The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

honjok ความสุขจากการอยู่กับตัวเอง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by hasanee0910tk, 2021-12-13 23:38:42

honjok ความสุขจากการอยู่กับตัวเอง

honjok ความสุขจากการอยู่กับตัวเอง

Honjok

ค ว า ม สุ ข จ า ก ก า ร
อ ยู่ กั บ ตั ว เ อ ง

หนังสือเล่มนี้จะอธิบายให้คุณเข้าใจอย่างเเจ่มแจ้งว่า การใช้ชีวิตแบบฮนจกนั้น
เป็นมากกว่าเเค่การไปกินข้าว หรือไปเที่ยวคนเดียว เเต่จะลงลึกไปถึงการได้ค้นพบตัวตน
การตระหนักถึงคุณค่าและรู้จักเคารพตนเอง ซึ่งนำไปสู่การเลือกทำสิ่งที่เติมเต็มจิตใจ
และสร้างความสุขให้คุณอย่างแท้จริง ผ่านการนำเสนอทั้งเเนวคิดและหลักปฏิบัติในการ
ใช้ชีวิตคนเดียว ที่ง่ายเเละทำตามได้จริง

การธำรงชีวิตอยู่โดยลำพัง...แม้จะสัมผัสได้ถึงความเงียบเหงาแต่ก็กลับมีคุณค่าต่อ
การสร้างเสริมชีวิตให้ตื่นตระการ เพื่อจะมีชีวิตอยู่อย่างมีชีวิตชีวา..และเป็นความหมายใน
สังคมโลกยุคใหม่ที่เคว้งคว้างสับสนและไร้ตัวตน...เช่นวันนี้..วิถีแห่งการก้าวไปข้างหน้า
จึงถูกออกแบบขึ้นมา เพื่อสานสอดและเยียวยาชีวิตต่อชีวิตให้มีรายละเอียดของความ
เข้าใจและก่อเป็นพลังหัวใจแห่งความเป็นชีวิตและจิตวิญญาณได้มากขึ้น...นั่นคือวิถีปฏิบัติ
อันดื่มด่ำสุดหยั่งคิด

...จงดื่มด่ำไปกับช่วงเวลาแห่งการอยู่คนเดียว...และอิ่มอกอิ่มใจอย่างลึกซึ้งเมื่อได้
ลงทุนกับจิตวิญญาณตัวเอง” ฮนจก (HONJOK) ความสุขจากการอยู่กับตัวเอง...ปรัชญา
การใช้ชีวิตของชาวเกาหลีใต้ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก...เขียนโดย “ฟรานซี่ ฮีลลีย์ และ
คริสตัล ทาอี/และแปลเป็นภาษาไทยอย่างลึกซึ้งโดย “เขมลักขณ์ ดีประวัติ” คือความ
หมายแห่งใจในโครงสร้างของการหยั่งเห็นอันเปิดกว้าง.. จากภายในสู่ภายนอก จาก
ภายนอกสู่ภายใน นบน้อมแต่ทรงพลังต่อการใช้ชีวิตในการธำรงชีวิตอยู่ “วิถีของฮนจก
ทำให้เราปฏิวัติระบบความเชื่อที่ตีกรอบว่า เราควรเป็นคนแบบไหนแทนที่จะเป็นตัวตน
แท้จริง ทั้งยังเชิญชวนให้เราค้นหาสิ่งที่มีความหมายกับตนเอง หรือสิ่งที่ปรารถนามาก
ที่สุดในชีวิต เพื่อจะได้แบ่งเวลามาอยู่กับตัวเองมากที่สุดเท่าที่ต้องการ”

นั่นหมายถึงว่า คนเราจักต้องหาสิ่งที่ใช่สำหรับตน ว่าจะใช้ชีวิตคนเดียวหรือไม่
ก็ตาม การอยู่คนเดียว ไม่ใช่หนทางเดียวที่จะได้ประสบการณ์การอยู่กับตัวเองอย่าง
สมบูรณ์ เราสามารถค้นพบความหมายของการอยู่คนเดียวอย่างแท้จริงแม้จะอยู่กับคน
อื่น...ดั่งนี้การเป็นผู้..เชี่ยวชาญเกี่ยวกับตนเองนั้นจึงมีพลังมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า
คุณต้องปฏิเสธมุมมองหรือความคิดเห็นของผู้อื่นเสียสิ้น แต่มันหมายถึงการรู้จักตนเอง
และเปล่งความจริงออกไป แม้จะไม่ตรงกับความเห็นส่วนใหญ่ก็ตาม บางครั้งเราก็ยินยอม
ทำตามสิ่งที่คนอื่นคาดหวังอย่างง่ายดาย แต่จงจำไว้ว่า แม้สิ่งนี้ได้ผลกับคนอื่น

แต่ก็ไม่จำเป็นต้องได้ผลกับเราเสมอไป...และแม้การทำตามสิ่งที่สังคมคิดว่า “ควรทำ”
จะเป็นเรื่องสำคัญ การตระหนักและยอมรับตัวตนแท้จริงของตัวเองนั้นสำคัญกว่าเมื่อเรา
มอบอำนาจ ตนเองให้กับความคาดหวังของสังคมว่า..เราควรเป็นอย่างไร เท่ากับว่าเรา
มอบอำนาจให้กับวิธีการนำเสนอตนเองต่อสังคมด้วย... ลองนึกถึงวิธีที่คนเรานำเสนอ
ชีวิตของตน ผ่านทางโซเชียลมีเดีย เราเห็นภาพที่ปรับแต่งมาอย่างสวยงามของครอบครัว
ที่ยิ้มแย้ม และภาพวันหยุดพักผ่อนอันแสนงดงาม เราสร้างเรื่องราวว่าตนเองคือใคร
ผ่านรูปภาพที่โพสต์ การอยู่ในมายาของสัมพันธภาพเหล่านั้น ทำให้เรารู้สึกปลอดภัย
และแยกตัวออกจากความจริง แต่จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเรามุ่งความสนใจไปที่สัมพันธภาพ
อันลึกซึ้ง ที่ผู้คนมองเห็นเราและได้ยินเราจริงๆ ผู้คนที่เรารู้สึกเชื่อมโยงผูกพันมากกว่า..

“ใช่ว่าความสัมพันธ์ทั้งหมด จะถูกสร้างขึ้นมาเท่ากัน บางความสัมพันธ์สนับสนุน
หล่อเลี้ยง และให้กำลังใจ ช่วยให้คุณเติบโต ก้าวหน้า แต่บางความสัมพันธ์ก็บั่นทอน
สร้างความเครียด ทำให้เรา ไร้ความรู้สึก และหมดกำลังใจ โดยความสัมพันธ์ประเภท
หลังนี้ อาจเป็นสาเหตุของความเครียด และความสับสนท้อแท้อย่างมาก จนกลายเป็น
ปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันผู้คนไปสู่วิถีฮนจก” จริงๆแล้ว..เราทุกคนควรที่จะสร้างกิจวัตรในการ
ดูแลตัวเอง..ในช่วงเวลาที่อยู่คนเดียว เช่นการดื่มชาสักถ้วย หรือนั่งที่ไหนสักแห่งเป็น
ประจำ กิจวัตรเหล่านั้นจะกลายเป็นนิสัย ไม่ใช่ความฟุ่มเฟือย ลองจัดการตารางเวลา
ดูแลตนเองเหมือนทำบันทึกนัดหมายบนปฏิทิน ราวกับว่าคุณมีนัดกับตัวเอง ซึ่งสำคัญ
พอๆกับการนัดหมายอื่นหรือมากกว่าด้วยซ้ำ..ลองแทรกการดูแลตนเองเป็นช่วงต่างๆ ทั้ง
ระหว่างทำงานกับตอนอยู่บ้าน หรือกำหนดให้การดูแลตัวเองเป็นกิจวัตรมากขึ้นเท่าไหร่
คุณก็ทำจนเป็นนิสัยง่ายขึ้นเท่านั้น และกลายเป็นนิสัยที่ยั่งยืนในที่สุด “ลองฟังแล้วถาม
ตัวเองดูสิว่า..”วันนี้ฉันต้องการอะไร?” จงหล่อเลี้ยงตนเองแทนที่จะเฉยชา และทำให้
กิจวัตรการดูแลตัวเองกลายเป็นนิสัย..ลองหามุมเงียบๆ ที่เอื้อต่อการฟังอย่างมีสมาธิ มี
อุปกรณ์ หรือสิ่งของอะไรบ้างที่จะช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับการดูแลตัวเองและช่วงเวลาที่
อยู่คนเดียว...” อย่างไรก็ตาม..ได้มีข้อสังเกตว่า.ผู้คนนิยมเดินทางคนเดียวมากขึ้น ในช่วง
ทศวรรษที่ผ่านมา การเดินทางคนเดียวเปิดโอกาสให้เราไปในที่ที่อยากไป โดยจะไปตอน
ไหนหรือทำอะไรก็ได้ สำหรับผู้ที่มีวิถีชีวิตแบบฮนจก การเดินทางคนเดียว คือคำนิยาม
ของอิสรภาพที่มาจากการอยู่เป็นโสด

..เมื่อเดินทางคนเดียว คุณจะเชื่อมโยงกับคนอื่นๆ เฉพาะเวลาที่ต้องการ หรืออ่าน
หนังสือ ได้เต็มที่โดยไม่มีใครบ่นว่าคุณว่ามัวแต่จดจ่อกับโลกของตนเอง การเดินทางคน
เดียวจึงเป็นการให้อิสระกับตัวเองอย่างหนึ่ง

“การเดินทางคนเดียวเปิดโอกาสให้คุณพิจารณาว่า อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อ
สังเกตเห็นสิ่งที่ให้ความสุขระหว่างการเดินทาง อาจเป็นเรื่องที่คุณหาทางเที่ยวรอบเมือง
ใหม่ด้วยตัวเองสำเร็จ ได้สนทนากับคนที่พบในโรงแรมท้องถิ่นเล็กๆ ได้ชมศิลปะริมถนน
หรือนั่งเล่นกลางลานที่มีผู้คนจอแจ พร้อมฟังเสียงคนพูดภาษาต่างประเทศ คุณอาจมี
ความสุข กับการนึกถึงประสบการณ์ต่างๆ และบันทึกเรื่องราวความสำเร็จในวันนั้น
เงียบๆคนเดียว...และนี่คือการแสวงหาการผจญภัยที่น่าเผชิญ” ว่ากันว่า...เราต่างมีมุม
มองต่อคำว่า “การอยู่คนเดียว” แตกต่างกัน บางคนมองว่า “การอยู่คนเดียว” นั้นมี
ความหมายเท่ากับ”ความเดียวดาย”แต่บางคนกลับมองเห็นความสงบจากการมีพื้นที่และ
เวลาที่ได้อยู่ตามลำพัง โดยมองว่า การอยู่คนเดียวนั้น เป็นประสบการณ์ที่มีความสุข มี
อิสระมากขึ้น และ มีข้อจำกัดน้อยลง..ทั้งนี้ไม่ว่าเราจะรู้สึกสบายใจหรืออึดอัดใจกับความ
สันโดษ การอยู่คนเดียวนั้น เป็นเรื่องของสภาวะจิตใจ บางคนชอบอยู่ตามลำพัง พวกเขา
รักและเห็นคุณค่า ของการมีเวลาและพื้นที่เป็นของตนเอง แต่หลายคนก็มีปัญหากับการ
อยู่คนเดียว พวกเขาต้องการ ความรู้สึกอบอุ่นใจจากการมีผู้อื่นด้วย

“บางคนมองว่า..การอยู่คนเดียวเป็นโอกาสได้หยุดคิด และผ่อนคลายจากแรง
กดดันมหาศาลในชีวิตประจำวัน แต่บางคนกลับมองว่า คนที่อยู่คนเดียวนั้นไม่มีค่า ไม่มี
ใครอยากอยู่ด้วย ความเงียบจากการอยู่คนเดียวนั้น...ย่อมน่ากลัวกว่าความน่า
ปรารถนา...กุญแจสำคัญจึงอยู่ตรงที่ “การอยู่ลำพังหรืออยู่คนเดียวนั้นเป็นสิ่งที่เราเลือก
แต่ความเหงาไม่ใช่” นั่นเพราะ..ความเหงาคือรูกลวงเปล่าที่จะเติมเต็มได้ด้วยสัมพันธภาพ
เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสัมพันธภาพกับผู้อื่นหรือกับตนเอง แต่การอยู่คนเดียวนั้นตรงกันข้าม
อย่างมาก เพราะเป็นพื้นที่ที่เราโหยหาท่ามกลางโลกอันอึกทึกวุ่นวาย ..การอยู่คนเดียวจึง
อาจมีสิ่งประโลมใจอยู่บ้าง แต่ความเหงานั้นโดยรวมเป็นประสบการณ์ที่เน้นความเจ็บ
ปวด ..น่าขันที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีช่วยให้เราเติมเต็มความต้องการต่างๆ ได้โดย
แทบจะไม่ต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้คนเลย แต่สิ่งที่ดูจะขัดแย้งกันก็คือ ...เรามีศักยภาพที่จะ
เชื่อมโยงกับเครือข่ายสังคมระดับกว้างขึ้น แต่กลับมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยกันน้อยลง
และยิ่งเหงามากขึ้น แม้ว่าจะมีการเชื่อมโยงกับสังคมในโลกเสมือนจริงมากกว่าเดิม

“ความเหงาคือการขาดแคลนตัวตน ส่วนความสันโดษ คือการมีตัวตนอย่างเต็ม
เปี่ยม” การใช้ชีวิตแบบฮนจก...ในวิถีแห่งการอยู่คนเดียวต้องอาศัยความกล้า ซึ่งก็เท่ากับ
เป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ค้นพบตัวเองในภาวะที่เป็นอิสระจากอิทธิพลความคิดและอัต
ลักษณ์ที่สังคมรอบข้างกำหนด อีกทั้งยังเป็นการสร้างพลังให้ตัวเองอย่างหนึ่ง เพราะสิ่ง
ล่อใจต่างๆ จะคอยขัดขวางเราจากการสำรวจตัวเอง เมื่อเปิดใจอยู่คนเดียว และยอมรับ
สิ่งที่ค้นพบ ก็จะเจอคำตอบเองว่า..เราจะเป็นตัวของตัวเองได้อย่างไร? เหตุนี้..เราจึง
จำเป็นต้องเข้าใจตนเองอย่างถ่องแท้..วิถีฮนจกทำให้เราปฏิวัติระบบความเชื่อ ที่ตีกรอบว่า
เราควรเป็นคนแบบไหน แทนที่จะเป็นตัวตนแท้จริง ทั้งยังเชิญชวนให้เราค้นหาสิ่งที่มี
ความหมายกับตนเอง หรือสิ่งที่ปรารถนามากที่สุดในชีวิตเพื่อจะได้แบ่งเวลามาอยู่กับตัว
เองให้มากที่สุดเท่าที่เราต้องการ...

“จงหาสิ่งที่ใช่สำหรับคุณ ไม่ว่าจะใช้ชีวิตคนเดียวหรือไม่ก็ตาม การอยู่คนเดียว
ไม่ใช่หนทางเดียวที่จะได้ประสบการณ์การอยู่กับตัวเองอย่างสมบูรณ์ คุณสามารถค้นพบ
ความหมายของการอยู่คนเดียวอย่างแท้จริง แม้จะอยู่กับคนอื่น..”

“ฮนจก”(HONJOK)...เป็นคำสแลงของชาวเกาหลีใต้ ซึ่งถือกำเนิดในยุคแห่งความ
กดดัน สับสน และสิ้นหวัง กับสภาพสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน และเน้นถึงการไขว่
คว้า “ความฝันของชาวเกาหลี” อันสมบูรณแบบ แต่ชาว “ฮนจก” จะมีความสุขที่ได้
เลือกวิถีชีวิตของตนเอง และใช้ช่วงเวลาที่อยู่คนเดียวเพื่อครุ่นคิดถึงคุณค่า และค้นพบ
ความต้องการที่แท้จริง

“ชาวฮนจก” คือกลุ่มคนผู้ปฏิเสธค่านิยมทางสังคม ที่ให้คุณค่ากับปรารถนาของ
ชุมชนมากกว่าปัจเจกบุคคล ต่อต้านแรงกดดันให้ต้องสร้างครอบครัว หลายคนถึงกับ
เลือกที่จะไม่แต่งงาน และเลือกที่จะใช้ชีวิตลำพังในแบบที่ตนต้องการ

ฟรานซี่ ฮีลลีย์ และคริสตัล ทาอี..ได้เขียนถึงนัยแห่งการพิจารณาถึงความงาม
ของการอยู่คนเดียว และ ความรู้สึกอิ่มใจอย่างลึกซึ้งจากการลงทุนกับจิตวิญญาณของตัว
เอง ทั้งจะนำผู้อ่านทุกคนไปสู่เส้นทางของการสะท้อนตัวตน(Self-reflection) ด้วยการ
ตั้งคำถาม และ ข้อสังเกต เกี่ยวกับ คุณค่าของสังคมที่อาจไม่ใช่ความปรารถนาที่แท้จริง
อีกทั้งยังจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวตน ความปรารถนา และความต้องการที่แท้จริง ไปกับ
การศึกษาถึงแนวคิด เรื่องความสันโดษ คุณค่าของตนเอง และอิสรภาพ ในการใช้ชีวิต
จากภายในสู่ภายนอก..ดังที่ได้กล่าวถึงมาทั้งหมด..

นี่คือ..คุณค่าทางปัญญาญาณของหนังสือแห่งยุคสมัยเล่มหนึ่ง ที่ทั้งถอดรื้อและ
ปลูกสร้างวิถีของชีวิต ให้สอดรับกับเงื่อนงำของกาลเวลา..เป็นหนังสือแห่งการค้นพบ รูป
รอยอันเป็นดั่งของขวัญของการเป็นส่วนหนึ่งแห่งตน..ที่นำไปสู่ความสุขสงบมากขึ้น..ขณะ
เมื่อมวลมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม ได้มีโอกาสสัมผัสความสมบูรณ์ของตัวตน อย่างแท้จริง...

“ จ ง ล ง ทุ น กั บ คุ ณ ค่ า ข อ ง ค ว า ม เ ป็ น อ ยู่ นั่ น คื อ สิ่ ง ที่
ค ว า ม สุ ข ส ง บ ห ยิ บ ยื่ น ใ ห้ . . จ ง ย ก ใ ห้ ค ว า ม สั น โ ด ษ เ ป็ น สิ่ ง
สำ คั ญ อั น ดั บ ต้ น ๆ ไ ม่ ใ ช่ ก า ร ป ร น เ ป ร อ ต น เ อ ง . . ค้ น ห า

กิ จ ก ร ร ม ที่ ส ร้ า ง ค ว า ม สุ ข สิ่ ง ที่ ทำ ใ ห้ เ ร า รู้ สึ ก เ ป็ น
อิ ส ร ะ . . ที่ ไ ด้ เ ป็ น ตั ว เ อ ง แ ล ะ ทำ ใ ห้ ผู้ อื่ น ม อ ง เ ร า . . ใ น แ บ บ

ที่ เ ป็ น เ ร า จ ริ ง ๆ ”

นายอาภิษิต อาแว
รหัสนักศึกษา 406417021 สาขาวิชาพลศึกษาและสุขศึกษา


Click to View FlipBook Version