The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คณะศิลปนาฏดุริยางค์ รุ่น25 สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Aekaphan Nai Thongkum, 2024-06-12 09:39:26

การแสดงศิลปนิพนธ์แนวอนุรักษ์

คณะศิลปนาฏดุริยางค์ รุ่น25 สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์

Keywords: ศิลปนิพนธ์

ก า ร แ ส ด ง ช ุ ด ล ง ส ร ง โ ท น อ ิ เหนา เป็นการแสดงที่แทรกอยู่ในละครในเรื่องอิเหนา ตอน จากเมืองหมันหยายกทัพไปช่วยกรุงดาหา ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธ เลิศหล้านภาลัย เป็นการแสดงประเภทรำเดี่ยวอวดฝีมือ เป็นกระบวนท่ารำที่แสดงถึงลักษณะการแต่งตัว ของตัวละครก่อนที่จะออกไปรบ ลักษณะการรำจะเน้น การตีบทตามบทร้อง เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี เป็นผู้ประดิษฐ์ท่ารำร่วมกับครูรุ่ง และ ครูทองอยู่ โดยมีเจ้าจอมมารดาแย้มเป็นผู้รำ และต่อมาได้ถ่ายทอด กระบวนท่ารำให้กับเจ้าจอมมารดาวาดและหม่อมแย้ม ต่อมาหม่อมแย้ม หม่อมละครในสมเด็จเจ้าพระยา บรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ได้ถ่ายทอด กระบวนท่ารำให้กับ คุณครูลมุล ยมะคุปต์ อ ด ี ต ผ ู ้ เ ช ี ่ ย ว ช า ญ ก า ร ส อ น นา ฏ ศ ิล ป ์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป กรมศิลปากร ต่อมาได้ถ่ายทอด กระบวนท่ารำให้กับอาจารย์เวณิกา บุนนาค ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฎศิลป์ไทย สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ศิลปินแห่งชาติ ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์เวณิกา บุนนาค (ศิลปินแห่งชาติ) ผู้ช่วยฝึกซ้อมการแสดง ผู้ช่วยศาตราจารย์ ดร.ขวัญใจ คงถาวร อาจารย์กรกนก ทับจีน ผู้แสดง นางสาวเนตรดาว ศักดิ์ศรี


ฉุยฉายนาฏดุริยางค์ การแสดงชุดนี้ ได้สร้างสรรค์ และนำออกแสดงเป็นครั้งแรกในงานเปิดโรงเรียน นาฏดุริยางคศาสตร์ เมื่อพุทธศักราช 2478 โดยบทประพันธ์ กล่าวถึงการพรรณนาถึงความงาม ของนักเรียนโรงเรียนนาฏดุริยางค์ศาสตร์ (วิทยาลัยนาฏศิลปในปัจจุบัน) แสดงถึงลีลาท่ารำ อันแช่มช้อยของตัวนาง ที่มีใบหน้าอันงดงาม มีรูปร่าง สมส่วน และมีความสามารถในการเรียน การฟ้อนรำ และการบรรเลงดนตรี บทการแสดงประพันธ์โดย พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ประดิษฐ์ท่ารำโดย นางศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก (หม่อมครูต่วน) โดยมี นางส่องชาติ ชื่นศิริ ศิลปินแห่งชาติ เป็นผู้แสดง ครั้งแรกในปี พุทธศักราช 2478 ซึ่งต่อมาได้ถ่ายทอด กระบวนท่ารำชุดนี้ให้กับ นางสาวเสาวรักษ์ ยมะคุปต์ นาฏศิลปินอาวุโส สำนักการสังคีต กรมศิลปากร สำหรับเครื่องแต่งกายกำหนดให้ผู้แสดงแต่งกาย แบบนางใน ห่มผ้าสไบ นุ่งผ้าจับจีบหน้านาง สวมเครื่องประดับ และสวมศิราภรณ์กระบังหน้า หรือทำผมข้างหน้าเป็นทรงดอกกระทุ่มแล้วดัดลอน ผมด้านหลังปล่อยยาวประบ่าตามรูปแบบความนิยม การทำผมของสตรีในยุคที่สร้างสรรค์การแสดงชุดนี้ขึ้น ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์เสาวรักษ์ ยมะคุปต์ (นาฏศิลปินอาวุโส สำนักการสังคีต กรมศิลปากร) ผู้แสดง นางสาวมนัญญา ทัพทิม


พระเเม่โพสพทรงเครื่อง เป็นการแสดงรำเดี่ยว ของตัวละครพระแม่โพสพ จากตำนานไทยการเเสดง ชุดนี้ กล่าวถึง เทพีแห่งธัญชาติประจำข้าว นางมีหน้าที่ พิทักษ์รักษาดูเเลทุ่งนา เเละ ให้คุณค่าเเก่มวลมนุษยชาติ มีคุณานันท์ยิ่ง การเเสดงชุดนี้ เเสดงถึงบทบาท นางเทพีผู้สง่างาม มีเอกลักษณ์ของการรำลงสรง ที่ครบกระบวนขั้นตอน เเละ การรำชมโฉมบรรยาย ลักษณะเฉพาะของพระเเม่โพสพ ในเพลงสีนวล กระบวนท่ารำเฉพาะ การรำเชิดฉิ่งตัวนางที่ใช้อาวุธ คือ รวงข้าว ต่อด้วยการรำตื่นกลองลักษณะเฉพาะ ของรำเชิดฉิ่งศุภลักษณ์ เชิดฉิ่งเมขลา เเละท่านั่ง ขัดรวงข้าวกระดกเสี้ยว ที่นำมาจากท่ารำ นางจันทร์ ตรวจพล เเละ ท่าเชิดฉิ่ง ปักต้นข้าว เเล้วหมุนกลับมา ทำท่าเฉพาะ ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์อัจฉรา สุภาไชยกิจ (ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทย) ผู้ช่วยฝึกซ้อมการแสดง นางสาวศศิวิมล วงศ์วิสุทธิ์อำไพ นายภัทรพล จิตตรานนท์ ผู้แสดง นางสาวจุฑามณี เเซ่เยี่ยง


พระสุธนเดินป่า อยู่ในละครนอกเรื่องมโนห์รา ที่กรมศิลปากรจัดทำขึ้น จัดแสดงครั้งแรกเมื่อ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2498 ณ โรงละครศิลปากร ตอนพระสุธนเดินป่า กล่าวถึงพระสุธนเมื่อทราบข่าว นางมโนห์ราที่บินหนีกลับเขาไกรลาสจึงเสด็จออก ติดตามนางมโนห์รา จนมาพบพระฤาษีกัสสป พระฤาษีทูลแจ้งหนทางให้แก่พระสุธนพร้อมทั้งให้วานร ตัวหนึ่งเป็นเพื่อนเดินทางไปด้วย ขณะเดินป่าแม้ได้รับ ความยากลำบาก แต่ก็มิได้ย่อท้อ มีความมานะ ที่จะติดตามนางมโนห์ราต่อไป ใช้เวลานานถึง 7 ปี 7 เดือน และ 7 วัน การแสดงชุดนี้แสดงถึงกระบวน ท่ารำประกอบบทร้องที่สื่ออารมณ์โศกเศร้า คะนึงหา และความมานะบากบั่นไม่ย่อท้อ ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์นฤมัย ไตรทองอยู่ (ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทย) ผู้ช่วยฝึกซ้อมการแสดง อาจารย์ ดร.ณรงค์ฤทธิ์ เชาว์กรรม อาจารย์ภุมรินทร์ มณีวงษ์ ผู้แสดง นายนภดล มูลนะเมฆ


การแสดงละครนอกเรื่องสังข์ทองตอน “ลักรูปเงาะ” เป็นการแสดงที่ตัดตอนมาจากละครนอกเรื่องสังข์ทอง บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลัย เนื้อเรื่องกล่าวถึงเมื่อพระสังข์ต้องถูกเลี้ยง โดยนางพันธุรัตแล้วนั้น นางพันธุรัตที่เป็นยักษ์เลยต้อง ปลอมตัวเป็นมนุษย์เพื่อไม่ให้พระสังข์เกิดความกลัวใน ตนเอง แต่ด้วยวิสัยของยักษ์นั้นจะต้องกินเนื้อจึงบอกกับ พระสังข์ว่าตนจะไปเที่ยวป่าและสั่งพระสังข์ไว้ว่า จงอย่าได้ซุกซนไปเที่ยวในที่ต้องห้ามต่างๆ พระสังข์ จึงเกิดความสงสัยเมื่อนางพันธุรัตออกไปป่าจึงได้ลักลอบ ไปเที่ยวในที่ต้องห้ามจนได้พบกับโครงกระดูกมนุษย์ และสัตว์อย่างมากมาย พระสังข์จึงรู้ได้ว่ามารดาเลี้ยง ของตนนั้นเป็นยักษ์เมื่อได้โอกาสที่นางพันธุรัตออกไปป่า อีกครั้งพระสังข์จึงได้ลอบลงไปชุบตัวในบ่อทองและ ขึ้นไปบนปราสาทไปลักเอารูปเงาะ ไม้เท้าแก้ว สวมเกือกแก้วเหาะหนีนางพันธุรัตไป ด้วยความรัก ความคิดถึง อาลัยอาวรณ์แต่ก็ต้องจำเป็นที่จะต้องหนีไป เพื่อไปตามหามารดาที่แท้จริง ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ (ศิลปินแห่งชาติ) ผู้ช่วยฝึกซ้อมการแสดง ผู้ช่วยศาสตราจารย์.ดร.ฤทธิเทพ เถาว์หิรัญ อาจารย์เอกลักษณ์ หนูเงิน ผู้แสดง นายสันติภาพ ไกยะลาด


ลงสรงพระอุมาได้ตัดตอนมาจากการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ตอนอุมามเหศวร เรียบเรียงจาก บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่1 กล่าวถึงทศกัณฐ์ที่ได้กราบ ขอพระอุมาจากพระอิศวร โดยหมายจะนำมาเป็นมเหสี เพื่อเป็นรางวัลให้แก่ตนที่สามารถชะลอเขาไกรลาส ให้กลับมาตั้งตรงได้ นางก็ทรงไม่ขัดพระบัญชา เพียงขอกลับไปทำการลงสรงทรงเครื่องด้วยอาภรณ์ และเครื่องประดับอันวิจิตรงดงาม ลงสรงพระอุมาเกิดขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช2544 อาจารย์จินดารัตน์ จารุสาร เป็นผู้ประดิษฐ์ท่ารำ และได้ถ่ายทอดให้ อาจารย์สิริวรรณ อาจมังกร โดยกระบวนท่ารำมุ่งเน้นให้เห็นท่ารำที่สง่างาม ตามลักษณะของนางโขน ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์สิริวรรณ อาจมังกร (ผู้อำนวยการกลุ่มนาฏศิลป์ สำนักการสังคีต กรมศิลปากร) ผู้แสดง นางสาวศุภาพิชญ์ จันทร


รำกริชสุหรานากง เป็นการแสดงชุดหนึ่งที่อยู่ในละครใน เรื่องอิเหนา ตอนท้าวดาหาบวงสรวง สุหรานากง เป็นโอรสของ ท้าวสิงหัดส่าหรี กษัตริย์องค์หนึ่งในวงศ์ เทวา เนื้อเรื่องกล่าวถึง หลังจากเสร็จศึกกะหมังกุหนิง ท้าวดาหาจึงชวนเหล่ากษัตริย์ต่างเมือง ที่มาช่วยรบใน พิธีใช้บนที่เขาวิลิศมาหรา ท้าวดาหาได้ทําพิธีบวงสรวง และให้เหล่ากษัตริย์ ขับรำบวงสรวง อิเหนามีศักดิ์เป็น พี่ใหญ่ต้องขับรำก่อน แต่ด้วยความเขินอายนางบุษบาจึง ให้สุหรานากงขับรำเป็นคนแรก โดยใช้กริชเป็นอุปกรณ์ ในการรำ รำกริชสุหรานากง เป็นการรำเดี่ยวของ ตัวพระ ซึ่งเป็นการแสดงความอ่อนน้อม ความองอาจ ห้าวหาญ ไปจนถึงลำพองใจในการใช้อาวุธ กระบวน ท่ารำมีการเล่นเท้าอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงพลัง ของผู้ใช้กริช แม้ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์รบ แต่ก็ต้อง ทำให้ดูสง่า น่าเกรงขาม และอวดฝีมือแก่คนที่อยู่ในพิธี นั้นด้วย (กระบวนท่ารำนี้ อาจารย์พัชรา บัวทอง ได้รับ การถ่ายทอดมาจาก ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี) ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ ดร.พัชรา บัวทอง (นาฏศิลปินอาวุโส ข้าราชการบำนาญ สำนักการสังคีต กรมศิลปากร) ผู้แสดง นางสาวธันย์ชนก รุ่งสว่าง


ฉุยฉายโกมินทร์ เป็นการแสดงรำเดี่ยวของโกมินทร์ ตัวเอกในละครนอกเรื่อง โกมินทร์บทละครที่ประพันธ์ ขึ้นใหม่โดยนายเสรี หวังในธรรม ศิลปินแห่งชาติ สาขา ศิลปะการแสดง ปี พ.ศ. 2531 เนื้อเรื่องกล่าวถึง โกมินทร์ เป็นโอรสคนสุดท้องของกษัตริย์โกสุธรรม แห่งเมืองกุสินคร มีพระเชษฐาคนโต คือ โกเมศ คนรอง ชื่อ โกมล โกมินทร์เป็นกุมารที่ฟ้าส่งลงมาเกิดเพื่อ ปราบอธรรมจึงมีฤทธิ์มาก ทั้งยังมีอาวุธวิเศษติดกาย มาแต่กำเนิด คือ ผ้าแพรสีแดงและกำไลหยก การรำฉุยฉายโกมินทร์เป็นการรำอวดฝีมือของตัวละคร กระบวนท่ารำเป็นไปตามรูปแบบของนาฏศิลป์ไทย มีลีลาแสดงถึงความทะนง กล้าแกร่ง ห้าวหาญ แต่ ยังคงความเป็นเด็กอยู่และมีลีลาพิเศษในการใช้อุปกรณ์ ผู้ประพันธ์บทร้อง อาจารย์กัญจนปกรณ์ แสดงหาญ คีตศิลปินอาวุโส สำนักการสังคีต บรรจุและประพันธ์ ทำนองเพลง โดย อาจารย์ไชยยะ ทางมีศรี ผู้เชี่ยวชาญ ดนตรีไทย สำนักการสังคีต ประดิษฐ์และถ่ายทอดกระบวนท่ารำ ดร.พัชรา บัวทอง (นาฏศิลปินอาวุโส ข้าราชการบำนาญ สำนักการสังคีต กรมศิลปากร) ผู้แสดง นางสาวณัฐรดา ทับแก้ว


ละครพันทางเรื่องราชาธิราช ชุดสมิงพระรามอาสา ตอน สมิงพระรามรบกามนี ดำเนินเรื่อง เริ่มจาก พระเจ้ากรุงต้าฉิงแห่งประเทศจีน ยกทัพมาล้อมกรุง อังวะ ต้องการให้พระเจ้ามณเฑียรทองออกไปถวาย บังคม และขอให้ส่งทหารที่มีฝีมือออกมาขี่ม้ารำทวนต่อสู้ กับกามนี ทหารเอกของเมืองจีน ถ้าฝ่าย กรุงรัตนบุระอังวะแพ้ ต้องยกเมืองให้ฝ่ายจีน แต่ถ้าฝ่าย จีนแพ้จะยกทัพกลับทันที พระเจ้ากรุงอังวะประกาศหาผู้ ที่จะอาสาออกไปรบกับกามนี เมื่อสมิงพระราม ที่ติดคุกอยู่ในเมืองอังวะทราบข่าว จึงได้คิดอาสา เพื่อ เป็นการตัดศึกไม่ให้ทัพจีนสามารถยกไปตีเมืองมอญ ของตนได้ สมิงพระรามใช้กลอุบาย หลอกล่อ รำทวน ก่อนรบ เพื่อหาช่องทางการแทงทวนและ ฆ่ากามนี จนได้รับชัยชนะ ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำสมิงพระราม ดร.พัชรา บัวทอง (นาฏศิลปินอาวุโส ข้าราชการบำนาญ สำนักการสังคีต กรมศิลปากร) ซึ่งได้รับการถ่ายทอด จากคุณครูสุนทรี กองทรัพย์โต ผู้แสดง นายธีรภัทร์ เวณุภูติ ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำกามนี อาจารย์สมนึก บัวทอง (นาฏศิลปินอาวุโส ข้าราชการบำนาญ สำนักการสังคีต กรมศิลปากร) ซึ่งได้รับการถ่ายทอด จากคุณครูราฆพ โพธิเวส ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประจำปี พ.ศ.2547 ผู้แสดง นายราเมศวร์ โพธิเวส


การแสดงชุด “รำฝรั่งคู่” เป็นการรำตามท่วงทำนอง เพลงที่เรียกกันว่า “เพลงเรื่องฝรั่งรำเท้า” อันประกอบด้วยเพลงฝรั่งรำเท้า เพลงตะเขิ่ง เพลงเจ้าเซ็น เพลงเร็ว เพลงฉิ่ง เพลงจีนรัว เพลงจีน รำพัด และเพลงจีนถอน ซึ่งพระประดิษฐ์ไพเราะ หรือ ครูมีเป็นผู้แต่ง และกรมหลวงรักษ์ณเรศ ได้ประดิษฐ์ ท่ารำขึ้น จึงมีท่ารำไทยลีลาฝรั่ง แขก และจีนระคนกัน ผู้แสดงต้องเป็นผู้รำงาม มีฝีมือและความสามารถ ทั้งฝ่ายพระและนาง นิยมแสดงในละคร เรื่องอิเหนา ตอนอุณากรรณลงสวน และละครเรื่องอุณรุท ตอนอุณรุทเข้าห้องนางอุษา ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำบทบาทพระอุณรุท อาจารย์รติวรรณ กัลยาณมิตร (ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทย) ผู้แสดง นายจักรินทร์ วงศ์ณรัตน์ ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำบทบาทนางอุษา อาจารย์อัจฉรา สุภาไชยกิจ (ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทย) ผู้แสดง นางสาวณัฏฐณิชา บุญขันตินาถ


การแสดงชุดปันหยีแต่งตัวเป็นบทลงสรงทรงเครื่อง ของตัวปันหยี(อิเหนา) ในละครในเรื่อง อิเหนา ตอน ประสันตาต่อนก เป็นบทพระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย กล่าวถึง อิเหนาปลอมตัวเป็นโจรป่าและเปลี่ยนนามใหม่ว่า "มิสาระปันหยี" วันหนึ่งประสันตาพี่เลี้ยงของอิเหนาชวน บ่าวไพร่ออกไปต่อนกจนล่วงล้ำเข้าไปถึงค่ายพักของ ระตูบุศสิหนา ทำให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกับไพร่พลของ ระตูบุศสิหนา และเกิดการสู้รบกันขึ้น ซึ่งก่อนออกรบ ได้มีการแต่งองค์ทรงเครื่อง จึงเรียกการแสดงชุดนี้ว่า "ปันหยีแต่งตัว" เป็นศิลปะการรำแต่งองค์ทรงเครื่อง อันงดงามตามแบบแผนที่จารึกไว้ในตำราพิชัยสงคราม เป็นการรำอวดฝีมือของผู้แสดงมีท่ารำที่สง่างามนุ่มนวล ตามแบบละครใน ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์วรรณพินี สุขสม ผู้แสดง นางสาวกชพร รอดน้อย


การแสดงชุด ลำหับแต่งตัว เป็นการแสดงที่ปรากฏ อยู่ในละครนอก เรื่อง เงาะป่า ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นเมื่อพุทธศักราช 2449 การแสดงชุดนี้แสดงให้เห็นถึงการอาบน้ำ ประทินผิว การประดับตกแต่งร่างกายด้วยเครื่องนุ่งห่ม และเครื่องประดับต่างๆ เนื้อเรื่องกล่าวถึงเรื่องราวรัก สามเศร้าของนางลำหับ หญิงสาวเงาะป่าผู้มี ความงดงามเกิดความรักกับซมพลา เงาะหนุ่ม ผู้มีความสามารถ แต่ถูกผู้ใหญ่หมั้นหมายกับเงาะป่า อีกคนที่ชื่อฮเนา ทั้งที่นางไม่ได้มีใจให้ ในวันแต่งงาน ซมพลาพานางลำหับไปซ่อนในถ้ำ ฮเนาติดตามไปพบ ซมพลาจึงได้ต่อสู้กัน ซมพลาเสียชีวิตเพราะถูกลูกดอก อาบยาพิษของลำแก้วพี่ชายฮเนา ลำหับซึ่งคอยซมพลา อยู่ในถ้ำ ก็ได้ออกติดตามพบซมพลาจึงฆ่าตัวตายตาม ฮเนาเห็นถึงความรักของทั้งสองจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย เพราะเสียใจที่ตนเป็นต้นเหตุให้ทั้งสองคนตาย ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์อัจฉรา สุภาไชยกิจ (ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทย) ผู้แสดง นางสาวดลพร ผิวผัน


การแสดงชุด ฉุยฉายฮเนา เป็นการแสดงชุดหนึ่งที่ ปรากฏอยู่ในละครเรื่องเงาะป่า อันเป็นบท พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงพระราชนิพนธ์จากตำนาน รักพื้นบ้านของชาวก็อย หรือเงาะ เป็นเรื่องราวความรัก สามเส้าระหว่าง ฮเนา ลำหับ และซมพลา โดยการแสดงชุดฉุยฉายฮเนา เป็นการแสดงชุดหนึ่งที่ อยู่ในตอนลำหับแต่งงาน มีลีลาท่ารำให้เห็นถึงความอิ่ม เอมใจ ความภูมิใจในการแต่งกายของฮเนาผู้เป็นเจ้าบ่าว ที่จะเข้าพิธีแต่งงานกับนางลำหับ ในการแสดงครั้งนี้ ผู้ศึกษาได้ศึกษารูปแบบกระบวนท่ารำตามรูปแบบ ของ อาจารย์ลมุล ยมะคุปต์ ผู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ (ศิลปินแห่งชาติ) ผู้ช่วยศาสตราจารย์.ดร.ฤทธิเทพ เถาว์หิรัญ ผู้ช่วยฝึกซ้อมการแสดง อาจารย์เอกลักษณ์ หนูเงิน ผู้แสดง นายเอกพัน ทองคุ้ม


การแสดงชุดพระสังข์หนีนางพันธุรัต อยู่ในการแสดง ละครนอกเรื่องสังข์ทอง เนื้อเรื่องกล่าวถึงพระสังข์ พระโอรสท้าวยศวิมลกับนางจันเทวี พลัดพรากจาก พระบิดาและพระมารดามาแต่ยังทรงพระเยาว์ จน ได้มาอยู่กับนางยักษ์ที่ชื่อว่านางพันธุรัต นางยักษ์เลี้ยงดู พระสังข์ดุจบุตรของตน ให้ความรักและความเมตตา เป็นอย่างยิ่ง เมื่อเจริญวัยขึ้น พระสังข์มีความคิดถึง พระมารดาบังเกิดเกล้า จึงได้ลักรูปเงาะเหาะหนี นางพันธุรัต ฝ่ายนางพันธุรัตยกทัพยักษ์ออกติดตามมา พบพระสังข์ที่หลบอยู่บนเขา นางพันธุรัตร่ำไห้ คร่ำครวญด้วยความรักความห่วงใยของผู้เป็นแม่ นางจึงเรียกพระสังข์ให้มาเรียนมนต์เรียกเนื้อเรียกปลา ที่มีชื่อว่ามหาจินดามนต์ แต่พระสังข์ก็ไม่ลงมาหา ทั้งสองต่างร้องให้คร่ำครวญ สุดท้ายนางจึงเขียนมนต์ ไว้บนแผ่นผา และขาดใจตายในที่สุด พระสังข์ เสียใจมาก หลังจากท่องมหาจินดามนต์ได้แล้ว ก็สวม รูปเงาะเหาะไป ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ (ศิลปินแห่งชาติ) ผู้ช่วยฝึกซ้อมการแสดง ผู้ช่วยศาสตราจารย์.ดร.ฤทธิเทพ เถาว์หิรัญ อาจารย์เอกลักษณ์ หนูเงิน ผู้แสดง นายภูวดล เหลืองพราวฤทธิ์


รำเชิดฉิ่งศุภลักษณ์ อยู่ในการแสดงละครในเรื่อง อุณ รุท ตอน ศุภลักษณ์วาดรูป บทพระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หลังจากที่พระไทรเทพารักษ์ได้อุ้มสมอุณรุทกับนางอุษา ณ ปราสาทเมืองรัตนา แล้วพาอุณรุทกลับไป ประทับแรมในป่าตามเดิม ฝ่ายนางอุษาเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่พบอุณรุท ก็เศร้าโศกพระทัย นางศุภลักษณ์ ผู้เป็น พี่เลี้ยงรับอาสาออกติดตามให้ แต่นางอุษาเองก็ไม่ทราบ ว่าชายที่เข้ามาหานางนั้นเป็นผู้ใด นางศุภลักษณ์จึงไป วาดรูปทั้งเทพยดาทั่วทั้งสรวงสวรรค์และกษัตริย์ ทั่วทุกเมือง นางอุษาดูภาพวาดทั้งหมดแล้ว ก็ไม่พบบุรุษ ที่นางรัก นางศุภลักษณ์จึงทูลว่ามีกษัตริย์อีกองค์หนึ่ง พระนามว่าอุณรุทเป็นโอรสท้าวไกรสุท อยู่เมืองณรงกา จึงขอทูลลาเพื่อไปวาดรูปมาถวาย รำเชิดฉิ่งศุภลักษณ์ มีกระบวนท่ารำที่สวยงามผู้แสดงจะต้องมีฝีมือการรำ ที่ประณีตงดงามตามรูปแบบของการแสดงละครใน ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์อัจฉรา สุภาไชยกิจ (ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทย) ผู้แสดง นางสาวณัชชา สิทธิสินธุ์


ฉุยฉายเกศสุริยงแปลง เป็นการแสดงรำเดี่ยวของ นางเกศสุริยง ตัวละครจากละครนอกเรื่อง สุวรรณหงส์ บทพระราชนิพนธ์ในพระบรมวงศ์เธอ กรมหลวง ภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ และหลวงพุทธราชศักดา โหร หลวงชาวพัทลุง การแสดงชุดนี้ กล่าวถึงบุคลิกของ นางเกศสุริยงที่มีความรัก ความมั่นคง มีความเด็ดเดี่ยว ในการเดินทางออกตามหาพระสวามี จนพบกับ พระอินทร์แล้วช่วยแปลงกายให้นางเป็นชายในรูปลักษณ์ ของพราหมณ์หนุ่ม การแสดงชุดนี้มุ่งเน้นลีลาและ อารมณ์ เน้นความประณีตในกระบวนท่าที่สง่างาม มีลักษณะผสมผสานระหว่างความเป็นพราหมณ์ และ อารมณ์ที่แฝงอยู่ภายในแบบตัวนาง อาจารย์มณีรัตน์ มุ่งดี เป็นผู้ประดิษฐ์กระบวนท่ารำ และบทร้องขึ้นใหม่ เมื่อปีพุทธศักราช 2552 ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์มณีรัตน์ มุ่งดี (นาฏศิลปินอาวุโส สำนักการสังคีต กรมศิลปากร) ผู้แสดง นางสาวภัทรพรรณ ธนมณีรัตน์


การแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ตอน รณพักตร์ขอศร จากบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสม เ ด็ จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช กล่าวถึง รณพักตร์ เป็นโอรสของทศกัณฐ์กับนางมณโฑ เมื่อมีอายุได้ 15 ปี ได้ศึกษาวิชาศิลปศาสตร์กับพระฤาษีโคบุตรจนสำเร็จ จากนั้นพระฤาษีโคบุตรจึงสอนพระเวทที่ชื่อว่า "มหากาฬอัคคี" ให้ไว้สำหรับบูชาเทพเจ้าทั้ง 3 อันได้แก่ พระอิศวร พระพรหม และพระนารายณ์ กับทั้งบอกให้ รณพักตร์ไปนั่งบริกรรมท่องมนต์บทนี้ ณ เขาโพกาศ ให้ครบ 7 ปี ถ้าหากรณพักตร์ปฏิบัติได้สำเร็จ จะมีฤทธิ์ รุ่งเรือง และเทพเจ้าทั้ง 3 ก็จะเสด็จมาประทานพร เมื่อรณพักตร์เรียนพระเวทมหากาฬอัคคีจนเชี่ยวชาญ จึงร่ำลาพระฤาษีโคบุตรออกเดินทางไปยังเขาโพกาศ รณพักตร์ได้นั่งบริกรรม ท่องมนต์มหากาฬอัคคี จนครบ 7 ปี พระเป็นเจ้าจึงเสด็จมาพร้อมกันทั้ง 3 พระองค์ รณพักตร์จึงขอพระราชทานพระแสง เทพอาวุธอันมีฤทธิ์ เพื่อไว้คุ้มครองกาย ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ คุณครูสมศักดิ์ ทัดติ (ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทย) ผู้ช่วยฝึกซ้อมการแสดง อาจารย์ญาณวุฒิ ไตรสุวรรณ ผู้แสดง นายเอกสิทธิ์ ศรีสุนทร


Click to View FlipBook Version