คำนำ
ปัจจุบันอุบัติเหตุที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนนในชุมชนนั้น สาเหตุประการสำคัญที่ทำให้
เกิดอุบัติเหตุกค็ ือ การขาดความรู้ในเรื่องของการจราจร และการปฏิบัติตัวตามกฎหมายการจราจร ขาดความ
เข้าใจทักษะในการขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ นำมาซึ่งความสูญเสียชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินเป็น
จำนวนมากในปีหนึ่ง ๆ โดยเฉพาะการสูญเสียชีวิตซึ่งถือว่าเป็นการสูญเสียที่ประมาณค่าเป็นเงิน ทองมิได้
จากปัญหาดงั กลา่ วจะเห็นว่าการแกป้ ัญหาอบุ ัตเิ หตุจราจรมีความจำเปน็ อยา่ งยิ่งที่ต้องแก้ไขและป้องกันปัญหา
อยา่ งแทจ้ ริง
กศน.ตำบลควร สังกัด ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอปง
จังหวัดพะเยา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว และเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของสำนักงาน กศน.
ในการจัดการศึกษาเพื่อเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตให้กับทุกกลุ่มเป้าหมาย จึงได้จัดทำโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย
สร้างวินัยจราจร” ขึ้น เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในวินัยจราจร และมีจิตสำนึก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การใชร้ ถใชถ้ นน ลดอบุ ตั เิ หตุจากการขบั ข่ียานพาหนะ และดำรงอยใู่ นสงั คมอยา่ งมีความสขุ
กศน.ตำบลควร
มีนาคม 2564
สรปุ ผลการจัดกิจกรรมโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย สร้างวนิ ัยจราจร”
สารบัญ
คำนำ หนา้
สารบัญ ก
บทที่ 1 บทนำ ข
บทที่ 2 เอกสารทเ่ี กีย่ วข้อง 1
บทท่ี 3 วธิ ีดำเนนิ การ 2
บทท่ี 4 ผลทีเ่ กดิ ขึ้น 36
บทท่ี 5 สรปุ อภิปรายและข้อเสนอแนะ 37
ภาคผนวก 42
44
สรปุ ผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขับข่ปี ลอดภยั สรา้ งวินยั จราจร”
บทที่ 1
บทนำ
1.1 ความเปน็ มาและความสำคัญ
ปัจจุบันอุบัติเหตุที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนนในชุมชนนั้น สาเหตุประการสำคัญที่ทำให้เกิด
อุบัติเหตุก็คือ การขาดความรู้ในเรื่องของการจราจร และการปฏิบัติตัวตามกฎหมายการจราจร ขาดความ
เข้าใจทักษะในการขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ นำมาซึ่งความสูญเสียชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินเป็น
จำนวนมากในปีหนึ่ง ๆ โดยเฉพาะการสูญเสียชีวิตซึง่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่ประมาณค่าเป็นเงินทองมิได้ จาก
ปัญหาดังกล่าวจะเห็นว่าการแก้ปัญหาอุบัติเหตุจราจรมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแก้ไขและป้องกันปัญหา
อย่างแทจ้ รงิ
กศน.ตำบลควร สังกัด ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอปง จังหวัด
พะเยา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว และเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของสำนักงาน กศน. ในการจัด
การศึกษาเพื่อเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตให้กับทุกกลุ่มเป้าหมาย จึงได้จัดทำโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย สร้างวินัย
จราจร” ขึ้น เพื่อให้มีความรูค้ วามเข้าใจในวินัยจราจร และมีจิตสำนึก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนน
ลดอบุ ตั ิเหตจุ ากการขบั ขีย่ านพาหนะ และดำรงอยใู่ นสังคมอย่างมีความสุข
1.2 วัตถปุ ระสงค์
1. เพือ่ ลดอุบัติเหตใุ นการขับข่ียานพาหนะ
2. เพ่อื สรา้ งเสริมวนิ ยั จราจรให้กบั ผใู้ ชร้ ถใช้ถนนในพน้ื ท่ี
3. เพอ่ื สรา้ งจติ สำนึกและปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรมของผใู้ ชร้ ถใช้ถนนในพื้นท่ีได้ปฏิบัติตามกฎหมาย
จราจรโดยเครง่ ครดั
1.3 ขอบเขตของโครงการ
เชิงปริมาณ ประชาชนในพืน้ ทตี่ ำบลควร จำนวน 22 คน
เชงิ คุณภาพ ประชาชนในพื้นทต่ี ำบลควร มีความรู้ความเข้าใจในวนิ ัยจราจรและมีจิตสำนกึ ปรับเปลีย่ น
พฤติกรรมการใชร้ ถใชถ้ นน ลดอุบตั ิเหตจุ ากการขบั ข่ยี านพาหนะ และดำรงอยใู่ นสังคมอย่างมีความสุข
1.4 นยิ ามศัพท์เฉพาะ
กศน. หมายถึง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย
สรปุ ผลการจัดกิจกรรมโครงการ “ขับขป่ี ลอดภัย สรา้ งวินัยจราจร” 1
บทที่ 2
เอกสารทีเ่ ก่ียวขอ้ ง
ความหมายของกฎจราจร
กฎจราจร คอื สว่ นหนงึ่ ของกฎหมายจราจร ซึง่ เปน็ กฎหมายหลักในการบงั คับควบคุมการจราจรให้เป็นไปด้วย
ความเรียบร้อยและมีความเป็นระเบียบกฎหมายจราจรที่ใช้เป็นหลักในประเทศ ก็ คือ พระราชบัญญัติจราจร
ทางบก พ.ศ.2522 แก้ไขเพม่ิ เติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2535 องคป์ ระกอบของกฎหมายจราจร มี 6 อย่างดังน้ี
1. ตัวบทกฎหมาย ซึ่งจะกำหนด สิทธิ และ หน้าที่ของผู้ใช้รถและใช้ถนนผู้ที่ต้องปฏิบัติตาม
กฎหมาย
2. ผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย ได้แก่ คนขับรถทุกชนิด(รวมถึงคนนั่งหรือซ้อนรถด้วย) คนที่ต้องใช้
ถนน (เดนิ เท้าข้ามถนน จูง ขี่ หรอื ไล่ต้อนสัตว์)
3. ผู้บังคับให้เป็นไปตามกฎหมาย ได้แก่ เจ้าพนักงานจราจร พนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงาน
สอบสวน ฯลฯ
4. เคร่อื งมอื ในการใช้บงั คับ ไดแ้ ก่ เครือ่ งหมายจราจร และสญั ญาณจราจร ฯลฯ
5. เครื่องมือในการจับกุม ได้แก่ เครื่องจับความเร็ว เครื่องตรวจแอลกอฮอลเ์ ครือ่ งตรวจวัดควัน
เครอื่ งตรวจวัดเสยี ง เครื่องตรวจวัดฟลิ ม์ กรองแสง ฯลฯ
6. วิธีการบังคับหรือการลงโทษ ได้แก่ การว่ากล่าวตักเตือน การเปรียบเทียบปรับ การลงโทษ
จำคุก การพักใช้ใบอนุญาตขับรถ การเพิกถอนใบอนุญาตขบั รถ
ประโยชน์ของการปฏิบตั ิตามกฎหมายจราจร
กฎจราจรมคี วามสำคญั อยา่ งมากสำหรับผ้ใู ชร้ ถใชถ้ นนและแม้กระทั่งคนเดินเทา้ กต็ ้องปฏิบัติตาม
กฎจราจรเชน่ เดยี วกัน กฎจราจรของคนเดินเทา้ ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เชน่ การเดมิ ขา้ มถนนจะต้องเดินข้าม
ตรงทางม้าลายหรือสะพานลอยเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้คนเท้าเองและผู้ขับขี่รถยนต์ เพราะ
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับคนเดินเท้า คือการข้ามถนนไม่ตรงจุดที่กำหนดให้คือทางม้าลายหรือสะพานลอยนั้นเอง
ครง้ั นจ้ี ะเลา่ ถึงประโยชนจ์ ากการปฏบิ ตั ิตามกฎจราจร ดังน้ี
1. ทำให้การจราจรบนทอ้ งถนนไมต่ ิดขดั เม่อื ทกุ คนปฏบิ ัตติ ามกฎจราจรอยา่ งเคร่งครดั ในการขับ
ขี่ยานพาหนะแต่ละคนก็ขับขี่ไปตามเส้นทางของตน ตามกันข้าม ถ้ามีบางคนไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรก็อาจจะ
ทำใหเ้ กิดปญั หาการจราจรติดขดั ขึ้นไดร้ ถยนต์
2. การปฏบิ ัตติ ามกฎจราจรจะเป็นการปัองกันอุบัติเหตุที่จะน่ามาซงึ่ ความสญู เสียชีวิตทั้งร่างกาย
และทรัพย์สินของประชาชนและประเทศชาติในปัจจุบันนี้ยังมีผู้ฝ่าฝืนกฎหมายจราจรอยู่เสมอ จะเห็นได้จาก
ข่าวอุบัติเหตุตามท้องถนนสายต่างๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด นักเรียนเป็นผู้หนึ่งจะมีส่วนช่วย
รณรงคใ์ ห้มกี ารปฏิบตั ิตามกฎหมายจราจร
สรุปผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขบั ขปี่ ลอดภยั สร้างวินยั จราจร” 2
หลกั การเบอ้ื งตน้ ของกฎหมายเกยี่ วกับการจราจร
ลักษณะสำคัญประการหนึ่งของกฎหมายก็คือกฎหมายต้องเป็นคำสั่ง หรือข้อบังคับที่ใช้ได้เสมอ
ไป (Continuity) หมายความว่ากฎหมายเมื่อประกาศมีผลบังคับใช้แล้วก็ใช้ได้ตลอดไปจนกว่าจะถูกแก้ไข
เปลี่ยนแปลงหรอื ยกเลิก โดยกระบวนการท่ีถกู ตอ้ งตามข้นั ตอนในภายหลงั เพราะตราบใดทีย่ งั ไมม่ ีการยกเลิก
ก็ต้องถอื วา่ กฎหมายนั้นยงั มอี ยู่ จะหยบิ ยกขึ้นมาใชเ้ มื่อใดก็ยงั คงมีผลบงั คับใช้ไดด้ ังสุภาษิตกฎหมายท่ีกล่าวว่า
“กฎหมายนอนหลับบางคราวแต่ไม่เคยตาย” (The Laws Sometime Sleep, Never die)การบังคับใช้
กฎหมายเกี่ยวกับการจราจรจะมีการปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการจราจรอยู่
ตลอดเวลาจึงจำเปน็ ต้องเรียนรู้อยา่ งตอ่ เน่อื ง
การกระทำความผิดกฎหมายเกี่ยวกับการจราจรเป็นการกระทำผิดที่มีโทษทางอาญา
ประเภท Mala Prohibita ซึ่งหมายถึงการกระทำผิดที่กฎหมายได้บัญญัติไว้ว่าเป็นความผิดกล่าวคือการ
กระทำนัน้ ๆ ไมไ่ ด้เปน็ ความชวั่ หรืออาชญากรรมดว้ ยตัวของมันเองแต่อย่างใด เช่น การทผ่ี ้ขู ับขี่รถยนต์จะเล้ียว
ซ้าย หรือเลี้ยวขวาก็ย่อมสามารถกระทำได้โดยอิสระหากขับขี่ในบ้านของตนเอง แต่หากขับขี่ไปบนท้องถนน
แลว้ ฝา่ ฝนื เครือ่ งหมายจราจรบังคับหา้ มเลี้ยวซ้ายเข้าก็จะเปน็ ความผดิ ทันทีท้ังๆ ทกี่ ารเล้ยี วซา้ ยหรือเลี้ยวขวาก็
ไมไ่ ด้เปน็ การช่ัวหรอื เปน็ อาชญากรรมแตอ่ ยา่ งใด
อย่างไรก็ตามเมื่อกฎหมายบัญญัติความผิดเกี่ยวกับการจราจรขึ้นมาแล้วผู้บังคับใช้กฎหมายก็
จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรมต่อทุกคนดังนั้นผู้บังคับใช้กฎหมายทุกฝ่ายจะต้องมี
ความรู้ ความเข้าใจในกฎหมายทีเ่ ก่ียวกบั การจราจรเป็นอย่างดี เนื้อหาในบทนี้จึงมุ่งที่จะให้ความรู้ความเข้าใจ
ในหลักการเบื้องต้นของกฎหมายเกี่ยวกับการจราจรที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรควรทราบเป็นพื้นฐานเบื้องต้น
และนำไปใช้ปฏิบัติงานด้านการบังคับใช้กฎหมายในหนา้ ที่ของตนได้ดังมีหัวข้อสำคญั ทีค่ วรศึกษาและทำความ
เข้าใจดังตอ่ ไปนี้
ข้อ 1. ปัญหาการจราจร - ท่มี าของปญั หาได้จากปจั จัยสำคญั 4 ประการ คือ
1.1 ถนน และผังเมือง
1.2 ปริมาณรถ และทิศทางการเดินรถ
1.3 พฤติกรรมการขับขี่
1.4 การบริหารงานจราจร
- ถนนตามหลักวศิ วกรรมจราจร แบง่ เป็น 4 ประเภท
1. ทางดว่ น (Expressway)
2. ถนนสายหลัก (Arterial Street)
3. ถนนสายรอง (Collector Road)
4. ถนนสายย่อย (Local Road)
- ลกั ษณะของถนน แบง่ เป็นตามลำดับชนั้ ของถนน ได้แก่ ถนนสายหลัก, ถนนสายรอง, ถนนสาย
ย่อย
- การบริหารงานจราจร ประกอบดว้ ยปัจจัย 3 E คือ
สรปุ ผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขับขป่ี ลอดภยั สรา้ งวินยั จราจร” 3
1. E – Education การใหก้ ารศึกษา
2. E – Enforcement การบงั คับใชก้ ฎหมาย
3. E – Engineering การดำเนินการทางวิศวกรรม
- วศิ วกรรมจราจร คอื วศิ วกรรมแขนงหน่ึง ซง่ึ เกย่ี วขอ้ งกับการวางแผน การออกแบบการควบคุม
ระบบการจราจรของถนนทางหลวงตลอดจนการใช้บริเวณที่ดินใกลเ้ คียงและศึกษาความสัมพันธ์กับระบบการ
ขนส่งชนิดอื่น หรือหมายถึง การนำเอาหลักการ เครื่องมือ วิธีการ เทคนิค ตลอดจนการค้นคว้าทาง
วิทยาศาสตรม์ าประยกุ ต์เพื่อให้ได้มาซ่ึงความสะดวก รวดเรว็ ปลอดภยั และประหยัดในการเคล่ือนย้ายขนถ่าย
ผโู้ ดยสาร และสิ่งของ
องคป์ ระกอบของการจราจร มีอยู่ 3 ประการ
1. คนขับรถและคนเดินถนน
2. รถ และ ระบบการขนสง่ ทางบก
3. ถนนและสญั ญาณไฟจราจร
- สัญญาณไฟจราจร (Traffic – Signalization) ใชใ้ นการควบคุมการจราจร แบ่งเป็น 4 ประเภท
1. ชนิดตงั้ เวลาลว่ งหน้า (Pre-Timed)
2. ชนดิ กึง่ อตั โนมตั ิ (Semi-Actuated)
3. ชนดิ อัตโนมตั ิ (Fully- Actuated)
4. ชนดิ วดั ปรมิ าณความหนาแน่นของรถ (Volume - Density)
ขอ้ 2. ระบบควบคุมสงั่ การจราจร
คือ ระบบท่ใี ช้เทคโนโลยีในการควบคมุ การจราจร หรอื สงั่ การไปยัง
เจา้ หนา้ ทีบ่ นท้องถนนในการประสานการทำงาน, จดั การจราจร เพื่อให้เกิดการควบคมุ สภาพการจราจร และ
มีการวางแผนการจราจรอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ แบ่งออกเปน็
2.1 ระบบควบคุมและสง่ั การ (Command Control System)
- ระบบ CCTV ควบคมุ สภาพการจราจรบนทอ้ งถนน (กลอ้ งวงจรปดิ )
– ควบคุมโดยศูนยค์ วบคุมและสง่ั การจราจร
- ระบบ ATC ควบคุมสญั ญาณไฟจราจรตามทางแยก
- ระบบ อา่ นปา้ ยทะเบียนรถอตั โนมตั ิ
- ระบบ ถา่ ยภาพผฝู้ า่ ฝืนสัญญาณไฟ
2.2 ระบบการสัง่ การ (Command system)
- สร้างข่ายวิทยุสื่อสารของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน ให้สามารถ
ทำงานประสานกันได้ และสามารถควบคุมรถยนต์ทกุ ชนดิ ไวใ้ นระบบเดยี วกัน
2.3 ระบบสารสนเทศ (Information System)
- ระบบแผนทกี่ ราฟฟิก (Graffic Mapping)
- ระบบสถิตสิ ถานภาพข้อมูลจราจร
สรปุ ผลการจัดกิจกรรมโครงการ “ขับข่ปี ลอดภัย สรา้ งวินัยจราจร” 4
- ระบบจำลองสถานการณ์จราจร
2.4 ระบบประชาสัมพนั ธ์ (Public Realation System)
- ระบบแผน่ ปา้ ยสลบั ขอ้ ความ (Variable Message Signboard)
- ระบบรายงานขา่ วทางวิทยุกระจายเสยี ง
ข้อ 3. คำจำกัดความในกฎหมายเกี่ยวกับการจราจร การจราจรเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องของรถ คน
ถนน และมีกฎหมายหลายฉบับซ่ึงให้ความหมายหรือคำจำกัดความไว้ต่างกนั จึงจำเป็นต้องศึกษาและทำความ
เขา้ ใจให้ชัดเจนในเรื่องดังต่อไปนี้
1.1 เรื่องของ “รถ” กับกฎหมายจราจร ใหค้ วามหมายไวด้ งั นี้
ก. ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 “รถ” หมายความว่า ยานพาหนะทางบก
ทุกชนิดเว้นแต่รถไฟ และรถราง (ชนิดของรถ ยังแยกออกเป็นชนิดต่าง ๆ อีก เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์
รถจักรยาน รถฉุกเฉิน รถบรรทุก รถบรรทุกคนโดยสาร รถโรงเรียน รถโดยสารประจำทาง รถแท็กซ่ี รถลาก
จูง รถพ่วง ซ่ึงมีหมายความหรือคำจำกดั ความต่างกนั ไป
ข. ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 “รถ” หมายความว่า รถยนต์รถจักรยานยนต์
รถพ่วง รถบดถนน รถแทรกเตอร์ และรถอื่นตามทกี่ ำหนดในกฎกระทรวง (รถยนต์ รถยนต์สาธารณะ รถยนต์-
บริการ รถยนต์ส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ รถพ่วง รถบดถนน รถแทรกเตอร์ ก็มีคำจำกัดความต่างกัน
ออกไปอีก)
ค. ตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 “รถ” หมายความว่า ยานพาหนะ
ทุกชนิดที่ใช้ในการขนส่งทางบก ซึ่งเดินด้วยกำลังเครื่องยนต์ กำลังไฟฟ้า หรือพลังงานอื่น และหมายความ
รวมตลอดถึงรถพว่ งของรถน้ันดว้ ย ทัง้ นี้เว้นแตร่ ถไฟ
ขอ้ สังเกต คำวา่ “รถ” ตามหมายความของกฎหมายแต่ละฉบับนนั้ มีความหมายไม่
เหมอื นกัน
1.2 เรื่องของ “คน” กับกฎหมายจราจร ให้ความหมายไว้ดงั น้ี
ก. ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 “ผู้ขับขี่” หมายความว่า ผู้ขับรถ
ผู้ประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่ง ผู้ลากเข็น
ยานพาหนะ “คนเดินเท้า” หมายความว่า คนเดินและให้รวมตลอดถึงผู้ใช้เก้าอี้ล้อสำหรับคนพิการหรือรถ
สำหรับเด็กด้วย“เจ้าของรถ”หมายความรวมถึงผู้มีรถไว้ในครอบครองด้วย “ผู้เก็บค่าโดยสาร” หมายความวา่
ผ้ซู ึง่ รับผิดชอบในการเก็บคา่ โดยสารและดแู ลคนโดยสารทอ่ี ยู่ประจำรถบรรทุกคนโดยสาร
1.3 เรื่องของ “ทาง” กับกฎหมายจราจร มีกำหนดให้ความหมายไว้ตาม พ.ร.บ.จราจร
ทางบก พ.ศ. 2522 กำหนดให้ความหมายดังนี้ “ทาง"” หมายความว่าทางเดินรถ ช่องเดินรถ ช่องเดินรถ
ประจำทาง ไหลท่ าง ทางเท้า ทางขา้ ม ทางรว่ มทางแยก ทางลาด ทางโคง้ สะพาน และ ลานทปี่ ระชาชนใช้
ในการจราจร และให้หมายความรวมถึงทางส่วนบุคคลที่เจ้าของยินยอมให้ประชาชนใช้ในการจราจร หรือท่ี
เจา้ พนกั งานจราจรได้ประกาศใหเ้ ปน็ ทางตามพระราชบญั ญตั ินดี้ ว้ ย แตไ่ มร่ วมถงึ ทางรถไฟ
สรปุ ผลการจัดกจิ กรรมโครงการ “ขับข่ีปลอดภยั สรา้ งวินยั จราจร” 5
“ทาง” ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะสถานที่เกิดเหตุในคดีจราจรจะต้อง
เกิดขึ้นในทางเสียก่อนเมื่อคดีเกิดขึ้นในทางแล้ว จึงนำเอาตัวบทกฎหมายตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ฯ เข้าไป
พิจารณามคี วามเหน็ ทางคดไี ด้
แตถ่ ้าเมอ่ื ใดสถานที่เกิดเหตุไม่ใช่ทาง ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ฯ น้ีแล้ว พนักงาน
สอบสวนก็ไม่สามารถจะนำเอาตัวบทกฎหมายตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ฯ นี้เข้าปรับพิจารณามีความเห็นทาง
คดีได้ เมื่อพิจารณาตามคำจำกัดความของคำว่า “ทาง” ตามมาตรา 4 (2) แล้ว สามารถแยกอธิบายได้เป็น 2
ประการ คอื
1) “ทาง” ตามความหมายที่ 1 หมายถึง ถนนหนทางต่างๆตรอก ซอย โดยสภาพ
มองเห็นชัดเจน และอยู่ในความดูแลของทางราชการ หรือของแผ่นดิน ในการพิจารณาใช้เป็นสถานที่เกิด
เหตุของพนักงานสอบสวนในทางปฏิบัตินั้นไม่มีปัญหาสามารถพิจารณาดูได้ เช่น ถนนพหลโยธิน ถนน
นารายณ์มหาราช ซอยต่าง ๆ ที่แยกออกจากถนนต่าง ๆ ดังกล่าว และตามถนนดังกล่าวก็จะมีเครื่องหมาย
การจราจรกำหนดไว้
“ลาน” ที่ประชาชนใชใ้ นการจราจร ซ่งึ ลานดังกลา่ วนอ้ี ยใู่ นความรบั ผิดชอบของทาง
ราชการโดยสภาพที่มองเหน็ ลานไม่ใชถ่ นนแต่เปน็ ลานท่ีประชาชนใช้ในการจราจร เช่น ในกรงุ เทพมหานคร
คอื ลานพระบรมรปู ทรงม้า เปน็ ต้น
2) ทาง ตามความหมายที่ 2 หมายถึงทาง ส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นของบุคคล
ธรรมดา หรือนิติบุคคล ก็ได้ แต่ไม่ใช่ของทางราชการไม่ใช่ของแผ่นดิน แต่ที่เป็น “ทาง” เพราะกฎหมาย
นี้ กำหนดให้เป็นทาง ทางที่เป็นของส่วนบุคคลที่จะจัดว่าเป็นทางตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ฯ ก็หมายถึง
ทาง ทส่ี ่วนบุคคลน้นั (เจ้าของทาง) ยนิ ยอมให้ประชาชนใช้ในการจราจร
สำหรับ “ทาง” ในความหมายที่ 2 นี้พิจารณาแล้วเห็นว่าจะมีปัญหาต่อพนักงาน
สอบสวนค่อนข้างมาก เพราะบางสถานที่ไม่สามารถจะพิจารณาได้ชัดเจนว่าเจ้าของทางนั้น “ยินยอม” ให้
ประชาชนใช้ในการจราจรหรือไม่ และคำวา่ ยนิ ยอมนั้นแคไ่ หน เพียงใดถงึ จะวา่ ยนิ ยอม
ข้อ 4. ศึกษาสภาพของ รถ คน ถนน ว่ามีกฎหมายใดกำหนดไว้เป็นอย่างใดซึ่งส่วนใหญ่แล้วสภาพ
ของรถจะกำหนดไว้ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ ฯ (สำหรับรถเล็ก) พ.ร.บ.การขนส่งทางบกฯ (สำหรับรถ - ใหญ่) เมื่อ
พนักงานเจ้าหน้าที่พบเห็นรถควรพิจารณาเป็นอันดับแรกให้ได้ว่ารถคันดังกล่าวนั้น ดำเนินการถูกต้องเรื่อง
สภาพของรถตามกฎหมายที่กำหนดไว้หรือไม่เช่นการจดทะเบียน การเสียภาษีประจำปี และการมีเครื่อง
อุปกรณ์ส่วนควบครบถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หรือเป็นรถที่ได้รับการยกเว้นตามข้อกฎหมายหรือไม่
(พ.ร.บ.รถยนต์ ฯ ม.8,9) เป็นต้น
การสังเกตประเภทของรถที่จดทะเบียนตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก ฯ สามารถสังเกตได้จาก รหัส
ตัวเลข 2 ตัว แสดงประเภทการขนส่ง แล้วตามด้วยตัวเลขอีก 4 ตัว ซึ่งเลขรหัส 2 ตัว ข้างหน้านั้นมีการใช้
แสดงประเภทของรถขนสง่ ดังนี้
1. รถโดยสารประจำทาง ใช้หมายเลขตั้งแต่ 10 ถงึ 19
2. รถขนาดเลก็ ใชห้ มายเลขต้ังแต่ 20 ถงึ 29
สรปุ ผลการจัดกจิ กรรมโครงการ “ขับข่ปี ลอดภยั สร้างวนิ ยั จราจร” 6
3. รถโดยสารไม่ประจำทาง ใชห้ มายเลขต้ังแต่ 30 ถึง 39
4. รถโดยสารสว่ นบคุ คล ใชห้ มายเลขตง้ั แต่ 40 ถึง 49 และ 50 ถงึ 59
5. รถบรรทุกประจำทาง ใชห้ มายเลขตง้ั แต่ 60 ถึง 69
6. รถบรรทกุ ไม่ประจำทาง ใชห้ มายเลขตงั้ แต่ 70 ถึง 79
7. รถบรรทุกสว่ นบุคคล ใช้หมายเลขต้ังแต่ 80 ถงึ 89 และ 90 ถึง 99
สภาพหรือคุณสมบตั ขิ องคนที่เก่ียวข้องกับกฎหมายจราจรควรจะต้องศึกษาถงึ “ผูข้ บั ข”ี่ วา่ เป็นผู้
ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ขับขี่รถนั้นตรงตามกฎหมาย ตรงตามประเภทของใบอนุญาตหรือไม่ (พ.ร.บ.รถยนต์ ฯ
ม.43, ม.43 ทวิ หรือ พ.ร.บ.การขนสง่ ทางบกฯ ม.92, ม.94 และ ม.95 ) เปน็ ตน้
สภาพของถนนหรือทางควรจะต้องพิจารณาก่อนว่าถนนหรือซอยหรือทางนั้นเป็น “ทาง” ตาม
ความหมายของกฎหมายจราจรตามข้อ 1.3 ทก่ี ล่าวมาแลว้ นน้ั หรอื ไม่
ข้อ 5. ศึกษาการใช้ทางเดินรถ ว่าด้วยการขับรถ การเลี้ยวรถ การกลับรถ การขับรถแซงข้ึน
หน้า การใช้ความเร็วของรถ การหยุดรถ การจอดรถ มีข้อกฎหมายกำหนดไว้อย่างไร ส่วนใหญ่เป็นการ
กำหนดไว้ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 กฎกระทรวง และระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ซงึ่ ออกตาม พ.ร.บ.
จราจรทางบก ฯ (มีข้อหาฐานความผิดตามข้อ 7)
ขอ้ สงั เกต ในการปฏิบตั ิเจา้ หนา้ ท่ีตำรวจจราจรควรทำความเข้าใจในเร่ืองเหลา่ น้ี
1. การหยุด การจอด มีเครื่องหมายจราจรการห้ามหยุด และห้ามจอดมีรูปแบบต่างกนั ตาม
ข้อกำหนด ฯ ออกตาม ม.21 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก ฯ กำหนดทั้งการหยุด และการจอดเป็นความผิด
ต่างกัน ใช้กฎหมายคนละมาตรา (ม.55 และ ม.57) ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรต้องทำความเข้าใจคำ
ว่า “หยดุ ” กับ “จอด” เพ่ือประกอบการแจง้ ข้อหาใหถ้ ูกต้อง ดังน้ี
“หยุด” น่าจะหมายความถึงพฤติกรรมการไม่เคลื่อนรถไปในทาง ในระยะเวลาสั้น ๆ
โดยผูข้ บั ขีย่ งั อยใู่ นลกั ษณะทค่ี วบคมุ รถได้ และสามารถจะเคล่ือนรถไปได้ทันทีท่ีตอ้ งการ
“จอด” น่าจะหมายความถึงพฤติกรรมการไม่เคลื่อนรถไปในทาง เป็น ระยะ
เวลานาน และผู้ขบั ข่ีไม่อย่คู วบคมุ รถนนั้
(พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้ความหมายของคำว่า “หยุด”
และ “จอด” ไว้ดังนี้ “หยุด” เป็นกริยา หมายถึง ชะงัก, นิ่งอยู่กับที่, พัก เช่น หยุดงาน ส่วนคำ
ว่า “จอด” เปน็ กรยิ า หมายถึง หยดุ อย,ู่ ทำให้ตดิ กัน
2. ถา้ มีเครื่องหมายห้ามเล้ียวรถ จะกลบั รถไดห้ รือไม่ หรอื มี เครอ่ื งหมายห้ามกลับรถ จะ
เลยี้ วซา้ ย หรือขวาไดห้ รือไม่ และตรงท่ีทางร่วมทางแยกไม่มีเครือ่ งหมายหา้ มกลับรถ จะกลบั ได้หรือไม่ ตาม
พ.ร.บ.จราจรทางบก ฯ ม.53 กำหนดหา้ มเลีย้ วซ้าย เลีย้ วขวา หรอื ห้ามกลับรถ ถ้ามีเครื่องหมายจราจรห้าม
เลยี้ วซ้าย เลี้ยวขวา หรือหา้ มกลบั รถอยา่ งใด อย่างหน่ึงกำหนดหา้ มไว้ และตรงทางร่วมทางแยกกฎหมาย
กำหนดหา้ มกลับรถ เว้นแตม่ ีเครื่องหมายจราจรให้กลับรถได้
สรปุ ผลการจัดกิจกรรมโครงการ “ขบั ขปี่ ลอดภยั สรา้ งวินยั จราจร” 7
3. การขับรถเม่อื มาถึงทางรว่ มทางแยกพรอ้ มกัน และไม่มเี ครื่องหมายแสดงวา่ ทางใดเป็น
ทางเอกหรอื ทางโท จะให้สทิ ธิรถทางดา้ นใดไปก่อน ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ฯ ม.71 กำหนดให้รถทางดา้ น
ซา้ ยของตนไปกอ่ น
ข้อ 6. เครื่องหมายจราจร และสัญญาณจราจร เป็นเครื่องหมายและสัญญาณท่ี ทำให้ปรากฏ
ในทางซงึ่ ผ้ขู ับข่ี คนเดินเทา้ หรอื คนขี่ จูง ไล่ต้อนสตั ว์ตอ้ งปฏบิ ัตติ าม
เครื่องหมายจราจร แบ่งเป็น 2 ชนิด (ทำด้วยแผ่นป้าย ไม้ โลหะ ฯ กับเครื่องหมายจราจรบนพ้ืน
ทาง) ชนดิ ท่ที ำด้วยแผน่ ป้าย ไม้ โลหะแบง่ เป็น 2 ประเภท (บงั คบั กบั เตอื น) รปู แบบของเคร่ืองหมายจราจร
กำหนดไว้ ตามขอ้ กำหนดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2522 แกไ้ ขตามฉบบั ที่ 2 พ.ศ.2531 และฉบับ
ที่ 3 พ.ศ.2536 ส่วนสัญญาณจราจร แบ่งไดเ้ ปน็ 3 ชนดิ ไดแ้ ก่
1. ท่าสัญญาณ หรือสัญญาณมือ 2. เสียงสัญญาณหรือสัญญาณนกหวีด และ 3. ไฟสัญญาณ
หรือสญั ญาณไฟ การติดตงั้ เครื่องหมายจราจรให้ปรากฏในทางนั้นจะกระทำไดโ้ ดยพนักงาน เจ้าหน้าท่ีหรือเจ้า
พนักงาน (หมายถึงเจา้ หน้าที่ ซึ่งได้รับมอบหมาย) ตาม ม.28 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก ฯ เท่านั้น บุคคลอื่น
จะกระทำหรือติดตง้ั ไมไ่ ด้
ข้อสังเกต ในทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรควรแจ้งข้อหาให้ถูกต้องดังน้ี การแจ้งข้อหาแก่
ผู้กระทำผดิ ในกรณีการฝา่ ฝนื เคร่อื งหมายจราจร ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ นนั้ เป็นไปได้ 2 กรณี ดังน้ี
1. เครื่องหมายจราจรนน้ั หากติดตงั้ โดยอำนาจตาม ม.28 คอื เครื่องหมายจราจรท่ีมีรูปแบบ
ตามข้อกำหนดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดไว้แล้วมีผลบังคับใช้ตลอดเวลา (ไม่ใช่เป็นบางเวลา) เช่น
ห้ามจอดตลอดเวลา ห้ามเลี้ยวรถตลอดเวลา ห้ามกลับรถตลอดเวลา เป็นต้น เห็นว่า ผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิด
ข้อหา ฝา่ ฝนื เครอื่ งหมายจราจร ฯ (ม.21)
2. เครื่องหมายจราจร นั้นติดตั้งโดยการออกข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจร ตาม ม.139 คือ
เครื่องหมายจราจรที่มีรูแบบตามข้อกำหนดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดไว้ แต่มีผลบังคับใช้เป็น
ช่วงเวลาเป็นสว่ นใหญ่ มีการกำหนดเวลาประกอบอยู่ด้วยกับเครื่องหมายจราจรนั้น เพื่อบังคับให้เป็นไปตาม
ข้อบงั คบั นั้น ๆ เห็นวา่ ผ้ฝู า่ ฝนื กระทำความผดิ ข้อหาฝา่ ฝืนข้อบงั คับเจ้าพนักงานจราจร ฯ (ม.139)
3. การติดต้งั เครือ่ งหมายจราจร จำเป็นจะตอ้ งออกข้อบังคับฯมารองรับก่อน หรือไม่ จงึ จะ
ติดต้งั เครือ่ งหมายจราจรได้
ควรพิจารณา ม.28 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก ฯ หากผู้ทำหรือติดตั้งเครื่องหมาย จราจร
นั้นกระทำโดยบุคคลซึ่งชอบตามกฎหมายกำหนดแล้ว และรูปแบบเครื่องหมายจราจรนั้นเป็นไปตาม
ข้อกำหนด ฯ หากมีผู้ฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรนั้น ย่อมเป็นความผิดตาม ม.21 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบฯ
ฐานฝา่ ฝืนเครอ่ื งหมายจราจร
ดงั น้นั การติดตง้ั เครือ่ งหมายจราจรซ่ึงมรี ปู แบบตามข้อกำหนดฯบนทางเดินรถ เพื่อให้มีผล
บงั คับใช้ตลอดเวลาไม่จำเปน็ ต้องออกข้อบังคบั ฯ มารองรับแตอ่ ย่างไร
สรุปผลการจดั กจิ กรรมโครงการ “ขบั ข่ีปลอดภัย สร้างวินยั จราจร” 8
1. ในกรงุ เทพมหานคร การออกข้อบังคบั เจา้ พนักงานจราจร โดยอาศยั อำนาจตาม ม.139
แหง่ พ.ร.บ.จราจรทางบก ฯ นั้น แบง่ เปน็ 2 ประเภท เพ่อื สะดวกในการปฏิบัติและมิใหเ้ กดิ การสบั สนกบั
พนักงานเจ้าหน้าทแ่ี ละประชาชน คอื
1 ข้อบังคับเจา้ พนกั งานจราจร ซึ่งมีผลบงั คับใช้เป็นระยะเวลาสั้น ๆ เรียกว่า “ข้อบังคับ
กองบังคบั การตำรวจจราจร” มผี ้บู งั คบั การกองบังคับการตำรวจจราจร เปน็ เจา้ พนกั งานจราจร (ลงนาม)
2 ข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจร ซึ่งมีผลบังคับใช้ตลอดการจนกว่าจะมีการแก้ไข
เปลี่ยนแปลง เรียกว่า “ข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร” มีผู้บัญชาการกองบัญชาการ
ตำรวจนครบาลเปน็ เจา้ พนักงานจราจร (ลงนาม)
3 สำหรับนอกเขตกรุงเทพมหานคร (จังหวัดอื่น ๆ) ข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจร มีผู้
บังคับการตำรวจภธู รจงั หวดั เปน็ ผูล้ งนาม
ขอ้ 7. อำนาจเจ้าพนกั งานจราจร และพนกั งานเจา้ หนา้ ที่ เจ้าพนักงานจราจร จะตอ้ งเป็นผู้ได้รับการ
แต่งตั้งตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย (ปัจจุบันเป็นคำสั่ง ที่ 387/2541 ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2541) และมี
อำนาจหน้าที่ตามที่ พ.ร.บ.จราจรทางบก ฯ ม.19, ม.114, ม.133, ม.138, ม.139, ม.142, ม.143, ม.143
ทวิ และ ม.144 กำหนดให้อำนาจไว้
พนักงานเจ้าหน้าที่ คือ ตำรวจซึ่งปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการจราจรมีอำนาจหน้าที่บังคับใช้กฎหมายให้
เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และมีอำนาจว่ากลา่ วตักเตือนได้ตาม ม.140 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก ฯ โดยยกเว้น
ห้ามว่ากล่าวตักเตือนในความผิดดงั ตอ่ ไปน้ี ขับขี่รถขณะเสพยาเสพติดใหโ้ ทษ ฯ (ม.43 ทวิ) ผู้ขับขี่ขัดคำส่ังเจา้
พนักงานจราจร หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ฯ (ม.59) ผู้ขับขี่เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วไม่หยุดช่วยเหลือ ไม่แจ้งเหตุ
หลบหนี (ม.78) ผู้ขับขแ่ี ขง่ รถในทาง (ม.134)
ข้อสังเกต ในทางปฏิบตั ิเจ้าหน้าท่ตี ำรวจจราจรมักประสบปัญหาและไม่เขา้ ใจในเรอ่ื งเหลา่ น้ี
1. เมื่อออกใบสั่งจับกุมผู้กระทำความผิดแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรมีอำนาจยึดบัตร
ประจำตัวประชาชน แผ่นป้ายทะเบียนแสดงการเสียภาษีรถ หรือบัตรอื่น ๆ ได้หรือไม่ และเมื่อพบผู้กระทำ
ความผดิ เจา้ หนา้ ทีต่ ำรวจจราจร จำเปน็ จะต้องยดึ ใบอนุญาตขับรถทุกคร้งั หรือไม่ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ฯ
ม.140 ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่เท่านั้น ไว้เป็นการชั่วคราว และไม่จำเป็น
จะตอ้ งเรียกเก็บหรอื ยดึ ใบอนญุ าตขับรถไว้ทุกครัง้ ก็ได้
2. เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ขอดูใบอนุญาตขับรถ แล้วผู้ขับขี่ไม่ให้ดู จะทำอย่างไร หรือ
กรณียกชูใบอนุญาตให้ดูแล้วไม่ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร จะเป็นความผิดอะไร ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ฯ
ม.42 กำหนดให้ผูข้ ับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถ เพื่อแสดงต่อเจ้าพนักงานได้ทันทีดังนั้นการไมแ่ สดง ใบอนุญาต
ขับรถเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรขอดู (ต้องแสดงในทันที) จึงเป็นความผิดตามมาตราน้ี ปรับไม่เกิน 1,000
บาท ตาม ม.66 และการยกชูให้ดูแต่ไม่ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ก็น่าจะถือว่าการกระทำนั้นไม่ได้
เปน็ การแสดงใบอนญุ าตขับขี่ใหด้ ดู ้วยเชน่ กนั
ข้อ 8. กฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจร ที่ควรทราบเน่ืองจากสภาพการจราจร
ได้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้นกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับการจราจร ซึ่งได้กำหนดให้อำนาจผู้มีอำนาจตาม
สรุปผลการจัดกจิ กรรมโครงการ “ขับข่ีปลอดภยั สร้างวินัยจราจร” 9
กฎหมาย ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎ กระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรให้เหมาะสมอยู่
ตลอดเวลา ซึ่งควรทราบ ดังต่อไปน้ี
8.1 กฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ.2522) ว่าด้วย หลักเกณฑ์การบรรทุกของรถบรรทุก (ความ
กว้าง ความยาว ความสูง)
8.2 กฎกระทรวง ฉบับที่ 6 (พ.ศ.2522) วา่ ด้วย การกำหนดความเรว็ ของรถ
8.3 กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 16 (พ.ศ.2537) ว่าด้วย การทดสอบผู้ขับขเ่ี มาสรุ าขณะขบั รถ
8.4 คำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 387/2541 เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานจราจรตาม พ.ร.บ.
จราจรทางบก พ.ศ.2522 ฉบบั ลงวันที่ 14 สงิ หาคม 2541
8.5 ข้อกำหนดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วย การกำหนดประเภท และ ชนิดของรถยนต์
ลักษณะและวิธีการใช้เข็มขดั นริ ภยั ฉบับลงวนั ที่ 6 ตลุ าคม 2540
8.6 ข้อกำหนดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วย การดำเนินการบันทึกคะแนน อบรม
ทดสอบผขู้ ับข่กี ระทำผิดและการพกั ใชใ้ บอนุญาตขับข่ีฉบบั ลงวนั ท่ี 20 เม.ย.2542
8.7 ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าดว้ ย การใช้วัสดกุ รองแสงกับรถท่นี ำมาใช้ในการเดิน
รถ ฉบบั ลงวนั ท่ี 24 กุมภาพันธ์ 2541
8.8 ข้อบงั คับเจ้าพนกั งานจราจรทัว่ ราชอาณาจกั ร วา่ ดว้ ย การหา้ มรถยนตบ์ รรทุก 4 ล้อ และ
6 ล้อ เดินในเขตกรุงเทพมหานคร ฉบบั ลงวันท่ี 21 ธนั วาคม 2532
8.9 ข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักร ว่าด้วย การห้ามรถยนต์บรรทุกถังขน-ส่ง
ก๊าซ ต้ังแต่ 6 ลอ้ ขนึ้ ไป และรถพ่วงเดินในเขตกรงุ เทพมหานคร ฉบบั ลงวนั ที่ 7 ธันวาคม 2533
8.10 ข้อบงั คบั เจ้าพนักงานจราจรทัว่ ราชอาณาจักร วา่ ดว้ ย การหา้ มรถยนต์ บรรทุกต้งั แต่ 10
ล้อขึ้นไป และรถบางชนิดเดินในถนนบางสายในเขตกรุงเทพมหานคร ฉบับลงวันท่ี 18 มนี าคม 2539
8.11 ข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักร ว่าด้วย การห้ามรถยนต์บรรทุกน้ำมัน
ตั้งแต่ 6 ล้อข้นึ ไป และรถพ่วง เดนิ ในเขตกรุงเทพมหานคร ฉบับลงวนั ที่ 12 เมษายน 2542
การฝึกฝนขบั ขี่ให้ถูกตอ้ ง
ผู้ขับขี่ต้องทำการฝึกฝนเพื่อ เพิ่มความชำนาญในการขับขี่ นอกจากนั้นควรศึกษาและปฏิบัติตามกฎ
จราจรอย่างเคร่งครัด สร้างจิตสำนึกความปลอดภัยและทัศนคติที่ดีต่อกันในการขับขี่อย่างถูกต้อง เพื่อที่จะ
สามารถใช้รถใชถ้ นนร่วมกับผู้อื่นได้อย่างปลอดภัย
1. ผขู้ ับขี่ตอ้ งเคารพกฎจราจรเสมอ
ต้องหมั่นฝึกฝนปฏิบัติตามแนวทางที่เรียนมาอย่างเป็นแบบแผน บทเรียนในภาคทฤษฎีเหล่านี้จะ
ช่วยพฒั นาให้เกิดความชำนาญในการขบั ขอี่ ยา่ งปลอดภัย ทงั้ ยงั ตอ้ งมคี วามรู้เพม่ิ เติมเกี่ยวกบั สิง่ ต่อไปน้ี
1. ช่องทางเดินรถ
2. ปา้ ยบงั คบั , ปา้ ยเตือน
3. ไฟสัญญาณ และเคร่อื งหมายจราจร
สรุปผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขับข่ีปลอดภยั สร้างวนิ ยั จราจร” 10
4. การเปล่ียนช่องทางเดนิ รถ
5. การขบั ขีผ่ ่านทางรว่ มทางแยก
6. เส้นเครื่องหมายบนพื้นทาง
7. การขบั ขี่รถในวงเวียน
ต้องระลึกไว้เสมอว่าการขับขี่รถที่มีคนซ้อนท้ายต้องอาศัยความชำนาญมากกว่าการขับขี่คนเดียว
การเดินเครื่องและลักษณะท่าทางจะแตกต่างกนั ไปหลายประการ ดังนั้นจึงต้องการความระมัดระวังมากขึ้นใน
การขบั ขี่
การบรรทกุ ผ้โู ดยสาร
1. มอื (ผ้โู ดยสาร) คนซ้อนท้ายต้องกอดเอวผู้ขบั ขี่
2. สว่ นบนของรา่ งกาย คนซ้อนทา้ ยตอ้ งน่ังชิดดา้ นหลังของผู้ขับขี่
3. เท้า คนซ้อนทา้ ย ต้องวางเท้าบนทีพ่ กั เทา้ หลัง
4. เข่า คนซ้อนทา้ ยต้องนง่ั บบี เข่าใหแ้ นบสะโพกผูข้ บั ขี่
** ผู้ขบั ขจี่ ะเคล่ือนรถไดเ้ ม่ือแนใ่ จว่าคนซ้อนทา้ ยนง่ั ทีเ่ รียบร้อยแลว้ วธิ ปี ฏบิ ัตใิ นการขับขี่เมอื่ มีคนซอ้ นทา้ ย
ก. การขับข่ที ่ัวไป
• รถอาจจะส่ายไปมา แลน่ ช้า หรือเปลย่ี นทศิ ทางอย่างรวดเรว็ ตอ้ งเวน้ ท่ีวา่ งให้พอเพียง
ระหวา่ งตัวเราและยวดยานท้ังดา้ นขวาและด้านซ้าย ไม่ควรเปลย่ี นทศิ ทางในทนั ทีทันใด
• การกระทำใดๆ โดยฉบั พลันอาจกอ่ ให้เกดิ ความสบั สนและอันตราย ผู้ขบั ข่คี วรขับขีด่ ้วยความ
ระมัดระวงั เพื่อความปลอดภัย
ข. การเข้าโค้ง
• เน่อื งจากรถมักจะหลดุ ออกจากโคง้ จงึ ควรลดความเร็วก่อนเข้าโค้ง ผู้ขบั ขี่ควรขบั เขา้ โค้งชา้
กวา่ ตอนที่ขบั คนเดียว
• ผโู้ ดยสารควรเอยี งตวั ไปในทิศทางเดียวกันกับรถ
ค. การเบรค (การหยุดรถ)
• ไมค่ วรหยดุ รถในระยะใกล้ หรือกระช้นั ชดิ เกินไป
สรปุ ผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขับข่ีปลอดภยั สรา้ งวนิ ยั จราจร” 11
• ควรหยุดรถทง้ิ ช่วงห่างจากรถคนั หนา้ พอสมควร
• ควบคมุ เบรค และเบรคอย่างนมุ่ นวล
• เมื่อผู้ขับข่เี บรคอยา่ งกระทันหัน นำ้ หนกั ของผโู้ ดยสารจะทับลง (จะเกิดแรงส่ง) มาบนหลงั ผู้
ขบั ขี่
• ยกหวั เขา่ สูงขน้ึ และแนบกับตัวรถเพื่อป้องกนั มใิ ห้สะโพกเคลื่อนไปข้างหนา้ ผูข้ บั ขค่ี วร
ปฏบิ ตั ิตามแนวทางท่ไี ดฝ้ ึกฝนมาจากบทเรยี นในภาคทฤษฎี สง่ิ เหลา่ นจ้ี ะชว่ ยพฒั นาให้เกิดนสิ ยั การขบั ข่ีที่
ปลอดภยั บนสภาพถนนทุกรูปแบบ สิ่งสำคัญต่อไปนี้ ผ้ขู ับขี่ทกุ คนพงึ นำไปปฏิบตั อิ ยา่ งถูกตอ้ งเพือ่ ความ
ปลอดภัย
1. การปรบั ระดับความเร็ว
2. ระยะห่างในการหยดุ รถ
3. การขบั แซง
4. การแล่นแซง และการถูกแซง
5. การขบั ขี่ในเวลากลางคนื
6. การขับข่ีในขณะฝนตก
ผู้ขับขี่ต้องนำเอาบทเรียนทั้ง 3 บทที่ผ่านมานี้ มารวบรวมเพื่อฝึกปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ ให้
ครบถ้วน และต้องหม่ันฝึกฝนในบทเรียนที่ท่านคดิ วา่ ยงั ไมส่ ามารถทำได้อย่างคล่องแคล่วและถูกต้อง การขับขี่
รถที่ดีและปลอดภัยมิใช้แต่เพียงแค่ขับขี่รถได้ชำนาญอย่างเดียวเท่านั้น แต่การศึกษาเรียนรู้ในเรื่องของการ
ปฏิบัติตามกฎและเครื่องหมายจราจรอย่างเครงครัดนั้น สามารถทำให้ท่านผู้ขับขี่เป็นนักขับขี่รถที่ดีได้ด้วย
ประการทั้งปวง โปรดอยา่ งลมื วา่ การขับขร่ี ถอยา่ งมีระเบียบวินัย มีจติ สำนึกความปลอดภับ มที ศั นคติที่ดีต่อกัน
เท่านน้ั ที่จะทำใหท้ ่านขับข่ีรถไดอ้ ย่างมีความสขุ มีประสิทธภิ าพและความปลอดภัยกับตวั ทา่ นเอง และบคุ คลอ่ืน
ผู้รว่ มทาง
ความรทู้ ั่วไปการขบั ข่ี
หมวกกนั นอ๊ ค
• ผ้ขู ับขี่และผู้ซ้อนท้ายต้องสวมใสห่ มวกกันน๊อค
ในขณะขับข่ีทุกครง้ั และหมวกกนั น๊อคต้องมีเครอื่ งหมายรับรอง
คุณภาพจาก มอก.
• การสวมใส่หมวกกันน๊อคทกุ ครงั้ ตอ้ งใส่สายรดั คางให้
แนน่ กระชับพอดี ไม่รดั แนน่ หรอื หลวมเกนิ ไป โดยปกติ
• สามารถใช้น้ิวช้ีสอดเข้าไปใต้คางได้พอดี
แว่นตากนั ลม
• ผ้ขู บั ข่คี วรทีจ่ ะสวมใส่แว่นกนั ลม เพอ่ื ป้องกนั ไม่ใหฝ้ นุ่
ละออง,เศษหนิ ,ทราย,ตัวแมลง หรอื น้ำฝนกระเด็นเขา้ ตาในขณะขบั ข่ี
สรุปผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขับขป่ี ลอดภัย สร้างวนิ ยั จราจร” 12
เสือ้ แจ็กเกต็ และกางเกง
• ควรสวมเสอ้ื แจ็กเก็ตทีม่ สี สี ันสว่างสดใส เพือ่ ใหผ้ ู้อื่นมองเห็นได้อย่างชดั เจนในระยะไกล
• กางเกงควรเปน็ กางเกงทมี่ เี น้ือผา้ ท่หี นา เช่น กางเกงยีนส์ ทีไ่ ม่คบั หรอื หลวมเกินไป
ถงุ มือ
• ผขู้ บั ข่ีใสถ่ ุงมอื สำหรบั ขบั ขร่ี ถจักรยานยนตเ์ พ่ือให้กระชับในขณะขบั ขี่และป้องกันมใิ หเ้ กิดการ
บาดเจ็บรุนแรงท่มี ือเม่ือเกิดอุบัติเหตุ
รองเท้า
• ควรสวมใสร่ องเทา้ บู๊ทหรือรองเทา้ ห้มุ สน้ ทั้งผู้ขบั ข่แี ละผ้ซู อ้ นทา้ ย ไม่ควรสวมรองเทา้ แตะใน
การขับขี่รถเพราะอาจทำใหเ้ กิดการบาดเจบ็ ทร่ี ุนแรงบรเิ วณเทา้ เม่ือเกดิ อุบัติเหตุ
ก.การเกบ็ ขาต้ังกลาง
1. ใช้มอื ทัง้ สองข้างจบั ท่แี ฮนด์รถ อยา่ ให้หนา้ รถหนั ไปด้านซา้ ยหรือขวา
2. ดันรถให้ไปขา้ งหนา้ ด้วยแขนทงั้ สองข้างพร้อมกับใชส้ ะโพกดา้ นข้างดันรถไว้เพื่อมิใหล้ ้ม
3. ขณะทร่ี ถกำลังเคล่ือนตวั จากขาตัง้ กลางใหใ้ ชม้ ือขวาค่อยๆ บบี เบรกหน้าเพื่อชว่ ยป้องกนั มใิ ห้
รถลนื่ ไถลไปขา้ งหน้าได้อยา่ งรวดเร็ว
ข.ใช้ขาต้ังกลาง
1. ใชม้ ือซ้ายจับทแ่ี ฮนด์รถ มือขวาจบั ใต้เบาะดา้ นหลังรถ
2. รกั ษาตำแหน่งหนา้ รถให้แฮนดต์ ัง้ ตรงอยเู่ สมอไม่หนั ไปทางซา้ ยหรอื ขวา
3. เทา้ ขวาเหยียบลงบนคานของขาตง้ั กลาง ท้งิ น้ำหนกั ตวั ลงบนคานต้ังทง้ั ตัว พร้อมกับใช้มือขวา
ทจี่ ับอย่ดู ้านหลังรถยกข้ึนในจังหวะเดยี วกนั
ข้อควรระวงั ในการจอดรถโดยใช้ขาต้งั
สรุปผลการจัดกิจกรรมโครงการ “ขบั ข่ีปลอดภัย สรา้ งวินยั จราจร” 13
• ควรเลือกพนื้ ถนนท่ีราบเรียบไม่เป็นหลุมเป็นบ่อ และแข็งพอทีจ่ ะไม่ทำให้รถล้มลงได้
• การใชข้ าต้งั กลางขณะทร่ี ถเอียงหรือต้ังหน้ารถไมต่ รง จะต้องออกแรงมากเป็นพเิ ศษ
วธิ ใี ชแ้ ละเก็บขาตง้ั ขา้ ง
1. เลือกพืน้ ถนนทแี่ ขง็ เพอื่ มิให้พ้นื เกิดการยุบตวั
2. ใช้มือซ้ายจับที่แฮนด์มือขวาจับที่มือจับด้านหลังหรือจะใช้มือทั้ง
สองข้างจับยึดที่แฮนด์ด้านหน้าอย่างเดียวก็ได้ รักษาตำแหน่งรถให้ต้ัง
ตรงใช้เทา้ ขวาถีบขาตงั้ ขา้ งลงมาจนสดุ
3. ค่อยๆ เอยี งรถชา้ ๆ จนกวา่ ขาตั้งข้างจะสมั ผัสกับพื้นถนน จับแฮนด์
รถหนั ไปทางซ้ายในตำแหนง่ ลอ๊ คคอรถ
4. ใสเ่ กยี รร์ ถไปทตี่ ำแหนง่ เกียร์1 เพื่อป้องกนั รถลน่ื ไถล
• ยกรถขึน้ จนกระท่ังปลายขาตั้งขา้ งพ้นจากพนื้ ถนน ตำแหน่งรถต้ัง
ตรง
• ใชป้ ลายเทา้ ขวาเตะขาต้งั ข้างขน้ึ เก็บเข้าทเี่ ดิม
ก. การจงู รถไปด้านหนา้ 1. ใชม้ ือทัง้ สองข้างจับท่ีแฮนด์มือขวาพร้อมทจ่ี ะใชเ้ บรคหน้าได้
ตลอดเวลาเมื่อจำเป็น
2. รักษาตำแหน่งรถใหต้ ั้งตรง
3. ใช้ลำตัวแนบเข้ากับตวั รถดนั มิใหล้ ม้ พรอ้ มกับออกแรงดนั รถไป
ด้านหน้า
ข.การจงู รถรปู เลข 8
1. เม่ือต้องการจงู รถไปดา้ นซา้ ยให้หนั แฮนด์รถไปทางซา้ ย เอียงรถเขา้ หาลำตัวเล็กน้อย
2. เมื่อต้องการจูงรถไปด้านขวาให้หันแฮนด์รถไปทางขวาพร้อมกับใช้สะโพกดันรถไว้อยู่
ตลอดเวลา
สรุปผลการจัดกจิ กรรมโครงการ “ขบั ข่ีปลอดภัย สร้างวนิ ยั จราจร” 14
ค.การจงู รถถอยหลงั
1. ใชม้ อื ซา้ ยจับท่ีแฮนด์ มือขวาจบั ท่มี อื จับด้านหลงั
2. ค่อยๆ ดนั รถไปทางดา้ นหลังช้าๆ ระวงั อยา่ ใหห้ น้ารถสา่ ยไปมา
กรณรี ถลม้ ลงทางดา้ นซ้ายมือ
1. จบั แฮนด์รถไปทางดา้ นขวา จนกระทั่งสดุ ในตำแหน่งล๊อคคอ
2. ใชม้ อื ทั้งสองชขา้ งจับท่แี ฮนด์ท้ังสองข้าง มือขวาบีบคันเบรคหนา้ เอาไว้
3. ค่อยๆ ยกรถข้นึ ดว้ ยมือทั้งสองข้าง ใช้เขา่ และสะโพกแนบกับตัวรถ คอ่ ยๆ ดนั รถขึน้ ชา้ ๆ ในจังหวะเดยี วกัน
จนกวา่ รถจะตง้ั ตรง
4. ใช้เทา้ ขวาเขีย่ ขาต้งั ข้างลง ค่อย ๆ เอียงรถจนกระทั่งปลายขาตง้ั สมั ผสั กับพื้นถนนอย่างมัน่ คง
กรณรี ถล้มทางด้านขวา
1. ใหเ้ ดนิ อ้อมไปทางด้านที่รถลม้ แลว้ เอาขาตงั้ ข้างกางออกใหส้ ุด
2. จับแฮนด์รถหนั ไปด้านซ้ายและใช้วิธกี ารยกรถเชน่ เดียวกนั กับกรณรี ถล้มทางดา้ นซ้ายมือ
จนกวา่ ขาต้ังจะสมั ผสั กับพ้นื ถนนขบั ขีค่ วรหมน่ั ตรวจเช็ครถก่อนการขบั ขี่ทกุ คร้งั รถต้องอยู่ในสภาพพร้อม
ทจี่ ะใช้งานอยตู่ ลอดเวลาควรสำรวจตวั รถและตรวจเชค็ ระบบทีส่ ำคัญตา่ งๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบตั เิ หตุ
และเพื่อความปลอยภัยของผู้ขบั ขแี่ ละผู้ใชถ้ นนอน่ื ๆ
ก. น้ำมันเชอื้ เพลิง
• การขับข่ีทกุ ครั้งต้องแนใ่ จวา่ มีน้ำมันเช้อื เพลิงเพียงพออยูเ่ สมอ
ข.น้ำมนั หล่อล่ืน
• ตรวจเชค็ ระดบั น้ำมันหลอ่ ล่นื ให้อยู่ในระดบั ท่ีกำหนด และควรเปลย่ี นถ่าย
น้ำมันเคร่ืองทกุ คร้ังท่ีน้ำมันเครอ่ื งสกปรก
สรปุ ผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขับข่ีปลอดภัย สรา้ งวนิ ยั จราจร” 15
ค.ยาง
• ควรตรวจเช็คแรงดันลมยางให้อยใู่ นเกณฑ์ท่ีกำหนด ไมแ่ ข็งหรืออ่อนเกินไป
• ควรตรวจเชค็ สภาพและการสึกหรอของยางอยา่ งสมำ่ เสมอ
ก. การขน้ึ รถ - ลงรถ
การขึ้นหรอื ลงรถทุกครงั้ ให้ใชม้ ือขวาบีบคนั เบรคหนา้ ไว้แลว้ หนั มองดหู ลังจนแน่ใจวา่ ไมม่ ีรถคันอน่ื ตามหรอื วง่ิ
แซงมาเม่อื ข้นึ หรือลงรถ ให้ใชเ้ พียงเทา้ ซ้ายยึดเปน็ หลักให้ม่ัน จงจำไว้วา่
เม่ือขนึ้ หรือลงรถ ให้ใชเ้ พยี งเทา้ ซา้ ยยดึ เป็นหลกั ใหม้ ่นั จงจำไวว้ ่า
• อยา่ หันหรอื หมุนแฮนดร์ ถไปทางดา้ นใดดา้ นหนึง่
• ควรเอยี งรถเขา้ หาตัวผูข้ ับขีเ่ ล็กนอ้ ย
• ควรวางเท้าซ้ายของท่านให้มั่นคงลงบนพ้นื ถนน
ข. ตำแหนง่ การนัง่ ขบั ขี่
การนงั่ ขบั ข่ีรถในตำแหนง่ ท่ีถูกตอ้ งทำให้เกดิ ความ
• คลอ่ งตวั ในการควบคุมรถ
• มีการทรงตวั ที่ดี
• ทศั นวิสยั ในการมองเหน็ ทีด่ ี
• ไม่เมื่อยล้าในขณะขับขี่ (ไม่ควรนงั่ ชิดดา้ นหน้า
หรือหลงั มากเกนิ ไป)
1. ตามองตรงไปขา้ งหน้าไมก่ ้มหรือเงย
2. วางไหล่ให้สบายๆ ไม่ยกหรือเกร็งจนเกินไป
3. ปลอ่ ยแขนตามธรรมชาติไม่กางออก
4. จับแฮนดท์ ้ังสองให้มืออยู่ระหวา่ งกึง่ กลางของมอื จบั พอดี และให้กระชบั ไม่แน่นหรือหลวมเกินไป
5. นั่งขับขร่ี ถในตำแหน่งท่ถี ูกต้อง เพื่อชว่ ยให้เกดิ ความคล่องตัวในการควบคุม
สรุปผลการจดั กจิ กรรมโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย สรา้ งวนิ ยั จราจร” 16
6. วางเทา้ ทง้ั สองลงบนที่พักเทา้ ใหป้ ลายเท้าชี้ตรงไปข้างหน้า โดยทป่ี ลายเท้าขวา แตะเบาๆ อยูค่ ันเบรคหลัง
และปลายเท้าซ้ายวางไวท้ ่ีคนั เปลยี่ นเกียร์ (อย่าสอดปลายเท้าทงั้ สองไว้ด้านลา่ งคนั เปลยี่ นเกียร์ และคนั เบรค
หลงั )
7. หวั เข่าเหยียดตรงไปข้างหน้า บีบกระชับให้พอดีๆ กบั ถังน้ำมัน (อย่ากางเข่าออกมาดา้ นซ้ายโดยเด็ดขาด)
ก. การออกรถ
• มองดูรถคนั อน่ื และผู้เดนิ ถนนในกระจกมองหลัง
• ใชเ้ ทา้ ขวาวางบนพ้นื ถนนเพื่อพยุงรถไมใ่ ห้ลม้
• หลังจากทำการสตาร์ทเคร่ืองยนต์ ตามขั้นตอนของการสตาร์ทหน้า 21 แล้วคอ่ ยๆ บบี คลัทช์มาด้านหลัง
ชา้ ๆจนสดุ
• เลือกใช้เกยี รห์ นง่ึ
• กอ่ นทจ่ี ะออกรถหันมองดดู า้ นเหนอื ไหลข่ วา ว่ามีรถคันอนื่ วิ่งมาหรอื ไม่
• เพื่อเพมิ่ ความปลอดภัยให้เปิดไฟเลี้ยวขวา
• ทิ้งนำ้ หนักตัวไปทเ่ี ท้าซ้ายเท้าขวาวางไว้ทคี่ นั เบรกหลัง
• บดิ คันเร่งชา้ ๆ ให้รอบเครือ่ งยนต์อยู่ท่ี 2,000 - 3,000 รอบ/นาที แลว้ หยดุ ค้างไว้
• คอ่ ยๆ ปลอ่ ยคันคลทั ช์ชา้ ๆจนกวา่ รถจะคอ่ ยๆ เคลือ่ นตัว(ในตำแหนง่ นม้ี ือยงั คงกำคนั คลชั อยู่) การปล่อย
คนั คลทั ชใ์ หท้ ำงานเรว็ เกนิ ไปจะเปน็ สาเหตุให้รถออกตวั กระตุกหรือเคร่ืองยนต์ดบั (ท่านอาจสงั เกตโดยการฟงั
เสียงของเครื่อง ยนตห์ รืออาการส่นั ของรถได้)
สรปุ ผลการจัดกิจกรรมโครงการ “ขบั ขีป่ ลอดภัย สร้างวนิ ยั จราจร” 17
• ปิดสวทิ ซไ์ ฟเลย้ี วหลงั จากทร่ี ถ ออกตัวเรยี บร้อยแล้ว
• บดิ คันเร่งเพ่ิมขน้ึ เล็กนอ้ ยเพื่อทำใหเ้ คร่ืองยนต์มีกำลังมากขึ้น
• ปลอ่ ยคนั คลทั ช์จนสดุ
ข. การหยุดรถ
1. ตรวจเชค็ ความปลอดภยั มองดูกระจกหลงั ดา้ นซ้าย เชค็ ความปลอดภยั จากรถคันอ่นื
2. ให้สัญญานไฟ เปดิ สัญญานไฟเล้ียวซา้ ย
3. เช็คความปลอดภยั และขับรถออกไปทางด้านซ้าย มองดูดา้ นหลงั เหนอื ไหลซ่ ้าย เพือ่ ใหแ้ น่ใจ วา่ ไมม่ รี ถหรือ
คนเดินถนนด้านซ้ายผา่ นไปมา แล้วค่อยเลี้ยวรถเขา้ ชิดขอบทางดา้ นซา้ ย
สรุปผลการจดั กจิ กรรมโครงการ “ขบั ขป่ี ลอดภยั สร้างวนิ ยั จราจร” 18
4. เบาคันเร่ง คนื คนั เร่งจนสดุ และใช้กำลงั เคร่อื งยนต์ เป็นตวั ช่วยลดความเรว็ (Engine Brake)
5. เบรค บีบคนั เบรคหนา้ ดา้ นขวาของแฮนด์และ ใช้เทา้ ขวาเหยีบทคี่ ันเบรคหลงั ชา้ ๆ เบาๆ
6. เรม่ิ บบี คลทั ช์ ใช้เบรคหนา้ และเบรคหลังทำการหยดุ รถ จนกระท่ังรถหยุดสนิทเปลีย่ นเกียร์ไป ทีเ่ กยี ร์หนง่ึ
หรือเกียร์วา่ งเม่ือจอดรถ
สรปุ ผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขับข่ปี ลอดภยั สรา้ งวินัยจราจร” 19
7. หยดุ รถ ใชเ้ บรคหนา้ และเบรคหลงั ทำการหยุดรถ จนกระท่ังรถหยุดสนิทเปลี่ยนเกยี ร์ไป ทเ่ี กียร์หนึง่ หรอื
เกยี รว์ า่ งเมื่อจอดรถ
ความรู้พนื้ ฐานการขบั ข่ี
เพ่ือให้เกดิ ความปลอดภัยในการขบั ขีร่ ถในทกุ ๆ สภาวการณ์ของการจราจรบนท้องถนน ดังนั้นจงึ ไม่
ควรจะเรยี นร้เู ฉพาะพ้นื ฐานการขบั ข่เี พียงอย่างเดยี วเท่านนั้ ผู้ขับขีค่ วรมีจติ สำนกึ ความปลอดภัยในขณะขบั ขี่
ด้วยในขณะท่ีกำลงั จะนำรถออกมาจากขอบทางด้านซา้ ยของถนน ส่งิ ทส่ี ำคัญอบย่างยิ่งที่จะต้องทำก็คือ ตอ้ ง
ควบคุมรถได้อย่างมั่นคง และออกรถได้จงั หวะสอดคล้องกับสภาพการจราจรในขณะน้ัน การออกรถ
1. เพือ่ ความปลอดภัย หนั มองดูรอบๆ แล้วเปดิ ไฟสญั ญาณเล้ียวขวา
2. เลือกใชเ้ กียร์ไปที่ตำแหน่งเกยี ร์1
3. หันมองผ่านเหนือไหล่ขวาตรวจเช็คความปลอดภัยอีกครั้ง
4. เรม่ิ ออกรถไปทางขวาชา้ ๆ
5. เม่ือออกรถเรยี บร้อยแล้ว ให้ปดิ ไฟสญั ญาณเล้ียวขวา
ขอ้ แนะนำในการออกรถ
1. การออกรถตอ้ งคำนึงถึงความปลอดภยั เปน็ หลกั จงระมัดระวังอย่าใหร้ ถคันอื่นต้องหลบหรอื
ลดความเรว็ ลงในขณะท่ีท่านนำรถออกจากขา้ งทาง
2. ระวัง! อย่าออกรถดว้ ยการเลี้ยวออกมาทางด้านขวาอย่างกระทันหัน
การออกรถอย่างรวดเร็วและการเร่งความเร็ว
1. หม่ันพยายามฝึกฝนหาความชำนาญในการออกรถอยา่ งรวดเร็ว ดว้ ยการบิดคันเร่งและ
ปล่อยคลัทชอ์ ย่างรวดเร็วให้สัมพันธ์เวลาเดยี วกัน จนกว่าจะเกิดความคล่องตัวในการใชค้ ลทั ช์ไดอ้ ยา่ งดี เพราะ
บางคร้งั การขบั ขี่รถบางครง้ั การขบั ขี่รถต้องใหส้ อดคล้องกับสภาพการจราจรในชว่ งเวลาการจราจรติดขัดหรือ
ในชว่ั โมงเร่งดว่ น
2. ฝกึ การใชค้ ลทั ชส์ ลบั กันไปมาเพอ่ื ช่วยในการปรับลดความเร็วในขณะขบั ข่รี ถเขา้ ทางแยกหรอื
หักมุมถนน
ก. วิธีเปล่ยี นเกียร์ไปท่ตี ำแหนง่ เกียร์สงู กว่า
จากตารางด้านล่างนี้จะช่วยแสดงให้เห็นว่า เมื่อไรควรจะเปลี่ยนเกียร์ไปตำแหน่งเกียร์ที่สูงกว่า
การที่จะตัดสินใจเปลี่ยนเกียร์ให้อยู่ที่ตำแหน่งเกียร์ที่สูงกว่านั้นปัจจัยขึ้นอยู่กับสภาวการณ์จราจรรอบ ๆ ตัว,
ความเรว็ ท่กี ำลงั ใชอ้ ยู่ และสมรรณะของเคร่อื งยนต์
สรปุ ผลการจัดกิจกรรมโครงการ “ขับขี่ปลอดภยั สรา้ งวินยั จราจร” 20
การเปลี่ยนรถให้ไปอยู่ที่ตำแหน่งเกียร์ที่สูงกว่าโดยไม่เร่งเครื่องยนต์ อาจทำให้เครื่องยนต์เกิด
อาการสั่นหรือกระตุก และถ้าหากการใช้เกียร์ต่ำในขณะที่วิ่งรถวิ่งด้วยความเร็วสูง ก็จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน
เชื้อเพลิงและมีเสียดังเนื่องจากเครื่องยนต์ทำงานที่ความเร็วสูง ข้อแนะนำ ควรเลือกใช้เกียร์ให้เหมาะสมและ
สัมพันธก์ ันกบั ความเรว็ ของรถด้วยวธิ ีการดอู าการสั่นหรอื ฟังสียงของเครอื่ งยนต์
ข. วธิ ีเปลี่ยนเกยี ร์ไปท่ีตำแหนง่ เกยี รต์ ่ำกว่า
• จากตารางดา้ นบนน้ีจะชว่ ยแสดงใหเ้ หน็ วา่ เมื่อไรควรจะเปล่ียนเกยี ร์ไปท่ีตำแหนง่ เกยี ร์ทต่ี ่ำ
กว่า การตดั สนิ ใจข้ึนอย่กู บั สถานการณ์ดงั ตอ่ ไปน้ี
• เมอื่ ลดความเร็วลง
• ขณะขับขีร่ ถบนทางสงู ชนั หรือขณะท่ีแซงรถคนั อนื่
• ต้องการใช้เครอ่ื งยนตช์ ่วยเบรกในขณะขบั ขบี่ นถนนที่เปียกล่ืนหรอื ขบั ข่ีรถลงเขา
ประโยชน์ของการใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรก เพื่อลดความเร็วของรถ
ในขณะท่ีเบาคันเร่ง เครื่องยนต์จะค่อย ๆ ช้าลง ล้อหลังซึ่งทำงานสัมพันธ์กันกับเครื่องยนต์จะ
ค่อย ๆ หมุนช้าลงไป ส่งผลให้ความเร็วของรถช้าลงไปด้วย การลด ความเร็วของรถด้วยวิธีนี้ เรียกว่า การใช้
เครื่องยนต์ช่วยเบรค (Engine brake) และถ้าต้องการจะลดความเร็วของรถให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นก็
สามารถทำได้ดว้ ยการเปล่ียนเกียร์ไปตำแหน่งเกยี ร์ท่ตี ่ำกว่า การใช้เคร่ืองยนต์ชว่ ยเบรคด้วยวธิ ีน้ีสำคัญอย่างย่ิง
เมื่อตอ้ งการจะชะลอคลอความเรว็ ในขณะท่ีขบั ขีร่ ถเข้าไปบนถนนที่เปยี กกลืน่ , ขณะขับขร่ี ถลงจากลงท่ลี าดชัน
, หรือเมื่อต้องการจะลดความเร็วของรถในขณะที่ขับขี่ด้วยความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม จงจำไว้เสมอว่าการใช้
เครอ่ื งยนต์ช่วยเบรคจะไม่เป็นผล ถ้ามอื ซ้ายยังบบี คลัทช์อยู่
สรุปผลการจัดกิจกรรมโครงการ “ขบั ข่ปี ลอดภยั สรา้ งวินัยจราจร” 21
การใชเ้ บรคหน้าและเบรคหลงั อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
การควบคุมให้รถหยุดอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดจงพยายามฝึกฝน
เทคนิคที่จะทำใหค้ ุณหยุดรถไดใ้ นระยะทางส้นิ สดุ เทา่ ที่จะเปน็ ไปได้โดยไม่เสยี การทรงตัว
ก. วิธัใชเ้ บรคหน้า
เบรคหน้าเป็นเบรคที่มีประสิทธิภาพในการหยุดรถได้ดี กว่าเบรกหลัง การใช้เบรกหน้าสามารถ
กระทำได้โดยค่อยๆ บีบคันเบรคด้วยมือขวา ถ้าปรากฏว่าล้อหน้าถูกล๊อคและรถ เริ่มมีอาการลื่นไถลในขณะท่ี
ใช้เบรคหน้าให้รีบปล่อย คันเบรคทันที่แล้วค่อยๆควบคุมรถให้ตั้งตรงเนื่องจาก เบรกหน้าใช้บังคับด้วยมือจึง
ควบคมุ ได้ดกี วา่ ลองเร่มิ เบรค เบาๆ อยา่ งต่อเน่ือง แล้วคอ่ ยๆ เพ่ิมแรงบีบมากขึน้ ๆ จนกว่ารถจะหยุด
ข. วิธใี ช้เบรคหลัง
เบรคหลงั สามารถกระทำได้โดยใช้เท้าขวาเหยยี บลงบนคนั เบรค การใช้เบรกหลงั อยา่ งเดียวไม่สามารถ
ที่จะหยุดรถได้ในระยะสั้นๆ เพราะเบรกหลังมีประสิทธิภาพในการหยุดรถได้น้อยกว่าเบรคหน้า และถ้าหาก
ท่านใช้เบรคหลังเพียงอย่างเดียวอย่างรุนแรง ก็จะทำให้ล้อหลังล๊อค เป็นเหตุทำให้รถลื่นไถลหรือล้มลงได้
พยายามใช้เบรกหลังเบา ๆ แล้วคอ่ ย ๆ เพม่ิ แรงเบรกทลี ะนอ้ ย
สรุปผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขับขีป่ ลอดภัย สร้างวนิ ยั จราจร” 22
ข้อแนะนำในการใชเ้ บรคอย่างถูกวธิ ี
1. คนื คนั เร่งแล้วใช้เบรค (วธิ นี ีจ้ ะทำให้เกดิ การใช้เครือ่ งยนตช์ ่วยเบรค)
2. ใช้เบรคหนา้ และเบรคหลงั พร้อมๆ กัน (จะสามารถหยุดรถไดด้ ้วยระยะทางสนั้ ๆ และมี
ประสิทธิภาพ)
3. การใช้เบรคควรใช้ในขณะที่รถอย่ใู นตำแหนง่ ตั้งตรง
4. หลีกเลย่ี งการใช้เบรคอย่างกระทันหันหรืออยา่ งรนุ แรง
5. การใช้เบรคด้วยวิธยี ้ำเบรคก่อนหยุดรถจะช่วยหลีกเล่ียงการใช้เบรคอยา่ งรนุ แรงและช่วย
เตือน ใหผ้ ูข้ ับขี่ด้านหลังเพ่ิมความระมัดระวงั ขึ้นมาก เพราะขณะที่ใชเ้ บรคสญั ญาณไฟเบรคจะปรากฏท่ี
ดา้ นหลังรถทุกครง้ั ที่ใชเ้ บรค
6. บนพ้ืนผวิ ถนนท่ีเปียก ระยะทางการหยดุ รถต้องยาวกวา่ พ้ืนถนนแห้ง จงหลกี เลีย่ งการเบรค
อย่างกระทันหนั และรนุ แรง เพราะจะทำให้รถเสียหลักลน่ื ไถลหรอื ล้มลงได้ การใช้เบรคบนถนนท่เี ปียกต้องต้ัง
ตัวรถให้ตรงอยู่เสมอหลีกเล่ียงการใชเ้ บรคอยา่ งรนุ แรง และควรขับข่ีรถท้งิ ระยะห่างจากรถคนั หน้ามากกว่า
ปกติพอสมควร
การควบคุมความเร็วรถให้อยใู่ นเกณฑ์ที่เหมาะสมมิใชเ่ พยี งแต่ข้นึ อยู่กบั สภาพการจราจรเท่านน้ั
แต่สภาพถนนยงั เป็นปัจจยั ท่สี ำคัญอีกประการหนึง่ ดว้ ย การฝึกฝนเปลี่ยนเกียร์ขึ้น - ลงให้เกดิ ความชำนาญ,
การ ฝกึ ใชเ้ ครื่องยนต์ชว่ ยเบรคพร้อมๆ กบั การใชเ้ บรคทั้งสองอย่างถูกตอ้ ง ก็จะทำให้การขับขี่รถเปน็ ไปดว้ ย
ความนมุ่ นวลและปลอดภยั
ก. การควบคุมความเร็วบนถนนทางตรง
1. รักษาความเรว็ ที่ปลอดภยั ตามความเหมาะสมของสภาพการจราจร
2. อย่าเพิ่มหรือลดความเร็วโดยไม่จำเปน็
3. ขับขี่รถด้วยความระมัดระวังไมก่ ีดขวางการจราจร
สรุปผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย สรา้ งวินยั จราจร” 23
ข. การใชค้ ลทั ชข์ ณะขับข่ที คี่ วามเรว็ ต่ำ
1. เลอื กใช้เกยี ร์ 1 หรือ 2 พร้อมกบั บดิ คนั เรง่ เล็กนอ้ ย ควบคมุ ความเรว็ ดว้ ยการบบี คลัทช์ชว่ ย
ประมาณของปกติ เพ่ือชว่ ยมใิ หเ้ ครือ่ งยนต์ดับหรือเกิดอาการกระตุก
2. พยายามควบคมุ ใหต้ รง อย่าเสยี การทรงตวั กรณีทข่ี ับขรี่ ถทค่ี วามเรว็ ต่ำมากๆ เคร่ืองอาจจะ
สนั่ หรอื กระตุก ใหบ้ ิดคันเรง่ เพม่ิ ข้นึ เล็กน้อยพร้อมกบั บีบคลทั ช์
ค. การควบคมุ ความเร็วขณะเขา้ โคง้
1. ลดความเรว็ ก่อนทจี่ ะเขา้ โค้ง
2. รกั ษาความเรว็ ทีป่ ลอดภยั ให้คงที่ขณะเข้าโค้ง
3. ค่อยๆ เพิ่มความเร็วในขณะที่รถกำลังจะวิ่งผ่านทางโค้งอย่างนุ่มนวล และต้องมั่นใจว่า
ปลอดภัย
4. เร่งความเรว็ เต็มทเ่ี มือ่ รถวง่ิ ผ่านพ้นทางโคง้ แล้ว
ก. วธิ หี ยุดรถทีจ่ ดุ เบรค
1. ลดความเร็วลงก่อนถึงเป้าหมายที่จะเบรค เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เบรคหลายๆ ครั้ง (ควรใช้
เบรคหน้า - เบรคหลัง และเครอื่ งยนต์ชว่ ยเบรคพรอ้ มๆ กนั เพอื่ หยุดรถได้ตามเปา้ หมายทก่ี ำหนด)
2. หยุดรถใหป้ ลายสุดของลอ้ หนา้ สัมผสั กบั จุดเบรคทก่ี ำหนดใหห้ ยุด
3. เปลยี่ นเกยี ร์ไปท่ตี ำแหน่งเกียร์ 1 กอ่ นทีจ่ ะหยุดรถ
4. เมอ่ื รถหยุดนง่ิ แล้วให้ใชเ้ ท้าซ้ายวางลงบนพื้น พร้อมกับบีบคลทั ชด์ ว้ ยมือซ้ายจนสุด
ข. การเบรคอยา่ งกระทันหัน
ควรฝึกฝนการเบรคอยา่ งรวดเรว็ และปลอดภัย โดยใชร้ ะยะทางในการเบรคใหส้ ้ันทสี่ ดุ และในกรณี
ทตี่ ้องเบรคอย่างฉุกเฉิน เชน่ คนว่ิงขา้ มถนนตดั หนา้ อยา่ งกระช้นั ชดิ หรอื มีรถวง่ิ ตดั หนา้ อย่างคาดไม่ถงึ
ค. ขอ้ แนะนำในการใชเ้ บรคอยา่ งกระทนั หนั
1. ควบคุมรถใหต้ ้งั ตรง
2. ทำการเบรครถอยา่ งถูกตอ้ งตามขั้นตอน ใช้เบรคหนา้ มากกว่าเบรคหลงั ระวงั ใหล้ อ้ ลอ๊ ค
3. รกั ษาทา่ ทางการขับขีใ่ หถ้ ูกตอ้ ง ในขณะที่เบรคอย่างรวดเรว็
• เข่าทั้งสองหนบี ชดิ กบั ถงั นำ้ มัน
• ศอกท้ังสองแบนชดิ ลำตวั
สรปุ ผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขบั ขีป่ ลอดภัย สรา้ งวนิ ยั จราจร” 24
• มอื ทงั้ สองขา้ งจับแฮนดใ์ ห้กระชบั งอข้อมอื เล็กนอ้ ย ลกั ษณะเตรียมพร้อมทจ่ี ะรบั น้ำหนักตัว
เอาไว้ไม่ให้ถลำไปดา้ นหน้า
4. บบี คลทั ชใ์ ห้สุดก่อนท่ีจะหยดุ รถ แล้ววางเท้าซ้ายบน
ก. ท่าทางการขับข่ี
1. การเอยี งตวั ควรอยี งตวั ไปในทิศทางเดยี วกนั กับตวั รถ ซึ่ง
เปน็ ธรรมชาติ ทจ่ี ะตอ้ งเอียงตัวตามไปในทิศทางของทางโค้ง
2. ศรีษะตั้งตรง อย่าเอยี งไปทิศทางเดียวกับรถ
3. หา้ มเอยี งรถมากจนเกนิ ไป
4. เท้าท้ังสองวางอยบู่ นท่ีพักเทา้ ตลอดเวลา
ข. การมอง
1. มองไกลไปขา้ งหน้าตรงจุดทตี่ ้องการจะไป
2. ห้ามกม้ มองลงท่ีพน้ื หรือก้มหนา้
โดยปกตใิ นขณะท่ีรถไปบนทางโค้งผู้ขบั ขจี่ ะตอ้ งเอียงตวั รถไปในทางทิศ
เดียวกนั กับทางโค้งท่จี ะไปข้างหนา้ เรา เรียกอาการเช่นนีว้ ่า "การเอียง
รถ" (Banking)
• ทำนองเดยี วกบั ผขู้ บั ขีจ่ ะต้องเอยี งตัวในทิศทางเดียวกันกบั ตัวรถด้วย
• เมอื่ ขบั ขรี่ ถเข้าโค้งดว้ ยความเร็วสูง ควรจะเออียงตวั รถให้เหมาะเพือ่ สรา้ งสมดุลย์กบั แรงหนีศูนยก์ ลาง
(centrifugal force) ทเ่ี กดิ ขึ้น
• ถ้าหากท่านเอียงรถมากเกินไปกจ็ ะทำรถเสยี หลกั ลน่ื ไถลและลม้ ลงได้
• เมอ่ื ขับข่รี ถเข้าโค้งที่ง่ายๆ หรือใช้ความเร็วช้าๆ ไมจ่ ำเป็นท่ีจะต้องเอยี งตัวรถมากเกินไป
สรุปผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขับข่ปี ลอดภยั สรา้ งวนิ ยั จราจร” 25
ขอ้ แนะนำในการเขา้ โค้ง
• ลดความเร็วลงก่อนทีจ่ ะเข้าโค้ง
• รักษาความเรว็ ท่ปี ลอดภัย และเริ่มเอยี งตัวรถให้ทำมมุ ท่ีพอเหมาะกับสภาพของโค้งถนน
• คอ่ ยๆ เรง่ เครือ่ งยนตอ์ ยา่ งนุ่มนวลเมือรถเรม่ิ ผ่านโค้ง เพื่อช่วยพยุงรถใหต้ ง้ั ตรง
• โดยปกติทว่ั ๆ ไปจะไม่มีการใช้เบรคขณะที่รถอยู่ในโค้ง แต่ถ้าจำเป็นต้องชะลอความเรว็ ลงขณะอยูใ่ นโค้ง
ควรใช้เครื่องยนต์ชว่ ยเบรค (Engine Brake) พร้อมๆ กับใช้เบรคหนา้ ชว่ ยเพียงเล็กน้อย
• เมือ่ เข้าโคง้ บนถนนท่ีเปยี กหรือลน่ื ควรเข้าโคง้ อยา่ งช้าๆ ห้ามเอียงรถมากเกินความจำเป็น
ในขณะขบั ข่รี ถด้วยความเร็วต่ำ จะทำให้เกดิ เสยี การทรงตวั รถสา่ ยไปมาได้ง่าย ในบทนจ้ี ะเรยี นร้ถู งึ วธิ กี ารทรง
ตวั ในขณะท่ีขับขีร่ ถดว้ ยความเรว็ ต่ำโดยทดสอบบนไม้กระดานแคบ ๆ
1. หยดุ รถกอ่ นจะถึงไมก้ ระดานแคบ ตั้งล้อหนา้ ใหต้ รง
2. เลือกให้เกียร์ 1 ในการออกรถ ทันทที ี่ ลอ้ หน้าอยู่บนไม้กระดาน ค่อยๆ ควบคมุ รถใหล้ อ้ หน้าต้ังตรง
3. ขบั ขีด่ ้วยความเร็วที่คงท่ชี ้าๆ
• พยายามควบคุมรถให้ชา้ ท่สี ุดเทา่ ทีจ่ ะเป็นไปไดโ้ ดย ใชส้ ว่ นบงั คบั เชน่ คัน เร่ง, เบรคหลังและคลัทช์ ให้
สมั พันธก์ นั
• แนบเขา่ ทัง้ สองขา้ งไว้กบั ถงั น้ำมนั ถา้ รถเร่ิมส่ายไปทางซ้ายหรอื ทางขวาให้รีบแก้ไขด้วยการบงั คบั แฮนดใ์ ห้
ตรงหรือโยกตวั ขึน้ เพ่อื ถ่ายน้ำหนกั ให้สมดลุ
• สายตามองตรงไปข้างหน้า
สรุปผลการจัดกิจกรรมโครงการ “ขบั ขีป่ ลอดภยั สรา้ งวนิ ัยจราจร” 26
ตอ้ งคำนึงถงึ ขนาดของตัวรถและศึกษาเส้นทางเสยี กอ่ นวา่ ลอ้ หนา้ และล้อหลังของรถจะสามารถไปในชอ่ งทาง
คบั แคบนน้ั ได้หรอื ไม่ในขณะที่รถเลีย้ วไปมา
ก. คาดคะเนขนาดของตวั รถวา่ สามารถทีจ่ ะขบั ข่ีผา่ นไปในช่องทางแคบๆ ทั้งสองข้างนั้นได้หรือไม่
ข. ขณะขับขี่ในทางคับแคคดเคี้ยว โดยมีเครื่องหมายอยู่ที่ล้อทั้งสองข้าง จะแสดงถึงความแตกต่างของแนววิ่ง
ของล้อหน้าและล้อหลังขณะขับขี่ผ่านทางคดเคี้ยวที่มีสิ่งกีดขวาง ต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ของผู้ ขับขี่กับรถ
และการทรงตัว ฝึกฝนซ้ำๆ ตั้งแต่ความเร็ว 10 กม. /ชม. จนถึง 30 กม. /ชม.จนมั่นใจว่าสามารถบังคับคันเรง่
และห้ามล้อได้ รู้จักการเอียงไปทางซ้ายหรือขวาและการตั้งรถตรงทั้งหมดนี้จะช่วยพัฒนาทักษะที่จำเป็น
สำหรบั การขบั ข่อี ย่างปลอดภยั ทำตามข้ันตอนตอ่ ไปน้ี
1. ตามองตรงไปที่กรวยยาง แถวที่ 2 และ 3 27
2. ควบคุมรถให้ต้งั ตรง
3. เร่มิ เอียงตัวรถไปทางซา้ ย
4. บิดคนั เร่งเพ่ือใหร้ ถเร่มิ ทรงตวั ตั้งตรง
5. ต้งั รถตรงและผอ่ นคนั เรง่
6. เอียงรถไปทางขวา
สรุปผลการจัดกิจกรรมโครงการ “ขับขีป่ ลอดภัย สร้างวนิ ัยจราจร”
ใหผ้ ขู้ บั ขท่ี ำการทบทวนโดยรวมข้อปฏบิ ัติในบททีห่ น่ึงและบทที่สอง เพอ่ื ช่วยใหเ้ กดิ ความชำนาญใน
การใช้รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภยั ควรตรวจสอบรายการต่อไปน้วี า่ ท่านมีความสามารถทำได้ครบถ้วน
และถูกต้องหรือไม่
1. ทา่ ทางการขับขถ่ี กู ต้องหรือไม่
2. ออกรถอย่างถูกต้องโดยปราศจากความยุ่งยากหรอื ไม่
3. สามารถเปล่ยี นเกียร์ได้ตามต้องการด้วยความเรยี บรอ้ ยหรือไม่
4. สามารถควบคุมการใชเ้ บรคไดด้ หี รอื ไม่
5. สามารถหยดุ รถไดท้ ันทว่ งทหี รอื หยุดรถขณะคบั ขนั ได้อย่างงา่ ยดายหรอื ไม่
6. ลดความเร็วกอ่ นเข้าทางโคง้ และขบั ข่ีผา่ นทางโคง้ โดยท่าทางการขบั ข่ที ี่ถูกต้องหรอื ไม่
7. สามารถขับข่ีบนไมก้ ระดานแคบและทางที่คดเค้ยี วมีสิ่งกดี ขวางไดโ้ ดยง่ายดายหรือไม่
หากท่านตดิ ขัดหรือหรือไม่สามารถทำได้อย่างถูกต้องในข้อใดข้อหนง่ึ จงพยายามหมัน่ ฝกึ ฝนให้บอ่ ยคร้งั ใน
หัวข้อน้ัน จนกว่าท่านจะมคี วามรู้สกึ วา่ ทำได้อยา่ งคลอ่ งแคล่ว และถกู ต้องแลว้
สรุปผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขับขีป่ ลอดภยั สร้างวนิ ัยจราจร” 28
ปา้ ยบงั คับ
สรปุ ผลการจดั กจิ กรรมโครงการ “ขบั ข่ปี ลอดภยั สรา้ งวนิ ยั จราจร” 29
ป้ายเตอื น
สรปุ ผลการจดั กจิ กรรมโครงการ “ขบั ขี่ปลอดภยั สรา้ งวนิ ัยจราจร” 30
ป้ายแนะนำทั่วไป
สรปุ ผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขับข่ปี ลอดภยั สร้างวินยั จราจร” 31
เสน้ เครื่องหมายบนพนื้ ทาง
สรปุ ผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขบั ขีป่ ลอดภัย สร้างวินยั จราจร” 32
คุณสมบัติของผ้ขู อรบั ใบอนญุ าต ขับรถจักรยานยนต์
การขอรบั ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ชวั่ คราว
• มอี ายุไม่ต่ำกวา่ 15 ปบี รบิ ูรณ์ สำหรบั ผูข้ อรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ชวั่ คราว ทม่ี ีความจกุ ระบอกสบู
ไมเ่ กิน 110 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร
• และมีอายไุ ม่ตำ่ กว่า 18 ปบี ริบรู ณ์ สำหรับผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ชั่วคราวท่ีมคี วามจุกระบอก
สบู เกินกว่า 110 ลกู บาศก์เซนตเิ มตร มีความรู้ความสามารถในการขับรถ
• มคี วามรใู้ นข้อบงั คับการเดินรถตามพระราชบญั ญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 และกฎหมายวา่ ดว้ ยการจราจรทาง
บก
• ไมเ่ ปน็ ผมู้ ีร่างกายพกิ ารจนเป็นทเี่ ห็นได้วา่ ไม่สามารถขับรถได้
• ไมม่ โี รคประจำตวั ที่ผู้ประกอบวชิ าชีพเวชกรรม เหน็ วา่ อาจเปน็ อนั ตรายขณะขับรถ
• ไม่เปน็ บุคคลวิกลจริตหรอื จติ ฟั่นเฟือน
• ไม่มใี บอนุญาตขบั รถชนดิ เดยี วกันอยู่แล้ว
• ไมเ่ ป็นผู้อยู่ในระหว่างถกู ยดึ หรอื เพิกถอนใบอนญุ าตขับรถ
ให้ผ้ปู ระสงค์ขอรบั ใบอนญุ าตขบั รถ ยน่ื คำไดท้ ส่ี ำนักงานขนส่งท่ัวประเทศ
• ภาพถ่ายบตั รประจำตวั ประชาชน หรอื หลักฐานอยา่ งอืน่ ทใ่ี ชแ้ ทนบตั รประจำตวั ประชาชนหรือใบสำคญั
ประจำตัวคนตา่ งด้าว หรือหนังสอื เดินทางแล้วแต่กรณี
• สำเนาหรอื ภาพถ่ายทะเบียนบ้าน หรือหลักฐานแสดงถ่ินทอ่ี ยู่ และหลักฐานการอนุญาตใหอ้ ยู่ใน
ราชอาณาจกั รเป็นการชวั่ คราว ตามกฏหมายว่าด้วยคนเขา้ เมอื งแล้วแต่กรณี
• ใบรับรองแพทย์แสดงวา่ ผ้ขู อไมม่ ีโรคประจำตวั อนั อาจเป็นอันตรายขณะขบั รถ
• รูปถา่ ยครงึ่ ตวั หน้าตรง ไมส่ วมหมวกและแวน่ ตา เวน้ แตบ่ ุคคล ซงึ่ จำเปน็ ตอ้ งสวมหมวกหรือโพกผ้าตามลัทธิ
ศาสนาของตน ขนาด 3 x 4 เซนตเิ มตร จำนวน 2 รูป ซง่ึ ถ่ายกอ่ นยนื่ คำขอไม่เกนิ 6 เดือน
• ภาพถ่ายใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถตามกฎหมาย ว่าด้วยการขนส่งทางบกหรือกฎหมายวา่ ด้วยรถยนต์ทหาร
(ถา้ มี)
• ถา้ มีภาพถา่ ยใบอนุญาตขบั รถชนิดเดียวกันท่ีรฐั บาลต่างประเทศออกให้ (ถา้ มี)
• ภาพถา่ ยใบอนญุ าตขบั รถระหวา่ งประเทศตามอนุสญั ญาว่าดว้ ยการจราจรทางถนน ทำ ณ นครเจนวี า
ค.ศ. 1949 (ถ้าม)ี
ใบอนญุ าต 1 ปีและตลอดชีพ
• มคี ุณสมบตั ิเชน่ เดียวกับผู้ขอรับใบอนญุ าตขบั รถจักรยานยนต์ชว่ั คราว
• ไมเ่ คยต้องคำพิพากษาถึงทสี่ ดุ ให้ลงโทษ หรอื ถูกเจ้าพนักงานเปรยี บเทยี บปรับตงั้ แต่ 2 ครัง้ ขึ้นไป สำหรบั
ความผิดเกีย่ วกบั การขับรถอย่างหนึง่ อยา่ งใดดงั ต่อไปน้ี เวน้ แต่จะพ้นโทษครงั้ สุดทา้ ยไม่น้อยกวา่ 6 เดือน
• ก) ฝ่าฝืนสัญญาจราจรหรอื เครื่องหมายจราจร
• ข) ในขณะเมาสรุ าหรอื ของมึนเมาอย่างอ่นื
สรปุ ผลการจัดกิจกรรมโครงการ “ขบั ข่ปี ลอดภยั สรา้ งวนิ ยั จราจร” 33
• ค) ในลกั ษณะกีดขวางการจราจร
• ง) ใช้ความเรว็ เกินอตั ราที่กฎหมายกำหนด
• จ) โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแกบ่ ุคคลหรอื ทรัพยส์ นิ
• ฉ) โดยไมค่ ำนงึ ถงึ ความปลอดภยั หรอื ความเดือดรอ้ นของคนอ่ืน
• ใบอนญุ าตขับรถจักรยานยนต์ช่ัวคราวหรอื ใบแทน ซึ่งมีอายุไม่นอ้ ยกวา่ 1 ปี แล้วแต่กรณี
• ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน หรอื หลกั ฐานอยา่ งอ่นื ที่ใชแ้ ทนบัตรประจำตวั ประชาชนหรือใบสำคัญ
ประจำตัวคนต่างด้าว หรอื หนังสือเดนิ ทางแลว้ แตก่ รณี
• สำเนาหรอื ภาพถ่ายทะเบียนบ้าน หรอื หลกั ฐานแสดงถิ่นที่อยู่ และหลักฐานการอนุญาตให้อยู่ใน
ราชอาณาจักรเป็นการชวั่ คราว ตามกฏหมายว่าดว้ ยคนเข้าเมืองแล้วแต่กรณี
• ใบรบั รองแพทย์แสดงวา่ ผูข้ อไม่มีโรคประจำตัวอนั อาจเปน็ อันตรายขณะขับรถ
• รูปถา่ ยคร่ึงตวั หน้าตรง ไม่สวมหมวกและแวน่ ตา เว้นแต่บคุ คล ซึง่ จำเป็นต้องสวมหมวกหรือโพกผา้ ตามลทั ธิ
ศาสนาของตน ขนาด 3 x 4 เซนติเมตร จำนวน 2 รปู ซ่ึงถ่ายก่อนย่ืนคำขอไมเ่ กิน 6 เดือน
ชนิดและอตั ราคา่ ธรรมเนยี ม
• ใบอนุญาตขบั รถจักรยานยนต์ชั่วคราวมอี ายุ 1 ปี
• ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์มีอายุ 1 ปี ผู้ได้รบั อนุญาตขบั รถประเภทนี้ ต้องไดร้ ับใบอนุญาตขบั
รถจักรยานยนต์ชัว่ คราวมาแล้วไม่นอ้ ยกว่า 1 ปี
• ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ตลอดชีพ ผ้ไู ดร้ บั ใบอนญุ าตประเภทนี้ต้องได้รบั อนุญาตขับรถจักรยานยนต์ท่ี
มีอายุ 1 ปี (ตามข้อ2) มาแล้วไม่น้อยกวา่ 1 ปี และต้องมีอายุไมต่ ำ่ กวา่ 20 ปบี ริบรู ณ์
• ใบอนญุ าตขับรถจักรยานยนต์ช่ัวคราว 55 บาท
• ใบอนญุ าตขบั รถจักรยานยนต์หนง่ึ ปี 55 บาท
• ใบอนญุ าตขบั รถจักรยานยนต์ตลอดชพี 505 บาท
ขั้นตอนการขอรบั ใบอนญุ าต
ยื่นแบบคำขอลว่ งหน้าไม่น้อยกวา่ 3 วันทำการ พร้อมเอกสารดังนี้
• ภาพถ่ายบตั รประจำตวั ประชาชน หรือหลักฐานอยา่ งอนื่ ที่ใชแ้ ทนบัตรประจำตัวประชาชนหรือใบสำคัญ
ประจำตวั คนต่างด้าว หรือหนังสอื เดินทางแลว้ แต่กรณี พรอ้ มรบั รองสำเนาถกู ต้อง สำเนาหรอื ภาพถา่ ย
ทะเบียนบา้ น หรือหลักฐานแสดงถ่ินทอ่ี ยู่ และหลกั ฐานการอนุญาตให้อยใู่ นราชอาณาจักรเป็นการชวั่ คราว
ตามกฎหมาย ว่าดว้ ยคนเข้าเมอื งแล้วแต่กรณี พรอ้ มรับรองสำเนาถูกต้องกรณีเป็นเอกสารสำเนา ใบรบั รอง
แพทย์แสดงว่าผ้ขู อไม่มีโรคประจำตัวอนั อาจเปน็ อนั ตรายขณะขบั รถ รปู ถ่ายครง่ึ ตัวหน้าตรง ไมส่ วมหมวกและ
แว่นตา เวน้ แตบ่ ุคคลซง่ึ จำเป็นต้องสวมหมวกหรือโพกผา้ ตามลัทธิศาสนาของตน ขนาด 3 x 4 เซนตเิ มตร
จำนวน 2 รูป ซึง่ ถา่ ยก่อนยื่นคำขอไม่เกนิ 6 เดือน
• เขา้ รับการทดสอบสายตาบอดสี
• รบั ใบนัดเพ่ือทำการอบรมและทดสอบ เขา้ รับการอบรมภาคทฤษฎีตาม วนั เวลา ทีก่ ำหนด
สรปุ ผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขบั ข่ีปลอดภัย สร้างวินยั จราจร” 34
• เขา้ รบั การทดสอบภาคทฤษฎีตาม วนั เวลา ท่ีกำหนด โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องมผี ลการทดสอบไมน่ ้อย
กว่ารอ้ ยละ 75 จึงจะถือว่าผา่ นการทดสอบ
• เม่ือผ้เู ขา้ รบั การทดสอบ ผ่านการทดสอบภาคทฤษฎใี ห้ผู้เข้ารบั การทดสอบเข้ารับการทดสอบภาคปฏบิ ตั ิ
• ขอรับหนังสือรับรองและใบนำส่งเพื่อขอรับใบอนุญาตขับรถตามภูมิลำเนา ตามวนั เวลา ทกี่ ำหนด
• นำเอกสารท่ีได้รบั พร้อมจดั เตรียมเอกสารประกอบคำขอรบั ใบอนุญาตขับรถ ไปติดต่อเพื่อขอรับใบอนุญาต
ขบั รถตามภูมิลำเนาโดยไมต่ ้องผา่ นการอบรมและทดสอบอีก
• เอกสารที่ได้รับมีอายุไมเ่ กนิ 1 ปี และเอกสารดังกลา่ วต้องไมป่ รากฏรอยชำรุดฉีกขาด
สรปุ ผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขับขีป่ ลอดภยั สร้างวนิ ยั จราจร” 35
บทที่ 3
วธิ ีการดำเนนิ การ
3.1 กลุ่มเปา้ หมาย
เชิงปรมิ าณ
ประชาชนในพนื้ ที่ตำบลควร จำนวน 22 คน
เชิงคุณภาพ
ประชาชนในพ้ืนท่ีตำบลควร มีความร้คู วามเข้าใจในวินัยจราจรและมีจติ สำนึก ปรับเปลย่ี น
พฤติกรรมการใช้รถใชถ้ นน ลดอุบตั ิเหตุจากการขบั ขี่ยานพาหนะ และดำรงอยใู่ นสงั คมอย่างมคี วามสขุ
3.2 ขน้ั ตอนดำเนนิ การ
1. ขนั้ วางแผน (Plan)
- สำรวจกลมุ่ เป้าหมาย
- วิเคราะหข์ ้อมลู
2. ข้ันดำเนินการ (Do)
- ลงทะเบยี น
- จดั กจิ กรรม
3. ขัน้ ตรวจสอบ (Check)
- นเิ ทศตดิ ตามผล
- สรุปและรายงานผลการดำเนนิ งาน
4. ข้นั ปรบั ปรงุ แก้ไข (Action)
-นำผลการสรปุ มาปรบั ปรงุ แก้ไข
3.3 เครื่องมอื ทใี่ ชใ้ นการประเมนิ
เครือ่ งมอื ท่ีใช้ในการประเมินคร้งั นี้ คือแบบสอบถามความพึงพอใจหลงั จากเสรจ็ ส้นิ โครงการ
3.4 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
1. ข้อมลู จากใบลงทะเบยี นผู้เข้ารว่ ม โครงการขับขปี่ ลอดภัย สรา้ งวินยั จราจร
2. ข้อมูลจากแบบสอบถามความพงึ พอใจ โดยการแจกให้ผเู้ ข้าร่วมโครงการ จำนวน 22 ชุด
3.5 การวเิ คราะห์ข้อมูล
ผู้ประเมินได้ใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ ในเชิงปริมาณใช้สถิติพรรณนา
ในการวเิ คราะหข์ อ้ มลู และใช้โปรแกรมทางคอมพวิ เตอร์ในการประมวลผลขอ้ มลู
สรปุ ผลการจัดกิจกรรมโครงการ “ขบั ขปี่ ลอดภยั สร้างวินัยจราจร” 36
บทที่ 4
ผลทเ่ี กดิ ข้นึ
ขอ้ มูลทั่วไป
ตารางที่ 1 จำนวนร้อยละของเพศ ผเู้ ข้ารว่ มหลกั สตู ร
เพศ จำนวน/คน รอ้ ยละ
ชาย 9 36.00
หญงิ 16 64.00
รวม 25 100.00
แผนภมู ิแสดงเพศของผ้ตู อบแบบสอบถาม
120
100.00
100
80
64.00
60
40 36.00 25
20 9 16
0
ชาย หญิง รวม
จานวน/คน ร้อยละ
สรุปผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขับขี่ปลอดภยั สรา้ งวนิ ยั จราจร” 37
ตารางที่ 2 จำนวนรอ้ ยละของอายุผูเ้ ขา้ ร่วมหลักสูตร
ช่วงอายุ จำนวน/คน รอ้ ยละ
15 - 39 ปี 5 20.00
40 - 49 ปี 9 36.00
50 - 59 ปี 8 32.00
60 ปีข้นึ ไป 12.00
3 100.00
รวม 25
แผนภมู ิแสดงช่วงอายุของผู้เข้ารว่ มหลกั สูตร
120
100.00
100
80
60
40 36.00 32.00
20.00 25
20
5 9 8 12.00
3
0
15 - 39 ปี 40 - 49 ปี 50 - 59 ปี 60 ปีขึ้นไป รวม
จานวน/คน ร้อยละ
สรุปผลการจดั กจิ กรรมโครงการ “ขบั ขป่ี ลอดภัย สร้างวินัยจราจร” 38
ตารางท่ี 3 ร้อยละของระดับการศกึ ษาของผู้เข้าร่วมหลักสตู ร
ระดับการศกึ ษา จำนวน/คน ร้อยละ
ประถมศกึ ษา 3 12.00
ม.ต้น 9 36.00
ม.ปลาย 13 52.00
รวม 25 100.00
แผนภมู ิแสดงระดับการศกึ ษาของผตู้ อบแบบสอบถาม
120
100.00
100
80
60 36.00 52.00 25
9 13
40
ม.ตน้ ม.ปลาย รวม
20 12.00 จานวน/คน ร้อยละ
3
0
ประถมศกึ ษา
สรปุ ผลการจัดกจิ กรรมโครงการ “ขบั ขี่ปลอดภยั สร้างวนิ ยั จราจร” 39
ตารางท่ี 4 จำนวนรอ้ ยละของความพึงพอใจตอ่ หลักสูตรของผู้ตอบแบบสอบถาม
ประเดน็ วดั ความพงึ พอใจ มาก มาก ปาน น้อย นอ้ ย
ทสี่ ุด (5) (4) กลาง (3) (2) ท่ีสดุ (1)
1. เนื้อหาของหลักสตู รตรงกับความตอ้ งการ จำนวนคน 16 14 - - -
-
ของผูร้ บั การอบรม คดิ เป็นร้อยละ 64.00 56.00 - - -
-
2. วิทยากรมาให้ความรู้ตรงตามเวลา จำนวนคน 13 17 - - -
-
คดิ เปน็ ร้อยละ 52.00 68.00 - - -
-
3. วทิ ยากรมาใหค้ วามรู้ครบตามหลักสตู ร จำนวนคน 23 7 - - -
-
กำหนด คดิ เป็นร้อยละ 92.00 28.00 - - -
-
4. ความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ของ จำนวนคน 23 7 - - -
-
วิทยากร คดิ เปน็ รอ้ ยละ 92.00 28.00 - - -
-
5. จำนวนสอื่ /อปุ กรณ์การฝึกประกอบการเรยี น จำนวนคน 16 14 - - -
-
เพียงพอเพียงใด คดิ เป็นรอ้ ยละ 64.00 56.00 - - -
-
6. ทา่ นได้รบั ความรู้และสำมารถฝกึ ทกั ษะได้ จำนวนคน 18 12 - - -
-
ตามทีค่ าดหวังมากน้อย เพยี งใด คิดเป็นรอ้ ยละ 72.00 48.00 - - -
-
7. ความรู้ทักษะท่ีได้ สำมารถนำไปใชป้ ระกอบ จำนวนคน 20 10 - - -
-
อาชีพไดเ้ พียงใด คดิ เป็นรอ้ ยละ 80.00 40.00 - - -
-
8. สถานทีเ่ รยี นเหมาะสมเพียงใด จำนวนคน 22 8 - - -
-
คิดเป็นรอ้ ยละ 88.00 32.00 - -
9. ทา่ นได้รับโอกาสในการเรยี นรู้เทา่ เทยี มกัน จำนวนคน 22 8 - -
เพียงใด คิดเป็นรอ้ ยละ 88.00 32.00 - -
10. ระยะเวลาในการเรียน/ กิจกรรมเหมาะสม จำนวนคน 22 8 - -
เพยี งใด คดิ เป็นร้อยละ 88.00 32.00 - -
11. ความรูท้ ่ไี ด้รับคมุ้ คา่ กับเวลา และความ จำนวนคน 25 5 - -
ตงั้ ใจเพียงใด คดิ เปน็ ร้อยละ 100.00 20.00 - -
12. ท่านพึงพอใจต่อหลักสูตรนีเ้ พยี งใด จำนวนคน 25 5 - -
คิดเป็นรอ้ ยละ 100.00 20.00 - -
13. สถานท่ี วสั ดุ อปุ กรณ์และส่งิ อำนวยความ จำนวนคน 18 12 - -
สะดวก คิดเป็นรอ้ ยละ 72.00 48.00 - -
14. การสื่อสาร การสร้างบรรยากาศเพอ่ื ใหเ้ กิด จำนวนคน 18 12 - -
การเรียนรู้ คิดเปน็ ร้อยละ 72.00 48.00 - -
15. การบริการ การช่วยเหลอื และการแกป้ ญั หา จำนวนคน 18 12 - -
คิดเป็นร้อยละ 72.00 48.00 - -
สรุปผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขบั ขป่ี ลอดภัย สร้างวินัยจราจร” 40
สรปุ ผลการจัดกจิ กรรมโครงการ “ขบั ขี่ปลอดภัย สร้างวนิ ยั จราจร” 0.00 20.00 40.00 28.0028.00 60.00 56.0052.00 80.00 64.00 68.00 100.00 120.00
ระดับความพงึ พอใจ มากที่สุด เนอื้ หาตรงตามความต้องการ 92.0092.00 แผนภูมแิ สดงระดับความพงึ พอใจต่อหลักสูตรของผตู้ อบแบบสอบถาม
ระดับความพึงพอใจ ปานกลาง เนือ้ หาเพยี งพอต่อความต้องการ
ระดับความพึงพอใจ นอ้ ยทส่ี ดุ 56.00 72.00
เนื้อหาปัจจบุ ันทันสมยั 48.00 64.00
เนื้อหามีประโยชน์ตอ่ การนาไปใช้ในการพฒั นาคณุ ภาพ…
40.00 80.00
การเตรยี มความพรอ้ มกอ่ นอบรม
ระดบั ความพงึ พอใจ มาก การออกแบบกจิ กรรมเหมาะสมกบั วัตถุประสงค์ 32.0032.0032.00 88.0088.0088.00 100.00100.00
ระดบั ความพงึ พอใจ น้อย
การจดั กิจกรรมเหมาะสมกบั เวลา 20.0020.00
การจัดกิจกรรมเหมาะสมกบั กล่มุ เปา้ หมาย 72.0072.0072.00
วธิ กี ารวัดผล/ประเมนิ ผลเหมาะสมกับวตั ถุประสงค์ 48.0048.0048.00
41 วทิ ยากรมคี วามรูค้ วามสามารถในเรื่องท่ถี า่ ยทอด
วิทยากรมีเทคนคิ การถา่ ยทอดใช้ส่อื เหมาะสม
วิทยากรเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมและซักถาม
สถานท่ี วสั ดุ อุปกรณแ์ ละส่ิงอานวยความสะดวก
การส่ือสาร การสรา้ งบรรยากาศเพ่ือใหเ้ กิดการเรยี นรู้
การบรกิ าร การช่วยเหลือและการแกป้ ญั หา
บทที่ 5
สรปุ อภิปรายและขอ้ เสนอแนะ
ในการกิจกรรม โครงการส่งเสริมการเรยี นรู้เรอ่ื งการขับข่ีปลอดภยั สรา้ งวนิ ัยจราจร มวี ตั ถุประสงค์ ดงั นี้
1. เพอื่ ลดอุบตั ิเหตใุ นการขับข่ยี านพาหนะ
2. เพือ่ สรา้ งเสริมวนิ ัยจราจรใหก้ บั ผ้ใู ช้รถใชถ้ นนในพื้นท่ี
3. เพือ่ สร้างจิตสำนึกและปรับเปลีย่ นพฤตกิ รรมของผใู้ ช้รถใชถ้ นนในพ้นื ที่ได้ปฏบิ ตั ิตามกฎหมาย
จราจรโดยเคร่งครัด
สรปุ
ผเู้ ข้ารว่ มโครงการจากเป้าหมาย 22 คน มผี ูเ้ ขา้ ร่วมโครงการจรงิ รวมจำนวน 25 คน ลักษณะทั่วไป
ของกลุ่มเปา้ หมายพบว่าสว่ นใหญ่เปน็ เพศหญงิ จำนวน 16 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 64 เพศชาย จำนวน 9 คน คิดเปน็
ร้อยละ 36 ช่วงอายุของผู้เข้าร่วมกิจกรรมมากที่สุด อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 40 - 49 ปี จำนวน 9 คน คิดเป็น
ร้อยละ 36 ระดับการศกึ ษาท่ีเขา้ รว่ มกิจกรรมมากทสี่ ุดอยู่ใน ระดับม.ปลาย จำนวน 13 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 52
ผลที่ได้จากการวิเคราะห์ความพงึ พอใจจากแบบสอบถามดังนี้
1. เน้ือหาตรงตามความต้องการ อย่ใู นระดบั มากทีส่ ดุ รอ้ ยละ 64
2. เนอ้ื หาเพยี งพอต่อความต้องการ อยใู่ นระดับมาก ร้อยละ 68
3. เนือ้ หาปัจจบุ ันทนั สมยั อยใู่ นระดับมากทส่ี ดุ ร้อยละ 92
4. เนื้อหามีประโยชนต์ อ่ การนำไปใชใ้ นการพัฒนาคุณภาพชีวิต อยใู่ นระดับมากที่สดุ ร้อยละ 92
5. การเตรียมความพร้อมก่อนอบรม อยูใ่ นระดบั มาก ร้อยละ 64
6. การออกแบบกจิ กรรมเหมาะสมกบั วตั ถปุ ระสงค์ อยใู่ นระดับมากทส่ี ดุ ร้อยละ 72
7. การจดั กจิ กรรมเหมาะสมกับเวลา อยใู่ นระดบั ปานกลาง ร้อยละ 80
8. การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับกลุ่มเปา้ หมาย อย่ใู นระดับมากท่สี ุด รอ้ ยละ 88
9. วิธีการวัดผล/ประเมนิ ผลเหมาะสมกับวัตถปุ ระสงค์ อยใู่ นระดบั มากทส่ี ุด รอ้ ยละ 88
10. วิทยากรมีความรู้ความสามารถในเร่ืองทถี่ า่ ยทอด อยู่ในระดบั มากทส่ี ดุ รอ้ ยละ 88
11. วิทยากรมเี ทคนิคการถ่ายทอดใช้ส่ือเหมาะสม อยูใ่ นระดบั มากทส่ี ดุ ร้อยละ 100
12. วทิ ยากรเปิดโอกาสให้มสี ่วนร่วมและซกั ถาม อยใู่ นระดับมากท่สี ุด รอ้ ยละ 100
13. สถานที่ วัสดุ อุปกรณ์และส่ิงอำนวยความสะดวก อยใู่ นระดับมากทีส่ ุด รอ้ ยละ 72
14. การส่อื สาร การสรา้ งบรรยากาศเพื่อให้เกิดการเรยี นรู้ อยูใ่ นระดับมากที่สดุ ร้อยละ 72
15. การบรกิ าร การชว่ ยเหลือและการแกป้ ัญหา อยูใ่ นระดบั มากที่สดุ ร้อยละ 72
สรปุ ผลการจัดกจิ กรรมโครงการ “ขบั ขป่ี ลอดภยั สรา้ งวินยั จราจร” 42
สรุปความพึงพอใจ
วิทยากรมีเทคนิคการถ่ายทอดใช้สื่อเหมาะสม และ วิทยากรเปิดโอกาสใหม้ ีสว่ นรว่ มและซักถาม
อยใู่ นระดับมากทีส่ ดุ ร้อยละ 100
อภปิ รายผล
ประชาชนที่เข้าร่วม โครงการ “ขับขี่ปลอดภัย สร้างวินัยจราจร” มีความรู้ความเข้าใจในวินัย
จราจรและมีจิตสำนึก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนน ลดอุบัติเหตุจากการขับขี่ยานพาหนะ และดำรง
อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข สังเกตได้จากการร่วมกิจกรรมและการตอบแบบสอบถามความพึงพอใจของ
ผู้เขา้ รว่ มกิจกรรม จำนวน 25 คน เกินตามเปา้ หมายที่วางไว้
จดุ เดน่ ของโครงการ
ผู้เข้ารว่ มโครงการสามารถนำความรู้ทไ่ี ดร้ บั ไปใช้ในชวี ติ ประจำวันได้
ขอ้ เสนอแนะ
ควรจัดกิจกรรมโครงการส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องการขับขี่ปลอดภัย สร้างวินัยจราจร อย่าง
ตอ่ เนอื่ ง และ เพมิ่ กจิ กรรมให้หลากหลาย
สรุปผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขับข่ีปลอดภัย สร้างวนิ ัยจราจร” 43
ภาคผนวก
สรปุ ผลการจดั กจิ กรรมโครงการ “ขับขป่ี ลอดภัย สรา้ งวินัยจราจร” 44
ภาพกิจกรรมโครงการ “ขับข่ปี ลอดภยั สร้างวินยั จราจร”
วนั ท่ี 17 เดอื น มีนาคม พ.ศ. 2564
ณ กศน.ตำบลควร อำเภอปง จงั หวัดพะเยา
สรปุ ผลการจดั กจิ กรรมโครงการ “ขับขี่ปลอดภยั สร้างวินยั จราจร”
ท่ีปรกึ ษา คณะผ้จู ัดทำ
นายรฐั วัฒ นธุ รรม
นายปฐมพงษ์ สมเชื้อ ผูอ้ ำนวยการ กศน.อำเภอปง
นางสาวสายใจ สุขประสาร ครูผ้ชู ว่ ย
ครูอาสาสมัคร ฯ
คณะทำงาน
1. นางสาวกฤตยาภรณ์ สนทิ หวั หนา้ กศน.ตำบลควร
2. นางสาวนภาพร สะสวย ครูผ้สู อนคนพกิ าร
ผูร้ วบรวม/เรียบเรียง หวั หนา้ กศน.ตำบลควร
1. นางสาวกฤตยาภรณ์ สนทิ ครูผ้สู อนคนพิการ
2. นางสาวนภาพร สะสวย
ผวู้ เิ คราะหข์ อ้ มูลจากแบบสอบถาม หัวหนา้ กศน.ตำบลควร
นางสาวกฤตยาภรณ์ สนิท
ศิลปกรรมและออกแบบปก หวั หนา้ กศน.ตำบลควร
นางสาวกฤตยาภรณ์ สนทิ
ผู้จดั ทำเขา้ รูปเลม่ หวั หน้า กศน.ตำบลควร
นางสาวกฤตยาภรณ์ สนิท
สรปุ ผลการจัดกิจกรรมโครงการ “ขบั ขี่ปลอดภยั สรา้ งวินยั จราจร”
สรปุ ผลการจดั กิจกรรมโครงการ “ขับข่ปี ลอดภยั สร้างวนิ ยั จราจร”