กาพย์เห่เรือ
พระนิพนธข์ องเจ้าฟา้ ธรรมธิเบศร (เจา้ ฟา้ กงุ้ )
รายวิชา ภาษาไทย ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖
นางสาวภทั รวดี อุทธา
ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการ
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
โรงเรยี นเดชอุดม อาเภอเดชอุดม จงั หวดั อุบลราชธานี
บทนาเรอื่ ง
กาพย์เห่เรือเป็นพระนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร (เจ้าฟ้ากุ้ง) พระราชโอรส
องคใ์ หญ่ในสมเด็จพระเจา้ อย่หู ัวบรมโกศ และสมเดจ็ พระพนั วัสสาใหญ่ กลมหลวงอภัยนุชติ
แต่เดมิ ใชเ้ ป็นบทเห่เรอื เรือเลน่ ทรงพระนิพนธ์โดยมีจุดประสงค์ เพอื่ ใช้เปน็ บทเห่เรอื
พระที่นั่งของพระองค์เองในคราวตามเสด็จสมเด็จพระราชบิดาไปนมัสการและสมโภชพระ
พุทธบาท ตอ่ มาในสมัยรตั นโกสนิ ทร์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัว ทรงให้บทเหเ่ รอื
พระนิพนธ์ของเจ้าฟา้ ธรรมธเิ บศรในการเห่เรอื หลวง
กาพย์เห่เรือแต่งเป็นกาพย์ห่อโคลง คือ แต่งด้วยโคลงส่ีสุภาพ ๑ บท และตามด้วยกาพย์
ยานี ๑๑ ขยายความไม่จากัดจานวนบท เนื้อความในกาพย์ยานี ๑๑ บทแรก และโคลงส่ีสุภาพ
มคี วามสอดคล้องกนั โดยเลียนถอ้ ยคาจากโคลงสส่ี ุภาพเปน็ หลกั
๏โคลง
ปางเสดจ็ ประเวศด้าว ชลาลัย
ทรงรัตนพมิ านไชย ก่ิงแกว้
พร่ังพรอ้ มพวกพลไกร แหนแห่
เรือกระบวนตน้ แพร้ว เพริศพริ้งพายทอง
๏กาพย์
พระเสดจ็ โดยแดนชล ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย
กิ่งแก้วแพร้วพรรณราย พายออ่ นหยบั จบั งามงอน
ประเพณกี ารเหเ่ รอื
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดารงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า กาพย์เห่เรือ ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมอนิ เดีย
ซึง่ มีการขับบชู าพระรามขณะเดนิ ทางตามลานา ส่วนไทยนามาใช้เพ่อื ให้เกดิ ความผอ่ นคลายในเวลาพายเรอื และเพ่ือใหจ้ ังหวะฝีพาย
ประเพณีการเห่เรือ ถือเป็นพระราชพิธีสาคัญพิธีหน่ึง ซ่ึงเป็นสมบัติ ทางวัฒนธรรมของไทยมาแต่โบราณ
ปัจจบุ นั หนว่ ยงานที่รบั ผิดชอบในการจัดกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค คือ กองทพั เรือ
ประเพณีการเหเ่ รอื ของไทย แบง่ เปน็ ๒ ประเภท คอื เห่เรอื หลวงกับเห่เรอื เลน่
- เห่เรอื หลวง ใชใ้ นพระราชพิธที างชลมารคในเวลาพระมหากษัตรยิ เ์ สดจ็ พระราชดาเนนิ ทางเรอื เช่น ถวายผ้าพระกฐนิ
การเห่เรอื หลวง มี ๓ แบบ คือ
๑. ชา้ ละวะเห่ เป็นการเหท่ านองช้า ใหเ้ หเ่ มอ่ื เรือเรมิ่ ออกจากทา่ และเมือ่ พายเรือตามกระแสนา
๒. มูลเห่ เปน็ การเห่ทานองเรว็ ใชเ้ หพ่ ายเรอื ทวนกระแสนาหลงั จากใชท้ านองช้าละวะเหไ่ ป ๒ - ๓ บท
๓. สวะเห่ ใชเ้ หเ่ มื่อเรอื จะเทียบทา่
- เห่เรือเล่น ใช้เพื่อความรื่นเริงและให้ฝีพายได้พายไปพร้อม ๆ กัน ในเวลาเล่นเรือ จะมีกระบวนการพายเรือเป็น ๒
จังหวะ คอื จงั หวะจาอย่างหนงึ่ กับจังหวะปกติอยา่ งหนึ่ง
ประวัตผิ แู้ ตง่
เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ หรือที่รู้จักกันว่า เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร หรือ
เจ้าฟ้ากุ้ง ประสูติเม่ือ พ.ศ. ๒๒๔๘ เป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
บรมโกศ และสมเด็จพระพันวัสสาใหญ่ กลมหลวงอภัยนุชิต พระองค์ได้รับการสถาปนา
เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ทรงมีพระปรีชาสามารถหลายด้าน โดยเฉพาะ
ด้านวรรณกรรม ดา้ นวรรณกรรมนนั ทรงพระนิพนธว์ รรณกรรมพทุ ธศาสนาไว้หลายเรื่อง เช่น
กาพย์เห่เรือ นันโทปนันทสูตรคาหลวง พระมาลัยคาหลวง ส่วนวรรณคดีทางโลก เช่น
กาพย์เห่เรือ บทเห่เรอ่ื งกากี กาพยห์ ่อโคลงนิราศธารโศก กาพยห์ ่อโคลงนริ าศธารทองแดง
เนอ้ื เรอื่ งยอ่ กาพยเ์ ห่เรอื
เนือเรื่องของกาพย์เห่เรือนี ผูกเร่ืองให้สัมพันธ์กันภายในเวลา ๑ วัน คือ ตอนเช้าชมเรือ ตอนสาย
ชมปลา ตอนบ่ายชมไม้ ตอนเยน็ ชมนก และตอนคา่ เห่ครวญถึงนางอนั เป็นทรี่ ัก
เนือเรื่องทังหมดแบ่งออกเป็น ๒ ตอน คือ ตอนแรกเป็นบทเห่ชมกระบวนเรือต่าง ๆ เช่น
เรือสุวรรณหงส์ เรือครุฑยุดนาค เรือสมรรถชัย และเรือท่ีเป็นรูปหัวสัตว์ต่าง ๆ เช่น เรือสิงห์ เรือม้า ซ่ึงเป็นสัตว์
ท่ีมีพละกาลังและอานาจ ท่วงท่าสง่างาม เพ่ือแสดงถึงพระราชอานาจของพระราชา ต่อจากนันชมปลา ชมไม้
ชมนก และเหค่ รวญถงึ นางทานองนริ าศท่ีใหอ้ ารมณส์ ะเทอื นใจ
ตอนท่ี ๒ เป็นบทเห่เร่ืองกากี กล่าวถึง พญาครุฑท่ีลักพานางกากีไปจากวิมานฉิมพลี ต่อจากนัน
เปน็ บทเหส่ ังวาส และเป็นบทเหค่ รวญอาลยั อาวรณถ์ งึ นางอันเป็นท่ีรัก และแสดงความรกั ทม่ี ีต่อนาง
เนอื้ เรือ่ งย่อเฉพาะ ตอนที่ ๑
กล่าวถึงกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค โดยมีเรือพระที่นั่งและเรือต่าง ๆ ท่ีมีโขนเรือเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ
เป็นเห่ชมกระบวนเรือโดยมีเรือครุฑยุดนาค เรือไกรสรมุข เรือสมรรถชัย เรือสุวรรณหงส์ เรือชัย เรือคชสีห์ เรือม้า
เรือสิงห์ เรือนาคา เรือมังกร เรือเลียงผา เรืออินทรี เรือที่สวยงาม ได้แก่ เรือสุวรรณหงส์ เรือที่มีเรื่องราวในวรรณคดี
เขา้ มาเกยี่ วขอ้ ง คือ เรือครฑุ ยุดนาค
ตอนสายชมปลา มีปลานวลจันทร์ ปลาคางเบือน ปลาตะเพียนทอง ปลากระแห ปลาแก้มชา ปลาทุก
ปลานาเงิน ปลากราย ปลาหางไก่ ปลาสร้อย ปลาเนืออ่อน ปลาเสือ ปลาแมลงภู่ ปลาหวีเกศ ปลาชะแวง ปลาชะวาด
ปลาแปบ
ตอนบา่ ยชมไม้ ตามชายฝงั่ มี ดอกนางแย้ม จาปา ประยงค์ พดุ จบี พิกุล สุกรม สายหยุด พุทธชาด บนุ นาค เตง็
แตว้ แก้ว กาหลง มะลวิ ลั ย์ ลาดวน
ตอนเย็น มีการชมนก ไดแ้ ก่ นกยูง สรอ้ ยทอง สาลิกา นางนวล นกแกว้ ไก่ฟา้ แขกเตา้ ดุเหว่า โนรี และสตั วา
จบด้วยการคร่าครวญถึงหญิงที่ตนรักในยามค่าคืน ในตอนนีมีลักษณะความงามของกุลสตรีไทยสมัยก่อนด้วย
ว่า สตรไี ทยต้องงามทรง (รูป) งามมารยาท งามอัธยาศยั (ยิมแย้มแจ่มใส) และงามคาพูด
บทอาขยานบทหลัก ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖
กาพย์เห่เรือ ตอน เหช่ มเรอื กระบวน
โคลงสีส่ ุภาพ
ปางเสด็จประเวศดา้ ว ชลาลัย
ทรงรัตนพิมานชยั กิง่ แกว้
พร่งั พรอ้ มพวกพลไกร แหนแห่
เรอื กระบวนตน้ แพรว้ เพริศพรง้ิ พรายทอง
กาพย์ยานี ๑๑
พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามเฉดิ ฉาย
กิง่ เเก้วแพรว้ พรรณราย พายออ่ นหยบั จับงามงอน
ล้วนรูปสตั ว์แสนยากร
นาวาแน่นเปน็ ขนดั สาครลั่นครัน่ ครื้นฟอง
เรือร้ิวทวิ ธงสลอน ล่วิ ลอยมาพาผันผยอง
ร้องโหเ่ ห่โอเ้ ห่มา
เรือครฑุ ยุดนาคหว้ิ เพียงพิมานผ่านเมฆา
พลพายกรายพายทอง หลังคาแดงแย่งมังกร
แสงแวววับจับสาคร
สรมขุ มุขส่ีด้าน ดั่งรอ่ นฟา้ มาแดนดนิ
ม่านกรองทองรจนา งามชดชอ้ ยลอยหลังสนิ ธ์ุ
ลนิ ลาศเลื่อนเตือนตาชม
สมรรถชยั ไกรกาบแก้ว รวดเรว็ จริงย่ิงอยา่ งลม
เรียบเรยี งเคยี งคู่จร หม่ ท้ายเยน่ิ เดินคกู่ ัน
สุวรรณหงสท์ รงพหู่ ้อย เจ้าฟา้ ธรรมธิเบศรไชยเชษฐ์สุรยิ วงศ์ (เจา้ ฟ้าก้งุ )
เพยี งหงสท์ รงพรหมินทร์
เรอื ชัยไววอ่ งวง่ิ
เสยี งเส้าเรา้ ระดม
ปจุ ฉา กาพย์เห่เรอื มีคุณคา่ อยา่ งไร
วสิ ัชนา ทาใหไ้ ด้ร้จู กั ประเพณีการเห่เรอื , การคมนาคมในอดตี
และเขา้ ใจสัจธรรมของชีวิต เรือ่ งการพลดั พรากจากสิง่ ทร่ี กั
ใหน้ กั เรยี นคน้ หาความหมายของคาศัพทต์ อ่ ไปนี้จากศัพทานุกรม
๑. เรือตน้ - เรือของพระเจ้าแผ่นดิน
๒. ก่งิ - ช่ือเรือชนิดหน่งึ ในกระบวนพยุหยาตรา
๓. คชสีห์ - สัตวใ์ นนิยายมีรูปเหมือนราชสีห์ แต่มีงวงเหมอื นชา้ ง
๔. ครุฑยุดนาค - ครุฑ ช่ือพญานกในเทพนิยาย เป็นพาหนะของพระนารายณ์ เหตุที่
ครุฑยุดนาคมีเรื่องเล่าในวรรณคดีอินเดียว่า ครุฑกับนาคเป็นลูกพระกัศยป (กัศยป,
(กัดสะหฺยบ) ซึ่งมีบิดาเดียวกนั แต่ต่างมารดา มารดาของครุฑถูกมารดาของนาคแกล้งจน
ต้องตกเป็นทาส ครุฑจึงผูกใจเจ็บ ภายหลังครุฑได้พรจากพระนารายณ์ให้จับนาคกินได้
เร่ืองครุฑยุดนาคจงึ ปรากฏในศลิ ปะและวรรณคดซี ึง่ ตกทอดมาถึงไทยดว้ ย
๕. นาวา - เรอื
๖. อ่อนหยบั - หยับ หมายถงึ อาการขึนลงเนบิ ๆ “พายอ่อนหยบั จบั งามงอน” หมายถึง อาการท่ี
หวั เรือโตค้ ลนื่ ขนึ ลงเนบิ ๆ ดสู วยงาม
๗. แย่งมังกร - แยง่ คือ ลายก้านแยง่ เป็นลายชนดิ หน่งึ มีรปู โครงเปน็ ตาขา่ ย มลี ายดอกและก้าน
เฉียงทแยงกัน
๘. ลนิ ลาศ - “ลีลาศ” เดนิ อย่างสงา่ งาม
๙. เส้า - ไมก้ ระทุง้ ใหจ้ งั หวะในเวลาพายเรือ
๑๐. ราชสีห์ - สตั ว์ในนิยาย ดุร้าย และมีกาลงั มาก เรียกว่า สิงห์
ปุจฉา นกั เรียนอ่านกาพย์เหเ่ รอื ตอนเหช่ มเรือกระบวนแลว้
เกดิ จนิ ตภาพอย่างไร
วิสชั นา
เหน็ ความยิ่งใหญ่ สง่างามนา่ เกรงขามของเรอื พระทน่ี ่งั
เห็นจนิ ตภาพดา้ นความเคล่ือนไหว คือ เห็นความวอ่ งไว
จากบทประพนั ธ์ “เรือชัยไวว่องวิง่ รวดเร็วจรงิ ยง่ิ อย่างลม”
การอ่านกาพย์เหเ่ รอื โคลงสีส่ ุภาพ กาพยย์ านี ทานอง
ช้าละวะเหแ่ ละมลู เห่
การเหเ่ รอื หลวง
บทวิเคราะห์
๑. คณุ คา่ ดา้ นเนือ้ หา
๒. คุณค่าด้านวรรณศิลป์
๓. คณุ ค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม