The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

-ประวัติ บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา-2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by s61131109048, 2022-07-07 10:37:50

-ประวัติ บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา-2

-ประวัติ บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา-2

พระวษิ ณกุ รรม

บทเสภา

สามคั คเี สวก

ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒

ผู้ประพนั ธ์

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั
(รัชกาลที่ ๖)
แตง่ เมอื่ ๒๔๕๗
แนวคิดในเรอ่ื ง คุณคา่ และความสาคัญของ
ศลิ ปะทม่ี ีตอ่ ชาติ
ลักษณะคาประพนั ธ์ คอื

กลอนเสภา เป็นกลอนท่ีแตง่ ขึ้นเพ่อื

เลา่ นทิ านเปน็ ทานอง โดยใช้ “กรบั ” เปน็
เครื่องประกอบจงั หวะ

ท่มี าของเรอื่ ง

สาเหตุที่รัชกาลที่ 6 ทรงพระราช
นิพนธ์บทเสภาสามัคคีเสวกนี้ พระองค์ได้
อ ธิ บ า ย ว่ า ใ น ร ะ ห ว่ า ง ท ร ง พั ก ผ่ อ น ที่
พระราชวงั สนามจันทร์ไดม้ ีข้าราชการใน
ราชสานักผลัดเปลีย่ นกนั จัดงานเล้ยี ง

ทีม่ าของเรอื่ ง

เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดีทูลขอให้
พระองค์คิดการเล่นอย่างหน่ึง พระองค์จึงคิด
ผกู ระบาสามัคคเี สวกข้ึนโดยไม่มบี ทรอ้ ง มแี ต่
พิณพาทย์บรรเลง ในระหว่างพักตอนการเล่น
ระบา จึงทรงพระราชนิพนธ์บทเสภาขึ้นสาหรับ
ขับระหว่างตอน เพื่อให้พณิ พาทย์ได้พกั บา้ ง

บทเสภาสามัคคเี สวก เป็นบทเสภาขนาดส้ัน มี 4 ตอน ดงั น้ี

บทเสภา ตอนท่ี ๑ กจิ การแหง่ พระนนที
ตอนที่ ๒ กรนี ิรมิต (กะ-ร-ี นิ-ระ-มดิ )
สามัคคีเสวก ตอนท่ี ๓ วิศวกรรมา (วิด-สะ-วะ-กัน-มา)
ตอนท่ี ๔ สามคั คเี สวก (สา-มัก-ค-ี เส-วก)

ตอนที่ ๑ กจิ การแหง่ พระนนที

กล่าวสรรเสริญพระนนทีว่าเป็นเทพเสวกที่ถือเป็น
แบบอย่างท่ดี ี ในการทาหน้าทีร่ ับใชพ้ ระอศิ วรอย่างซ่ือสัตย์ เช่น
แปลงเป็นโคอุสุภราชให้พระอศิ วรประทับ เม่ือเสร็จหน้าที่ก็กลับ
เป็นเทพดังเดมิ
เม่ือขับเสภาจบเป็นการแสดงจับระบามีเรื่องราวว่าพระอิศวรและ
พระอุมาเสด็จออกให้เทวดาเฝ้า ขณะน้ันมียักษ์ไล่จับนางฟ้า
พระนนทีได้ทาหน้าท่ีปราบยักษ์ ชาระความและขับไล่ไป
จากนนั้ พระอนิ ทรแ์ ละท้าวจตโุ ลกบาลจึงออกมาเฝา้ พระอิศวร

ตอนท่ี ๒ กรนี ริ มิต (กะ-รี-น-ิ ระ-มดิ )

กล่าวสรรเสริญพระคเณศ เทพเจ้าแห่งศิลปวิทยา

เป็นผู้สร้างช้างตระกูลต่าง ๆ จับระบาโดยช้าง
8 ตระกูล ซึ่งประจาทิศท้ัง 8 ถวายบังคมพระ
ค เ ณ ศ แ ล้ ว เ ริ ง ร ะ บ า ยั ก ษ์ อ อ ก ม า ไ ล่ จั บ ช้ า ง
พระคเณศสู้กับยักษ์ และขับไล่ยักษ์ไปได้
พระคเณศจึงมอบช้างให้ทา้ วโลกบาลและมีกระบวน
แห่พระยาช้างเผอื ก

ตอนท่ี ๓ วิศวกรรมา (วดิ -สะ-วะ-กนั -มา)

กล่าวสรรเสริญพระวิศวกรรม เทพผู้ให้
กาเนดิ การก่อสร้างและการช่างนานาชนดิ

การแสดงระบาเริ่มด้วยพระวิศวกรรม
ออกมารา นางวิจิตรเลขาออกมาราทาท่าวาด
ภาพและพระรูปการมาราทาท่าป้นั รูป ปดิ ทา้ ย
ดว้ ยระบานพรัตน์

ตอนท่ี ๔ สามคั คีเสวก (สา-มกั -ค-ี เส-วก)

กล่าวถึงความสามัคคีในหมู่ราชเสวกให้ยึด
มั่นจงรักภักดี แล้วจับระบาราชเสวก ๒๘ หมู่
แต่งกายเต็มยศเดินแถวสวนสนามจนครบ
จากนั้นทุกคนออกมาร้องเพลงแสดงความ
จงรักภักดพี รอ้ มกนั

เน้อื หาท่ใี ชเ้ รยี นระดับช้ัน ม.๒ มี ๒ ตอน ได้แก่

ตอนที่ ๓ วิศวกรรมา ตอนท่ี ๔ สามคั คีเสวก

บทเสภา

สามัคคีเสวก

ตอนที่ ๓ วศิ วกรรมา (วดิ -สะ-วะ-กัน-มา)

ลักษณะคาประพนั ธ์ของบทเสภาสามคั คีเสวก(ตอ่ )
บทเสภาสามคั คีเสวกแตง่ ดว้ ยกลอนเสภาทีม่ ีฉันทลกั ษณ์อยา่ งกลอนสุภาพ

กลอนเสภานใ้ี ช้เปน็ บทเสภาเพื่อขบั เสภาระหวา่ งท่พี ิณพาทยพ์ ักเหนอื่ ย สันนิษฐานวา่
การขับเสภาน้ันพฒั นามาจากการเลา่ นทิ านในสมัยก่อน จากเดิมทีม่ แี ตก่ ารเลา่ นิทาน
แบบรอ้ ยแกว้ ตอ่ มากเ็ รม่ิ มีผู้แตง่ นทิ านแบบรอ้ ยกรอง แลว้ จงึ มกี ารใสท่ านอง ขับเสภา
และใช้ กรับ เปน็ เครอื่ งดนตรปี ระกอบจังหวะเพอ่ื เพิม่ อรรถรส

ตอนท่ี ๓ วิศวกรรมา ตอนท่ี ๔ สามัคคเี สวก

โดยกลอนเสภาหนง่ึ บทจะมีทง้ั หมด ๔ วรรค ได้แก่ วรรคสดบั (วรรคท่ี ๑)
วรรครบั (วรรคท่ี ๒) วรรครอง (วรรคที่ ๓) และวรรคส่ง (วรรคที่ ๔)
แต่ละวรรคจะมี ๗-๙ คา ฉันทลกั ษณ์ของเสภาเปน็ ทนี่ ยิ มทวั่ ไป

๏ อันชาติใดไร้ศานตสิ ขุ สงบ ถอดความ
ต้องมวั รบราญรอนหาผอ่ นไม่
ณ ชาตนิ ้นั นรชนไม่สนใจ ช า ติ ใ ด ที่ มี ศึ ก ส ง ค ร า ม
ในกิจศลิ ปะวไิ ลละวาดงาม ฯ แผ่นดินไม่มีความสงบสุข ประชาชน
ย่อมไม่มีจิตใจสนใจความงดงามของ
๏ แต่ชาตใิ ดรงุ่ เรืองเมืองสงบ ศิลปะ แต่หากประเทศใด (ชาติใด)
วา่ งการรบอรพิ ลอนั ลน้ หลาม บ้านเมืองสงบสุขปราศจากสงคราม
ย่อมจานงศิลปาสงา่ งาม ประชาชนก็จะทานุบารุงศิลปกรรม
เพือ่ อร่ามเรืองระยับประดบั ประดา ฯ ตา่ ง ๆ ให้เจรญิ รงุ่ เรือง

๏ อันชาติใดไรช้ า่ งชานาญศิลป์ ถอดความ
เหมือนนารนิ ไร้โฉมบรรโลมสง่า
ใครใครเหน็ ไมเ่ ปน็ ทจ่ี าเริญตา ช า ติ ใ ด ที่ ป ร า ศ จ า ก ช่ า ง ศิ ล ป์ ก็
เขาจะพากนั เยย้ ให้อับอาย เปรียบเสมือนหญิงสาวท่ีไม่มีความงาม
ไม่เป็นที่ต้องตาต้องใจใคร มีแต่จะถูก
๏ ศิลปกรรมนาใจให้สรา่ งโศก เยาะเยย้ ใหไ้ ด้อาย
ชว่ ยบรรเทาทกุ ข์ในโลกใหเ้ หอื ดหาย
จาเริญตาพาใจให้สบาย ศิลปกรรมนั้นช่วยทาให้จิตใจคลาย
อกี ร่างกายก็จะพลอยสขุ สราญ ฯ เศร้าช่วยทาให้ความทุกข์หมดไป ทาให้
จิตใจของเรามีความสุข ซ่ึงจะส่งผลให้
ร่างกายแข็งแรงไปด้วย

๏ แมผ้ ใู้ ดไมน่ ิยมชมสิ่งงาม ถอดความ
เมอื่ ถึงยามเศรา้ อรุ านา่ สงสาร
เพราะขาดเครือ่ งระงบั ดับราคาญ หากว่าใครไม่เห็นคุณค่าความงาม
โอสถใดจะสมานซึง่ ดวงใจ ของศิลปะ เมื่อต้องเผชิญความทุกข์ก็ไม่มีสิ่ง
ใด มาเป็นยาช่วยสมานบาดแผลของจิตใจได้
๏ เพราะการช่างน้ีสาคญั อนั วเิ ศษ เขาเหล่านั้นจึงเป็นคนที่น่าสงสารย่ิงนัก
ทุกประเทศนานาท้ังนอ้ ยใหญ่
จงึ ยกยอ่ งศิลปกรรมน์ ้ันทว่ั ไป เพราะการช่างศิลป์สาคัญเช่นน้ีนานา
ศรวี ิไลวลิ าศดเี ปน็ ศรีเมอื งฯ ประเทศจึงนิยมยกย่องคุณค่าของศิลปะและ
ความสามารถของช่างศิลป์ว่าเป็นเกียรติยศ
ความรุง่ เรอื งของแผ่นดิน

ถอดความ

๏ ใครดูถูกผู้ชานาญในการชา่ ง คนท่ีไม่เหน็ คณุ ค่าของศิลปะกเ็ หมือน
ความคิดขวางเฉไฉไม่เขา้ เร่อื ง คนป่าคนดง ป่วยการอธิบาย พูดด้วยก็จะ
เหมอื นคนป่าคนไพรไม่รุ่งเรือง เปลืองน้าลายเสีย แต่ประเทศไทยของเรานั้น
จะพูดด้วยนัน้ ก็เปลืองซงึ่ วาจา เหน็ คุณคา่ ของงานชา่ งศลิ ป์

๏ แต่กรุงไทยศรีวิไลทนั เพอื่ นบา้ น ถอดความ
จึ่งมชี ่างชานาญวิเลขา
ทั้งช่างป้ัน ชา่ งเขียนเพยี รวิชา แต่ประเทศไทยของเรานั้นเห็น
อกี ช่างสถาปนาถกู ทานอง คุณค่าของงานช่างศิลป์ จึงมีช่างท่ีมี
ความชานาญในงานช่างศิลป์ท่ีงดงาม
๏ ทง้ั ชา่ งรปู พรรณสุวรรณกจิ เช่น ช่างป้ัน ช่างเขียน ช่างสถาปัตย์
ชา่ งประดษิ ฐร์ ชั ดาสง่าผอ่ ง ช่างทองรูปพรรณ ช่างเงิน ช่างถม และ
อีกช่างถมลายลกั ษณะจาลอง ช่างอัญมณี
อีกช่าชองเชงิ รตั นประกร ฯ

๏ ควรไทยเราช่วยบารุงวิชาชา่ ง ถอดความ
เครือ่ งสาอางแบบไทยสโมสร
ช่วยบารงุ ช่างไทยให้ถาวร เราคนไทยควรสนับสนุนงาน
อยา่ ใหห้ ย่อนกว่าเขาเราจะอาย ช่างศิลป์ไทยให้ก้าวหน้ารุ่งเรืองอย่า
ให้ด้อยากว่านานาประเทศ
๏ อันผองชาติไพรัชช่างจดั สรร
เปน็ หลายอย่างตา่ งพรรณเข้ามาขาย เราจะได้ไม่ต้องซ้ือส่ิงของต่างๆ
เราตอ้ งซ้อื หลากหลากและมากมาย จากประเทศอื่น ซึ่งเป็นการใช้จ่าย
ตอ้ งใชท้ รพั ย์สุรยุ่ สรุ ่ายเปน็ ก่ายกอง ฯ อย่างส้ินเปลอื ง

๏ แม้พวกเราชาวไทยตัง้ ใจชว่ ย ถอดความ
เอออานวยชา่ งไทยใหท้ าของ
ชา่ งคงใฝใ่ จผูกถูกทานอง ห าก เร าคนไท ยต่ าง ช่ว ย
และทาของงามงามขน้ึ ตามกาล สนับสนุนช่างไทยให้สร้างสรรค์งาน
ศิลปะ ช่างคงมีกาลังใจท่ีจะสร้างสรรค์
๏ เราชว่ ยชา่ งเหมือนอย่างช่วยบ้านเมอื ง งานศิลปะที่งดงาม การท่ีเราส่งเสริม
ไดป้ ระเทอื งเทศไทยอนั ไพศาล ชา่ งศิลปะไทยจงึ เทา่ กับได้ช่วยพัฒนา
สมเป็นเมืองใหญโ่ ตมโหฬาร ช า ติ ใ ห้ เ จ ริ ญ พั ฒ น า อ ย่ า ถ า ว ร
พอไม่อายเพื่อนบ้านจึง่ จะดี ฯ ทดั เทยี มนานาประเทศ

วิเคราะห์คุณคา่ ๑. คณุ ค่าด้านเนอื้ หา

ความสาคญั ของศลิ ปะ มเี นอ้ื หาที่แสดงใหเ้ ห็นถงึ ความสาคัญของศิลปะทมี่ ปี ระโยชน์ทง้ั

ต่อตนเอง และประเทศชาติ ดงั ตัวอยา่ ง

๏ ศลิ ปกรรมนาใจให้สรา่ งโศก ช่วยบรรเทาทกุ ข์ในโลกให้เหือดหาย
จาเริญตาพาใจใหส้ บาย อกี รา่ งกายก็จะพลอยสุขสราญ ฯ
ทกุ ประเทศนานาทงั้ นอ้ ยใหญ่
๏ เพราะการชา่ งนสี้ าคญั อนั วเิ ศษ ศรีวไิ ลวลิ าศดีเป็นศรเี มอื งฯ
จึงยกย่องศิลปกรรมน์ ัน้ ทวั่ ไป

จากตวั อย่างนจ้ี ะเหน็ คณุ คา่ ของศลิ ปะวา่ ช่วยบรรเทาความทกุ ขโ์ ศก ศลิ ปะชว่ ยใหส้ บายตาสบายใจ มี
ความสขุ ใจ และยงั เปน็ ศรีแกช่ าตบิ า้ นเมอื ง

วเิ คราะห์คุณคา่ ๑. คณุ คา่ ดา้ นเนอื้ หา #ภาษาไทยไม่จั๊กเดยี ม

ความสาคญั ของศลิ ปะ มีเน้ือหาที่แสดงให้เห็นถึงความสาคัญของศลิ ปะท่มี ีประโยชนท์ ง้ั

ตอ่ ตนเอง และประเทศชาติ ดงั ตวั อยา่ ง

๏ แตก่ รุงไทยศรวี ไิ ลทนั เพอื่ นบ้าน จ่ึงมีช่างชานาญวเิ ลขา
ทง้ั ชา่ งป้นั ชา่ งเขียนเพียรวชิ า อีกช่างสถาปนาถูกทานอง
ช่างประดษิ ฐร์ ัชดาสงา่ ผอ่ ง
๏ ทง้ั ช่างรปู พรรณสุวรรณกจิ อีกชา่ ชองเชิงรตั นประกร ฯ
อกี ช่างถมลายลักษณะจาลอง

จากตวั อยา่ งนจี้ ะเหน็ คณุ คา่ ของศลิ ปะวา่ ศลิ ปะและงานชา่ งเปน็ สง่ิ ทแี่ สดงใหเ้ หน็ ถงึ ความเจรญิ รุ่งเรอื งของ
ชาตบิ ้านเมอื งและมชี า่ งมากฝมี อื เชน่ ชา่ งปน้ั ช่างเขยี น ชา่ งกอ่ สรา้ ง ช่างทอง ช่างเงิน ชา่ งถม และชา่ งอญั มณี

วิเคราะหค์ ณุ ค่า ๑. คุณค่าด้านเนอ้ื หา

ความสาคญั ของศลิ ปะ บทเสภาจบด้วยการเชิญชวนให้คนไทยชว่ ยกันส่งเสริมงานชา่ ง

เพ่อื ให้บา้ นเมืองเจรญิ รุง่ เรอื งทัดเทยี มอารยประเทศ ดงั ตวั อย่าง

๏ แม้พวกเราชาวไทยตง้ั ใจชว่ ย เอออานวยช่างไทยให้ทาของ
ชา่ งคงใฝ่ใจผูกถกู ทานอง และทาของงามงามข้นึ ตามกาล
ได้ประเทอื งเทศไทยอนั ไพศาล
๏ เราช่วยชา่ งเหมือนอยา่ งช่วยบ้านเมอื ง พอไมอ่ ายเพอื่ นบ้านจง่ึ จะดี ฯ
สมเป็นเมืองใหญโ่ ตมโหฬาร

วเิ คราะหค์ ุณค่า ๒. คณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ป์

การใชโ้ วหารเปรยี บเทียบเชงิ อปุ มา ดงั ตวั อย่าง

๏ อันชาติใดไร้ช่างชานาญศิลป์ เหมอื นนารนิ ไรโ้ ฉมบรรโลมสง่า
๏ เหมือนคนป่าคนไพรไม่รุ่งเรือง จะพูดด้วยน้นั ก็เปลอื งซง่ึ วาจา

วเิ คราะหค์ ุณค่า ๒. คุณคา่ ดา้ นสงั คม

สะท้อนวฒั นธรรมดา้ นศิลปกรรมของไทย

ซึ่งเป็นงานศิลปะที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ โดยยกตัวอย่างงาน
ช่างศิลป์ไทย เช่น ช่างปั้น ช่างเขียน ช่างก่อสร้าง ช่างทอง ช่างเงิน
ช่างถม และช่างอัญมณี ส่งิ เหล่านลี้ ้วนแต่เปน็ คณุ ค่าทางวัฒนธรรมท่ี
ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ชนรุ่นหลงั ควรศึกษา และสบื สานต่อไป


Click to View FlipBook Version