The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by กฤษณา ธรรมวิเศษ, 2020-06-17 02:17:27

Kingdom Monera

Kingdom Monera

อาณาจกั รสตั ว์ (Kingdom Animalia)



นยิ ามของสตั ว์ (Animal)

• เปน็ สงิ่ มีชวี ิตหลายเซลล์ (Multicellular)
• เปน็ พวกยคู ารโิ อตทกี่ ินส่งิ มชี วี ิตอน่ื เปน็ อาหารและมีเน้อื เย่ือท่ีพฒั นามาจากเยือ่ คัพภะ

(heterotrophic eukaryotes with tissues that develop from
embryonic layers)
• มีลักษณะบง่ บอกความเป็นสตั ว์เพยี งพอทจี่ ะจดั แยกออกเป็นหมวดหมู่ (Several
characteristics of animals Sufficiently define the group)
• ร่างกายประกอบดว้ ยโปรตนี โครงสร้าง (structural proteins) เช่น collagen
• มีเน้อื เยอื่ ประสาทและเนอื้ เยื่อกลา้ มเนอื้ (Nervous tissue and muscle
tissue) ซึ่งเปน็ ลกั ษณะเฉพาะของพวกสัตว์ (unique to animals)

เกณฑ์ท่ีใชใ้ นการจาแนกหมวดหมูข่ องอาณาจักรสตั ว์

1. ระดบั การทางานร่วมกนั ของเซลล์ (Level of cell organization)
2. สมมาตร (Symmetry)
3. ลกั ษณะช่องว่างในลาตวั หรือช่องตวั (Body cavity or coelom)
4. การเปลยี่ นแปลงของ Blastopore
5. การเจรญิ ในระยะตวั อ่อน
6. การแบง่ เป็นปลอ้ ง (Segmentation)

1. ระดบั การทางานร่วมกันของเซลล์
(Level of cell organization)

1.1 No true tissue (เนือ้ เยื่อทไ่ี มแ่ ทจ้ รงิ )
1.2 True tissue (เนอื้ เยอ่ื ทแ่ี ทจ้ ริง)

1.2.1 เนอื้ เย่อื 2 ชั้น (Diploblastica)
1.2.2 เน้อื เยอ่ื 3 ชนั้ (Triploblastica)



2. สมมาตร (Symmetry)

2.1 Asymmetry (ไมม่ ีสมมาตร)
2.2 Radial symmetry (สมมาตรแบบรศั มี)
2.3 Bilateral symmetry (สมมาตรแบบครึ่งซกี )



3. ลักษณะช่องวา่ งในลาตวั หรอื ช่องตวั
(Body cavity or coelom)

3.1 acoelom หรือ No body cavity
(ไมม่ ชี อ่ งวา่ งในลาตัวหรอื ไมม่ ีชอ่ งตวั )

3.2 Pseudocoelom (มชี อ่ งตวั เทียม)

3.3 Eucoelom or True coelom
(มชี อ่ งตวั ที่แทจ้ ริง)





4. การเปลยี่ นแปลง
ของ Blastopore

4.1 Protostomia คอื พวกท่ี
blastopore เปล่ียนเปน็
ชอ่ งปาก หรือเปน็ สตั ว์พวก
ทชี่ ่องปากเกิดกอ่ นชอ่ งทวาร
4.2 Deuterostomia คือ
พวกที่ blastopore
เปลย่ี นเป็นช่องทวาร หรือ
เปน็ สตั ว์พวกทีช่ ่องปากเกดิ
ภายหลังชอ่ งทวาร



5. การเจริญในระยะตวั ออ่ น

พบในสตั ว์กลมุ่ ท่มี ชี ่องปากแบบ
protostomia

5.1 Trochophore พบในสตั ว์พวก
หนอนตัวแบน ไส้เดอื นดิน ปลิง
หอย หมกึ

5.2 Ecdysozoa เปน็ กลุ่มทม่ี ีการ
ลอกคราบขณะเจริญเตบิ โต พบใน
หนอนตัวกลม และ อาร์โทพอด



6. การแบง่ เปน็ ปลอ้ ง (Segmentation)

6.1 Superficial segmentation
(การแบ่งเป็นปล้องเฉพาะภายนอก
เฉพาะท่ีผวิ ลาตวั ) เชน่ พยาธติ วั ตืด
6.2 Metameric segmentation
(การแบ่งเป็นปล้องทีแ่ ท้จรงิ เกดิ จาก
เนอื้ เยือ่ ชน้ั mesoderm แล้วทาให้เนอื้ เย่ือ
ชัน้ อ่นื เกิดปลอ้ งตามไปด้วยตลอดลาตวั )
เชน่ ไส้เดอื นดนิ อารโ์ ทรพอด สัตว์มี
กระดกู สนั หลัง

Animal Kingdom

1. Phylum Porifera 2. Phylum Coelenterata

3. Phylum Platyhelminthes 4. Phylum Nematoda

5. Phylum Mollusca 6. Phylum Annelida

7. Phylum Arthropoda

8. Phylum Echinodermata

9. Phylum Chordata

1. กลุ่มทไี่ มม่ เี นอื้ เย่อื ทีแ่ ทจ้ รงิ

Phylum Porifera

• ลาตวั เป็นรูพรุน
• สมมาตรแบบรศั มี หรอื ไมม่ สี มมาตร
• มีช่องน้าเข้าและช่องนา้ ออก
• มโี ครงร่างแขง็ หรือเป็นเสน้ ใยโปรตนี
• ผนังตวั ของฟองน้าประกอบด้วยเซลล์ 2 ชน้ั
• ไมม่ รี ะบบหมนุ เวยี น ระบบหายใจ ระบบขบั ถา่ ย และระบบประสาท
• มกี ารสืบพนั ธุแ์ บบอาศัยเพศ

ใช้โครงสร้างคา้ จนุ (spicule) จาแนกแบง่ ออกเป็น
3 Class ได้แก่

1. Class Calcarea ไดแ้ ก่ ฟองน้าทมี่ แี กนแข็ง เปน็ พวกหนิ ปูน (CaCO3)
2. Class Hexactinellida ได้แก่ ฟองนา้ ทม่ี แี กนแข็งเปน็ พวกแก้วหรอื ทราย

(Silica)
3. Class Demospongiae ไดแ้ ก่ ฟองนา้ ถูตวั ทม่ี แี กนออ่ นนุม่

ประกอบด้วยสารประเภท Scleroprotien

2. กลุม่ ทีม่ เี นอื้ เยื่อที่แท้จรงิ

2.1 สมมาตรแบบรศั มี (radial symmetry)

Phylum Coelenterata / Cnidaria

• เปน็ สตั ว์ที่มีเนื้อเย่ือสองชนั้
• ทางเดนิ อาหารเป็นแบบไม่สมบูรณ์ มีปากแตไ่ มม่ ที วารหนัก
• มีเขม็ พษิ หรอื Nematocyst ใชใ้ นการป้องกัน และฆ่าเหยอ่ื
• ไมม่ ีระบบหายใจ ระบบหมุนเวยี นโลหิต ระบบขับถ่ายโดยเฉพาะ
• ระบบประสาทเป็นแบบขา่ ยใยประสาท (Nerve net) แผ่กระจายทัว่ ตวั

และหนาแน่นบริเวณหนวด
• การสืบพนั ธ์ุ มีทง้ั แบบอาศยั เพศ และแบบไม่อาศัยเพศแบบอาศยั เพศ

• มีรปู ร่างเป็น 2 แบบ คือ
- Polyp รปู รา่ งแบบตน้ ไม้
ได้แก่ ไฮดรา ปะการัง
ดอกไมท้ ะเล
- Medusa รูปร่างคลา้ ยร่ม
หรอื กระด่งิ คว่า ได้แก่
แมงกะพรนุ

สัตวใ์ นไฟลมั น้ีแบง่ ออกเปน็ 3 Class ได้แก่

1. Hydrozoa ส่วนใหญ่มรี ูปร่างเป็น Polyp บางช่วงเปน็
Medusa อยรู่ วมกันเปน็ กลุ่ม (Colony) เชน่ โอบเี ลยี
แมงกระพรุนน้าจืด แมงกระพรุนลอย และไฮดรา

2. Scyphozoa สว่ นใหญม่ รี ปู ร่างเปน็ Medusa (รปู ร่าง
คล้ายร่ม วา่ ยนา้ ได้อิสระ) เชน่ แมงกระพรนุ ไฟ แมงกระพรนุ จาน

3. Anthozoa มรี ูปร่างเปน็ แบบ Polyp เท่านนั้ อย่รู วมกัน
เปน็ กลมุ่ มกี ารสร้างสารหนิ ปนู เป็นเปลือกหุ้ม เชน่ พวกปะการัง
หรอื กลั ปงั หา

2.2 มสี มมาตรแบบดา้ นข้าง (bilateral symmetry)
กลมุ่ Protostomia และมีตัวออ่ นแบบ Trochophore

Phylum Platyhelminthes

• มเี นื้อเย่อื 3 ช้นั
• ไมม่ ีชอ่ งตวั (acoelomate / noncoelom)
• รา่ งกายแบนทางดา้ นหลงั และดา้ นท้อง ไมม่ ีข้อ

ปล้อง
• มที อ่ ทางเดินอาหารท่ีเปน็ ปลายตนั หรือเปน็

แบบท่ไี มส่ มบรู ณ์
มปี ากแตไ่ ม่มีทวารหนัก
• มปี มประสาทสมอง อวัยวะรับความรสู้ กึ และ
ชอ่ งปากมารวมกันอยู่ทางดา้ นหน้าของลาตัว

• ระบบขับถา่ ย มอี วัยวะ ท่ีเรยี กว่า protonephridia
• ไม่มีอวัยวะทใ่ี ชใ้ นการหายใจโดยเฉพาะ
• ระบบประสาท ประกอบดว้ ย ปมประสาทด้านหนา้ (anterior ganglia)

หรือปมประสาท
• ระบบสบื พนั ธุ์แบบอาศยั เพศโดยมสี องเพศอยใู่ นตวั เดียวกัน จัดเป็นกะเทย

(hermaphrodite)

สัตวใ์ นไฟลัมนแี้ บ่งออกเปน็ 3 Class ได้แก่

1. Class Turbellaria เชน่ พลานาเรีย ซง่ึ ดารงชีพโดยหากินอยา่ งอิสระ
2. Class Trematoda เชน่ พยาธใิ บไมช้ นดิ ตา่ งๆ ซึง่ ดารงชีพโดยการ
เป็นปรสติ
3. Class Cestoda เชน่ พยาธิตวั ตืด ซ่งึ ดารงชพี โดยเปน็ ปรสิต

Phylum Mollusca
• สตั ว์ลาตัวนิม่ มกั มีเปลอื กแขง็ ทีม่ ี CaCO3 หุม้ ลาตวั ไม่มปี ลอ้ ง
• มี mantle ทาหนา้ ทสี่ ร้างเปลือกหุ้มลาตวั (หมกึ กลว้ ยและหมกึ ยกั ษไ์ ม่มี
เปลอื กแขง็ เนื่องจากไดห้ ายไประหวา่ งการเกิดววิ ฒั นาการ)
• ระบบทางเดินอาหารเป็นแบบสมบูรณ์ คอื มปี ากและทวารหนกั
• มีชอ่ งตัวที่แท้จริง (coelom)
• ระบบหมนุ เวยี นโลหติ เป็นระบบเปิด (open circulation system)
• แลกเปลี่ยนแก๊สโดยใชเ้ หงือก หรือปอด ผวิ หนงั และเยอ่ื แมนเทลิ
• การขบั ถ่ายมไี ต หรือเนฟรเิ ดยี ม (nephridium)
• ระบบประสาท ประกอบดว้ ย ปมประสาท 3 คู่
และมีเสน้ ประสาทใหญ่ 2 คู่

สตั ว์ในไฟลัมนีแ้ บ่งออกเปน็ 5 Class ไดแ้ ก่

1. Class Gastropoda เช่น หอยสังข์ หอยโขง่ หอยขม และหอยทาก
2. Class PolyPlascophora เชน่ ล่ินทะเล
3. Class Pelecypoda เช่น หอยกาบ หอยนางรม หอยแครง หอยเสยี บ
4. Class Scaphopoda เชน่ หอยงาชา้ ง
5. Class Cephalopoda เชน่ หมกึ กล้วย หมึกกระดอง

หมกึ สาย หมกึ ยักษ์

Phylum Annelida

• ลาตัวแบ่งออกเป็นปล้องอยา่ งชัดเจน ภายในมีเย่อื ก้ัน (ร่างกายแบ่งเป็น
ปล้องอย่างแทจ้ ริง)
• มีเนอ้ื เยอื่ สามชั้น มชี ่องตวั ทแ่ี ทจ้ ริง
• มรี ยางค์เปน็ แท่งเลก็ ๆ เรยี กว่า เดือย (setae) เปน็ สารไคตนิ (chitin)
• หายใจผา่ นทางผิวหนงั หรือเหงือก
• มีอวยั วะขบั ถา่ ยอยู่ทุกปลอ้ งๆ ละ 1 คู่ เรยี กวา่ เนฟริเดยี (nephridia)
• เป็นกะเทย (hermaphrodite) แตม่ กี ารปฏิสนธขิ ้ามตัว
• ทางเดินอาหารสมบรู ณ์เปน็ ทอ่ ยาวตลอดร่างกาย
• ระบบหมนุ เวยี นโลหติ เปน็ แบบปิด (closed circulatory system)

สัตว์ในไฟลัมน้ีแบง่ ออกเป็น 4 Class ได้แก่

1. Class Oligochaeta เช่น ไสเ้ ดือนดิน
2. Class Polychaeta เช่น แมเ่ พรยี ง ไส้เดือนทะเล
3. Class Hirudinea เป็นกลุ่มท่ีดูดเลือดของสตั วอ์ ืน่ ชวั่ คราวโดยการ
ปล่อยสารคล้ายยาชา และปล่อยสาร hirudin ทีเ่ ปน็ สารปอ้ งกันไม่ให้
เลือดของโฮสตแ์ ข็งตวั เช่น ปลงิ น้าจืด ปลงิ ดูดเลอื ด ปลิงควาย ปลงิ เข็ม
ทากดูดเลือด
4. Class Archiannelida เช่น หนอนทะเล

2.2 มีสมมาตรแบบดา้ นขา้ ง (bilateral symmetry)
กลมุ่ Protostomia และมตี วั อ่อนแบบ ecdysozoa

Phylum Nematoda

• มีเนือ้ เย่ือสามชั้น มีช่องวา่ งในลาตวั แบบเทยี ม (Pseudocoelomate)
• ลาตัวกลม ยาว แหลมหวั แหลมท้าย ไมม่ ีข้อปลอ้ ง มีสารคิวทเิ คิลหุม้ ตัว
• ไม่มีระบบหมุนเวยี นเลือด ไมม่ ีอวยั วะหายใจ
• เปน็ สัตว์แยกเพศ
• ทางเดนิ อาหารสมบูรณ์ ประกอบด้วยปากและทวารหนกั

• มปี มประสาทรูปวงแหวน (Nerve ring) อยรู่ อบคอหอย และมีแขนงประสาทแยก
ออกทางด้านทอ้ ง และทางดา้ นหลัง

• มรี ะบบกล้ามเน้อื ยาวตลอดลาตัว (Longitudinal muscle)

สัตวใ์ นไฟลัมนสี้ ามารถแบ่งตามประเภทการดารงชีวติ ได้
3 ประเภท ได้แก่

1. พยาธิตวั กลมในลาไส้ เช่น พยาธิเสน้ ด้าย พยาธิปากขอ
พยาธิไส้เดอื นตวั กลม พยาธิแส้มา้

2. พยาธติ วั กลมในเนื้อเยื่อ เช่น พยาธิโรคเท้าชา้ ง พยาธติ วั จ๊ีด
3. พยาธติ วั กลมที่เปน็ อสิ ระ เช่น หนอนน้าสม้ สายชู ไสเ้ ดอื นฝอย

หนอนในน้าเนา่

Phylum Arthropoda

• มีเนอ้ื เยอื่ 3 ชั้น และมีช่องตวั แบบแท้งจริง
• ลาตวั มลี ักษณะเปน็ ปลอ้ ง แบ่งออกเป็น3 สว่ น คือ ส่วนหัว ส่วนอก และ

สว่ นทอ้ ง และมรี ยางค์เป็นข้อๆตอ่ กัน ยื่นออกจากลาตัวเป็นคู่ๆ
• ทางเดินอาหารเป็นแบบสมบรู ณ์ มปี ากและทวารหนกั
• ระบบหมนุ เวยี นโลหติ เปน็ ระบบเปดิ (Open circutory sysytem)
• มรี ะบบขับถ่ายเป็นลักษณะเฉพาะของกลมุ่
• ระบบประสาทมปี มประสาททีห่ วั 1 คู่ และมีเสน้ ประสาททางดา้ นท้อง

ทอดไปตามความยาวของลาตวั 1 คู่ มีอวยั วะสัมผัสเจริญดี
• ระบบสืบพนั ธ์ุเปน็ สัตวแ์ ยกเพศ

สัตวใ์ นไฟลัมนส้ี ามารถแบง่ ออกได้เป็น 6 Class ไดแ้ ก่

1. Class Merostoma ได้แก่
แมงดาจาน(แมงดาหางเหลย่ี ม),
แมงดาถ้วย(แมงดาหางกลม)
หรอื เหรา มีลาตวั แบ่งออกเป็น
2 สว่ น คือ หวั กับอกรวมกนั
และสว่ นทอ้ ง มีรยางค์คู่แรก
ทาหน้าทชี่ ่วยในการกนิ อาหาร
มขี าเดนิ 5 คู่ ปลายขาคู่
สดุ ทา้ ยเป็นแผ่นซอ้ นกนั ใช้ขุด
ทรายเวลาฝงั ตัว

2. Class Arachnida ได้แก่ แมงมุม แมงปอ่ ง บง้ึ เหบ็ ไร ฯลฯ มีสว่ นหัว
และอกรวมกนั มีรยางค์ 6 คู่ (ค่ทู ี่ 1-2 ใชจ้ ับอาหารและรับความรู้สึก,
ขาเดิน4คู่) ในแมงมมุ ท่สี ว่ นท้ายของทอ้ งมีตอ่ มสรา้ งใยและอวยั วะชกั ใย,
แมงปอ่ งปล้องสดุ ทา้ ยเปลย่ี นแปลงเปน็ อวัยวะสาหรบั ตอ่ ยเหยอ่ื และสรา้ ง
สารพษิ

3. Class Diplopoda ได้แก่ กิง้ กือ กระสนุ พระอนิ ทร์ ตะเข็บ
ลาตวั เป็นปลอ้ งจานวนมาก มีรยางคป์ ลอ้ งละ 2 คู่ บริเวณหวั มีหนวด 1 คู่
4. Class Chilopoda ไดแ้ ก่ ตะขาบ
มีรยางคป์ ลอ้ งละ 1 คู่ บรเิ วณหวั มหี นวด 1 คู่
ปลอ้ งแรกของลาตวั มเี ขี้ยวพิษ 1 คู่ แนบกบั สว่ นหวั

5. Class Insecta ได้แก่ แมลง, ยุง, เรือด, ไรไก่, เหา, หมดั , เหลือบ
เป็นสัตว์ทมี่ จี านวนสปีชสี ม์ ากทส่ี ุด ลาตัวแบ่งออกเปน็ 3 สว่ น คือ หัว อก
และทอ้ ง มหี นวด 1 คู่, มีขา 3 คู่อยบู่ ริเวณส่วนอก, บางชนิดอาจมปี กี
6. Class Crustacea ได้แก่ กุ้ง, กง้ั , ป,ู ไรนา้
มีรยางคจ์ านวนมากทาหน้าทพ่ี ิเศษหลายอย่าง รยางคส์ ว่ นอกทาหน้าทใี่ ช้เดนิ
รยางค์สว่ นท้องเปล่ยี นไปทาหน้าทีพ่ เิ ศษ(ว่ายน้า, แลกเปล่ียนแก๊ส, เป็นท่ี
เกาะของไข่), มหี นวด 2 คู่

2.2 มีสมมาตรแบบดา้ นข้าง (bilateral symmetry)
กลุม่ Deuterostomia

Phylum Echinodermata

•พบอยูใ่ นทะเลทัง้ หมด
•ตัวอ่อนมสี มมาตรด้านข้าง ตวั เต็มวยั มีสมมาตรรัศมี ส่วนใหญล่ าตัวเป็นแฉก
•มโี ครงรา่ งแขง็ ภายในหุ้มด้วย CaCO3 มผี วิ ชนั้ นอกบางเป็นชัน้ cutin
•มีระบบทอ่ นา้ (water vascular system) ทป่ี รับเปลย่ี นมาจากช่องตวั
แยกไปตามแฉกและแตกแขนงออกเป็น tube feet
•บางชนิดผิวลาตัวมีหนามยน่ื ออกมา
•อวยั วะทีใ่ ช้ในการหายใจ คอื เหงอื กทผ่ี วิ หนัง

• ระบบหมุนเวยี นโลหิต มลี กั ษณะลดลงไปอยา่ งมาก บางชนิดไม่มเี ลย ส่วน
การขับถา่ ยไม่มีอวัยวะขบั ถ่ายท่ที าหน้าทโ่ี ดยตรง

• ทางเดินอาหารเปน็ แบบสมบูรณ์ ยกเวน้ ดาวเปราะ
• ระบบประสาทไม่มีสว่ นสมองทีแ่ ท้จริง
• มเี พศแยกกัน
• ดาวทะเล, ดาวเปราะ, หอยเม่น,

อแี ปะทะเล, ปลงิ ทะเล, พลบั พลงึ ทะเล

ดาวขนนก, ดาวมงกฎุ หนาม

Phylum Chordata

• มีลกั ษณะสาคญั ทีพ่ บในวฎั จักรชวี ติ ในระยะ embryo

1. มีโนโตคอรด์ (notochord) เปน็ แทง่ ยาวตลอดลาตัว อยรู่ ะหว่างทอ่ ทางเดนิ อาหาร
และทอ่ ประสาท (แอมฟอิ อกซัสและปลาปลากลมพบตลอดชีวติ )

2. มีชอ่ งเหงือกอยู่บริเวณคอหอย (pharyngeal gill slits) เปน็ คู่ ๆ (ฉลามและ
กระเบนมตี ลอดชีวิต, ในมนุษยเ์ ปลีย่ นแปลงไปเปน็ ท่อยูสเตเชยี น ตอ่ มทอลซิน
ตอ่ มไทรอยด์และพาราไทรอยด)์

3. มที ่อประสาทกลวงดา้ นหลงั (Dorsal Hollow Nerve Cord)
เจริญมาจากเนือ้ เยือ่ ชัน้ ectoderm ซ่ึงต่อไปจะพฒั นาไปเปน็ สมองและไขสันหลงั

4. มีหาง (tail)



กลุม่ ท่ไี มม่ กี ระดกู สันหลงั

(Invertebrate)

• Urochordate เป็นสตั ว์ทมี่ ีถุงหมุ้ ตัว
ประกอบด้วยสารคลา้ ยเซลลูโลส ตวั เต็มวยั
ไมม่ โี นโทคอร์ด ไมม่ ีเสน้ ประสาทขนาดใหญ่
บริเวณหลัง และหางจะหดหายไปในระยะตัว
เตม็ วัย เชน่ เพรยี งหวั หอม (Tunicate)

• Cephalochordate สตั ว์ทรี่ ะยะตวั เตม็ วยั มีทอ่ ประสาทขนาดใหญท่ บ่ี รเิ วณหลัง มีโนโทคอรด์

Amphioxusยาวตลอดลาตวั และมตี ลอดชวี ิต มีช่องเหงือกที่คอหอย และมีหาง เชน่ แอมฟอิ อกซัส

(Amphioxus)

กลุ่มมีกระดกู สนั หลงั (vertebrate)
1. กลมุ่ ท่ีไม่มีขากรรไกร

Class Cyclostomata หรอื Class Agnatha เชน่ hagfish, lampray
กลุ่มน้เี รยี กว่า ปลาปากกลม เนือ่ งจากไมม่ ีขากรรไกร ลาตวั ยาวคล้ายปลาไหล

ขอบบนของปากและลิ้นมีฟันเลก็ ๆ แหลมคมมากมาย มีโครงร่างเปน็ กระดกู อ่อน
ลาตัวนม่ิ ไมม่ เี กลด็ ไม่มคี รีบคู่เหมอื นปลาทว่ั ไป

2. กลุ่มที่มีขากรรไกร

Class Chondrichthyes
ได้แก่ ปลากระดูกอ่อน มี
โครงรา่ งเป็นกระดกู อ่อนที่
ยืดหยนุ่ ตัวดี มขี ากรรไกร
มีช่องเหงอื กเห็นชัดเจนจาก
ภายนอก มีครบี คู่ หรือ
ครีบเดย่ี ว มเี กล็ดทีค่ มปก
คลุมผิวหนงั มีปากอย่ดู ้าน
ท้อง มีฟันแหลมคม มีการ
ปฏิสนธิภายในและออกลูก
เป็นตัว เปน็ สตั วเ์ ลอื ดเยน็
เช่น
ปลากระเบน ปลาฉลาม
ปลาโรนัน ปลาฉนาก

Class Osteicthyes ไดแ้ ก่ ปลากระดูกแขง็
ซงึ่ ภายในเป็นกระดูกแขง็ ทมี่ ี Ca3(PO4)2
มเี กลด็ ปกคลุม มีครบี คู่ 2 คู่ คือ ครบี อก
และครีบสะโพก ใชเ้ หงอื กแลกเปล่ยื นแก๊ส
ยกเวน้ ปลาปอด, ปลาท่ีมคี รบี เนอ้ื
(coelacanth) จะใชป้ อดในการหายใจ
มีแผน่ ปดิ ชอ่ งเหงือก(operculum) มีถงุ ลม
(air bladder)ชว่ ยควบคมุ การลอยตัวในน้า
สว่ นใหญ่ปฏสิ นธิภายนอกร่างกาย เป็นสัตว์
เลือดเยน็ ได้แก่ ปลาช่อน ปลาดุก ปลาทู
ปลาตะเพียน ม้าน้า ฯลฯ

Class Amphibia ได้แก่ สัตว์สะเทนิ บกสะเทินน้า
ตวั ออ่ นอย่ใู นน้าหายใจดว้ ยเหงอื กภายนอก ตวั เตม็ วยั อยู่
บนบกหายใจด้วยปอดผิวหนัง ยกเวน้ ซาลามานเดอร์บาง
ชนิดทอี่ ยใู่ นน้าตลอดชวี ติ วางไขใ่ นน้า ปฏิสนธิภายนอก
ผวิ หนงั ไมม่ เี กลด็ และเปยี กชนื้ มีการเปลีย่ นแปลงรูปรา่ ง
เพ่ือการเจรญิ เตบิ โต (metamorphosis) มหี วั ใจ 3 ห้อง
เปน็ สัตวเ์ ลอื ดเยน็ แบง่ ได้เปน็ 3 กลมุ่ คือ กล่มุ กบ
กลุ่มซาลามานเดอร์ และกล่มุ งดู นิ

Class Reptilia ได้แก่ สัตวเ์ ลอื้ ยคลาน สตั วใ์ น
คลาสนีเ้ ป็นสัตวบ์ กอยา่ งแทจ้ ริง มี 4 ขา ปลายน้วิ
มเี ล็บ ผวิ หนงั มเี กล็ดมีสารเคราทิน(keratin) เพื่อ
ปอ้ งกนั การสูญเสยี น้าจากรา่ งกาย หายใจด้วยปอด
มีหวั ใจ 3 ห้อง (ยกเว้น จระเข้) เป็นสตั ว์เลอื ดเยน็
มีการปฏิสนธภิ ายใน วางไขบ่ นบก ไขม่ เี ปลอื กแขง็
และเหนยี ว ภายในไขม่ ถี ุงแอลเลนทอยส์ ทาหน้าท่ี
แลกเปลี่ยนกา๊ ซ ขณะเจรญิ เติบโตในไข่ เชน่ เตา่
จระเข้ ต๊กุ แก จง้ิ เหลน จิ้งจก งู ก้งิ กา่ ฯลฯ

Class Aves ไดแ้ ก่ สัตว์ปีก เปน็
ลาตัวมขี น (Feather) ปกคลุม ขามี
2 ขา้ ง นิว้ มเี ลบ็ ขาหน้าเปล่ยี นแปลง
เป็นปีก กระดูกบางเป็นโพรง จึงมี
นา้ หนักตัวเบา มีถุงลมแทรกไปตาม
ช่องว่างของลาตัวและตามโพรงกระดูก
ไขม่ ีเปลอื กแข็งหุ้มปรมิ าณไขแ่ ดงมาก
เป็นสัตวเ์ ลือดอ่นุ มหี ัวใจ 4 หอ้ ง
ไม่มีตอ่ มเหง่ือ ไมม่ ีตอ่ มน้านม
ปฏิสนธภิ ายใน ได้แก่ นกประเภท
ต่างๆ ทั้งที่บินไดแ้ ละบินไมไ่ ด้

Class Mammalia ไดแ้ ก่ สตั ว์เล้ยี งลูกด้วยนา้ นม
• ในเพศเมียทุกชนิดมตี ่อมน้านมทาหนา้ ทผี่ ลิตน้านมสาหรบั เลี้ยงลกู ออ่ น
• มีขนเป็นเสน้ ๆ (Hair) คลุมตัว
• เปน็ สัตวเ์ ลือดอุ่น มอี ุณหภูมใิ นรา่ งกาย
• หวั ใจมี 4 หอ้ ง เมด็ เลือดแดงไม่มนี ิวเคลยี ส
• มกี ารปฏสิ นธิภายในรา่ งกาย ตวั อ่อนเจริญภายในมดลกู เกือบทกุ ชนิดออกลกู
เปน็ ตวั ยกเวน้ ต่นุ ปากเป็ดและตวั กินมดมหี นาม
• ตวั อย่างเช่น นางอาย ลงิ ชิมแปนซี ชะนี เสือ แมว สนุ ัข สกุ ร สงิ โต
หมาใน หมี พงั พอน โค กระบือ ช้าง ม้า มนุษย์ หนู คา้ งคาว นางอาย
ปลาวาฬ โลมา แมวนา้ สิงโตทะเล ฯลฯ

กลุม่ Monotremes
• มลี ักษณะโบราณ คอื ออกลูกเป็นไข่ แตม่ ขี น
และตอ่ มนา้ นม
• ตัวอ่อนฟักออกจากไข่แลว้ จะเลยี น้านมบรเิ วณ
หนา้ ท้องของแม่กิน
• พบเฉพาะในประเทศออสเตรเลียและนิวกนิ ี
เทา่ น้นั เชน่ ตนุ่ ปากเป็ด (Platypus) , ตัวกิน
มดมหี นาม (Equidna)


Click to View FlipBook Version