TAI YAI ไทใหญ่ ชนเผ่า
คำ นำ หนัง นั สือเล่มนี้เป็นหนัง นั สือที่เเกี่ยวกับ กั ข้อ ข้ มูลของ "ชาวไทใหญ่" ตั้ง ตั้ แต่ความเป็นมา ประเภท ถิ่นที่อยู่อาศัย ศั การแต่งกาย ภาษา ตลอดจนอาาหารกาารกิน จัด จั ทำ ขึ้น ขึ้ เพื่อให้ ผู้ที่ ผู้ ที่ มีสนใจสามารถเข้า ข้ มาศึก ศึ ษาเพื่อให้เ ห้ป็น ความรู้ ความเข้า ข้ ผู็เขียนหวัง วั ว่า ผู้อ่ ผู้ อ่ านจะได้ รับ รั ความรู้เ รู้ รื่อง "ชาวไทใหญ่"ไม่มากก็น้อ น้ ย และหากมีข้อ ข้ ผิดพลาดประการใดทางผู้ เขียนต้อ ต้ งอภัย ภั มา ณ โอกาสนี้ ณัฐ ณั ธิตา ทีปะแสง
สารบัญ เรื่อง หน้า น้ คำ นำ ก สารบัญ บั ข ที่มา 4 แผนที่ประเทศ พม่า 5 ประเภทของชาวไทใหญ๋ 6 ชุดและการแต่งกาย 7 ถิ่นที่อยู่ปัจจุบัน บั 8 เอกลัก ลั ษณ์ค ณ์ วามเป็นชาติ 9 โครงสร้า ร้ งทางสัง สั คม 11 ภาพระบบเจ้า จ้ฟ้า 12 อิทธิพลของพม่า 13 ภาษาของชาวไทใหญ่ 14 วัฒ วั นธรรมประเพณี 15
ชาวไทใหญ่ หรือ ฉาน หรือ ฌาน เป็นกลุ่มชาวไท ใหญ่กลุ่มหนึ่งที่ อยู่ในเขตพม่า ตอนใต้ข ต้ องจีน และภาค เหนือของประเทศไทย บาง ท่านว่า คำ ว่า ฉาน คือที่มา ของคำ ว่า สยาม ในพม่ามีรัฐ รั ใหญ่ของชาว ไทใหญ่ ชื่อ รัฐ รั ฉาน( SHAN STATE) ชาวไทใหญ่ในพม่า บางกลุ่ม ต้อ ต้ งการอิสระจากการปกครองของรัฐ รั บาลพม่า จึง จึ จับ จั อาวุธขึ้น ขึ้ ต่อสู้ ด้ว ด้ ยความไม่สงบในพม่าท าให้ช ห้ าวไทใหญ่ อพยพเข้า ข้ มาสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะในระยะหลัง ลั เข้า ข้ มา ทางอ าเภอปางมะผ้า ผ้ จัง จั หวัด วั แม่ฮ่องสอน และอ าเภอ ฝางจัง จั หวัด วั เชียงใหม่ แต่รัฐ รั ยัง ยัไม่มีนโยบายที่ ชัด ชั เจนกับ กั ประชากรเหล่านี้ ไม่มีการก าหนดให้ไห้ ทใหญ่กลุ่มนี้เป็น ชน กลุ่มน้อ น้ ยกลุ่มหนึ่งในประเทศไทย และไม่ยอมรับ รั ให้ คนกลุ่มนี้เป็นชาว ไทใหญ่ รวมทั้ง ทั้ ไม่ยอมรับ รั ว่า กลุ่มไท ใหญ่เป็นผู้ลี้ ผู้ ลี้ ภั ลี้ ย ภั จากรัฐ รั ไทใหญ่ที่ ต้อ ต้ งช่วยเหลือตามหลัก ลั มนุษยธรรม เพื่อรอการส่งกลับ ลั ประเทศเมื่อ ในประเทศมี ความปลอดภัย ภั เมื่อรัฐ รั ไม่จัด จั พื้น พื้ ที่พัก พั พิงชั่วคราวไว้ รองรับ รั ที่ชายแดน ทำ ให้ช ห้ าวไทใหญ่จำ นวนมากทะลัก ลั เข้า ข้ สู่ตัว ตั เมืองด้า ด้ นใน ที่มา
แผนที่ประเทศ พม่า
คำ ว่า “ ไทใหญ่ “ เป็นชื่อที่ชาวไทใหญ่คุ้น คุ้ เคยมานาน ควบคู่กับ กั คำ ที่ชาวไทใหญ่มัก มั ขนานนามตนเองว่า “ ไทใหญ่ น้อ น้ ย ” แต่ นอกเหนือจากชาวไทใหญ่ในประเทศไทยแล้ว ล้ไม่มี คน รู้จั รู้ ก จั คำ ว่า ไท ใหญ่ ชาวไทใหญ่เรียกตนเองว่า “ ไทใหญ่ ” ( ออกเสียงว่า ชาวไท ใหญ่ ) เช่นเดียว กับ กั ชาวไทใหญ่เราเรียก ตนเองว่า “ ไทใหญ่ ” ไท ใหญ่ที่เรียกตนเองว่า “ ไทใหญ่ “ หรือ “ ชาวไทใหญ่ ” นั้น นั้ มีมาก และจะจำ แนกกลุ่มด้ว ด้ ยการเพิ่ม คำ ขยายเช่น ไทใหญ่ดำ ไทใหญ่แดง ไทใหญ่ขาว ไทใหญ่ใต้ ไทใหญ่ เหนือ เป็นต้น ต้ ชาวไทใหญ่เรียกตนเอง ว่า “ ไทใหญ่ “ แต่ ชนชาติอื่นจะเรียกชื่อเราว่า เสียม เซียมหรือ สยาม เป็นต้น ต้ และ เรียกประเทศเราว่าสยาม ชาวไทใหญ่ก็ เช่นเดียวกัน กั มีชื่อที่ ชนชาติอื่นเรียกแตกต่างกัน กั ไป เช่น พม่าเรียกว่า “ ชาน ” หรือ “ ฉาน “ ซึ่งเป็นต้น ต้ เค้า ค้ให้ช ห้ าวตะวัน วั ตกเรียกชาวไท ใหญ่ ใน ขณะที่ชาวคะฉิ่น หรือจิ่งโพเรียกว่า “ อะซาม ” ชาวอาชาง ชาว ปะหล่อง และชาวว้า ว้ เรียกว่า “ เซียม ” คำ ทั้ง ทั้ หมดนี้ม นี้ าจาก ราก เหง้า ง้ ของคำ เดิมคือ “ สยาม ” สาม หรือ “ ซาม ” ทั้ง ทั้ สิ้น สิ้ ส่วน ชาวจีนฮั่นมีวิธีเรียกชาวไทใหญ่ที่แตกต่างออกไป คือ ใช้ค ช้ าที่ แสดง ลัก ลั ษณะของชนชาติ มาขนานนาม เช่น เรียกว่า พวกเสื้อ สื้ ขาว (ป๋าย ยี) พวกฟันทอง( จินฉื่อ ) พวกฟันเงิน (หยินฉื่อ ) พวก ฟันด า (เฮย ฉื่อ) และยัง ยั มี ชื่ออื่นๆ เช่น เหลียว หลาว หมางหมา น พวกเยว่ร้อ ร้ ย เผ่า และหยี เป็นต้น ต้ จีนจะมีการเรียกชื่อชาวไท ใหญ่เปลี่ยน แปลง ไปตามระยะเวลาทางประวัติ วั ติ ศาสตร์ ประเภทของชาวไทใหญ่
ชุดและการแต่งกาย
ชาวไทใหญ่มีถิ่นกำ เนิดอยู่ที่รัฐ รั ชาน ประเทศ พม่า เรียกตัว ตั เองว่า คนไต ส่วนชาวล้า ล้ นนามัก มั เรียก ว่า เงี้ย งี้ วมีเมืองหลวงที่ถือกำ เนิดคือ ตองจี มีเมือง ต่าง ๆ ที่เป็นเมือง ของชาวไทใหญ่มาแต่โบราณ ได้แ ด้ ก่ เมืองแสนหวี สี่ป้อ นำ้ า นำ้ คำ หมู่เจ้า จ้ เมืองนาย เมืองปั่น เมืองยองห้ว ห้ ย เมืองกาเล เมืองยาง เมือง มีด เป็นต้น ต้ นอกจากนั้น นั้ ยัง ยั มีชาวไทใหญ่ อพยพมา อยู่ในประเทศไทย เช่น จัง จั หวัด วั แม่ฮ่องสอน จัง จั หวัด วั เชียงราย และอำ เภอเชียงดาว อำ เภอเวียงแหง ทาง ตอนเหนือของจัง จั หวัด วั เชียงใหม่ และยัง ยั มีที่อยู่อาศัย ศั ทางตะวัน วั ตกเฉียงใต้ข ต้ องมณฑลยูนาน ประเทศจีน เช่น เมืองมาว เมืองวัน วั เมืองหล้า ล้ เมืองขอน เป็นต้น ต้ และ บางส่วนของรัฐ รั อัส อั สัม สั ประเทศอินเดีย โดย เฉพาะที่ตำ บล ซ้า ซ้ งปานี แขวงเมืองสิพพสาครและ อรุณาจลประเทศ ถิ่นที่อยู่ปัจจุบัน
เอกลักษณ์ความเป็นชาติ ธงชาติของชาวไทใหญ่ มีลัก ลั ษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืน ผ้า ผ้ ประกอบด้ว ด้ ย สีเหลือง สีเขียว และสีแดง มีวงกลมสี ขาวอยู่ตรง กลาง และถูกใช้เ ช้ป็นธงชาติของชาวรัฐ รั ฉาน มากว่า 7 ทศวรรษ แล้ว ล้ สัตว์ประจำ ชาติ เสือ ธงชาติไทใหญ่
เอกลักษณ์ความเป็นชาติ สีเหลือง หมายถึง ถึ ชนชาติไทใหญ่ที่เป็นคน เชื้อ ชื้ ชาติมงโกลอย มี ผิวเหลือง รวมทั้ง ทั้ หมายถึง ถึ พระพุทธศาสนาที่ชนชาติรัฐ รั ฉานนับ นั ถือ สีเขียว หมายถึง ถึ แผ่นดินแม่ ที่อุดมสมบูรณ์ด้ ณ์ ว ด้ ย ภูเขา ป่าไม้ ทรัพ รั ยากรธรรมชาติ และหมายถึง ถึ ชนชาติรัฐ รั ฉานที่รัก รั ความ สงบ สีแดง คือ ความรัก รั ชาติ ความกล้า ล้ หาญของคนรัฐ รั ฉาน ขณะที่ วงจัน จั ทร์ คือ ความบริสุทธิ์ ยุติธรรม สัจ สั จะของคนรัฐ รั ฉาน
สำ หรับ รั การศึก ศึ ษาโครงสร้า ร้ งสัง สั คม เช่น ระบบเจ้า จ้ฟ้า ระบบเครือ ญาติ และการถือครองที่ดิน มีเพียงประปราย เท่านั้น นั้ กล่าวคือยัง ยัไม่มี การวิเคราะห์เ ห์ จาะลึก ลึ เช่นเรื่อง ของอำ นาจ และที่สำ คัญ คั ยัง ยัไม่มีความ พยายามในการ เชื่อมโยงสถาบัน บั ทางสัง สั คม และระบบความเชื่อที่ เปลี่ยนแปลงไปในบริบทที่แตกต่างกัน กั ดัง ดั นั้น นั้ อาจกล่าวได้ ว่า การศึก ศึ ษาสัง สั คมและวัฒ วั นธรรมไทใหญ่ยัง ยั เปิดกว้า ว้ งอยู่ สำ หรับ รั การศึก ศึ ษาเปรียบเทียบพัฒ พั นาการและความ สัม สั พัน พั ธ์ท ธ์ างสัง สั คมของ กลุ่มคนที่พูด ภาษาไท ซึ่งต้อ ต้ ง อาศัย ศั ความรู้ที่ รู้ ที่ได้รั ด้ บ รั จากการศึก ศึ ษาที่ ผ่านมา แต่ที่ส าคัญ คั ควรจะต้อ ต้ งศึก ศึ ษาทบทวนความคิดจากเอกสาร บัน บั ทึก ทึ ข้อ ข้ มูลด้า ด้ นชาติพัน พั ธุ์ วรรณาต่างๆ ของอัง อั กฤษ และไทย อย่าง จริงจัง จั และหากเป็นไปได้เ ด้ มื่อสถานการณ์ท ณ์ างการ เมืองในพม่า เอื้อ อื้ อำ นวย ก็ควรมีการศึก ศึ ษาภาคสนามมาก ยิ่งขึ้น ขึ้ ในขณะนี้อ นี้ าจจะ เข้า ข้ไปศึก ศึ ษาภาคสนามในเขตใต้ คงขอวงแคว้น ว้ ยูนานก่อนก็ได้ ซึ่งน่าจะ ทำ ได้โด้ ดยผ่านการ ศึก ศึ ษาร่วมกัน กั กับ กั นัก นั วิชาการในจีน แต่ที่ผ่านมา ยัง ยั คงมี เพียงการเดินทางผ่านไปของนัก นั วิชาการไทยระยะสั้น สั้ ๆ เท่านั้น นั้ โครงสร้างทางสังคม
ภาพระบบเจ้าฟ้า ในอดีต
อิท อิ ธิอิ ธิ พอิทลธิพขลอขงอพงม่พ ม่ าม่า ประวัติ วั ติ ศาสตร์ไร์ ทใหญ่เต็มไปด้ว ด้ ย เรื่องราวของ สงคราม จนการเรียน ประวัติ วั ติ ศาสตร์ข ร์ องชาวไท ใหญ่ กลายเป็นวิชาต้อ ต้ งห้า ห้ มมาตั้ง ตั้ แต่สมัย มั อัง อั กฤษ ปกครอง อิทธิพลทาง วัฒ วั นธรรมของพม่าในไท ใหญ่จึง จึ มี มาก ซึ่งเกี่ยวพัน พั กับ กั ประวัติ วั ติ ศาสตร์ และ การเมืองกล่าวคือเมื่อพม่ามี อิทธิพลทางการ ปกครองก็จะเกณฑ์ ให้เ ห้ จ้า จ้ฟ้าไทใหญ่ส่งลูกชายและ ลูก สาวไปเมืองหลวงพม่า เจ้า จ้ หญิง เจ้า จ้ ชายเหล่านี้ จึง จึได้รั ด้ บ รั วัฒ วั นธรรม พม่ามา และนำ กลับ ลั มาเผยแพร่ แก่ ประชาชนไทใหญ่ในรูปแบบของ ภาษา ดนตรี นาฏศิลป์ และ ขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ เช่น เกิดความนิยมว่าวรรณคดีที่ ไพเราะ ซาบซึ้งควรมี คำ พม่าผูกผสมผสานกับ กั ไทใหญ่
ภาษาของชาวไทใหญ่ ภาษาไทใหญ่ หรือ ภาษาฉาน (ไทใหญ่:> ลิ่กไต๊)ต๊ เป็นภาษาตระกูลไท-กะได ใช้พู ช้ พู ดในภาคเหนือของ ประเทศพม่า ประเทศไทย และทางตอนใต้ข ต้ อง ประเทศจีน มีอัก อั ษรเป็นของตนเอง ชาวไทใหญ่ จะ ตั้ง ตั้ นามสกุลที่ขึ้น ขึ้ ต้น ต้ ด้ว ด้ ยลุง เช่น ลุงต่า ลุงลู่ ลุงคำ ลุงป้าง ฯลฯ เนื่องจากชาวบ้า บ้ นส่วนใหญ่นึกไม่ออก ว่าจะใช้น ช้ ามสกุลอะไร ก็เอาชื่อพ่อแม่ญาติพี่น้อ น้ งที่ ตายไปแล้ว ล้ มาตั้ง ตั้ เป็นนามสกุล ตัว ตั อัก อั ษรมีลัก ลั ษณะ คล้า ล้ ยภาษาพม่า ภาษาไทใหญ่ ภาษาพม่า
การแต่งกาย การแต่งกายชาวไทใหญ่ ผู้ช ผู้ ายสวมเสื้อ สื้ ไต นุ่งกางเกงขาก๊ว ก๊ ย มีผ้า ผ้ เคียนศีรษะ ส่วน ผู้ห ผู้ ญิง สวมผ้า ผ้ ซิ่น หรือผ้า ผ้ ถุงยาวคลุม ตาตุ่ม เสื้อ สื้ แขนยาวคลุมเอว สาบเสื้อ สื้ ป้าย ทับ ทั ไปด้า ด้ นเดียวกับ กั ผ้า ผ้ ถุงบ้า บ้ ง และเป็นแบบ หลวมๆ แต่ปัจจุบัน บั มีการประยุกต์เ ต์ป็นแบบ รัด รั รูปเสื้อ สื้ สั้น สั้ สาบเสื้อ สื้ ก็สลับ ลั ทับ ทั ไปคนละ ด้า ด้ นบ้า บ้ ง
วิถีชีวิตชาวไทใหญ่ เช่นพิธีการดำ หัว หั ตาม ประเพณีดั้ง ดั้ เดิมของชาวไทใหญ่ การแสดงฟ้อนไต การฟ้อนนก ฟ้อนโต การฟ้อนเจิง การฟ้อนดาบ กับ กั เครื่องดนตรีโบราณ เช่น ระนาดเหล็ก ฆ้อ ฆ้ งแผง กลองยาว ฉาบ ตียอ หรือไวโอลินพม่า อาหารของ ชาวไทใหญ่จะมี "ถั่วเน่า" เป็นเอกลัก ลั ษณ์ คล้า ล้ ย กะปิ เป็นอาหารที่มีประโยชน์เ น์ พื่อสุขภาพอาทิ น้ำ พริกคั่วทรายที่ผสมถั่วเน่าเป็นหลัก ลั การทำ ถั่วเน่า จิ้น จิ้ ลุง หรือลูกชิ้น ชิ้ ของชาวไทยใหญ่ น้ำ พริกพู หรือ ขนม เช่น ข้า ข้ วหลามมูล คล้า ล้ ยๆ กะละแม แต่อยู่ใน กระ บอกไม้ไม้ ผ่ วัฒนธรรมประเพณี
ศาสนา ความเชื่อ พิธีกรรม ชาวไทใหญ่ จะมีเสื้อ สื้ บ้า บ้ นและหอเสื้อ สื้ บ้า บ้ นเพื่อ ให้ช ห้ าวบ้า บ้ นทุกคนมาประกอบพิธีกรรม เพื่อ ความ เป็นสวัส วั ดิมงคลของหมู่บ้า บ้ น และเพื่อความอยู่ดี กินดี พืชพัน พั ธุ์เ ธุ์ จริญงอกงาม วัว วั ควาย สัต สั ว์เ ว์ ลี้ย ลี้ งทั้ง ทั้ หลายเติบโต ปราศจากโรคภัย ภั จากสภาพทาง ภูมิศาสตร์ ถิ่นที่อยู่ และความเชื่อประเพณี พิธีกรรมที่ได้รั ด้ บ รั อิทธิพลทางพุทธศาสนา และ ความเชื่อเรื่องผีสางนางฟ้า
อาหารของชาวไทใหญ่ ข้า ข้ วซอยน้อ น้ ย หรือที่คนไทยใหญ่เรียกว่า "ข้า ข้ วซอยอ่อน" โดยข้า ข้ วซอยน้อ น้ ยจะมีอยู่ 2 แบบด้ว ด้ ยกัน กั ค่ะ ได้แ ด้ ก่ แบบแรกเรียกว่าข้า ข้ ว ซอยธรรมดาก็คือแบบบ้า บ้ นๆดั้ง ดั้ เดิมเลย จะใส่ แค่ผัก ผั อย่างเดียว เช่น กะหล่ำ ปลี ถั่วฝักยาว ผัก ผั บุ้ง บุ้ ต่างๆ ถือได้ว่ ด้ว่ าใส่ผัก ผั ได้เ ด้ กือบทุกชนิดเลยก็ ว่าได้ และแบบที่ 2 เรียกว่าข้า ข้ วซอยทรงเครื่อง หรือที่ขายตามแม่สายเรียกว่าพิชซ่าไทยใหญ่
ข้าวแรมฟืน "ข้าวลืมแฟน" ข้า ข้ วแรมฟืน หรือข้า ข้ วแรมคืน เป็นอาหาร พื้น พื้ เมืองที่ได้รั ด้ บ รั อิทธิพลมาจากชาวไทยใหญ่ มีสามชนิดซึ่งแต่ละชนิดมีส่วนผสมแตกต่าง กัน กั ออกไปได้แ ด้ ก่ข้า ข้ วแรมฟืนขาว มีส่วนผสม เป็นแป้งข้า ข้ วเจ้า จ้ ที่ต้ม ต้ สุกจนมีลัก ลั ษณะคล้า ล้ ย วุ้น วุ้ แล้ว ล้ นำ ไปหั่นให้เ ห้ป็นเส้น ส้ ราดด้ว ด้ ยน้ำ ราดที่ ทำ จาก พริกตำ ถั่วเน่า ถั่วลิสงคั่ว น้ำ กระเทียม และน้ำ มะเขือเทศ
ข้า ข้ วแรมฟืนถั่ว มีสองแบบคือถั่วลิสง จะมี สีม่วงอ่อน และถั่วเหลืองมีสีเหลืองอ่อน วิธีทำ นำ ถั่วไปโม่จนกลายเป็นแป้ง แล้ว ล้ นำ มาต้ม ต้ จน สุก แล้ว ล้ นำ ไปใส่ถาดทิ้ง ทิ้ ไว้ใว้ ห้แ ห้ ป้งกระด้า ด้ งขึ้น ขึ้ รูป ลัก ลั ษณะคล้า ล้ ยวุ้น วุ้ ราดด้ว ด้ ยน้ำ ราดที่มีส่วนผสม ของน้ำ เต้า ต้ หู้ยี้ หู้ ยี้ ข ยี้ าว น้ำ มัน มั ควาเจียว กระเทียม เจียว พริกป่นคั่ว ซีอิ้ว อิ้ เค็มน้ำ เตี้ย ตี้ วเจี้ย จี้ ว และน้ำ สู่คือน้ำ ที่ทำ จากการหมัก มั จากกล้ว ล้ ยและข้า ข้ วคั่ว ข้าวแรมฟืน "ข้าวลืมแฟน"
ข้า ข้ วแรมฟืนทอด มีลัก ลั ษณะคล้า ล้ ยเต้า ต้ หู้ ทอด วิธีทำ และเครื่องปรุงเหมือนกับ กั ข้า ข้ วแรม ฟืนขาว ต่างกัน กั คือการนำ แป้งที่สุกไปทอด จนกรอบ ข้า ข้ วแรมฟืนนิยมกินกับ กั ผัก ผั นานา ชนิด เช่น ถั่วงอกกุยช่าย กะหล่ำ ปลี ถั่วฝักยาว เป็นต้น ต้ ข้าวแรมฟืน "ข้าวลืมแฟน" ข้า ข้ วฟืนถั่วเหลือง ข้า ข้ วฟืนทอด
ข้า ข้ วแรมฟืนอุ่น / ข้า ข้ วฟืนอุ่น หรือบ้า บ้ งถิ่น เรียก “ชีเต้า ต้ เฟิ้น” แต่ภาษาจีนฮ่อเรียก “ปาปาซอย” คนจีนฮ่อนิยมกินข้า ข้ วแรมฟืนอุ่น ในตอนเช้า ช้ บ้า บ้ งก็นิยมกินกับ กั ปาท่องโก๋ หรือผัก ผั กาดดองแบบจีนฮ่อ คือ ผัก ผั กาดดองผสม เครื่องเทศ พริก ดองจนออกรสเปรี้ย รี้ ว เผ็ด หวาน ต่างจากผัก ผั กาดดองของไทยที่รสออก เปรี้ย รี้ วกับ กั เค็ม ข้าวฟืนอุ่น
ข้า ข้ วแรมฟืนน้ำ (บางคนเรียกว่าข้า ข้ วฟืนน้ำ และข้า ข้ วฟืนเย็น) คือการนำ ข้า ข้ วแรมฟืนที่เซต ตัว ตั แล้ว ล้ มาหั่นให้เ ห้ป็นชิ้น ชิ้ พอดีคำ เทราดด้ว ด้ ยน้ำ ซุปใสๆ รสเปรี้ย รี้ วสดชื่น บ้า บ้ งเป็น ‘น้ำ สู่’ น้ำ ตาลหมัก มั รสเปรี้ย รี้ วที่มีกลิ่นเฉพาะตัว ตั บ้า บ้ ง เป็น ‘น้ำ มะเขือส้ม ส้ ’ ซุปใสรสอูมามิที่ได้จ ด้ าก การนำ มะเขือเทศสายพัน พั ธุ์ท้ ธุ์ อ ท้ งถิ่นไปต้ม ต้ กับ กั น้ำ ปรุงรสด้ว ด้ ยเกลือเพียงเล็กน้อ น้ ยเสร็จแล้ว ล้ ยี เนื้อ นื้ มะเขือเทศให้น้ำ ห้ น้ำ มีรสชาติมากขึ้น ขึ้ และ ต้อ ต้ งพัก พั ทิ้ง ทิ้ ไว้ใว้ ห้เ ห้ ย็นก่อนนำ ไปปรุงเป็นขาว ฟืนน้ำ ข้าวแรงมฟืนน้ำ