาพที่ 2 มะเขือเทศผลเปนพู (ribbed)
11 มกอช. 1503–2550
ภาพที่ 3 มะเขือเทศผลยาว (oblong) หรอื ผลรี (elongated)
ภาพที่ 4 มะเขือเทศผลเลก็ (cherry และ cocktail)
มกอช. 1503–2550 12
ภาพที่ 5 ตวั อยา งมะเขือเทศสดี า
ภาพท่ี 6 มะเขือเทศชอ
13 มกอช. 1503–2550
กลบี เล้ยี ง กานผล
ขั้วผล
รอยตอ
ระหวาง
ข้ัวผล
ภาพที่ 7 กา นผล กลบี เลี้ยง และขั้วผล และรอยตอ ของผลและขั้วผล
ปลายผล
ภาพที่ 8 ปลายผล
มกอช. 1503–2550 14
ภาพที่ 9 ลกั ษณะผลเนา
ภาพท่ี 10 ตาํ หนิตา งๆ ท่เี กิดจากศตั รพู ชื
15 มกอช. 1503–2550
รอยแผลเปน ตื้นๆ
ท่ีสมานแลว
ปน หรอื พืน้ ทสี่ เี ขียว
ที่ผิดปกติ
ภาพที่ 11 ปนหรอื พ้ืนทสี่ ีเขียวทผี่ ิดปกติ (greenback)
และรอยแผลเปน ตน้ื ๆ ทสี่ มานแลว
ภาพท่ี 12 ตําหนิทเ่ี ปนติง่ ย่นื ออกมา (protuberance)
มกอช. 1503–2550 16
ภาพท่ี 13 รอยท่ีเกดิ จากซเู บอไรเซชัน (suberization) ทีป่ ลายผล
ซูเบอไรเซชัน ซเู บอไรเซชัน
(ทีย่ อมรบั ได) (ทีย่ อมรับไมไ ด)
ภาพที่ 14 เปรียบเทียบรอยที่เกดิ จากซเู บอไรเซชนั ทปี่ ลายผล
17 มกอช. 1503–2550
ภาพที่ 15 รอยแผลเปน ท่เี ปนทางยาว (linear scar) ที่ยาวเกิน
สองสวนในสามสวนของเสน ผา ศนู ยกลางของสว นทก่ี วา งทีส่ ุดของผล
(ยอมรับไมไ ด)
มกอช. 1503–2550 18
ภาคผนวก ข
ระดบั สผี วิ ของมะเขือเทศ
สีผวิ ของมะเขือเทศจาํ แนกตามความแกจ ากนอยไปมากไดด ังน้ี
ระดบั สี สีผิวของมะเขอื เทศท่ปี รากฏ
green มสี ีเขยี ว 100% ของพ้ืนที่ผวิ ระดบั ความเขมของสมี ตี ้งั แต
สีเขียวออ น (light green) จนถงึ สเี ขียวเขม (dark green)
mature green เริม่ เปลี่ยนเปน สเี หลือง (yellow)
breaker เรม่ิ เปล่ยี นจากสีเขียวเปนสเี หลืองเทา (tannish-yellow) หรือ
สชี มพู (pink) หรือสีแดง (red) ≤10% ของพืน้ ที่ผิว
mottled
มสี เี หลือง สีแดงกหุ ลาบ (rose) หรือสีแดง >10% ถงึ 30% ของ
rose
red พืน้ ที่ผิว
mature red
มสี แี ดงกหุ ลาบ หรือสีแดง >30% ถึง 60% ของพน้ื ที่ผิว
มีสแี ดงกหุ ลาบ หรือสแี ดง >60% ถงึ 90% ของพน้ื ที่ผวิ
มีสแี ดง >90% ของพืน้ ทผี่ วิ