The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jattarintipdee1, 2022-01-09 04:01:32

รายงานเรื่อง คุณธรรม จริยธรรม ตามหลักพระพุทธศาสนา

รายงาน

เรื่อง คุณธรรม จริยธรรมตามหลักพุทธศาสนา






จัดทำโดย


พระพงศกร ฐิตเมธี รหัสประจำตัวนิสิต ๖๔๐๓๒๐๒๐๓๐

นายพีระ เหมือดนอก รหัสประจำตัวนิสิต ๖๔๐๓๒๐๒๐๓๑

นายเจตริน ทิพย์ดี รหัสประจำตัวนิสิต ๖๔๐๓๒๐๒๐๓๒








เสนอ


พระปลัดโฆษิต โฆสิโต, ดร

พระครูประโชติกิจจาภรณ์, ดร



รายวิชาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ รหัสวิชา ๖๑๐ ๒๐๖


หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพุทธบริหารการศึกษา

ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช

คำนำ


รายงานฉบับนี้เป็นสวนหนึ่งในการจดการเรียนการสอนในระดบปริญญาโท สาขาพุทธบริหาร


การศกษา มหาวิทยาลัยมหาจฬาลงกรณราชวิทยาลย ในรายวิชาคณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ รหัสวิชา










๖๑๐ ๒๐๖ เพื่อศกษาหาความรู้ในเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ตามหลกพระพุทธศาสนาโดยไดศกษาผานแหลง
ความรู้ต่าง ๆ อาทิเช่น ตำรา หนังสือ หนังสือพิมพ์ วารสาร ห้องสมุด และแหล่งความรู้จากเว็บไซต์ต่าง ๆ

รายงานฉบับนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ความหมายของคณธรรม ความหมายของจริยธรรม ความสำคญ

องค์ประกอบ ประโยชน์ หลักธรรมที่เกี่ยวข้องกับคุณธรรมและจริยธรรม เป็นต้น





ู้
ผจดทำจะตองขอขอบคณ พระปลดโฆษิต โฆสโต,ดร และพระครูประโชตกิจจาภรณ,ดร อาจารย์




ประจำรายวิชา คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ มหาวิทยาลยมหาจฬาลงกรณราชวิทยาลย วิทยาเขต


ู้


ู้


นครศรีธรรมราช ผให้ความรู้ และแนวทางการศกษา ความชวยเหลอมาโดยตลอด ผจดทำหวังว่ารายงานฉบบนี้

จะให้ความรู้ และเป็นประโยชน์แก่ผทสนใจ หากรายงานฉบับนี้ผิดพลาดประการใดทางผจดทำตองขออภัยมา ณ
ู้
ี่
ู้

ที่นี้ด้วย

คณะผู้จัดทำ

สารบัญ



เรื่อง หน้า
คำนำ

สารบัญ
ความหมายของคณธรรม จริยธรรม ๑

ความสำคัญของคุณธรรม จริยธรรม ๙
องค์ประกอบของคุณธรรม จริยธรรม ๑๒

ประเภทและลักษณะของคุณธรรม จริยธรรม ๑๔

แนวคิดทฤษฎี หลักการที่เกี่ยวข้องกับคณธรรม จริยธรรม ๑๕


ประโยชน์ของคณธรรม จริยธรรม ๑๘
หลักพุทธธรรมที่เกี่ยวข้องกับ คุณธรรม จริยธรรม ๑๙

สรุปคุณธรรม จริยธรรม ๒๒
บรรณานุกรม ๒๓

๑. ความหมายของคุณธรรม จริยธรรม


มีนักวิชาการ และนักวิจัยหลายท่านได้ให้ความหมายของคำว่า คุณธรรม จริยธรรม ไว้ดังนี้


พระบำรง ปญญาพโล (โพธิ์ศร) ไดประมาลคำว่า"คณธรรม" และ "จริยธรรม" เข้าดวยกับไดเป็น






ี่



ี่
ิ่

"คณธรรมจริยธรรม" (Moral Virtues) มีความหมายว่า เป็นการประพฤตปฏิบัตทเป็นสงทดงามถูกตองตาม

มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของสังคม หรืออาจจะให้ความหมายไดว่า"คณธรรมตามกรอบจริชธรรม" คณธรรมและ


จริยธรรมมีความสำคญตอการพัฒนามนุษย์ เพื่อให้มีคณภาพ ลกษณะอันนำมาซึ่งคณธรรมจริยธรรมทด ความ





ี่

ี่
ิ่

ั่
ี่

ประพฤตปฏิบัตในสงทดงามตามคำสงสอนในศาสนา หรือการประพฤติตามเกณฑ์ทถูกตองทงกาย วาจา และ ใจ

ั้



อันก่อให้เกิดประ โยชน์และความสข ทงตอตนเองและสงคมสวนรวม นำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้าของสงคม

ั้


เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างคุณธรรมและจริยธรรมให้เกิดในตัวบุคคลมากที่สุด
ิ่
ดวงพร อุทัยสุร ไดสรุปความหมายของคณธรรมจริยธรรมว่า เปนการปฏิบัติในสงที่ถูกต้องดีงามทพึง



ี่







ู้
ปฏิบัตตอตนเอง ตอผอื่น และตอสงคม เพื่อก่อให้เกิดความสงบสข ความเจริญรุ่งเรือง เป็นประ โยชน์ตอการ

พัฒนาประเทศชาต ิ


นงลักษณ์ วิรัชชัย และคณะ สรูปความหมายของคณธรรมจริยธรรม คอคุณลักษณะสภาวะหรือสภาพ
ี่




ี่

ของคณงามความดทบุคคลมีอยู่และแสดงออกทางความประพฤตปฏิบัตในลกษณะทดงามถูกตองเหมาะสม โดย


สอดกล้องกับกฎเกณฑ์และมาตรฐานของการประพฤติปฏิบัติในทางสังคม









สุภาพร สุขสวสด สรปวา คณธรรมจริยธรรม หมายถง หลกแห่งความประพฤตดเปนพฤตกรรมการ
ิ์


แสดงออกอันเนื่องมาจากคุณงามความดีในจิตใจ ตามหลักศีลธรรม ปรัชญาคานิยม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และ
วัฒนธรรม พฤติกรรมที่แสดงออกเป็นไปตามความสำนึก ใบจิตใจ กระทำเพราะเป็นสิ่งที่ดีงามถูกต้อง ไม่ใช่เพราะมี
ื่
กฎระเบียบหรือสภาพบังคับให้ต้องกระทำถ้าผู้ใดมีคุณธรรมในจิตใจแล้วแสดงออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรม ก็จะได้ชอ
ว่าเป็นผู้มีจริยธรรมอันงดงาม ดังนั้น คำว่า "คุณธรรมจริยธรรม" เป็นคำที่คนส่วนใหญ่จะกล่าวควบคู่กับอยู่เสมอ
ทงนี้ สรปไดวา คณธรรมมีลกษณะเปนนามธรรม (Abstract) สวนจริยธรรมมีลกษณะเป็นรูปธรรม

ั้









(Concrete) แตทง ๒ อย่างเสริมให้มนุษย์มีคณสมบัตทงคงามสง่า มีเสน่ห์ในตว ซึ่งสงเหลานี้สวนใหญ่เป็น

ี่



ิ่
ั้
คุณสมบัติที่สัมผัสไดทั้งสิ้น


ี่

คำว่า "คณธรรม" กับคำว่า "จริยธรรม" เป็นคำทมีความหมายแตกตางกัน คำว่า คณธรรมจริยธรรม

ู้
มักจะใชควบคู่กันเสมอ ซึ่งมีผู้ให้ความหมายคำว่า คุณธรรม จริยธรรม ทมีความหมายใกล้เคยงกับมาก จึงมักมีผใช ้


ี่



คำสองคำนี้ไปด้วยกันเป็นคณธรรมและจริยธรรม แตคำสองคำนี้มีความแตกตางกัน ซึ่งมีนักจตวิทยา นักปรัชญา

และนักการศึกษา ให้ความหมายไว้ดังนี้




๑.๑ ความหมายของคุณธรรม

คำว่า คุณธรรม มีผู้ให้ความหมายไว้ในทัศนะที่แตกต่างกัน ดังนี้




ราชบัณฑิตยสถาน ได้บัญญัตความหมายของคุณธรรมไว้ในพจนานุกรม พ.ศ. ๒๕๕๔ ว่าเปน “สภาพ

คุณงามความด”


พระธรรมปิฎก (ป.อ.ยุตโต ) ไดกลาวว่าคณธรรมเป็น “ภาพของจตใจ” กลาว คอ คณสมบัตท ี่






เสริมสร้างจิตใจให้ดีงาม ให้เป็นจิตใจที่สูง ประณีตและประเสริฐ เช่น
เมตตา คือ ความรักปรารถนาดี เป็นมิตร อยากให้ผู้อื่นมีความสุข
กรุณา คือ ความสงสารอยากช่วยเหลือผู้อื่นมีความสุข
ี่
ู้
มุทตา คอ ความพลอยยินดพร้อมที่จะส่งเสริมสนับสนุนผทประสบความสำเร็จให้มีความสุขหรือ



ี่
ก้าวหน้าในการทำสิ่งทดีงาม

อุเบกขา คอ การวางตววางใจเปนกลาง เพื่อรักษาธรรมเมื่อผอื่นควรจะตองรับผดชอบตอการ


ู้



กระทำของเขาตามเหตุและผล

จาคะ คือ ความมีน้ำใจเสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่เห็นแก่ตว





ี่
พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมมจิตโต) ได้กล่าวไว้ว่า คุณธรรม คอ คุณสมบัติทดีของจิตใจ ถ้าปลกฝง




เรื่องคณธรรมไดจะเป็นพื้นฐานจรรยาบรรณ… จรรยาบรรณนี้เป็นเรื่องพฤตกรรมในการทจะพัฒนาตองตความ
ี่









ออกไปว่า พฤตกรรมเหล่านี้มีพื้นฐานจากคณธรรมขอใด เชน เบญจศีลเปนจริยธรรม เบญจธรรมเปนคณธรรมคอ
ความเมตตากรุณา ถ้ามีความเมตตากรุณาจะมีฐานของศีลข้อที่ ๑ เป็นต้น
พระมหานัฐพล คอนตะโก ไดกล่าวว่า คุณธรรม หมายถง คุณลกษณะที่เป็นความดีความงามทมีอยู่ใน
ี่



จิตใจของแต่ละบุคคล โดยได้ยึดถือปฏิบัติจนเป็นนิสัย และเป็นที่ขอมรับว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องดีงามของบุคคลทั่วไป
พรณรงค์ สิงห์สำราญ ไดกล่าวว่า คุณธรรม คอ สภาพความดีงามทั้งหลายซึ่งฝงลึกอยู่ในจิตสำนึกของ





ี่





บุดคล และเป็นคณสมบัตทมิอาจหาไดใบสตว์โลกชนิดอื่น อาจกลาวไดว่าคณธรรมเป็นสมบัตของมนุษย์ชาต ิ

โดยเฉพาะ และจริยธรรมนับว่าเป็นปัจจยสำคญในการอยู่ร่วมกันในสงคมอย่างมีความสขถ้าคนในสงคมใดมี





จริยธรรมสงสงคมนั้นจะมีแต่ความเจริญผที่มีจริยธรรมสูงจะประพฤตปฏบัตแตในสงทดีและบรรลุถึงสภาพชีวิตอัน




ู้


ิ่
ี่
ทรงคุณค่าอันพึงประสงค์








นงลักษณ์ วรชชัย และคณะ ไดกลาวว่า คณธรรม คอ คณลกษณะสภาวะหรือสภาพของคณงาม


ความดีที่เป็นไปในทางถูกต้องดีงาม ทำให้เกิดความชื่นชมยินด มีจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขความยินด ี







นภีสี ศรวัฒนทรัพย์ ไดกล่าวว่า คุณธรรม คือ สภาพคณงามความดที่มีอยู่ในจตใจของบุคคล เป็นสิ่งท ี่


ั่

บุคคโดยทวไปหรือสงคมยอมรับ เกิดจากความเพียรพยายามในการกระทำความดีเปนระยะเวลานานติดต่อกับ จน


เกิดเป็นความเคยชนและเป็นนิสัยได้รับการสั่งสมหรือ ปฏิบัตตามกันมาจากจิตใจโดยมิได้ฝืนใจ เป็นแนวทางในการ

ี่
ประพฤตดนทเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น และส่งผลให้สังคมของการอยู่ร่วมกันมีความสุขและความเจริญงอก

งาม หลักคุณธรรม จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับมนุษย์ที่ด้องอาศัยอยู่ร่วมกัน เพราะคณธรรมเป็นหลักแห่งความ
ประพฤติปฏิบัติในทางที่ถูกต้องและดีงาม และมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่คุณงามความดีของสังคมโดยส่วนรวม


ิ่

สุทธิวรรณ ตันติรจนาวงศ์ และ ศสิกาญจน์ ทวสุวรรณ ไดกล่าวว่า คุณธรรม หมายถง สงทมีคุณคา

ี่

ุ้

มีประ โยชน์ เปนความด เป็นมโนธรรม เป็นความคดดทกระตนให้มีการประพฤตปฏิบัตอยู่ในกรอบทดงาม และ


ี่
ี่




สามารถจำแนกความถูกผิดได้ มีสติสัมปชัญญะมีความรับผิดชอบชั่วดี มีอุปนิสัยความดั้งใจและเจดนาที่ดงาม
ี่







สุขทิพย์ หาสาสน์ศร ไดกลาวว่า คณธรรม คอ หลกคณงามความด ความถูกตอง ทอยู่ภายในจตใจ




ของแต่ละบุคคล ซึ่งจะสงเสริมให้บุคคลในสงคมยึดมั่นเปนหลกประจำใจในการประพฤตปฏิบัต สงผลให้เกิดคณ







ประ โยชน์แก่สังคมโดยรวม





นาวิน เหมอนแสง ไดกลาวว่า คุณธรรม คอ ความดีงามในจิตใจ เชน ความเมตตา ความซื่อสัตย์ เป็น
ี่



ี่

ตน มีผลทำให้จตใจอยู่ในภาวะทดงาม และพร้อมทจะสร้างสรรคสงท เป็นประ โชชน์ สวนจริยธรรมคอการ


ี่
ิ่

ู้

ั้



แสดงออกทางกาข วาจา เชน เมื่อมีความเมตตากรุณาก็ลงมือชวยเหลอผอื่น เมื่อมีความซื่อสตย์กี่ตงมั่นอยู่ในศล
ี่
ี่

ไม่ลกขโมย ไม่ใกหก เป็นดน ทงคณธรรมและจริยธรรมเป็นหลกธรรมทมีความเกี่ยวเนื่องสนับสนุนกัน คนทมี
ั้





คุณธรรมสงคอคนจตใจทรงคณธรรม ย่อมจะประพฤตปฏิบัตสงใดๆ ในลกษณะของการมีจริยธรรมสงดวย ดงนั้น







ิ่



คณธรรมและจริชธรรมของคนในสงคมหรือของสงคมหนึ่งๆ มีรากฐานมาจากศาสนา ขนบธรรมเนียมประเพณ ี



และความเห็นทองตองกันของคนในสงคมนั้น แตละยุคแตละสมัย คณธรรมและจริยธรรมในสงคมหนึ่งๆ จะมี





วิวัฒนาการและเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยด้วย

อุทิศ ทาหอม ไดกล่าวว่า คือ คุณงามความดีทอยู่ภายในจตใจของมนุษย์ที่เป็นแนวทางในการประพฤต ิ

ี่

ปฏิบัตในทางที่ดีในทางที่ชอบ เปนประโยชน์ต่อตนเองและสังคม รู้จักผิดชอบชั่วดี ตามทำนองคลองธรรม ไม่ทำผด




ศีลธรรมอับดงาม เช่น การไม่ฆ่าสัตว์ การไม่ลักทรัพย์การไม่ประพฤติผิดในกาม การไม่พูดเที่จ การไม่เสพสิ่งเสพตด

เป็นดน คณธรรมเป็นเครื่องทจะประกอบคณงามความดของมนุษย์ เป็นนามธรรมไม่ใชเป็นรูปธรรม เพราะ




ี่
เนื่องจากมันอยู่ในสภาพของจิตใจ ไม่ไดแสดงออกมาเป็นการ ประพฤตปฏิบัต แตในทางตรงกันข้ามถาหากเราจะ





ั้
แสดงออกมา เรียกว่า จริยธรรม เพราะตัวจริชธรรม เป็นการประพฤติออกมาให้เป็นรูปธรรม ซึ่งทงคุณธรรมและจริ
ชธรรมมี ความหมายใกล้เคียงกัน แต่คนละความหมาย คุณธรรมเป็นเรื่องของความดีงามภายในจิตใจ แต่จริยธรรม
เป็นการประพฤติหรือแสดงออกมาให้เห็น





ี่

พระครประโชต จันทวมล (นาม จนุทใชโต) ไดกลาวว่า คณธรรม หมายถึง ความรู้สกนึกคดทจะ










ี่




ี่
ประพฤตปฏิบัตในสงทดทจะก่อให้เกิดประ โยชน์ตอตนเองและสวนรวม คณธรรม คอความตงามในจตใจททำให้
ี่
ิ่

ู้
บุคคลประพฤตด ผมีคณธรรมเป็นผมีความเคยชนในการประพฤดดวยความรู้สกในทางดงาม คณธรรมเป็นสงท ี่









ู้
ิ่



ู้

ตรงกันข้ามกับกิเลสซึ่งเปนความไม่ดีในจิตใจ ผมีคณธรรม จงเปนผที่ไม่มากด้วยกิเลสซึ่งจะได้รับการยกข่องว่าเปน

ู้
คนด ี






ไชยพร เรองแหล้ ไดกลาวว่า คณธรรม หมายถึง หลกของความดงามแห่งการประพฤตตน และ


ี่
ลักษณะอุปนิสัยอันดงามทสั่งสมอยู่ในจิตใจของบุคคลมาเปนเวลาบาน มีคุณค่าก่อให้เกิดประ ไชชน์แก่ผู้ยืดถือและ

ปฏิบัตตาม อันนำมาซึ่งความเจริญของตนเองและสงคม ซึ่งคณธรรมทเกิดขึ้นในจตใจนั้นเกิดจากการอบรมและ
ี่




ปลูกฝัง

ครณี ไอวจรยาพิทักษ์ และคณะ ไดกลาวว่า คณธรรม หมายถึง คณงามความดทบริสทธิ์ในการคด




ี่




ในการกระทำที่เป็น หลักพื้นฐานประจำใจในการประพฤติปฏิบัติเพื่อความสุข ทั้งของคนเองและสั่งคม



ี่




สรปไดวา คณธรรม คอ ความดงามทถูกปลกฝงขึ้นในจตใจ มีความกตญญู ขยัน ประหยัด ซื่อสตย์




ี่






ั่



สามัคค มีวินัย มีน้ำใจ และ เป็นสภาพชน เป็นตน จนเกิดจตสำนึกทด รู้สกรับผดชอบ ชว ด เกรงกลวตอการ





ี่
ิ่
ื่
ึ้
กระทำความชั่ว โดยประการต่างๆ เมื่อจิตเกิดคณธรรมขนแล้ว จะทำให้เปนผู้มีจตใจดี และคดแตสงทด จงไดชอ




ว่า “เป็นผู้มีคุณธรรม”
๑.๒ ความหมายของจริยธรรม



คำว่า จริยธรรม เปนคำทมีความหมายกว้าง มีนักปรัชญา นักการศกษาไดให้คำจำกัดความเกี่ยวกับ
ี่
จริยธรรมไว้หลายความหมาย ดังต่อไปนี้



รตนากร วงค์ศร และคณะ สรุปความหมายของจริยธรรม คอ การประพฤตปฏิบัตของบุคคลท ี่



ั้

แสดงออกถึงความดงามทงตอตนเอง ตอผอื่น และตอสงคม เพื่อให้เกิดความสงบสขความเจริญรุ่งเรือง เปนประ

ู้




โยชน์ต่อสังคมและการพัฒนาประเทศชาต ิ


ประทีป มากมตร ไดสรุปว่า จริยธรรม ก็คอ หลกการทมนุษย์ในสงคม ยอมรับว่าดงามและเหนควร


ี่




ยึดถือปฏิบัตเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างเปนสขในสังคมนั่นเอง และเมื่อนำไปใชกับการประกอบอาชีพหรือการทำงาน




ซึ่งเป็นกิจกรรมทมีความสำคญทสดอย่างหนึ่งของมนุษย์ และสงคม ก็ย่อมหมายความว่ามนุษย์ย่อมจะตองมี


ี่
ี่




จริยธรรมในการทำงานหรือการประกอบวิชาชพเพราะในการทำงาน มนุษย์ย่อมตองมีสงคมซึ่งประกอบดวยคน





หลายคน มีความเชอและความคดเห็นทตางกัน ดงนั้น จงมีความจำเป็นตองมีการวางกรอบให้มนุษย์ประพฤต ิ
ื่

ี่
ปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างสงบสุขและบรรลุเป้าหมายในงานนั้น ๆ






นงลักษณ์ วรชชัย และคณะ ไดสรุปความหมายของจริยธรรม คอ การแสดงออกทางการประพฤต ิ





ี่

ปฏิบติ หรือพฤตกรรมของบุคคลในลกษณะทดงามถกต้องเหมาะสม โดยสอดคล้องกับกฎเกณฑ์และมาตรฐานของ

การประพฤติปฏิบัติในทางสังคม ซึ่งบุคคลใช้ในการแยกการกระทำที่ถูกต้อง ออกจากการกระทำที่ผิด


นภีสี ศร วฒนทรพย์ ไดสรุปความหมายของจริยธรรม คอ การประพฤตปฏิบัตให้เป็นไปตามหลก







ศีลธรรมวัฒนธรรม คานิยมทชมชอบตามทำนองคลองธรรมตามแนวทางพุทธศาสนา และมีความพึงพอใจว่าการ
ี่
กระทำนั้นถูกต้อง ดงาม เหมาะสมตามขนบธรรมเนียมประเพณีมีลกษณะ ของความดีความถกต้องอันจะก่อให้เกิด



ั้
ั่




ประ โยชน์ตอตนเองและสงคม อีกทงเป็นการรู้สกผดชอบชวด และเป็นการกระทำทสงคมให้การยอมรับ
ี่


แสดงออกในลักษณะเป็นรูปธรรม
สุทธิวรรณ ตันติรจนาวงศ์ และ ศติกาญจน์ ทวสุวรรณ ให้ความหมายของจริยธรรมคือ พฤติกรรมท ี่

ี่


ิ่


แสดงออกให้เห็นเป็นการปฏบัตดี ปฏิบัตได้ถูกต้อง ทเปนผลมาจากความคิดที่สงคมหรือบุคคลเห็นร่วมกันเป็นสงท ี่




ดี โดยมีกรอบหรือแนวทางอันดงามที่พึงปฏิบต ซึ่งกำหนดไว้สำหรับสงคม เพื่อให้เกิดความเปนระเบยบเรียบร้อยง



คงาม ความร่มเย็นเป็นสุข ความรักสามัคคีความอบอุ่นมั่นคงปลอดภัยในการดำเนินชีวิต



ขวญฟ้า รงสิยานนท์ ให้ความหมายของจริยธรรม คอ การแสดงออกดาน พฤตกรรม (กาย สงคม)






จิตใจและปัญญาที่เกิดจากการรู้เขาใจความจริง รู้ถึงกฎเกณฑ์แห่งความเปนไปตามเหตุปัจจยของสิ่งทงหลาย แลว

ั้
ั้



เอาความรู้นั้นมาใช ทำให้ปฏิบัตตอชวิตตนเองและสิ่งทงหลายรอบตวไดถูกตอง จริยธรรมตามหลักพุทธศาสนาจง








ี่

ั้

ี่


เปนเรื่องของระบบการดำเนินชวิตทดงามทงดานกายสงคม จตใจ และปัญญา ทสอดคลองกับหลกความจริงของ
ธรรมชาต ิ
ิ์
สุภาพร สุขสวัสด สรุปว่า จริยธรรมเป็นความประพฤติของบุคคลเป็นแนวทางของการประพฤติปฏิบัต ิ
ตนในสิ่งทดีงามเหมาะสม และเป็นที่ขอมรับของสังคม เพื่อประโยชน์ของตนเองและส่วนรวม
ี่




อดกันต ภูดทิพย์ ได้สรุปความหมายของจริยธรรม คอ การประพฤตปฏิบัติทเป็นไปตามระเบยบแบบ
ี่


แผนกฎเกณฑ์ทางสงคมของบุคคลทงทางกาย วาจา ใจ เพื่อก่อให้เกิดความเจริญและอยู่รวมกันอย่างสงบสุข เป็น
ั้

การขจัดขัดแย้งทางสังคม ทำให้เกิดการพัฒนาและเป็นปกติสุข



ี่


ทิพย์ หาสาสน์ศร ไดสรุปความหมายของจริยธรรม คอ ธรรมทเปนหลักเกณฑ์ในการประพฤตปฏิบัติ
ตามกฎของสีลธรรม ซึ่งผู้ปฏิบัติจะประสบแต่สภาพชีวิตที่ดีที่เจริญรุ่งเรืองและสงบสุข
พระบุญทัน จารุวณุ โณ (กณาลักษณ์) กล่าวว่า จริยธรรม มาจากคำ๒ คำ คือ จริยะ + ธรรม ซึ่งแปล

ั่
ี่
ตามศพทคอจริยะ แปลว่า ความประพฤตกิริยาทควรประพฤตธรรม แปลว่า คณงามความด คำสงสอนในศาสนา










หลักปฏบัติในทางศาสนา ความจริง ความยุดธรรม ความถูกตองกฎเกณฑ์ เมื่อนำเอาคำจริยะมาตอกับคำว่า ธรรม







เปนจริยธรรม แปลเอาความหมายว่า กฎเกณฑ์แห่งความประพฤตหรือหลกความจริงทเป็นแนวทางแห่งความ
ี่
ประพฤตปฏิบัต ิ




ี่


สรุปไดวา จริยธรรม คอ การประพฤตปฏิบัต การกระทำด ตามคณธรรมทมีอยู่ในจตใจ ปรากฏเปน




ั้


ความดงาม ทงทางกาย ทางวาจา และ ทางใจ เมื่อความดงาม มีความกตญญู ขยัน ประหยัด ซื่อสตย์ สามัคค มี






วินัย มีน้ำใจ และ เปนสภาพชน เปนตน ถูกแสดงออกทางจรรยา มารยาท การประพฤตปฏิบัต และการกระทำท ี่




ดี ตามคณธรรมที่มีในจิตใจนั้น จึงได้ชื่อว่า “เป็นผู้มีจริยธรรม”
๒. ความสำคัญของคุณธรรม จริยธรรม

ี่

คุณธรรมจริยธรรมนับว่าเปนพื้นฐานทสำคัญของคนทุกคนและทกวิชาชพ หากบุคคลใดหรือวิชาชพใด




ี่




ไม่มีคณธรรมจริยธรรมเปนหลกยึดเบื้องตนแลวก็ยากทจะก้าวไปสความสำเร็จแห่งตนและแห่งวิชาชพนั้น ๆ ท ี่
ู่

ยิ่งกว่านั้นก็คอการขาดคณธรรมจริยธรรมทั้งในสวนบุคคลและในวิชาชีพ อาจมีผลร้ายต่อตนเอง สงคมและวงการ





ั้


วิชาชพในอนาคตไดอีกดวย ดงจะพบเห็นไดจากการเกิดวิกฤตศรัทธาในวิชาชพหลายแขนงในปัจจบัน ทงวงการ





วิชาชีพครู แพทย์ ตำรวจ ทหาร นักการเมืองการปกครอง ฯลฯ จงมีคำกลาวว่าเราไม่สามารถสร้างครูดบนพื้นฐาน


ของคนไม่ดี และไม่สามารถสร้างแพทย์ ตำรวจ ทหารและนักการเมืองที่ดี ถ้าบุคคลเหลานั้นมีพื้นฐานทางนิสัยและ



ความประพฤตที่ไม่ด ดังพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ในพระราชพิธีบวงสรวง
สมเด็จพระมหากษัตริยาธิราช ณ ท้องสนามหลวง เมื่อวันจันทร์ที่ ๕ เมษายน พ. ศ.๒๕๒๕ ไว้ ดังนี้
“.....การจะทำงานให้สมฤทธิ์ผลทพึงปรารถนา คอให้เป็นประโยชน์และเป็นธรรมดวยนั้น จะอาศย

ี่











ความรู้แตเพียงอย่างเดยวมิได จำเป็นตองอาศยความสจริต ความบริสทธิ์ใจ และความถูกตองเป็นธรรม

ื่

ี่

ประกอบด้วย เพราะเหตุว่าความรู้นั้น เสมือนเครื่องยนต์ที่ทำให้ยวดยานเคลอนทไปไดประการเดยว สวนคุณธรรม

ดังกลาวแลว เปนเสมือนหนึ่งพวงมาลยหรือหางเสอ ซึ่งเปนปัจจยทนำทางให้ยวดยานดำเนินไปถูกทางดวยความ



ี่





สวัสดี คอ ปลอดภัย บรรลุจุดประสงค์..”

ู่


ี่
จริยธรรมจงเป็นสงสำคญในสงคม ทจะนำความสขสงบและความและความเจริญก้าวหน้ามาสสงคม

ิ่




นั้นๆ เพราะเมื่อคนในสงคมมีจริยธรรม จตใจก็ย่อมสงสง มีความสะอาด และสว่างในจตใจ จะทำการงานใดก็ไม่




ก่อให้เกิดความเดอดร้อน ไม่ก่อให้เกิดทกข์แก่ตนเองและผอื่น เปนบุคคลมีคณคามีประโยชน์ และสร้างสรรคคณ




ู้

งามความดี อันเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองต่อไป

๑๐


มีผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านได้กล่าวถึงความสำคัญของคุณธรรมจริยธรรมไว้ดังนี้

วศิน อินทสระ ได้กล่าวถึงความสำคัญและประโยชน์ของจริยธรรมดังจะกล่าวโดยย่อดังนี้




๑. จริยธรรมเปนรากฐานอันสำคัญแหงความเจริญรุ่งเรือง ความมั่นคงและความสงบสุขของปัจเจกชน
สังคมและประเทศชาติอย่างยิ่ง รัฐควรส่งเสริมประชาชนให้มีจริยธรรมเป็นอันดับแรก เพื่อให้เป็นแกนกลางของการ

ั้
ี่

พัฒนาดานอื่นๆ ทงเศรษฐกิจ การศกษา การเมืองการปกครอง ฯลฯ การพัฒนาทขาดจริยธรรมเป็นหลกยึดย่อม


เกิดผลร้ายมากกว่าด เพราะผมีความรู้แตขาดคณธรรม ย่อมก่อให้เกิดความเสื่อมเสยได้มากกว่าผดอยความรู้ โดย

ู้
ู้



ี่

ทานกลาวว่า “ ผมีความรู้แตไม่รู้วิธีทจะประพฤตตน ย่อมก่อให้เกิดความเสอมเสยไดมากกว่าผมีความรู้น้อย ถ้า


ื่
ู้


ู้

ุ่


เปรียบความรู้เหมือนดน จริยธรรมย่อมเป็นเหมือนน้ำ ดนทไม่มีน้ำยึดเหนี่ยวเกาะกุมย่อมเปนฝนละอองให้ความ
ี่


ี่
รำคาญมากกว่าให้ประโยชน์ คนทมีความรู้แตไม่มีจริยธรรมจึงมักเป็นคนที่ก่อความรำคาญหรือเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น
อยู่เนืองๆ”

๒. การพัฒนาบ้านเมือง ตองพัฒนาจิตใจคนก่อน หรืออย่างน้อยก็ใหพร้อมๆไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ


ี่



สังคม การศกษาวิชาการอื่นๆ เพราะการพัฒนาทไม่มีจริยธรรมเปนแกนนำนั้นจะสญเปลาและเกิดผลเสยเป็นอัน


มากทำให้บุคคลลุ่มหลงในวัตถุและอบายมุข การที่เศรษฐกิจตองเสอมโทรม ประชาชนทุกข์ยาก เพราะคนในสงคม
ื่

ละเลยจริยธรรม กอบโกยทรัพย์สนเปนประโยชน์ส่วนตัวมากเกินไปขาดความเมตตาปราณี แล้งน้ำใจในการดำเนิน


ชีวิตซึ่งกันและกัน




๓. จริยธรรม มิไดหมายถึง การถือศล กินเพล เข้าวัดฟังธรรม จำศลภาวนา โดยไม่ชวยเหลอทำ




ี่


ประโยชน์ให้แก่สงคม แตจริยธรรมหมายถึงความประพฤต การกระทำและความคดทถูกตองเหมาะสมการทำ

หน้าทของตนอย่างถูกตองสมบูรณ เว้นสงควรเว้น ทำสงควรทำ ดวยความฉลาดรอบคอบ รู้เหตรู้ผลถูกตองตาม
ิ่



ี่
ิ่






กาลเทศะและบุคคล ดังนั้นจะเหนว่าจริยธรรมจงจำเปนและมีคณค่าสำหรับทกคนในทกวิชาชีพทกสังคม สงคมจะ



อยู่รอดด้วยจริยธรรม
ื่

๔. การทจริต คดโกง การเบียดเบียนกันในรูปแบบตางๆอันเปนเหตุให้สังคมเสอมโทรม มีสาเหตุมาจาก


ี้



การขาดจริยธรรมของคนในสงคม ทรัพยากรธรรมชาตในโลกนี้น่าจะพอเลยงชาวโลกไปไดอีกนาน ถ้าชาวโลก



ิ้



ช่วยกันละทงความละโมบโลภมาก แลวมามีชวิตอยู่อย่างเรียบง่าย ชวยกันสร้างสรรคสงคม ยึดเอาจริยธรรมเปน

ทางดำเนินชวิต ไม่ใชยึดเอาลาภยศความมีหน้ามีตาในสงคมเป็นจดหมาย ถ้าสงนั้นจะเกิดขึ้นก็ถือเป็นเพียงผล


ิ่


พลอยไดและนำมาใชเป็นเครื่องมือในการประพฤตธรรม เชน อาศยลาภผลเป็นเครื่องมือในการบำเพ็ญ




สาธารณประโยชน์อาศัยยศและความมีหน้ามีเกียรติในสังคมเป็นเครื่องมือในการจูงใจคนผู้เคารพนับถือเขาหาธรรม




๕. จริยธรรมสอนให้เราเลิกดูหมิ่นกดขี่คนจน ให้เอาใจใสดูแลเอื้ออาทรตอผสงอายุ ซึ่งเปนบุพการีของ

ู้



ู้
ชาติ สอนให้เราถ่อมตวเพื่อเข้าหากันไดดกับคนทั้งหลาย และไม่วางโตโอหังอวดดีหรือก้าวร้าวผอื่น สอนให้เราลด

ทิฐมานะลงให้มากๆเพื่อจะไดมองเห็นสงตางๆตามความจริง ไม่หลงสำคญตวว่ารู้ดกว่า มีความสามารถกว่าใคร
ิ่






๑๑


ี่

ู้
ั้
ี่

ผนำทมีจริยธรรมสงย่อมเป็นทเคารพกราบไหว้ของทงหลายไดอย่างสนิทใจ เราควรเลอกผนำทสามารถนำความ
ี่
ู้

สงบสุขทางใจมาสู่มวลชนไดด้วย เพื่อสันติสขจะเกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอก ความแข็งแกร่งทางกำลังกายกำลง






ทรัพย์และอาวุธนั้น ถ้าปราศจากความแข็งแกร่งทางจริยธรรมเสยแลว บุคคลหรือประเทศชาตจะมั่นคงอยู่ไดไม่


นาน สงคมทเจริญมั่นคงต้องมีจริยธรรมเป็นเครื่องรับรอบหรือเป็นแกนกลาง เหมือนถนนทมั่นคงหรือตึกที่แข็งแรง
ี่
ี่




เขาใชคอนกรีตเสริมเหล็กแม้เหลกจะไม่ปรากฏออกมาให้เหนภายนอก แตมีความสำคัญอยู่ภายในนายชางย่อมรู้ด ี

ทำนองเดียวกันกับบัณฑิตย่อมมองเห็นอย่างแจ่มแจ้งว่าจริยธรรมมีความสำคัญในสังคมเพียงใด
ี่





รตนากร วงค์ศร และคณะ สรุปว่า ความสำคญของคณธรรมทำให้เกิดจริยธรรมคานิยมทเหมาะสม

ส่งผลสู่การนำไปปฏิบัติที่ถูกต้อง ตลอดจนทำให้เกิดความสุขความพอใจให้กับตนเองและทำให้เกิดสันตสุขต่อสังคม
ซึ่งคุณธรรมสามารถที่จะปลูกฝังกันได้ เมื่อบุคคลเกิดคุณธรรมอย่างหนึ่งก็จะส่งผลให้เกิดคุณธรรมด้านอื่นๆ ตามมา



ี่

พระมหาณัฐพล ดอนตะโก กลาวว่า คณธรรมเปนพื้นฐานของการเกิดจริยธรรมคานิยมทเหมาะสม








ตลอดจนความสขความพอใจ คณธรรมสร้างคนดและความด เป็นปัจจยสงเสริมวินัยของคน เชนเดยวกับทธรรม
ี่




เปนเครื่องสงเสริมศลในทางศาสนา วินัยนั้นเป็นมาตรการบังคบ ภายนอก ไม่มีอำนาจบังกับภายในจตใจ สวน


คุณธรรมเป็นคณลักษณะทเกิดขึ้นภายในจิตใจจึงจำเป็นต้อง สร้างคุณธรรมให้มีในจิตใจข้าราชการโดยเหมาะสมแก่
ี่

การเป็นข้าราชการ การบริหารราชการและการส่งเสริมวินัยข้าราชการ
ี่




ปราณี ปรยวาที ไดสรุปว่า จริยธรรมชวยปูพื้นฐาน ความรู้ ความเข้าใจและความรู้สกทดให้กับเดก


นอกจากนี้ ยังเปนแนวทางให้เดกเลอกปฏบัติไดถูกต้อง จริยธรรมมีความสำคัญสำหรับเดกปฐมวัยในการปูพื้นฐาน






ี่








ลกษณะอันดงามให้กับเดก ควรให้เดกเกิดความรู้ความเข้าใจทจะนำไปปฏิบัตให้เกิดเป็นนิสย ซึ่งไดกลาวถึงการ
พัฒนาเด็กมี ๓ ด้าน คือ
๑. ดานพุทธิปัญญา (Cognitive Domain) ไดแก่ การเกิดความรู้ ความเขาใจว่าสงใดด สงใด
ิ่



ิ่

ถูกต้อง สิ่งใดควรทำ สิ่งใดควรยกเว้น
๒. ดานจิตพิสัย (Aficctive Domain) ได้แก่ การเกิดความรู้สึกโน้มเอียงทางอารมณ์ ที่สะท้อน


ออกมาในลกษณะทางการชอบ-ไม่ชอบ อย่างเห็นความสำคญ เตมใจรับคานิยมเปนแนวทาง ประพฤตปฏิบัตจน






เป็นนิสัย

ี่

๓. ดานทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) ได้แก่ ความสามารถทจะลงมือปฏิบัติดวยกาย
หรือวาจา ในลักษณะนิสัยทางจริยธรรม

ี่







ี่

สรปไดวา มนุษย์นับว่าเปนทรัพยากรทมีคณคา และมีความสำคญมากทสดในโลก เพราะมนุษย์เปน
ทรัพยากรทสามารถเรียนรู้และรับการฝึกอบรมสั่งสอน จนสามารถนำความรู้ที่ได้รับมาสร้างสรรคสิ่งตาง ๆ ทเปน
ี่
ี่










คุณประโยชน์ตอโลกได ในการเรียนรู้และการฝกอบรมเพื่อสะสมประสบการณชวิต มนุษย์ควรไดรับการปลกฝง

คุณธรรมและจริยธรรมไปดวยพร้อม ๆ กัน เพราะคุณธรรมจริยธรรมมีความสำคัญตอการดำเนินชวิตของมนุษย์



ทุกคนเป็นอย่างมาก อาจสรุปความสำคัญของคุณธรรมและจริยธรรมได้ดังนี้ คือ

๑๒


๑. ช่วยให้ชีวิตดำเนินไปด้วยความราบรื่นและสงบสุข ไม่พบอุปสรรค

๒. ช่วยให้คนเรามีสติสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลา ไม่เผลอตัว ไม่ลืมตัว จะประพฤติปฏบัติในสง
ิ่

ใดก็จะระมัดระวังตัวอยู่เสมอ
๓. ช่วยสร้างความมีระเบียบวินัยให้แก่บุคคลในชาต ิ



ั่

๔. ชวย ควบคมไม่ให้คนชวมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น การปฏิบัตตนให้เปนตวอย่างแก่ผู้อื่น นับว่า




เป็นคณแก่สงคม เพราะนอกจากจะเปนตวอย่างโดยการชนำทางอ้อมแล้ว ยังจะออกปากแนะนำสงสอนโดยตรง
ี้

ั่

ได้อีกด้วย
๕. ช่วยให้มนุษย์นำความรู้และประสบการณ์ ที่ร่ำเรียนมาสร้างสรรค์สิ่งที่มีคุณค่า

๖. ช่วยควบคุมการเจริญทางด้านวัตถและจิตใจของคนให้เจริญไปพร้อม ๆ กัน
๗. ช่วยสร้างความมั่นคงทางจิตใจให้มนุษย์
ี่
ี่




ความสำคญของคุณธรรม และจริยธรรมทกลาวมานี้ ประเด็นทสำคญก็คอ สามารถลดปัญหา
และขจัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นแก่บุคคล สังคม และประเทศชาติได้ เมื่อทุกคนประพฤติปฏิบัติตนดีแล้ว อุปสรรค ศัตรู
ภัยอันทราย ก็จะหมดสิ้นไป ผู้คนมีแต่ความรักต่อกัน สังคมมีแต่ความสงบ และประเทศชาติก็จะเจริญรุ่งเรือง
๓. องค์ประกอบของคุณธรรม จริยธรรม



กรมวชาการ ไดจดทำเอกสารการประชมเกี่ยวกับจริยธรรมไทย สรุปว่าคณธรรม จริยธรรม ของ


บุคคลมีองค์ประกอบ ๓ ประการ คือ
ู้





๑. ดานความร (moral reasoning) คอ ความเข้าใจในเหตผลของความถูกตองดงาม

สามารถตดสินแยกความถูกต้องออกจากความไม่ถูกต้องได้ด้วยการคิด
ู้

๒. ดานอารมณ์ความรสึก (moral attitude and belief) คอ ความพึงพอใจ ความ


ศรัทธาเลื่อมใส ความนิยมยินดี ที่จะรับคุณธรรม จริยธรรมมาเปนแนวทางในการประพฤติปฏิบัติตน
๓. ดานพฤตกรรม (moral conduct) คือการกระทำหรือหารแสดงออกของบุคคลใน


สถานการณ์ต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากอิทธิพลของทั้งสององค์ประกอบข้างต้น

เนื่องจากองคประกอบของคุณธรรม จริยธรรมประกอบดวย ๓ ส่วน ดงกลาวข้างต้น การพัฒนาคนใน




ด้านคณธรรม จริยธรรมจงต้องพัฒนา ๓ ด้านไปดวยกัน ในการดำเนินชีวิตของคนนั้น องค์ประกอบทั้ง ๓ ประการ


ี่
ั้



เกี่ยวข้องสมพันธ์กันอย่างใกลชด กลาวคอ พฤตกรรมของคนทแสดงออกมาทงทางกายและทางวาจานั้น จะมี



ความสมพันธ์กับทางจตใจและสตปัญญา คนทมีอารมณโกรธจะแสดงพฤตกรรมออกมาทางการก้าวร้าวรุนแรง



ี่


ี่
และยิ่งเป็นคนที่มีปัญญาน้อยดวยแลว พฤตกรรมทแสดงออกก็จะก้าวร้าวรุนแรงยิ่งกว่าบุคคลทมีสตปัญญาซึ่งจะ



ี่



สามารถควบคมจตใจของตนไดโดยไม่แสดพฤตกรรมไม่ดให้ออกมาปรากฏ นั่นก็แสดงว่าผมีสตปัญญาดย่อม



ู้



สามารถควบคุมอารมณและความประพฤติได้ดีกว่าผู้ด้อยปัญญานั่นเอง

๑๓




ั้
แนวคิดในการพัฒนาคุณธรรมจรยธรรมของบุคคล โดยพัฒนาองคประกอบของจริยธรรมทง ๓ ด้าน
กล่าวคือ เริ่มจากการพัฒนาองค์ประกอบสำคัญอันดับแรก ได้แก่
๑. ปัญญาหรือความรู้ ดวยเห็นว่า “ปัญญา” เป็นองคประกอบสำคญในการสงเสริมให้บุคคลแสดง









ี่

พฤติกรรมในทางทถูกตองและเปนตวควบคมอารมณ์และความรู้สึกให้เปนอิสระ เป็นสขจากแรงกระทบกระทั่งทง
ั้

ปวงนั้น นักปราชญ์ทางการศกษาไดเห็นพร้องกันดงนี้พระธรรมปิฎก กลาวไว้พอนำมาสรุปความไดว่า มนุษย์นั้น




เมื่อรับรู้ประสบการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จะมีความรู้สึกหรือเวทนาเกิดขึ้น

๒. ความรู้สกนี้อาจเป็นไดทั้งสข เวทนา หรือทุกขเวทนา เมื่อมีเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วมนุษย์ที่ยัง




ู้

ี่
มีอวิชชาก็จะมีปฏกิริยาแตกต่างจากผมีปัญญา คอถ้าผู้มีอวิชชาก็จะมีความรู้สึกยินดียินร้ายตออารมณ์ทเกิดขึ้น ซึ่ง
เรียกว่า “ตัณหา” ตัณหาจะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม

๓. การใชตัณหาเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม ก็เพราะมนุษย์ยังไม่พัฒนา ยังไม่มีความรู้ ยังไม่มีปัญญา การ


ใช้ตณหาเปนตวนำพฤติกรรมอาจทำให้เกิดโทษหลายประการ คือ เป็นอันตรายตอตนเองทั้งด้านร่างกายและจตใจ





ิ่
เป็นอันตรายต่อการอยู่ร่วมกันของมนุษย์หรือสงคม เป็นอันตายตอธรรมชาตและสงแวดล้อม การเกิดปัญหาเช่นนี้






เนื่องจากมนุษย์ปลอยให้ตณหาเป็นตวนำพฤตกรรมการแก้ปัญหา ก็คอ เราจะปลอยให้ตณหาเป็นตวกำหนด



พฤตกรรมไม่ได มนุษย์จะตองกำหนดรู้อะไรเป็นคณคาทแทจริงของชวิตของตนแลวทำตามความรู้นั้น คอเอา
ี่









ความรู้เป็นตัวกำหนดนำพฤติกรรม

ั้


สรุปไดว่า องคประกอบของจริยธรรมทง ๓ สวน คือ ปัญญา จิตใจ และพฤตกรรมนี้ คนสวนใหญ่


ี่







จะเขาใจกันว่า จตใจเป็นสวนสำคญทสุด เป็นตวที่ควบคมพฤติกรรมของคนดงคำกลาวที่ว่า “ใจเปนนาย กายเป็น






บ่าว” คำกลาวนี้ไม่ผด เพราะมีหลกฐานให้พบเห็นเสมอว่า ความอุตสาหะ ความกลาหาญ ความรัก ความชัง ฯลฯ
ี่




ล้วนเป็นความรู้สกทางจตใจที่มีผลให้คนแสดงพฤติกรรมออกมาในรูปแบบทแตกตางกัน หากแตถ้าพิจารณาให้ลก

ิ่


ลงไปแล้ว จิตใจของคนเราย่อมอ่อนไหวผนแปรไดง่าย หากไม่มีปัญญาเปนตัวกำกับ อาจมีสงจูงใจให้จิตใจอ่อนไหว




ไปตามโลกธรรม คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สข ทกข์ เมื่อจตใจผนผวนปรวนแปรพฤตกรรมของคนก็จะเปลี่ยนแปลง








ู้
ู้
เพราะเกิดตณหาเป็นตวนำจตใจ แตถ้าหากบุคคลผนั้นเป็นผมีปัญญา รู้แจงในความเป็นจริงของโลกและชวิต
ปัญญาก็จะเป็นตัวชี้นำไม่ให้จตใจอ่อนไหวไปตามสิ่งที่มากระทบ จิตใจก็จะเขมแข็งไม่อ่อนไหวปรวนแปร จนเกิดผล



ี่
กระทบไปถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทเคยประพฤตปฏิบัติ ทงนี้ เพราะมีปัญญาเป็นตัวควบคมจิตใจไว้อีกระดบ


ั้
หนึ่ง จึงสรุปได้ว่า ในองค์ประกอบของจริยธรรมทั้ง ๓ ส่วนนี้ “ปัญญา” เป็นองคประกอบที่สำคัญที่สุด ทจะชี้นำให้

ี่

ี่
จิตใจและพฤตกรรมของคนดำเนินไปอย่างถูกต้องตามครรลองครองธรรม ดังพุทธพจน์ทว่า “ สพฺเพ ธมฺมา ปญฺญุตฺ
ตา ” แปลว่า “ธรรมทั้งหลายมีปัญญาเป็นเยี่ยมยอด”

๑๔


๔.ประเภทและคุณลักษณะของคุณธรรม จริยธรรม



๔.๑ ประเภทของจรยธรรม
แบ่งเป็น ๒ ประเภท ดังนี้


๔.๑.๑ จรยธรรมภายใน เป็นจริยธรรมทเกี่ยวข้องกับความรู้สึกนึกคดหรือทศนคตของบุคคล



ี่

ิ่
ตามสภาพจิตใจและสภาวะสงแวดล้อมเป็นสิ่งทอยู่ภายใน อาจจะไม่แสดงออกมาให้เห็น เช่น ความซื่อสัตย์สุจริต
ี่
ความยุติธรรม ความเมตตากรุณา ความกตัญญูกตเวที เป็นต้น
ี่
๔.๑.๒ จรยธรรมภายนอก เป็นจริยธรรมทบุคคลแสดงออกทางพฤตกรรมภายนอกทปรากฎให้

ี่




เปนทสงเกตเห็นไดดวยตาเปลาอย่างชดเจน เชน ความรับผดชอบ ความเป้นระเบียบเรียบร้อย ความมีวินัย





ี่

การตรงต่อเวลา สุภาพ อ่อนน้อม มีมารยาท เอาใจใส่ตอหน้าที่การงาน ความกตัญญูกตเวที เป็นต้น
๔.๒ คุณลักษณะของจรยธรรม


ี่
ั้
ี่


๑. ความรบผิดชอบ (Responsibility) หมายถง ความมุ่งมั่นตงใจทจะทำการปฎิบัตหน้าทหรือ

ภารกิจต่างๆ ด้วยความผกพัน ความพากเพียร และความละเอียดรอบคอบ ยอมรับผลการกระทำในการปฏบัต ิ

หน้าที่เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามความมุ่งหมาย ทั้งความพยายามที่จะปรับปรุงการปฏิบัติหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้น
๒. ความซอสัตย์ (Probity) หมายถึง การประพฤติปฏิบัติอย่างเหมาะสมและตรงตอความเป็น

ื่
จริง ประพฤติอย่างตรงไปตรงมาทั้งกาย วาจา ใจ ต่อตนเองและต่อผู้อื่น
๓. ความมเหตผล (Rationality) หมายถึง ความสามารถในการใชปัญญาในการประพฤตรู้จก






ไตร่ตรอง พิสูจน์ให้ประจกษ์ ไม่หลงงมงาย มีความยับยั้งชั่งใจโดยไม่ผูกพันกับอารมณ์ และความนยึดมั่นของที่มี
อยู่เดิม ซึ่งอาจผิดได ้
๔. ความกตญญูกตเวที (Gratitude) ความกตัญญู หมายถึง ความรู้สึกในการอุปการะคณท ี่



ผู้อื่นมีตอเรา กตเวท หมายถึง การแสดงออกและการตอบแทนบุญคณ ดังนั้น ความกตัญญูกตเวที จงหมายถึง



ความรู้บุญและการตอบแทนผู้อื่นและสิ่งที่มีบุญคุณ
๕. ความอุตสาหะ (Perseverance) หมายถึง ความพยายามอย่างยิ่ง เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จใน

ี่
การงานหรือกิจกรรมททำ ด้วยความขยันขันแข็งกระตือรือร้นอดทน ถึงแม้จะประสบปญหาหรืออุปสรรคขัดขวาง
ก็ไม่ยอมแพ้และไม่ย้อท้อ
๖. ความสามัคคี (Hermony) หมายถึง ความพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การให้ความ




ร่วมมือในการกระทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งให้สำเร็จลลวงดวยด โดยคำนึงถึงประโยชน์สวนรวมมากกว่า

ประโยชน์ส่วนตัว รวมทั้งมีความรักในหมู่คณะของตน


๗. ความมระเบียบเรยบรอย (Discipline) หมายถึง การควบคุมพฤตกรรมของตนเองให้ปฏิบัต ิ


ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับจรรยามารยาททางสังคมกฎระเบียบ ข้อบังคับ กฎหมายและศีลธรรม

๑๕


๘. ความเสียสละ (Sacrifice) หมายถึง การละละความเหนแก่ตว การแบ่งปันแก่คนทควรให้


ี่
ด้วยทรัพย์ กำลังกาย และกำลังปัญญาของตน
ิ่


๙. ความประหยัด (Parsimony) หมายถง การใช้สงของหรือใช้จายอย่างระมัดระวังพอเหมาะ
พอควร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ฟุ่มเฟือยจนเกินฐานะของตน

๑๐. ความยุติธรรม (Impartiality) หมายถง การปฏิบตตนดวยความเทยงตรง การพิจารณา


ี่

เรื่องราวต่างๆ จะต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงไม่มีลำเอียงเข้ากับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

๑๑. ความเมตตากรณา (Clemency) หมายถึง ความรักใคร่ปรารถนาจะให้ผู้อื่นเป็นสุข และมี
ความสงสารอยากจะช่วยให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์

๕. แนวคิด หลักการ ทฤษฎีเกี่ยวข้องกับคุณธรรม จริยธรรม

๕.๑ ทฤษฎีพัฒนาการทางจริยธรรม


ู้
ความรเชิงจรยธรรม หมายถึง การบอกได้ว่าการกระทำ ใดเลวควรงดเว้น ซึ่งความรู้เชิงจริยธรรมของ
คนเราจะมีมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับอายุ ระดับการศึกษา และสติปัญญา






ทัศนคตเชิงจริยธรรม หมายถง ความรู้สกเกี่ยวกับพฤตกรรมเชงจริยธรรมว่าชอบหรือไม่ชอบลักษณะ




นั้นเพียงใด ทศนคตเชงจริยธรรมของบุคคลสวนใหญ่จะสอดคลองกับคานิยมในสงคมนั้น และในเวลาตางกัน




ทัศนคติเชิงจริยธรรมของบุคคลอาจเปลี่ยนแปลงไป
เหตผลเชิงจรยธรรม หมายถึง การยกเหตผลมาอ้างถึงการตดสนใจทจะกระทำ หรือไม่กระทำ



ี่



พฤตกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง
พฤตกรรมเชิงจรยธรรม หมายถึง การทบุคคลแสดงพฤตกรรมทสงคมนิยมชมชอบหรืองดเว้นไม่ไป

ี่

ี่


แสดงพฤติกรรมที่ฝ่าฝืน ค่านิยม หรือกฎเกณฑ์ในสังคมนั้น
๕.๒ แนวคิดในการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม


การกำหนดทศทางในการพัฒนาคณธรรมจริยธรรม ผรับผดชอบงานควรตองคดให้ครอบคลมทงดาน

ั้



ู้

คุณธรรมและจริยธรรม นั่นคอ หลักการคิดและวิธีการปฎิบัติทดีงาม ถูกตอง ตามสภาพสังคม วัฒนธรรมก่อนอื่นคง

ี่


ต้องทำความเข้าใจกับความหมายของคำว่าคณธรรม และ จริยธรรม ก่อนคณธรรม คอ หลกความจริง หลกการ




ปฏิบัติ ประกอบด้วย
๕.๒.๑ จริยธรรม มี ๒ ความหมาย คือ

๑. ความประพฤตดีงาม เพื่อประโยชน์สขแก่ตนและสังคม ซึ่งมีพื้นฐานมาจากหลักศลธรรมทาง


ศาสนา ค่านิยมทางวัฒนธรรม ประเพณ หลักกฎหมาย จรรยาบรรณวิชาชีพ

๒. การรู้จักไตร่ตรองว่าอะไรควร ไม่ควรทำ

๑๖


ี่

๕.๒.๒ จรรยา (etiquette) หมายถึง ความประพฤต กิริยาทควรประพฤตซึ่งสงคมแตละ







สังคม กำหนดขึ้นสอดคล้องกับวัฒนธรรมในแตละวิชาชพก็อาจกำหนดบุคลกภาพ กิริยา วาจาที่บุคคลในวิชาชพ
พึงประพฤติปฏิบัติ เช่น ครู แพทย์ พยาบาล ย่อมเป็นผู้ที่พึงสำรวมในกิริยา วาจา ท่าทางที่แสดงออก
๕.๒.๓ จรรยาบรรณวชาชีพ (professional code of ethics) หมายถึง ประมวล

ู้

ี่
ความประพฤติทผประกอบอาชีพการงาน แต่ละอย่างกำหนดขึ้น เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรตคุณ ชื่อเสียงและ



ื่



ฐานะของสมาชก ทำให้ไดรับความเชอถือจากสงคม อาจเขียนเป็นลายลกษณอักษรหรือไม่ก็ได เชน

ู้
จรรยาบรรณของแพทย์ ก็คอ ประมวลความประพฤตทวงการแพทย์กำหนดขึ้น เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผเป็น


ี่
แพทย์ยึดถือปฏิบัต ิ




๕.๒.๔ ศีลธรรม (moral) คำว่า ศลธรรมถ้าพิจารณาจากรากศพทภาษาละตน Moralis
หมายถึง หลกความประพฤตทดสำหรับบุคคลพึงปฏิบัต ภาษาไทย ศลธรรมเปนศพทพระพุทธศาสนา หมายถึง








ี่
ความประพฤติที่ดีที่ชอบหรือ ธรรมในระดับศีล


๕.๒.๕ คุณธรรม (virtue) หมายถึงสภาพคุณงานความดทางความประพฤติและจิตใจ เชน
ความเป็นผู้ไม่กล่าวเท็จโดยหวังประโยชน์ส่วนตน เป็นคุณธรรมประการหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่าคณธรรมคือจริยธรรม

แต่ละข้อที่นำมาปฏิบัติจนเป็นนิสัย เช่น เป็นคนซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีความรับผิดชอบ ฯลฯ

๕.๒.๖ มโนธรรม (conscience) หมายถงความรู้สกผดชอบชวดี ความรู้สกว่าอะไรควรทำ


ั่

ื่
ไม่ควรทำ นักจริยศาสตร์เชอว่ามนุษย์ทกคนมีมโนธรรม เนื่องจากบางขณะเราจะเกิดความรู้สกขัดแย้งในใจ





ระหว่างความรู้สึกตองการสงหนึ่ง และรู้ว่าควรทำอีกสิ่งหนึ่ง เช่น ต้องการไปดภาพยนต์กับเพื่อน แตก็รู้ว่าควร
ิ่
อยู่เป็นเพื่อน คุณแม่ซึ่งไม่ค่อยสบาย
๕.๒.๗ มารยาท มรรยาท กิริยา วาจา ที่สงคมกำหนดและยอมรับว่าเรียบร้อย เช่น สังคมไทยให้

เกียรติเคารพผใหญ่ ผู้น้อยย่อมสำรวมกิริยาเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ การระมัดระวังคำพูดโดยใช้ให้เหมาะกับบุคคล
ู้
ตามกาลเทศะ
ั้

ู้




แนวคด หลกการ ทฤษฏี รวมทงหลกคำสอนทางศาสนาตางๆ มีอยู่มากมาย ผบริหารควรศกษาน้อม
นำมาพิจารณาเป็นแนวทางปฏบัติตนและการดำเนินงาน หลกคำสอนที่จะนำมาพอเป็นตัวอย่างต่อไปนี้มีทั้งจากคำ




ั้

ั้
สอนทางศาสนา หลกปรัชญา แนวคดของนักปราชญ์ทงในอดตกาล และแนวใหม่ ทงของทางตะวันตก และ
ตะวันออก รวมทั้งของไทยดังนี้

โสคราตีส (Socrates) กล่าวถึงคุณธรรมว่า คุณธรรมคอความรู้ (virtue is knowledge) การแสวงหา



ี่



ความรู้เกี่ยวกับศลธรรม จริยธรรม คอการแสวงหาคณธรรม เพราะคณธรรมคอความรู้ทแทจริง ถ้าบุคคลรู้และ

๑๗






ี่

เขาใจถึงธรรมชาตของความดจริงๆ แลว เขาจะไม่พลาดจากการประกอบความดีละเว้นความชั่ว คณธรรมททำให้
คนเป็นมนุษย์มี ๕ ประการ คือ
๑. ปัญญา หรือความรู้ (wisdom) หมายถึง รู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ด ี

๒. การปฏิบัตหน้าททางศาสนา (duty) คอ การทำความด การเคารพยกย่องสงทควรเคารพ

ี่
ิ่
ี่

เช่นพระผู้เป็นเจ้า พระธรรม การปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา
๓. ความกล้าหาญ (courage) คือกล้าในสิ่งควรกล้าและกลัวในสิ่งควรกลัว



๔.การควบคมตนเอง (self control หรือ temperance) คอ การใชปัญญาควบคมอารมณ ์

ความรู้สึก

ู้
๕.ยุตธรรม (justice) คอการปฏิบัตตอผอื่น และตอตนเองอย่างเหมาะสม ไม่เบียดเบียน




ตนเองและผู้อื่น


ี่


เพลโต ( Plato) กลาวว่า คุณธรรม คอ การปฏิบัติทดตามหน้าทของวิญญาณ และคุณธรรมไม่สารถ


เกิดขึ้นไดโดยบังเอิญ เพราะมนุษย์จะตองรู้ว่าเขากำลงทำอะไร เพื่ออะไร และทำอย่างไร คณธรรมจึงเกิดขึ้นจาก


ี่
ความรู้ ไม่ใชความรู้ทฤษฏี แตเปนความรู้ทมาจากการปฏิบัตจริง คณธรรมตามแนวคดของเพลโต มี ๔ ประการ






คือ


๑. ปัญญาหรือความรู้ (wisdom) คอการหยั่งรู้ว่าอะไรถูก อะไรผด อะไรด อะไรไม่ด อะไร


ควรประพฤติหรือไม่ควรประพฤต ิ



๒. ประมาณ (temperance) คือ การรู้จกควบคมตวเองให้อยู่ในขอบเขตของจุดมุ่งหมายชีวิต
มีความรับผิดชอบ รู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเอง



๓. กลาหาญ (courage) คอ กลาเสยงตอความยากลำบาก อันตราย เพื่ออุดมการณของ

ี่

ตนเอง หรือด้วยความมั่นใจว่าได้กระทำดีที่สุดแล้ว



๔. ยุตธรรม (justice) คอการให้แก่ทกคนอย่างเหมาะสม เชน การให้แก่ตนเอง ครอบครัว

มิตรสหาย ผู้บังคับบัญชา ผใต้บังคับบัญชา อย่างมีเหตุผลอันควร
ู้




อรสโตเตล (Aristotle) ไดนำคณธรรมของเพลโต ( Plato) มาอธิบายว่าคณธรรม ไดแก่ การเดนสาย



กลางระหว่างความไม่พอดีกับความพอดี หรือคุณธรรมคือความพอดพองาม ไม่เอียงสุดไปทางดานใดดานหนึ่ง เชน




ความกล้าหาญจะอยู่ระหว่างความบ้าบิ่นกับความขลาด ความสุภาพอยู่ระหว่างความขี้อายกับความไร้ยางอาย และ
ความเอื้อเฟื้ออยู่ระหว่างความฟุ่มเฟือยกับความตระหนี่ คุณธรรมจึงแบ่งออกเป็น ๒ ประเภทคือ

๑. คณธรรมทางสติปัญญา เปนเรื่องของความรู้ทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏบัต เป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณ



ที่มีเหตุผล และหน้าที่ของวิญญาณคือการรู้และค้นหาความจริงนั่นเอง

๑๘


๒. คณธรรมทางศลธรรม เป็นสวนหนึ่งของวิญญาณ อยู่ในรูปคำสอน ละมุ่งเพื่อความดงาม คนมี







ี่




คณธรรมก็คอคนทมีความพอด ทำดวยเจตนาด มีเหตผล เห็นแก่สวนรวม อริสโตเตลเสนอคณธรรมพิเศษไว้ ๔


ประการ คือ มิตรภาพ ประมาณ กล้าหาญ และยุติธรรม
๖. ประโยชน์ของคุณธรรม จริยธรรม
คุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ดังนี้
๖.๑ประโยชน์ตน
๑) ทำให้ตนเองมีชีวิตที่สงบสุข
๒) ทำให้ตนเองมีความเจริญรุ่งเริงในชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงาน
๓) ได้รับการยกย่องสรรเสริญเทดทูนบูชาจากบุคคลทั่วไป

๔) ครอบครัวอบอุ่น มีความสุข ฐานะทางเศรษฐกิจมั่นคง

๖.๒ ประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาต ิ
๖.๒.๑ ประโยชน์ต่อสถาบัน เช่น

๑) สถาบันครอบครัวของตนได้รับการยกย่องสรรเสริญจากบุคคลทั่วไป
๒) สถาบันการศึกษาหรือสถาบันที่ประกอบอาชีพธุรกิจมีชื่อเสียงทำให้บุคคลอื่นศรัทธาเลื่อมใส

ี่


๓) สถาบันหรือหน่วยงานทตนเองสงกัดมีความเจริญก้าวหน้า ไดรับการพัฒนาอย่างรวดเร็วและ
ต่อเนื่อง ทั้งนี้เพราะสมาชิกทุกคนมีคุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรมอันดีงาม
๖.๒.๒ ประโยชน์ต่อชุมชน เช่น

๑) สังคมได้รับความสงบสุข เพราะทกคนเป็นคนดีมีคุณธรรม






ี่
๒) สงคมไดรับการพัฒนาอย่างรวดเร็วเพราะสมาชกทกคนตางกระทำหน้าทของตนอย่างเตม

ความสามารถ
๖.๒.๓ ประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง

๑) สถาบันชาต ศาสน์ กษัตริย์ มีความมั่นคง เพราะประชาชนมีความจงรักภักดและเห็น



ความสำคัญของสถาบันดังกล่าวอย่างแทจริง

๒) ขนบธรรมเนียมประเพณและวัฒนธรรมอันดีงามของชาติมีความมั่นคงถาวรเพราะทุกคนมี
ความรู้และเขาใจอย่างถ่องแท้ และเต็มใจยึดถือปฏิบัติตาม


๑๙


๗.หลักพุทธธรรมที่เกี่ยวข้องกับคุณธรรม จริยธรรม

หลักจริยธรรมของพระพุทธศาสนา ๓ ระดับดังกล่าวข้างต้นมีรายละเอียดดังนี้
๗.๑พุทธจริยธรรมขั้นพื้นฐาน เพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคม หลกธรรม คือ เบญจศีล เบญจธรรม

ได้แก่

เบญจศีล เบญจธรรม
๑. เว้นจากการฆ่าสัตว์ ๑. มีเมตตากรุณา

๒. เว้นจากการลักทรัพย์ ๒. เลี้ยงชีวิตในทางที่ถูกต้อง
๓. เว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๓. มีความสำรวมในกาม

๔. เว้นจากการพูดเท็จ ๔. พูดแต่คำสัตย์

๕. เว้นจากการดื่มสุราเมรัย ๕. มีสติ รักษาตนไว้เสมอ

ทิศ ๖ หมายถึง บุคคลต่างๆ ที่เราเกี่ยวข้องสัมพันธ์ทางสังคมดุจทิศที่อยู่รอบตัว

๑. ทิศเบื้องหน้า ได้แก่ มารดา บิดา เพราะเป็นผู้อุปการะเรามาก่อนบุตรธิดาพึงบำรุงบิดา มารดา ดังนี้

๑. ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ ๒. ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว เลี้ยงทานตอบ

๓. ช่วยทำการงานของท่าน ๔. ดำรงวงศ์สกุล

๕. ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นทายาท ๖. เมื่อท่านล่วงลบไปแล้วทำบุญอุทิศให้ท่าน

บิดามารดาย่อมอนุเคราะห์บุตรธิดา ดังนี้
๑. ห้ามปรามจากความชั่ว ๒. ให้ตั้งอยู่ในความดี

๓. ให้ศึกษาศิลปวิทยา ๔. หาคู่ครองที่สมควรให้

๕. มอบทรัพย์สมบัติให้ในโอกาสอันสมควร

๒. ทิศเบื้องขวา ไดแก่ ครูอาจารย์ เพราะเป็นทกขิไณยบุคคลควรแก่การบูชาคณ ศษย์พึงบำรุงครู




อาจารย์ ดังนี้

๑. ลกต้อนรับ ๒. เข้าไปหา
๓. ใฝ่ใจเรียน ๔. ปรนนิบัติ ช่วยบริการ

๕. เรียนศิลปะวิทยาโดยเคารพ
ครู อาจารย์ ย่อมอนุเคราะห์ศิษย์ ดังนี้

๑. ฝึกฝนแนะนำให้เป็นคนดี ๒. สอนให้เข้าใจแจ่มแจ้ง
๓. สอนศิลปะวิทยาให้สิ้นเชิง ๔. ยกย่องให้ปรากฏในหมู่คณะ

๕. สร้างเครื่องคุ้มภัยในสารทิศ

๒๐


ึ้
๓. ทิศเบื้องหลัง ไดแก่ บุตรภรรยา เพราะมีขนภายหลงและคอยเป็นกำลังสนับสนุนอยู่ข้างหลง สามี



พึงบำรุงภรรยา ดังนี้
๑. ยกย่องให้เกียรติสมกับฐานะที่เป็นภรรยา ๒. ไม่ดูหมิ่น
๓. ไม่นอกใจ ๔. มอบความเป็นใหญ่ในงานบ้านให้

๕. หาเครื่องประดบมาให้เป็นของขวัญตามโอกาส

ภรรยาย่อมอนุเคราะห์สามี ดังนี้

๑. จัดงานบ้านให้เรียบร้อย ๒. สงเคราะห์ญาติมิตรทั้งสองฝ่ายด้วยดี
๓. ไม่นอกใจ ๔. รักษาทรัพย์สมบัติที่หามาได้

๕. ขยันไม่เกียจคร้านในงานทั้งปวง


๔. ทิศเบื้องซาย ไดแก่ มิตรสหาย เพราะเป็นผชวยให้ข้ามพ้นอุปสรรคภัยอันตราย และเป็นกำลง
ู้



สนับสนุน ให้บรรลุความสำเร็จ
บุคคลพึงบำรุงมิตรสหาย ดังนี้
๑. เผื่อแผ่แบ่งปัน ๒. พูดจามีน้ำใจ ๓. ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

๔. มีตนเสมอ ร่วมสุขร่วมทุกข์กัน ๕. ซื่อสัตย์จริงใจต่อกัน
มิตรสหายย่อมอนุเคราะห์ตอบ ดังนี้

๑. เมื่อเพื่อนประมาท ช่วยรักษาป้องกัน ๒. ในคราวมีภัย เป็นที่พึ่งได้

๓. ไม่ละทิ้งในยามทุกข์ยาก ๔. นับถือตลอดถึงวงศ์ญาติของมิตร
๕. เมื่อเพื่อนประมาท ช่วยรักษาทรัพย์สมบัติของเพื่อน



๕. ทิศเบื้องบน ไดแก สมณพราหมณ คอ พระสงฆ์ เพราะเปนผสงดวยคณธรรมและเป็นผนำทางจตใจ


ู้





ู้
คฤหัสถ์ย่อมบำรุงพระสงฆ์ ผู้เป็นทิศเบื้องบน ดังนี้
๑. จะทำสิ่งใด ก็ทำด้วยเมตตา ๒. จะพูดสิ่งใด ก็พูดด้วยเมตตา
๓. จะคิดสิ่งใด ก็คิดด้วยเมตตา ๔. ต้อนรับด้วยความเต็มใจ
๕. อุปถัมภ์ด้วยปัจจัย ๔
พระสงฆ์ย่อมอนุเคราะห์คฤหัสถ์ ดังนี้
๑. ห้ามปรามจากความชั่ว ๒. ให้ตั้งอยู่ในความดี
๓. อนุเคราะห์ด้วยความปรารถนาดี ๔. ให้ได้ฟังสิ่งทยังไม่เคยฟัง
ี่
๕. ทำสิ่งที่เคยฟังแล้วให้แจ่มแจ้ง ๖. บอกทางสวรรคทางชีวิตที่มีความสุขความเจริญให้


๒๑


๖. ทิศเบื้องล่าง ได้แก คนรับใช้และคนงาน เพราะเป็นผู้ชวยทำการงานต่างๆ เป็นฐานกำลังให้


นายพึงบำรุงคนรับใช้และคนงาน ดังนี้

๑. จัดการงานให้ทำตามความเหมาะสมกับกำลังความสามารถ

๒. ให้ค่าจ้างรางวัลสมควรแก่งานและความเป็นอยู่
๓. จัดสวัสดิการดี มีช่วยรักษาพยาบาลในยามเจ็บไข้ เป็นต้น

๔. ได้ของแปลกๆ พิเศษมา ก็แบ่งปันให้

๕. ให้มีวันหยุดและพักผ่อนหย่อนใจตามโอกาสอันควร
คนรับใช้และคนงานย่อมอนุเคราะห์นาย ดังนี้

๑. เริ่มการงานก่อนนาย ๒. เลิกงานหลังนาย
๓. ถือเอาแต่ของที่นายให้ ๔. ทำการงานให้เรียบร้อยและดียิ่งขึ้น

๕. นำเกียรติคุณของนายไปเผยแพร่





๗.๑ พุทธจรยธรรมระดับกลาง เพื่อให้บุคคลขัดเกลาตนเองให้มีคณธรรมสงขึ้น หลกธรรม คือ ศีล ๘
กุศลกรรมบถ ๑๐ มีรายละเอียดดังนี้
ศีล ๘ หรือ อัฎฐศีล การรักษาระเบียบทางกาย วาจา ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
๑. เว้นจากทำร้ายร่างกายผู้อื่นและสัตว์ทั้งหลาย

๒. เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้

๓. เว้นจากประพฤติผิดพรหมจรรย์ คือเว้นจากร่วมประเวณี
๔. เว้นจากพูดเท็จ

๕. เว้นจากของเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นทตั้งแห่งความประมาท
ี่
๖. เว้นจากบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือเที่ยงแล้วไป
๗. เว้นจากฟังฟ้อนรำ ขับร้อง ดนตรี ทัดทรงดอกไม้ ใส่ของหอม


๘. เว้นจากที่นอนอันสงใหญ่หรูหรา ฟุ่มเฟือย



กศลกรรมบถ ๑๐ ทางแห่งกุศล กรรมดอันเป็นทางนำไปสสคต จำแนกเปนการประพฤตผดทางกาย ๓




ู่
วาจา ๔ และ ทางใจ ๓ ดังนี้
กายกรรม การกระทำทางกาย มี ๓ ข้อ คือ
๑. เว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ล่วงไป ๒. เว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ - ขโมย
๓. เว้นจากการประพฤติผิดลูกเมียคนอื่น
วจีกรรม การกระทำทางกาย มี ๔ ข้อ คือ

๑. เว้นจากการพูดเท็จ ๒. เว้นจากการพูดส่อเสียด

๓. เว้นจากการพูดคำหยาบ ๔. เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ

๒๒


มโนกรรม การกระทำทางกาย มี ๓ ข้อ คือ

๑. ไม่โลภอยากได้ของเขา
๒. ไม่พยาบาทปองร้ายเขา

๓. ทำความเห็นให้ถูกต้องตามครรลองครองธรรม

๗.๓ พุทธจริยธรรมระดับสูง คือ จริยธรรม เพื่อพัฒนาคนเป็นอริยชน มี อริยมรรค ๘ ได้แก่
๑. สัมมาทิฐิ ความเห็นถูกต้องตามครรลองครองธรรม เช่น ความรู้เห็นอริยสัจ ๔


๒. สัมมาสังกัปปะ ความคิดถูกต้อง ไม่พยาบาท ไม่เบยดเบียน
๓. สัมมาวาจา เจรจาในสิ่งที่เป็นความจริง ประสานสามัคคีอ่อนหวาน มีประโยชน์

๔. สัมมากัมมันตะ การเว้นจากการกระทำไม่ดี เช่น การฆ่า การเบียดเบียน การลักทรัพย์


๕. สัมมาอาชีวะ การเว้นมิจฉาชีพทุกรูปแบบ ประกอบอาชีพสจริต
๖. สัมมาวายามะ ทำความเพียร เช่นเพียรระวังอกุศลทุกรูปแบบ เพียรให้กุศลเกิดขึ้น

๗. สัมมาสติ ความระลึกชอบ คือ ระลึกแล้วเกิดสติสมบูรณ์ กลายเป็นปัญญา
๘. สัมมาสมาธิ การตั้งจิตมั่นในอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่หวั่นไหว ไม่ฟุ้งซ่าน


๘. สรุปคุณธรรม จริยธรรม
คณธรรมจริยธรรม" (Moral Virtues) เป็นการประพฤตปฏิบัตทถูกตอง ดงามตามหลกคำสอนทาง



ี่





พระพุทธศาสนา หรือตามมาตรฐาน หรือวัฒนธรรม หรือประเพณ และเป็นที่ยอมรับของสังคม เปนการปฏบัตตอ







ตนเอง ตอผอื่น และตอสงคม ซึ่งมีองคประกอบคณธรรมจริยธรรม 3 สวนคอ 1.ปัญญา 2.จตใจ 3.พฤตกรรม
ู้








ี่


คอ หากปัญญาทำให้เกิดการรู้คณธรรม จริยธรรม ทำให้จตใจมีคณธรรม จริยธรรม ทำให้มีประพฤตทเหมาะสม



ถูกตอง ตามมาตรฐาน หลกการ ประเพณ วัฒนธรรม สงผลก่อให้เกิดความสงบสข ความเจริญรุ่งเรือง เป็น


ประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาต ิ

๒๓


บรรณานุกรม



ธงชัย สันติวงษ์. ทฤษฎีองค์การเเละการออกแบบ. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช, ๒๕๓๗.
ประยูร ธมฺมจิตโต. พุทธธรรม. กรุงมหานคร : มหาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย, ๒๕๔๖.

พยอม วงศ์สารศรี. การบริหารทรัพยากรมนุษย์. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์สุภา, ๒๕๔๕.

พระธรรมปิฎก (ป.อ. ยุตโต). กรณีธรรมกาย. กรุงเทพฯ : โอ. เอส.พริ้นติ้ง เฮ้าส, ๒๕๖๐.




พระมหาชานนท ชยมงคล. “การศกษาการพัฒนาคณธรรมจริยธรรมของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลวัดปรินายก
ี่




สงกัดสำนักงานเขตพื้นทการศกษาประถมศกษากรุงเทพมหานคร”. การศึกษาค้นควาอิสระศึกษา
ศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยเกริก, ๒๕๖๑.
ไพบูลย์ ช่างเรียน . วัฒนธรรมการบริหาร. กรุงเทพมหานคร : อักษรเจริญทัศน์, ๒๕๓๒,
ภาวิดา ธาราศรีสุทธิ . หลักและทฤษฎีการบริหารการศึกษา. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัย. รามคำแหง, ๒๕๔๒.

ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔. กรุงเทพมหานคร:นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั้ส, ๒๕๕๔.
วศิน อินทสระ. พุทธจริยศาสตร์. กรุงเทพมหานคร : ธรรมดา, สนพ., ๒๕๕๕.
ศุภกานต์ มินเหลา. “แนวทางการบริหารจัดการทมีประสทธิภาพขององคกรปกครองทองถิ่น : ศกษาเฉพาะกรณ ี
ี่









ตำบลสนกลาง อำเภอสนกำแพง จงหวัดเชยงใหม่”. สารนิพนธ์ศาสนศาสตรมหาบัญฑต. บัณฑิต

วิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๕๓.
สนธิ์ บางยี่ขัน. องค์การและการจัดการ. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยรามคำแหง, ๒๕๔๔.
สมพงศ์ เกษมสิน. การบริหาร. พิมพ์ครั้งที่ ๗. กรุงเทพมหานคร : ไทยวัฒนาพานิช, ๒๕๒๓.
สมยศ นาวีการ. การบริหาร. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ไทยวัฒนาการพิมพ์, ๒๕๔๔.
สมศักดิ์ คงเที่ยง, หลักและทฤษฎีการบริหารการศึกษา. กรุงเทพฯ : มิตรภาพ การพิมพ์และสติวดิโอ, ม.ป.ป..
ี่

สำราญ ศรีคำมูล. ความหมายของคุณธรรมจรยธรรม. [ออนไลน์]. แหลงทมา: http://dhamma.serichon.us/

๒๐๑๕/๐๗/๐๙/%E๐% [๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๔].
อนันต์ เกตุวงศ์. การบริหารการพัฒนา. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๒๓.
อินสอน บัวเชียว. สาระสำคัญการบริหารชุมชน. กรุงเทพมหานคร : พิราบสำนักพิมพ์, ๒๕๔๖.


Click to View FlipBook Version