51 โครงสร้างรายวิชา รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว๑๖๑๐๑ รายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ จำนวน ๘๐ ชั่วโมง หน่วย ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐาน/ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก (คะแนน) ๑ วิทยาศาสตร์น่ารู้ - - วิธีการทางวิทยาศาสตร์ - ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ - จิตวิทยาศาสตร์ ๒ - ๒ ร่างกายของเรา ว 1.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕ - การเจริญเติบโตของร่างกาย - สารอาหารที่จำเป็นต่อ การเจริญเติบโตของร่างกาย - สัดส่วนอาหารและพลังงานที่ ร่างกายต้องการ - ระบบย่อยอาหาร ๑๕ ๑๕ สอบกลางภาคเรียนที่ ๑ (ว 1.๒ ป.๖/๑,ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕) ๑๕ ๓ แรงไฟฟ้าและ พลังงานไฟฟ้า ว ๒.๒ ป.๖/๑ ว ๒.๓ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖ - แรงไฟฟ้า - การต่อวงจรไฟฟ้า - ตัวนำไฟฟ้าและฉนวนไฟฟ้า ๑๘ ๑๕ ๔ แสงและเงา ว ๒.๓ ป.๖/๗, ป.๖/๘ - การเกิดเงามืดและเงามัว ๕ ๕ สอบปลายภาคเรียนที่ ๑ (ว ๒.๒ ป.๖/๑ , ว 1.๒ป.๖/๑,ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗, ป.๖/๘) ๒๐ รวม ๗๐
52 หน่วย ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐาน/ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก (คะแนน) ๕ สารรอบตัวเรา ว ๒.๑ ป.๖/๑ - การแยกสารผสม ๕ ๕ ๖ หินและ ซากดึกดำบรรพ์ ว ๓.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ - หินในธรรมชาติ - ซากดึกดำบรรพ์ ๑๐ ๑๐ สอบกลางภาคเรียนที่ ๒ (ว ๒.๑ ป.๖/๑,ว ๓.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓) ๑๕ ๗ ปรากฏการณ์ทาง ธรรมชาติและธรณี พิบัติภัย ว ๓.๒ ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗, ป.๖/๘, ป.๖/๙ - ลมบก ลมทะเล และลมมรสุม - ภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย - ปรากฏการณ์เรือนกระจก - บูรณาการพระบรมราโชบายด้าน การศีกษา (มีคุณธรรม) ๑๕ ๑๒ ๘ ดาราศาสตร์และ เทคโนโลยีอวกาศ ว ๓.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒ - การเกิดอุปราคา - เทคโนโลยีอวกาศ ๑๐ ๘ สอบปลายภาคเรียนที่ ๒ (ว ๓.๒ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗, ป.๖/๘, ว ๓.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒) ๒๐ รวม ๗๐
53 คำอธิบายรายวิชาและโครงสร้างรายวิชา วิชาวิทยาการคำนวณ
54 ตารางสาระ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ รายวิชาวิทยาการคำนวณ ๑ ว๑๑๑๐๑ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณ ในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการ แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมี จริยธรรม ๑. แก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้การลองผิดลองถูก การเปรียบเทียบ ๒. แสดงลำดับขั้นตอนการทำงานหรือการ แก้ปัญหา อย่างง่ายโดยใช้ภาพสัญลักษณ์หรือข้อความ ๓. เขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ซอฟต์แวร์หรือ สื่อ ๔. ใช้เทคโนโลยีในการสร้างจัดเก็บเรียกใช้ข้อมูล ตามวัตถุประสงค์ ๕. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยปฏิบัติ ตามข้อตกลงในการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกันดูแล รักษาอุปกรณ์เบื้องต้น ใช้งานอย่างเหมาะสม
55 คำอธิบายรายวิชา ว ๑๑๑๐๑ วิทยาการคำนวณ ๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ เวลา ๔๐ชั่วโมง ............................................................................................................................. ............................. ศึกษาการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้การลองผิดลองถูกเปรียบเทียบแสดงลำดับขั้นตอนการทำงาน หรือการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพสัญลักษณ์หรือข้อความเขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ซอฟต์แวร์ หรือสื่อใช้เทคโนโลยีในการสร้างจัดเก็บเรียกใช้ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง ปลอดภัยปฏิบัติตามข้อตกลงในการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกันดูแลรักษาอุปกรณ์เบื้องต้นใช้งานอย่าง เหมาะสม โดยใช้การแก้ปัญหาอย่างง่ายตามขั้นตอนการแก้ปัญหามีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารเบื้องต้น เพื่อให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นสนใจที่จะเรียนรู้มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษา ตามที่กำหนดให้หรือตามความสนใจมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่นรอบคอบประหยัดซื่อสัตย์จนงานลุล่วง เป็นผลสำเร็จและทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุขตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รหัสตัวชี้วัด ว 4.2 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, ป.1/4, ป.1/5 รวมทั้งหมด 5 ตัวชี้วัด
56 โครงสร้างรายวิชา รายวิชาวิทยาศาสตร์ (วิทยาการคำนวณ) รหัสวิชา ว๑๑๑๐๑ รายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ จำนวน ๒๐ ชั่วโมง หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐาน/ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก (คะแนน) ๑ การแก้ปัญหา ว ๔.๒ ป.๑/๑, ว ๔.๒ ป.๑/๒ ๑. รู้จักปัญหา ๒. วิธีการแก้ปัญหา - การแก้ปัญหาใน ชีวิตประจำวัน - การแก้ปัญหาหลายวิธี - การแก้ปัญหาโดยการลอง ผิดลองถูก - การแก้ปัญหาหลายวิธี - การวิเคราะห์ปัญหา - การแก้ปัญหาตามลำดับ ขั้นตอน ๓ ๕ ๒ ข้อมูลและ สารสนเทศ ว ๔.๒ ป.๑/๕ ๑. ข้อมูล ๒. การรวบรวมข้อมูล ๒ ๕ สอบกลางภาคเรียนที่ ๑ (ว ๔.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๕) ๕ 3 ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับอุปกรณ์ เทคโนโลยี สารสนเทศ ว ๔.๒ ป.๑/๔ ๑. อุปกรณ์เทคโนโลยี ๒. คอมพิวเตอร์ ๓. ซอฟต์แวร์ ๔. การใช้คอมพิวเตอร์เบื้องต้น ๕. การสร้างไฟล์และจัดเก็บไฟล์ อย่างเป็นระบบ ๖. ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ ๗. โปรแกรมกราฟิก ๘. โปรแกรมประมวลคำ ๙. โปรแกรมนำเสนอ ๕ ๕ สอบปลายภาคเรียนที่ ๑ (ว ๔.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๔,ป.๑/๕) ๑๐ รวม ๓๐
57 หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐาน/ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก (คะแนน) ๔ การเขียนโปรแกรม ว ๔.๒ ป.๑/๓ ๑. โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ๒. แหล่งเรียนรู้ด้านวิทยาการ คอมพิวเตอร์ ๗ ๗ สอบกลางภาคเรียนที่ ๒ (ว ๔.๒ ป.๑/๓) ๕ ๕ การใช้งานและ การดูแลรักษา อุปกรณ์ ว ๔.๒ ป.๑/๕ - ข้อปฏิบัติในการใช้งาน คอมพิวเตอร์ - การดูแลรักษาอุปกรณ์ เทคโนโลยี ๓ ๘ สอบปลายภาคเรียนที่ ๒ (ว ๔.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔,ป.๑/๕) ๑๐ รวม ๒๐ ๓๐
58 ตารางสาระ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ รายวิชาวิทยาการคำนวณ ๒ ว๑๒๑๐๑ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระที่ ๔เทคโนโลยี มาตรฐาน ว๔.๒เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณ ในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการ แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมี จริยธรรม ๑. แสดงลำดับขั้นตอนการทำงานหรือการ แก้ปัญหา อย่างง่ายโดยใช้ภาพสัญลักษณ์หรือข้อความ ๒. เขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ซอฟต์แวร์ หรือสื่อและตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม ๓. ใช้เทคโนโลยีในการสร้างจัดหมวดหมู่ค้นหา จัดเก็บเรียกใช้ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ ๔. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยปฏิบัติ ตามข้อตกลงในการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกันดูแล รักษาอุปกรณ์เบื้องต้น ใช้งานอย่างเหมาะสม
59 คำอธิบายรายวิชา ว ๑๒๑๐๑ วิทยาการคำนวณ ๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ เวลา ๒๐ชั่วโมง ............................................................................................................................. ............................. ศึกษาการแสดงลำดับขั้นตอนการทำงานหรือการแก้ปัญหาอย่างง่าย โดยใช้ภาพสัญลักษณ์ หรือ ข้อความ ตลอดจนการเขียนโปรแกรมสร้างลำดับของคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน และตรวจหา ข้อผิดพลาดของโปรแกรม ศึกษาการใช้งานซอฟต์แวร์เบื้องต้น การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการสร้าง และจัดการกับข้อมูลอย่างเป็นระบบ รวมถึงการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย โดยใช้ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ ในการการค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมิน ความน่าเชื่อถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูล ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารในการทำงานร่วมกัน เพื่อให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้น สนใจที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษา ตามที่กำหนดให้หรือตามความสนใจ มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น และยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่น รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์ จนงานลุล่วง เป็นผลสำเร็จ ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุขและบ่มเพาะผู้เรียนให้เป็นคนไทย ๔.๐ สู่ประเทศไทย ๔.๐ มีค่านิยมที่ดีตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตัวชี้วัด ว. ๔.๒ ป.๒/๑ป.๒/๒ป.๒/๓ป.๒/๔ รวม ๔ตัวชี้วัด
60 โครงสร้างรายวิชา รายวิชาวิทยาศาสตร์ (วิทยาการคำนวณ) รหัสวิชา ว๑๒๑๐๑ รายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ จำนวน ๒๐ ชั่วโมง หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐาน/ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก (คะแนน) 1 การแก้ปัญหา อย่างง่าย ว 4.2 ป.2/1 1. การค้นพบปัญหา 2. ขั้นตอนการแก้ปัญหา 3 5 สอบกลางภาคเรียนที่ ๑ (ว ๔.๒ ป.๒/๑) ๕ 2 การเขียนโปรแกรม เบื้องต้น ว 4.2 ป.2/2 1. การเขียนโปรแกรมอย่างง่าย 2. สนุกกับการเขียนโปรแกรม 3. การตรวจสอบความผิดพลาด ของโปรแกรม 4. การเขียนโปรกรมด้วย Scratch 7 10 สอบปลายภาคเรียนที่ ๑ (ว ๔.๒ ป.๒/๒) ๑๐ รวม ๓๐ 3 การใช้ซอฟต์แวร์ ในการทำงาน ว 4.2 ป.2/3 1. การสร้างเอกสารด้วยโปรแกรม ประมวลคำ 2. โปรแกรมกราฟิก 3. โปรแกรมนำเสนอ 4. การจัดการไฟล์ข้อมูล 5. การแก้ไขไฟล์ 8 10 สอบกลางภาคเรียนที่ ๒ (ว ๔.๒ ป.๒/๓) ๕ 4 การใช้และบำรุง รักษาอุปกรณ์ เทคโนโลยี ว 4.2 ป.2/4 1.การใช้อุปกรณ์เทคโนโลยี 2.วิธีดูแลรักษาอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ 3.การใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย 2 5 สอบปลายภาคเรียนที่ ๒ (ว ๔.๒ ป.๒/๔) ๑๐ รวม ๒๐ ๓๐
61 ตารางสาระ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ รายวิชาวิทยาการคำนวณ ๓ ว๑๓๑๐๑ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระที่ ๔เทคโนโลยี มาตรฐาน ว๔.๒เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณ ในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการ แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมี จริยธรรม ๑. แสดงอัลกอริทึมในการทำงานหรือการ แก้ปัญหา อย่างง่ายโดยใช้ภาพสัญลักษณ์หรือข้อความ ๒. เขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ซอฟต์แวร์ หรือสื่อและตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม ๓. ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ ๔. รวบรวมประมวลผลและนำเสนอข้อมูล โดย ใช้ ซอฟต์แวร์ตามวัตถุประสงค์ ๕. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยปฏิบัติ ตามข้อตกลงในการใช้อินเทอร์เน็ต
62 คำอธิบายรายวิชา ว ๑๓๑๐๑ วิทยาการคำนวณ ๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ เวลา ๒๐ชั่วโมง ............................................................................................................................. ............................. ศึกษาเกี่ยวกับการใช้อัลกอริทึมในการแก้ปัญหา โดยมีการใช้แนวคิดเชิงคำนวณเข้ามาช่วยในการ แก้ปัญหา ศึกษาการเขียนโปรแกรมอย่างง่าย การตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรมซึ่งเรียนรู้ได้จาก เว็บไซต์ Code.org ศึกษาการสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย การรวบรวม ประมวลผล นำเสนอข้อมูล และศึกษาการใช้งานซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ใน การพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพ โดยใช้ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ ในการการค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมิน ความน่าเชื่อถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูล ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารในการทำงานร่วมกัน เพื่อให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้น สนใจที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษา ตามที่กำหนดให้หรือตามความสนใจ มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น และยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่น รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์ จนงานลุล่วง เป็นผลสำเร็จ ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุขและบ่มเพาะผู้เรียนให้เป็นคนไทย ๔.๐ สู่ประเทศไทย ๔.๐ มีค่านิยมที่ดีตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตัวชี้วัด ว. 4.2 ป.๓/1 ป.๓/2 ป.๓/3 ป.๓/4 ป.๓/5 รวม 5 ตัวชี้วัด
63 โครงสร้างรายวิชา รายวิชาวิทยาศาสตร์ (วิทยาการคำนวณ) รหัสวิชา ว๑๓๑๐๑ รายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ จำนวน ๒๐ ชั่วโมง หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐาน/ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก (คะแนน) 1 อัลกอริทึมและการ แก้ปัญหาอย่างง่าย ว 4.2 ป.3/1 1. การแก้ปัญหา 2. อัลกอริทึม 3. เกมการแก้ปัญหา 3 5 สอบกลางภาคเรียนที่ ๑ (ว ๔.๒ ป.๓/๑) ๕ 2 การเขียนโปรแกรม คอมพิวเตอร์ ว 4.2 ป.3/2 1. การทำงานของคอมพิวเตอร์ 2. สนุกกับการเขียนโปรแกรม 3. การตรวจสอบข้อผิดพลาด ของโปรแกรม 4. การเขียนโปรกรมด้วย Scratch 7 10 สอบปลายภาคเรียนที่ ๑ (ว ๔.๒ ป.๓/๒) ๑๐ รวม ๓๐ 3 การค้นหาข้อมูล ว 4.2 ป.3/3 1. เครือข่ายอินเทอร์เน็ต 2. การสืบค้นข้อมูลโดยใช้ Search Engine 3. ความรู้บนอินเทอร์เน็ต 3 5 สอบกลางภาคเรียนที่ ๒ (ว ๔.๒ ป.๓/๓) ๕ 4 การใช้ซอฟต์แวร์ใน การนำเสนอข้อมูล ว 4.2 ป.3/4 1.ข้อมูล และการรวบรวมข้อมูล 2.การนำเสนอข้อมูล 3. การใช้ซอฟต์แวร์ในการทำงาน 5 5 5 การใช้เทคโนโลยี สารสนเทศอย่าง ปลอดภัย ว 4.2 ป.3/5 1. ประโยชน์และผลกระทบจาก การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ๒.ข้อปฏิบัติในการใช้อินเทอร์เน็ต 2 5 สอบปลายภาคเรียนที่ ๒ (ว ๔.๒ ป.๓/๔, ป.๓/๔) ๑๐ รวม ๒๐ ๓๐
64 ตารางสาระ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ รายวิชาวิทยาการคำนวณ ๔ ว๑๔๑๐๑ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณ ในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการ แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมี จริยธรรม ๑. ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหาการ อธิบาย การทำงานการคาดการณ์ผลลัพธ์จากปัญหา อย่างง่าย ๒. ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ ซอฟต์แวร์หรือสื่อและตรวจหาข้อผิดพลาด และแก้ไข ๓. ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้และประเมินความ น่าเชื่อถือของข้อมูล ๔. รวบรวมประเมิน นำเสนอข้อมูลและ สารสนเทศ โดยใช้ซอฟต์แวร์ที่หลากหลายเพื่อแก้ปัญหา ในชีวิตประจำวัน ๕. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยเข้าใจ สิทธิและหน้าที่ของตนเคารพในสิทธิของผู้อื่น แจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบข้อมูลหรือบุคคลที่ไม่ เหมาะสม
65 คำอธิบายรายวิชา ว ๑๔๑๐๑ วิทยาการคำนวณ ๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ เวลา ๔๐ชั่วโมง ............................................................................................................................. ............................. ศึกษาการใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา มาใช้พิจารณาในการแก้ปัญหา การอธิบายการ ทำงาน หรือการคาดการณ์ผลลัพธ์ศึกษาการออกแบบโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้storyboard หรือการ ออกแบบอัลกอริทึม การเขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ซอฟต์แวร์ Scratch หรือ logo ศึกษาการใช้ อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ การใช้คำค้นที่ตรงประเด็น กระชับ การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล ศึกษาการรวบรวมข้อมูล การประมวลผลอย่างง่าย วิเคราะห์ผลและสร้างทางเลือกที่เป็นไปได้ ตลอดจน ประเมินทางเลือก พร้อมทั้งการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบตามความเหมาะสม ศึกษาการใช้ซอฟต์แวร์เพื่อ แก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน เคารพในสิทธิในสิทธิของผู้อื่น โดยใช้ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ ในการการค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมิน ความน่าเชื่อถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูล ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารในการทำงานร่วมกัน เพื่อให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้น สนใจที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษา ตามที่กำหนดให้หรือตามความสนใจ มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น และยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่น รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์ จนงานลุล่วง เป็นผลสำเร็จ ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุขและบ่มเพาะผู้เรียนให้เป็นคนไทย ๔.๐ สู่ประเทศไทย ๔.๐ มีค่านิยมที่ดีตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตัวชี้วัด ว. 4.2 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4 ป.4/5 รวม 5 ตัวชี้วัด
66 โครงสร้างรายวิชา รายวิชาวิทยาศาสตร์ (วิทยาการคำนวณ) รหัสวิชา ว๑๔๑๐๑ รายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จำนวน ๔๐ ชั่วโมง หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐาน/ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก (คะแนน) 1 ขั้นตอนวิธีในการ แก้ปัญหา ว 4.2 ป.4/1 1. การใช้เหตุผลเชิงตรรกะ ในการแก้ปัญหา 2. ขั้นตอนการแก้ปัญหา 3. การออกแบบโปรแกรมการแก้ ปัญหา ๑๐ 10 สอบกลางภาคเรียนที่ ๑ (ว ๔.๒ ป.๔/๑) ๕ 2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ว 4.2 ป.4/3 ป.4/5 1. เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2. การใช้อินเทอร์เน็ต -การใช้อินเตอร์เน็ตหาข้อมูล เกี่ยวกับโควิด-19 3. การค้นหาข้อมูล 4. บริการบนอินเทอร์เน็ต 5. ข้อปฏิบัติในการใช้อินเทอร์เน็ต ๑๐ 5 สอบปลายภาคเรียนที่ ๑ (ว ๔.๒ ป.๔/๓, ป.๔/๕) ๑๐ รวม ๓๐ 3 การรวบรวมข้อมูล และซอฟต์แวร์ ประยุกต์ ว 4.2 ป.4/4 1. การรวบรวมข้อมูล 2. การนำเสนอข้อมูล 3. การใช้ซอฟต์แวร์เพื่อแก้ปัญหา ในชีวิตประจำวัน 4. ผลกระทบจากการใช้ คอมพิวเตอร์ ๗ 5 สอบกลางภาคเรียนที่ ๒ (ว ๔.๒ ป.๔/๔) ๕ 4 การเขียนโปรแกรม เบื้องต้น ว 4.2 ป.4/2 1.การทำงานของคอมพิวเตอร์ 2.การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 3.การเขียนโปรแกรมด้วย Scratch 4. การออกแบบอัลกอริทึม 5. การเขียนโปรแกรมโต้ตอบกับ ผู้ใช้ ๑๓ 10 สอบปลายภาคเรียนที่ ๒ (ว ๔.๒ ป.๔/๒) ๑๐ รวม ๔๐ ๓๐
67 ตารางสาระ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ รายวิชาวิทยาการคำนวณ ๕ ว๑๕๑๐๑ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณ ในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการ แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมี จริยธรรม ๑. ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหาการ อธิบายการทำงานการคาดการณ์ผลลัพธ์จาก ปัญหาอย่างง่าย ๒. ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ ซอฟต์แวร์หรือสื่อและตรวจหาข้อผิดพลาด และแก้ไข ๓. ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูลติดต่อสื่อสารและ ทำงานร่วมกันประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล ๔. รวบรวมประเมิน นำเสนอข้อมูลและ สารสนเทศตามวัตถุประสงค์โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือ บริการบนอินเทอร์เน็ตที่หลากหลายเพื่อแก้ปัญหา ในชีวิตประจำวัน ๕. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย มี มารยาทเข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน เคารพ ในสิทธิของผู้อื่นแจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบข้อมูลหรือ บุคคลที่ไม่เหมาะสม
68 คำอธิบายรายวิชา ว ๑๕๑๐๑วิทยาการคำนวณ ๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ เวลา ๔๐ชั่วโมง ............................................................................................................................................................. ศึกษาการใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การอธิบายการทำงาน การคาดการณ์ผลลัพธ์จาก ปัญหาอย่างง่าย ออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีการใช้เหตุผลเชิงตรรกะอย่างง่าย ตรวจหาข้อผิดพลาด และแก้ไข ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูล ติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกัน ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล รวบรวม ประเมิน นำเสนอข้อมูลและสารสนเทศตามวัตถุประสงค์โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือบริการบนอินเทอร์เน็ต ที่หลากหลาย เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย มีมารยาท เข้าใจสิทธิ และหน้าที่ของตน เคารพในสิทธิของผู้อื่น แจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบข้อมูลหรือบุคคลที่ไม่เหมาะสม โดยใช้ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ ในการการค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมิน ความน่าเชื่อถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูล ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารในการทำงานร่วมกัน เพื่อให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้น สนใจที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษา ตามที่กำหนดให้หรือตามความสนใจ มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น และยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่น รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์ จนงานลุล่วง เป็นผลสำเร็จ ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุขและบ่มเพาะผู้เรียนให้เป็นคนไทย ๔.๐ สู่ประเทศไทย ๔.๐ มีค่านิยมที่ดีตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตัวชี้วัด ว ๔.๒ ป.๕/๑ ป.๕/๒ ป.๕/๓ ป.๕/๔ ป.๕/๕ รวม ๕ ตัวชี้วัด
69 โครงสร้างรายวิชา รายวิชาวิทยาศาสตร์ (วิทยาการคำนวณ) รหัสวิชา ว๑๕๑๐๑ รายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ จำนวน ๔๐ ชั่วโมง หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐาน/ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก (คะแนน) ๑ การใช้เหตุผล แก้ปัญหา ว 4.2 ป.5/1 1. การแก้ปัญหาเป็นการหาวิธี หรือการทำงานให้สำเร็จ 2. การแก้ปัญหาเป็นการใช้ เหตุผลโดยการคิดและ อธิบายความคิดออกมาเป็น แผนงาน 3. วิธีการแก้ปัญหากับ คอมพิวเตอร์โดยดำเนินการ แก้ปัญหาตามแนวทางที่วางไว้ 5 5 สอบกลางภาคเรียนที่ ๑ (ว ๔.๒ ป.๕/๑) ๕ ๒ การเขียนโปรแกรม เบื้องต้น ว 4.2 ป.5/2 1. การทำงานของคอมพิวเตอร์ จะรับข้อมูลเข้ามา จากนั้น ประมวลผลแล้วส่งข้อมูลออกไป 2. การออกแบบอัลกอริทึมที่ กำหนดการให้คอมพิวเตอร์ ทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งอย่าง ถูกต้องนั้นต้องออกแบบ อัลกอริทึมให้สมบูรณ์ 3. การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยทดลองตรวจสอบ การทำงานของโปรแกรมทีละ ขั้นตอน หรือทีละคำสั่ง 4. การตรวจสอบข้อผิดพลาดของ โปรแกรม 5. การเขียนโปรแกรมด้วย Scratch 6. ตัวแปร 7. การเขียนโปรแกรมตรวจสอบ เลขคู่และเลขคี่ 15 10
70 หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐาน/ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก (คะแนน) 8. การเขียนโปรแกรมคำนวณ ความสมส่วนของร่างกาย สอบปลายภาคเรียนที่ ๑ (ว ๔.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒) ๑๐ รวม ๓๐ 3 การค้นหาข้อมูล ว 4.2 ป.5/3 1. เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2. การค้นหาข้อมูล 3. การติดต่อสื่อสารผ่าน อินเทอร์เน็ต 4. การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ 5. การติดต่อสื่อสารผ่านสังคม ออนไลน์ ๑๐ ๗ สอบกลางภาคเรียนที่ ๒ (ว ๔.๒ ป.๒/๓) ๕ ๔ การใช้บริการ อินเทอร์เน็ต ว 4.2 ป.5/4 ป.5/5 1. การบริการอินเทอร์เน็ตมี มากมาย ซึ่งผู้ใช้สามารถ เลือกใช้ได้ตามความต้องการ 2. บริการเว็บไซต์ Google นอกจากจะใช้ค้นหาข้อมูล หรือ ใช้บริการจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์แล้วยังมีบริการ อื่น ๆ อีกมากมาย 3. แบบสำรวจความคิดเห็น ออนไลน์เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ รวบรวมข้อมูลแล้วนำข้อมูลมา วิเคราะห์เพื่อนำไปใช้งาน สำรวจความคิดเห็น 4. การใช้อุปกรณ์เทคโนโลยี สารสนเทศอย่างปลอดภัย เพราะบางเว็บไซต์อาจนำเสนอ ข้อมูลที่ไม่เหมาะสมหรือ นอกจากนี้เว็บไซต์ที่ให้บริการ ดาวน์โหลดโปรแกรมอาจมี โปรแกรมบางประเภทที่เป็น อันตรายกับอุปกรณ์ของเราได้ 10 8 สอบปลายภาคเรียนที่ ๒ (ว ๔.๒ ป.๕/๔, ป.๕/๕) ๑๐ รวม ๔๐ ๓๐
71 ตารางสาระ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ รายวิชาวิทยาการคำนวณ ๖ ว๑๖๑๐๑ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระที่ ๔เทคโนโลยี มาตรฐาน ว๔.๒เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณ ในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการ แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมี จริยธรรม ๑. ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการอธิบายและ ออกแบบ วิธีการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตประจำวัน ๒. ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายเพื่อ แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันตรวจหาข้อผิดพลาด ของโปรแกรมและแก้ไข ๓. ใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อมูลอย่างมี ประสิทธิภาพ ๔. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทำงานร่วมกันอย่าง ปลอดภัยเข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตนเคารพ ในสิทธิของผู้อื่นแจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบข้อมูล หรือบุคคลที่ไม่เหมาะสม
72 คำอธิบายรายวิชา ว ๑๖๑๐๑วิทยาการคำนวณ ๖ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลา ๔๐ชั่วโมง ............................................................................................................................................................ ศึกษาการใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการอธิบายและออกแบบวิธีการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตประจำวัน ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายและตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม ใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหา ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทำงานร่วมกันอย่างปลอดภัย เข้าใจสิทธิและ หน้าที่ของตน เคารพในสิทธิของผู้อื่น แจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบข้อมูลหรือบุคคลที่ไม่เหมาะสม โดยใช้ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ ในการใช้เหตุผลเชิงตรรกะเป็นการนำกฎเกณฑ์ หรือ เงื่อนไขที่ครอบคลุมทุกกรณีมาใช้พิจารณาในการแก้ปัญหา ใช้แนวคิดของการทำงานแบบวนซ้ำ ใช้เทคนิค การค้นหาขั้นสูงในการค้นหาข้อมูลที่รวดเร็วจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ การกำหนดรหัสผ่าน กำหนดสิทธิ์ การใช้งาน แนวทางการตรวจสอบและป้องกันมัลแวร์ เพื่อให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้น สนใจที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษา ตามที่กำหนดให้หรือตามความสนใจ มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่น รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์ จนงาน ลุล่วงเป็นผลสำเร็จ ทำงานร่วมกันกับผู้อื่นอย่างมีความสุขและบ่มเพาะผู้เรียนให้เป็นคนไทย ๔.๐ สู่ ประเทศไทย ๔.๐ มีค่านิยมที่ดีตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตัวชี้วัด ว ๔.๒ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ป.๖/๔ รวม ๔ ตัวชี้วัด
73 โครงสร้างรายวิชา รายวิชาวิทยาศาสตร์ (วิทยาการคำนวณ) รหัสวิชา ว๑๖๑๐๑ รายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ จำนวน ๔๐ ชั่วโมง หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐาน/ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก (คะแนน) ๑ การออกแบบวิธีการ แก้ปัญหา ว 4.2 ป.6/1 - วิธีการแก้ปัญหาอย่างเป็น ขั้นตอนจะช่วยให้แก้ปัญหาได้ อย่างมีประสิทธิภาพ - กระบวนการทำงานแบบวนซ้ำ - การแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน 4 4 สอบกลางภาคเรียนที่ ๑ (ว ๔.๒ ป.๖/๑) ๕ ๒ การเขียนโปรแกรม เพื่อแก้ปัญหา ว 4.2 ป.6/2 - การทำงานของคอมพิวเตอร์ -การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ -การตรวจสอบข้อผิดพลาดของ โปรแกรม - การเขียนโปรแกรมด้วย Scratch - การพัฒนาโปรแกรม 16 11 สอบปลายภาคเรียนที่ ๑ (ว ๔.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒) ๑๐ รวม ๓๐
74 หน่วย ที่ ชื่อหน่วย การเรียนรู้ มาตรฐาน/ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก (คะแนน) 3 การใช้อินเทอร์เน็ต ค้นหาข้อมูล ว 4.2 ป.6/3 - การค้นหาอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการค้นหาข้อมูลที่ได้ตรง ตามความต้องการในเวลาที่ รวดเร็วจากแหล่งข้อมูลที่ น่าเชื่อถือหลายแหล่ง และ ข้อมูลมีความสอดคล้องกัน - การใช้เทคนิคการค้นหาขั้นสูง เช่น การใช้ตัวดำเนินการ การระบุรูปแบบของข้อมูลหรือ ชนิดของไฟล์ -การจัดลำดับผลลัพธ์จากการ ค้นหาของโปรแกรมค้นหา -การเรียบเรียง สรุปสาระสำคัญ (บูรณาการกับวิชาภาษาไทย) 11 11 สอบกลางภาคเรียนที่ ๒ (ว ๔.๒ ป.๖/๓) ๕ ๔ การใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ร่วมกันอย่าง ปลอดภัย ว 4.2 ป.6/4 - ผลกระทบและแนวทางป้องกัน การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ - สิทธิในกานเข้าถึงข้อมูลและ รหัสผ่าน -อันตรายจากการติดตั้งซอฟต์แวร์ ที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต 9 4 สอบปลายภาคเรียนที่ ๒ (ว ๔.๒ ป.๖/๓, ป.๖/๔) ๑๐ รวม ๔๐ ๓๐
75 การวัดผลประเมินผลการเรียนระดับประถมศึกษา พุทธศักราช ๒๕๖๖ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
76 ระเบียบโรงเรียนเทศบาล ๕ (กระดาษไทยอนุเคราะห์) ว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียนระดับประถมศึกษา พุทธศักราช ๒๕๖๖ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ************************ โดยที่โรงเรียนเทศบาล ๕ (กระดาษไทยอนุเคราะห์) ได้ประกาศใช้หลักสูตรสถานศึกษาขั้น พื้นฐาน ตามคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการที่ สพฐ ๒๙๓/๒๕๕๑ ลงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๓ เรื่องให้ใช้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑เพื่อให้การใช้หลักสูตรดังกล่าวเป็นไปด้วย ความเรียบร้อยโรงเรียนจึงได้กำหนดระเบียบสถานศึกษาว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียนตาม หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเทศบาล ๕ (กระดาษไทยอนุเคราะห์) พุทธศักราช ๒๕๖๖ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ และเพื่อให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน ท้องถิ่น และเพื่อให้การดำเนินการใช้หลักสูตรสถานศึกษา เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพโรงเรียนจึงได้ กำหนด ระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรสถานศึกษา ไว้ดังนี้ ข้อ ๑ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบโรงเรียนเทศบาล ๕ (กระดาษไทยอนุเคราะห์) ว่าด้วยการวัด และประเมินผลการเรียนระดับประถมศึกษา พุทธศักราช ๒๕๖4 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้ควบคู่กับหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเทศบาล ๕ (กระดาษไทยอนุเคราะห์) พุทธศักราช ๒๕๖๖ ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “หัวหน้าสถานศึกษา” หมายถึง ผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนเทศบาล ๕ (กระดาษ ไทยอนุเคราะห์) “ผู้เรียน” หมายถึง ผู้ที่กำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนและมีหลักฐานอยู่ในทะเบียน ของโรงเรียน “ผู้ปกครอง” หมายถึง บุคคลที่นักเรียนอาศัยอยู่ด้วย สามารถดูแลความประพฤติและ การศึกษาเล่าเรียนของนักเรียนได้ “ครูผู้สอน” หมายถึง ครูที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานการจัดการเรียนการสอน “โรงเรียน” หมายถึง โรงเรียนเทศบาล ๕ (กระดาษไทยอนุเคราะห์) ข้อ ๔ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ข้อ ๕ ให้หัวหน้าสถานศึกษารักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้
77 หมวด ๑ หลักการวัดและประเมินผล ข้อ ๖ การวัดและประเมินผลการเรียนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติ ดังนี้ ๑) โรงเรียนเป็นผู้รับผิดชอบการวัดและประเมินผลการเรียนของผู้เรียน โดยเปิดโอกาส ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วม ๒) การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาผู้เรียนและตัดสินผล การเรียน ๓) การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ต้องสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัดตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่กำหนดในหลักสูตรสถานศึกษา และจัดให้มีการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตลอดจนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๔) การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนการสอน ต้องดำเนินการด้วยเทคนิควิธีการที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถวัดและประเมินผลผู้เรียนได้อย่างรอบด้าน ทั้งด้านความรู้ ความคิด กระบวนการ พฤติกรรม และเจตคติ เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการวัด ธรรมชาติ วิชาและระดับชั้นของผู้เรียนโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเที่ยงตรงยุติธรรม และเชื่อถือได้ ๕) การประเมินผู้เรียนพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียนความประพฤติการสังเกต พฤติกรรมการเรียนรู้ การร่วมกิจกรรม และการทดสอบ ควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอน ตาม ความเหมาะสมของแต่ละระดับ และรูปแบบการศึกษา ๖) เปิดโอกาสให้ผู้เรียนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ตรวจสอบผลการประเมินผลการเรียนรู้ ๗) ให้มีการเทียบโอนผลการเรียนระหว่างสถานศึกษาและระหว่างรูปแบบการศึกษา ต่างๆ ๘) โรงเรียนจัดทำและออกเอกสารหลักฐานการศึกษา เพื่อเป็นหลักฐานในการ ประเมินผลการเรียนรู้ รายงานผลการเรียน แสดงวุฒิการศึกษาและรับรองผลการเรียนของผู้เรียน หมวด ๒ วิธีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรียนดำเนินการวัดผลประเมินผลให้ครบองค์ประกอบทั้ง ๔ ด้าน คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘ กลุ่ม สาระ การอ่านคิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ข้อ ๗ การประเมินผลการเรียนรู้ตามรายกลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้ง๘กลุ่มสาระเป็นการ ประเมินความรู้ความสามารถ ทักษะ เจตคติ ทักษะการคิด ที่กำหนดตัวชี้วัดในหลักสูตรสถานศึกษา ซึ่งจะ นำไปสู่การสรุปผลการเรียนรู้ของผู้เรียนตามมาตรฐานการเรียนรู้การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของ ผู้เรียนตามรายกลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้ง ๘ กลุ่มสาระ ให้ดำเนินการ ดังนี้ ๑) ผู้สอนต้องแจ้งให้ผู้เรียนทราบมาตรฐานและตัวชี้วัด วิธีการประเมินเกณฑ์การ ผ่าน และเกณฑ์ขั้นต่ำของการผ่านรายวิชา ก่อนสอนรายวิชานั้น ๒) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย, คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และภาษาต่างประเทศ กำหนดสัดส่วนคะแนนระหว่างเรียนกับคะแนนปลายปี เท่ากับ ๗๐ : ๓๐ สำหรับในกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา, ศิลปะ, การงานอาชีพและ
78 เทคโนโลยี กำหนดสัดส่วนคะแนนระหว่างเรียนกับคะแนนปลายปีเท่ากับ ๘๐: ๒๐ (การกำหนดสัดส่วน คะแนนระหว่างเรียนกับปลายปี/ปลายภาค ขึ้นอยู่กับสถานศึกษากำหนด เช่น ๖๐:๔๐, ๗๐:๓๐, ๘๐:๒๐) ๓) ผู้สอนมีการประเมินก่อนเรียน ระหว่างเรียน และประเมินหลังเรียนเป็นการ ประเมินที่มุ่งตรวจสอบการพัฒนาการของผู้เรียนว่าบรรลุตัวชี้วัดหรือไม่ เพื่อนำสารสนเทศที่ได้ไปปรับปรุง ข้อบกพร่องของผู้เรียน และส่งเสริมผู้เรียนให้มีความรู้ ความสามารถ และเกิดพัฒนาการสูงสุดตาม ศักยภาพ ๔) การประเมินระหว่างเรียน เป็นการประเมินผู้เรียนในเรื่องที่ได้เรียนจบแล้ว เพื่อตรวจสอบว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามตัวชี้วัด ๕) การประเมินผลการเรียนปลายปี เป็นการประเมินผลเพื่อตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ ของผู้เรียนในการเรียนรู้ตามตัวชี้วัด ข้อ ๘ การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เป็นการประเมินศักยภาพของผู้เรียนใน การอ่านหนังสือ เอกสารและสื่อต่าง ๆ เพื่อหาความรู้ เพิ่มพูนประสบการณ์ ความสุนทรีและประยุกต์ใช้ แล้วนำเนื้อหาสาระที่อ่านมาคิดวิเคราะห์ นำไปสู่การแสดงความคิดเห็น การสังเคราะห์ สร้างสรรค์ การ แก้ปัญหาในเรื่องต่างๆ และถ่ายทอดความคิดนั้นด้วยการเขียนที่มีสำนวนภาษาถูกต้องมีเหตุผลและลำดับ ขั้นตอนการนำเสนอ สามารถสร้างความเข้าใจแก่ผู้อ่านได้อย่างชัดเจนตามระดับความสามารถในแต่ละ ระดับชั้นดังนี้ ๑. หลักการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ๑) เป็นการประเมินเพื่อการปรับปรุงพัฒนาผู้เรียน และประเมินเพื่อการตัดสิน การเลื่อนชั้นและจบการศึกษาระดับประถมศึกษา ๒) ใช้วิธีการประเมินที่หลากหลาย ๓) กำหนดภาระงานให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติควรสอดคล้องกับขอบเขตและประเด็นการ ประเมิน ๔) ใช้รูปแบบ วิธีการประเมินและเกณฑ์การประเมินที่ได้จากการมีส่วนร่วมของ ผู้เกี่ยวข้อง ๒. ขอบเขตการประเมิน และตัวชี้วัดที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนแบ่งเป็นระดับชั้นได้ดังนี้ ๑) ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๓ ขอบเขตการประเมิน การอ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์ และ/หรือสื่อประเภทต่างๆที่ให้ความเพลิดเพลิน ความรู้ ประสบการณ์ มีประเด็นให้คิดและเขียนบรรยาย ถ่ายทอดประเด็นที่คิดด้วยภาษาที่ถูกต้องเหมาะสม เช่น อ่านสาระความรู้ที่นำเสนออย่างสนใจ นิยาย เรื่อง สั้น นิทาน นิยายปรัมปรา โดยมีตัวชี้วัดความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนดังนี้ (๑) สามารถอ่านและหาประสบการณ์จากสื่อที่หลากหลาย (๒) สามารถจับประเด็นสำคัญ ข้อเท็จจริง ความคิดเห็นเรื่องที่อ่าน (๓) สามารถเปรียบเทียบแง่มุมต่างๆ เช่น ข้อดี ข้อเสีย ประโยชน์ โทษ ความเหมาะสม และไม่เหมาะสม (๔) สามารถแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องที่อ่าน โดยมีเหตุผลประกอบ (๕) สามารถถ่ายทอดความคิดเห็นความรู้สึกจากเรื่องที่อ่านโดยการเขียน ๒) ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ – ๖ ขอบเขตการประเมิน การอ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์ และ/หรือสื่อประเภทต่างๆ ที่ให้ข้อมูลสารสนเทศ ความรู้ประสบการณ์ ที่เอื้อให้ผู้อ่านนำไป คิดวิเคราะห์
79 แสดงความคิดเห็น ตัดสินใจแก้ปัญหา และถ่ายทอดโดยการเขียนเป็นความเรียงเชิงสร้างสรรค์ด้วยถ้อยคำ ภาษาที่ชัดเจน เช่น อ่านหนังสือพิมพ์ วารสาร หนังสือเรียน บทความสุนทรพจน์ คำแนะนำ คำเตือน โดย มีตัวชี้วัดความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน (๑) สามารถอ่านเพื่อหาข้อมูลสารสนเทศเสริมประสบการณ์จากสื่อประเภท ต่างๆ (๒) สามารถจับประเด็นสำคัญเปรียบเทียบเชื่อมโยงความเป็นเหตุเป็นผล จากเรื่องที่อ่าน (๓) สามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของเรื่องราวเหตุการณ์ของเรื่องที่อ่าน (๔) สามารถแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องที่อ่านโดยมีเหตุผลสนับสนุน (๕) สามารถถ่ายทอดความเข้าใจ ความคิดเห็น คุณค่าจากเรื่องที่อ่านโดยการ เขียน ๓. กำหนดให้มีการพัฒนาและประเมินการอ่านคิดวิเคราะห์ และเขียน ตามกระบวนการ ดังนี้ ๑) คณะกรรมการการพัฒนาและประเมินความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนของสถานศึกษา กำหนดแนวทางพัฒนาและการประเมิน ๒) เกณฑ์ในการประเมินเป็น ๔ ระดับ คือ ดีเยี่ยม ดี ผ่าน และไม่ผ่าน ๓) ผู้สอน ผู้ปกครอง เพื่อน หรือผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายร่วมกันประเมิน และตัดสิน เป็นรายภาค และจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ภาคบังคับ)โดยส่งผลการประเมินไปยังครูวัดผล เพื่อสรุปและตัดสินผลการประเมิน ๔) ครูประจำชั้น บันทึกและรายงานผลการประเมินไปยังผู้เรียนและผู้ปกครอง ข้อ ๙ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เป็นการประเมินลักษณะที่โรงเรียนต้องการให้ เกิดขึ้นกับผู้เรียนในด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม จิตสำนึก สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ทั้งในฐานะพลเมืองไทยและพลโลก คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนมี ๘ ประการ ได้แก่ ๑. รักชาติศาสน์กษัตริย์ ๒. ซื่อสัตย์สุจริต ๓. มีวินัย ๔. ใฝ่เรียนรู้ ๕. อยู่อย่างพอเพียง ๖. มุ่งมั่นในการทำงาน ๗. รักความเป็นไทย ๘. มีจิตสาธารณะ การพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ต้องอาศัยการบริหารจัดการและการมีส่วนร่วม ของ ทุกฝ่ายทั้งผู้บริหารสถานศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ครูที่ปรึกษา ครูผู้สอน ผู้ปกครองและชุมชนให้ดำเนินการดังนี้ ๑. คณะกรรมการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษาและ ครูผู้สอน ร่วมกันวิเคราะห์มาตรฐาน/ตัวชี้วัดเนื้อหาในแต่ละกลุ่มวิชา และพิจารณาเลือกคุณลักษณะ
80 อันพึงประสงค์ที่สอดคล้องกับธรรมชาติวิชาที่ครูแต่ละคนรับผิดชอบ รวมทั้งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ของกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียนด้วย ๒. ครูผู้สอนนำคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่คัดเลือกไว้ไปบูรณาการกับตัวชี้วัดของ กลุ่มสาระการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โครงการ และกิจวัตรประจำวันของสถานศึกษาดำเนินการ พัฒนาและประเมินร่วมกันระหว่างครู ผู้ปกครอง และเพื่อนนักเรียน ๓. ผู้ประเมินทุกฝ่ายส่งผลการประเมินให้ครูวัดผล เพื่อสรุปผลการประเมินตาม เกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนดและนำเสนอผู้บริหารเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป ข้อ ๑๐ การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นกระบวนการประเมินจากการปฏิบัติกิจกรรม และ ผลงาน/ชิ้นงานของผู้เรียนด้วยวิธีการที่หลากหลายตามสภาพจริงกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนประกอบไปด้วยกิจกรรม ดังนี้ ๑ กิจกรรมแนะแนว ๒ กิจกรรมนักเรียน ๑) กิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี, ยุวกาชาด ๒) กิจกรรมชุมนุม ๓ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ดำเนินการดังนี้ ๑ กำหนดวัตถุประสงค์ในแต่ละกิจกรรม ๒ กำหนดเวลาจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับโครงสร้างของหลักสูตรสถานศึกษา ๓ ออกแบบแผนการดำเนินกิจกรรมให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ๔ จัดกิจกรรมพัฒนาให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์อย่างหลากหลาย น่าสนใจ โดยเน้นเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม พฤติกรรมการปฏิบัติ และผลงาน/ชิ้นงาน หมวดที่ ๓ เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ข้อ ๑๑ การตัดสินผลการเรียน ๑ ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทั้งหมด ๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้ง ๘ กลุ่มสาระ ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวชี้วัดและ ผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด ๓ ผู้เรียนต้องได้รับการตัดสินผลการเรียนทุกรายวิชา ๔ ผู้เรียนต้องได้รับผลการประเมินระดับ “ผ่าน” ในการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ข้อ ๑๒ การให้ระดับผลการเรียน ให้ผู้สอนนำคะแนนระหว่างเรียน รวมกับคะแนนสอบปลายปี ตัดสินผลการเรียน โดยให้ใช้ตัวเลขแสดงระดับผลการเรียนในแต่ละรายวิชา ดังต่อไปนี้
81 คะแนนรวม ระดับผลการเรียน ความหมาย ๘๐-๑๐๐ ๔ ดีเยี่ยม ๗๕-๗๙ ๓.๕ ดีมาก ๗๐-๗๔ ๓ ดี ๖๕-๖๙ ๒.๕ ค่อนข้างดี ๖๐-๖๔ ๒ ปานกลาง ๕๕-๕๙ ๑.๕ พอใช้ ๕๐-๕๔ ๑ ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ ๐-๔๙ ๐ ต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ ข้อ ๑๓ เกณฑ์การประเมินการอ่านคิดวิเคราะห์ กำหนดเกณฑ์การประเมินให้มี๔ ระดับ คือดี เยี่ยม ดี ผ่าน และ ไม่ผ่าน “ดีเยี่ยม” หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนที่มี คุณภาพดีเลิศอยู่เสมอ “ดี” หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนที่มี คุณภาพเป็นที่ยอมรับ “ผ่าน” หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนที่มี คุณภาพเป็นที่ยอมรับแต่ยังมีข้อบกพร่องบางประการ “ ไม่ผ่าน” หมายถึง ไม่มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน หรือถ้ามีผลงาน ผลงานนั้นยังมีข้อบกพร่องที่ต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขหลายประการ ข้อ ๑๔ ในกรณีที่ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน อยู่ในระดับไม่ผ่าน ครูผู้สอนต้องเร่งดำเนินการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมและพัฒนาให้ผู้เรียนมีความก้าวหน้าในตัวชี้วัดที่มี จุดบกพร่อง และสร้างผลงานที่สะท้อนความสามารถในตัวชี้วัดที่ต้องปรับปรุงแก้ไข ด้วยวิธีการที่ หลากหลาย แล้วนำผลงานไปเทียบกับแนวการให้คะแนนและเกณฑ์การตัดสินที่กำหนดตั้งแต่ดีเยี่ยม ดี และผ่าน ข้อ ๑๕ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในแต่ละคุณลักษณะให้ใช้ระดับคุณภาพ ๔ระดับ คือ ดีเยี่ยม, ดี, ผ่าน และไม่ผ่าน ตามเกณฑ์การให้คะแนนของคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในแต่ละคุณลักษณะ ข้อ ๑๖ ในการสรุปผลการประเมินรวมทุกคุณลักษณะ เพื่อการเลื่อนชั้น และจบการศึกษา กำหนดเกณฑ์การตัดสินเป็น ๔ ระดับ ให้พิจารณาดังนี้ “ดีเยี่ยม”ผู้เรียนปฏิบัติตนจนเป็นนิสัย และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อประโยชน์สุข ตนเองและสังคมพิจารณาจากผลการประเมินระดับดีเยี่ยมจำนวน ๕-๘ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะ ใดได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดับดี “ดี” ผู้เรียนปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เพื่อให้เป็นการยอมรับของสังคมพิจารณาจาก ๑) ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยมจำนวน ๑ – ๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะ ใดได้ผล การประเมินต่ำกว่าระดับดีหรือ ๒) ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยมจำนวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใด ได้ผลการประเมิน ต่ำกว่าระดับผ่านหรือ ๓) ได้ผลการประเมินระดับดี จำนวน ๕ – ๘ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใด
82 ได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดับผ่าน “ผ่าน” ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดพิจารณาจาก ๑) ได้ผลการประเมินระดับผ่าน จำนวน ๕ – ๘ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใด ได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดับผ่านหรือ ๒) ได้ผลการประเมินระดับดี จำนวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผล การประเมินต่ำกว่าระดับผ่าน “ไม่ผ่าน” ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดพิจารณาจากผล การประเมินระดับไม่ผ่านตั้งแต่ ๑ คุณลักษณะ ข้อ ๑๗ ผลการประเมินในปีสุดท้ายได้ระดับใดให้ถือว่าผู้เรียนได้คุณลักษณะอันพึงประสงค์ระดับ นั้น ถ้าหากผลการประเมินในปีก่อนๆ ได้ระดับดี หรือ ดีเยี่ยม แต่ปีสุดท้ายของระดับการศึกษาได้ระดับ ผ่าน หรือ ไม่ผ่าน ให้คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะใช้ดุลยพินิจอย่างรอบคอบและเป็นไปตาม สภาพจริง โดยนำข้อมูลจากประวัติที่ผ่านมาประกอบการพิจารณาว่าจะให้ระดับใด ข้อ ๑๘ เกณฑ์การตัดสินผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน “ผ่าน”ผู้เรียนต้องมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาทั้งหมดและ ปฏิบัติงาน มีผลงาน/ชิ้นงานตามที่แต่ละกิจกรรมกำหนด “ไม่ผ่าน” ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมน้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาทั้งหมด ไม่ผ่านการ ปฏิบัติงาน หรือมีผลงาน ชิ้นงานไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่แต่ละกิจกรรมกำหนด ข้อ ๑๙ กรณีผู้เรียนได้รับผลการประเมินไม่ผ่าน ให้เป็นหน้าที่ของครูหรือผู้รับผิดชอบกิจกรรม นั้นๆ ในการ ซ่อมเสริม โดยให้ผู้เรียนดำเนินกิจกรรมจนครบตามเวลาที่ขาดหรือปฏิบัติกิจกรรมให้ บรรลุตามวัตถุประสงค์ของกิจกรรมนั้นแล้วจึงประเมินให้ผ่านกิจกรรม ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยให้รายงาน ผู้บริหารสถานศึกษาทราบ เพื่อดำเนินการช่วยเหลือผู้เรียนอย่างเหมาะสมต่อไป ข้อ ๒๐ การเลื่อนชั้นและจบการศึกษาเมื่อสิ้นปีการศึกษาผู้เรียนจะได้รับการเลื่อนชั้น ผู้เรียน ต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ ดังนี้ ๑. ผู้เรียนมีเวลาเรียนตลอดปีการศึกษาไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ของเวลาเรียนทั้งหมด ๒. ผู้เรียนมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐานทุกวิชา ไม่ต่ำกว่า “๑” ทุกวิชา ๓. ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับ “ผ่าน” ขึ้นไป ๔. กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ได้รับผลการตัดสิน “ผ่าน” ขึ้นไป ทั้งนี้ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย ครูประจำชั้นพิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถพัฒนาและ สอนซ่อมเสริมได้ ให้รายงานต่อหัวหน้าสถานศึกษาเพื่ออนุมัติผ่อนผันให้เลื่อนชั้นได้ ข้อ ๒๑ ในกรณีที่ผู้เรียนมีหลักฐานการเรียนรู้ที่แสดงว่ามีความสามารถดีเลิศ สามารถเลื่อนชั้น กลางปีการศึกษา โดยโรงเรียนแต่งตั้งคณะกรรมการประเมิน ประกอบด้วย หัวหน้างานวิชาการ ครูประจำ ชั้น และนักวิชาการหรือศึกษานิเทศก์ ดำเนินการประเมินผู้เรียนและตรวจสอบคุณสมบัติตามเงื่อนไข ๓ ประการ ดังนี้ ๑. มีผลการเรียนในปีการศึกษาที่ผ่านมาและมีผลการเรียนระหว่างปีที่กำลังศึกษาอยู่ในเกณฑ์ดี เยี่ยม ๒. มีวุฒิภาวะเหมาะสมที่จะเรียนในชั้นที่สูงขึ้น
83 ๓. ผ่านการประเมินผลความรู้ความสามารถทุกรายวิชาของชั้นปีที่เรียนปัจจุบันและ ความรู้ความสามารถทุกรายวิชาในภาคเรียนแรกของชั้นปีที่จะเลื่อนชั้น การอนุมัติให้เลื่อนชั้นกลางปีการศึกษาไปเรียนชั้นสูงขึ้นได้ ๑ ระดับชั้น ทั้งนี้ต้องได้รับการยินยอม จากผู้เรียนและผู้ปกครอง และต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนเปิดภาคเรียนที่ ๒ ของปีการศึกษานั้น สำหรับในกรณีที่พบว่ามีผู้เรียนกลุ่มพิเศษประเภทต่างๆ มีปัญหาในการเรียนรู้ ให้สถานศึกษา ดำเนินการร่วมกับ ศูนย์การศึกษาพิเศษ กองการศึกษา หาแนวทางแก้ไขและพัฒนาต่อไป ข้อ ๒๒ การเรียนซ้ำชั้นผู้เรียนที่ไม่ผ่านรายวิชาจำนวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการ เรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น ให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำชั้น ร่วมกันพิจารณาทั้งนี้ให้คำนึงถึง วุฒิภาวะ และความรู้ความสามารถของผู้เรียนเป็นสำคัญโดยก่อนที่จะให้ผู้เรียนซ้ำชั้นโรงเรียนต้องแจ้งให้ ผู้ปกครองและผู้เรียนทราบเหตุผลของการเรียนซ้ำชั้น ข้อ ๒๓ผู้เรียนที่ไม่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์การเลื่อนชั้น โรงเรียนแต่งตั้งคณะกรรมการประกอบด้วย หัวหน้าวิชาการ หัวหน้าสายชั้น ครูผู้สอน พิจารณาให้เลื่อนชั้นได้ หากผู้เรียนมีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งดังนี้ ๑. มีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ อันเนื่องมาจากเหตุสุดวิสัย แต่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์การ เลื่อนชั้นใน ข้ออื่นๆ ครบถ้วน ๒. ผู้เรียนมีผลการประเมินผ่านมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดไม่ถึงเกณฑ์ตามที่ ๓. โรงเรียนกำหนดในแต่ละรายวิชา แต่เห็นว่าสามารถซ่อมเสริมได้ในปีการศึกษานั้น และมีคุณสมบัติตามเกณฑ์การเลื่อนชั้นในข้ออื่นๆ ครบถ้วน ๔. ผู้เรียนมีผลการประเมินรายวิชาในกลุ่มสาระภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อยู่ในระดับ “ผ่าน” ข้อ ๒๔ การสอนซ่อมเสริม ให้เป็นหน้าที่ของครูผู้สอนทุกคนในแต่ละสายชั้นหรือผู้ที่ได้รับ มอบหมาย ในการสอนซ่อมเสริม กรณีที่ผู้เรียนมีความรู้ ทักษะ กระบวนการ หรือเจตคติ/คุณลักษณะ ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด นอกเหนือจากการสอนตามปกติ โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ หลากหลายและตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล ข้อ ๒๕ ผู้เรียนจบระดับประถมศึกษา มีเกณฑ์การจบระดับประถมศึกษา ดังนี้ 1. ผู้เรียนต้องเรียนรายวิชาพื้นฐานตลอดหลักสูตร จำนวน 5,040 ชั่วโมง และรายวิชาเพิ่มเติมไม่น้อยกว่า จำนวน 240 ชั่วโมง 2. ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐานและรายวิชาเพิ่มเติม ระดับ 1 ขึ้นไปทุก รายวิชา 3. ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนในระดับดีเยี่ยม/ดี/ผ่าน 4. ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับ ดีเยี่ยม/ดี/ผ่าน 5. ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่า 720 ชั่วโมง และได้ผลการประเมิน "ผ" ทุกกิจกรรม
84 หมวด ๔ การรายงานผลการเรียน ข้อ ๒๖ ให้การรายงานผลการเรียนแก่ผู้ปกครอง ผู้เรียน และผู้เกี่ยวข้องอย่างน้อยภาคเรียนละ ๑ ครั้ง ข้อ ๒๗..การรายงานผลการเรียนมีจุดมุ่งหมายดังนี้ ๑. เพื่อแจ้งผู้เรียน ผู้เกี่ยวข้องทราบความก้าวหน้าของผู้เรียน ๒. เพื่อให้ผู้เรียนผู้เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริม และพัฒนาการของ ผู้เรียน ๓. เพื่อให้ผู้เรียนผู้เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการเรียน กำหนดแนวทาง การศึกษา และการเลือกอาชีพ ๔. เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้เกี่ยวข้องใช้ในการออกเอกสารหลักฐานศึกษา ตรวจสอบและ รับรองผลการเรียน หรือวุฒิการศึกษาของผู้เรียน ๕. เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับสถานศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใช้ประกอบในการ กำหนดนโยบายวางแผนในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ข้อ ๒๘ การรายงานผลให้มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนและผู้เกี่ยวข้อง ประกอบไปด้วย ๑. ข้อมูลระดับชั้นเรียน ๒. ข้อมูลระดับสถานศึกษา ๓. ข้อมูลระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/เขตพื้นที่การศึกษา ๔. ข้อมูลระดับชาติ ๕. ข้อมูลพัฒนาการด้านอื่นๆ ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และพฤติกรรม ต่างๆ หมวด ๕ เอกสารหลักฐานการศึกษา ข้อ ๒๙ โรงเรียนต้องดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานการศึกษา เพื่อใช้เป็นเอกสารแสดง ข้อมูลและสถานภาพการศึกษาของนักเรียน และใช้ตรวจสอบ สื่อสาร ส่งต่อ และรับรองผลการเรียนของ นักเรียน ข้อ ๓๐ เอกสารหลักฐานการศึกษาที่โรงเรียนต้องดำเนินการมี ๒ ประเภท ๑. เอกสารหลักฐานการศึกษาที่กระทรวงกำหนด ระดับประถมศึกษา มี ๒ แบบ คือ ๑) ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.๑) ๒) แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (ปพ.๓) ๒. เอกสารหลักฐานการศึกษาที่โรงเรียนดำเนินการเอง ประกอบด้วย ๑) ใบรับรองผลการเรียน (ปถ.๐๑) ๒) แบบบันทึกการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน(ปถ.๐๒) ๓) บัญชีเรียกชื่อนักเรียน(ปถ.๐๓) ๔) แบบบันทึกการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ปถ.๐๔)
85 ๕) แบบบันทึกผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายวิชา (ปถ.๐๕) ๖) แบบรายงานการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคคล(ปถ.๐๖) ๗) แบบสรุปผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนระดับชั้นเรียน (ปถ.๐๗) ๘) ระเบียนสะสม(ปถ.๐๘) ๙) แบบรายงานผลการพัฒนาการเรียนรู้ตามมาตรฐาน และตัวชี้วัด(ปถ.๐๙) หมวด ๖ การเทียบโอนผลการเรียน ข้อ ๓๑ โรงเรียนสามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้ของผู้เรียนจากสถานศึกษาได้ในกรณีต่างๆ ดังนี้ การย้ายสถานศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจากต่างประเทศ และขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ ตลอดจนถึงเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จากแหล่งเรียนรู้อื่นๆ ข้อ ๓๒ ให้ดำเนินการเทียบโอนในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรก หรือต้นภาคเรียนแรก ทั้งนี้ผู้ที่รับ การเทียบโอนต้องศึกษาต่อเนื่องในสถานศึกษาที่รับเทียบโอนอย่างน้อย ๑ ภาคเรียน ข้อ ๓๓ การพิจารณาเทียบโอน สามารถดำเนินการได้ดังนี้ ๑. พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา ๒. พิจารณาจากการทดสอบ สัมภาษณ์ ๓. พิจารณาจากความสามารถ และการปฏิบัติจริง ข้อ ๓๔ โรงเรียนแต่งตั้งคณะกรรมการเทียบโอนจำนวน ๓-๕ คนดำเนินการเทียบโอนตามแนว ปฏิบัติการเทียบโอนผลการเรียนเข้าสู่ระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ หมวด ๗ บทเฉพาะกาล ข้อ ๓๕ ในกรณีที่ผู้เรียนที่เรียนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๔ ซึ่งควรจะจบหลักสูตรได้ตามกำหนด แต่ไม่จบตามเวลาที่จะจบ ให้ใช้ระเบียบฉบับนี้ ข้อ ๓๖ การเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพิ่มเติมระเบียบนี้ ต้องได้รับการพิจารณาจากคณะ กรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษา แล้วเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการ สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน แล้วให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาลงนามเพื่อประกาศใช้ต่อไป
86 อภิธานศัพท์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Process) เป็นกระบวนการในการศึกษาหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนหลัก คือ การตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหา การสร้างสมมติฐานหรือการคาดการณ์คำตอบ การออกแบบวิธีการเก็บ รวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์และแปลความหมายข้อมูล การลงข้อสรุป และการสื่อสาร การแก้ปัญหา (Problem Solving) เป็นการหาคำตอบของปัญหาที่ยังไม่รู้วิธีการมาก่อน ทั้งปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาใน วิทยาศาสตร์โดยตรง และปัญหาในชีวิตประจำวัน โดยใช้เทคนิค วิธีการหรือกลยุทธ์ต่าง ๆ การวิเคราะห์ (Analyzing) เป็นระดับของผลการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสามารถแยกแยะข้อมูลหรือข้อสนเทศ เพื่อเชื่อมโยง ความสัมพันธ์ การสังเกต (Observation) เป็นวิธีการหาข้อมูลโดยตรงโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้แก่ การดู การดม การฟัง การชิม และการสัมผัส การสืบค้นข้อมูล (Search) เป็นการหาข้อมูลหรือข้อสนเทศที่มีผู้รวบรวมไว้แล้วจากแหล่งต่างๆ เช่น ห้องสมุด เครือข่าย อินเทอร์เน็ต ภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นต้น การสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Inquiry) เป็นการหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์หรือวิธีการอื่น ๆ เช่น การสำรวจ การสังเกต การวัด การจำแนกประเภท การทดลอง การสร้างแบบจำลอง การสืบค้น ข้อมูล เป็นต้น การสำรวจ (Exploration) เป็นการหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ โดยใช้วิธีการและเทคนิคต่าง ๆ เช่น การสังเกต การสัมภาษณ์ การเก็บตัวอย่าง เพื่อนำมาวิเคราะห์ จำแนก หรือหาความสัมพันธ์ การสำรวจตรวจสอบ (Scientific Investigation) เป็นวิธีการหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ โดยผ่านการรวบรวมข้อมูล ใช้ความคิดที่มีเหตุผลในการ ตั้งสมมติฐาน อธิบายและแปลความหมายข้อมูล การสำรวจตรวจสอบทำได้หลายวิธี เช่น การ สังเกต การสำรวจ การทดลอง เป็นต้น
87 ความเข้าใจ (Understanding) เป็นระดับของผลการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสามารถอธิบายเปรียบเทียบ แยกประเภท ยกตัวอย่าง เขียนแผนภาพ เลือก ระบุ เลือกใช้เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ จิตวิทยาศาสตร์ (Scientific mind / Scientific attitudes) เป็นคุณลักษณะหรือลักษณะนิสัยของบุคคลที่เกิดขึ้นจากการศึกษาหาความรู้โดยใช้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์จิตวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยคุณลักษณะต่าง ๆ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ ความมุ่งมั่น อดทน รอบคอบ ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ ประหยัด การร่วมแสดงความคิดเห็นและ ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ความมีเหตุผล การทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสร้างสรรค์ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ (Attitudes Toward Sciences) เป็นความรู้สึกของบุคคลต่อวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นผลจากการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยผ่าน กิจกรรมที่หลากหลาย ความรู้สึกดังกล่าว เช่น ความสนใจ ความชอบ การเห็นความสำคัญและ คุณค่า ศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับตัวชี้วัด สาระวิทยาศาสตร์ ที่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ความหมาย ๑ กำหนดปัญหา define problem ระบุคำถาม ประเด็น หรือสถานการณ์ที่เป็น ข้อสงสัยเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา หรือ อภิปรายร่วมกัน ๒ แก้ปัญหา solve problem หาคำตอบของปัญหาที่ยังไม่รู้วิธีการมาก่อน ทั้งปัญหาที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ โดยตรง และปัญหาในชีวิตประจำวัน โดยใช้ เทคนิคและวิธีการต่างๆ ๓ เขียนแผนผัง/วาด ภาพ construct diagram/ illustrate นำเสนอข้อมูล หรือผลการสำรวจตรวจสอบ ด้วยแผนผัง กราฟ หรือภาพวาด ๔ คาดคะเน predict คาดการณ์ผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดย อาศัยข้อมูลที่สังเกตได้และประสบการณ์ที่มี ๕ คำนวณ calculate หาผลลัพธ์จากข้อมูลโดยใช้หลักการ ทฤษฎี หรือวิธีการทางคณิตศาสตร์ ๖ จำแนก classify จัดกลุ่มของสิ่งต่างๆโดยอาศัยลักษณะที่ เหมือนกันเป็นเกณฑ์ ๗ ตั้งคำถาม ask question พูดหรือเขียนประโยค หรือวลีเพื่อให้ได้มา ซึ่งการค้นหาคำตอบที่ต้องการ ๘ ทดลอง conduct/ experiment ปฏิบัติการเพื่อหาคำตอบของคำถาม หรือ ปัญหาในการทดลอง โดยตั้งสมมติฐานเพื่อ
88 ที่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ความหมาย เป็นแนวทางในการกำหนดตัวแปรและ วางแผนดำเนินการเพื่อตรวจสอบสมมติฐาน ๙ นำเสนอ present แสดงข้อมูล เรื่องราว หรือ ความคิดเพื่อให้ ผู้อื่นรับรู้หรือพิจารณา ๑๐ บรรยาย describe ให้รายละเอียดของเหตุการณ ์หรือ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผู้อื่นได้รับรู้ด้วยกำ รบอกหรือเขียน ๑๑ บอก tell ให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง แก่ผู้อื่นด้วยกำรพูด หรือเขียน ๑๒ บันทึก record เขียนข้อมูลที่ได้จากการสังเกตเพื่อช่วยจำ หรือเพื่อเป็นหลักฐาน ๑๓ เปรียบเทียบ compare บอกความเหมือน และ/หรือความแตกต่าง ของสิ่งที่เทียบเคียงกัน ๑๔ แปลความหมาย interpret แสดงความหมายของข้อมูลจากหลักฐานที่ ปรากฏเพื่อลงข้อสรุป ๑๕ ยกตัวอย่าง give examples ให้ข้อมูล เหตุการณ ์หรือสถานการณ์เพื่อ แสดงความเข้าใจในสิ่งที่ได้เรียนรู้ ๑๖ ระบุ identify ชี้บอกสิ่งต่างๆโดยใช้ข้อมูลประกอบอย่าง เพียงพอ ๑๗ เลือกใช้ select พิจารณาและตัดสินใจนำวัสดุสิ่งของ อุปกรณ์หรือวิธีการมาใช้ได ้อย่างเหมาะสม ๑๘ วัด measure หาขนาดหรือปริมาณของสิ่งต่างๆโดยใช้ เครื่องมือที่เหมาะสม ๑๙ วิเคราะห์ analyze แยกแยะ จัดระบบ เปรียบเทียบ จัดลำดับ จัดจำแนก หรือเชื่อมโยงข้อมูล ๒๐ สร้างแบบจำลอง construct model นำเสนอแนวคิดหรือเหตุการณ์ในรูปของ แผนภาพชิ้นงาน สมการ ข้อความ คำพูด และ/หรือใช้แบบจำลองเพื่ออธิบายความคิด วัตถุหรือเหตุการณ์ต่างๆ ๒๑ สังเกต observe หาข้อมูลด้วยการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าที่ เหมาะสม ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ โดยไม่ ใช้ประสบการณ์เดิมของผู้สังเกต ๒๒ สำรวจ explore หาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งต่างๆโดยใช้วิธีการและ เทคนิคที่เหมาะสมเพื่อนำข้อมูลมาใช้ตาม วัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ๒๓ สืบค้นข้อมูล search หาข้อมูล หรือข้อสนเทศที่มีผู้รวบรวมไว ้ แล้วจากแหล่งต่างๆมาใช้ประโยชน์
89 ที่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ความหมาย ๒๔ สื่อสาร communicate นำเสนอและแลกเปลี่ยนความคิดข้อมูล หรือผลจากการสำรวจตรวจสอบด้วยวิธีที่ เหมาะสม ๒๕ อธิบาย explain กล่าวถึงเรื่องราวต่างๆอย่างมีเหตุผล และมี ข้อมูล หรือประจักษ์พยานอ้างอิง ๒๖ อภิปราย discuss แสดงความคิดเห็นต่อประเด็น หรือคำถาม อย่างมีเหตุผลโดยอาศัยความรู้และประสบ การณ ์ของผู้อภิปรายและข้อมูลประกอบ ๒๗ ออกแบบการทดลอง design experiment กำหนดและวางแผนวิธีการทดลองให้ สอดคล้องกับสมมติฐานและตัวแปรต่างๆ รวมทั้งการบันทึกข้อมูล ศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับตัวชี้วัด สาระเทคโนโลยี ที่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ความหมาย ๑ การใช้ลิขสิทธิ์ของผู้อื่น โดยชอบธรรม fair use การนำสื่อ หรือข้อมูลที่เป็นลิขสิทธิ์ของผู้อื่นไปใช้โดย ชอบด้วยกฎหมาย ภายใต้เงื่อนไขบางประการเช่น ๑) นำไปใช้ในการศึกษา หรือการค้ำ ๒) งานนั้นเป็นงานวิชาการ หรือบันเทิง ๓) คัดลอกเพียงส่วนน้อย หรือคัดลอก จำนวนมาก ๔) ทำให้เจ้าของเสียผลประโยชน์ทาง การเงินมากน้อยเพียงใด ๒ การตรวจและแก้ไข ข้อผิดพลาด debugging กระบวนการในการค้นหำข้อผิดพลาดของโปรแกรม เพื่อแก้ไขให้ทำงานได้ถูกต้อง ๓ การประมวลผลข้อมูล data processing การดำเนินการต่างๆ กับข้อมูลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มี ความหมาย และมีประโยชน์ต่อการนำไปใช้งานมาก ยิ่งขึ้น ๔ การรวบรวมข้อมูล data collection กระบวนการในการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องจาก แหล่งข้อมูลต่างๆ ๕ ข้อมูลปฐมภูมิ primary data ข้อมูลที่รวบรวมโดยตรงจากแหล่งข้อมูลขั้นต้นโดย อาจใช้วิธีการสังเกต กำรทดลอง การสำรวจการ สัมภาษณ์ ๖ เทคโนโลยี technology สิ่งที่มนุษย์สร้าง หรือพัฒนาขึ้น ซึ่งอาจเป็นได้ทั้ง ชิ้นงาน หรือวิธีการ เพื่อใช้แก้ปัญหา สนองความ ต้องการ หรือเพิ่มความสามารถในการทำงานของ มนุษย์
90 ที่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ความหมาย ๗ แนวคิดเชิงคำนวณ computational thinking กระบวนการในการแก้ปัญหา การคิดวิเคราะห์อย่างมี เหตุผลเป็นขั้นตอน เพื่อหาวิธีการแก้ปัญหาในรูปแบบ ที่สามารถนำไปประมวลผลได้ ๘ แนวคิดเชิงนามธรรม abstraction การพิจารณารายละเอียดที่สำคัญของปัญหาแยกแยะ สาระสำคัญออกจากส่วนที่ไม่สำคัญ ๙ ระบบทางเทคโนโลยี technological system กลุ่มของส่วนต่างๆ ตั้งแต่สองส่วนขึ้นไปประกอบเข้า ด้วยกันและทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ โดยในการทำงำนของระบบทางเทคโนโลยีจะประกอบ ไปด้วย ตัวป้อน (input) กระบวนการ (process) และ ผลผลิต (output) ที่สัมพันธ์กัน นอกจากนี้ระบบทาง เทคโนโลยีอาจมีข้อมูลย้อนกลับ (feedback) เพื่อใช้ ปรับปรุงการทำงานได้ตามวัตถุประสงค์ ๑๐ เหตุผลเชิงตรรกะ logical reasoning การใช้เหตุผล กฎ กฎเกณฑ์ หรือเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหาได้ครอบคลุมทุกกรณี ๑๑ เหตุผลวิบัติ logical fallacy การใช้เหตุผลที่ผิดพลาด ไม่อยู่บนพื้นฐานของความ จริง ไม่มีน้ำหนักสมเหตุสมผลมาสนับสนุน หรือชี้นำ ข้อสรุปที่ผิดให้ดูน่าเชื่อถือ ๑๒ อัตลักษณ์ Identity ลักษณะเฉพาะ หรือข้อมูลสำคัญที่บ่งบอกถึงความ เป็นตัวตนของบุคคลหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ชื่อบัญชี ผู้ใช้ ใบหน้า ลายนิ้วมือ ๑๓ อัลกอริทึม algorithm ขั้นตอนในการแก้ปัญหา หรือการทำงานโดยมีลำดับ ของคำสั่งหรือวิธีการที่ชัดเจนที่คอมพิวเตอร์สามารถ ปฏิบัติตามได้ ๑๔ แอพพลิเคชัน software application ซอฟต์แวร์ประยุกต์ ที่ทำงานบนคอมพิวเตอร์สมาร์ท โฟน แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์เทคโนโลยีอื่นๆ
91 บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธิการ. หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ คุรุสภาลาดพร้าว. กระทรวงศึกษาธิการ.(2๕๖๐).ตัวชี้วัดและหลักสูตรแกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. สำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ, กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด. สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (๒๕๕๕). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (๒๕๔๗). ข้อเสนอยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษา. กรุงเทพฯ: เซ็นจูรี่. สำนักนายกรัฐมนตรี, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ.(๒๕๔๒). พระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.). สำนักผู้ตรวจราชการและติดตามประเมินผล. (๒๕๔๘). การติดตามปัญหาอุปสรรคการใช้หลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๔๔. บันทึก ที่ ศธ ๐๒๐๗/ ๒๖๙๒ ลงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๘. สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๔๖ ก.). สรุปผลการประชุมวิเคราะห์หลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน. ๒๗-๒๘ ตุลาคม ๒๕๔๖ โรงแรมตรัง กรุงเทพฯ. (เอกสารอัดสำเนา). สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๔๖ ข.). สรุปความเห็นจากการประชุมเสวนาหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน ๕ จุด. พฤศจิกายน ๒๕๔๖ (เอกสารอัดสำเนา). สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๔๘ ก). รายงานการวิจัย การใช้หลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐานตามทัศนะของผู้สอน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.). สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๔๘ ข.). รายงานการวิจัยโครงการวิจัยเชิงทดลอง กระบวนการสร้างหลักสูตรสถานศึกษาแบบอิงมาตรฐาน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรับส่ง สินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.). สุวิมล ว่องวาณิช และ นงลักษณ์ วิรัชชัย. (๒๕๔๗). การประเมินผลการปฎิรูปการเรียนรู้ ตาม พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ พหุกรณีศึกษา.เอกสารการประชุมทาง วิชาการการวิจัยเกี่ยวกับการปฏิรูปการเรียนรู้ โดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวง ศึกษาธิการ วันที่ ๑๙- ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๗. Kittisunthorn, C., (๒๐๐๓). Standards-based curriculum: The first experience of Thai teachers. Doctoral Dissertation, Jamia Islamia University, Delhi, India. Nutravong, R., (๒๐๐๒). School-based curriculum decision-making: A study of the Thailand reform experiment. Doctoral Dissertation, Indiana University, Bloomington. U.S.A.
92 คณะผู้จัดทำ คณะกรรมการที่ปรึกษา 1.นางนัยนา อังคุตรานนท์ ประธานกรรมการ 2. นายฉลาด ศรีทองอินทร์ รองประธานกรรมการ 3. นายประจักษ์ บ่อเกิด กรรมการผู้แทนผู้ปกครอง 4. นางสาวจันทนา บุญศรี กรรมการผู้แทนผู้ปกครอง 5. นางภิรมย์ศรี สมทบ กรรมการผู้แทนครู 6. นางสาวเกษร บุญศรีนุกุล กรรมการผู้แทนองค์กรชุมชน 7. นายสมพร กำเนิดกาญจน์ กรรมการผู้แทนองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น 8. นายพชร วรรณภิวัฒน์ กรรมการผู้แทนศิษย์เก่า 9. ดร.พระวิสุทธิพงษ์เมธี กรรมการผู้แทนพระภิกษุสงฆ์ 10.ดร. พระเมธีปริยัติวิบูล กรรมการผู้แทนพระภิกษุสงฆ์ 11. นายเจริญ สหกิจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 12. นายสัณฑพงค์ เทพวงค์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 13. นายพรชัย ศิริกาญจนไพศาล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 14. นายประจักษ์ บ่อเกิด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 15.นางสาวภริดา บ่อพืชน์ กรรมการและเลขานุการ 16. นางสกุณา ปั้นทอง ผู้ช่วยกรรมการและเลขานุการ 1๗. นางวิลาสินี แสนวัง ผู้ช่วยกรรมการและเลขานุการ 1๘. นางสาวนฤมล งิ้วแถว ผู้ช่วยกรรมการและเลขานุการ คณะครูกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ๑. นางสาวกันยารัตน์ สาวิระ ครู ค.ศ.๑ ประธานกรรมการ ๒. นางสาวิตรี สุตภวา ครู ค.ศ.๒ กรรมการ ๓. นางเยาวลักษณ์ บ่อเกิด ครู ค.ศ.4 กรรมการและเลขานุการ