บ้านภักดีแผ่นดนิ หม่ทู ี่ 8
ตาบลหนองหมากฝ้าย อาเภอวัฒนานคร จังหวดั สระแกว้
ขอ้ มูลพนื้ ฐาน
ประวัติหมู่บ้านบ้านภักดีแผ่นดิน หมู่ที่ 8 ตาบลหนองหมากฝ้าย จังหวัดสระแก้ว เดิมบ้านภักดีแผ่นดิน
ชื่อบ้านคลองเกลือ เป็นหมู่บ้านท่ีมีคลองต้นนา เหนือต้นนามีดินโปร่งที่มีสัตว์ชอบลงมากินนา ชาวบ้านจึงเรียกว่า
คลองเกลือ ในอดีตบ้านภักดีแผ่นดินจัดว่าเป็นพืนท่ีสีแดง เนื่องจากมีผู้หลงผิดเข้าร่วมกลุ่มคอมมิวนิสต์
เม่ือมีประกาศให้บุคคลที่หลงผิดเข้ามอบตัว และหลังจากนันเหตุการณ์จึงสงบลง พ.ศ. 2525 พระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยูห่ ัว รชั กาลท่ี 9 มีประสงค์ ให้พืนที่แห่งนีเป็นพืนท่ีทากิน เพ่ือเป็นแนวเขตไม่ให้ประชากรบุกรุก ทาลายป่าไม้
พ.ศ. 2528 มีพระราชดารัสให้จัดสรรพืนท่ีขึนเป็นโครงการพระราชดาริ เร่ิมวางผังหมู่บ้าน โดยมีหน่วยงานร่วมกัน
วางผงั 3 หน่วยงาน คอื
1.หนว่ ยงานทหารพัฒนา (ทหารเสือนวมนิ ทราชินี)
2.กรมพัฒนาที่ดิน
3.กรมปา่ ไม้
พ.ศ. 2529 จัดสรรแบ่งปันในระบบ 7-7-1 คือเป็นท่ีนา 7 ไร่ ที่สวน 7 ไร่ ท่ีอยู่อาศัย 1 ไร่ รวมเป็น 15 ไร่
ตอ่ ครัวเรือน จากนันจึงประกาศให้ชาวบ้านเข้ามาอาศัยอยู่ ในตอนนันมีจานวน 150 ครอบครัว โดยให้สิทธิเจ้าของ
เดิม เปน็ อนั ดับแรก พ.ศ. 2530 ได้เปิดหมู่บ้านอย่างเป็นทางการ ในสมัย ท่านจเด็จ อินสว่าง เป็นนายอาเภอวัฒนา
นคร และท่านอารี วงศ์อาริยะ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสะแก้วในสมัยนัน ประชากรส่วนใหญ่ย้ายถ่ินฐานมาจาก
บ้านหนองหมากฝ้าย บ้านโคกสว่าง บ้านหนองนาใส บ้านใหม่ศรีจาปา และอพยพมาจากภาคอีสาน
อาณาเขตติดต่อ
ทิศเหนือ ติดกับอาเภอครบรุ ี จงั หวดั นครราชสีมา
ทศิ ตะวนั ตก ติดกบั บา้ นโคกสวา่ ง ตาบลหนองหมากฝ้าย อาเภอวัฒนานคร
ทิศตะวนั ออก ติดกับบา้ นห้วยชัน ตาบลช่องกุ่ม อาเภอวฒั นานคร
ทิศใต้ ติดกบั บา้ นคลองคันโท ตาบลหนองหมากฝา้ ย อาเภอวฒั นานคร
ข้อมูลศกั ยภาพ/ทรัพยากร
- กลุ่มเป้าหมาย มีการพง่ึ ตนเองสามารถทอผา้ และตดั เย็บผลิตภัณฑจ์ ากผา้ ท่ีทอเอง เพือ่ จาหน่าย
- กลุ่มเป้าหมายแหลง่ วตั ถดุ ิบที่จัดทาเอง ได้แก่ ผา้ ไหม ผ้าฝ้าย ผา้ ไหมประดิษฐ์ เป็นตน้
- กลุ่มเปา้ หมายมีทกั ษะในการทอผ้า ตดั เยบ็ ผ้าเป็นผลติ ภัณฑแ์ ปรรปู ได้แก่ กระเป๋าผ้า พวงกญุ แจ เสือผ้า
เป็นต้น
- กลุม่ เปา้ หมายมผี นู้ าชุมชน และผู้นากลุม่ ทมี่ ศี ักยภาพในการแกป้ ัญหา การวางแผน การประสานงาน
รว่ มกับหน่วยงานตา่ งๆ ไดด้ ี
ประวตั คิ วามเป็นมากลุ่มทอผา้ บา้ นภกั ดแี ผน่ ดิน
กลุ่มทอผ้าบ้านภักดีแผ่นดิน หมู่ที่ 8 ตาบลหนองหมากฝ้าย อาเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว ส่วนใหญ่
เป็นคนอีสาร เช่น จังหวัดบุรีรัมย์ นครราชสีมา และกาฬสินธุ์ ได้ย้ายถ่ินฐานมาภาคตะวันออก แต่ยังคงมีการทอผ้า
ใชเ้ องอยู่ โดยเฉพาะคนภูไท (จงั หวัดกาฬสินธ)ุ์ จากรุ่นสู่รุน่ ทางปู่ยา่ ตายายกลัวจะสูญหาย คนในชุมชนได้รวมตัวจับ
กลุ่มกันขึนมาเพ่ือประมาณปี พ.ศ.2551 มาสานต่อจากปู่ย่าตายาย เพ่ือให้เยาวชนรุ่นหลังให้รู้วิธีการและขัน ตอน
ต่างๆซงึ่ ทางบรรพบุรษุ ใชฝ้ ้ายมาเป็นวัตถุดิบในการผลิต ซึ่งจะทาใหส้ ตี กและขาดงา่ ย
ทางกล่มุ จึงได้คิดคน้ ทอลองเอาเสน้ ดา้ ยใยประดิษฐผ์ ลติ ผลตอบรบั คือ สไี ม่ตก ไม่หด และคงทน ต่อมาทาง
องค์การบริหารส่วนตาบลหนองหมากฝ้าย และหน่วยงานภาครัฐ ได้เห็นผลงานจึงได้สนับสนุนงบประมาณ เมื่อปี
2556 ทางกลมุ่ ได้ดาเนนิ การเรื่อยมาจนถึงปัจจบุ ัน
ผลิตภณั ฑ์
ผา้ ทอมอื บา้ นภกั ดแี ผ่นดนิ
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์
ลกั ษณะท่ีโดนเด่นของผา้ ทอมอื บ้านภกั ดีแผน่ ดิน คือ ใช้เสน้ ดา้ ยประดิษฐ์ท่ีมีความคงทน สีสันสดใส ทอเป็น
ผ้าท่ีมีลายสวยงาม เนือผ้า ละเอียดเรียบ สีไม่ตก เนือแน่นเป็นเงางามซักแล้วไม่หดตัว ลายผ้ามีทังลายดังเดิม
ลายประยกุ ต์ และลายคดิ คน้ ใหม่ จงึ มีหลากหลายให้เลอื กซอื ไดต้ ามความตอ้ งการของลูกค้า
ความสัมพนั ธ์กับชมุ ชน
การใช้ผ้าทอมือท่ีมีความสวยงาม ประณีตแสดงให้เห็นถึงความสาคัญกับสถานท่ีและพิธีกรรมต่างๆที่ไป
ร่วมงานและยังสามารถอวดฝีมือในด้านการทอผ้าซึ่งกันและกันได้อีกด้วย เพราะแต่เดิมคนที่ทอผ้ามักจะเป็นคนนุ่ง
ผา้ นันเอง หรอื ทาให้ลกู หลาน มไิ ดซ้ อื ขายเหมอื นปจั จบุ นั
การทอผ้าจะต้องใช้ความสามารถความชานาญ ความละเอียด ความปราณีต และเทคนิคบางอย่าง
เฉพาะตวั แม้จะเป็นผา้ ฝ้ายหรือผา้ ไหมชนดิ เดยี วกันแต่จะแตกตา่ งในเรื่องลวดลาย สีสัน และความละเอียดประณีต
ของฝมี อื ซึ่งเป็นองคป์ ระกอบในเรอื่ งของความสวยงาม
เดิมท่ีชาวบ้านนิยมทอผ้าเพ่ือทาผ้าซ่ินสาหรับผู้หญิงนุ่งอย่างเดียวต่อมาได้ทอเป็นผ้าขาวม้า ผ้าโสร่ง และ
พัฒนาต่อเน่ืองเป็นภาพพืนเรียบกับผ้าลายในผืนเดียวกัน ใช้ตัดชุดใส่ทางาน หรือชุดในพิธีมงคลต่างๆ ซ่ึงมี
หลากหลายลายทังลายดังเดิมและลายสมัยใหม่ท่ีมีผู้สั่งทอ สนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกลายโดยแต่ละชุมชน
จะคิดค้นลายผ้าขึนใหม่ตามภูมิปัญญาเพื่อเสนอให้ลูกค้า ปัจจุบันกลุ่มทอผ้ามีผลิตภัณฑ์มากมายเช่น ผ้าตัด
ชดุ ผา้ พนั คอ ย่ามสะพาย กระเปา๋ โทรศพั ท์ ผา้ ขาวม้า ผ้าโสรง่ ผา้ ปิดจมูก เป็นตน้
การเชือ่ มโยงกบั ชมุ ชนอ่ืนๆในตาบล
มีการเชื่อมโยงกับหมู่บ้านข้างเคียง คือเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ชุมชนในเร่ืองของภูมิปัญญาท้องถ่ินการใช้
อุปกรณ์โบราณคือ ก่ีกระตุกแบบโบราณในการทอผ้าให้กับหมู่บ้านข้างเคียงได้ศึกษาเรียนรู้แล้วนาไปฝึกทาเสริม
อาชพี นอกจากนยี ังเปน็ ทีศ่ ึกษาดงู านของนักเรียน นักศึกษา หรือหน่วยงานตา่ งๆเข้าศกึ ษาดูงานอีกด้วย
การสงั่ สม สบื สาน ผลิตภณั ฑ์
การสืบทอดความรู้ ความชานาญในการทอผ้าจากรุ่นหน่ึงสู่อีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งสืบทอดกันมันในหมู่ผู้หญิง
เฉพาะถือว่าเปน็ คุณสมบตั ิของผู้หญิงมีความยุ่งยากในการทอและส่วนใหญ่ผ้าไหมทอมือผู้หญิงมักนิยมทอเป็นผ้าซิ่น
ไว้นุ่งเองทังในชีวิตประจาวันและงานพิธี งานประเพณีต่างๆ มากกว่าผู้ชายนอกจากเอาไว้ใช้เองแล้วยังเหลือไว้
จาหนา่ ยภายในหมบู่ า้ นและหมู่บา้ นขา้ งเคียงหรอื ภายในจงั หวดั เดียวกนั ซ่งึ เป็นอาชพี เสริมของครวั เรอื นอกี ดว้ ย
เอกลักษณ์ลวดลายที่สะท้อนความเปน็ ชุมชน
ผ้าทอมือบ้านภักดีแผ่นดินแต่เดิมนิยมทอผ้าโดยใช้ฝ้ายหรือเส้นไหมกลุ่มทอผ้าพบปัญหาว่าสีมักจะตกหรือ
เมื่อซักแล้วเกิดการหดตัวของเนือผ้า ดังนันจึงเริ่มปรับเปล่ียนประยุกต์มาใช้ได้ประดิษฐ์ซ่ึงมีความสวยงามทังสีสัน
และความคงทนของด้าย เม่ือซักแล้วไม่เกิดปัญหาการตกของสีหรือการหดตัวของผ้าแต่อย่างใดและลักษณะท่ีโดด
เด่นของผ้าคือเปน็ ผลติ ภัณฑท์ ม่ี ีความหนาแนน่ ของเนอื ผ้าเวลานามาตัดเยบ็ จะไมย่ ้วย ไม่แยก ไม่หด สีคงทน สวม
ใส่สบาย การดูแลรักษาง่ายและซักด้วยเคร่ืองซักผ้าได้โดยไม่ทาให้ผ้าแยกหรือยุ่ย สวมใส่สบาย ได้หลายโอกาสมี
หลายรูปแบบหลังจากพฒั นาคณุ ภาพสินค้าแลว้ มีการรวมกล่มุ กนั ตดั เสือผา้ สวมใส่โดยใช้ผ้าทอมือของกลุ่มจนกระท่ัง
เป็นทช่ี ่นื ชอบของบุคคลทั่วไปจึงมกี ารสั่งซอื และสวมใส่กันอย่างกวา้ งขวาง
วตั ถดุ บิ และส่วนประกอบ
เครื่องมอื ท่ใี ชใ้ นการทอผ้าเรียกว่า “กี่” หรือ “หูก” ซึ่งพัฒนามาจากหลักการเบืองต้นท่ีต้องการให้มีการ
ขัดลายกันระหว่างด้ายเส้นยืนกับด้ายเส้นพุ่งเป็นจานวนมากเพียงพอที่จะทาให้เกิดผืนผ้าขึนได้โดยกว้างมือท่ีใช้ใน
การทอผ้าปจั จุบันเรยี กเครอื่ งมือทใี่ ชท้ อผ้าว่า “ก่ีกระตุก” โดยเครื่องมือที่ใช้ในการทอผ้าประกอบด้วยอุปกรณ์ต่างๆ
2 ส่วนดงั นี
1. อุปกรณ์ที่ใช้ในการเตรยี มดา้ ย
2. อปุ กรณส์ าหรบั การทอผ้า
1.อุปกรณท์ ีใ่ ช้ในการเตรียมไดป้ ระกอบด้วยสว่ นตา่ งๆดงั นี
1.1 ดอกหวิง เป็นอุปกรณ์สาหรับหมุนเพ่ือกรอกเส้นด้ายสีต่างๆเข้าหลอดด้าย มีลักษณะคล้าย
กังหนั ลมมแี กนกลางวางบนฐานไมส้ องขา้ งสว่ นกลางของดอกหวิงมชี ่องสาหรับใสเ่ สน้ ดา้ ย
1.2 ไน เป็นอุปกรณ์กอ่ สร้างเส้นด้ายอย่างหนึง่ มีลกั ษณะเป็นช่องสาหรบั ใส่แกนม้วนได้ซ่ึงผูกโยงกับ
ดอกหวิง ปัจจุบันมีการนามอเตอร์ไฟฟ้ามาเป็นตัวช่วยหมุนเม่ือมอเตอร์ไฟฟ้าทางานเส้นด้ายใน
ดอกหวงิ จะหมนุ ไดม้ าเกบ็ ไว้ในแกนมว้ นดา้ ย
1.3 หลอดดา้ ยคน้ (ลูกค้น) เป็นอุปกรณ์สาหรับใช้ในการค้นเส้นด้ายโดยเส้นด้ายทุกเส้นจะถูกม้วน
หรอื พันธ์ุเกบ็ ไว้ในหลอดคน้ ซ่ึงมีลักษณะเป็นหลอดยาวประมาณ 8 นิว เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ
1 นวิ จานวน 152 หลอด หลอดพน้ ทาจากไม้ไผ่ ปัจจบุ ันใช้ท่อนาพลาสติกแทน
1.4 รางค้น เป็นอุปกรณ์สาหรับเลียงหลอดด้ายค้นเพื่อเตรียมไว้สาหรับขันตอนการเดินเส้นด้าย
ต่อไปรางค้นมีลักษณะเป็นแถว 2 ชัน มีแกนสาหรับใส่หลอดด้ายค้น จานวน 152 แกนอยู่บนเสา
สงู ประมาณ 1.5 เมตร ยาวประมาณ 5-8 เมตร
1.5 หลักค้น เป็นอุปกรณ์สาหรับพันเส้นด้ายที่ค้นตามจานวนความยาวที่ต้องการมีลักษณะเป็น
สี่เหล่ียมผืนผ้ากว้างประมาณ 2 เมตร ยาว 5 - 8 เมตร ที่หัวหลักค้นมีหลักสูงประมาณ 6 นิว
จานวนประมาณ 20 หลกั อย่ทู ังสองดา้ น
1.6 ฟมื หรอื ฟนั หวี มีลักษณะคลา้ ยหวียาวเทา่ กับความกว้างของหน้าผากทาด้วยโลหะมีลักษณะ
เป็นซี่เล็กๆมีกรอบทาด้วยไม้หรือโลหะแต่ละซี่ของฟืมจะเป็นช่องสาหรับสอดได้ยืนเข้าไปเป็นการ
จัดเรียงด้ายยืนให้ห่างกันตามความละเอียดของเนือผ้าเป็นส่วนที่ใช้กระทบให้เส้นด้ายที่ทอเรียง
ตดิ กนั แน่นเป็นผืนผ้า ฟมื สมยั โบราณทาด้วยไม้แกะสลักเป็นรูปนกหรือเปน็ ลวดลายต่างๆ
1.7 ตะขอเกี่ยวด้าย (เบ็ดเข้าฟืม) เป็นอุปกรณ์สาหรับเกี่ยวเส้นด้ายเข้าฟืมทาด้วยเหล็กยาว
ประมาณ 8 นิว ส่วนปลายทาเปน็ ตะขอไวส้ าหรับเก่ียวเส้นด้ายเข้าฟืมซ่ึงเส้นด้ายทุกเส้นจะต้องใช้
ตะขอเกยี่ วไดส้ อดไวใ้ นฟืมจนเต็มทุกช่อง
1.8 เคร่ืองรองตอนเขา้ ฟืม
1.9 ลูกหัด (ระหัด) เป็นอุปกรณ์สาหรับม้วนเก็บเส้นด้ายที่ค้นเสร็จแล้ว มีลักษณะคล้าย
ระหดั วดิ นา ซึง่ อยทู่ ่ดี ้านปลายของแกนระหดั ทังสองดา้ น โดยหมุนม้วยเส้นด้ายเก็บไว้เพ่ือเตรียมใส
ในเครอื่ งทอผา้
1.10 ไม้นัด เปน็ ไมท้ ี่สอดอยู่ในชอ่ งด้ายยืน เพ่อื ชว่ ยให้ด้ายไม่พนั กัน
1.11 ไม้ขัดด้าย หรือฟันปลา เป็นอุปกรณ์สาหรับขัดระหัดม้วนผ้าเพ่ือไม่ให้ระหัดม้วนผ้า ขยับ
เขยือนได้ ทาให้เสน้ ดา้ ยตงึ อยูต่ ลอดเวลา เมอื่ ถึงขันตอนการทอผ้าก็จะง่ายขึน
1.12 เครอ่ื งม้วนด้าย ใช้สาหรับม้วนดา้ ยเขา้ หลอดด้ายยืน
2. อปุ กรณส์ าหรับทอผ้า ประกอบดว้ ยส่วนต่าง ดังนี
2.1 ฟืม หรือฟันหวี มีลักษณะคล้ายหวี ยาวเท่ากับความยาวของหน้าผ้าทาด้วยโลหะมีลักษณะ
เป็นซ่ีเล็กๆมีกรอบทาด้วยไม้หรือโลหะแต่ละที่ของฟืมจะเป็นช่องสาหรับสอดด้าย ยืนเข้าไปเป็น
การจัดเรียงด้ายยืนให้ห่างกันตามความละเอียดของเนือผ้าเป็นส่วนท่ีใช้กระทบให้เส้นด้ายท่ีทอ
เรียงติดกันแน่นเปน็ ผนื ผ้าฟมื สมยั โบราณทาดว้ ยไมแ้ กะสลักเป็นรูปนกหรือเป็นลวดลายตา่ งๆ
2.2 เขาหูก หรือ ตะกอ / ตระกอ คือส่วนท่ีใช้สอดด้าย เป็นได้ยืนและแบ่งด้ายยืนออกเป็นหมู่ๆ
ตามความต้องการเพ่อื ท่จี ะพ่งุ กระสวยเข้าหากันได้สะดวกเข้าหูกมีอยู่ 2 อัน แต่ละอันเวลาสอดได้
ต้องสอดสลับกันไปเส้นหน่ึงเว้นเส้นหน่ึงที่เข้าหูกก็จะมีฟืมถูกแขวนไว้กับด้านบนโดยผูกเชือกเส้น
เดียวสามารถจะเล่ือนไปมาไดส้ ว่ นล่างถกู เชอื กตดิ กับการเหยียบหรือตีนเหยียบไว้เพ่ือเวลาต้องการ
ดงึ ได้ใหเ้ ป็นช่องกใ็ ชเ้ ทา้ เหยียบคันเหยียบนี จะเป็นตัวดึงเข้าหูกให้เลื่อนขึนลงหากต้องการทอเป็น
ลาย ก็ต้องใช้การเหยียบหลายอันเช่นลายสองใช้คันเหยียบ 4 อัน ลาย 3 ใช้คันเหยียบ 6 อัน
ถ้าผนื ใดที่ทอหลายอันหรอื ว่ามีคณุ ภาพดมี ลี วดลายทีล่ ะเอียดสวยงามและมรี าคาแพง
2.3 กระสวย คือ ใช้บรรจุหลอดเส้นไหมพุ่ง มีหลายแบบ อาจจะทาจากไม้ไผ่ ไม้เนือแข็ง หรือ
พลาสติกให้มีนาหนักพอประมาณจะได้ไม่พลิกเวลาพุ่งกระสวย มีความลื่นและไม่มีเสียน ขนาด
กว้างประมาณ 3 เซนตเิ มตร ยาวประมาณ 20 เซนติเมตร เจาะรูตรงกลาง ทาปลายทังสองด้านให้
งอนเลก็ นอ้ ย เพื่อใหล้ อดผ่านเส้นไหมยืนได้งา่ ยขึน
2.4 ไม้แกนม้วนผ้า หรือไม้กาพั่น ไม้ท่ีใช้ผูกปลายด้านหนึ่งของไหมยืน ซึ่งสอดผ่านฟันหวีแล้วใช้
ผ้าไหมที่ทอเป็นเนือผ้าแล้ว โดยส่วนใหญ่ไม้ม้วนผ้าทาด้วยไม้เหลี่ยมยาวประมาณ 120-180
เซนติเมตร
2.5 คานเหยยี บ คือ ไม้ 2-4 อนั ขึนกับจานวนเขาหรือตะกอ โดยตีนเหยียบนีจะผูกเชือกเช่ือมโยง
กับเขาหูก เพื่อใช้สาหรับเหยียบดึงเขาหูก 2-4 ตับ ให้รังเส้นไหมยืนขึนหรือลงสลับกันและเปิด
ชอ่ งวา่ งใหก้ ระสวยพงุ่ ผา่ น ตีนฟืมจะมีลกั ษณะกลม ยาวประมาณ 1.5-2 เมตร และจะวางขวางกับ
โครงหูก
2.6 สายกระตุก หรือเชือกดึงเวลาพุ่งกระสวย จึงเกิดศัพท์ว่า “ก่ีกระตุก” โดยช่างทอผ้าจะใช้มือ
ข้างหน้ากระตุกสายเชือกนี กระสวยกี่จะแล่นไปแล่นมาเอง และใช้มืออีกข้างดึงฟืมให้กระแทก
เนือผ้าที่ทอแลว้ ใหแ้ น่น
2.7 ระหัดถักด้าย เป็นไมร้ ะหดั สาหรับม้วนด้ายยืน
2.8 หลอดด้ายพุ่ง เป็นหลอดไม้ไผ่ที่บรรจุด้ายสีต่างๆ สอดอยู่ในรางกระสวย เพ่ือใช้พุ่งไปชัดด้าย
ยืนในขณะที่ช่างทอกาลังทอผ้าและกระตุกสายกระตุกไปหลอดเส้นด้ายพุ่งก็ไปขัดกับ เส้นด้ายยืน
เกดิ เปน็ ลายผา้ ตามต้องการ
2.9 หลอดด้ายยืน เป็นหลอดด้ายหลักที่ขึงอยู่ในก่ีโดยสอดผ่านฟืมเรียบร้อยแล้ว มีลักษณะอยู่ใน
แนวตัง
2.10 ผัง เป็นไม้สาหรับคาความกว้างของผ้าให้หน้าผ้าตึงพอดีกับฟืม ทังนีเพ่ือความสะดวกในการ
ทอผา้ ซ่ึงจะทาเส้นด้ายตรงลายไม่คดไปคดมา ส่วนด้านหัวและด้านท้ายของผังจะผูกเข็มไว้เพื่อใช้
สอดรมิ ผ้าทงั สองขา้ ง
2.11 ไนปั่นด้าย เป็นอุปกรณ์ที่แยกออกมาจากกี่ทอผ้า เพ่ือใช้สาหรับปั่นด้ายเข้ากระสวยและป่ัน
ด้ายยนื เขา้ ระหดั ถักดา้ ย
1. การเตรียมเสน้ ด้ายยนื ประกอบด้วยกรรมวธิ ตี า่ ง ๆ คือก่อนจะทอผ้า ช่างจะตอ้ งนาด้ายริวท่ีเป็นไจ นาไป
กรอเข้าหลอดเพ่ือสาหรับงานโดยเฉพาะ เมื่อสอดด้ายเข้าพิมพ์เสร็จแล้ว ก็นาไปขึงบนกี่สาหรับเก็บตะกอหรือร้อย
ตะกอตอ่ ไป
2. สับตะกอให้ด้ายแยกออกจากกัน โดยใช้เท้าเหยียบคานเหยียบท่ีอยู่ข้างล่างเพื่อเปิดช่องว่างสาหรับให้
ดา้ ยพุ่ง ผา่ นเขา้ ไปได้
3. การเตรยี มเสน้ พ่งุ เร่มิ จากการท่ีช่างทอกรอด้ายท่ีจะใช้เป็นด้ายพุ่งเข้ากระสวยแล้วนากระสวยแต่ละสีไป
ใส่ในรางกระสวย โดยใช้มือพ่งุ กระสวยด้ายพงุ่ ให้สอดไปตามหว่างดา้ ยท่ีมชี ่องสอดกระสวยซงึ่ ทาดว้ ยไม้
4. ลาดบั ขนั การทอในก่ีกระตุกสับตะกอให้ด้ายยืนแยกออกจากกัน โดยมีท่ีเหยีบอยู่ข้างล่าง (ใช้เท้าเหยียบ)
เป็นการเปิดช่อว่างสาหรับด้ายพุ่งผ่านเข้าไปได้ ใช้มือพุ่งกระสวยด้ายให้สอดไปตามระหว่างด้ายโดยมีช่องสอด
กระสวยซึ่งทาด้วยไม้ ปล่อยเท้าท่ีเหยียบเครื่องบังคับตะกอ เพ่ือให้ด้ายพุ่งรวมเป็นหมู่เดียวกันตามเดิม กระทบฟัน
หวีโดยแรง ฟันหวีจะพาด้ายพุง่ ให้เข้ามาชิดกนั เปน็ เสน้ ตรง เหยียบทบ่ี งั คบั ตะกออกี ครงั หนง่ึ
5. เหยียบคานเหยียบอีกครังหนึง่ ซ่ึงตรงกันข้ามกับขันท่ี 2 กระทบฟันหวีโดยแรงอีกครังหนึ่ง จากนันจึงพุ่ง
ด้ายเสน้ ที่ 2 จะทาใหไ้ ดผ้ ้าเนือแนน่ ขึน
โดยช่างทอผ้าจะต้องทาตามขันตอนตังแต่ ขันท่ี 1 ถึง ขันท่ี 5 สลับกันไปจนกว่าจะได้ผืนผ้าตามความ
ต้องการหรือ จนหมด ความยาวของด้ายยืน แรงกระแทกของฟืม หรือฟันหวีจะมีผลต่อความยาวของผ้าท่ีทอคือทา
ให้เนอื ผ้าแน่น หนาหรือบางได้ คอื ชา่ งทอผา้ บางคนที่กระแทกฟันหวแี รงจะมีอัตราการทอผ้าได้ประมาณ 4-5 หลา/
วัน และเนือผ้าจะหนาแน่นในขณะที่ ถ้ากระแทก ฟันหวีเบาจะทอได้ถึง 6-7 หลา/วัน และได้เนือผ้าจะบางเบา
ดังนันคณุ ภาพและราคาของผา้ จึงตา่ งกนั เพราะแรงกระแทกในการทอดว้ ย
รปู แบบผลติ ภณั ฑ์
อัตลักษณ์(เอกลักษณ)์ /จดุ เดน่ ของผลิตภณั ฑ์
รางวัลทไ่ี ด้รับ
- คดั สรรคส์ ุดยอดหน่ึงตาบล หนง่ึ ผลิตภณั ฑ์ OTOP ประจาตาบลหนองหมากฝ้าย
- ไดร้ บั เกียรตบิ ตั ร แหลง่ เรยี นรศู้ าสตร์พระราชา
ความสัมพันธ์กบั ชมุ ชน
ชาวบ้านตาบลหนองหมากฝ้าย เป็นการรวมกลุ่มของคนในชุมชนในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จาก
ภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่น โดยการใชแ้ รงงานในชุมชน ทุนจากชุมชน เพือ่ คนในชมุ ชน
กศน.ตาบลหนองหมากฝา้ ย ได้เข้ามามีบทบาทในการส่งเสริมให้ชาวบ้านตาบลหนองหมากฝ้ายให้มีรายได้
เสริมเป็นอาชีพเสริมกับชาวตาบลหนองหมากฝ้าย โดยการส่งเสริมการทอผ้าพืนบ้านและค้าขายออนไลน์ สินค้า
ในตาบลได้ ณ บ้านภักดแี ผ่นดนิ หมู่ 8 ตาบลหนองหมากฝา้ ย อาเภอวัฒนานคร จังหวดั สระแก้ว
การประชาสัมพนั ธ์การค้าสนิ ค้า OTOP
กล่มุ ผปู้ ระกอบการ กลุ่มทอผา้ บ้านภกั ดีแผน่ ดิน
กลุ่มผูผ้ ลิต : บา้ นเลขท่ี 62 หมู่ที่ 8 บา้ นภักดแี ผ่นดนิ ตาบลหนองหมากฝ้าย
สถานท่ผี ลติ : อาเภอวัฒนานคร จังหวดั สระแก้ว 27160
นางสาวสพุ รรณี คนซ่ือ ผู้ใหญ่บ้านหมทู่ ี่ 8
ประธานกลุ่ม :
ความสามารถในการผลติ ตอ่ เดือน
ความสามารถในการผลติ ชองสมาชกิ กลมุ่ ทอผา้ บ้านภกั ดแี ผน่ ดิน ผลิตได้เฉล่ียเดือนละ 2 ผืน / คน
ผืนละ 4 เมตร การทอผา้ ทุกวนั ยกเว้นฤดทู านาจะทอเฉพาะคนที่ไม่ไดอ้ อกไปทานา
ราคา / รายได้
ตามขนาดของผ้าและความยากง่ายของลายทท่ี อผา้ ขนึ มา ราคาประมาณ 450 บาท ขนึ ไป
สนใจตดิ ต่อได้ท่ี
กลุ่มทอผา้ บ้านภักดแี ผ่นดนิ
สถานท่ตี งั กลุ่ม : บ้านเลขที่ 171 หมู่ที่ 8 บา้ นภักดีแผน่ ดนิ ตาบลหนองหมากฝา้ ย
อาเภอวฒั นานคร จงั หวดั สระแกว้ 27160
โทรศัพท์ 0879404489
แหลง่ เรียนรู้อาชพี กลมุ่ ทอผา้
บ้านภักดีแผน่ ดนิ ตาบลหนองหมากฝา้ ย อาเภอวัฒนานคร จงั หวัดสระแก้ว
ผู้รบั ผดิ ชอบ ผู้ใหญ่บ้าน หมูท่ ี่ 8 ประธานกลุ่มทอผ้า
นางสาวสุพรรณี คนซอ่ื
นางสาวปรญิ ากร ปรีนกึ ครู กศน. ตาบล ผูจ้ ัดทาขอ้ มูล