นาฏยศิล ศิ ป์ไป์ ทย ในสมัย มั พระบาทสมเด็จ ด็ พระมงกุฎกุ เกล้า ล้ เจ้า จ้ อยู่หัยู่ ว หั
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เล่มนี้จัดทำ ขึ้นเพื่อให้ ผู้อ่านได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับนาฏยศิลป์ไทยในสมัยพระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ลำ ดับที่6 แห่งราชวงศ์จักกรี ในสมัยรัตนโกสินทร์ เช่น พระอัจฉริยะ ภาพของพระองค์ ผลงาน รวมถึงคุณประโยชน์นานัปการ ของพระองค์ท่านที่ได้ช่วยส่งเสริมนาฏศิลป์ไทยในแขนง ต่างๆ โดยเฉพาะ โขนและละครให้เจริญรุ่งเรือง คณะผู้จัดทำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจและต้องการ ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับนาฏศิลป์ไทยในสมัยพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่มากก็น้อย คำ นำ คณะผู้จัดทำ นายสรวีย์ วี ย์ รัตนชูศ ชู รี นางสาวณัฐนันท์ มีเทพ นางสาวศิริอริร สุวรรณบำ รุง
สารบัญ พระราชประวัติ พระมหากษัตริย์ ริ ศิ ย์ ศิ ลปิน พระอัจฉริย ริ ภาพ โขน ละคร ปรับปรุงมหรสพและอื่นๆ 1-2 3 4 5 6 7-12
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัยู่ หั ว พระมหา กษัตริย์ริพ ย์ ระองค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์จักรี ผู้ทรงได้รับ การเฉลิมพระเกียรติคุณด้วยพระราชสมัญญาว่า ว่ “สมเด็จพระมหาธีร ธี ราชเจ้า” พระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัยู่ หั ว เป็นพระ ราชโอรสองค์ที่ 29 ในพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัยู่ หั วและเป็นพระองค์ที่ 2 ที่ประสูติ แต่สมเด็จพระศรีพั รี พั ชรินริทราบรมราชินีชิ นี นาถ ประสูติ ณ วันเสาร์ที่ ร์ ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2423 ตรงกับวันเสาร์ เดือนยี่ ขึ้น 2 ค่ำ ปีมะโรง โทศก จุลศักราช 1242 (ร.ศ. 99) ทรงพระนามว่า ว่ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้า มหาวชิรชิาวุธ วุ มุสิกนาม ทรงมีพระเชษฐภคินีและพระ อนุชาร่ว ร่ มพระชนนี 7 พระองค์ พระราชประวัติ วั ติ ครั้นพระชนมายุย่ ยุ า ย่ งเข้า 9 พรรษาเมื่อ พ.ศ. 2431 ทรงรับพระราชทานสถาปนาพระอิสริยริศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรชิาวุธ วุ กรม ขุนเทพทวารวดี ปรากฏพระนามตามที่จารึก รึ ในพระ สุพรรณบัฏว่า ว่ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหา วชิรชิาวุธ วุ เอกอรรคมหาบุรุษยบรมนราธิรธิาช จุฬาลงกรณ์นารถราชวโรรส มหาสมมติขัดติยพิ สุทธิ บรมมกุฎสุริยริสันตติวงษ อดิสัยพงษวโรภโต สุชาติ คุณสังกาศวิมวิลรัตน ทฤฆชนมสวัสดิ ขัดติย ราชกุมาร ทรงดำ รงพระเกียรติยศเป็นลำ ดับที่ สองรองจาก สมเด็จพระบรมโอรสาธิรธิาช เจ้าฟ้า มหาวชิรุชิรุ ณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร 1
การเสด็จ ด็ ขึ้น ขึ้ ครองราชสมบัติ บั ติ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัยู่ หั วเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 สมเด็จพระบรมโอรสาธิรธิาช เจ้าฟ้ามหาวชิรชิาวุธ วุ ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหา กษัตริย์ริพ ย์ ระองค์ที่ 6 ในพระบรมราชจักรีว รี งศ์ โดยมีพระราช พิธีบ ธี รมราชาภิเภิษกเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2453 และได้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานพระราชพิธีบ ธี รม ราชาภิเภิษกสมโภชขึ้นระหว่า ว่ งวันที่ 8 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 1 ธัน ธั วาคม พ.ศ. 2454 เสด็จ ด็ สวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัยู่ หั ว เริ่มริ่ ประชวรด้วยพระโรค ลำ ไส้และพระโลหิตเป็นพิษเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2468 และเสด็จ สวรรคตเมื่อเวลา 1.45 น. ของวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน พระชนมายุ 45 พรรษา รวมเวลาที่ทรง อยู่ใยู่ นราชสมบัติ 15 ปี และทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาเมื่อ เสด็จสวรรคตแล้วว่า ว่ “สมเด็จพระมหาธีร ธี ราชเจ้า” 2
พระบาทสมเด็จ ด็ พระมงกุฎกุ เกล้า ล้ เจ้า จ้ อยู่หัยู่ ว หั พระมหากษัต ษั ริย์ ริ ศิ ย์ ล ศิ ปิน ปิ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัยู่ หั ว สมเด็จพระมหาธีร ธี ราช เจ้า ของชาวไทยนั้นมีพระปรีช รี า สามารถด้านวรรณกรรมและการ ละครเป็นที่ประจักษ์ชัด ชั น่าอัศจรรย์ จนสามารถกล่าวได้เต็มปากเต็ม คำ ว่า ว่ ทรงเป็น “พระมหากษัตริย์ริ ย์ ศิลปิน” โดยเฉพาะในสาขา วรรณศิลป์และนาฏศิลป์พระองค์ หนึ่งของชาติและของโลก รัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัยู่ หั วนับเป็น ยุค ยุ ทองของศิลปะด้านการแสดง ทั้งแบบจารีต รี คือ โขน ละครนอก ละครใน และละครแบบใหม่ซึ่ ม่ ง ซึ่ ได้ รับอิทธิพธิลของประเทศตะวันตก อันได้แก่ ละครร้อ ร้ ง ละครพูด ละครดึกดำ บรรพ์ ความสน พระทัยของพระองค์ต่องาน แสดงนั้น มิใช่เ ช่ พียงแต่การทอด พระเนตรดังเช่น ช่ รัชกาลที่ผ่านมา แต่ได้มีส่วนพระราชนิพนธ์บ ธ์ ท ละครทั้งภาษาไทย และภาษาต่าง ประเทศรวมประมาณ 180 เรื่อ รื่ ง ทรงควบคุมการแสดง และทรง แสดงร่ว ร่ มด้วย 3
พ ร ะ อั จ ฉ ริ ย ริ ภ า พ พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ม ง กุ ฎ เ ก ล้ า เ จ้ า อ ยู่ หั ว จ ะ ท ร ง พ ร ะ ป รี ช รี า ส า ม า ร ถ ส ร้ า ร้ ง ง า น พ ร ะ ร า ช นิ พ น ธ์ ไ ธ์ ด้ นั บ ร้ อ ร้ ย เ รื่ อ รื่ ง ทั้ ง ภ า ษ า ไ ท ย แ ล ะ ภ า ษ า ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ ทั้ ง ร้ อ ร้ ย แ ก้ ว แ ล ะ ร้ อ ร้ ย ก ร อ ง โ ด ย เ ฉ พ า ะ ร้ อ ร้ ย ก ร อ ง นั้ น ท ร ง พ ร ะ ร า ช นิ พ น ธ์ ไ ธ์ ด้ ทั้ ง ก า พ ย์ ก ล อ น โ ค ล ง แ ล ะ ฉั น ท์ ช นิ ด ต่ า ง ๆ อ ย่ าย่ง ที่ ย า ก จ ะ ห า ก วี ผู้ วี ผู้ ใ ด เ ส ม อ เ ห มื อ น แ ม้ ว่ าว่จ ะ เ ป็ น ฉั น ท ลั ก ษ ณ์ ที่ ย า ก แ ก่ ก า ร ป ร ะ พั น ธ์ ก็ ธ์ ก็ ท ร ง พ ร ะ ร า ช นิ พ น ธ์ อ ธ์ อ ก ม า ไ ด้ ไ พ เ ร า ะ ง ด ง า ม ทั้ ง ค ว า ม คำ แ ล ะ ลี ล า ก า ร ป ร ะ พั น ธ์ ร ว ม ถึ ง ไ ม่ ท ร ง พ ร ะ ร า ช นิ พ น ธ์ ผิ ด ก ฎ ข้ อ บั ง คั บ ข อ ง ฉั น ท ลั ก ษ ณ์ 4
โขน การแสดงโขนเป็นศิลปะขั้นสูงของไทย ที่มีมาตั้งแต่อดีตทั้งส่วนของพระมหากษัตริย์ริ ย์ และประชาชนทั่วไป พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัยู่ หั วทรงสนับสนุนศิลปะ การแสดงโขนด้วยการพระราชนิพนธ์บ ธ์ ท ทรง ควบคุมการจัดแสดงและฝึกซ้อ ซ้ มด้วย พระองค์เอง เนื่องจากผู้แสดงล้วนเป็นข้า ราชบริพริารในพระองค์จึงรู้จั รู้ จั กกันในนามโขน สมัครเล่น ต่อมาเมื่อผู้แสดงได้รับ พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้สูงขึ้นเป็นลำ ดับ จึงมีชื่อ ชื่ เรีย รี กว่า ว่ โขนบรรดาศักดิ์ ซึ่ง ซึ่ เริ่มริ่มีมา ตั้งแต่ครั้งยังดำ รงตำ แหน่งสมเด็จพระบรม โอรสาธิรธิาช มหาดเล็กในพระองค์ได้รวมตัว กันเล่นโขนเพื่อความสนุกสนาน พระองค์จึง ทรงโปรดฯ ให้ครูโขนละครจากคณะของ เจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัวิ วั ฒน์ (หม่อมราชวงศ์ หลาน กุญชรฯ) เป็นผู้ฝึกหัด การที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัยู่ หั วทรง สนับสนุนการแสดงโขน นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์ศิลปะ การแสดงให้คงอยู่แยู่ ล้ว พระองค์ยังได้ทรงใช้ศิ ช้ ศิลปะการ แสดงดังกล่าวในการสอดแทรกพระราโชบายหรือ รื พระ ราชดำ ริ โดยเฉพาะโขนซึ่ง ซึ่ ใช้ว ช้ รรณคดีเรื่อ รื่ งรามเกียรติ์ เป็นหลักในการแสดง มุ่งเน้นความสำ คัญด้านคุณธรรม และยกย่อ ย่ งพระมหากษัตริย์ริที่ ย์ ที่ เปรีย รี บประดุจสมมติเทพ 5
ละคร อิทธิพธิลของประเทศตะวันตกที่ มีต่อศิลปะของไทยในสมัยรัช การที่ 6 ซึ่ง ซึ่ เห็นได้อย่า ย่ งเด่นชัด ชั คือศิลปะการแสดงละคร โดย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัยู่ หั วทรงนำ แบบอย่า ย่ งมา เผยแพร่ ทั้งบทละคร วีธี วี แ ธี สดง การวางตัวละครบนเวที การ เปล่งเสียงพูด พระองค์ทรงมี บทบาททั้งการพระราชนิพนธ์ บทละคร ทรงควบคุมการแสดง และทรงแสดงร่ว ร่ ม นับเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ ความบันเทิงจากสมัยจารีต รี ที่ ชนชั้น ชั้ นำ นิยมดนตรีไรี ทยและละคร ใน บทพระราชนิพนธ์แ ธ์ ละการจัด แสดงของพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัยู่ หั วมิใช่ เพียงเพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่ พระองค์ยังทรงสอดแทรกพระ ราโชบายที่มุ่งปลูกฝังแก่ประชาชน เรื่อ รื่ งพระร่ว ร่ ง นับเป็นละครอิงประวัติศาสตร์ที่ ร์ ที่ แสดงถึงความมีสติปัญญาของ พระร่ว ร่ งต่อการปลดปล่อยดินแดนสุโขทัยให้หลุดพ้นจากอำ นาจขอม ขณะ เดียวกันก็แสดงถึงความรักแผ่นดินและความจงรักภักดีต่อผู้นำ จากบทของนาย มั่นปืนยาว โดยพระองค์ทรงแสดงในบทบาทดังกล่าวนี้ด้วย บทละครเรื่อ รื่ งนี้จึง เป็นต้นแบบของละครปลุกใจให้รักชาติ สอดคล้องกับแนวพระราชดำ ริ เรื่อ รื่ ง ชาตินิยมซึ่ง ซึ่ เป็นพระราโชบายที่สำ คัญยิ่งยิ่อย่า ย่ งหนึ่งของรัชสมัยนี้ 6
ทรงปรับ รั ปรุง รุ กรมมหรสพ กรมมหรสพที่ตั้งมาแต่รัชกาลที่ ๑ อยู่ใยู่ นการกักบดูแล ของกรมมหาดเล็ก เพราะมหาดเล็กต้องหัดโขน ละครรำ และปี่พาทย์ ไว้เ ว้ พื่อแสดงในพระราชพิธีต่ ธี ต่ างๆ ในสมัย รัชกาลที่ ๑ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรม วงศ์เธอ พระองค์เจ้ากุญชร กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ ทรง กำ กับดูแลกรมโขน กรมหุ่น กรมหกคะเมนรำ โคม กรมปี่ พาทย์ และกรมมหรสพ มีภาระจัดการแสดงของหลวง อื่นๆ เมื่อสิ้นพระชนม์ก็ตกทอดมาสู่พระองค์เจ้าสีหนาท ดุรงฤทธิ์ ผู้เป็นพระโอรส และเจ้าพระยาเทเวศร์ว ร์ งศ์ วิวัวิ วั ฒน์ (ม.ร.ว.หลาน กุญชร) ดูแลกำ กับต่อมาตามลำ ดับ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ กิจการโขนและรำ โคม ซบเซาลง เนื่องจากพวกโขนและรำ โคมชราภาพลง และรัชกาลที่ ๕ ก็โปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินให้ปรับปรุงขึ้นเพื่อให้ออก แสดงได้ในปี พ.ศ.๒๔๓๙ กรมโขน มีหน้าที่จัดการแสดงโขนและหนัง มีการหัด การซ้อ ซ้ ม การแสดง การพากย์ ส่วนเครื่อ รื่ ง-แต่งกาย และการสวัสดิการ กรมหุ่น มีหน้าที่ฝึกหัดและจัดการแสดงหุ่น การหัด การซ้อ ซ้ ม การเชิดชิการแสดง การทำ หุ่น และการสวัสดิการ กรมหกคะเมนรำ โคม หรือ รื กรมญวนหก มีหน้าที่จัดการแสดง หกคะเมน ไต่ลวดฯ หรือ รื กายกรรมและรำ โคม กรมมหรสพ มีหน้าที่จัดการแสดงของหลวง ในพระราชพิธี สำ คัญ ๕ ชนิด คือ ระเบง มงครุ่ม รุ่ กุลาตีไม้ แทงวิสัวิ สั ย กระอั้ว แทงควาย กรมช่า ช่ งสิบหมู่ มีหน้าที่ด้านช่า ช่ งปั้น เขียน แกะสลัก หล่อ รัก มุก หุงกระจก ทอง ถม หุ่น และมีหน้าที่ทำ หัวโขนด้วย 7
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โอนกรมโขนและกรมปี่พาทย์ ซึ่ง ซึ่ เดิม อยู่ใยู่ นกำ กับของเจ้าพระยาเทเวศร์ว ร์ งศ์วิวัวิ วั ฒน์ให้เข้าไปรวมไว้ใว้ น ความดูแลของกรมมหรสพ ซึ่ง ซึ่ มีหลวงสิทธินธิายเวร (น้อย ศิลปี) เป็นผู้ควบคุม อีกทั้งโปรดเกล้าฯ ให้ทำ บัญชีเ ชี ครื่อ รื่ งปี่พาทย์ เครื่อ รื่ ง โขนละคร ตลอดจนตัวหนังใหญ่ และพระราชทานเงินเป็นค่า ตอบแทนตามที่เจ้าพระยาเทเวศร์นั้ ร์ นั้ นตีราคา พระราชทาน บรรดาศักดิ์ให้แก่ข้าราชการที่โอนมาตามสมควรตั้งชั้น ชั้ ขุนถึงชั้น ชั้ พระยาดังนี้ ผู้ที่มีความสามารถด้านดนตรีไรี ทย ได้รับพระราชทานราชทินนามว่า ว่ ประสานดุริยริศัพท์ ประดับดุริยริกิจ ประดิษฐ์ดุริยริางค์ สำ อางดนตรี ศรีว รี าทิต สิทธิวธิาทิน พิณบรรเลง ราช พาทย์บ ย์ รรเลงรมย์ ผู้ที่มีความสามารถด้านดนตรีไรี ทย ได้รับพระราชทานราชทินนามว่า ว่ ประสานดุริยริศัพท์ ประดับดุริยริกิจ ประดิษฐ์ดุริยริางค์ สำ อางดนตรี ศรีว รี าทิต สิทธิวธิาทิน พิณบรรเลงราช พาทย์บ ย์ รรเลงรมย์ ด้า ด้ นจำ อวดที่ไที่ ด้รั ด้ บ รั พระราชทานทินทินาม มีดั มี ง ดั นี้ ราชนนทิกทิาร สำ ราญมิตมิรมุข มุ สนุก นุ ชวนเริงริบัน บั เทิงทิชวนหัว หั 8
ทรงตั้งโรงเรีย รี นพรานหลวงในพระบรมราชูป ชู ถัมภ์ โรงเรีย รี นพรานหลวง เป็นโรงเรีย รี นทรงโปรดฯ ให้ตั้งขึ้นเพื่อให้การ ศึกษาแก่กุลบุตรของข้าราชการในพระองค์ ให้ได้เล่าเรีย รี นในวิชวิา สามัญและศิลปะสาขาดนตรีแ รี ละสาขานาฏยศิลป์ควบคู่กันไป ซึ่ง ซึ่ เป็น พระบรมราโชบายที่จะทำ ให้เยาวชนของชาติได้รับการศึกษาศิลปวิทวิยา การอย่า ย่ งครบถ้วน ทรงโปรดให้ตั้งกองเสือป่าขึ้นเป็นทหารรักษาพระองค์ เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๕๔ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ในข้าราชการ ในกรมมหรสพได้เป็นกองเสือป่าพิเศษ เรีย รี กว่า ว่ ทหารกระบี่ ซึ่ง ซึ่ หมายความว่า ว่ เป็น พลลิง หรือ รื ทหารลิงของพระราม โดยทรงสมมติ พระองค์เป็นพระรามอยู่แยู่ ล้ว ดังพระบรมนามาภิไภิธย ราม ปร. เมื่อมีข้าราชการทั้งทหารและพลเรือ รื นนำ บุตรหลานเข้ามาฝึกหัดโขน และดนตรี ก็จะได้เป็นทหารกระบี่ด้วยกันทุกคน ครั้นเมื่อพระองค์โปรด เกล้าฯ ให้ตั้งโรงเรีย รี นขึ้นในกรมมหรสพ เพื่อให้นักเรีย รี นในพระองค์ ได้ศึกษาวิชวิาสามัญควบคู่กับวิชวิาศิลปะดังกล่าวมาแล้วนั้น จึงโปรดใก้ ยกขึ้นเป็นกองหนึ่งชื่อ ชื่ ว่า ว่ “กองโรงเรีย รี นทหารกระบี่หลวง” และในวัน ที่ ๒๕ มกราคมพ.ศ.๒๔๕๗ โปรดให้ยุบ ยุ กองทหารกระบี่หลวงแล้วให้ โอนมาอยู่กยู่ รมเสือป่าพรานหลวง และทรงเปลี่ยนชื่อ ชื่ โรงเรีย รี นเป็น “โรงเรีย รี นพรานหลวงในพระบรม-ราชูป ชู ถัมภ์”ภ์ 9
โรงเรีย รี นพรานหลวงในพระบรมราชูป ชู ถัม ถั ภ์นี้ ภ์ นี้ นับ นั เป็น ป็ แหล่ง ล่ สำ คัญ คั ในการผลิตลิศิลศิ ปินปิและผู้รู้ผู้ผู้ รู้ ชื่ผู้น ชื่ ชอบในทางศิลศิ ปะซึ่ง ซึ่ จะเป็น ป็ กำ ลัง ลั สำ คัญ คั ของชาติ ในเวลาต่อ ต่ มาะโรงเรีย รี นพรานหลวงแห่ง ห่ นี้น่ นี้ า น่ จะ เป็น ป็ ต้น ต้ แบบแห่ง ห่ การก่อ ก่ ตั้ง ตั้ โรงเรีย รี นนาฏ ดุริ ดุ ยริางคศาสตร์ กรมศิลศิ ปากร ในปี พ.ศ.๒๔๗๗ ซึ่ง ซึ่ ครูม รู นตรี ตราโมทก็ไก็ ด้รั ด้ บ รั ราชการและทำ หน้า น้ ที่ สืบ สื ทอดศิลศิ ปะด้า ด้ นนี้ต่ นี้ อ ต่ มา ทรงตั้ง ตั้ กรมศิลศิ ปากร กรมศิลศิ ปากรที่ท ที่ รงตั้ง ตั้ ใหม่นี้ ม่ นี้โปรดเกล้า ล้ ฯ ให้ตั้ ห้ ง ตั้ ขึ้น ขึ้ ณ วัน วั ที่ ๒๗ มีน มี าคม พ.ศ.๒๔๕๔ โดยโอนช่า ช่ งจากกรมโยธา สัง สั กัด กั กระทรวงโยธาธิกธิาร และกรม พิพิพิธพิภัณ ภั ฑ์ ในสัง สั กัด กั กระทรวงธรรมการ มารวมขึ้น ขึ้ เป็น ป็ กรมศิลศิ ปากร ซึ่ง ซึ่ ต่อ ต่ ไปภายหน้า น้ จะได้เ ด้ป็น ป็ พื้น พื้ ฐานในการรวมเอาการบริหริารงานด้า ด้ นศิลศิ ป วัฒ วั นธรรมที่จ ที่ ะมีผ มี ลต่อ ต่ มาในยุค ยุ เปลี่ย ลี่ นแปลงการปกครอง 10
สิ่ง สิ่ ก่อ ก่ สร้า ร้ งที่เ ที่ กี่ย กี่ วเนื่อ นื่ งด้ว ด้ ยนาฏยศิล ศิ ป์ ๑. โรงละครในพระบรมมหาราชวัง สร้า ร้ งแบบไม่ถาวร ตั้งอยู่หยู่ ลังพระที่นั่ง บรมพิมานติดกับบริเริวณสวนศิวาลัย สร้า ร้ งขึ้นเพื่อเฉลิมพระชนมายุส ยุ มเด็จ พระศรีพั รี พั ชรินริทราบรมราชินีชิ นี นาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเจริญริ พระชนมายุ ๖๐ พรรษา ๒. โรงละครในพระราชวังดุสิต สร้า ร้ งต่อท้ายพระที่นั่งอัมพรสถานด้าน ตะวันตก เป็นอาคารไม้มีโรงละครอยู่ชั้ยู่ น ชั้ บน ๓. โรงละครในพระราชอุทยานสราญรมย์ เป็นอาคารไม้ชั้น ชั้ เดียว ยกพื้นจาก ดินเล็กน้อย 11
๔. โรงละครสวนมิสกวัน ตรงข้ามวังปารุสกวัน เป็นโรงละครที่ ทันสมัยเป็นอาคารไม้ทั้งหลัง ซึ่ง ซึ่ สร้า ร้ งขึ้นในสมัยรัชกาลี่ ๕ และมี การปรับปรุงอีกครั้งในรัชกาลนี้ ๕. โรงละครที่พระราชวังสนามจันทน์ ใช้ท้ ช้ ท้ องพระโรงพระที่นั่ง สามัคคีมุขมาตย์เ ย์ป็นโรงละคร ๖. โรงละครที่พระราชวังบางปะอิน ตั้งอยู่มุยู่ มุ มสนามหน้าพระที่นั่ง เวหาสจำ รูญ (พระที่นั่งเก๋งจีน เทียนเหม็งเตีย) ๗. โรงละครที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ตั้งอยู่ริยู่ มริทะเลต่อเนื่อง กับพระตำ หนักที่ประทับด้านทิศใต้ 12
สมาชิก ชิ ในกลุ่มลุ่ 1.นายสรวีย์ รัตนชูศรี เลขที่3 ม.6/15 2.นางสาวณัฐนันท์ มีเทพ เลขที่9 ม.6/15 3.นางสาวศิริอร สุวรรณบำ รุง เลขที่26 ม.6/15