โสนน้อย เรือ รื นงาม S O P I S W A L A I D I A W P H A E B O O K
E-book นิทานเรื่องโสนน้อยเรือนงามเล่มนี้เป็นส่วน หนึ่งของรายวิชา ภาษาไทยเพื่อการค้นคว้า(ท30212) จัด ทำ ขึ้นเพื่อนำ เสนอเนื้อเรื่องของวรรณกรรมและเพื่อฝึก กระบวนการคิดให้แก่ผู้อ่าน โดยนิทานเรื่องนี้จะสอดแทรก ข้อคิดเกี่ยวกับการทำ ความดีและไม่มุ่งหวังสิ่งใดจนเกินตัว ไว้ให้ผู้อ่านนำ ไปปรับใช้ในการดำ เนินชีวิตประจำ วันได้ ผู้ อ่านหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านที่ ต้องการความสนุกในการอ่านวรรณคดีและได้ความรู้ไม่ มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำ ขอรับไว้ และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย คำ นำ โสภิตวลัย เดียวผา ก
สารบัญ คำ นำ สารบัญ ประวัติผู้แต่ง เนื้อเรื่อง ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้ ประเด็นปัญหาที่พบ บรรณานุกรม ผู้พิสูจน์อักษร ก ข 1 2-18 19 20 21 21 ข
ประวัติผู้แต่งโสนน้อยเรือนงาม นักแต่งเรื่องประโลมโลก (นิทานจักร ๆ วงศ์ๆ) ประจำ โรงพิมพ์ราษฎร์ เจริญ หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าโรงพิมพ์วัดเกาะ นายบุศย์เกิดเมื่อราวสมัย รัชกาลที่ 5 ในครอบครัวที่มีฐานะดีหากแต่ภายหลังนายบุศย์ต้องตกยาก จึง ต้องหันมาแต่งกลอนเลี้ยงชีพ เนื่องจากในสมัยนั้นโรงพิมพ์หมอสมิธพิมพ์ หนังสือจำ พวกบทกลอนต่างๆ โดยเฉพาะผลงานนิทานคำ กลอนของสุนทรภู่ เป็นที่นิยม จึงทำ ให้มีผู้ที่หันมาแต่งนิทานคำ กลอนขายตามอย่างสุนทรภู่เป็น จำ นวนมาก นายบุศย์เป็นผู้มีความรู้กว้างขวางและได้รับการศึกษามาอย่างดี โดย เฉพาะอย่างยิ่งการได้อ่านวรรณคดีชั้นครูหลายเรื่อง ส่งผลให้ผลงานของนายบุ ศย์เป็นที่นิยมมาก ดังเห็นได้จากที่ครั้งหนึ่งโรงพิมพ์ราษฎร์เจริญได้รับซื้อเรื่อง จากคนภายนอก แต่ปรากฏว่าคนไม่ค่อยนิยมซื้อ ดังนั้นโรงพิมพ์จึงรับซื้อเรื่อง จากนายบุศย์ และนักแต่งเรื่องประโลมโลกอีกไม่กี่คน เช่น นายเจริญ นาย พลอย แม่มณฑา เป็นต้น ความนิยมนิทานคำ กลอนของนายบุศย์นี้ ทำ ให้โรง พิมพ์อื่นนำ ผลงานของนายบุศย์ไปพิมพ์ขายโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อผลงานได้รับการตีพิมพ์ นายบุศย์มักจะนำ ไปมอบให้หอพระสมุด วชิรญาณ (ปัจจุบันคือ หอสมุดแห่งชาติ) อยู่เสมอ ทำ ให้ปัจจุบันมีผลงานของ นายบุศย์เก็บรักษาอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติเป็นจำ นวนมาก นายบุศย์ถึงแก่กรรม เมื่ออายุ 70 ปีเศษ นายบุศย์ (บุษย์ หรือ บุต) 1
พระวิจิตรจินดา เป็นโอรสของท้าวกาลศึก กษัตริย์ผู้ครองเมืองนพรัตน์และ พระนางประไพ วันหนึ่งพระวิจิตรจินดา เสด็จประพาสป่าพร้อมด้วยพระสหาย ใน ขณะที่กำ ลังล่าสัตว์อยู่นั้นพระวิจิตรจินดาถูกพิษของพญานาคสิ้นพระชนม์ พระ สหายจึงรีบนำ ร่างของพระองค์กลับเข้าเมือง ท้าวกาลศึกและพระนางประไพโศก เศร้าเสียใจมาก จึงเรียกโหรหลวงเข้าเฝ้า โหรหลวงทำ นายว่า พระวิจิตรจินดาเคยสร้างกรรมไว้แต่ชาติปางก่อน โดย การฆ่าพญานาค พญานาคโกรธแค้นมากจึงคายพิษไว้ จนพระวิจิตรจินดามาถูกพิษ จึงทำ ให้สิ้นพระชนม์ทันที แต่เจ้าชายจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ เพราะในภายภาคหน้า จะมีพระธิดาต่างเมืองซึ่งเคยเป็นเนื้อคู่กันมาช่วยชุบชีวิต ท้าวกาลศึกจึงรับสั่งให้เก็บ พระศพของพระวิจิตรจินดาไว้เป็นอย่างดี และได้ป่าวประกาศว่าหากใครสามารถ ช่วยชีวิตของพระวิจิตรจินดาได้ จะให้อภิเษกกับเจ้าชายและให้ครองเมืองนพรัตน์ต่อ ไป ที่นครโรมวิสัย นางเกษณี พระมเหสีของท้าววหัสวิชัย ได้ประสูติพระธิดาออก มาพร้อมด้วยเรือนทองวิเศษหลังน้อยที่ทำ มาจากไม้โสน ท้าววหัสวิชัยจึงตั้งชื่อว่า โสนน้อย เมื่อพระธิดาโสนน้อย เจริญวัยได้ 15 พรรษา ได้ ฝันว่า ตนเองพลัดหลงเข้าไปในสวนและได้เจอชายหนุ่มรูปงาม แต่โสนน้อยมิอาจ จับต้องตัวชายหนุ่มได้ โสนน้อยตกใจตื่น จึงเล่าความฝันให้ข้าราชบริพารฟัง โหร หลวงทำ นายว่า พระธิดาโสนน้อย จะได้พบเนื้อคู่ซึ่งเป็นคนตายแล้ว ถือว่าเป็น กาลกิณีต่อบ้านเมือง โสนน้อยต้องเสด็จออกไปอยู่ป่าจึงจะพ้นเคราะห์ เนื้อเรื่องดั้งเดิม 2
โสนน้อยแต่งกายเหมือนชาวบ้าน ออกเดินทางรอนแรมไปกลางป่าด้วยความ ลำ บาก พระอินทร์เกิดความสงสาร จึงแปลงกายเป็นชีปะขาวมามอบยาวิเศษที่ สามารถรักษาคนตายได้ให้โสนน้อย โสนน้อยเดินทางต่อไปจนพบศพนางกุลาอยู่ กลางป่า โสนน้อยสงสารจึงชุบชีวิตให้ เมื่อฟื้นขึ้นนางกุลาจึงขอติดตามเป็นทาสรับ ใช้โสนน้อย ทั้งสองเดินทางไปด้วยกันจนถึงเมืองนพรัตน์ และได้ทราบข่าวของพระ วิจิตรจินดา โสนน้อยจึงอาสาชุบชีวิตของพระวิจิตรจินดา พิธีการชุบชีวิตเริ่มขึ้น โดยโสนน้อยนำ เครื่องแต่งกายแบบกษัตริย์มาสวมและ ให้นำ ม่านมากั้นเจ็ดชั้น โดยให้นางกุลาอยู่ด้วยเพียงคนเดียว จากนั้นจึงนำ ยาวิเศษ มาชโลมร่างของเจ้าชาย ทันใดนั้น พิษพญานาคในกายของเจ้าชาย ได้ลอยขึ้นมา ถูกโสนน้อย นางรู้สึกร้อนกายมากจึงรีบไปอาบน้ำ โดยถอดเครื่องแต่งกายให้นาง กุลาเก็บไว้ นางกุลาหลงรักพระวิจิตรจินดาและอิจฉาโสนน้อยอยู่แล้วจึงคิดแผนร้าย นางรีบสวมเสื้อผ้าของโสนน้อย และสวมรอยเป็นผู้รักษาพระวิจิตรจินดาทันที ขณะ นั้นพิษของพญานาคออกจากร่างกายของเจ้าชายหมดแล้ว แต่เจ้าชายยังสลบอยู่ นางกุลาจึงรีบนำ ยามาชโลมให้เจ้าชายฟื้น และรีบพาเจ้าชายเข้าเฝ้าท้าวกาลศึก เพื่อทวงสัญญาเรื่องการอภิเษก เมื่อโสนน้อยอาบน้ำ กลับมา นางกุลาก็บอกกับทุกคนว่า โสนน้อยเป็นทาส รับใช้ของตน ฝ่ายท้าวกาลศึกและมเหสี สงสัยว่าทำ ไมนางกุลาจึงรูปชั่วตัวดำ ไม่มี ราศีของพระธิดาเลยแม้แต่น้อย ด้วยความไม่แน่ใจ ทั้งสองพระองค์จึงยังไม่ยอมจัด พิธีอภิเษก อ้างว่ารอให้พระวิจิตรจินดาหายดีกว่านี้ก่อน จากนั้นจึงหาทางพิสูจน์ โดยการรับสั่งให้นางกุลาทำ บายศรีถวาย เพราะหากนางเป็นเจ้าหญิงจริงต้องทำ ได้ นางกุลารับคำ ว่าจะทำ บายศรีมาถวายอย่างสวยงาม แต่นางก็ไม่สามารถทำ ได้ จึง โยนข้าวของที่ใช้ทำ บายศรีทิ้ง โสนน้อยเห็นเข้า จึงเก็บมาเย็บเป็นบายศรีได้อย่าง สวยงาม นางกุลามาพบ จึงรีบแย่งไปถวาย พร้อมทั้งเร่งวันอภิเษก พระวิจิตรจินดา ไม่อยากอภิเษก 3
จึงหาทางเลี่ยง โดยอ้างว่าอยากออกประพาสทะเลก่อน ท้าวกาลศึกและพระนาง ประไพได้โอกาส จึงทดสอบนางกุลา โดยการให้นางย้อมผ้า เพื่อนำ มาผูกหัวเรือนางกุลารับปากเช่นเคย และนาง ก็นำ ผ้าแพรที่ได้ไปย้อม แต่ย้อมไม่เป็น ด้วยความโกรธ นางจึงโยนผ้าแพรทิ้ง เหมือนเดิม โสนน้อยเก็บผ้ามาซักย้อมอย่างสวยงาม นางกุลาเห็นดังนั้น ก็รีบแย่ง ไปถวายทันที และนางยื่นคำ ขาดว่า กษัตริย์ตรัสแล้วต้องไม่คืนคำ หากพระวิจิตร จินดากลับจากประพาสทะเลแล้ว ต้องรีบจัดการอภิเษกให้ทันที ท้าวกาลศึกจำ ต้อง รับปากนางกุลา แม้จะรู้สึกสงสารพระวิจิตรจินดาก็ตาม เมื่อถึงวันเดินทาง พระวิจิตรจินดาสั่งให้ออกเรือ แต่ก็ไม่สามารถถอนสมอ เรือได้ โหรทูลว่าคงเป็นเพราะผู้มีบุญญาธิการในวัง ต้องการฝากซื้อของ เจ้าชายจึง รับสั่งให้ทหารไปสอบถาม และได้รายการของมามากมาย แต่เรือก็ยังไม่สามารถ ถอนสมอได้ ทหารทูลว่าคนในวังตนเองถามหมดทุกคนแล้ว ยังเหลือแต่นางข้าทาส ที่ชื่อ โสนน้อย เท่านั้น พระวิจิตรจินดาจึงให้ทหารไปถาม โสนน้อยฝากซื้อเรือนไม้ โสน ทันใดนั้น เรือก็ถอนสมอได้อย่างง่ายดาย พระวิจิตรจินดาแปลกใจมาก ส่วน นางกุลานั้นกลับยิ่งเกลียดชังโสนน้อยมากขึ้นกว่าเดิม ระหว่างการเดินทาง พระอินทร์ดลบันดาลให้เรือของพระวิจิตรจินดา ถูกพายุ พัดเข้าไปในเมืองโรมวิสัย และเจ้าขายได้ไปเข้าเฝ้าท้าวหัสวิชัย จากนั้นจึงทูลลา ไป หาซื้อของฝากกลับบ้านเมือง เมื่อถึงเวลาออกเดินทางกลับ เรือก็ถอนสมอไม่ได้อีก พระวิจิตรจินดานึกขึ้นมาได้ว่า ยังไม่ได้ซื้อของไปให้นางข้าทาสโสนน้อย จึงให้ทหาร ออกไปซื้อ แต่ก็ไม่สามารถหาซื้อได้ พระวิจิตรจินดาจำ ได้ว่าเคยเห็นเรือนนี้ในวัง จึง เข้าไปขอประทานเรือนไม้โสน ท้าวหัสวิชัยจึงถามถึงรูปร่างหน้าตาของนางทาสคน นั้น และทรงทราบว่าเป็นธิดาของตนเองแน่ จึงมอบเรือนให้เจ้าชาย และให้อำ มาตย์ ติดตามเจ้าชายไปด้วย เมื่อกลับไปถึงเมืองนพรัตน์ พระวิจิตรจินดาจึงกราบทูลเรื่อง ราวให้ท้าวกาลศึกฟัง นางกุลาแอบได้ยิน 4
จึงคิดจะกำ จัดโสนน้อย แต่โสนน้อยรีบหนีเข้าไปในเรือนโสนหลังน้อย นางกุลาจึง ทำ อันตรายไม่ได้ พระวิจิตรจินดามาถามหาโสนน้อย นางกุลาโกหกว่าหนีไปแล้ว ขณะนั้นเจ้าชายได้ยินเสียงเพลงดังมาจากเรือนโสน ก็มั่นใจว่าพระธิดาโสน น้อยต้องอยู่ในเรือน จึงอธิฐานว่า หากเป็นเนื้อคู่กันจริง ขอให้ตนเองตามเข้าไปใน เรือนได้เจ้าชายจึงสามารถเข้าไปได้ และได้พบกับโสนน้อย นางกุลารีบจุดไฟเผา เรือน แต่เรือนก็ไม่ไหม้ ทำ ให้นางกุลาโกรธมาก และตะโกนด่าทอจนเจ้าชายรู้ ความจริง จึงเสด็จออกมาจากเรือน แล้วรับสั่งให้นำ ตัวนางกุลาไปประหาร แต่โสน น้อยสงสาร และได้ทูลขอชีวิตนางกุลาไว้ นางกุลาแกล้งสำ นึกผิด โสนน้อยจึงรับ นางกุลากลับมาเป็นข้าทาสเหมือนเดิม ด้วยความรู้สึกปีติยินดี ท้าวกาลศึกรีบจัด งานอภิเษกให้พระวิจิตรจินดาและโสนน้อย ท่ามกลางความอิจฉาริษยาของนางกุลา หลายเดือนผ่านไป พระวิจิตรจินดาพาโสนน้อยกลับไปเยี่ยมพระบิดาและ พระมารดาที่นครโรมวิสัยโดยทางเรือ ระหว่างทางเกิดพายุอย่างแรงทำ ให้เรือล่ม พระวิจิตรจินดาและโสนน้อยถูกกระแสน้ำ พัดไปคนละทิศละทาง โสนน้อยถูกพัดขึ้น ชายฝั่งเขตแดนเมืองยักษ์ที่มีท้าวจตุรพักตร์และพระมเหสีสร้อยทองปกครอง นาง ออกตามหาพระสวามีจนเจอกับเงาะหญิงที่กำ ลังร่ำ ไห้กับศพของเงาะชายผู้เป็นสามี จึงเข้ามาช่วยชุบชีวิตเงาะชายให้ฟื้น เงาะทั้งสองดีใจมากขอเป็นทาสรับใช้และช่วย ตามหาพระวิจิตรจินดา วันหนึ่ง ท้าวจตุรพักตร์ออกมาหาอาหารจนได้เจอโสนน้อยและเงาะทั้งสอง จึงจับทั้งสามไปขังไว้ ท้าวจตุรพักตร์เห็นความงามของโสนน้อยก็เกิดหลงรัก จึงจับ นางไปขังไว้ในปราสาท ขณะที่ท้าวจตุรพักตร์พูดหว่านล้อมให้โสนน้อยยอมเป็นพระ ชายา และหมายจะแตะเนื้อต้องตัวพระธิดา แต่โสนน้อยไม่ยอมจึงทำ ให้ท้าว จตุรพักตร์โกรธมากที่ทำ อะไรไม่ได้ จึงสั่งทหารให้นำ เอาโสนน้อยไปขังไว้บน หอคอย 5
กล่าวถึงพระวิจิตรจินดา ซึ่งถูกพัดไปยังเกาะแห่งหนึ่ง ขณะที่ออกตามหาโสน น้อยได้เจอกับพระฤๅษี พระฤๅษีทราบเรื่องทั้งหมดด้วยญาณวิเศษ จึงบอกให้พระ วิจิตรจินดารีบไปช่วยโสนน้อยซึ่งกำ ลังตกอยู่ในอันตรายที่เมืองจตุรพักตร์ แล้วพระ ฤๅษีก็ช่วยชี้ทางไปเมืองยักษ์ พระวิจิตรจินดาเดินทางมาถึงเมืองจตุรพักตร์เกิดการต่อสู้กับเหล่าทหารยักษ์ ซึ่งสู้พระวิจิตรจินดาไม่ได้ ล้มตายเป็นจำ นวนมาก หนึ่งในทหารหนีรอดไปรายงาน ท้าวจุตรพักตร์ ท้าวจุตรพักตร์โกรธมาก จึงออกมาสู้กับพระวิจิตรจินดา แต่พลาดท่า เสียทีถูกพระวิจิตรจินดาใช้พระขรรค์แทงตาย หลังจากนั้น พระวิจิตรจินดาเข้าไปช่วยโสนน้อยและเงาะทั้งสอง ก่อนออก เดินทางโสนน้อยได้ใช้ยาวิเศษช่วยชุบชีวิตของท้าวจตุรพักตร์ให้ฟื้นขึ้นมา พระวิจิตร จินดาและโสนน้อยก็ออกเดินทางไปยังนครโรมวิสัย ส่วนเงาะทั้งสองก็แยกกลับ เข้าไปอยู่ในป่าพระวิจิตรจินดาพาโสนน้อยมาถึงเมืองโรมวิสัยและพักผ่อนได้ระยะ หนึ่ง ทั้งสองก็ทูลลากลับนครแก้วนพรัตน์ พระวิจิตรจินดาและโสนน้อยครองรักกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งวันหนึ่ง กุลาได้คิดแผนให้พระวิจิตรจินดาเข้าใจโสนน้อยผิด จึงจับงูพิษมาใส่กล่องไม้จันทน์ หอมแล้วนำ เอามาให้โสนน้อยพร้อมบอกว่ากล่องนี้มีของวิเศษให้นำ ถวายพระวิจิตร จินดา โสนน้อยหลงเชื่อกุลา เมื่อถึงเวลาเข้าบรรทม จึงมอบกล่องให้ เมื่อเห็นเป็นงู พิษจึงคิดว่านางต้องการฆ่าตน จึงเนรเทศโสนน้อยและกุลาให้ออกจากพระนคร แม้ว่านางจะอธิบายความจริงให้ฟังอย่างไร พระองค์ก็ไม่เชื่อ โสนน้อยจำ ต้องออกจากพระนครพร้อมลูกในครรภ์โดนมีกุลาติดตามไปด้วย ทั้งสองเดินทางมาจนพบพระฤๅษีปู่เจ้า จึงขอนั่งพักเหนื่อย ระหว่างนั้นกุลาเดินไป พบบ่อน้ำ สองบ่อ ซึ่งเป็นน้ำ สีเหลืองและสีดำ นางสงสัยเลยเอานิ้วจุ่มลงในบ่อ ปราก ฎว่าเอามือจุ่มลงน้ำ สีดำ เกิดเป็นแผลออกร้อน 6
ต่อมานางเอามือไปจุ่มลงน้ำ สีเหลืองนิ้วนางกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม ขณะนั้นความคิดชั่วร้ายก็เกิดขึ้น กุลาจึงไปเรียกโสนน้อยมาดูบ่อน้ำ วิเศษ กุลากระโดดลงไปในบ่อน้ำ สีทองแล้วกลับขึ้นมาด้วยหน้าตาที่สวยงาม รูปร่างอรชร อ้อนแอ้น จากนั้นกุลาเดินไปใกล้ๆ โสนน้อยที่ยืนอยู่ปากบ่อน้ำ สีดำ เมื่อนางเผลอ กุลาจึงผลักตกลงในบ่อน้ำ สีดำ โสนน้อยกลายเป็นหญิงอัปลักษณ์ มีแผลเต็มตัว เช้าวันต่อมา ทั้งสองกราบลาพระฤๅษีปู่เจ้าแล้วออกเดินทางมาจนถึงหมู่บ้าน แห่งหนึ่งในเขตชายแดนเมืองโรมวิสัย ทั้งสองได้พักอาศัยบ้านสองตายายคู่หนึ่ง โสนน้อยช่วยสองตายายทำ งานแต่กุลาไม่ช่วยอะไรเลยเที่ยวอวดความงามของตน วันหนึ่ง กุลาได้เจอกับลูกเศรษฐีรูปหล่อประจำ หมู่บ้านชื่อวิไล ทั้งสองต่าง ถูกใจกัน วิไลชวนกุลาไปอยู่ด้วย กุลานึกถึงแก้วแหวนเงินทองและความสุขสบายจึง ตกลงไปอยู่ด้วยพร้อมเอาโสนน้อยไปเป็นทาสรับใช้ หลายเดือนผ่านไปครรภ์ของ โสนน้อยใหญ่ขึ้น กุลาคิดที่จะกำ จัดลูกของนาง เมื่อครบกำ หนดคลอด โสนน้อยให้ กำ เนิดบุตรชายและสลบไปด้วยความอ่อนเพลีย หมอตำ แยนำ ผ้ามาห่อพระกุมาร แล้วส่งให้บ่าวรับใช้ใส่ตะกร้านำ พระกุมารไปโยนทิ้งลงแม่น้ำ กล่าวถึงพระกุมาร ด้วยความเป็นผู้มีบุญญาธิการเกิดปาฏิหาริย์ ตะกร้าไม่จมน้ำ แต่ลอยไปถึงเกาะแห่ง หนึ่งและได้รับการช่วยเหลือจากพระฤๅษีจึงนำ พระกุมารมาเลี้ยงและตั้งชื่อว่า ไพร วัลย์ พระฤๅษีเลี้ยงดูไพรวัลย์จนเติบใหญ่พร้อมสอนวิชาป้องกันตัวให้กับไพรวัลย์ พระวิจิตรจินดารอนแรมตามหาโสนน้อยด้วยความมุ่งมั่น จนกระทั่งวันหนึ่ง พระองค์ได้เจอกับไพรวัลย์ที่กำ ลังล่ากวางป่า จึงถามว่าเป็นลูกใคร ไพรวัลย์จึงบอก ว่าตนเองอาศัยอยู่กับพระฤๅษี พระวิจิตรจินดาแปลกใจและหลุดพูดออกมาว่า พระ ฤๅษีมีลูกได้อย่างไรคำ พูดของพระวิจิตรจินดาสร้างความไม่พอใจให้กับไพรวัลย์ เพราะคิดว่าพระวิจิตรจินดาพูดจาลบหลู่พระฤๅษีไพรวัลย์ จึงแผลงศรไปยังพระวิจิตร จินดาแต่ศรกลายเป็นดอกไม้ร่วงหล่นลงตรงหน้าพระวิจิตรจินดา ไพรวัลย์จึงลอง แผลงศรอีกครั้ง ปรากฏว่าเปลี่ยนทิศเหินขึ้นฟ้า 7
พระฤๅษีจึงรีบออกมาห้ามและบอกไพรวัลย์ว่าชายผู้นี้เป็นพ่อของไพรวัลย์ ชื่อว่า วิจิตรจินดา พระวิจิตรจินดากราบขอบพระคุณพระฤๅษีที่ได้ช่วยชีวิตไพรวัลย์ และเลี้ยงดูเป็นอย่างดี พระวิจิตรจินดา ไพรวัลย์ และทหารเดินทางจนเข้าเขตเมืองโรมวิสัย พระ วิจิตรจินดาสั่งให้ทหารไปสืบหาโสนน้อย แต่กลับเจอแต่โสนน้อยที่แสนจะ อัปลักษณ์และกุลาแสนสวย หนึ่งในทหารจำ ได้ว่าหญิงอัปลักษณ์ก็คือโสนน้อยพระ วิจิตรจินดาจึงให้นำ นางมาเข้าเฝ้านางเล่าเรื่องราวในอดีต ตั้งแต่เคยช่วยพระองค์จนถึง เรื่องที่พระวิจิตรจินดาเข้าใจผิดเรื่องงูพิษได้อย่าง ถูกต้องเมื่อเรื่องราวทุกอย่างผ่านไปเรียบร้อยแล้วพระวิจิตรดาพาโสนน้อยไปหาพระ ฤๅษีปู่เจ้าเพื่อให้ท่านช่วย พระฤๅษีได้ให้พระธิดาโสนน้อยลงไปชุบตัวในบ่อน้ำ สี เหลือง นางก็กลับมางดงามเหมือนเดิม ทั้งสองเดินทางไปยังนครแก้วนพรัตน์และ อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข 8
โรงพิมพ์แต่งเพิ่ม วันนึงขณะที่พระไพรวัลย์นอนอยู่ในเมืองก็ฝันว่าตัวเองมีภรรยา เสร็จแล้วตื่น มาก็อยากได้ภรรยาคนนี้ ทั้งพระพระวิจิตรจินดาและโสนน้อยจึงเรียกลูกสาวของ เมืองขึ้นทั้งหลาย ให้ส่งลูกสาวเข้ามาให้พระไพรวัลย์เลือก พระไพรวัลย์ไปดูก็ไม่มี ใครตรงกับในฝันเลย ดังนั้นพระไพรวัลย์ก็เลยบอกว่า เดี๋ยวข้าจะเข้าไปในป่าไป ตามหาภรรยาให้เจอ ซึ่งทั้งพระวิจิตรจินดาและโสนน้อยก็ห้ามไว้ แต่ไพรวัลย์ก็ไม่ เชื่อ ก็เลยหนีออกไป พอหนีออกไปพระวิจิตรจินดาและโสนน้อยก็ทำ อะไรไม่ถูกก็ เลยต้องไปดูดวง ซึ่งในดวงบอกว่าพระไพรวัลย์กำ ลังเจอเคราะห์จะได้เมียเป็นสัตว์ เดรัจฉานแต่ว่าสุดท้ายชีวิตจะดี แต่ตอนนี้ต้องเจอเคราะห์ก่อน ขณะพระไพรวัลย์เดินทางไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอกับพระฤาษี พระฤาษีก็เลยดูดวง ให้ บอกว่า อ๋อที่ต้องหาภรรยาเจ้าไม่เจอในฝันนั้นน่ะเพราะว่าเมียเจ้ามันคือกระดูก ของนางราชสีห์ที่ตายอยู่หลังกุฏิอาตมาเดี๋ยวอาตมาชุบเป็นผู้หญิงให้คนนี้แหละเนื้อ คู่เจ้านะ แล้วพระฤาษีก็เดินไปหลังกุฏิ เจอกองกระดูกอยู่เหมือนกับในฝันจริงๆ ก็ เลยเอากองกระดูกมาเข้าพิธีจนกระทั่งได้ออกมาเป็นผู้หญิง 2 คน ซึ่งก็ทำ ให้พระ ฤาษีแปลกใจที่ทำ ไมจึงได้หญิงสาว 2 นาง แล้วก็ได้คำ ตอบว่า กองกระดูกที่เอามา มันเป็นกองกระดูกราชสีห์ปนกับกองกระดูกหมาในดังนั้นจึงออกมา 2 คน ก็เลย เป็นนางราชสี 1 นางหมา 1 ซึ่งนางราชสีห์คือหญิงสาวในฝันของพระไพรวัลย์ พระ ฤาษีจึงจะทำ ให้นางหมาในกลับไปเป็นกระดูกดังเดิม แต่พระไพรวัลย์เห็นแล้ว สงสารจึงขอเก็บนางหมาในไว้ ซึ่งพระฤาษีก็พยายามจะห้าม บอกว่านางหมาใน ไม่ เหมาะอย่าเอาไว้เลย แต่พระไพรวัลย์ก็ไม่เชื่อ 9
ดังนั้นทั้ง 3 คนก็เลยออกเดินทางจากกุฏิพระฤาษีต่อไปเรื่อยๆ ปรากฏว่าระหว่างทาง ขณะที่พระไพรวัลย์และนางราชสีห์หานอนกันเป็นแท่น หิน นางหมาก็ไปขอบแท่นหินแล้วยกขาถ่ายเบาออกมา หรือหนังควายที่พระฤาษีให้ มาบอกว่า เอาไว้ห่มเอาไว้กันฝน นางราชสีห์ก็เอามากันฝนกันแดดให้กับพระไพร วัลย์ แต่นางหมาที่เห็นหนังควายก็อยากกินก็ไปกัดกินหนังควายจนหมด กระทั่งวันนึง มีพญาลิงผ่านมาเห็นหญิงสาว 2 คน พญาลิงก็เลยเป่ายานอน หลับใส่พระไพรวัลย์ ทำ ให้พระไพรวัลย์หลับไป แล้วพญาลิงก็เข้าไปจีบ 2 นางซึ่ง นางสิงห์ก็ไม่เล่นด้วยก็พูดว่า จะบ้าหรอฉันมีสามีแล้วต่อให้สามีฉันตายฉันก็ไม่เป็น เมียแกหรอก ในขณะที่นางหมาก็ไม่เล่นด้วยเหมือนกันแต่บอกว่าจะบ้าหรอฉันมี สามีแล้วถ้าสามีฉันตาย ค่อยมาคุยกัน ด้วยคำ พูดที่ต่างกันพญาลิงก็ฟังออก ประมาณว่าคนนึงมันเล่นด้วยคนนึงมันไม่เล่นด้วย ก็เลยพาสองคนเนี่ยกลับเมืองไป แล้วก็ยกให้นางหมาในขึ้นมาเป็นภรรยาตัวเอง ส่วนนางราชสีห์ที่ไม่ยอมสักทีให้ไป เป็นทาส เมื่อพระไพรวัลย์ฟื้นขึ้นก็สงสัยว่าภรรยาของตัวเองหายไปไหน ก็เลยออกตาม หาจนกระทั่งถึงเมืองลิง ก็เกิดการต่อสู้กันจนฝั่งพระไพรวัลย์ชนะ นางราชสีห์ก็บอก ว่าดิฉันปลอดภัยดี แต่ฉันโดนตกไปเป็นทาส ในขณะที่นางหมาเนี่ยกลัวความผิดตัว เองที่ตกเป็นภรรยาลิงไปแล้ว ก็เลยบอกว่า ข้าเนี่ยรักท่านคนเดียว ข้ารักเดียวใจ เดียวแต่นางราชสีห์น่ะ นางตกเป็นภรรยาลิงไปแล้ว ซึ่งพระไพรวัลย์ไม่ฟังนางราชสีห์ ก็เชื่อนางหมาใน เพราะนางหมาในพูดก่อน ก็เลยทิ้งนางราชสีห์ไว้ในเมืองแล้วก็รับ เอาแต่นางหมาในออกจากเมืองไป ในขณะที่นางราชสีห์อยู่ที่เมืองลิงฝังเมืองลิงก็ ไม่มีผู้ปกครองแล้วก็เลยยกย่องให้นางราชสีห์เป็นผู้ปกครองเมืองแทน นางราชสีห์ก็ ส่งให้ไพล่พลลิงแอบตามพระไพรวัลย์ไป เพื่อคอยดูแลปกป้อง หลังพระไพรวัลย์เดินทางออกไปกับนางหมาใน ระหว่างทางนางหมาในก็มี บ่นโอดโอยว่า เดินไม่ไหว ด้วยความรักเมียหลงภรรยาพระไพรวัลย์ก็อุ้มนางหมา ขึ้นแล้วพาเดิน 1 0
เมื่อนางหมาบอกว่า หิวน้ำ พระไพรวัลย์จึงให้นางหมารอที่นี่แล้วบอกว่า เดี๋ยวพี่ไป หาน้ำ มาให้ พระไพรวัลย์ก็ออกไปหาน้ำ ปรากฏว่าระหว่างทางมีคนป่าถือน้ำ มา นางหมา ก็เห็น จึงกล่าว นั่นน้ำ ฉันอยากกินฉันอยากกินมาก พี่จ๋าขอน้องกินน้ำ หน่อยเถอะ คนป่าก็ให้นางหมากินน้ำ ได้แต่นางหมาจะให้อะไรเขาเป็นการตอบแทน ซึ่งนาง หมาก็เสนอตัวเองแลกกับน้ำ นางหมาเลยเป็นเมียแบบคนป่าไป เมื่อพระไพรวัลย์ กลับมาก็เกิดการสู้กันระหว่างพระไพรวัลย์กับคนป่า ซึ่งพระไพรวัลย์เกือบแพ้เพราะ ก่อนจะจากนางหมาไปได้นำ อาวุธของตัวเองฝากนางไว้ กลัวนางหมาเป็นอันตราย แต่คนป่าไปคว้าอาวุธของพระไพรวัลย์เองจะไปฟาดพระไพรวัลย์ โชคดีที่กองทัพลิง ของนางราชสีห์ส่งมาช่วยไว้ได้ จึงรอด แต่พระไพรวัลย์ก็ยังเชื่อนางหมา นางหมาก็ กล่าวว่า คนป่ามันข่มขืนน้องน้องไม่ได้ตั้งใจ พระไพรวัลย์ก็เลยพานางหมาเดินทาง กลับไปจนถึงเมืองและพาไปไหว้พ่อไหว้แม่ ซึ่งพ่อแม่ก็แอบคิดว่า หมอดูเขาก็ดูดวง แหละว่าลูกเราเนี่ยจะได้เมียเป็นสัตว์เดรัจฉานแต่มันก็ไม่น่าที่จะทำ ตัวร้ายกับสัตว์ เดรัจฉานเช่นนี้ ดวงว่าไว้ก็เป็นสัตว์เดรัจฉานแต่ก็ยังมีความเป็นผู้ดีอยู่ไม่ใช่หรอ ขณะนางหมานั่งอยู่ท้องพระโรงก็เอาขาขึ้นมาเกาหลังหู หรือว่านั่งไถพื้นพรม เล่น พระวิจิตรจินดาและโสนน้อยก็เลยไปถามพระไพรวัลย์ว่า นี่เมียของเจ้าจริงๆ พระไพรวัลย์ก็เลยเล่าให้ฟังว่า มีนางราชสีห์และนางหมาใน แต่นางราชสีห์นั้นไม่ ซื่อสัตย์จึงทิ้งไว้อีกเมือง ซึ่งพระพระวิจิตรจินดาและโสนน้อยจึงขอให้พระไพรวัลย์ไป รับนางสิงห์กลับมา แต่ทิ้งนางหมาไป เพราะรับไม่ได้กับกริยาต่างๆ ของนางหมาแต่ พระไพรวัลย์ไม่ยอม ดังนั้นพระพระวิจิตรจินดาและโสนน้อยก็เลยพยายามจะลองใจ นางหมา โดยการเอาหนังของสิงโตซึ่งเป็นของแพงเอาไปให้พระไพรวัลย์ใช้ปรากฏ ว่านางหมาเห็นนางสิงโตทนไม่ได้ ทุกคืนตอนที่พระไพรวัลย์หลับก็เลยแอบมากิน หนังสิงโต ผ่านไปไม่กี่วันก็กินหมดทั้งผืน ซึ่งเป็นความผิดแบบร้ายแรงมากเพราะนี่ เป็นเหมือนแบบเครื่องราชูปโภค 1 1
ดังนั้นโสนน้อยกับพระวิจิตรจินดาก็เลยไล่ให้นางหมาออกจากเมืองไป ระหว่างทางพระอินทร์ก็ลงมาลองใจนางหมาแกล้งแปลงกายเป็นหมาเดินผ่านมา นางหมาซึ่งตอนนี้อยู่ในรูปร่างคนเห็นก็รู้สึกถูกอกถูกใจ พระอินทร์ก็รู้สึกว่านางหมา ไม่เหมาะแก่การเป็นมนุษย์ จึงสาปให้นางหมากลับไปเป็นหมาเหมือนเดิม ทางฝั่งพระไพรวัลย์ก็ได้สติว่า ภรรยาที่ตนรักคือนางราชสีห์จึงขอโสนน้อย ออกไปตามหานางราชสีห์ ซึ่งฝั่งพระพระวิจิตรจินดาและโสนน้อยก็ตกลง ระหว่างทางพระไพรวัลย์ก็ไปเจอเมืองยักษ์เมืองหนึ่งแล้วไปต่อสู้กับเมืองยักษ์ หลังจากนั้นก็ได้ลูกสาวของเจ้าเมืองยักษ์เป็นเมีย จากนั้นพระไพรวัลย์ก็ทิ้งลูกสาว ของเจ้าเมืองยักษ์เอาไว้ที่เมืองยักษ์ แล้วเดินทางต่อไปที่เมืองลิงเพื่อไปรับนาง ราชสีห์และไปรับลูกสาวของเจ้าเมืองยักษ์กลับเมืองของพระพระวิจิตรจินดาและโสน น้อย นางเกษณีและท้าววหัสวิชัยที่อยู่อีกเมืองหนึ่งก็รู้สึกว่าตัวเองแก่มากแล้วจึงส่ง จดหมายมาบอกให้โสนน้อยกลับมาเยี่ยมบ้าง ด้วยความที่โสนน้อยคิดถึงพ่อแม่จึง ส่งพระไพรวัลย์ไปดูแล พระไพรวัลย์ก็พานางราชสีห์ออกไปด้วย ส่วนลูกสาวของเจ้า เมืองยักษ์ฝากพ่อแม่ไว้ เมื่อออกเดินทางไปก็ไปเจอยักษ์สองสามีภรรยา ซึ่งนางยักษ์เนี่ยกำ ลังท้องแก่ ใกล้คลอดอยู่สามีก็ดูแลหาสัตว์หาอะไรให้กิน ก็เจอกองทัพของพระไพรวัลย์ แล้ว พบว่านางราชสีห์น่าจับมาให้ภรรยาของตนกิน เลยใช้มนตร์สะกดให้ทุกคนหลับ แล้วไปลักพาตัวนางราชสีห์ไปไว้ที่ถ้ำ ให้ภรรยาของตนกิน แต่ด้วยบุญญาธิการของ นางราชสีห์ทำ ให้นางยักษ์เจ็บท้องคลอดลูกแล้วก็คลอดออกมา แต่คลอดไม่สำ เร็จ จึงตายทั้งแม่ทั้งลูก ฝั่งยักษ์ก็ตกใจที่เมียตายด้วยความรักเมียมากก็นึกได้ว่าตนมี เพื่อนเป็นกษัตริย์ยักษ์อยู่แถวนี้น่าจะเป็นคนมีความสามารถชุบชีวิตคนได้จึงไปคาม เพื่อนยักษ์มาช่วย ขณะยักษ์เดินทางออกไปนางราชสีก็ฟื้นขึ้นมาในถ้ำ ก็งงว่ามาอยู่ในถ้ำ นี้ได้ยัง ไงแล้วทำ ไมมีศพยักษ์แม่ลูกในนี้ ด้วยความทำ อะไรไม่ถูก 1 2
ก็เลยหยิบยาวิเศษที่นางโสนน้อยยัดใส่มือเอาไว้ให้ก่อนออกมา ว่ามีอะไรฉุกเฉินให้ ใช้ ก็เลยเอายาวิเศษนี้มามาพ่นใส่ยักษ์แม่ลูก ยักษ์แม่ลูกก็ฟื้นขึ้นมาแล้วก็รู้สึก สำ นึกบุญคุณ อยู่ๆ ปรากฏว่าสามียักษ์กลับมาพร้อมเพื่อนซึ่งสามียักษ์ก็ไปสัญญา กับเพื่อนไว้บอกว่าถ้าช่วยภรรยาของตนให้ฟื้นได้จะยกมนุษย์ให้คนหนึ่ง เพื่อนยักษ์ที่เดินทางมาถึงดันไปเห็นหน้าของนางราชสีห์ ก็อยากได้เป็น ภรรยาดังนั้นเขาจึงใช้อุบายว่า เรียกหมอมาแล้วต่อให้ไม่ได้รักษา แต่ว่าเรียกมา แล้วก็ต้องมีค่าเดินทาง นางราชสีห์คนเนี้ยต้องตกเป็นของฉัน ฝั่งยักษ์สามีภรรยาก็ ทราบแล้วว่า นางราชสีห์เป็นคนทำ ให้สองคนนี้รอด ดังนั้นฝ่ายยักษ์สามีภรรยาจึง ปฏิเสธทำ ให้เกิดการทะเลาะกันตีกัน ยักษ์เพื่อนแพ้ก็รีบกลับเมืองไป ยักษ์ผัวเมียรู้ ว่ามันจะต้องไปตามกองทัพมา ก็เลยพานางราชสีห์หนีออกไปพร้อมลูก กองทัพก็ตามมาใกล้ทันและตัวยักษ์สามีก็เลยออกไปสู้จนตัวเองตาย ยักษ์ เมียเห็นสามีตายก็เลยเอาลูกตัวเองยัดใส่มือนางราชสีห์ให้ดูลูกแทนตนด้วยแล้วก็ ออกไปช่วยสามีสู้จนตายเหมือนกัน นางราชสีทำ อะไรไม่ถูกก็เลยยกมือกล่าว บุญ บารมีของข้าขอให้ข้าพ้นภัยนี้ สุดท้ายยักษ์ก็กลับเมืองไปโดยที่หานางราชสีห์กับลูก ยักษ์ไม่เจอ ฝั่งนางราชสีห์เจอยักษ์สองสามีภรรยาตายก็เสียใจมาก จึงรับลูกยักษ์ เนี่ยขึ้นมาเป็นลูกเลี้ยงตัวเองแล้วก็พาออกเดินทางต่อ จนกระทั่งไปเจอกับพระฤาษี นางราชสีห์ก็เลี้ยงลูกกับพระฤาษีมาเรื่อยๆ รอ พระไพรวัลย์มารับ ทางฝั่งพระไพรวัลย์ฟื้นขึ้นมาหานางราชสีห์ไม่เจอก็เลยออกเดินทางต่อ ปรากฏว่าเดินทางไปเจอเมืองยักษ์ กลางคืนลูกสาวของเจ้าเมืองยักษ์ฝันว่าได้แหวนมาวงนึงจึงกล่าวกับพ่อของ ตนที่เป็นยักษ์เจ้าเมืองว่าอยากได้ ยักษ์เจ้าเมืองจึงกว้านหามาจากทั้งเมืองหามาให้ ยังเท่าไหร่ก็ไม่ถูกใจลูกสาวของตน ยักษ์เจ้าเมืองก็เลยประกาศว่าใครมีแหวนที่ 1 3
ลูกสาวตนต้องการมาถวายจะมอบรางวัลให้อย่างงาม ซึ่งคนที่ไปถวายแหวนก็คือ พระไพรวัลย์ หลังจากพระไพรวัลย์เอาแหวนไปถวาย ยักษ์เจ้าเมืองถามพระไพรวัลย์ว่า ต้องการอะไร พระไพรวัลย์กล่าวว่าไม่ต้องการอะไร คืนหนึ่งพระไพรวัลย์ก็ไปปีนห้องลูกสาวของยักษ์เจ้าเมืองจนกระทั่งได้ลูกสาว ยักษ์เป็นภรรยา ยักษ์เจ้าเมืองโกรธมากก็เลยเกิดการสู้กันจนยักษ์เจ้าเมืองได้ตาย ลง พระไพรวัลย์ก็เลยอยู่ที่เมืองยักษ์จนเวลาผ่านเลยไป 5 ปี นางราชสีห์ที่อยู่กับพระฤาษีจนลูกเลี้ยงอายุได้ 5 ปีแล้ว ก็นึกสงสัยว่า ผัว คงจะลืมตามหาตนไปแล้ว ทำ ให้นางราชสีห์ต้องไปตามหาพระไพรวัลย์เอง ก็เลย ให้พระฤาษีดูดวงให้ว่าพระไพรวัลย์อยู่ที่ไหน ซึ่งพระฤาษีก็เล่าเรื่องที่พระไพรวัลย์ไป ที่เมืองยักษ์แล้วได้เมียอีกคนและอยู่เมืองนั้นมาตลอด ก่อนนางราชสีห์จะออกเดิน ทางไปตามพระไพรวัลย์ พระฤาษีก็บอกว่า เดินทางเป็นผู้หญิงคนเดียวมันอันตราย เพื่อไม่ให้ต้องเป็นอันตราย เดี๋ยวตาจะเสกให้เจ้าเป็นผู้ชายไปก่อน เมื่อไหร่ก็ตามที่ พระไพรวัลย์รู้ว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าถึงจะกลับเป็นผู้หญิง จากนั้นนางราชสีห์ก็ออกเดินทางจนกระทั่งไปถึงเมืองของยักษ์ ที่พระไพรวัลย์ อาศัยอยู่ ด้วยความไม่พอใจที่พระไพรวัลย์มีเมียอีกคนก็เลยให้ลูกเลี้ยงของตน แปลงกายเป็นช้างเผือก แล้วก็จูงช้างเผือกไปขอเข้าเฝ้ากษัตริย์บอกจะถวายช้าง เผือก พระไพรวัลย์ก็เชิญเข้าไปในวัง ด้วยความดีใจทำ ให้พระไพรวัลย์พูดออกไป โดยไม่ทันคิดว่า ท่านอยากได้อะไรบอกสิ ข้าจะประทานให้ จะขออะไรก็ได้ ดังนั้น พราหมณ์แปลงหรือนางราชสีห์ด้วยความที่ไม่พอใจพระไพรวัลย์จึงขอภรรยาของพระ ไพรวัลย์ที่เป็นยักษ์มาเป็นภรรยาของตัวเอง ซึ่งพระไพรวัลย์โกรธมากแต่ก็ทำ อะไร ไม่ได้ก็เลยจำ เป็นจะต้องยกให้ไป จากนั้นนางราชสีห์ก็พานางยักษ์ออกจากเมืองไป ส่วนลูกเลี้ยงที่แปลงร่าง เป็นช้างเผือกตกกลางคืนก็กลับร่างเป็นยักษ์ แล้วก็หนีจากเมืองตามไป 1 4
ทั้ง 3 คนเดินทางด้วยกันจนถึงเมืองๆ หนึ่งเมืองนั้นต้อนรับพราหมณ์ อย่างดีเพราะเห็นว่านางยักษ์มีหน้าตาที่สะสวยทำ ให้เป็นที่ต้องตากษัตริย์ของเมือง นี้ และลูกสาวของกษัตริย์ก็เห็นว่าพราหมณ์ที่เป็นนางราชสีห์แปลงกายมีหน้าตา หล่อเหลาจึงอยากได้เช่นกัน กษัตริย์จึงเชิญคนทั้งหมดไปพักในวัง ขณะนั้นลูกสาว ของกษัตริย์ก็พยายามที่จะใกล้ชิดกับนางราชสีห์ แต่คนที่สนใจนางกลับไม่ใช่นาง ราชสีห์แต่เป็นลูกเลี้ยงของนางราชสีห์ ดังนั้นนางราชสีห์ก็ได้นัดแนะกับลูกสาวของ กษัตริย์แล้วสลับตัวกับลูกเลี้ยงของตนให้ไปแทน จากนั้นลูกสาวของกษัตริย์ก็เลย ตกเป็นของลูกเลี้ยงในตอนนั้น ในฝั่งของกษัตริย์ที่ต้องตานางยักษ์ก็พยายามเกี้ยวพาราสี แต่ด้วยความที่นาง ยักษ์ไม่สนใจจึงนำ เรื่องไปบอกนางราชสีห์ นางราชสีห์จึงวางอุบายให้นางยักษ์นัด เจอกับกษัตริย์ที่ห้อง จากนั้นนางราชสีห์จะให้ลูกเลี้ยงเป่ามนตร์สะกดที่เรียนมาให้ ทุกคนหลับ จากนั้นก็นำ ภรรยาของกษัตริย์ตัวจริงมาแทนที่นางยักษ์ แล้วค่อยปลุก ให้ทุกคนตื่น เมื่อกษัตริย์ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าคนที่อยู่กับตัวเองไม่ใช่คนที่ต้องการ ก็เลยลุกแล้วเดินออกไปแม้จะสงสัยก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ในคืนนั้นลูกเลี้ยงของนางราชสีห์ก็ต้องการให้นางราชสีห์ช่วยทำ อุบายให้อีก รอบทำ ให้ลูกสาวของกษัตริย์และลูกเลี้ยงของนางราชสีห์ก็ได้อยู่ด้วยกันอีกครั้งใน คืนนั้น ปรากฏว่าเช้ามากษัตริย์ที่กำ ลังเดินตามหานางยักษ์ก็ได้เจอพบว่า ลูกสาว ของตนนอนอยู่กับลูกเลี้ยงของนางราชสีห์ ทำ ให้เกิดการสู้กันระหว่างลูกเลี้ยงและ กษัตริย์ และฝ่ายที่ได้ชัยชนะก็คือฝั่งของลูกเลี้ยง สุดท้ายทั้งสองฝ่ายต่างก็คืนดีกัน ลูกเลี้ยงก็ขึ้นเป็นผู้ปกครองเมืองนี้แทนกษัตริย์ แล้วนางราชสีห์และนางยักษ์ก็อาศัย อยู่เมืองนี้ไปเรื่อยๆ ทางด้านพระไพรวัลย์ที่อยู่เมืองพอรู้ว่า ช้างเผือกที่ตนเองได้มา โดนพราหมณ์หลอก ก็เลยตามไปจนถึงเมืองที่นางราชสีห์อาศัยอยู่ เมื่อไปถึงก็ โวยวายโวยวาย แต่สุดท้ายก็นางยักษ์ที่เป็นภรรยาของพระไพรวัลย์ก็ได้มาบอกพระ ไพรวัลย์ว่าจริงๆ แล้วพราหมณ์ก็คือนางราชสีห์ เมื่อพระไพรวัลย์ทราบก็ไปง้อนาง ราชสีห์ให้ให้อภัยตน 1 5
สุดท้ายทั้งหมดก็กลับมารักกันเช่นเดิม จากนั้นพระไพรวัลย์ก็ฉุดคิดขึ้นมาได้ว่า ที่ออก จากเมืองของพระวิจิตรจินดาและโสนน้อยมาตั้งแต่แรก เพราะต้องไปเยี่ยมนางเกษณีและท้าว หัศวิชัย จึงให้ลูกเลี้ยงของนางราชสีห์ปกครองเมืองนี้ต่อไป แล้วออกเดินทางไปพร้อมกับนาง ราชสีห์และนางยักษ์ เมื่อถึงเมืองนางเกษณีและท้าวหัศวิชัยก็แต่งตั้งพระไพรวัลย์ให้ขึ้นปกครองเมือง ทำ ให้ พระไพรวัลย์จะต้องจัดงานแต่งงานเสียก่อน จึงส่งจดหมายไปบอกพระวิจิตรจินดาและโสน น้อยให้ส่งลูกสาวของเจ้าเมืองยักษ์มา ณ เมืองที่ตนมาศัยเพื่อแต่งงาน เมื่อพระวิจิตรจินดา และโสนน้อยทราบข่าวก็เลยส่งลูกสาวของเจ้าเมืองยักษ์พร้อมกับเหล่าบริวารติดตามไปด้วย ระหว่างทางก็ไปเจอกับนางยักษ์ซึ่งนางยักษ์ก็เล็งเห็นว่าผู้หญิงงามเดินทางคนเดียว กลางป่าผัวมันต้องหล่อแน่ๆ ก็เลยสะกดให้ทุกคนเนี่ยหลับแล้วก็จับภรรยาของพระไพรวัลย์หัก แขนหักขาไปทิ้งกลางป่า แล้วแปลงร่างเป็นภรรยาของพระไพรวัลย์แทน จนเจอพระไพรวัลย์ก็ แต่งงานอยู่กันไปเรื่อยๆ ตอนแรกนางราชสีก็เอ่ะใจเล็กน้อยว่าด้วยความที่สนิทกับลูกสาวของเจ้าเมืองยักษ์แต่ ทำ ไมนางกลับทำ เหมือนไม่รู้จักกัน ฝั่งนางยักษ์ที่แปลงกายอยู่กับพระไพรวัลย์ไปเรื่อยๆ ก็ ต้องการให้พระไพรวัลย์รักตนหลงตนมากขึ้น จึงเป่ามนตร์ในเมืองไปเรื่อยๆ ก็เริ่มรู้สึกว่าแบบ อยากให้ผัวรักมากขึ้นเรื่อยๆก็ไปเป่ามนตตร์ใส่พระไพรวัลย์แต่ด้วยความที่ต้องการครอบครอง พระไพรวัลย์แต่เพียงผู้เดียวของนางยักษ์ ทำ ให้วันหนึ่งเสกให้ทุกคนหลับ แล้วเข้าไปบีบคอ ภรรยาคนที่ 3 ของพระไพรวัลย์ตาย พอทุกคนฟื้นขึ้นมาก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ได้อย่างไร ตลอดระยะเวลานี้นางราชสีห์ก็รู้สึกสงสัยขึ้นเรื่อยๆ ว่าทำ ไมตอนแรกพระไพรวัลย์ก็ เอ็นดูภรรยาคนที่ 3 ของตนอยู่ตลอด แต่ทำ ไมหลังๆ มานี้จึงเริ่มห่างหายไปแล้วไปสนใจแต่ ลูกสาวของเจ้าเมืองยักษ์ อะไรก็ดูผิดแปลกไปหมด นางราชสีห์ก็เกิดข้อสงสัยว่า หรือว่าจริงๆ แล้ว ลูกสาวของเจ้าเมืองยักษ์อาจจะถูกยักษ์ตนอื่นปลอมตัวมา 1 6
เมื่อนางยักษ์รู้ว่านางราชสีห์รู้ถึงตัวตนของตัวเองแล้วก็เลยใช้แผนเสกให้ทุคน หลับอีกครั้ง แล้วไปอุ้มผู้ชายมาคนนึงมาวางข้างนางราชสีห์ จากนั้นก็ปลุกทุกคนขึ้น มา เมื่อพระไพรวัลย์มาเห็นก็โกรธมากจนจะฆ่านางราชสีห์แต่ด้วยความที่นางเกษณี และท้าววหัสวิชัยเห็นนว่านางราชสีห์กำ ลังตั้งครรภ์ เลยสั่งห้ามพระไพรวัลย์ไว้ ทำ ให้ นางยักษ์โกรธมากที่ฆ่านางราชสีห์ไม่สำ เร็จ ครั้งนี้จึงวางแผนที่จะฆ่าทั้งนางเกษณี ท้าววหัสวิชัย และนางราชสีห์ ในคืนนั้นภรรยาคนที่ 3 ของพระไพรวัลย์ที่ตายแล้วกลายเป็นปีศาจก็มาเข้า ฝันของนางเกษณี ท้าววหัสวิชัย และนางราชสีห์แล้วบอกว่าจริงๆแล้ว ลูกสาวของเจ้า เมืองยักษ์หรือภรรยาคนที่ 2 ของพระไพรวัลย์จริงๆ แล้วเป็นยักษ์ตัวอื่นปลอมตัวมา ดังนั้นนางเกษณีและท้าววหัสวิชัยจึงพานางราชสีห์หนีออกจากวังไป พร้อมส่ง จดหมายไปถึงพระวิจิตรจินดาและโสนน้อยว่าพระไพรวัลย์ถูกนางยักษ์แปลงกาย สะกด ฝั่งนางราชสีห์ก็ส่งจดหมายไปขอความช่วยเหลือหาลูกเลี้ยงของจนที่เมือง ยักษ์ด้วย จากนั้นทั้งสองเมืองก็ส่งกองทัพมาเพื่อจับนางยักษ์ แต่ด้วยความที่นางยักษ์รู้ทันจึงจับพระไพรวัลย์หนีเข้าไปในป่าที่เป็นเขตของ ปีศาจ แล้วก็เกิดการต่อสู้กันระหว่างกองทัพมนุษย์และปีศาจขึ้น จนในที่สุดนางยักษ์ ก็แพ้จึงยอมคลายมนตร์แล้วปล่อยพระไพรวัลย์กลับไป ความที่นางยักษ์รู้ทันจึงจับ พระไพรวัลย์หนีเข้าไปในป่าที่เป็นเขตของปีศาจ แล้วก็เกิดการต่อสู้กันระหว่าง กองทัพมนุษย์และปีศาจขึ้น จนในที่สุดนางยักษ์ก็แพ้จึงยอมคลายมนตร์แล้วปล่อย พระไพรวัลย์กลับไป ทั้งยังเผยถึงที่ที่เมียของพระไพรวัลย์ถูกตนเองหักแขนหักขาว่า อยู่ที่ไหน ด้วยความโชคดีที่มีคนป่ามาช่วยเมียของพระไพรวัลย์ไว้ทำ ให้นางไม่ตาย นางโสนน้อยจึงให้ยาวิเศษแก่นางทำ ให้ลูกสาวของยักษ์เจ้าเมืองกลับมามีแขนขาที่ ปกติอีกครั้ง ในด้านของเมียคนที่ 3 ของพระไพรวัลย์ที่เก็บศพไว้แต่ยังไม่ได้เผา นางโสนน้อยก็ช่วยชุบให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง 1 7
1 8 จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันกลับเมืองไปทางฝั่งพระไพรวัลย์ก็ปกครองเมือง ของตายาย พระวิจิตรจินดาก็อยู่ปกครองเมืองกับโสนน้อยที่เมืองของตน และฝั่งของ ลูกเลี้ยงนางราชสีห์ก็กลับไปปกครองเมืองยักษ์ของตนเอง เรื่องราวก็จบแต่เพียงเท่า นี้
ข้อคิด ไม่ควรมุ่งหวังในสิ่งที่เกินตัว และควรพอใจในสิ่งที่ตนเองมี การทำ ความดีย่อมส่งผลให้เราได้รับแต่ความสุขกาย สุขใจ บุคคลใดที่ประพฤติตัวไม่ดี ย่อมเป็นที่รังเกียจของบุคคลอื่น คนดีตกน้ำ ไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว ทำ ดีได้ดี ทำ ชั่วได้ชั่ว ความประมาทเป็นหนทางสู่ความตาย เกิดเป็นคนควรรู้คุณ แนวทางในการดำ เนินชีวิต เมื่อได้รับสิ่งของควรรู้ถึงคุณค่าและรักษาสิ่งที่ได้รับมาเป็น อย่างดี และหากมีโอกาสควรตอบแทนผู้ที่ได้ให้สิ่งนั้นแก่เรา คิดดีทำ ดีต่อคนรอบข้างเสมอ ไม่นึกอิจฉาในสิ่งที่คนอื่นมีจนอยากได้ของเขามาเป็นของ ตนเอง ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท รู้จักระมัดระวังตัวเสมอ เช่น การ เดินข้ามทางม้าลาย ควรดูรถที่อาจจะไม่เคารพกฎจราจรเสมอ 1 9
ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการค้นคว้า เนื้อเรื่องในแต่ละแหล่งค้นคว้ามีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ทำ ให้ต้องนำ ข้อมูลทั้งหมดมาเทียบรายละเอียดและความถูก ต้องก่อนนำ เนื้อหามาเผยแพร่ 1. เนื้อเรื่องที่มีตอนไม่ครบทำ ให้เกิดการค้นหายากยิ่งขึ้น การ ตามหาเนื้อเรื่องที่ถูกแต่งเพิ่มขึ้นด้วยความที่หายาก จึงต้องใช้ ระยะเวลาในการค้นคว้าหาข้อมูลที่มากขึ้นตาม 2. การใช้คำ ที่ไม่สุภาพ การนำ มาเผยแพร่อีกทีจึงต้องนำ มาปรับ ภาษาให้ดูมีความสุภาพมากขึ้น 3.
แหล่งที่มาของข้อมูล ทีมกองบรรณาธิการ ABK (2565) โสนน้อยเรือนงาม นิทานยาวๆ เล่าให้ลูกฟังก่อนนอน สืบค้น 27 ธันวาคม 2566, จาก https://www.amarinbabyandkids.com/family/lifestyle/along-thai-folk-tale/ อภิลักษณ์ เกษมผลกูล (มปป.) โสนน้อยเรือนงาม สืบค้น 27 ธันวาคม 2566, จาก https://www.sac.or.th/databases/thailitdir/detail.php? meta_id=271 สำ นักงานวิจัยแห่งชาติ (วช) (มปป.) “หนังสือวัดเกาะ” ในช่วง ความนิยมเรื่องจักรๆวงศ์ๆ สืบค้น 27 ธันวาคม 2566, จาก file:///C:/Users/hp/Downloads/DigitalFile%234.pdf Point of View (2566) เล่าเรื่อง 'โสนน้อยเรือนงาม' ฉบับ สมบูรณ์ | Point of View สืบค้น 27 ธันวาคม 2566, จาก https://www.youtube.com/watch?v=gFQLzK2tmzM ผู้พิสูจน์อักษร นายแสนวิภพ คงพิชน นางสาวณัฐชยา ศรีพยุงฉันท์ นางสาวธญาณี บัวแก้ว นางสาวพลอยไพลิน ฉิมกุล 2 1