“...การจะทําางานในหน้าที่ของตําารวจให้ได้ผลสมบูรณ์นั้น จะต้องอาศัยศรัทธาความเชื่อถือ ทั้งของตน และของผู้อื่น. หมายความว่า ตําารวจจะต้องมีศรัทธาเชื่อมั่นในตนเอง ในงานที่ปฏิบัติ ในกฎหมาย ในชาติบ้านเมือง และในคุณธรรมความถูกต้อง ทั้งต้องได้รับศรัทธาความเชื่อถือจากผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนร่วมงาน ผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา และสําาคัญที่สุด คือประชาชนด้วย. ...”
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรแก่ผู้สําาเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตําารวจ ประจําาปีการศึกษา ๒๕๖๒
ณ โรงเรียนนายร้อยตําารวจ อําาเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
วันอังคาร ที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ๓ มิถุนายน ๒๕๖๔
ทรงพระเจริญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า คณะกรรมการราชนาวิกสภา
นายกกรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือโท เคารพ แหลมคม
รองนายกกรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือตรี จิรพล ว่องวิทย์
กรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือโท อุทัย โสฬศ
พลเรือโท มนต์เดช พัวไพบูลย์
พลเรือตรี สุรสิงห์ ประไพพานิช
พลเรือตรี บัญชา บัวรอด
พลเรือตรี คณาชาติ พลายเพ็ชร์
พลเรือตรี วราณัติ วรรธนผล
พลเรือตรี สรไกร สิริกรรณะ
พลเรือตรี วิสาร บุญภิรมย์
พลเรือตรี สุนทร คําาคล้าย
พลเรือตรี ดนัย สุวรรณหงษ์
พลเรือตรี อนุพงษ์ ทะประสพ
พลเรือตรี ประสาน ประสงค์สําาเร็จ กรรมการและเลขานุการราชนาวิกสภา นาวาเอก สุพจน์์ สารภาพ เหรัญญิกราชนาวิกสภา
เรือเอก สุขกิจ พลัง ที่ปรึกษาราชนาวิกสภา
พลเรอื โท สมยั ใจอนิ ทร์
พลเรอื โท วรพล ทองปรีชา
พลเรอื โท มนตรี รอดวิเศษ
พลเรอื โท อําานวย ทองรอด
พลเรอื โท กตัญญู ศรีตังนันท์ บรรณาธิการ
นาวาเอก สุพจน์์ สารภาพ ผู้ช่วยบรรณาธิการ
นาวาเอกหญิง วรนันท์ สุริยกุล ณ อยุธยา ประจําากองบรรณาธิการ
นาวาเอก ก้องเกียรติ ทองอร่าม
นาวาเอก ธาตรี ฟักศรีเมือง
นาวาเอกหญิง แจ่มใส พันทวี นาวาโทหญิง ศรุดา พันธุ์ศรี
นาวาโทหญิง อรณัฐ โพธิ์ตาด
เรือเอก เกื้อกูล หาดแก้ว
เรือเอกหญิง สุธิญา พูนเอียด
เรือโท อัศฐวรรศ ปั่นจั่น
เรือโทหญิง อภิธันย์ แก่นเสน
ปกหน้
ปกหลัง
ขอ้ คดิ เหน็ ในบทควมทน่ี ํา ลงนติ ยสรนวกิ ศสตรเ์ ปน็ ของผเู้ ขยี น มิใช่ข้อคิดเห็นหรือนโยบยของหน่วยงนใดของรัฐและมิได้ผูกพัน ตอ่ ทงรชกรแตอ่ ย่ งใดไดน้ ํา เสนอไปตมทผี่ เู้ขยี นใหค้ วมคดิ เหน็ เท่นั้น กรกล่วถึงคําสั่ง กฎ ระเบียบ เป็นเพียงข่วสรเบ้ืองต้น เพ่ือประโยชน์แก่กรค้นคว้
ปกหน้า พระฉยลักษณ์ สมเด็จพระนงเจ้ฯ พระบรมรชินี ปกหลัง ภพดอกเอเดลไวส์ ดอกไม้ประจําองค์รชินี ออกแบบปก กองบรรณธิกร
พิมพ์ที่ เจ้าของ ผู้พิมพ์
กองโรงพิมพ์ กรมสรบรรณทหรเรือ รชนวิกสภ
นวเอก ก้องเกียรติ ทองอร่ม
สํานักงนรชนวิกสภ
ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริรช เขตบงกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทร. ๐ ๒๔๗๕ ๓๐๗๒
๐ ๒๔๗๕ ๔๙๙๘
ส่งข้อมูล/ต้นฉบับได้ท่ี [email protected] อ่นบทควมเอกสรอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่ WWW.RTNI.ORG
สารบัญ
คลังความรู้ คู่ราชนาวี
ปีท่ี ๑๐๔ เล่มที่ ๖ ประจําเดือน มิถุนายน ๒๕๖๔
ลําดับเรื่อง ลําดับหน้า
บรรณธกิ รแถลง .........................................................................๐4
เรอ่ื งเล่ จกปก ..............................................................................๐5
ผู้บังคับกรเรือมือใหม่ (ตอนที่ ๒)..................................................06
นาวาโท วีรุตม์ ฉายะจินดา
ยอ้ นรอยศกึ บ้ นชํา รก พลเรอื เอก ธนกญจน์ ใครค่ รวญ (ตอนจบ).....14
พันทิวา
ข้อเสนอแนะเก่ียวกับยุทธศสตร์ชติและยุทธศสตร์ ระดับรองท่ีเกี่ยวข้องกับกองทัพเรือ (ตอนที่ 1)..............................22
พลเรือเอก ศุภกร บูรณดิลก
หลักนิยม กรยุทธสะเทินน้ําสะเทินบกนวิกโยธิน
สหรัฐอเมริก จกอดีตถึงปัจจุบัน..................................................42
นาวาตรี วีรกมล สวนจันทร์
ภวะผู้นํากับกรปฏิบัติกรเป็นทีมในเรือดําน้ํา.............................49
นาวาโท สุระ บรรจงจิตร
สมก๊กที่วิทยลัยกรทัพเรือ..........................................................56
พลเรือโท พัน รักษ์แก้ว
บอกผมที “แบบนผ้ี ดิ หรอื ถกู ”........................................................66 สํา นวนชวเรอื ...............................................................................67 เรอ่ื งเล่ ชวเรอื ..............................................................................69 ข่ วนวรี อบโลก ............................................................................70 ภพกจิ กรรมกองทพั เรอื ................................................................74 กรฌปนกิจสงเคระห์แห่งรชนวี ............................................82 มตรน้ํา เดือน สิงหคม ๒๕๖๔
เวลดวงอทิตย์ - ดวงจันทร์ ขึ้น - ตก
เดือน กรกฎคม - สิงหคม ๒๕๖๔...............................................84
นาวิกศาสตร์ นิตยสารของกองทัพเรือ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ วชิ าการและขา่ วสารทหารเรอื ทง้ั ในและนอกประเทศ ตลอดจนวทิ ยาการอน่ื ๆ ทั่วไปและเป็นส่ือในการประชาสัมพันธข์องกองทัพเรือ
“ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับยุทธศสตร์ชติและยุทธศสตร์ ระดับรองที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเรือ (ตอนที่ 1)”
“หลักนิยมกรยุทธสะเทินน้ําสะเทินบกนวิกโยธิน สหรัฐอเมริก จกอดีตถึงปัจจุบัน”
“สมก๊กที่วิทยลัยกรทัพเรือ”
ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตกพรา ๆ (จริง ๆ แล้วเดือนแบบไทยก็เดือนเจ็ดแล้วน่ะครับ) ปีนี้เราจะเข้าสู่ปรากฏการณ์ ลานญี า เปน็ ปรากฏการณบ์ รรยากาศมหาสมทุ รคกู่ นั ซงึ่ เกดิ ขนึ้ คกู่ บั เอลนโี ญอนั เปน็ สว่ นหนงึ่ ของเอลนโี ญ ความผนั แปร ของระบบอากาศในซกี โลกใต้ ในชว่ งทเี่ กดิ ลานญี า อณุ หภมู พิ นื้ ผวิ นา้ ทะเลตลอดมหาสมทุ รแปซฟิ กิ ตอนกลางตะวนั ออก แถบเส้นศูนย์สูตรจะต่ากว่าปกติ ลานีญากาเนิดจากภาษาสเปน หมายถึง “เด็กหญิง” คล้ายกับเอลนีโญที่หมายถึง “เดก็ ชาย” ซงึ่ ไมว่ า่ จะเปน็ เดก็ หญงิ หรอื เดก็ ชาย กจ็ ะเขา้ มาแวะเยยี่ มเยยี นบา้ นเราสลบั กนั ไป เดก็ ทงั้ สองคน กอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศของโลก ความแปรปรวนของกระแสลมและการไหลเวียนของกระแสน้าที่ผันผวน อาจสง่ ผลใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศของโลกอยา่ งรนุ แรง เกดิ ภยั ธรรมชาตทิ สี่ ง่ ผลกระทบตอ่ ความเปน็ อยู่ ของทั้งสัตว์ทะเลและมนุษย์ โดยเฉพาะชาวประมงพื้นบ้านที่ยังคงพึ่งพาทรัพยากรทางทะเลเป็นแหล่งอาหารและ แหล่งรายได้หลัก และถึงแม้ประเทศไทยจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญา แต่ในช่วงใดก็ตามที่เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญขึ้น อุณหภูมิภายในประเทศไทยอาจเพิ่มสูงขึ้นกว่าระดับปกติ และ อาจเกิดสภาพอากาศแปรปรวนในบางพื้นที่ ในบริเวณที่เคยมีฝนตกชุกอาจต้องเผชิญกับความแห้งแล้งฉับพลัน หรือ ในพนื้ ทที่ ขี่ าดแคลนนา้ ฝนอาจเผชญิ กบั พายฝุ นรนุ แรง ทหารเรอื ทปี่ ระจา การอยตู่ ามพนื้ ทตี่ า่ ง ๆ กจ็ ะมหี นา้ ทที่ จี่ ะคอย ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบ เพราะเราคือ กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ
พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไทย จะเข้าสู่ฤดูฝน สาหรับ กทม.ก็จะมีของแถมจากการเปียกปอนก็คือรถติด ยกเว้น พื้นที่ทางใต้กว่าจะเข้าฤดูฝนที่ตกแบบไม่ลืมหูลืมตาก็ประมาณปลายปี ธรรมชาติมอบความเย็นฉ่าผ่านมากับเม็ดฝน ให้โลกได้สดชื่น ต้นไม้ใบหญ้าได้เจริญงอกงาม อยากจะบอกว่าการดารงชีวิตในแต่ละวันนั้น ไม่สามารถรอฟ้ารอฝน ให้เป็นใจได้ครับ เราดาเนินชีวิตอยู่ใต้ฟ้ามีชายคาคอยป้องกันแดดฝน หากเรายังยึดติดอยู่ว่าฝนที่ตกลงมาจากฝากฟ้า เป็นอุปสรรคในการดาเนินชีวิต เราจะต้องสูญเสียเวลาอันมีค่าในทุกขณะการดาเนินชีวิตของเราไปอย่างน่าเสียดาย ฤดูฝนหมุนเวียนมาแค่ปีละหน แวะเวียนมาให้ทุกคนได้เย็นฉ่าสุขกายสบายใจ ฝนตกเราก็กางร่ม มนุษย์สร้างสิ่ง เพื่อปกป้องตัวเองได้ดีเสมอมาเพื่อความอยู่รอด สิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ ล้วนต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด วัคซีนป้องกัน ไวรัสโควิด-19 ก็คือทางรอดของมวลมนุษย์ ไปฉีดกันเยอะ ๆ ทั้งตัวเองและครอบครัวด้วยครับ เชื่อในสิ่งที่หมอบอก ไม่มีใครจะรู้เรื่องนี้ดีไปกว่าบุคลากรทางการแพทย์แล้วครับ
คนชอบฟังเสียงฝน ชอบนั่งมองสายฝน ชอบกลิ่นดินตอนฝนตกใหม่ ๆ ชอบที่เห็นน้าในแม่น้าเต็ม ชอบที่ได้เห็น ความอดุ มสมบรู ณท์ มี่ เี พราะฝน แตก่ ลบั ไมช่ อบตวั เปยี กเพราะฝน ไมช่ อบฝนตกทา ใหร้ ถตดิ เนอื้ ตวั เปยี ก รองเทา้ เปยี ก ผ้าไม่แห้ง สิ่งที่เราชอบเราแค่ชอบที่จะเฝ้าดู ที่จะฟังเสียง โดยไม่ต้องไปสัมผัส ในแต่ละสิ่งมักจะมีข้อดีและข้อเสีย เราต้องอยู่และยอมรับกับสิ่งเหล่านั้นให้ได้ ความสุขนั้นเราสามารถสร้างได้ด้วยตนเอง แค่เราลุกขึ้นมาทาสิ่งดี ๆ ให้กับ ตัวเราเอง ลืมความเศร้า ความเหงาไปให้หมด........ขอให้สุขกายสบายใจในวันที่ฝนพรากันนะครับ
Let’s get lost in a world made of books, coffee and rainy days
กองบรรณาธกิ าร
ปกหนา้ - ปกหลงั : ๓ มถิ นุ ายน วนั เฉลมิ พระชนมพรรษา สมเดจ็ พระนางเจา้ สทุ ดิ า พชั รสธุ าพมิ ลลกั ษณ พระบรมราชนิ ี ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า กองบรรณาธิการนาวิกศาสตร์
เมอื่ ครง้ั สมเดจ็ พระนางเจา้ สทุ ดิ า พชั รสธุ าพมิ ลลกั ษณ พระบรมราชนิ ี เสดจ็ ฯ ทรงเยยี่ มราษฎรชาวจงั หวดั เชยี งใหม่ และพื้นท่ีใกล้เคียง ซ่ึงมารอเฝ้าฯ รับเสด็จและช่ืนชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด ณ อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัย ราชภัฏเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๓ ระหว่างท่ีทอดพระเนตรนิทรรศการมูลนิธิโครงการหลวง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระราชดารัสชื่นชมเจ้าหน้าที่โครงการหลวงท่ีประสบความสาเร็จ ในการเพาะพันธุ์ดอกเอเดลไวส์ว่าในอนาคตข้างหน้าคนไทยไม่ต้องไปชื่นชมดอกไม้พันธุ์นี้ไกลถึงยุโรป แคม่ าทโี่ ครงการหลวงกส็ ามารถชนื่ ชมความงดงามของดอกเอเดลไวสไ์ ดแ้ ลว้ อนง่ึ สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ ี ทรงสนพระทัยงานวิจัยท่ีมีความหลากหลายโดยเฉพาะการเพาะพันธ์ุดอกไม้เมืองหนาวอย่างดอกเอเดลไวส์
“ดอกเอเดลไวส”์ Edelweiss เปน็ ดอกไมป้ ระจา ชาตสิ วสิ เซอรแ์ ลนด์ เปน็ พนั ธไ์ุ มท้ พี่ บในเขตหนาวหรอื เขตอบอนุ่ ในประเทศโซนยโุ รป และเปน็ ดอกไมท้ นี่ า่ หลงใหลแหง่ เทอื กเขาแอลป์ Edelweiss เปน็ ไมด้ อกขนาดเลก็ ความหมายของ ดอกไมน้ ค้ี อื “รกั แท”้ เพราะเชอื่ กนั วา่ ชายใดหากมอบดอกไมน้ แ้ี กห่ ญงิ สาวนนั่ หมายถงึ เขามคี วามมนั่ คง มคี วามพยายาม เนื่องจากดอกไม้นี้จะบานเพียงปีละ ๓ คร้ัง อีกทั้งว่ากันว่าหากเด็ดดอก Edelweiss มาแล้วรูปร่างของดอกจะ ไม่เปล่ียนแปลง หรือเหี่ยวเฉา
พระองคไ์ ดพ้ ระราชทานเมลด็ พนั ธใ์ุ หแ้ กม่ ลู นธิ โิ ครงการหลวงเมอื่ วนั ที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๒ เพอื่ นา ไปวจิ ยั และพฒั นารว่ มกบั ศนู ยว์ จิ ยั เทคโนโลยชี วี ภาพทางดา้ นพชื ซง่ึ ฝา่ ยงานวจิ ยั และพฒั นาไดด้ า เนนิ การเพาะเลย้ี งเนอ้ื เยอื่ และ พัฒนาสูตรอาหารที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตในสภาพปลอดเช้ือเพื่อขยายพันธ์ุเพิ่มปริมาณต้น และเก็บรักษาพันธุ์ เมอ่ื ตน้ กลา้ เจรญิ เตบิ โตแขง็ แรงและมรี ะบบรากทสี่ มบรู ณ์ จงึ นา ออกปลกู และอนบุ าลในโรงเรอื นสภาพปดิ ปอ้ งกนั แมลง จากนั้นนาต้นกล้าไปทดสอบปลูกเลี้ยงในพื้นที่ของสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ และสถานีวิจัยพบว่าต้นเอเดลไวส์ สามารถเจริญเติบโต และปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในพื้นท่ีได้เป็นอย่างดี
5
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
ตอนท่ี ๒
แนวความคิดนี้จะเป็นจริงได้ก็หมายถึงทุกคนต้อง ช่วยแบ่งเบาภาระซึ่งกันและกัน จะต้องไม่มีคนว่าง ซึ่งก็ หมายถงึ หลายคนจะตอ้ งมหี นา้ ทร่ี อง หรอื Secondary Job เช่น ในสถานีเทียบ - ออกจากเทียบ พันจ่าพยาบาล ต้องทาหน้าที่เลเซอร์วัดระยะ และสามารถทาหน้าท่ี ถือท้ายอะไหล่ได้ กาลังพลเหล่าไฟฟ้าอาวุธต้องสามารถ เป็นผู้ใช้งาน Console ระบบอานวยการรบ และระบบ หาที่เรือบนสะพาน หรือถ้าว่างจริง ๆ อย่างน้อยก็ต้องมา ชว่ ยเขา้ เชอื กหรอื วงิ่ ลกู ตะเพรา ซงึ่ แมจ้ ะตอ้ งมกี ารอบรม ความรู้พ้ืนฐานและการใช้งานอุปกรณ์เพิ่มเติมแต่ผลที่ ได้รับก็คุ้มค่า คือเรือของเราสามารถแบ่งกาลังพลได้เป็น ยามเรอื เดนิ ถงึ ๔ ผลดั ซง่ึ สง่ ผลใหท้ กุ คนไดร้ บั การพกั ผอ่ น
การสถานีเรือ
โชคดีอีกประการหน่ึงของผู้เขียนคือ ได้มีโอกาส ผา่ นการฝกึ และปฏบิ ตั งิ านบนเรอื มาหลากหลายประเภท ทั้งเรือขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก ทั้งเรือผิวน้า และเรือดาน้า ซ่ึงสิ่งหนึ่งท่ีมีความแตกต่างคือ ระบบยาม และการสถานีต่าง ๆ รวมท้ังจากประสบการณ์ในหน้าที่ ต้นเรือที่ผ่านมา ซ่ึงแนวความคิดท่ีผู้เขียนมองว่าเป็น คาตอบที่เหมาะสมคือ “ทางานให้น้อยที่สุด พักให้มาก ท่ีสุด !!!” เพราะมนุษย์เราถ้าย่ิงได้พักมากก็จะทาให้ ความตรากตราน้อยลง สามารถปฏิบัติงานได้นานขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผิดพลาดน้อยลง และปลอดภัย มากข้ึน
นาวิกศาสตร์ 6 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
การฝึกอุดปะค้าจุนในพื้นท่ีแคบ
ที่เพียงพอในเวลากลางคืนในทุก ๆ คืน แม้แต่ยามเท่ียงตี ที่ถือว่าโหดสุดก็จะสามารถมีเวลานอนได้ต้ังแต่ ๗ ถึง ๙ ชั่วโมง ถ้ารีบเข้านอนตั้งแต่หัวค่าโดยไม่โอ้เอ้ แน่นอนว่า ต้องมีการปรับระเบียบอื่น ๆ อีกเล็กน้อย เช่น เลิกระบบ ประกาศตั้งแต่ ๑๙๐๐ และกาหนดเวรทาความสะอาด ให้ยามผลัดท่ีเหมาะสมเป็นผู้ดาเนินการ นอกจากน้ัน ยงั ชว่ ยใหก้ ารปรบั ระดบั ความพรอ้ มจากยามเรอื เดนิ ๔ ผลดั เป็นยามรบ ๒ กราบ สามารถทาได้อย่าง “อ่อนตัวและ ตลอดเวลา” ตามความตอ้ งการของสถานการณท์ างยทุ ธวธิ ี โดยไม่มีกาลังพลส่วนหนึ่งส่วนใดต้อง “ควงยาม” ที่อาจ ยาวนานถงึ ๑๐ชว่ั โมงทจี่ ะเกดิ ขนึ้ หากใชก้ ารปรบั ระดบั ความพรอ้ มจากยามเรอื เดนิ ๓ ผลดั เปน็ ยามรบ ๒ กราบ
ผู้เขียนจัดสถานีเรือด้วยความสนุกสนาน (หลายคน อาจแย้งว่าเป็นหน้าที่ของต้นเรือ แต่งานนี้ผู้เขียนได้ ขออนุญาตแบ่งเบาภาระอันมหาศาลของต้นเรือรับเรือท่ี ตอ้ งวางระบบอนื่ ๆ และกา กบั ดแู ลงานอนื่ ๆ ในรายละเอยี ด อีกมากมาย) นอกจากนั้นในการจัดสถานี All Hand อ่ืน ๆ ก็ได้มุ่งเน้นแนวทางเดิมคือ ทุกคนต้องช่วยกัน สง่ ผลใหท้ กุ รายละเอยี ดไดร้ บั การเตมิ เตม็ เชน่ เรอื ของเรา มนี กั วา่ ยนา้ ชว่ ยชวี ติ กบั เรอื ยนตท์ พี่ รอ้ มลงนา้ ตลอดเวลา ในสถานีช่วยคนตกน้า สถานีตรวจค้น สถานีชักหย่อน เรือยนต์ หรือแม้แต่สถานีรับ – ส่งอากาศยาน รวมท้ัง ในยามแตล่ ะกราบมชี ดุ ตรวจคน้ พรอ้ มใชง้ านทงั้ บนเรอื ใหญ่ และเรือเล็ก เป็นต้น
ยามเรือเดิน (ยาม ๔ ผลัด) บนสะพานเดินเรือ
สะพาน และศูนย์ยุทธการขณะประจาสถานีรบ บนสะพานทุกคนต้องใส่หมวกเหล็กเพื่อป้องกันอันตรายจากกระสุนและสะเก็ดระเบิด สาหรับกาลังพลที่ใส่ Anti Flash Gear คือผู้ที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่ชุดดับไฟเร่งด่วน
นาวิกศาสตร์ 7 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
เรือครู
ภารกจิ แรกของเราคอื การฝกึ ภาคทางใชก้ ารในทะเล ของนักเรียนจ่า
ถ้าโรงเรียนนายเรือคือแหล่งผลิตรากแก้วของ กองทพั เรอื โรงเรยี นชมุ พลทหารเรอื และโรงเรยี นจา่ ตา่ ง ๆ ก็คงไม่ต่างอะไรกับแหล่งผลิตกระดูกสันหลัง มือไม้ และ แขนขาของกองทัพเรือ
ดว้ ยความทไ่ี ดม้ ปี ระสบการณใ์ นการทา หนา้ ทค่ี รฝู กึ มาหลายหลักสูตร ผู้เขียนจึงรับมอบภารกิจนี้ด้วยความ ยินดี เช่นเดียวกับกาลังพลประจาเรือท่ีจะได้มีน้อง ๆ มาทา การฝกึ ทเ่ี รอื โดยผเู้ ขยี นไดม้ อบนโยบายกบั กา ลงั พล วา่ นกั เรยี นจา่ จะตอ้ งไมม่ วี นั ลมื การฝกึ ภาคทะเลในครงั้ นี้
ภาพความสาเร็จท่ีผู้เขียนแจ้งกับนายทหารและ กาลังพลประจาเรือคือ ต้องให้นักเรียนจ่าเห็นภาพ การปฏบิ ตั งิ านจรงิ เนน้ ยา้ วา่ การปฏบิ ตั งิ านจรงิ ภายในเรอื และได้ทดลองทาส่ิงที่ควรจะต้องทาได้ซ่ึงก็คือ หน้าท่ี ความรบั ผดิ ชอบพนื้ ฐานของจา่ ตรใี หมท่ บ่ี รรจลุ งปฏบิ ตั งิ าน ในเรือน้ันเอง ดังนั้นหากต้องการให้น้อง ๆ ทาอะไรเป็น ก็ควรสอนเขาตั้งแต่ตอนน้ี เพราะหลังจากนี้อีกไม่กี่เดือน นักเรียนจ่าชั้นปีท่ี ๒ ก็จะจบออกมาทางานในเรือแล้ว มันคงไม่มีประโยชน์อะไรท่ีจะปรับระเบียบการปฏิบัติ ประจาวันให้ผิดแผกไปจากเดิม หรือไปเน้นการฝึก ความอดทนท่ีไม่ใช่ส่ิงท่ีเขาต้องพบเจอในชีวิตจริง เพราะถา้ ทา แบบนน้ั หลงั จากทเี่ ขาเรยี นจบกลบั มาทา งาน ในเรือก็คงต้องเร่ิมต้นทุกอย่างใหม่อีกครั้ง ซ่ึงจาก ประสบการณ์ในกองทัพเรือต่างประเทศ ผู้เขียนได้สัมผัส ถึงความใกล้ชิด และกลมกลืนระหว่างนักเรียนนายเรือ และนักเรียนจ่ากับกองเรือจนเม่ือจบออกมา มันเป็นการ ก้าวเดินต่อมากกว่าการเร่ิมต้นใหม่ สิ่งท่ีเห็นได้ง่าย ๆ คือเคร่ืองแบบชุดแรกที่นักเรียนนายเรือได้รับแจกคือ เครื่องแบบชุดปฏิบัติงานเรือ
สา หรบั ผเู้ ขยี นแลว้ จดุ มงุ่ หมายในการฝกึ ความอดทน ในแบบของทหารเรือคือ การสร้างขีดความสามารถ ในการปฏิบัติงานในทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพและ ปลอดภัยด้วยจิตสานึกของความรับผิดชอบต่อเรือ
นาวิกศาสตร์ 8 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
และเพ่ือนร่วมเรือ ให้ได้แม้ร่างกายจะอ่อนล้าสักเพียงใด ซึ่งการที่จะฝึกนักเรียนให้มีคุณลักษณะเช่นนี้ อาจไม่ได้ มาด้วยการลงโทษ หรือออกกาลังกายท้ายเรือเสมอไป ผู้เขียนมองว่าการปฏิบัติงานในเรือมีลักษณะผสมผสาน ระหวา่ ง Tactician และ Technician ทสี่ ามารถปฏบิ ตั งิ าน ตรากตราได้อย่างยาวนาน
แน่นอนว่ามันต้องมีการปรับความคิดของกาลังพล ประจาเรือพอสมควร แต่ทุกคนก็ให้ความร่วมมือด้วยดี นักเรียนจ่าได้รับการอบรมโดยเน้นส่ิงที่เขาไม่สามารถ ทาได้ในห้องเรียนที่โรงเรียนคือ การทดลองการปฏิบัติ งานจรงิ ทดลองใชอ้ ปุ กรณต์ า่ ง ๆ บนเรอื การฝกึ ภาคทะเล ต้องไม่ใช่การยกห้องเรียนจากบนบกมาบนเรือเพื่อ นงั่ เรยี นทฤษฎที ยี่ ดื ยาวในขณะทเ่ี รอื แลน่ ใชน้ า้ มนั เชอื้ เพลงิ ไปโดยสูญเปล่า แต่ควรเป็นบทเรียนที่กระชับเน้นการ นา ไปสกู่ ารปฏบิ ตั จิ รงิ และเนน้ การเรยี นภาคทฤษฎเี ฉพาะ ท่ีจาเป็นขณะเรือจอด เพื่อให้สามารถใช้เวลาเรือเดิน ในการฝึกปฏิบัติให้มากที่สุด การลงโทษเกิดขึ้นเฉพาะ เม่ือมีความผิดจริง ๆ เท่าน้ัน
นักเรียนจ่าทุกคนได้รับการแจกหมายเลขสถานีเรือ เพื่อให้ไปรายงานตัวและฝึกกับ “พี่เลี้ยง” ท่ีมีหมายเลข สถานีเดียวกันทั้งพันจ่าและจ่าตามพรรคเหล่าของตน เพื่อให้เรียนรู้การใช้ชีวิตและการปฏิบัติงานจริงบนเรือ
ภาพที่ผู้เขียนภาคภูมิใจในตัวกาลังพลประจาเรือ และนักเรียนจ่าที่สุดคือภาพท่ีชุดนาเรือในการนาเรือ เขา้ รบั การสง่ กา ลงั บา รงุ ในทะเล (Hi-Line) เปน็ นกั เรยี นจา่ ล้วน ๆ จะมีอะไรมากกว่านี้ท่ีครูคนหน่ึงต้องการ ?
น่าเสียดายท่ีผลกระทบจาก COVID-19 ทาให้ การฝึกภาคนักเรียนนายเรือมีการเปลี่ยนแปลงจนเรือ ของเราไม่ได้เป็นเรือฝึกตามแผนที่ได้รับอนุมัติไว้ ทาให้ ผู้เขียนไม่มีโอกาสนาแนวทางนี้ไปปรับใช้กับนักเรียน นายเรือท่ีผู้เขียนต้ังใจว่าจะทาให้นักเรียนนายเรือช้ันใหม่ และนักเรียนนายเรือช้ันปีท่ี ๑ ได้เรียนรู้และทดลอง การปฏิบัติต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความรู้ พื้นฐานการเดินเรือ การหาที่เรือ การทางานกับแผนท่ี มากกวา่ แนวความคดิ เดมิ ๆ ทน่ี กั เรยี นชนั้ ตา่ จะเนน้ เพยี ง
ความเป็นชาวเรือพื้นฐานเท่านั้น ยิ่งทาเป็นเร็ว ยิ่งเก่งเร็ว นอกจากนั้นในเวลากลางคืนบนเรือฝึกที่เรามัก เคยชินกับการฝึกความอดทนบนดาดฟ้าท้ายเรือ ก็ได้ กลายเปน็ การบรรยายความรแู้ ละประสบการณใ์ นหวั ขอ้ การปฏบิ ตั กิ ารทางเรอื ทนี่ า่ สนใจตา่ ง ๆ เชน่ ประวตั กิ ารยทุ ธ การปฏิบัติการเรือดาน้า การตรวจค้นจับกุม ฯลฯ ที่เปิด โอกาสให้นักเรียนจ่าจากเรือลาอ่ืน ๆ ในหมู่เรือมาร่วมฟัง ได้ด้วย ท่ีน่าสนใจอีกกิจกรรมคือ การชมภาพยนตร์ ทหารเรือภาษาอังกฤษ ที่ผู้เขียนพบว่าการชมภาพยนตร์ ในหัวข้อท่ีคุ้นเคยจะช่วยให้เข้าใจได้ง่ายข้ึน ที่น่าสนใจ คอื ผเู้ ขยี นพบวา่ นกั เรยี นจา่ บางนายมที กั ษะการฟงั ภาษา อังกฤษที่ดีมาก ต้องบอกว่าดีกว่าผู้เขียนด้วยเพราะเขา สามารถเขา้ ใจปมของภาพยนตรไ์ ดใ้ นครงั้ แรกทด่ี ู ในขณะที่
นักเรียนจ่าฝึกหาที่เรือด้วยความสนใจ
นักเรียนจ่าในสถานีการเรือ
บางฉากผู้เขียนยังต้องดูย้อน ภายหลังจากชมภาพยนตร์ แต่ละตอนเราจะมานั่งวิจารณ์ถึงเหตุการณ์ในเรื่องว่า มีความสมจริงเพียงใด การปฏิบัติในลักษณะนั้นมีข้อดี – ข้อด้อยอย่างไร
ผเู้ ขยี นเชอื่ มน่ั ในศกั ยภาพของบคุ ลากรทก่ี องทพั เรอื คดั เลอื กมา ไมว่ า่ จะเปน็ นกั เรยี นนายเรอื หรอื นกั เรยี นจา่ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในยคุ ทกี่ ารศกึ ษาหาความรถู้ กู เปดิ กวา้ ง เราสามารถที่จะพัฒนาเขาได้เร็วกว่าที่เคยทามาในอดีต อยู่ที่เราจะช้ีแนะ และเปิดโอกาสให้เขาแสดงมันออกมา ได้มากเพียงใด การฝึกภาคทะเลครั้งน้ีได้พิสูจน์แล้วว่า นักเรียนจ่าสามารถทาได้มากกว่าส่ิงท่ีเราเคยคาดว่า เขาทาได้และทาได้เป็นอย่างดี เวลาของทุกคนมีเท่ากัน อยู่ท่ีว่าเราจะจัดสรรให้เขาทาอะไร บางทีเราอาจได้อะไร จากพวกเขามากกว่าเดิมจากเวลาที่ใช้ ๕ ปี ในโรงเรียน นายเรอื และ๒ปีในโรงเรยี นจา่ กเ็ปน็ ได้ถา้ เราทา ใหน้ กั เรยี น สนุกกับการเรียนรู้อย่างตรงวัตถุประสงค์ เขาจะเกิด กาลังใจและความพยายาม การฝึกเรือจะไม่ใช่เร่ือง ทนี่ า่ เบอ่ื อกี ตอ่ ไป แตจ่ ะกลายเปน็ สงิ่ ทท่ี า้ ทายและนา่ สนใจ
การนา เรอื เปน็ หนา้ ทข่ี องนายทหารพรรคนาวนิ ทกุ นาย...
ถ้านักบินมี DLQ - Deck Landing Qualification เรือของเราก็มี SHQ - Ship Handing Qualification
ชุดผู้ช่วยผู้นาเรือที่ประกอบด้วยนักเรียนจ่าล้วน ๆ ขณะทาหน้าท่ีวัดและคานวณระยะทางข้างในการนาเรือ แล่นขนานเพื่อรับการส่งกาลังบารุงในทะเลด้วยวิธีการทางตรีโกณมิติ
นาวิกศาสตร์ 9 ปีท่ี ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
“ผนังตารา” การอานวยความสะดวกในการหาข้อมูลของนักเรียนจ่า
หนังสือ Naval Shiphandler’s Guide เป็น หนังสือที่ผู้เขียนใช้เตรียมตัวและนามาวางไว้ตรงหน้า นอ้ ง ๆ เพอ่ื เปน็ แนวทางในการนา เรอื พรอ้ มกบั แลกเปลย่ี น ประสบการณ์ระหว่างกัน นับว่าโชคดีท่ีน้อง ๆ ชุดรับเรือ ของผู้เขียนมีประสบการณ์ที่โชกโชน นายทหารบางคน อยู่เรือมาเกือบ ๑๐ ปี หลายคนเคยเป็นผู้บังคับการเรือ มาแล้ว บางคนเคยนาเรือมาแล้วในทุกพ้ืนที่
เพราะธรรมชาติที่สาคัญที่สุดของทหารเรือคือ การทา งานเปน็ ทมี การบรหิ ารและรวบรวมขดี ความสามารถ ของทุกคน โดยเร่ิมจากทีมนายทหารจึงเป็นจุดมุ่งหมาย ในการออกแบบการทางานบนสะพานของผู้เขียน เช่น จะมีนายทหารท่ีไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่ใด ๆ อย่างน้อย ๑ นายเสมอ เพื่อทาหน้าท่ี Safety Officer ที่คอยสังเกต อาการเรือ ระวังความปลอดภัย หรือพูดง่าย ๆ คือ คอยจบั ผดิ ผนู้ า เรอื รวมทงั้ ผเู้ ขยี นดว้ ย นอกจากนนั้ ทกุ คน บนสะพานทงั้ นายทหารและกา ลงั พลประจา เรอื สามารถ เสนอความเหน็ ขอ้ สงั เกต หรอื แจง้ ผนู้ า เรอื รวมทง้ั ผเู้ ขยี น ได้เสมอ เช่น ในสถานการณ์ที่อาจเกิดอันตราย เช่น ใกล้เกินไป ห่างเกินไป เร็วเกินไป ช้าเกินไป ซึ่งแนวทาง การปฏิบัติน้ีอาจดูแปลกในสายตาหลายคนที่อาจใช้ แนวคิดการทางานว่าผู้บังคับการเรือต้องเก่งที่สุด หรือ ต้องถูกเสมอ แต่ผู้เขียนมองว่าทุกข้อมูลจากทุกการ ประมวลผลของแตล่ ะคนจะชว่ ยใหก้ ารปฏบิ ตั งิ านมคี วาม
นาวิกศาสตร์ 10 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
นักเรียนจ่าพรรคกลินกาลังต่อไฟบก
ปลอดภัยได้มากกว่าฝากเรือทั้งลาไว้กับการประเมินของ คนเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นหลักนิยมท่ีผู้เขียนนามาจาก การปฏิบัติงานภายในศูนย์ยุทธการเรือดาน้า ท่ีทุกคนมี ข้อมูลที่จากัดจากอุปกรณ์ในความรับผิดชอบของตนเอง และตอ้ งชว่ ยกนั เตมิ เตม็ ขอ้ มลู ของทมี ใหส้ มบรู ณม์ ากทส่ี ดุ
และถงึ วนั นี้ ดว้ ยวธิ กี ารน้ี เรากร็ อดกนั มาแบบทเ่ี รยี ก ไดว้ า่ ไรร้ อยขดี ขว่ น ความหวาดเสยี วทแี่ มอ้ าจเกดิ ขนึ้ บอ่ ย ในช่วงแรก ๆ ก็เร่ิมห่าง ๆ ไป เสียงน้อง ๆ นายทหารและ กา ลงั พลประจา เรอื ทค่ี อยแนะนา ใหร้ ะวงั อนั ตรายในนาที วิกฤต จะอยู่ในความทรงจาของผู้เขียนเสมอ
นอกจากน้ันเมื่อสถานการณ์อานวยผู้เขียนได้เปิด โอกาสให้นายทหารพรรคนาวินทุกนายได้มีโอกาส สลบั สบั เปลย่ี นกนั นา เรอื ในสถานที ผี่ เู้ ขยี นไดท้ ดลองปฏบิ ตั ิ จนมีความชานาญ และมั่นใจพอที่จะให้คาแนะนาได้ ตั้งแต่เรื่องที่ง่ายไปจนถึงเรื่องยากตามลาดับ ตั้งแต่การ นา เรอื ทว่ั ไป การเกบ็ คนตกนา้ การออกจากเทยี บ การนา เรอื เข้าทอดสมอ การนาเรือในร่องน้า การนาเรือเข้าเทียบ การรับ - ส่งส่ิงของในทะเล เป็นต้น ซ่ึงหมายรวมถึง นายทหารพลาธิการ (“พลาแท้”) ท่ีสามารถนาเรือ เขา้ – ออกรอ่ งนา้ ได้ รวมทงั้ สรง่ั เรอื และสรงั่ ปนื ทสี่ ามารถ ทาหน้าที่นายยามเรือเดินได้ เพราะในอนาคตทั้งสรั่งเรือ และสรั่งปืน ก็อาจมีโอกาสได้เป็นผู้บังคับการเรือด้วย เช่นกัน
นายทหารประจาเรือขณะนาเรือเข้าเทียบท่าเทียบเรือ ฐานทัพเรือสงขลา
สวัสดีสงขลา
ราชการตอ่ มาของเราหลงั จากการฝกึ ภาคนกั เรยี นจา่ คอื การปฏบิ ตั ริ าชการทพั เรอื ภาคที่ ๒ ซงึ่ ภารกจิ สว่ นใหญ่ มุ่งเน้นไปที่การบังคับใช้กฎหมายในทะเล และช่วยเหลือ ผปู้ ระสบภยั ซง่ึ โดยทวั่ ไปมกั เปน็ ภารกจิ แรกทเี่ รอื ทตี่ อ่ ใหม่ มักได้รับมอบ เพราะเป็นการทดสอบการปฏิบัติงานจริง ในพ้ืนท่ีจริงที่ไม่ไกลจากฐานทัพหลักที่สัตหีบมากนัก และในแง่การเตรียมความพร้อมของเรือเองก็ต้องปฏิบัติ
ไม่ต่างจากการออกปฏิบัติราชการไกล ๆ เช่นกัน ไม่ว่า จะในเรื่องของการกาลังพล การวางแผนการปฏิบัติการ การส่งกาลังบารุง ฯลฯ
เนอ่ื งจากงานทมี่ กั พบบอ่ ยคอื การปฏบิ ตั กิ ารตรวจคน้ ซง่ึ มคี วามเกย่ี วเนอ่ื งอยา่ งใกลช้ ดิ กบั การใชอ้ าวธุ ประจา กาย เราได้จัดหาอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะช่วยให้การทางาน มีประสิทธิภาพและปลอดภัย ที่หลายอย่างไม่สามารถ เบิกได้ รวมทั้งจัดการฝึกยิงปืนพกที่เป็นอาวุธที่ผู้เขียน กา หนดใหช้ ดุ ตรวจคน้ ทกุ ตา แหนง่ ใชเ้ ปน็ อาวธุ ประจา กาย ในลักษณะของการป้องกันตนเอง สาหรับผู้ที่ทาหน้าท่ี รักษาความปลอดภัยน้ันก็ได้รับเกียรติให้มีท้ังปืนพก และปืนเล็กยาว ท่ีน่าเสียดายที่มีขนาดใหญ่ไปสักหน่อย
พวกเราทุกคนต่างต่ืนเต้นที่จะได้นาเรือของเรา ออกปฏิบัติงานจริงเป็นคร้ังแรก แม้ว่ามันหมายถึงการที่ ตอ้ งหา่ งหายจากครอบครวั เปน็ เวลานบั เดอื น แตม่ นั กค็ อื หน้าที่ตามวิชาชีพ และเป็นวิถีชีวิตที่ทุกคนเลือกแล้ว และต้องพยายามบริหารจัดการให้เหมาะสมที่สุด เท่าท่ี จะทาได้
ขณะเข้าตรวจค้นจับกุมเรือท่ีกระทาผิดกฎหมายในทะเล บางครั้งมีอากาศยานร่วมปฏิบัติการ
นาวิกศาสตร์ 11 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
เราจบั กมุ เรอื ประมงตา่ งชาตทิ ที่ า การประมงผดิ กฎหมาย ลาแรกได้ในเช้าวันแรกที่เราเข้าสู่พื้นที่อ่าวไทยตอนล่าง นั่นเอง ด้วยความร่วมมือและการปฏิบัติงานอย่างเป็น มอื อาชพี ของกา ลงั พลประจา เรอื และการขา่ วทไี่ ดร้ บั จาก หน่วยงานที่รับผิดชอบ และการบรรยายประสบการณ์ ของผู้บังคับการเรือท่านอื่นที่เคยมาปฏิบัติหน้าที่ ก่อนหน้านี้
ในความเห็นของผู้เขียน การบังคับใช้กฎหมาย ในทะเลอย่างเคร่งครัด นอกจากจะเป็นการสงวนรักษา ทรพั ยากรอนั มคี า่ ใหอ้ ยใู่ นมอื ของคนไทยแลว้ ยงั หมายถงึ การแสดงสทิ ธคิ วามเปน็ เจา้ ของพนื้ ทอี่ าณาเขตทางทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตเศรษฐกิจจาเพาะท่ีมีทรัพยากร อน่ื ๆ อยอู่ กี มากมาย เพราะเมอื่ การดา เนนิ คดถี งึ ทสี่ น้ิ สดุ โดยไม่มีการประท้วงใด ๆ จากรัฐเจ้าของเรือ หรือ เจ้าของสัญชาติลูกเรือ ก็หมายถึงการยอมรับทางอ้อม ถึงสิทธิอธิปไตยเหนือพ้ืนท่ีดังกล่าวนั่นเอง แน่นอนว่า การทา ความเขา้ ใจถงึ เหตผุ ลดงั กลา่ วมคี วามสา คญั ทงั้ ตอ่ ประชาชนภายนอกให้เข้าใจเหตุผลหน่ึงของการมีกาลัง ทางเรือ และที่ขาดไม่ได้คือให้กาลังพลประจาเรือเอง “เข้าใจ” ว่าเขากาลังทาอะไร เหนื่อยและเส่ียงเพ่ืออะไร
เพื่อเป็นการให้ความสาคัญ และดารงความทรงจา กับงานท่ีพวกเราร่วมกันทา เราได้ทาส่ิงที่เรียกว่า Score Board ท่ีจะบันทึกงานของเราและกาลังพลทุกรุ่น หลังจากน้ีไว้คู่กับเรือลานี้ตลอดไป นอกจากน้ันเราก็มี ประเพณีที่ไม่ได้ระบุไว้ในระเบียบใด ๆ อีกหลายอย่าง ท่ีทาให้ทุกคน “อิน” หรือ “ภาคภูมิใจ” ว่าเขากาลัง ทาอะไร เหนื่อยและเส่ียงเพื่ออะไร
สาหรับผู้เขียนแล้วความเข้าใจและภาคภูมิใจ ของกาลังพลประจาเรือเป็นปัจจัยที่สาคัญยิ่งที่จะให้งาน ลุล่วงไปได้
เราเข้าจอดท่ีสงขลาเป็นคร้ังท่ี ๒ ภายหลังจาก การฝึกภาคนักเรียนจ่าเมื่อตอนต้นปี ในเช้าวันถัดมา พร้อมกับ“ของขวัญ”ชิ้นแรกให้กับทัพเรือภาคที่๒ และกองทัพเรือ
สงขลาเป็นเมืองที่น่าอยู่และมีประวัติศาสตร์ที่
นาวิกศาสตร์ 12 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
Score Board
Victory Flag
น่าสนใจ ย้อนไปถึงสมัยอยุธยามีพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง ที่น่าศึกษา โดยเฉพาะที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลา ที่ถึงแม้จะไม่ใหญ่โตแต่ก็สามารถสื่อเนื้อหาความเป็นมา ของเมืองสงขลาตั้งแต่อดีตได้อย่างครบถ้วน สถานท่ี สะอาดสะอ้าน และอยู่ใจกลางเมือง นอกจากน้ัน สาหรับผู้ท่ีสนใจการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และ ผจญภัย (เล็ก ๆ) ก็ต้องไม่พลาดการเดินข้ึนสารวจ ยอดเขาแดงทมี่ ปี อ้ มปราการตงั้ แตส่ มยั “สงขลาหวั เขาแดง” ให้เยี่ยมชม นอกจากนั้นบนยอดเขาแดงยังสามารถ มองเหน็รอ่งนา้สงขลาทช่ีว่ยใหผ้นู้าเรอืในรอ่งนา้สามารถ เห็นภาพที่ชัดเจนแบบ Top view แน่นอนว่ามันเป็น หน่ึงในกิจกรรมการ “รับน้องใหม่” ของเรา
ชายหาดนราทัศน์ท่ีทอดยาวเร่ิมกลับมาคึกคัก อีกคร้ังภายหลังมาตรการ Lock down ร้านอาหาร แบบ Street Food ที่ถนนวชิรา หรือร้านสังสรรค์ หลายแห่งในเมืองก็ช่วยให้เวลาของพวกเราท่ีน่ีเป็นไป อย่างไม่หงอยเหงามากนัก แน่นอนว่าเราต้องรักษาทั้ง สภาพจติ ใจและรา่ งกายใหพ้ รอ้ มสา หรบั การทา งานทตี่ อ้ ง พร้อมตลอดเวลา
หลายครงั้ ทเี่ ราตอ้ งออกเรอื นอกเวลางาน หรอื แมแ้ ต่ ในวันหยุดสุดสัปดาห์แบบฉุกเฉิน เพ่ือปฏิบัติภารกิจ ในทะเล เราสามารถออกเรือได้ในเวลาไม่ถึง ๑ ช่ัวโมง ทุกคนกลับมาครบจากความสนุกสนานภายในเมือง อาวุธและอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมใช้ เป็นสิ่งที่ผู้เขียน ภาคภมู ใิ จในตวั กา ลงั พลทกุ คน จะมอี ะไรทผี่ บู้ งั คบั การเรอื คนหน่ึงต้องการมากกว่านี้ ? แน่นอนว่ามีอุปสรรคและ สถานการณต์ า่ ง ๆ ทไี่ มค่ าดคดิ มากมายเกดิ ขนึ้ ในระหวา่ ง การปฏิบัติงานในทะเลท่ีมีความเส่ียงโดยธรรมชาติ แต่ก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และไม่ได้มีอะไรที่เสียหาย ร้ายแรง ทุกอย่างแก้ไขลุล่วงไปได้ด้วยความร่วมใจ ของทกุ คน นอกจากนน้ั ถา้ จะมอี ะไรกเ็ ปน็ ไปตามคา กลา่ ว ท่ีว่า “The captain carries them all - ผู้บังคับการเรือ แบกรับทุกส่ิง” อันเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีชาวเรือ ที่เป็นสากลแต่โบราณอยู่แล้ว
เราจับกุมเรือต่างชาติท่ีทาการประมงผิดกฎหมาย และเรือจาหน่ายน้ามันเถื่อนได้ด้วยการออกเรือแบบ
ฉกุ เฉนิ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การจบั กมุ เรอื จา หนา่ ยนา้ มนั เถอื่ น ที่มีการปฏิบัติการร่วมกันจากหลายหน่วย ไม่ว่าจะเป็น การแลกเปลยี่ นขอ้ มลู การปฏบิ ตั กิ ารรว่ มกนั ระหวา่ งเรอื และอากาศยานในการค้นหา และยืนยันตาบลที่เป้า ที่ทาให้เราได้รับประสบการณ์เป็นอย่างดี
สถานีป้องกันฉุกเฉิน “Ship Lock Down”
สถานการณ์ในพื้นที่ท่ีอาจเกิดการโจมตีหน่วย หรือ การก่อวินาศกรรมทั้งในขณะที่เรือจอดท่า หรือท้ิงสมอ ท่ีถือเป็นเป้าน่ิง ได้ทาให้เราได้ช่วยกันจัดทา “สถานี ป้องกันฉุกเฉิน” ขึ้นมา โดยแนวความคิดคือต้องป้องกัน การข้ึนเรือ โดยเริ่มจากยามรักษาความปลอดภัยต้อง มีความพร้อมอยู่เสมอในการใช้อาวุธเพ่ือป้องกันเรือ แน่นอนว่ามันไม่ใช่การแต่งกายชุดกากีแต่เป็นชุดเกราะ พร้อมอาวุธ พร้อมไปกับการรวบรวมกาลังพลท่ีอยู่เรือ ในขณะน้ันทั้งหมดไปรวมกันเพ่ือมอบหมายหน้าที่และ รับอาวุธ จัดเป็นทีมย่อยไปประจาจุดที่กาหนด เช่น หัวเรือ สะพานเดินเรือ ช่องทางเข้า – ออกต่าง ๆ รวมท้ังทีมสารวจผู้ท่ีบุกรุกข้ึนมาบนเรือ ทั้งนี้เนื่องจาก ในสถานการณ์จริงภัยคุกคามจะมาใกล้มากแล้ว ดังนั้น ความรวดเร็วจึงเป็นหัวใจสาคัญ
เราฝึกสถานีนี้อย่างสม่าเสมอด้วยความสนุกสนาน ทงั้ ทที่ า่ เรอื และในทะเล รวมทง้ั จดั ยามรกั ษาความปลอดภยั ในลักษณะนี้จนกระทั่งจบภารกิจ (จบตอนที่ ๒)
นาวิกศาสตร์ 13 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
ร่องน้าสงขลามองจากยอดเขาแดง
เป็นส่ิงที่แตกต่างกัน บางคนบางหน่วยอาจจะโชคดี แต่ บางคนบางหนว่ ยอาจจะโชครา้ ย ซงึ่ ไมม่ ใี ครบอกไดว้ า่ เปน็ เพราะเหตใุ ด แตใ่ นสว่ นตวั ของพเี่ ชอื่ วา่ ทกุ อยา่ งไดม้ บี างสง่ิ ลขิติไวแ้ลว้วา่จะตอ้งเปน็ไปในลกัษณะใดชะตาชวีติของ คนแตล่ ะคนจงึ แตกตา่ งกนั ”
พลเรือตรี ธนกาญจน์ อดีตนักรบจากสมรภูมิ บา้ นชา ราก เลา่ ถงึ ประวตั ชิ วี ติ ของตนเองวา่
“พี่เป็นคนกรุงเทพฯคุณพ่อพี่เป็นทหารบกเหล่า เสนารกั ษ์ ชอื่ พนั เอก ปรชั ญ์ คณุ แมช่ อื่ สาลี เปน็ ชาวสวน บา้ นอยบู่ างขนุ เทยี น ตดิ ตลาดนา้ วดั ไทร สว่ นคณุ พอ่ พเ่ี ปน็ คนเมืองกาญจน์ ถึงได้ต้ังชื่อลูกชายคือพ่ีว่า ธนกาญจน์ คุณพ่อพ่ีเป็นนายทหารเหล่าเสนารักษ์ ไต่เต้ามาจาก ชั้นประทวน สมัยที่เป็นนายสิบคุณพ่อพี่รับราชการอยู่ หนว่ ยแพทยข์ องกรมการสตั วท์ หารบก ทา่ นเจรญิ กา้ วหนา้ สูงสุดในสายของท่านจนเกษียณอายุราชการในอัตรา พนั เอกพเิศษ
การเป็นลูกทหารจึงเป็นแรงบันดาลใจแรกที่ทาให้ พี่อยากเป็นทหาร เพราะในช่วงท่ีเป็นเด็กพ่ีใช้ชีวิตอยู่ใน คา่ ยทหารจนถงึ ประมาณอายุ ๑๐ ขวบ เหน็ ทหารมาตงั้ แต่ สมยั นนั้ เรากช็ อบ“โดยเฉพาะนกั เรยี นนายรอ้ ยซงึ่ สวมหมวก มแี ถบแดงหอ้ ยกระบสี่ นั้ เรารสู้ กึ วา่ มนั เทห่ ม์ ากกต็ ง้ั ความหวงั และความใฝฝ่ นั ในชวี ติ วา่ โตขน้ึ จะเปน็ ทหารใหไ้ ด”้
ในเวลาต่อมา ความฝันของเด็กชายธนกาญจน์ ก็เป็นความจริง เด็กชายธนกาญจน์ซึ่งเรียนหนังสือ ที่โรงเรียนอานวยศิลป์ต้ังแต่ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ จนถึงช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๓ สามารถสอบเข้า เตรียมทหารได้ หลังจากน้ันน้องชายอีกคนหนึ่งที่ชื่อ “วรพล” กส็ อบเขา้ เปน็ นกั เรยี นเตรยี มทหารไดใ้ นปตี อ่ มา แตเ่ ลอื กเหลา่ ทหารอากาศ
พลเรอื ตรี ธนกาญจน์ เลา่ ตอ่ ไปวา่
“สว่ นพน่ี อ้ งทเี่หลอื อกี ๕คนกแ็ ยกยา้ ยกนั ไปศกึ ษาตอ่ และประกอบอาชีพต่าง ๆ กัน มีทั้งเป็นข้าราชการ เปน็ ครู และทา ธรุ กจิ สว่ นตวั ปจั จบุ นั นนี้ อ้ งพส่ี องคนเปดิ รา้ นขายยา เอาความรขู้ องพอ่ มาทา มาหากนิ
เม่ือถูกถามว่าชีวิตในวัยเด็กคลุกคลีกับทหารบก
มาโดยตลอด เหตุใดจึงมาเลือกเหล่าเป็นทหารเรือ พลเรอื ตรี ธนกาญจน์ ตอบวา่
“พี่ได้แรงบันดาลใจมาจากพี่ชายของเพ่ือนสนิท ซึ่งเป็นทหารเรืออยู่สองคนคือพ่ีจักรชัยกับพี่กัมปนาท ภู่เจริญยศ ปัจจุบันเป็นนายทหารช้ันนายพลเรือท้ังคู่ พี่กัมปนาทเกษียณแล้วยศพลเรือเอก ส่วนพ่ีจักรชัยเป็น รองผบู้ ญั ชาการทหารเรอื พเี่ หน็ พสี่ องคนนนั่ แตง่ ชดุ ขาวนอ้ ย ของนกัเรยีนนายเรอืแลว้เทห่ม์าก
พ่ีก็เลยอยากจะไปเป็นทหารเรือ แต่สุดท้ายแล้ว พี่ก็ได้เป็นนายเรือคนเดียว เพราะเพื่อนสนิทของพี่คือ เยาวดนัยซึ่งเป็นน้องชายของพ่ีจักรชัยกับพ่ีกัมปนาท ตอ้ งไปเปน็ ทหารบก เพราะวา่ พอ่ ของเขาไมอ่ ยากใหเ้ ปน็ ทหารเรอื บอกวา่ พชี่ ายเปน็ ทหารเรอื สองคนแลว้ ฉะนน้ั นอ้ งชายตอ้ งไปเปน็ ทหารบกเจรญิ รอยตามพอ่ พกี่ บั เยาวดนยั เพอื่นซก้ีเ็ลยตอ้งแยกกนัไปเรยีนคนละเหลา่
ช่วงท่ีพ่ีข้ึนเหล่าเป็นนักเรียนนายเรือ อยู่ในปี พ.ศ.๒๕๑๗สถานการณใ์นประเทศยงัมภียัคกุคามจาก ลัทธิคอมมิวนิสต์อยู่มาก ในพื้นที่หลายแห่งมีการสู้รบ ปราบปรามผกู้ อ่ การรา้ ยคอมมวิ นสิ ต์ พอถงึ ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ เวยี ดนามแตก ลาวแตก เขมรเกดิ สงคราม ขอ้ มลู ขา่ วสาร รอบตวั มแี ตก่ ารรบพงุ่ ทงั้ สน้ิ
นิสัยพี่ซึ่งชอบแนวน้ีอยู่แล้วจึงตัดสินใจเลือกเหล่า “นาวิกโยธิน” เป็นการเลือกโดยความสมัครใจ ไม่ใช่ว่า เรยี นไมเ่ กง่ เลยโดนเพอื่ นเลอื กให้ เพราะสมยั ทพ่ี เ่ี รยี นอยู่ ทอี่ า นวยศลิ ป์ พเี่ ปน็ เดก็ หวั ดอี ยหู่ อ้ งคงิ สม์ าโดยตลอด
ในตอนน้ันพี่เลือกนาวิกโยธินเพราะใจรัก แต่ไม่ เคยรู้เรื่องการเจริญเติบโตของพรรคเหล่าในกองทัพเรือ ไมเ่ คยมใี ครบอกวา่ ถา้ เลอื กพรรคนาวนิ แลว้ แมจ้ ะไมไ่ ดเ้ ปน็ ผู้บัญชาการทหารเรือ แต่ก็ยังมีตาแหน่งอื่น ๆ เช่น ตาแหน่งเสนาธิการทหารเรือ ตาแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการ ทหารเรอื เจา้ กรมสรรพาวธุ ทหารเรอื เจา้ กรมการขนสง่ ทหารเรือ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารเรือ และตาแหน่งอ่ืน ๆ อกี มากมาย ซงึ่ ลว้ นแลว้ แตเ่ ปน็ ทหารเรอื พรรคนาวนิ ทงั้ สน้ิ
สว่ นพรรคนาวกิ โยธนิ กเ็ หมอื นกบั พรรคกลนิ ตา แหนง่ ระดับนายพลเรือมีน้อยคือ มีพลเรือโทเป็นผู้บัญชาการ
นาวิกศาสตร์ 17 ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
ตลอดระยะเวลาประมาณ ๕๐ ปี นบั ตงั้ แตเ่ ขา้ รบั ราชการ เกษยี ณอายุ จนกระทงั่ ปจั จบุ นั นบั ไดว้ า่ ผเู้ ขยี น มีความคุ้นเคยกับคําาว่า “ยุทธศาสตร์” มากพอสมควร โดยมีโอกาสได้รับการศึกษาเรื่องนี้ในทุกหลักสูตร สาขาวิชาชีพ นับตั้งแต่โรงเรียนนายทหารเรือชั้นต้น โรงเรียนเสนาธิการทหารเรือ วิทยาลัยเสนาธิการทหาร วิทยาลัยการทัพเรือ และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร โดยแต่ละหลักสูตรนอกจากจะได้รับการบรรยาย ในชนั้ เรยี น สมั มนาเปน็ คณะแลว้ ยงั ไดม้ โี อกาสรว่ มแกป้ ญั หาในการฝกึ หดั กาํา หนดยทุ ธศาสตรใ์ นระดบั ตา่ ง ๆ ตั้งแต่ยุทธศาสตร์ทางเรือ ยุทธศาสตร์ทหาร ยุทธศาสตร์ทะเล จนถึง ยุทธศาสตร์ชาติ นอกจากนี้ยังมี โอกาสทาํา งานจรงิ ในฐานะคณะกรรมการพจิ ารณาประเมนิ ยทุ ธศาสตรก์ องทพั เรอื เมอื่ ครงั้ เปน็ ฝา่ ยอาํา นวยการ กองทพั เรอื และหลงั เกษยี ณ เมอื่ ครงั้ ทไี่ ดร้ บั พระมหากรณุ าธคิ ณุ โปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ปน็ สมาชกิ สภาปฏริ ปู แหง่ ชาติ ซง่ึ ตอ่ มาไดร้ บั การแตง่ ตง้ั ใหเ้ ปน็ ทป่ี รกึ ษาประจาํา คณะกรรมาธกิ ารขบั เคลอ่ื นการปฏริ ปู ประเทศดา้ นการบรหิ ารราชการ แผน่ ดนิ สภาขบั เคลอ่ื นการปฏริ ปู ประเทศ ยงั ไดม้ โี อกาสทาํา งานจรงิ อกี โดยรว่ มเปน็ คณะทาํา งานในการจดั ทาํา รายงาน การศึกษา เรื่อง การกําาหนดยุทธศาสตร์ชาติ และจัดทําาร่างพระราชบัญญัติยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.... เสนอทง้ั สองสภา ซง่ึ นบั วา่ เปน็ การจดุ ประกายเรม่ิ ตน้ ทม่ี าของพระราชบญั ญตั กิ ารจดั ทาํา ยทุ ธศาสตรช์ าติพ.ศ.๒๕๖๐ และยทุ ธศาสตรช์ าติ พ.ศ.๒๕๖๑ – พ.ศ.๒๕๘๐ ทป่ี ระกาศใชท้ กุ วนั น้ี แตอ่ ยา่ งไรกด็ จี ากการสงั เกตตนเองทมี่ กั มี ความเขา้ ใจในประเดน็ ตา่ ง ๆ เกยี่ วกบั ยทุ ธศาสตรท์ เี่ กยี่ วขอ้ งแตกตา่ งไปจากทไี่ ดร้ บั ทราบจากสอื่ และขอ้ มลู เปดิ ของทงั้ หนว่ ยงานราชการและบคุ คลทวั่ ไป จงึ มคี วามรสู้ กึ วา่ ในบางประเดน็ เกยี่ วกบั เรอื่ งนี้ ผเู้ ขยี นหรอื หนว่ ยงาน รวมทงั้ บคุ คลทกี่ ลา่ วถงึ อาจมคี วามเขา้ ใจคลาดเคลอื่ น ในการนจ้ี งึ มแี นวความคดิ ในการจดั ทาํา บทความนขี้ นึ้ เพอื่ แสดงความคดิ เหน็ สว่ นตวั เกย่ี วกบั ประเดน็ ทก่ี ลา่ วมาแลว้ นาํา เสนอเพอ่ื ทราบในลกั ษณะแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ทงั้ นกี้ ารเรยี บเรยี งจะพยายามใหอ้ า่ นงา่ ย ไมใ่ ชเ่ ชงิ ตาํา รา ประโยชนแ์ ฝงทอี่ าจไดร้ บั คอื ผอู้ า่ นบางทา่ นทมี่ หี นา้ ที่ เกี่ยวข้องโดยตรง เห็นดีด้วย อาจปรับนําาไปใช้จริงได้
22
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
นาวิกศาสตร์
กอ่ นอนื่ เพอื่ เปน็ พน้ื ฐานสาํา หรบั ทา่ นผทู้ ยี่ งั ไมค่ นุ้ เคยกบั คาํา วา่ “ยทุ ธศาสตร”์ และเพอื่ ความเขา้ ใจตรงกนั ระหว่างผู้เขียน และท่านผู้อ่านทั่วไป ใคร่ขอกล่าวถึงความหมายของคําานี้เสียก่อน
ตามเอกสารตําาราโรงเรียนนายทหารเรือวิชา หลักยุทธศาสตร์ การกําาหนดยุทธศาสตร์และกําาลังรบ ซึ่งคุณครู พลเรือตรี วิชิต พิชัยกุล ได้เรียบเรียงไว้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๕ ได้กล่าวไว้ว่า คําาว่ายุทธศาสตร์ เริ่มใช้ใน ประเทศไทยเป็นครั้งแรกในกองทัพบกเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๔๕๒ โดยใช้เป็นชื่อวิชาในโรงเรียนเสนาธิการ ทหารบก และเป็นชื่อของหน่วยงาน คือ “กองยุทธศาสตร์” ในกรมเสนาธิการทหารบกสมัยนั้น คําานี้มาจาก ภาษาอังกฤษว่า Strategy ซึ่งมีรากฐานจากภาษาละตินและกรีก ว่า Strategus และ Strategia ทมี่ คี วามหมายวา่ แมท่ พั ใหญ่ หรอื Commander in-Chief คาํา นใี้ นสมยั แรกมคี วามหมายเปน็ ๒ นยั คอื นยั แรก มีความหมายทางทหารในการสงครามหมายถึง กลศึกต่าง ๆ สําาหรับเอาชนะแก่ข้าศึกโดยไม่รู้ตัว หรือคิดไม่ถึง หรือทําาความจังงังแก่ข้าศึก ซึ่งก็คือศิลปะในการนําาทัพ หรือการอําานวยการทั้งปวง เกี่ยวกับการทัพ เพื่อให้ได้ชัยชนะข้าศึก ทั้งนี้จะหมายคลุมถึงศิลปะในการบัญชาการ การยาตราทัพ การยุทธ์ และการอําานวยการอื่น ๆ ทั้งปวง เพื่อให้ได้ชัยชนะทางทหารในยามสงคราม สําาหรับอีกนัยหนึ่ง ความหมายจะไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติการทางทหารยามสงคราม หมายถึง อุบาย หรือเล่ห์กระเท่ทั้งปวง เพื่อให้ได้เปรียบเอาชนะศัตรูหรือคู่แข่งขัน
ยุทธศาสตร์เดิมมุ่งใช้เฉพาะการทหารในการทําาศึกสงคราม แต่ปัจจุบันโลกได้มีการพัฒนาไปมาก การประกอบกิจการต่าง ๆ เพื่อความอยู่รอดในสังคมมีความสลับซับซ้อนเต็มไปด้วยการแข่งขัน ยุทธศาสตร์ จึงมีใช้กันในหลายด้านที่มิใช่ทางทหารและในทุกระดับชั้น ตั้งแต่ระดับชาติ หน่วยงาน บริษัท ห้างร้านต่าง ๆ จนกระทั่งปัจเจกบุคคลที่อาจใช้โดยไม่รู้ตัว ในการนี้ปัจจุบันได้มีนักยุทธศาสตร์บางท่านได้ให้ความหมาย รวมๆไวว้า่หมายถงึการใชก้ลวธิีหรอืกลอบุายเพอ่ืเอาชนะหรอืใหไ้ดเ้ปรยีบศตัรหูรอืคแู่ขง่ขนั ไมว่า่จะเปน็ไปในทาง ธุรกิจการค้า การเมือง การทหาร
จากความหมายต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว หากวิเคราะห์จะเห็นได้ว่ายุทธศาสตร์ก็คือ หนทาง หรือวิธีการปฏิบัติ (กลวิธี กลอุบาย เล่ห์กระเท่กลศึก) ในการทําาสงคราม หรือทําากิจการใด ๆ เพื่อให้ได้มา หรือบรรลใุ นสิ่งทปี่ รารถนาหรือเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ที่กําาหนด (เอาชนะข้าศึก เอาชนะศัตรู หรือได้ เปรยี บคแู่ ขง่ ขนั ใหเ้กดิ กาํา ไรสงู สดุ )ซงึ่ การจะกาํา หนดยทุ ธศาสตรห์ รอื การจะหาหนทางตลอดจนวธิ กี ารปฏบิ ตั วิ า่ ควรทาํา อยา่ งไรจงึ จะใหไ้ ดม้ าหรอื บรรลใุ นสงิ่ ทตี่ อ้ งการนนั้ ๆ จะทาํา ใหส้ ามารถกาํา หนดทรพั ยากร หรอื เครอื่ งมอื ที่ต้องการสําาหรับเป็นกลไกในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นี้ได้
นาวิกศาสตร์ 23 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
นอกจากองค์ประกอบพื้นฐาน ๓ ประการของยุทธศาสตร์ ซึ่งได้แก่ วิธีการ (Way) เป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์สุดท้ายที่กําาหนด (End) และทรัพยากรที่มีอยู่ (Means) นี้ ในการจะกําาหนดยุทธศาสตร์ เพอื่ หาวธิ กี าร เครอื่ งมอื รวมทงั้ สามารถตงั้ เปา้ หมาย หรอื วตั ถปุ ระสงคส์ ดุ ทา้ ยทปี่ รารถนาจะใหบ้ รรลไุ ดอ้ ยา่ ง เหมาะสมและเปน็ ไปได้ ยงั มตี วั แปรสาํา คญั ทตี่ อ้ งพจิ ารณาอกี คอื สภาพแวดลอ้ ม (Environment) ในหว้ งเวลา ทตี่ อ้ งการใหก้ ารไปสเู่ ปา้ หมายทกี่ าํา หนดบรรลหุ รอื เสรจ็ สนิ้ (จะตอ้ งมกี ารตรวจสอบเพอื่ หาวา่ มอี ะไรทอี่ าจเปน็ ภยั คกุ คามทขี่ ดั ขวาง เปน็ สงิ่ ทา้ ทายทสี่ ามารถกอ่ ใหเ้ กดิ อปุ สรรค และหรอื เปน็ โอกาสทเี่ กอื้ กลู สนบั สนนุ บา้ ง) ขีดจําากัดของทรัพยากร (Constraint of the Resources) และความเสี่ยง (Risks) ต่อการล้มเหลวใน การบรรลุเป้าหมายนั้น ๆ ในการนี้ศาสตราจารย์ Henry C. Barlett แห่งวิทยาลัยการทัพเรือสหรัฐอเมริกา
ได้แสดงแบบจําาลองการกําาหนดยุทธศาสตร์ไว้ตามภาพ
รูปที่ ๑ แบบจําาลองการกําาหนดยุทธศาสตร์
24
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
นาวิกศาสตร์
ยังมีนักยุทธศาสตร์และนักวิชาการ รวมท้ังสถาบันที่มีชื่อเสียงได้ให้ความหมายของยุทธศาสตร์อีกมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะคล้ายกัน หลังจากที่ได้รับทราบจากท่านอาจารย์เหล่านี้ ผู้เขียนมีความเข้าใจคําานี้ว่าหมายถึง แนวทางหรือวิธีการอย่างกว้าง ๆ โดยใช้ทรัพยากร หรือเครื่องมือตลอดจนขีดความสามารถที่มีอยู่ รวมทงั้ ทเี่ ปน็ ไปไดใ้ นการจะเพมิ่ เตมิ หรอื พฒั นาในอนาคต เพอื่ ใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงคห์ รอื เปา้ หมายทตี่ งั้ ไว้ ในห้วงเวลาที่กําาหนด
สําาหรับ “ห้วงเวลาที่กําาหนด” หมายถึงระยะเวลาของยุทธศาสตร์ ทั้งนี้แล้วแต่ความต้องการ ของผกู้ าํา หนด ซงึ่ ตามหลกั การแลว้ อาจแบง่ ไดเ้ ปน็ ระยะสนั้ ทไี่ มเ่ กนิ ๕ ปี ระยะปานกลาง ๕ - ๑๐ ปี และระยะยาว ตั้งแต่ ๑๐ ปีขึ้นไป ส่วน “แนวทางหรือวิธีการอย่างกว้าง ๆ” นั้นหมายถึง กรอบแนวความคิดในการปฏิบัติ ซึ่งกรอบนี้จะกว้างหรือแคบอย่างไรขึ้นอยู่กับระดับการปฏิบัติ และระยะเวลาของยุทธศาสตร์
เกี่ยวกับความสําาคัญของยุทธศาสตร์นั้นตามทรรศนะของผู้เขียนเห็นว่าเป็นสิ่งจําาเป็นในการเป็น เครื่องมือสําาคัญสําาหรับการบริหารการประกอบกิจการของทุกระดับชั้น นับตั้งแต่การประกอบอาชีพ ในการดําารงชีวิตส่วนบุคคล บริษัท องค์กรหน่วยงาน จนถึงระดับชาติ เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ หรือบรรลุความสําาเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ทั้งนี้ยุทธศาสตร์ระยะยาวซึ่งสามารถปรับให้เหมาะสมได้ตลอดเวลา ตามสภาพการณ์ของสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนจะใช้เป็นแนวทางในการกําาหนดการปฏิบัติแต่ละห้วงเวลา ให้อยู่ในกรอบแห่งความสําาเร็จได้ ซึ่งการปรับยุทธศาสตร์ดังกล่าวอาจกระทําาได้ด้วยการเพิ่มเครื่องมือ หรอื ทรพั ยากรเขา้ ไปการลดเปา้ หมายหรอื วตั ถปุ ระสงคล์ งการเปลย่ี นยทุ ธศาสตรห์ รอื วธิ กี ารและหรอื การยอมรบั ในการเพิ่มหรือลดความเสี่ยงจากเดิม
ยุทธศาสตร์ระดับสูงสุดที่ใช้ในการบริหารประเทศไปสู่ความปรารถนาสูงสุดที่ตั้งไว้คือ ยุทธศาสตร์ชาติ ส่วนระดับรองอาจแบ่งได้ตามวิธีการ หรือขีดความสามารถแต่ละสาขาในการเป็นเครื่องมือไปสู่ความสําาเร็จ เช่น ยุทธศาสตร์การทูต ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ ยุทธศาสตร์ทหาร เป็นต้น หรือแบ่งในระดับผู้ใช้ เช่น จากระดับชาติ อาจจะเป็นตั้งแต่ระดับ กระทรวง กรม ลงไป หรือตามหน้าที่ที่องค์กรปฏิบัติ
ในส่วนของยุทธศาสตร์ทหารอาจแบ่งรองลงไปได้อีกเป็น ยุทธศาสตร์ทางบก ยุทธศาสตร์ทางเรือ และยทุ ธศาสตรท์ างอากาศ ทงั้ นกี้ าํา ลงั ทางเรอื ในฐานะทเี่ ปน็ สว่ นหนงึ่ ของพลงั อาํา นาจของชาตทิ เี่ ปน็ เครอื่ งมอื ของการปฏิบัติที่ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของยุทธศาสตร์ชาติจะต้องมีส่วนร่วมและรับผิดชอบ การปฏิบัติตาม ยุทธศาสตร์ระดับรองลงไป ซึ่งได้แก่ ยุทธศาสตร์ทะเล ยุทธศาสตร์ทหาร และยุทธศาสตร์ทางเรือ
นาวิกศาสตร์ 25 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
สําาหรับความคิดเห็นของผู้เขียนต่อยุทธศาสตร์แต่ละระดับที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเรือที่ใช้ในปัจจุบันมีดังนี้
รูปที่ ๒ ประกาศราชกิจจานุเบกษา เร่ือง ยุทธศาสตร์ชาติ
26
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
นาวิกศาสตร์
1. ยทุ ธศาสตรช์ าติ รายละเอยี ดยทุ ธศาสตรช์ าตทิ ใี่ ชอ้ ยใู่ นปจั จบุ นั เปน็ ขอ้ มลู เปดิ หาดไู ดง้ า่ ยคน้ หา จากเวบ็ ไซตท์ วั่ ไป สาํา หรบั การเสนอขอ้ คดิ เหน็ ของผเู้ ขยี นในเรอื่ งนี้ กอ่ นอนื่ ขอเรยี นวา่ เมอื่ ครงั้ ทผี่ เู้ ขยี นไดเ้ คย เปน็ คณะทาํา งานในการจดั ทาํา รายงานการศกึ ษาเกยี่ วกบั ยทุ ธศาสตรข์ องสภาปฏริ ปู แหง่ ชาติ และสภาขบั เคลอื่ น การปฏริ ปู ประเทศนน้ั เปน็ การจดั ทาํา รายงานถงึ ความจาํา เปน็ ทต่ี อ้ งมี และหลกั การในการกาํา หนดยทุ ธศาสตรช์ าติ พรอ้ มทงั้ จดั ทาํา รา่ งพระราชบญั ญตั ยิ ทุ ธศาสตรช์ าติ เสนอทงั้ สองสภาผา่ นไปสภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาตแิ ละรฐั บาล ดําาเนินการต่อเท่านั้น ส่วนการจัดทําายุทธศาสตร์ชาตินั้นได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการดําาเนินการโดยเฉพาะ ทั้งนี้ข้อคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งใคร่อยากเรียนเพื่อทราบมีดังนี้
๑.๑ เอกสารคู่มือการกําาหนดยุทธศาสตร์ในระดับชาติของศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ สถาบันป้องกัน ประเทศ พิมพ์เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๔ ได้ให้ความหมายของยุทธศาสตร์ชาติ (National Strategy) ไว้คล้ายกับ อกี หลายสถาบนั คอื การใชพ้ ลงั อาํา นาจของชาติ(Nationalpower)ทงั้ ปวงไมว่ า่ จะเปน็ การเมอื งเศรษฐกจิ ส งั ค ม ก า ร ท ห า ร ว ทิ ย า ศ า ส ต ร เ์ ท ค โ น โ ล ย ี แ ล ะ ก า ร พ ล งั ง า น เ พ อื ่ ใ ห บ้ ร ร ล จุ ดุ ม งุ ่ ห ม า ย ข อ ง ช า ต ิ ( N a t i o n a l e n d ) ทั้งนี้โครงสร้างของยุทธศาสตร์จะประกอบด้วยองค์ประกอบที่สําาคัญ ๓ ประการได้แก่ จุดมุ่งหมาย ทางยุทธศาสตร์ (Strategic end) ซึ่งในระดับชาติมักจะกําาหนดเป็นการป้องกันผลประโยชน์ของชาติ (National interest) ไว้ให้ได้กรอบแนวทางในการขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ (Strategic way) และกลไก ในการขบั เคลอื่ นทางยทุ ธศาสตร์ (Strategic mean) ซงึ่ กค็ อื วธิ กี าร และเครอื่ งมอื ตลอดจนทรพั ยากรตา่ ง ๆ ทจ่ี ะสง่ ผลตอ่ ความสมั ฤทธผ์ิ ลในการขบั เคลอ่ื นยทุ ธศาสตร์สว่ นลาํา ดบั ขน้ั ตอนของการกาํา หนดยทุ ธศาสตรช์ าตนิ น้ั จะเริ่มต้นจากการกําาหนดจุดมุ่งหมายทางยุทธศาสตร์ก่อน จากนั้นจึงจะออกแบบกรอบแนวทางในการขับ เคลื่อนยุทธศาสตร์ เพื่อให้ได้จุดมุ่งดังกล่าว ซึ่งจะทําาให้ได้กลไกในการขับเคลื่อนทางยุทธศาสตร์ต่อไป
สําาหรับผลประโยชน์ของชาติที่เป็นความปรารถนาสูงสุดเป็นจุดหมายปลายทางที่ต่อเนื่องและถาวร ของชาตแิ ทบทกุ ประเทศมกั จะเปน็ ในทศิ ทางเดยี วกนั คอื ความมนั่ คง ความมงั่ คงั่ ความมเี กยี รตใิ นสงั คมโลก และความผาสุกของชนในชาติส่วนความปรารถนาขั้นรองลงมาที่เป็นสิ่งความต้องการสําาคัญที่สุดของชาติ ที่ขาดไม่ได้จะแตกต่างกันตามสภาวะแวดล้อม หลักการ และการดําารงอยู่ของแต่ละชาตินั้น ทั้งวิสัยทัศน์ เปา้ หมายและประเดน็ ยทุ ธศาสตร์ของยทุ ธศาสตรช์ าติพ.ศ.๒๕๖๑–พ.ศ.๒๕๘๐ไมม่ กี ารแสดงความปรารถนา หรือความมุ่งหมายในการให้ได้มาซึ่งความมีเกียรติเป็นที่ยอมรับในสังคมโลก ซึ่งความคิดเห็นของผู้เขียน ในประเด็นแรกนี้ คือ แม้ว่าอาจมีการกําาหนดประเด็นนี้ในนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคง แห่งชาติแล้ว แต่เห็นควรให้เพิ่มประเด็นนี้เข้าไปในวิสัยทัศน์ของประเทศ หรืออื่น ๆ ตามความเหมาะสม ในยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยตระหนักถึงความสําาคัญของเรื่องนี้ โดยได้จัดเป็นหน่ึง ในความต้องการที่ปรารถนาสูงสุดของชาติ พร้อมทั้งยังเป็นการรอบคอบที่ได้พิจารณาในภาพรวมอื่น ๆ ของผลประโยชน์ของชาติในการกําาหนดนโยบายและแนวทางการดําาเนินการในเรื่องความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
นาวิกศาสตร์ 27 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
รูปที่ ๓ ประกาศราชกิจจานุเบกษา เรื่อง นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (รายละเอียดดูได้จากเว็บไซต์ค้นหาทั่วไป)
28
ปีท่ี ๑๐๔ เล่มท่ี ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
นาวิกศาสตร์
๑.๒ แม้ว่ายุทธศาสตร์ชาติซ่ึงเป็นกรอบแนวทางอย่างกว้าง ๆ ในการพัฒนาประเทศไปสู่เป้าหมาย ในระยะยาวจะเป็นความจําาเป็นของนักยุทธศาสตร์ท่จี ะต้องทําาแผนในลักษณะยืดหย่นุ โดยเฉพาะเป้าหมายซ่งึ เป็น ยอดปรารถนาอันสูงสุดท่สี ่วนมากจะถูกกําาหนดในลักษณะนามธรรมสูง แต่ในลักษณะยุทธศาสตร์ท่กี ําาลังกล่าวถึง มีห้วงเวลาที่กําาหนดแน่นอน ๒๐ ปี เพื่อเป็นการง่ายในการติดตาม ตรวจสอบประเมินผลการรวม ทง้ั ชดั เจนในการใชเ้ ปน็ กรอบสาํา หรบั ทาํา แผนยทุ ธศาสตรร์ ะดบั รองใหส้ อดคลอ้ ง และบรู ณาการกนั เปา้ หมายทป่ี รารถนา จะใหบ้ รรลหุ รอื สภาพสดุ ทา้ ยของประเทศ เมอื่ ครบกาํา หนดเวลาทต่ี อ้ งการ นา่ จะกาํา หนดในลกั ษณะทเ่ี ปน็ รปู ธรรม หรือมีความจับต้องได้มากข้ึน ควรหลีกเลี่ยงลักษณะท่ีเรียกว่าพูดอย่างไรก็ถูก หรือพูดอีกก็ถูกอีก แต่ควรกําาหนด ทแี่ สดงความสมบรู ณข์ องผลลพั ธท์ ตี่ อ้ งการ ตวั อยา่ งเชน่ “มคี วามพรอ้ มในการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาภยั คกุ คาม” ควรเป็น “มีความพร้อมในการเอาชนะและแก้ไขปัญหาภัยคุกคาม” ทั้งนี้ควรรวมถึงบรรดาตัวชี้วัดต่าง ๆ ด้วย
รูปที่ ๔ มาตราที่ ๑๐ และ ๑๑ ของพระราชบัญญัติการจัดทําายุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.๒๕๖๐ เก่ียวกับการปรับแก้ไขยุทธศาสตร์ชาติ
นาวิกศาสตร์ 29 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
๑.๓ เคยกลา่ วไวแ้ ลว้ ในการกาํา หนดยทุ ธศาสตรเ์ พอ่ื หาวธิ กี าร เครอ่ื งมอื รวมทง้ั สามารถกาํา หนดเปา้ หมายสดุ ทา้ ย ทตี่ อ้ งการจะใหบ้ รรลไุ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมและเปน็ ไปได้ มตี วั แปรสาํา คญั ทตี่ อ้ งพจิ ารณาคอื สภาพแวดลอ้ มในหว้ งเวลา ที่ต้องการให้การไปสู่เป้าหมายที่กําาหนดบรรลุ ขีดจําากัดของทรัพยากร และความเสี่ยง แผนยุทธศาสตร์ระยะยาว ที่ดีควรมีลักษณะยืดหยุ่น เป้าหมาย วิธีการ ควรชัดเจน มีความเป็นรูปธรรม และปรับให้เหมาะสมได้ตลอดเวลา ตามสภาพแวดลอ้ ม และขดี จาํา กดั ของทรพั ยากรทเี่ ปลยี่ นไปจากทไี่ ดป้ ระเมนิ หรอื คาดการณไ์ ว้ ทงั้ นกี้ ารปรบั เปลยี่ น อาจกระทําาด้วยการลดเป้าหมายลง การเพิ่มเครื่องมือ หรือทรัพยากรเข้าไป การยอมรับในความเสี่ยงที่เปลี่ยนไป และการเปลี่ยนยุทธศาสตร์หรือวิธีการ
ตามมาตราที่ ๑๐ และ ๑๑ ของพระราชบัญญัติการจัดทําายุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.๒๕๖๐ ในรูปที่ ๔ ตคี วามไดว้ า่ แมจ้ ะมขี น้ั ตอนการปฏบิ ตั พิ อสมควรแตย่ ทุ ธศาสตรช์ าติ(พ.ศ.๒๕๖๑-พ.ศ.๒๕๘๐)ทใ่ี ชบ้ งั คบั สามารถทจ่ี ะ ปรับปรุงแก้ไขได้ตลอดเวลาหากจําาเป็น และเมื่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเห็นว่าสถานการณ์หรือสภาวะ แวดลอ้ มเปลยี่ นไป จนเหน็ วา่ ไมเ่ หมาะสมทจี่ ะดาํา เนนิ การตามยทุ ธศาสตรต์ อ่ ไป และยงั อนญุ าตใหม้ กี ารทบทวน ทุก ๆ ๕ ปี โดยไม่จําากัดขอบเขตการทบทวน ซึ่งหมายความว่าอาจเปลี่ยนใหม่หมดก็ได้ ดังนั้นตามที่ได้มีการ วิพากษ์กันท่ัวไป ตั้งแต่ยุทธศาสตร์ชาติเริ่มใช้จนกระทั่งบัดนี้ว่า ยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี ที่กําาหนดด้วยคนยุคปัจจุบัน (อาจกล่าวเกินเลยว่าตกยุค ไม่ทันสมัย ส่วนใหญ่มาจากภาคราชการ เป็นตัวแทนรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และอื่น ๆ) เหตุการณ์โลกสภาวะแวดล้อมทั่วไปโดยเฉพาะเทคโนโลยีเปลี่ยนไวมาก ๒๐ ปีข้างหน้ายุทธศาสตร์ ที่ใช้ตามไม่ทันแน่ เรื่องนี้ผู้เขียนมีความเห็นว่า การวิพากษ์เรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิด ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติสามารถปรับแก้ไขให้เหมาะสมได้ตลอดเวลา เมื่อเห็นสมควรและมีการทบทวน ทุก ๆ ๕ ปี ทั้งนี้ประธานคณะกรรมการ คือ นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล กรรมการตามตําาแหน่ง จากภาคราชการและเอกชน๑๗นาย(แตล่ ะตาํา แหนง่ จะมบี คุ คลผลดั เปลยี่ นมาเปน็ )และผทู้ รงคณุ วฒุ อิ กี ไมเ่กนิ ๑๗นาย ซึ่งอยู่ในตําาแหน่งได้คราวละ ๕ ปี ทั้งหมดนี้จะเห็นว่าตลอดเวลา ๒๐ ปีของยุทธศาสตร์ คณะกรรมการทั้งสอง ประเภทเป็นบุคคลในยุคสมัยนั้น ๆ เช่น ประธานกรรมการในปีที่ ๒๐ คือ หัวหน้ารัฐบาล พ.ศ.๒๕๘๐ กรรมการ ตามตําาแหน่ง คือ ผู้ดําารงตําาแหน่งสําาคัญของประเทศไทยที่เกี่ยวข้องใน พ.ศ.๒๕๘๐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิคือ ผู้ที่ได้รับคัดเลือกตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๗๖ สมาชิกรัฐสภาซึ่งมีบทบาทสําาคัญในการติดตาม ตรวจสอบประเมินผลเปน็ สมาชกิ รฐั สภาใน พ.ศ. นน้ั ทง้ั นม้ี น่ั ใจวา่ เนอ้ื หายทุ ธศาสตรใ์ นปนี น้ั นา่ จะถกู เปลย่ี นจากปจั จบุ นั มากกวา่ รอ้ ยละ ๕๐
30
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
นาวิกศาสตร์
รูปที่ ๕ มาตราที่ ๑๒ และ ๑๓ ของพระราชบัญญัติการจัดทําายุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.๒๕๖๐
นาวิกศาสตร์ 31 ปีท่ี ๑๐๔ เล่มท่ี ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
๑.๔ นอกจากในข้อที่แล้ว ยังมีการวิพากย์อีกว่ายุทธศาสตร์ชาติที่ใช้อยู่นี้ ประชาชนไม่มีส่วนร่วม ในการจดั ทาํา เทา่ ทค่ี วร การจดั ทาํา เปน็ พระราชบญั ญตั บิ งั คบั ใชเ้ ปน็ การจาํา กดั เสรกี ารปฏบิ ตั ขิ องรฐั บาลและหนว่ ยงาน ที่เกี่ยวข้องมากไป ที่ต้องใช้นโยบายและดําาเนินการในการบริหารประเทศให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และในที่สุดเห็นว่ายุทธศาสตร์ชาติเป็นสิ่งไม่จําาเป็นควรยกเลิก ในการนี้ผู้เขียนมีข้อคิดเห็นดังนี้
รูปที่ ๖ มาตรา ๗ และ ๘ ของพระราชบัญญัติการจัดทําายุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.๒๕๖๐
32
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
นาวิกศาสตร์
๑.๔.๑ ในเร่อื งการมีส่วนร่วมของประชาชน หากข้นั ตอนและวิธีการปฏิบัติจริงของคณะกรรมการจัดทาํา ยทุ ธศาสตร์เป็นไปตามที่กําาหนดไว้ในพระราชบัญญัติยุทธศาสตร์ชาติในรูปที่ ๖ น่าจะพอเพียงในประเด็นนี้ผู้เขียน ข อ ใ ห ค้ ว า ม เ ห น็ ค อื เ ท า่ ท ผ่ ี า่ น ม า เ ป น็ ค ร ง้ ั แ ร ก ท ป่ ี ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ไ ด ป้ ร ะ ก า ศ ใ ช ย้ ทุ ธ ศ า ส ต ร ช์ า ต ิ ก า ร จ ดั ท าํา ต า ม ข น้ ั ต อ น อ า จ ม เี ว ล า จ าํา ก ดั การทาํา ความเขา้ ใจตา่ ง ๆ เกยี่ วกบั เรอื่ งนกี้ บั พนี่ อ้ งประชาชน และผอู้ าจเกยี่ วขอ้ งกบั การบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ในอนาคต จากการเป็นผู้แทนราษฎรอาจน้อยเกินไป แต่ปัจจุบันยุทธศาสตร์ชาติได้ใช้มาประมาณครึ่งทางของวาระแรก ๕ ปี ที่กําาหนดให้ทบทวนใหม่ได้ อีกทั้งสถานการณ์โลกตลอดจนภูมิภาคและภายในประเทศได้เปลี่ยนจาก ๒ ปี ที่แล้วมาก โดยเฉพาะผลกระทบจากโรคระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ๒๐๑๙ (Covid - 19) ความขัดแย้ง ของมหาอําานาจในทะเลจีนใต้ ตลอดจนสถานการณ์การเมืองในประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ใช้อยู่ควรจะมี การปรับปรุงให้เหมาะสมหากใช้โอกาสนี้ดําาเนินการตามขั้นตอนในมาตรา ๘ ของพระราชบัญญัติ ในรปู ท่ี ๖ โดยอนโุ ลม และใหพ้ รรคการเมอื งทกุ พรรคเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการทบทวน หรอื ปรบั ปรงุ แกไ้ ขจนเปน็ ทย่ี อมรบั อาจทําาให้ข้อวิตกกังวลในประเด็นนี้ลดน้อยหรือหมดไปได้
๑.๔.๒ สําาหรับประเด็นที่เห็นว่าการบังคับใช้เป็นการส่งผลให้จําากัดเสรีในการปฏิบัติของรัฐบาล และหนว่ ยงานรฐั มากจนเกนิ ไปและทเี่ หน็ วา่ ยทุ ธศาสตรช์ าตเิ ปน็ สงิ่ ไมจ่ าํา เปน็ สมควรเลกิ กอ่ นอนื่ ขอเรยี นใหท้ ราบถงึ ความสําาคัญและความจําาเป็นในการมียุทธศาสตร์ชาติท่ีสภาปฏิรูปแห่งชาติได้เคยสรุปผลการพิจารณา ศกึ ษาไวใ้ นเอกสารสภาปฏริ ปู แห่งชาติ วาระปฏิรูปที่ ๔ : การกําาหนดยุทธศาสตร์ชาติเสนอรัฐบาล ดังนี้
รูปที่ ๗ วาระปฏิรูปที่ ๔ ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ
นาวิกศาสตร์ 33 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
- การพัฒนาของประเทศขาดความต่อเนื่อง เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลส่วนใหญ่จะคําานึงถึงประโยชน์ เฉพาะในช่วงสมัยรัฐบาลตนมากกว่าผลประโยชน์ของชาติระยะยาว เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลนโยบายในการ พัฒนาประเทศมักเปล่ยี นตามไปด้วย ท้งั น้ี แม้ว่าประเทศไทยจะมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่มิ ใช้ ตง้ั แตป่ ี พ.ศ.๒๕๐๔ แผนละ ๔ ปี แตใ่ นการจดั ทาํา แผนนน้ั ฝา่ ยการเมอื งมกั จะเขา้ มามอี ทิ ธพิ ลแผนนอี้ าจไดร้ บั ผลกระทบ เมื่อมีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล
- ประเทศไทยมีแผนพัฒนาและแผนยุทธศาสตร์ท่หี ลากหลาย และกระจัดกระจายไปตามแต่ละกระทรวง โดยแต่ละหน่วยงานต่างจัดทําาแผนและยุทธศาสตร์ระยะต่าง ๆ เป็นของตัวเอง และเป็นเอกเทศจากแผน และยุทธศาสตร์ของหน่วยงานอื่น การที่หน่วยงานต่าง ๆ มีการจัดทําาแผนเพื่อมุ่งพัฒนาเฉพาะรายสาขา สง่ ผลใหแ้ ผนพฒั นาเหลา่ นนั้ ขาดการบรู ณาการเปน็ องคร์ วม และไมม่ กี ารจดั ลาํา ดบั ความสาํา คญั ในการพฒั นาประเทศ แม้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะได้บูรณาการแผนต่าง ๆ เข้าด้วยกัน แต่อําานาจหน้าที่ตามกฎหมายของคณะกรรมการกลับไม่เอื้อต่อการทําาหน้าที่บูรณาการแผนพัฒนาที่สําาคัญ ของประเทศให้ครอบคลุมทุกมิติการพัฒนาประเทศ
- การขบั เคลอื่ นการพฒั นาประเทศจาํา เปน็ ตอ้ งระดมกาํา ลงั จากทกุ ภาคสว่ น หนว่ ยงานในภาครฐั ทงั้ สว่ นราชการ และรัฐวิสาหกิจที่ต้องมีการพัฒนาที่สอดคล้องกัน และใช้ทรัพยากรที่สะท้อนเป้าหมายได้ผลสัมฤทธิ์ภาคธุรกิจ เอกชน เปน็ สว่ นรว่ ม โดยมกี ารลงทนุ ทสี่ อดรบั กบั เปา้ หมายของยทุ ธศาสตรร์ ะดบั ชาติ ทงั้ นี้ การขบั เคลอื่ นการพฒั นา ตามยุทธศาสตร์ชาติต้องได้รับการสนับสนุนจากภาคประชาชนด้วย ดังนั้นการมียุทธศาสตร์ชาติที่เหมาะสม ที่เกิดจากกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม จะทําาให้การกําาหนดอนาคตเป็นไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ ของชาติ โดยมีประชาชนมีส่วนร่วม
- ความสําาเร็จของประเทศพัฒนาส่วนใหญ่เพราะมียุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งยึดวัตถุประสงค์หลักของชาติ เป็นแม่บทหลักเพื่อการกําาหนดนโยบาย กําาหนดทิศทางการพัฒนา การบริหารราชการแผ่นดิน การจัดสรร งบประมาณและอื่น ๆ แต่ประเทศไทยยังไม่มีการจัดทําาอย่างเป็นทางการและจริงจัง ซึ่งการไม่มียุทธศาสตร์ชาติ อย่างเป็นทางการนี้ได้ส่งผลให้การพัฒนาประเทศยังล้าหลังกว่าหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน ทั้งที่ประเทศไทย มีความพร้อมและได้เปรียบกว่าหลายประการ
ด้วยเหตุที่กล่าวมา การทําายุทธศาสตร์ชาติจึงเป็นภารกิจที่สําาคัญในการพัฒนาประเทศไทยในอนาคต โดยจะเป็นแม่บทหลักที่เป็นกรอบการกําาหนดนโยบายสําาหรับการพัฒนาประเทศ กําาหนดทิศทาง เป้าหมาย หรือแนวทางการบริหารราชการแผ่นดิน การจัดสรรงบประมาณ รวมทั้งเป็นแนวทางสําาหรับการพัฒนา ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ทั้งด้านความมั่นคง มั่งคั่ง ย่ังยืน รวมทั้งมีอธิปไตย และศักดิ์ศรีในสังคมโลก
เกยี่ วกบั ประเดน็ นี้ ในเรอื่ งความสาํา คญั และความจาํา เปน็ ของประเทศในการมยี ทุ ธศาสตรช์ าติ ผเู้ ขยี นมคี วามเหน็ สอดคล้องตามเอกสารสภาปฏิรูปแห่งชาติที่กล่าวมาแล้วทุกประการ ทั้งนี้ นอกจากข้อพิจารณาในการพัฒนา ประเทศแล้ว การมียุทธศาสตร์ชาติเป็นกรอบแนวทางการจัดการพลังอําานาจด้านการทหารของประเทศ เพื่อสนองตอบการบรรลุเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของชาติที่กําาหนดไว้ จะทําาให้การกําาหนดยุทธศาสตร์ ของแตล่ ะเหลา่ ทพั เปน็ ไปทศิ ทางเดยี วกนั โดยเฉพาะสามารถปฏบิ ตั กิ ารรว่ มกนั ในการเอาชนะภยั คกุ คามทอ่ี าจเปน็ ไปได้ ตามหน้าที่รับผิดชอบ และสําาหรับในเรื่องที่เห็นว่า การบังคับใช้เป็นการจําากัดเสรีในการปฏิบัติของรัฐบาล
34
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
นาวิกศาสตร์
และหนว่ ยงานตา่ ง ๆ จนเกนิ ไป ผเู้ ขยี นยงั เหน็ วา่ หากการจดั ทาํา ยทุ ธศาสตรเ์ ปน็ ไปตามหลกั การทเ่ี ปา้ หมายรว่ มเดน่ ชดั แต่กรอบทิศทางการปฏิบัติไปสู่เป้าหมายเป็นไปอย่างกว้าง ๆ และยืดหยุ่นพอที่จะทําาให้ผู้ปฏิบัติสามารถ ออกนโยบาย แนวความคิด หรือยุทธศาสตร์ในห้วงเวลาของตนเองได้ จะไม่เป็นการจําากัดเสรีในการปฏิบัติ หรอื การออกนโยบายในการบรหิ ารประเทศของผทู้ จ่ี ะเขา้ ทาํา หนา้ ทร่ี ฐั บาลมากนกั หากการปฏบิ ตั หิ รอื นโยบายนน้ั ๆ ไม่ออกนอกกรอบที่กําาหนดไว้ นอกจากนี้หากเห็นว่ามาตรการ การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผล ทกี่ าํา หนดไวใ้ นพระราชบญั ญตั กิ ารจดั ทาํา ยทุ ธศาสตรช์ าติ พ.ศ.๒๕๖๐ เขม้ งวดเกนิ ไป หรอื อาจเปน็ เหตใุ หม้ กี ารใช้ ดุลพินิจที่อาจมีการกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองได้ อาจปรับปรุงแก้ไขมาตรการในพระราชบัญญัติ ดังกล่าวให้เหมาะสมรัดกุมยิ่งขึ้น น่าจะสามารถแก้ข้อกังวลในเรื่องนี้ได้
รูปที่ ๘ ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี
นาวิกศาสตร์ 35 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
2. ยุทธศาสตร์ทะเล
๒.๑ ทะเลมปี ระโยชนม์ หาศาลแกม่ วลมนษุ ยม์ าชา้ นาน เรมิ่ ตงั้ แตใ่ ชเ้ ปน็ แหลง่ อาหาร เปน็ เสน้ ทางคมนาคม
ติดต่อและค้าขาย ใช้เป็นเส้นทางแสวงหาอําานาจ และป้องกันดินแดน และเมื่อวิทยาการทางเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น ไดม้ กี ารคน้ พบวา่ ทะเลนอกจากจะเปน็ แหลง่ ทรพั ยากรทมี่ ชี วี ติ แลว้ พนื้ ทอ้ งทะเลยงั เตม็ ไปดว้ ยทรพั ยากรทไี่ มม่ ชี วี ติ เช่น แร่ธาตุ ก๊าซธรรมชาติ ปิโตรเลียม และอื่น ๆ อีก ตลอดจนใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจได้อีก
โลกปัจจุบันและแนวโน้มอนาคตต่อไป เป็นยุคของการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ทะเลยิ่งมีความสําาคัญเป็นทวีคูณ เพราะการคา้ ระหวา่ งประเทศซงึ่ เปน็ หวั ใจหลกั จะมวี งจรทเี่ กยี่ วกบั การขนสง่ ทางเรอื อยา่ งตอ่ เนอื่ ง ทงั้ ในการนาํา เขา้ วัตถุดิบและพลังงานป้อนเข้าสู่แหล่งผลิต และส่งออกสินค้าจากการผ่ลิตไปยังตลาดคู่ค้า สาเหตุที่การขนส่งทางเรือ ตอ้ งเขา้ มาเกยี่ วขอ้ งและถกู ใชเ้ ปน็ วธิ ขี นสง่ หลกั เนอื่ งจากมคี า่ ใชจ้ า่ ยตาํา มากเปน็ การขนสง่ ทไี่ ดป้ รมิ าณมาก พรอ้ มทงั้ หลากหลายเมื่อเปรียบเทียบกับการขนส่งวิธีอื่น การค้าขายโดยการขนส่งสินค้าทางเรือหรือการค้าขายทางทะเล จงึ เปน็ สงิ่ ทไี่ ดร้ บั การนยิ มมากทสี่ ดุ มากกวา่ การคา้ ขายใด ๆ โดยมปี รมิ าณกวา่ รอ้ ยละเกา้ สบิ ของสนิ คา้ ทงั้ หมดในโลก ทั้งนี้ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันว่า ชาติที่มั่งคั่งส่วนใหญ่มักจะเป็นชาติการค้า (Trading Nation) และชาติการค้า ส่วนใหญ่มักจะเป็นชาติที่มีขอบเขตดินแดนติดทะเลที่มีศักยภาพหรือขีดความสามารถในการใช้ทะเล ดําาเนินกิจการต่าง ๆ ของชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทําาให้เกิดประโยชน์สามารถเป็นพลังส่วนหนึ่งของกําาลัง อาํา นาจแหง่ ชาตไิ ด้ ซงึ่ ชาตพิ วกนจี้ ดั อยวู่ า่ เปน็ ชาตทิ ะเล (Maritime Nation) และสาํา หรบั ศกั ยภาพหรอื ขดี ความ สามารถในการใชท้ ะเลดงั กลา่ วไดม้ กี ารใหค้ าํา นยิ ามทเี่ กยี่ วขอ้ งไว้ คอื สมทุ ทานภุ าพ (Sea Power) ซงึ่ มคี วามหมายวา่ “ขีดความสามารถของรัฐชายฝั่งในการใช้ทะเลให้เกิดความมั่นคง และมั่งคั่งแก่รัฐได้อย่างมีประสิทธิผล และยั่งยืน” ทั้งนี้ในเรื่องของสมุททานุภาพ พลเรือตรี Alfred Thayer Mahan แห่งกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา และนกั ยทุ ธศาสตรค์ นสาํา คญั ของโลกไดเ้ คยกาํา หนดทฤษฎไี วต้ อนหนงึ่ สรปุ ไดว้ า่ สมทุ ทานภุ าพประเทศใดขนึ้ อยกู่ บั ปัจจัยพื้นฐานทางกายภาพ และประชากรประเทศนั้นที่เกื้อกูลหรือสนับสนุน (Element of Sea Power)
๖ประการคอื ตาํา บลทตี่ งั้ ทางภมู ศิ าสตร์สภาพภมู ปิ ระเทศขอบเขตดนิ แดนจาํา นวนประชากรอปุ นสิ ยั ของชนในชาติ และคุณลักษณะของรัฐบาล ส่วนศักยภาพของสมุททานุภาพจะมากน้อยประการใดขึ้นอยู่กับขีดความสามารถ ตวั ขบั เคลอื่ นซงึ่ เรยี กวา่ องคป์ ระกอบสมทุ ทานภุ าพ(ComponentsofSeaPower)๖ประการคอื นาวกิ านภุ าพ กิจการพาณิชย์นาวี ท่าเรือ และสิ่งอําานวยความสะดวก อุตสาหกรรมการต่อเรือ สถาบันทางการค้า และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
36
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
นาวิกศาสตร์
รูปที่ ๙ แผนที่สมัยอาณาจักรสุโขทัย และอยุธยา
นาวิกศาสตร์ 37 ปีท่ี ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
แม้จะไม่เคยมีการระบุว่าเป็นชาติทะเล แต่จากประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าบรรพบุรุษไทยเรารู้จัก และใช้ทะเลให้เกิดประโยชน์ สนับสนุนพลังอําานาจหลักของชาติมาช้านาน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่ไทย หรือสยามมีความเจริญรุ่งเรืองมาเป็นลําาดับ ด้วยการค้าขายทางทะเลระหว่างประเทศเริ่มตั้งแต่เมื่อครั้งเมืองหลวง อยู่ที่สุโขทัย ซึ่งตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าผ่านคาบสมุทรระหว่างอ่าวเมาะตะมะ และที่ราบลุ่มแม่น้ําาโขงตอนกลาง จนกระทั่งสมัยกรุงศรีอยุธยาที่เจริญมั่งคั่งถึงขีดสุด เป็นยุคทองที่นานาชาติยอมรับ โดยเฉพาะก่อนยุคปลาย เป็นศูนย์กลางการพาณิชย์นาวีของภูมิภาค เรือใหญ่เข้าจอดและเทียบท่าเป็นจําานวนมาก คู่ค้าสําาคัญได้แก่ เมืองมะละกา เกาะชวา จีน อินเดีย โปรตุเกส อังกฤษ และฝรั่งเศส ขอบเขตดินแดนขยายครอบคลุม ไปท่วั คาบสมุทร สามารถใช้เมืองท่าได้ตลอดสองฝั่งทะเล มีการกล่าวว่าความใหญ่โตของอยุธยาในยุคนั้น คือ เป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ก ล า่ ว ก นั ว า่ อ ย ธุ ย า เ ป น็ ห น ง่ ึ ใ น ส า ม ม ห า อ าํา น า จ เ อ เ ช ยี เ ท ยี บ เ ท า่ จ นี แ ล ะ ว ชิ ยั น ค ร ( อ นิ เ ด ยี ใ ต )้ ส าํา ห ร บั ย คุ ร ตั น โ ก ส นิ ท ร ต์ อ น ต น้ ทน่ี อกจากจะเปน็ เมอื งทา่ ปลายทางของคคู่ า้ เปน็ ตลาดในการซอ้ื ขายแลกเปลย่ี น หรอื สง่ ผา่ นไปประเทศทส่ี ามแลว้ ยังมีการส่งออกสินค้าโดยใช้เรือไทยไปยังคู่ค้าประเทศต่าง ๆ ด้วย สําาหรับกิจการต่อเรือได้มีการเริ่ม ต่อเรือกําาปั่นใหญ่ทั้งเรือรบและเรือสินค้าแบบตะวันตกได้ในสมัยรัชกาลที่ ๓ หลังจากที่ได้มีการต่อเรือสําาเภาจีน เป็นอุตสาหกรรมส่งออกที่ได้รับการนิยมมาก่อน มีการบันทึกว่าท่าเรือกรุงเทพฯ สมัยนั้น (พ.ศ.๒๔๕๓) เป็นท่าเรือ ที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกไกล มีเรือสินค้าไทยกว่า ๒๐๐ ลําา
สําาหรับการใช้ทะเลให้เกิดประโยชน์สนับสนุนพลังอําานาจแห่งชาติด้านการทหารครั้งสําาคัญได้แก่ ยุทธการ “จากทะเล” ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในการยาตรากําาลังทางเรือจากจันทบุรีเพื่อปฏิบัติการสะเทินน้ําา สะเทินบก ณ พื้นท่ีเป้าหมายค่ายโพธิ์สามต้นในสงครามกู้ชาติ และอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ ๓ ที่เป็นการใช้ทะเล ในการยาตรากําาลังทางเรือเพื่อเตรียมการยกพลขึ้นบกด้วยกําาลังรบประมาณสองหมื่นนาย เพื่อทําาการยุทธบรรจบ กับกําาลังทางบก ณ พื้นที่เป้าหมายดินแดนข้าศึกนอกประเทศในสงครามอานามสยามยุทธ
38
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
นาวิกศาสตร์
รูปที่ ๑๐ เส้นทางการยาตรากําาลังทางเรือในสงครามกู้ชาติ และแผนการยุทธบรรจบในสงครามอานามสยามยุทธ
อาณาเขตประเทศไทยปจั จบุ นั เปน็ ลกั ษณะกงึ่ คาบสมทุ ร เหนอื ตอนกลางของประเทศขนึ้ ไปตดิ กบั แผน่ ดนิ ใหญ่ ของทวีป ใต้ลงมาลักษณะเรียวเป็นแผ่นดินติดกับทะเลทั้งสองด้านคือ ด้านตะวันตกเป็นทะเลอันดามัน มหาสมุทร อินเดีย ด้านตะวันออกเป็นอ่าวไทย มหาสมุทรแปซิฟิก แต่ใต้สุดของประเทศก่อนถึงช่องแคบมะละกา ซึ่งเชื่อม ระหวา่ งสองมหาสมทุ รทกี่ ลา่ วมาแลว้ มแี ผน่ ดนิ ของประเทศมาเลเซยี ขวางกนั้ อยู่ อาณาเขตทางทะเลพนื้ ทปี่ ระมาณ ๓๒๐,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ความยาวชายฝั่งรวมประมาณ ๓,๐๑๐ กิโลเมตร เป็นด้านอ่าวไทย ๑,๙๗๒ กิโลเมตร และด้านอันดามัน ๑,๐๓๗.๕ กิโลเมตร การแบ่งอาณาเขตทางทะเลของไทยประกอบด้วยน่านน้ําาภายใน ทะเลอาณาเขต เขตตอ่ เนอื่ ง เขตไหลท่ วปี ทางดา้ นอา่ วไทย และเขตเศรษฐกจิ จาํา เพาะ รวมทงั้ สามารถใชท้ ะเลหลวงได้ หากไม่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ สําาหรับการใช้ทะเลให้เกิดประโยชน์ของไทยในปัจจุบันนั้น นอกจาก ด้านการทหารที่ใช้ในการป้องกันประเทศ การปกป้องผลประโยชน์และคุ้มครองสนับสนุนการดําาเนินกิจกรรม ทางทะเลต่าง ๆ ของชาติ ตลอดจนการช่วยเหลือพ่ีน้องประชาชนแล้ว ในเชิงเศรษฐกิจมูลค่าผลประโยชน์ทางทะเล ประมาณปลี ะกวา่ ๒๐ ลา้ นลา้ นบาท จากกจิ กรรมทางทะเลทเี่ กย่ี วขอ้ ง หรอื ตอ่ เนอื่ งกบั การขนสง่ ทางเรอื การประมง การจัดหาทรัพยากรต่าง ๆ ที่ไม่มีชีวิต และการท่องเที่ยว
รูปที่ ๑๑ มูลค่าผลประโยชน์เศรษฐกิจทางทะเลของไทย
นาวิกศาสตร์ 39 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
จากการจัดอันดับชาติทะเลชั้นนําาของโลก ล่าสุดเมื่อปี ค.ศ.๒๐๑๘ ของสถาบันซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วไปโดย ประเมินจากขีดความสามารถและประสิทธิภาพของการใช้ทะเล ผลปรากฏว่าจากการจัดอันดับ ๓๐ ประเทศแรก จีน อันดับ 1 สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น อันดับ ๒ เยอรมัน นอร์เวย์ อันดับ 3 สาธารณรัฐเกาหลีใต้ อันดับ ๔ ประเทศอาเซียนสิงคโปร์ อันดับ ๙ มาเลเซีย อันดับ ๑๕ อินโดนีเซีย อันดับ ๒๐ เวียดนาม ๒๘ ฟิลิปปินส์ ๒๙ ประเทศไทยและที่เหลือไม่ติดอันดับ
รูปท่ี ๑๒ ผลการจัดอันดับชาติทะเลช้ันนําาของโลก ๓๐ อันดับ ปี ค.ศ.๒๐๑๘
จากการสังเกตชาติทะเลชั้นนําาของโลก จะเห็นว่าแทบทุกชาติล้วนแต่มีพลังอําานาจทางเศรษฐกิจเหนือกว่า ประเทศไทยอย่างเห็นได้ชัด ยกเว้นชาติอาเซียน ๒ ชาติ คือ เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ที่แม้จะไม่เหนือกว่า แต่ก็ไม่ด้อยกว่ามากนัก และมีแนวโน้มจะแซงได้ด้วยซ้ําาในไม่ช้า ด้วยขีดความสามารถในการใช้ทะเลที่เหนือกว่า ในการนี้หากพิจารณาชาติอาเซียนอีก ๓ ชาติ คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ตลอดจนบางชาติในภูมิภาคอื่น ถา้ ตดั ขดี ความสามารถหรอื พลงั อาํา นาจทางทะเลออกไปจะไมม่ พี ลงั อาํา นาจทางเศรษฐกจิ อนื่ ทเี่ หนอื กวา่ ประเทศไทย ประกอบกับท่ีตั้งของประเทศ สภาพทางภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ ตลอดจนลักษณะทางกายภาพอื่น ๆ ของไทย เอื้ออําานวยต่อการดําาเนินกิจการทางทะเลรูปแบบต่าง ๆ ได้ดีกว่าด้วย ซึ่งกิจการทางทะเลนี้ ตามที่กล่าวมาแล้วไทย เราเคยมีความสามารถในการใช้ทะเลให้เกิดประโยชน์ เป็นบ่อเกิดพลังอําานาจหลักแห่งชาติ ทําาความเจริญรุ่งเรือง เปน็ ชาตทิ ะเลชนั้ นาํา ของโลกเหนอื กวา่ ประเทศอนื่ ๆ ในภมู ภิ าคมาแลว้ และปจั จบุ นั ผลของการดาํา เนนิ กจิ การดงั กลา่ ว เกิดมูลค่าผลประโยชน์ต่อชาติประมาณปีละ ๒๐ ล้านล้านบาท จึงทําาให้เกิดข้อคิดว่า หากประเทศไทยจะสร้าง ความสามารถการแข่งขันด้านน้ีโดยการพัฒนาขีดความสามารถในการใช้ทะเลให้สูงขึ้น น่าจะเป็นการช่วย หรือทําาให้ประเทศมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงขึ้น ผลประโยชน์จากกิจการนี้อาจเพิ่มข้ึนเป็นทวีคูณจนอาจทําาให้ เปลี่ยนสถานะของประเทศให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว มีความม่ังคั่ง รายได้เฉล่ียของชนในชาติอยู่ในเกณฑ์สูง ตามที่ต้องการภายในห้วงเวลาท่ีกําาหนด
40
ปีท่ี ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
นาวิกศาสตร์
รูปที่ ๑๓ การจัดอันดับท่าเรือ Container โลกปี ค.ศ.๒๐๑๘
(จบตอนที่ 1)
นาวิกศาสตร์ 41 ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
คํา วํา่ "หลกั นยิ ม" (doctrine) มําจํากคํา "doctrina" ในภําษําลําตนิ ซงึ่ แปลวํา่ คํา สง่ั สอน คํา แนะนํา หลกั นยิ ม สืบทอดมําจํากรํากฐํานควํามเชื่อตํามคําสอนที่สั่งสอน กันมําเคยมีผู้แปลdoctrineว่ําลัทธิหลักคําส่ังสอน อันเป็นควํามเชื่อ และเป็นท่ียอมรับของผู้คน โดยสําระ สําคัญแล้ว หมํายถึง "สิ่งที่เรําเชื่อ" (What We Believe) โดยหลักนิยมน้ัน จะมีควํามเก่ียวเน่ืองซึ่งกันและกัน ของหลกั กํารสงครําม ประวตั ศิ ําสตรส์ งครําม กํารทดลอง ใชก้ บั หนว่ ยปฏบิ ตั ิ และกํารนํา ไปใชใ้ นกํารปฏบิ ตั กิ ํารจรงิ โดยจะมีวงรอบในกํารทบทวน เช่น ในกํารปฏิบัติกําร ต่ําง ๆ ในสถํานกํารณ์ปัจจุบันหลักนิยมเดิมอําจจะ ใช้ไม่ค่อยได้ผล เนื่องจํากสภําวะแวดล้อมต่ําง ๆ ได้เปลี่ยนแปลงไป เช่น เทคโนโลยี สภําวะเศรษฐกิจ กํารเมอื ง หรอื อําจจะไดจ้ ํากกํารศกึ ษําบทเรยี นจํากกํารรบ จํากเหตุกํารณ์ต่ําง ๆ แล้วมําวิเครําะห์และสังเครําะห์ ออกมําเป็นหลักนิยมใหม่ หรือหลักนิยมที่ได้ปรับปรุง ทบทวนแล้ว
อย่ํางไรก็ตําม ควํามหมํายที่ชัดเจนที่สุดและเข้ําใจ ได้ง่ํายท่ีสุดของหลักนิยม ได้แก่
"หลกั นยิ ม" คอื สงิ่ ทเี่ รําเชอ่ื วํา่ เปน็ หนทํางท่ี "ดที สี่ ดุ " ในกํารทํากิจกรรมใด ๆ
นาวิกศาสตร์ 42 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
Tentative Manual of Landing Operations คือ หลักนิยมกํารยกพลข้ึนบกเล่มแรกของนําวิกโยธิน สหรัฐอเมริกํา ที่มีกํารนํามําใช้อย่ํางเป็นทํางกํารครั้งแรก ในปีค.ศ.๑๙๓๔ซงึ่เนอื้หําสว่นใหญน่น้ัไดม้ําจํากบทเรยีน จํากกํารรบ (Lesson Learned) จํากสมรภูมิกัลลิโพลี (Gallipoli Campaign) ในสมัยสงครํามโลกคร้ังที่ ๑ ซ่ึงนับเป็นกํารสูญเสียอย่ํางมํากของกองทัพอังกฤษ จนภํายหลังสงครํามมีกํารยกเลิกหลักนิยมกํารยกพล ขึ้นบกเนื่องจํากกํารสูญเสียดังกล่ําว (ภํายหลังได้มีกําร ทบทวน และก่อตั้งหน่วยให้กลับมํามีขีดควํามสํามํารถ ในกํารยกพลไดอ้กีครงั้)แตฝ่ํา่ยนําวกิโยธนิสหรฐัอเมรกิํา กลับมองเห็นว่ําบทเรียนนี้จะเป็นโอกําสอันดีในกําร ปรับปรุงหลักนิยมในกํารยุทธสะเทินน้ําสะเทินบก ในกองทัพสหรัฐอเมริกํา
ในวนั ท่ี ๗ ธนั วําคม ค.ศ.๑๙๓๓ ไดม้ กี ํารกอ่ ตงั้ หนว่ ย Fleet Marine Force ซึ่งประกอบด้วยกําลังทํางเรือ และกองกําลังนําวิกโยธิน เป็นหน่วยที่มีภํารกิจหลัก คือกํารปฏิบัติกํารยุทธสะเทินน้ําสะเทินบก และรบ นอกประเทศ โดยในหว้ งเวลํานนั้ สว่ นใหญจ่ ะปฏบิ ตั กิ ํารยทุ ธ สะเทินน้ําสะเทินบก เพื่อยึดและรักษําพื้นท่ีสําคัญต่ําง ๆ ไว้เป็นฐํานทัพหน้ําในกํารปฏิบัติกํารต่อไป แม้ว่ําหน่วย
Fleet Marine Force จะมที งั้ กํา ลงั ทํางเรอื และกองกํา ลงั นําวกิ โยธนิ อยใู่ นโครงสรํา้ งดว้ ยกนั แตก่ ย็ งั ประสบปญั หํา กํารปฏิบัติร่วมกันในช่วงต้นของกํารก่อต้ัง เน่ืองจําก ยังไม่มีตํารําหรือเอกสํารที่จะใช้อ้ํางอิงในกํารที่จะต้อง ปฏิบัติภํารกิจต่ําง ๆ ร่วมกัน นําวิกโยธินก็ใช้ตํารําของ โรงเรยี นนําวกิ โยธนิ อํา้ งองิ ในกํารปฏบิ ตั ิ ซงึ่ ในบํางหวั ขอ้ นน้ั กําลังทํางเรือไม่สํามํารถปฏิบัติได้
เคร่ืองหมําย Fleet Marine Force สําหรับกําลังพลทหํารเรือ ที่ผ่ํานกํารทดสอบขีดควํามสํามํารถ เพ่ือสํามํารถบรรจุลงหน่วย และปฏิบัติงํานร่วมกับนําวิกโยธินในกองกําลังต่ําง ๆ
เพื่อให้กําลังทํางเรือและกําลังทํางบกสํามํารถ ปฏิบัติภํารกิจต่ําง ๆ ได้อย่ํางสอดคล้องซึ่งกันและกัน ในเดือนมกรําคม ค.ศ.๑๙๓๔ จึงมีกํารริเริ่มจัดทํา ร่ํางเอกสํารกํารยุทธสะเทินน้ําสะเทินบกข้ึนในช่ือว่ํา Tentative Manual Of Landing Operations โดยโรงเรียนนําวิกโยธินได้ตั้งคณะทํางํานนําโดย อดีตผู้บัญชํากํารทหํารนําวิกโยธินสหรัฐอเมริกํา ลําดับท่ี ๑๓ พลโท John Archer Lejeune ซึ่งในขณะนั้นอยู่ใน ช่วงเกษียณอํายุรําชกํารแต่ยังรับหน้ําที่เป็นผู้อํานวยกําร หลักสูตรทํางทหํารอยู่ที่ Virginia Military Institute ในคณะทํา งํานยงั ประกอบไปดว้ ยกํา ลงั พลจํากนําวกิ โยธนิ ซึ่งมีทุกชั้นยศ จํานวน ๗๐ นําย กองทัพเรือ ๔ นําย และกองทัพบก ๑ นําย โดยเนื้อหําส่วนใหญ่เป็นกําร วิเครําะห์บทเรียนทํางกํารรบในสมรภูมิ Gallipoli ในช่วงสงครํามโลกคร้ังที่ ๑ และอีกหลําย ๆ สมรภูมิ รวมถึงทบทวนตํารําเก่ํา ๆ ท่ีเข้ําใจไม่ตรงกันหรือ
เกิดควํามสับสน เม่ือปฏิบัติแล้วปรับปรุงเนื้อหําให้ สํามํารถปฏิบัติกํารโจมตีสะเทินน้ําสะเทินบกได้อย่ําง มีประสิทธิภําพ
พลโท John Archer Lejeune หัวหน้ําคณะทํางํานผลิตตํารํา กํารยุทธสะเทินน้ําสะเทินบก
หนงั สอื TentativeManualOfLandingOperations ได้จัดทําเสร็จในเดือนมิถุนํายน ค.ศ.๑๙๓๔ ซ่ึงเน้ือหํา ภํายในประกอบด้วยหัวข้อต่ําง ๆ ดังน้ี
- ควํามสมั พนั ธใ์ นกํารบงั คบั บญั ชํา (Command Relationship)
- กํารสนับสนุนด้วยปืนเรือ (Naval Gunfire Support)
- กํารสนบั สนนุ ทํางอํากําศ(AviationSupport)
- กํารเคล่ือนที่จํากเรือสู่ฝั่ง (Ship to Shore Movement)
- กํารรักษําหัวหําด (Security Beachhead)
- กํารส่งกําลังบํารุง (Logistics)
กํารปฏบิ ตั กิ ํารทํางเรอื ผบู้ งั คบั กํารกองเรอื เฉพําะกจิ
สะเทินน้ําสะเทินบก มีหน้ําท่ีรับผิดชอบทุกกองกําลัง
นาวิกศาสตร์ 43 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
ในกองเรือ ซึ่งกองกําลังหลักจัดมําจํากหน่วย Fleet Marine Force และ Naval Support Group ในขั้น กํารปฏิบัติกํารยุทธสะเทินน้ําสะเทินบกน้ัน เอกภําพ ในกํารบังคับบัญชําอยู่ภํายใต้ผู้บังคับกํารกองเรือ เฉพําะกจิ ฯ เพอื่ ใหผ้ บู้ งั คบั กํารกองเรอื สํามํารถใหแ้ นวทําง หรือกําหนดกรอบในกํารปฏิบัติในขั้นต่ําง ๆ แก่กําลังรบ ยกพลข้ึนบก เพื่อให้สอดคล้องและเป็นทิศทํางเดียวกัน แต่สิ่งที่ยังขําดหํายไปในรํายละเอียดของควํามสัมพันธ์ ในกํารบังคับบัญชําจํากหนังสือ Tentative Manual of Landing Operations คือ ข้ันตอนในกํารส่งผ่ํานอํานําจ และควํามรับผิดชอบในกํารบังคับบัญชําบนฝั่งในกําร ปฏิบัติกํารท่ีลึกเข้ําไปในพื้นที่ฝ่ํายตรงข้ํามมําก ๆ หรือ ในกํารปฏิบัติกํารที่ใช้เวลํายําวนําน แต่หลังจํากมีกําร ปรับปรุงตํารําเล่มนี้แล้วมีกํารอธิบํายรํายละเอียดใน ข้ันตอนนี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
นอกจํากน้ียังได้นําบทเรียนจํากกํารสูญเสีย โดยเฉพําะในขนั้ ตอนกํารเคลอื่ นทจี่ ํากเรอื สฝู่ ง่ั ในสมรภมู ิ Gallipoli อนั เนอื่ งมําจํากเปน็ ชว่ งทกี่ ํา ลงั ภําคพนื้ จะกลําย เป็นเป้ําเคล่ือนท่ี ที่มุ่งเข้ําหําระยะยิงต่ําง ๆ จํากฝ่ําย ตรงข้ําม ซึ่งล่อแหลมต่อกํารถูกโจมตีอย่ํางมําก ทําให้ ในหนงั สอื Tentative Manual of Landing Operations มีขั้นตอนในกํารยิงสนับสนุนต่ําง ๆ ท่ีหนําแน่นจําก ปืนเรือ หรืออํากําศยํานที่สอดคล้องกับขั้นกํารเคลื่อนที่ จํากเรอื สฝู่ ง่ั ไปจนกระทง่ั ขนั้ กํารโจมตเี พอ่ื คมุ้ ครองกํา ลงั ภําคพื้น และสร้ํางสภําวะให้เก้ือกูลในกํารปฏิบัติบนฝั่ง ต่อไป
ในกํารสง่ กํา ลงั บํา รงุ Tentative Manual of Landing ไดอ้ ธบิ ํายขนั้ ตอนกํารบรรทกุ อปุ กรณแ์ ละสมั ภําระตํา่ ง ๆ ในเรือให้สอดคล้องกับควํามต้องกํารของกําลังรบ ยกพลข้ึนบกที่จะใช้บนฝั่ง เน่ืองจํากกํารขึ้นสู่เรือจะ สัมพันธ์กับกํารเคลื่อนที่จํากเรือสู่ฝั่ง และกํารดําเนิน กลยุทธ์บนฝั่ง เช่น อะไรจะใช้ก่อนให้บรรทุกทีหลัง หรือ อะไรจะใช้ทีหลังให้บรรทุกก่อน เนื่องจํากเรือรบใน สมัยก่อนยังไม่มีแท่นหมุนที่จะสํามํารถจัดระวํางต่ําง ๆ ใหม่ในระหว่ํางที่เรืออยู่ในทะเลได้
นาวิกศาสตร์ 44 ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
กํารยกพลขึ้นบกที่ Gallipoli
ในเดอื นถดั มําตํา รําTentativeManualofLanding ถูกพิมพ์แจกจ่ํายไปยัง Department of Navy หรือ ทบวงทหํารเรือ โดยเปล่ียนช่ือใหม่เป็น Manual For Naval Overseas Operations
ในปี ค.ศ.๑๙๓๕ ไดม้ กี ํารทบทวนตํา รําในสว่ นเนอ้ื หํา และปรับปรุงรูปเล่มโดยเฉพําะรูปภําพต่ําง ๆ ให้มีควําม ถูกต้องและสวยงํามมํากข้ึน เนื่องจํากในหนังสือต้นฉบับ นั้น มีระยะเวลําในกํารจัดทําค่อนข้ํางสั้นจึงไม่สํามํารถ ลงรํายละเอียดต่ําง ๆ ได้ครบถ้วน นอกจํากนี้ยังมีกําร ปรับปรุงตํารําให้ทันสมัยอยู่เสมอ เช่น
- ปี ค.ศ.๑๙๓๘ ใช้ช่ือ Landing Operations Doctrine
Landing Operations Doctrine
- ปลํายปี ค.ศ.๑๙๓๘ ใช้ชื่อ Fleet Training Publication (FTP) 167 ซึ่งถือได้ว่ําเป็นตํารําหรือ หลักนิยมร่วมกันระหว่ํางทหํารเรือกับนําวิกโยธิน การทดสอบหลักนิยมต่าง ๆ จากตารา
หลังจํากที่หน่วย Fleet Marine Force ได้ถูก จดั ตง้ั ขนึ้ ๑ ปี หนงั สอื Tentative Manual of Landing Operations ได้จัดทําสําเร็จ ข้ันตอนต่อไปเป็นกําร ทดสอบควํามสมบูรณ์ของตํารํา อันจะนําไปสู่กํารพัฒนํา เป็นระเบียบปฏิบัติประจํา หรือ รปจ.ของหน่วย โดย ได้ออกแบบกํารฝึก Fleet Landing Exercise หรือ ย่อว่ํากํารฝึก FLEX เป็นเวลํา ๗ ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ.๑๙๓๕ จนถึงปี ค.ศ.๑๙๔๒ เพื่อทดสอบควํามสมบูรณ์ของตํารํา และเตรยี มกํา ลงั ใหพ้ รอ้ มรบั ภํารกจิ ในกํารยทุ ธสะเทนิ นํา้ สะเทินบกที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้ํา ซึ่งในขณะนั้นจักรวรรดิ ญปี่ นุ่ ไดม้ กี ํารขยํายกํา ลงั อํา นําจไปทวั่ มหําสมทุ รแปซฟิ กิ ซึ่งอําจจะเป็นภัยคุกคํามกับสหรัฐอเมริกําได้ตํามแผน Plan Orange
ยุทธศําสตร์ในกํารเอําชนะญี่ปุ่น Plan Orange
ปกติกํารฝึกยกพลขึ้นบกนั้น เป็นกํารฝึกประจําปี ของกองเรือยกพลขึ้นบก ซ่ึงแรก ๆ เป็นกํารฝึกเฉพําะ ภํายในกองเรือเท่ําน้ัน ต่อมําก็มีกํารพัฒนําจัดทหําร นําวิกโยธินเข้ําร่วมสังเกตกํารณ์ จนกระทั่งภํายหลัง สํามํารถเข้ําร่วมกํารฝึกแบบเต็มรูปแบบได้ โดยเริ่ม คร้ังแรกพร้อมกับเป็นกํารทดสอบแนวคิดในกําร
ยกพลตํามหนังสือ ในปี ค.ศ.๑๙๓๕ ในกํารทดสอบกํารปฏบิ ตั กิ ํารยทุ ธสะเทนิ นํา้ สะเทนิ บก
ครั้งที่ ๑ เกิดขึ้นในระหว่ํางวันที่ ๒๑ มกรําคม ถึงวันท่ี ๘ มีนําคม ค.ศ.๑๙๓๕ โดยมีเรือเข้ําร่วมดังน้ี
- เรือเร็วโจมตี (Cruiser) ๑ ลํา
- เรือพิฆําต (Destroyer) ๓ ลํา
- เรือประจัญบําน (Battleship) ๒ ลํา - เรือลําเลียงพล (Transport) ๙ ลํา
สําหรับกําลังทํางบกจัดจํากนําวิกโยธินประมําณ ๑,๕๐๐ นําย ประกอบด้วย กรมทหํารรําบท่ี ๕ และ กองพันทหํารปืนใหญ่ที่ ๑๐ รวมถึงกําลังรบทํางอํากําศ จํากหน่วย Marine Air Group นอกจํากนี้ยังมีผู้แทน จํากกํารทหํารบกมําร่วมสังเกตกํารณ์ฝึกด้วย ในกํารฝึก ครั้งที่ ๑ นั้น เน้นกํารฝึกภําคสนํามที่ชํายหําด โดยในขั้น กํารเคลอื่ นทจี่ ํากเรอื สฝู่ ง่ั ใชก้ ํา ลงั พลเพยี ง ๑ กองพนั ผสม ยกพลข้ึนบกเท่ํานั้น มีกํารฝึกประสํานกํารยิงสนับสนุน จํากอํากําศยํานท้ังใช้กํารยิงกรําดจํากทํางอํากําศ โจมตี ด้วยควัน จนถึงกํารทิ้งระเบิด แต่เนื่องจํากเหตุผลในด้ําน ควํามปลอดภัย จึงเป็นกํารฝึกยิงสนับสนุนในลักษณะ ยงิ แหง้ (Dry Run) โดยใชก้ ํารรอ้ งขอจํากผตู้ รวจกํารณห์ นํา้ และผู้ตรวจกํารณ์ทํางอํากําศ ในกํารฝึกคร้ังนี้มีกํารฝึก ลํา เลยี งอําวธุ และยทุ โธปกรณข์ นําดใหญ่ เชน่ ปนื ใหญส่ นําม ขึ้นฝั่งด้วยเรือ Motor Launch ขนําด ๕๐ ฟุต ด้วย กํารฝกึ ครงั้ นที้ ํา ใหไ้ ดท้ รําบขดี ควํามสํามํารถและขอ้ จํา กดั ต่ําง ๆ ของปืนเรือ เช่น วิถีกระสุน และชนิดของกระสุน ที่เหมําะสมในกํารยิงสนับสนุนบนฝ่ัง
เรือ Motor Launch
นาวิกศาสตร์ 45 ปีท่ี ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
กํารฝึก FLEX ครั้งที่ ๒ (ค.ศ.๑๙๓๗) น้ัน มีกําร ทดสอบกํารข้ึนบกด้วยขนําด และประเภทของหน่วย ต่ําง ๆ ท่ีหลํากหลําย มีกํารข้ึนบกทั้งแบบใช้ควันกําบัง และไม่มีควันกําบัง ปฏิบัติทั้งเวลํากลํางวันและกลํางคืน รวมถงึ ทดสอบในเรอ่ื งควํามตอ่ เนอื่ งในกํารสง่ กํา ลงั บํา รงุ โดยเฉพําะกระสุน และอุปกรณ์วิกฤติต่ําง ๆ ท่ีคําดว่ํา จะต้องใช้เพิ่มเติมในห้วงแรก ๆ ของกํารยุทธสะเทินน้ํา สะเทินบก
บทเรียนสําคัญที่ได้จํากกํารฝึกคร้ังน้ีคือ กํารใช้ควัน กําบังระหว่ํางข้ันกํารเคลื่อนที่จํากเรือสู่ฝั่ง ควันได้จําง หํายไปไม่ต่อเนื่อง หรือครอบคลุมได้ครบในทุกคล่ืน รวมถงึ หํากพจิ ํารณําเรอื่ งทศิ ทํางลมไมด่ อี ําจทํา ใหฝ้ ํา่ ยเรํา สับสนในพ้ืนท่ีปฏิบัติกํารได้ เรือยิงสนับสนุนจะต้องนํา บทเรยี นนไี้ ปพฒั นําระบบกระสนุ หรอื ระบบอํา นวยกํารยงิ ให้สํามํารถลดข้อจํากัดหรือข้อขัดข้องต่อไป
ในส่วนของกํารส่งกําลังบํารุงน้ัน มีข้อขัดข้อง ในด้ํานควํามต่อเนื่องของกํารส่งกําลัง ส่ิงอุปกรณ์ (สป.) ทก่ี ระจํายตํามเรอื ตํา่ ง ๆ ไมส่ ํามํารถสง่ ขนึ้ ฝง่ั ได้ เนอื่ งจําก ขําดแคลนนํายทหํารติดต่อประสํานงํานในแต่ละลํา (ภํายหลังได้เป็นหลักนิยมให้เรือแต่ละลําจะต้องมี นํายทหํารกํารขึ้นสู่เรือ และนํายทหํารขนถ่ํายทําหน้ําที่ ควบคมุ กํารสง่ กํา ลงั บํา รงุ จํากสงิ่ อปุ กรณต์ ํา่ ง ๆ ทบี่ รรทกุ มําในเรือแต่ละลํา จนถึงปัจจุบัน)
กํารใช้ควันสนับสนุนกํารข้ึนสู่ฝ่ัง
นอกจํากน้ียังเกิดปัญหํากํารข้ึนบกในเวลํากลํางคืน จํากกํารสับสนตําบลที่ต่ําง ๆ บนฝั่ง บํางหน่วยมีกําร
นาวิกศาสตร์ 46 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
ขึ้นบกผิดหําด และเป็นกํารยํากท่ีจะกําหนดมําตรกําร ควบคุมหน่วย เช่น เส้นแบ่งเขต เนื่องจํากทัศนวิสัยไม่ดี และไม่คุ้นเคยกับภูมิประเทศ
กํารฝึก FLEX ครั้งที่ ๓ (ค.ศ.๑๙๓๘) มีกํารใช้หน่วย 1st Expeditionary Brigade ซ่ึงเป็นระดับกองพลน้อย เข้ํารับกํารฝึก รวมท้ังทหํารบกได้ส่งกําลังมําเข้ําร่วม กํารฝึก ๑ กองพันทหํารรําบ เพื่อเป็นกองพันต้นแบบ ในกํารฝึกกํารใช้ทหํารบกยกพลขึ้นบกต่อไป
ในกํารฝึกครั้งนี้คลื่นลมรุนแรง จึงทําให้หลํายคร้ัง ตอ้ งยกเลกิ ภํารกจิ เนอื่ งจํากเรอื ระบํายพลตํา่ ง ๆ ไมส่ ํามํารถ ปฏิบัติกํารได้ จํากข้อจํากัดของกํารฝึกครั้งนี้ทําให้มีกําร จัดหําเรือ และยํานพําหนะต่ําง ๆ ที่สํามํารถทนต่อทะเล ได้มํากขึ้น
ก ํา ร ฝ กึ F L E X ค ร ง้ ั ท ี ่ ๔ ( ค . ศ . ๑ ๙ ๓ ๙ ) ผ เ้ ู ข ํา้ ร บั ก ํา ร ฝ กึ มําจําก 1st Marine Brigade หรือกองพลน้อยท่ี ๑ นําวกิ โยธนิ จดั กํา ลงั พลประมําณ ๑,๔๐๐ นําย กองทพั บก สง่ หนว่ ยระดบั กองพลนอ้ ย ซง่ึ ประกอบดว้ ย กรมทหํารรําบ ท่ี ๑๘ และกองพนั ทหํารปนื ใหญท่ ่ี ๗ จดั กํา ลงั พลรวมกนั ประมําณ ๑,๔๐๐ นําย ซึ่งครั้งน้ีเป็นกํารฝึกยกพล ครงั้ สดุ ทํา้ ยของกองทพั บก จนถงึ ชว่ งสงครํามโลกครง้ั ที่ ๒
ภําพกํารฝึก FLEX ครั้งที่ ๓
กํารฝึกในครั้งนี้ยังมีหัวข้อกํารฝึกสําคัญต่ําง ๆ ครบถ้วน เช่น กํารเคลื่อนท่ีจํากเรือสู่ฝั่ง กํารยิงสนับสนุน ด้วยปืนเรือ กํารสนับสนุนทํางอํากําศ โดยเพิ่มควําม สมจริงมํากขึ้น เช่น มีกํารจัดผู้เข้ํารับกํารฝึกในส่วน ฝ่ํายตรงข้ํามหรือเป็นข้ําศึก โดยจัดจํากหน่วย
National Guard Regiment และกํา ลงั ทหํารบกในพนื้ ที่ ทําให้สํามํารถรวบรวมบทเรียนสําคัญ ๆ จํากกํารฝึก ได้มํากขึ้น เช่น ประเด็นกํารใช้ควันในขั้นตอนกํารขึ้นบก นั้นจะสร้ํางควํามสับสนในพื้นท่ีปฏิบัติกํารให้กับฝ่ําย เดียวกันมํากกว่ําฝ่ํายตรงข้ําม
แม้ว่ํากํารฝึกในครั้งนี้จัดกํารฝึกภํายใต้กรอบ งบประมําณที่จํากัดไม่สํามํารถจัดกําลังพล อําวุธและ ยุทโธปกรณ์รวมถึงเรือ ได้ตํามโครงสร้ํางกํารจัด แต่หัวข้อกํารฝึก โดยเฉพําะขั้นสุดท้ํายของกํารฝึกคือ กํารสง่ ผํา่ นอํา นําจในกํารบงั คบั บญั ชํานน้ั สํามํารถปฏบิ ตั ิ โดยหนว่ ยรบั กํารสง่ มอบกํารบงั คบั บญั ชําในกํารฝกึ ครงั้ นี้ คือ กองพลน้อยท่ี ๒ กองทัพบก เพื่อทดสอบกํารปฏิบัติ ตํามขน้ั ตอนตํามตํา รํา Tentative Manual of Landing Operations ว่ํากําลังพลท่ีเป็นทหํารบกเมื่อศึกษําและ ฝกึ ตํามขน้ั ตอนตํา่ งๆตํามตํา รําแลว้ จะสํามํารถปฏบิ ตั จิ รงิ ได้มํากน้อยเพียงใด ซึ่งผลกํารปฏิบัติเป็นไปด้วยดี
เอกสําร Joint Action of the Army and Navy
จนกองทัพบกยอมรับหลักนิยมตํามตํารํา Tentative Manual of Landing Operations แล้วดําเนินกําร ปรับปรุงหลักนิยมร่วม ทหํารบก - ทหํารเรือ ในเอกสําร Joint Action of the Army and Navy ซึ่งในสมัยน้ัน เกิดสภําวะ Interservice Rivalry หรือกํารแข่งขันกัน
ระหวํา่ งเหลํา่ ทพั สงู มําก หลกั กํารทกี่ องทพั เรอื จะอยเู่ หนอื หรือเป็นผู้บัญชํากํารกองทัพบกน้ัน ทํางกองทัพบก ไมเ่ หน็ ดว้ ย แตห่ ลงั จํากสง่ กํา ลงั พลเขํา้ รบั กํารฝกึ กํารยทุ ธ สะเทินน้ําสะเทินบกมํา ๔ ครั้ง แล้วมีควํามเห็นพ้องว่ํา ในกํารยุทธสะเทินน้ําสะเทินบกจําเป็นอย่ํางยิ่งท่ีจะต้อง ใหท้ หํารเรอื เปน็ ผบู้ งั คบั บญั ชํา หรอื รบั ผดิ ชอบในภําพรวม
ในส่วนของสถํานกํารณ์ฝึกนั้น ปกติจะใช้ตําม Plan Orange ซึ่งเตรียมไว้ใช้รบกับญี่ปุ่นท่ีวิเครําะห์แล้วว่ํา น่ําจะเป็นภัยคุกคํามเพียงชําติเดียวจํากฝั่งมหําสมุทร แปซฟิกิ แตเ่หตกุํารณใ์นชว่งกอ่นสงครํามโลกมสีงิ่บอกเหตุ หลํายเหตุกํารณ์ที่ทําให้เห็นได้ว่ําจะมีชําติอื่น ๆ ท่ีเป็น พันธมิตรกับญ่ีปุ่นอีก คือ เยอรมัน และอิตําลี ทําให้ต้อง มีกํารทบทวน Plan Orange ใหม่
กํารฝึก FLFX ในครั้งที่ ๕ และ ๖ (ค.ศ.๑๙๔๐ - ค.ศ.๑๙๔๑) น้ัน เป็นกํารฝึกซ้อมเพ่ือนําไปใช้จริง ในสงครํามโลกครั้งที่ ๒ กํารฝึกในครั้งนี้มีกํารใช้ เรือพิฆําต (Destroyer) ช่วยในกํารลําเลียงกําลังพล เนื่องจํากไม่มีเรือระบํายพลท่ีเพียงพอกับกํารฝึก ( เ ร อื ต ํา่ ง ๆ ส ว่ น ม ํา ก เ ข ํา้ อ เ่ ู พ อื ่ ต ร ว จ แ ล ะ เ ต ร ยี ม ค ว ํา ม พ ร อ้ ม ตํา่ ง ๆ) กํารฝกึ ครงั้ นสี้ ว่ นมํากจงึ เปน็ กํารฝกึ แบบ Dummy หรือจําลองส่วนต่ําง ๆ ให้ครบตํามโครงสร้ําง อย่ํางไร ก็ตํามในกํารฝึก ๒ คร้ังน้ี มีกํารทดลองกํารใช้เรือ ระบํายพลแบบตํา่งๆเชน่ เรอื LCMเรอื LCVPเรอื LCPL มําใช้ในกํารยกพล
กํารฝึกยกพลขึ้นบกโดยใช้เรือ LCPL (Landing Craft Personnel Large)
นาวิกศาสตร์ 47 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
กํารฝึก FLFX ครั้งท่ี ๗ (ค.ศ.๑๙๔๒) เป็นกําร ทดสอบทดลองกํารปฏบิ ตั ติ ํา่ ง ๆ ตํามหลกั นยิ ม จํากตํา รํา Tentative Manual of Landing Operations ในคร้ังสุดท้ําย แต่เน่ืองจํากสถํานกํารณ์ทํางกํารเมือง กํารทหํารในขณะนนั้ เกดิ กํารขดั แยง้ กนั ระหวํา่ งกองทพั บก และกองทัพเรือในลักษณะแย่งกันสร้ํางผลงําน จึงทําให้ กํารฝึกทําได้ไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่จํากปัญหํานี้เองทําให้ เกดิ บทเรยี นจํากกํารฝกึ ทสี่ ํา คญั และเปน็ หลกั กํารทใี่ ชก้ นั อยู่จนถึงปัจจุบันนี้คือ ก่อนจะปฏิบัติกํารยุทธสะเทินน้ํา สะเทินบกได้ต้องมีคําสั่งนโยบํายขั้นต้น (Initiating Directive) จํากหนว่ ยเหนอื เสมอ เพอ่ื ระบคุ วํามรบั ผดิ ชอบ อํานําจในกํารบังคับบัญชํา และผู้บังคับบัญชําในแต่ละ กองกํา ลงั จะไดไ้ มต่ อ้ งมําทะเลําะ หรอื ขดั แยง้ กนั ในภํายหลงั
จะเหน็ ไดว้ ํา่ กํารฝกึ ในแตล่ ะครง้ั นน้ั เปน็ เวทที สี่ ํา คญั ในกํารทบทวนและปรับปรุงหลักนิยมให้เหมําะสมกับ สภําวกํารณ์ที่อําจเปล่ียนไปจํากช่วงท่ีมีกํารจัดทําตํารํา หรอื หลกั นยิ ม แตห่ ํากมองกลบั มําทต่ี วั หนว่ ยเรํานน้ั ทํา ให้ เกิดคําถํามเพื่อนําไปสู่กํารพัฒนําได้ว่ําในแต่ละปีเรํามี กํารฝึกกี่ครั้ง แต่ละครั้งสัมพันธ์กับครั้งก่อน ๆ อย่ํางไร
นาวิกศาสตร์ 48 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
ได้มีกํารทบทวนหลังปฏิบัติ (ทลป.) (After Action Review) หรือไม่ จริงจังแค่ไหน ได้นําผลกํารทบทวน ในครั้งก่อน ๆ มําปรับใช้หรือไม่ หํากปรับแล้วดีหรือไม่ดี ไดม้ กี ํารพจิ ํารณําปรบั ปรงุ ตํา รํา หรอื รปจ.ตํา่ ง ๆ ของเรํา หรือไม่ เหล่ํานี้คือกํารนําไปสู่กํารปรับปรุงหลักนิยม ที่มา
https://www.youtube.com/watch?v= IRdN4mjaadA
https://www.youtube.com/watch?v=UOGq5zhC7 E4&pbjreload=101
https://www.iiimef.marines.mil/News/News- Article-Display/Article/1725781/not-all-docs-the-fleet- marine-force/
https://en.wikipedia.org/wiki/Fleet_Marine_Force_ insignia
https://en.wikipedia.org/wiki/Fleet_Landing_ Exercises
https://www.ibiblio.org/hyperwar/USN/ref/Joint/ index.html
We leave no one behind
เรือดําน้ําเป็นยํานรบท่ีมีข้อได้เปรียบในกํารไม่ เปิดเผยตนเอง ทําให้เป็นเคร่ืองมือสําคัญในกํารรวบรวม ข่ําวสํารในเวลําปกติ และช่วยให้สํามํารถมีอิสระในกําร ปฏิบัติกํารแม้ในพ้ืนที่ที่ยังไม่อยู่ในควํามควบคุมใน สถํานกํารณ์ควํามขัดแย้ง อีกท้ังขีดควํามสํามํารถ ในกํารซ่อนพรํางทําให้กํารค้นหําเรือดําน้ําเป็นเร่ืองยําก และกํา ลงั ฝํา่ ยตรงขํา้ มตอ้ งทมุ่ เททรพั ยํากรเปน็ อยํา่ งมําก ในกํารค้นหํา และป้องกันเรือดําน้ําเพียงไม่กี่ลํา ส่งผลให้เรือดําน้ําจัดได้ว่ําเป็นตัวทวีกําลัง (Force Multiplier) และอําวุธลับทํางยุทธศําสตร์ท่ีสําคัญของ กําลังทํางเรือ
อยํา่ งไรกด็ ี ในควํามไดเ้ ปรยี บของเรอื ดํา นํา้ กม็ คี วําม ท้ําทํายอยู่เช่นกัน เนื่องจํากเรือดําน้ํามีอุปกรณ์ท่ีมีควําม ซับซ้อนทํางเทคนิคสูง มีกําลังพลจํานวนน้อย และมี พ้ืนที่ปฏิบัติงํานที่คับแคบขําดควํามเป็นส่วนตัว ส่งผล ให้กําลังพลประจําเรืออยู่ภํายใต้ควํามกดดันทํางจิตใจ จนเกิดควํามเครียดได้ง่ําย (แต่ควํามดันบรรยํากําศใน เรือดําน้ําจะเป็นปกติเท่ํากับเหนือผิวน้ํา เน่ืองจําก ตวั เรอื ทนควํามดนั ชว่ ยรบั แรงกดของนํา้ ทะเลไว)้ นอกจํากน้ี เรือดําน้ํายังปฏิบัติกํารอยู่ในพื้นที่ใต้น้ําซึ่งมีควํามเส่ียง อันตรํายอยู่ตลอดเวลํา และกํารเกิดอุบัติเหตุหรือควําม ผิดพลําดเพียงเล็กน้อยอําจส่งผลต่อควํามสําเร็จของ ภํารกจิ และควํามปลอดภยั ของกํา ลงั พลประจํา เรอื ทงั้ ลํา
การปฏิบัติงานในเรือดาน้าชั้น 212A ของอิตาลี
จํากควํามกดดันและควํามเสี่ยงอันตรํายของ กํารปฏิบัติงํานในเรือดําน้ําดังที่ได้กล่ําวถึง ทําให้มีควําม เข้ําใจได้ว่ํากํารทํางํานเป็นทีมในเรือดําน้ําจะต้องมี กํารแบ่งหน้ําที่เฉพําะตํามสํายกํารบังคับบัญชํา โดย แต่ละตําแหน่งจะต้องเชื่อฟัง และปฏิบัติตํามคําส่ัง อย่ํางเคร่งครัด เปรียบได้กับฟันเฟืองท่ีทํางํานประสําน สอดคลอ้ งกนั โดยไมม่ โี อกําสใหเ้ กดิ ควํามผดิ พลําด ภํายใต้ ภําวะผู้นําของผู้บังคับกํารเรือ และนํายทหํารยําม
แต่จํากประสบกํารณ์จริงของกํารปฏิบัติงําน ในเรอื ดํา นํา้ ในหลํายประเทศอําจไมเ่ ปน็ ไปตํามควํามเขํา้ ใจ พ้ืนฐํานเสมอไป และภําวะผู้นํากับกํารทํางํานเป็นทีม ในเรือดําน้ําอําจต้องใช้วิธีตรงกันข้ํามจํากวิธีที่กล่ําวไป ข้ํางต้นเสียด้วยซ้ํา
นาวิกศาสตร์ 49 ปีท่ี ๑๐๔ เล่มท่ี ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
ตัวอย่างการเกิดอุบัติเหตุของเรือดาน้า
เมื่อเดือนกุมภําพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๔ เรือดําน้ํา USS Greeneville ประสบอุบัติเหตุชนกับเรือฝึกประมง Ehime Maru บริเวณทํางตอนใต้ของฮําวําย ในขณะที่ เรือดําน้ํา USS Greeneville กําลังสําธิตกํารปฏิบัติกําร ใหแ้ กบ่ คุ คลสํา คญั ฝํา่ ยพลเรอื น (Distinguished Visitors หรือ DV) โดยเหตุกํารณ์ชนกันเกิดขึ้นระหว่ํางกํารสําธิต กํารขึ้นสู่ผิวน้ําฉุกเฉินของเรือดําน้ํา USS Greeneville ซึ่งเป็นหัวข้อกํารสําธิตสุดท้ํายก่อนกลับเข้ําฝ่ัง
ผลกํารตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ํา พนักงํานโซนําร์ ได้ตรวจพบเป้ําเรือ Ehime Maru ในระยะใกล้ และ ส่งข้อมูลเป้ําต่อให้พนักงํานเครื่องควบคุมกํารยิงก่อนกําร สําธิตข้ึนสู่ผิวน้ําฉุกเฉิน แต่นํายทหํารยํามและ ผู้บังคับกํารเรือตรวจกํารณ์ด้วยกล้อง Periscope ไม่พบ เปํา้ ระยะใกล้ และเนอ่ื งจํากตอ้ งกํารรบี ใหก้ ํารสําธติ เสรจ็ ทนั เวลํา จงึ ไดต้ ดั สนิ ใจดํา เนนิ กํารสําธติ ตอ่ โดยไมไ่ ดท้ ํา กําร ตรวจสอบละเอียดอีกคร้ัง ซึ่งพนักงํานเครื่องควบคุม กํารยิงก็ได้ปรับแก้ข้อมูลเป้ําเรือ Ehime Maru ด้วยมือ ให้เป็นเป้ําระยะไกลแทนผลกํารคํานวณเดิมในระบบท่ีมี ข้อมูลว่ําเป็นเป้ําระยะใกล้
ทหํารเรือสหรัฐอเมริกํา ได้สรุปสําเหตุของกํารเกิด อบุ ตั เิ หตดุ งั กลํา่ ววํา่ เกดิ จํากควํามบกพรอ่ งในกํารสอื่ สําร ของทีมงํานในห้องศูนย์ยุทธกําร ส่วนหนึ่งเนื่องมําจําก ลักษณะกํารปฏิบัติงํานของผู้บังคับกํารเรือท่ีส่ังกําร มํากจนเกินไป (The commanding officer’s overly directive style) และกํารเร่งผ่ํานขั้นตอนตรวจสอบ ควํามปลอดภัยอย่ํางรวดเร็วเกินไปเพื่อรักษําตํารํางกําร ปฏบิตัใิหท้นัเวลํารวมถงึกํารทเ่ีรอืดํานํา้USSGreeneville ไมส่ ํามํารถจดั กํารคณะพลเรอื นทมี่ ําชมกํารสําธติ ไดด้ พี อ จนกระทั่งรบกวนกํารทํางํานของทีมงํานในห้องศูนย์ ยุทธกําร
อกี เหตกุ ํารณห์ นงึ่ เกดิ ขนึ้ เมอื่ เดอื นเมษํายน พ.ศ. ๒๕๔๖ คอื เรอื ดํา นํา้ Chang Cheng 61 ประสบอบุ ตั เิ หตรุ ะหวํา่ ง กํารฝึกในบริเวณทะเลเหลืองทํางตะวันออกเฉียงเหนือ ของจีนทําให้กําลังพลจํานวน ๗๐ นําย เสียชีวิตท้ังลํา
นาวิกศาสตร์ 50 ปีท่ี ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
และถกู พบโดยเรอื ประมงในเวลํา ๑๐ วนั ตอ่ มํา ซงึ่ มขี อ้ มลู วํา่ กําลังพลประจําเรือท้ังหมดเสียชีวิตในลักษณะท่ีกําลัง ปฏิบัติงํานอยู่ประจําตําแหน่งปกติภํายในเรือ ทําให้ คําดกํารณ์ได้ว่ําสําเหตุของอุบัติเหตุดังกล่ําวเกิดจําก ข้อขัดข้องในระบบท่อ Snorkel ทําให้เครื่องยนต์ดีเซล ดึงอํากําศดีในเรือไปเผําไหม้จนกระท่ังกําลังพลขําด อํากําศหํายใจ
เรือฝึกประมง Ehime Maru ถูกเรือดาน้า USS Greenville ชนระหว่างการสาธิตการปฏิบัติการ ทาให้มีผู้เสียชีวิต ๙ คน
ถึงแม้ว่ําเหตุกํารณ์เรือดําน้ํา Chang Cheng 61 จะ ไม่มีกํารเปิดเผยรํายละเอียดข้อมูลมํากเท่ํากับเหตุกํารณ์ เรือดําน้ํา USS Greeneville แต่ก็ได้ถูกนําไปเป็น กรณีศึกษําในหลํายประเทศ และมีกํารวิเครําะห์ว่ํา เหตุกํารณ์ท่อ Snorkel ปิด และเครื่องยนต์ดีเซล ดูดอํากําศดีในเรือไปเผําไหม้ จะทําให้กําลังพลในเรือ รสู้ กึ ถงึ ควํามดนั บรรยํากําศทเ่ี ปลยี่ นแปลงไดอ้ ยํา่ งชดั เจน แต่กําลังพลประจําเรือดําน้ํา Chang Cheng 61 ยังคง ปฏิบัติหน้ําท่ีตํามตําแหน่ง และรอคอยคําสั่งกํารจําก ผู้บังคับบัญชําอย่ํางเคร่งครัดแต่คําสั่งในกํารแก้ไข สถํานกํารณอ์ ําจมําชํา้ จนเกนิ ไป ซงึ่ หํากมกี ํารมอบอํา นําจ กํารตัดสินใจ หรือกํารเสนอแนะข้อมูลในระดับผู้ปฏิบัติ ก็อําจช่วยให้สํามํารถแก้ไขสถํานกํารณ์ได้ทันท่วงที การเปน็ ผนู้ า ดว้ ยการสรา้ งผปู้ ฏบิ ตั ใิ หเ้ ปน็ ผนู้ า มากกวา่ ผู้ตาม
จํากตัวอย่ํางเหตุกํารณ์อุบัติเหตุในเรือดําน้ํา ที่ได้กล่ําวถึง จะเห็นได้ว่ําควํามเครียด และควํามเส่ียง
อันตรํายของกํารปฏิบัติงํานในเรือดําน้ําส่งผลให้ โครงสร้ํางองค์กรแบบ “ผู้นํา - ผู้ตําม” ท่ีผู้ปฏิบัติ มีหน้ําที่ทําตํามคําสั่งของผู้บังคับบัญชําเพียงอย่ํางเดียว ไม่เพียงพออีกต่อไป ด้วยปริมําณข้อมูลมหําศําลที่ หลง่ั ไหลเขํา้ มําอยํา่ งตอ่ เนอ่ื งจํากเครอ่ื งมอื หลํายประเภท ทําให้ผู้บังคับกํารเรือดําน้ํา และนํายทหํารยํามไม่อําจ ประเมินสถํานกํารณ์และตัดสินใจได้อย่ํางถูกต้อง และ ทันต่อเวลําเสมอไป โดยเฉพําะอย่ํางยิ่งในสถํานกํารณ์ ที่มีควํามซับซ้อน รวดเร็ว หรือในสถํานกํารณ์ฉุกเฉิน และทุกตําแหน่งหน้ําที่ในทุกระดับชั้นของทีมงํานในเรือ ดํา นํา้ ตอ้ งรว่ มกนั ตระหนกั ถงึ ควํามสํา คญั ตอ่ ควํามสํา เรจ็ และควํามปลอดภัยของกํารปฏิบัติกําร
เรือดาน้าช้ันหมิง (Type 035) หมายเลข ๓๖๑
L. David Marquet อดีตผู้บังคับกํารเรือดําน้ํา USS Santa Fe และปจั จบุ นั เปน็ ทปี่ รกึ ษําดํา้ นภําวะผนู้ ํา และกํารเปล่ียนแปลงองค์กรได้แต่งหนังสือ “Turn the Ship Around” เล่ําถึงประสบกํารณ์ในกําร เปลยี่ นแปลงเรอื ดํา นํา้ USS Santa Fe จํากเรอื ทมี่ ผี ลกําร ประเมินต่ําสุดไปเป็นเรือที่ได้คะแนนประเมินสูงสุดใน ทหํารเรือสหรัฐอเมริกําภํายในระยะเวลํา ๒ ปี ว่ํากําร สร้ํางองค์กรที่เต็มไปด้วยผู้ตํามในเรือดําน้ําเป็นกําร ตดั สนิ ใจทผ่ี ดิ พลําดเนอื่ งจํากทมี งํานทเ่ีปน็ ผตู้ ํามจะรอให้ ผู้บังคับบัญชําออกคําส่ัง โดยผลักภําระควํามรับผิดชอบ ทั้งหมดไปท่ีผู้บังคับบัญชําสูงสุดเพียงคนเดียว
L. David Marquet ระหวา่ งทมี่ ตี า แหนง่ เปน็ ผบู้ งั คบั การเรอื ดา นา้ USS Santa Fe
ในระหว่ํางกํารฝึกสถํานกํารณ์ควํามเสียหํายใน เรือดําน้ํา USS Santa Fe ผู้บังคับกํารเรือคือ David Marquet ไดอ้ อกคํา สงั่ ทผ่ี ดิ พลําด แตน่ ํายทหํารยํามและ พนักงํานก็ได้ทวนคําส่ังน้ัน และผลที่ได้คือ “ไม่มีอะไร เกดิ ขน้ึ ” เนอื่ งจํากคํา สง่ั ของผบู้ งั คบั กํารเรอื นนั้ ไมถ่ กู ตอ้ ง และไม่สํามํารถนําไปปฏิบัติได้จริง ซึ่ง David Marquet พบว่ําทีมงํานเรือดําน้ําที่มีแต่ผู้ตํามคอยปฏิบัติตํามคําส่ัง อย่ํางเคร่งครัดโดยไม่มีคําถําม เป็นสูตรสําเร็จที่สํามํารถ นําไปสู่ควํามเสียหํายร้ํายแรงได้ โดยเฉพําะอย่ํางย่ิง ในสถํานกํารณ์ฉุกเฉิน และนับว่ําโชคดีที่เหตุกํารณ์ ดังกล่ําวเกิดขึ้นในระหว่ํางกํารฝึก
หลังจํากเหตุกํารณ์นั้น David Marquet ได้กลับไป ทบทวน และเปลย่ี นแปลงกํารทํา งํานเปน็ ทมี ในเรอื ดํา นํา้ USS Santa Fe ครั้งใหญ่ ด้วยกํารมอบอํานําจกําร ควบคุมและกํารตัดสินใจให้กับผู้ปฏิบัติ โดยผ่ํานควําม เห็นชอบของผู้บังคับบัญชํา แทนกํารสั่งกํารโดยตรงจําก ผู้บังคับบัญชํา ซึ่งเขําได้พบว่ํากํารมอบอํานําจ กํารควบคุมและกํารตัดสินใจให้กับผู้ปฏิบัติท่ีมีข้อมูล ภําพสถํานกํารณ์ตํามลําดับชั้น เพ่ือสร้ํางองค์กรแบบ “ผู้นา - ผู้ตาม” มีประสิทธิภําพและได้ผลดีกว่ํากําร ถ่ํายทอดข้อมูลภําพสถํานกํารณ์จํากผู้ปฏิบัติขึ้นไป ตํามลําดับช้ันของสํายกํารบังคับบัญชําจนถึงผู้บังคับ บัญชําสูงสุด เพื่อตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียวในลักษณะ “ผนู้ า –ผตู้ าม”ทงั้ นใี้ นองคก์ รทผี่ ปู้ ฏบิ ตั มิ คี วํามรบั ผดิ ชอบ
นาวิกศาสตร์ 51 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
ในฐํานะผู้นําในกํารตัดสินใจตํามลําดับช้ันจําเป็นต้อง มีปัจจัยพ้ืนฐํานรองรับ ๒ ประกําร คือ ขีดสมรรถนะ (Competency) ทํางเทคนคิ ของทมี งํานในกํารปฏบิ ตั งิ ําน ตํามหน้ําท่ีควํามรับผิดชอบ และควํามชัดเจน (Clarity) ของทิศทํางในกํารนําองค์กรไปร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิด ควํามสับสนเมื่อผู้ปฏิบัติงํานในทีมมีอํานําจกํารควบคุม และกํารตัดสินใจร่วมกัน ซึ่งผู้บังคับบัญชําควรเน้น ควํามพยํายํามไปทกี่ํารสรํา้งขดีสมรรถนะทํางเทคนคิดว้ย กํารฝกึ และกํารสรํา้ งกระบวนกํารเรยี นรใู้ นกํารปฏบิ ตั งิ ําน กับกํารสร้ํางควํามชัดเจนด้วยกํารส่ือสําร เพื่อสร้ําง ควํามเข้ําใจภําพสถํานกํารณ์ และทิศทํางของกํารปฏิบัติ ร่วมกัน มํากกว่ําควํามพยํายํามสร้ํางระเบียบวินัยในกําร ปฏิบัติตํามคําสั่ง
David Marquet กล่าวว่าการสร้างองค์กรท่ีเต็มไปด้วยผู้ตามในเรือดาน้า เป็นการตัดสินใจท่ีผิดพลาด
รวมความรับผิดชอบ แต่แบ่งมอบการควบคุม
จริงอยู่ที่ควํามรับผิดชอบกับกํารเป็นผู้นําเป็นสิ่งที่ แยกจํากกันไม่ได้ แต่ผู้นําหลํายคนมีควํามเข้ําใจผิดว่ํา กํารรวมควํามรับผิดชอบอยู่ท่ีตัวผู้นํา หมํายถึงกํารรวม กํารควบคุมสั่งกํารไว้ที่ตัวผู้นําเองด้วยDavidMarquet กล่ําวว่ํา หน่ึงในวิธีกํารสร้ํางองค์กรแบบ “ผู้นํา - ผู้ตําม” ในเรือดําน้ํา USS Santa Fe คือกํารท่ีผู้บังคับกําร เรือดําน้ํายังคงรักษําควํามรับผิดชอบสูงสุดไว้ แต่ กระจํายกํารควบคุมไปยังผู้ปฏิบัติตํามลําดับชั้น ซ่ึงตํามระเบียบของทหํารเรือสหรัฐอเมริกํามีกํารปฏิบัติ มํากมํายท่ีเป็นอํานําจของผู้บังคับกํารเรือดําน้ํา เช่น กํารดําลงใต้น้ํา กํารเดินเครื่องเตําปฏิกรณ์นิวเคลียร์
นาวิกศาสตร์ 52 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
กํารเลิกเครื่องเตําปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ฯลฯ ซึ่ง David Marquet ปฏิเสธที่จะใช้วิธีออกคําส่ังกํารเหล่ํานั้น แต่ เขํากลับแจ้งควํามต้ังใจและให้ผู้ปฏิบัตินําเสนอหนทําง กํารปฏิบัติพร้อมเหตุผลรองรับและข้อมูลประกอบ เพ่ือให้ผู้บังคับกํารเรือดําน้ําให้ควํามเห็นชอบ
David Marquet ให้เหตุผลว่ํากํารแบ่งมอบกําร ควบคุมให้กับผู้ปฏิบัติตํามลําดับช้ัน เป็นกํารเปิดโอกําส ให้ผู้ปฏิบัติได้ใช้ควํามคิดในกํารตัดสินใจแทนกํารรอรับ คําส่ังจํากผู้นํา ซึ่งเป็นกํารสร้ํางควํามรู้สึกของควําม เป็นเจ้ําของ (Sense of Ownership) ให้กับผู้ปฏิบัติ และเป็นกํารยกระดับ “ผู้ตําม” ให้กลํายเป็น “ผู้นํา” โดยในมุมมองของ David Marquet ผู้นําที่ดียังคงมี ควํามรับผิดชอบและอํานําจกํารตัดสินใจสั่งกํารสูงสุด แต่แทบไม่ต้องส่ังกํารอะไรเลย
การรบั รภู้ าพสถานการณร์ ว่ มกนั เพอื่ ชว่ ยประหยดั พลงั สมองของผู้นา
Hans - Christian Vogt อดีตผู้บังคับกํารเรือดําน้ํา U29 และครูฝึกเรือดําน้ําของเยอรมนี ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ ปรึกษําอิสระด้ํานเรือดําน้ํา และเคยเป็นครูฝึกเรือดําน้ํา จํานวนหลํายหลักสูตรให้กองเรือดําน้ํา ได้กล่ําวถึง ควํามสําคัญของกํารรับรู้ภําพสถํานกํารณ์ร่วมกันต่อ กํารทํางํานเป็นทีมในเรือดําน้ําว่ํา ผู้บังคับกํารเรือดําน้ํา หรือนํายทหํารยํามก็เป็นมนุษย์ท่ีมีพลังสมอง (Brain Capacity)ในกํารประมวลผลขอ้ มลู และกํารตดั สนิ ใจทจี่ ํา กดั และไมส่ ํามํารถประมวลผลขอ้ มลู ดบิ จํากอปุ กรณต์ รวจจบั และเครื่องมือจํานวนมํากในเรือดําน้ําได้ด้วยตัวเอง ทั้งหมดเพียงคนเดียว ดังนั้นกํารรับรู้ภําพสถํานกํารณ์ รว่มกนัภํายในเรอืดํานํา้และกํารมอบอํานําจกํารตดัสนิใจ สู่ผู้ปฏิบัติจึงมีควํามสําคัญสําหรับควํามสําเร็จและ ควํามปลอดภัยของกํารปฏิบัติกํารในเรือดําน้ํา
ถงึ แมเ้ รอื ดํา นํา้ จะมขี อ้ ไดเ้ ปรยี บกวํา่ เรอื ผวิ นํา้ หลําย ประกําร แต่ข้อจํากัดสําคัญของเรือดําน้ําคือ ควํามเร็ว ทตี่ ํา่ มํากเมอ่ื เทยี บกบั เรอื ผวิ นํา้ (ถงึ แมเ้ รอื ดํา นํา้ นวิ เคลยี ร์ จะสํามํารถใช้ควํามเร็วสูงต่อเนื่องได้ไม่จํากัด แต่ก็ จะพยํายํามหลีกเล่ียงกํารใช้ควํามเร็วสูงมําก เพ่ือลด
ควํามเสี่ยงในกํารถูกตรวจจับ) ซึ่ง Hans - Christian Vogt ได้กล่ําวว่ําเป็นส่ิงจําเป็นสําหรับผู้บังคับกํารเรือ ดําน้ํา และนํายทหํารยํามที่จะต้องวํางแผนกํารปฏิบัติ ล่วงหน้ําไป ๑ - ๒ ข้ันเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงกํารเกิด สถํานกํารณ์กระชั้นชิดท่ีอําจทําให้เรือดําน้ําถูกตรวจจับ หรือตกเป็นฝ่ํายเสียเปรียบ ซึ่งกํารวํางแผนล่วงหน้ํานี้ ก็เป็นกํารใช้พลังสมองอย่ํางหน่ึง นอกจํากน้ี ผู้บังคับกํารเรือดําน้ํา และทีมงํานในห้องศูนย์ยุทธกําร ของเรือดําน้ําควรจะใช้พลังสมองไม่เกิน ๕๐% - ๗๐% ในเวลําปกติ เพ่ือให้คงเหลือพลังสมองสํารองไว้สําหรับ สถํานกํารณ์คับขันทํางยุทธวิธี หรือในกรณีฉุกเฉิน ส่งผล ให้กํารถ่ํายทอดข้อมูลและภําพสถํานกํารณ์เพ่ือให้เกิด กํารรับรู้ร่วมกันในทุกระดับชั้น และกํารมอบอํานําจ กํารตัดสินใจให้กับผู้ปฏิบัติเป็นส่ิงสําคัญและ มคี วํามจํา เปน็ มํากยงิ่ ขนึ้ โดยผปู้ ฏบิ ตั คิ วรจะตอ้ งสํามํารถ ปฏิบัติตํามขั้นตอนปกติ และแก้ไขข้อขัดข้องเบื้องต้น ได้โดยไม่ต้องรอกํารส่ังกํารจํากผู้บังคับบัญชํา รวมถึง ให้ข้อเสนอแนะ และสอบถํามเพิ่มเติมได้หํากมีข้อสงสัย อยํา่ งไรกด็ ีกํารตดั สนิ ใจของผบู้ งั คบั กํารเรอื และนํายทหําร ยํามต้องถือเป็นท่ีสิ้นสุด และหลังจํากน้ันทีมงํานจะต้อง ร่วมแรงร่วมใจเพ่ือบรรลุเป้ําหมํายไปในทิศทํางเดียวกัน
ลักษณะการทางานเป็นทีมท่ีมีความสมดุล
ในปีพ.ศ.๒๕๕๕ทหํารเรอื สหรฐั อเมรกิ ําไดต้ ง้ั ทมี งําน ท่ีปรึกษําประกอบด้วย ห้องปฏิบัติกํารวิจัยเวชศําสตร์ เรือดําน้ํา (Naval Submarine Medical Research Laboratory) และอดีตผู้บังคับกํารเรือดําน้ําที่มีหน้ําท่ี ประเมินกํารปฏิบัติของชุดศูนย์ยุทธกํารเรือดําน้ํา เพ่ือ ทํากํารศึกษําควํามทนทํานของทีมงํานศูนย์ยุทธกําร เรอื ดํา นํา้ (Watch Team Resilience) หรอื ควํามสํามํารถ ในกํารรบั ควํามเครยี ดและควํามซบั ซอ้ นของสถํานกํารณ์ ได้ โดยยังคงรักษําสมรรถนะในกํารปฏิบัติงํานก่อนจะถึง จดุ ทเ่ี กดิ ควํามลม้ เหลวของทมี งําน ซง่ึ ผลกํารศกึ ษําไดแ้ บง่ ควํามทนทํานของทมี งํานศนู ยย์ ทุ ธกํารเรอื ดํา นํา้ ออกเปน็ ๔ ประเภท ได้แก่ กํารปฏิบัติงํานที่ไม่มีควํามกดดัน กําร ปฏิบัติโดยพึ่งพําผู้นํา ทีมงํานที่มีควํามทนทํานในตัวเอง และทีมงํานที่มีควํามทนทํานขั้นสูง
การปฏิบัติงานที่ไม่มีความกดดัน – ทีมศูนย์ ยุทธกํารในระดับนี้จะสํามํารถปฏิบัติงํานตํามข้ันตอน กํารปฏิบัติ และ Procedure ปกติได้ในสถํานกํารณ์ ท่ีไม่มีควํามซับซ้อน และอําจดูผิวเผินเหมือนเป็น ทีมงํานท่ีมีประสิทธิภําพ แต่เม่ือพบกับสถํานกํารณ์ ทไี่ มค่ ําดคดิ มํากอ่ น หรอื เมอื่ ตอ้ งแกไ้ ขปญั หําควํามเสยี หําย
Hans - Christian Vogt (คนที่ ๗ จากขวา) เปน็ ครฝู กึ เรอื ดา นา้ จา นวนหลายหลกั สตู รใหก้ บั กองเรอื ดา นา้
นาวิกศาสตร์ 53 ปีท่ี ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
พนื้ ฐํานจะเกดิ ปญั หําในกํารสอ่ื สํารจนเกดิ ควํามสบั สนได้ ทมี งํานศนู ยย์ ทุ ธกํารในระดบั นจี้ ะเปน็ ทมี ทลี่ ม้ เหลวไดง้ ํา่ ย การปฏิบัติโดยพึ่งพาผู้นา - ทีมศูนย์ยุทธกําร ในระดับนี้ยังขําดประสิทธิภําพในกํารปฏิบัติงํานร่วมกัน แต่สํามํารถที่จะรักษํากํารทํางํานเป็นทีมได้ภํายใต้ผู้นํา ท่ีมีควํามเข้มแข็ง เช่น หัวหน้ําพนักงํานโซนําร์ หรือ นํายทหํารยําม ทีมศูนย์ยุทธกํารในระดับน้ีจะสํามํารถ ปฏิบัติงําน และแก้ไขสถํานกํารณ์ได้ตรําบใดที่ยังมีกําร ส่ังกํารจํากผู้นํา แต่ก็พร้อมที่จะล้มเหลวได้ทุกเม่ือ หํากผู้นําเกิดควํามสับสน หรือขําดควํามเอําใจใส่ต่อ
สถํานกํารณ์
ทีมงานที่มีความทนทานในตัวเอง - ทีมงํานใน
ระดับน้ีจะเกิดขึ้นเม่ือผู้ปฏิบัติงํานแต่ละตําแหน่งไม่ได้ มีเพียงแค่ควํามชํานําญในหน้ําที่เฉพําะของตนเอง แต่มีควํามเข้ําใจสถํานกํารณ์ และภําพรวมของ กํารปฏบิ ตั ริ ว่ มกนั ดว้ ย ทํา ใหส้ ํามํารถสนบั สนนุ กํารตดั สนิ ใจ และกํารปฏิบัติของผู้นําได้อย่ํางมีประสิทธิภําพ ทีมงํานในระดับนี้จะสํามํารถปฏิบัติตํามข้ันตอนพื้นฐําน ได้อย่ํางเป็นธรรมชําติ ช่วยลดกํารใช้พลังสมองเพื่อ ใหย้ งั คงประสทิ ธภิ ําพกํารปฏบิ ตั งิ ํานไดแ้ มใ้ นสถํานกํารณ์ ท่ีมีควํามซับซ้อน นอกจํากนี้ทีมงํานในระดับน้ีจะเข้ําใจ ขีดจํากัดของตัวเอง และร้องขอควํามช่วยเหลือเพิ่มเติม ได้เมื่อจําเป็น
นาวิกศาสตร์ 54 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔
ทมี งานทมี่ คี วามทนทานขนั้ สงู -ทมี งํานในระดบั นี้ สํามํารถปฏิบัติงํานโดยอิสระ และแก้ไขปัญหําใน สถํานกํารณ์ที่ไม่คําดคิดได้หลํายปัญหําในเวลําเดียวกัน ผู้ปฏิบัติงํานในทีมสํามํารถคําดกํารณ์ล่วงหน้ําถึง ควํามต้องกํารของผู้ร่วมงําน และสํามํารถถกแถลง แนวทํางกํารแก้ไขสถํานกํารณ์ได้ในระดับทีมงําน เพ่ือเสนอแนะหนทํางปฏิบัติ แบ่งเบําภําระกํารตัดสินใจ ของผู้นํา ช่วยให้ผู้นําสํามํารถมุ่งควํามสนใจไปท่ีกํารมอง ภําพรวม และกํารบรรลุภํารกิจได้เต็มที่
นอกจํากน้ี ทหํารเรือสหรัฐอเมริกําและหน่วยงําน วจิ ยั ขนั้ สงู ทํางทหําร (DARPA) ยงั ไดร้ ว่ มกบั มหําวทิ ยําลยั UCLA ในกํารศึกษําวิจัยพฤติกรรมของทีมงํานเรือดําน้ํา ในเครอื่ งฝกึ เรอื ดํา นํา้ โดยไดใ้ ชเ้ ครอ่ื ง Electroencepha- logram (EEG) ในกํารวัดกิจกรรมทํางไฟฟ้ําในสมองของ ผรู้ บั กํารฝกึ เพอื่ คํา นวณหําคํา่ NeurodynamicSymbols (NS) Entropy ในกํารวัดกํารเปลี่ยนแปลงทํางควํามคิด ของผปู้ ฏบิ ตั งิ ําน ซงึ่ คํา่ Entropy ตํา่ จะหมํายถงึ กํารจดจอ่ อยู่กับเร่ืองใดเรื่องหนึ่งและไม่มีควํามอ่อนตัว ในขณะที่ ค่ํา Entropy สูงจะหมํายถึงกํารเปล่ียนแปลงควํามคิด อย่ํางรวดเร็วโดยไม่มีกํารจดจ่ออยู่กับเร่ืองใดเรื่องหนึ่ง
คณะนกั วจิ ยั พบวํา่ ทมี เรอื ดํา นํา้ ทมี่ ผี ลกํารปฏบิ ตั งิ ําน ต่ําท่ีสุด คือทีมที่ยังไม่ได้รับกํารฝึกเลยมีค่ํา Entropy สูงท่ีสุด แสดงถึงกํารเปล่ียนแปลงควํามคิดอย่ํางไม่เป็น
ผลการวดั คา่ NS Entropy เทยี บกบั ประสทิ ธภิ าพของทมี งาน
ระบบ ส่วนทีมเรือดําน้ําท่ีมีผลกํารปฏิบัติต่ํารอง ลงมําคือ ทีมที่ได้รับเพียงกํารฝึกพ้ืนฐํานมีค่ํา Entropy ต่ําที่สุด แสดงถึงกํารมุ่งจดจ่ออยู่กับขั้นตอนปฏิบัติและ Procedure มําตรฐําน แต่เมื่อมีกํารป้อนปัญหําเข้ําไป ในสถํานกํารณ์ฝึกก็จะเกิดควํามเครียด และยึดติดอยู่กับ ปัญหําน้ันเป็นเวลํานําน
ทีมเรือดําน้ําท่ีมีผลกํารปฏิบัติดีท่ีสุด คือทีมที่มีค่ํา Entropy ในระดับกลําง แสดงถึงกํารมีควํามอ่อนตัว ในกระบวนกํารคิดของสมอง โดยไม่ยึดติดอยู่กับ ข้ันตอนมําตรฐํานจนเกินไป แต่ก็ไม่มีกํารเปล่ียนแปลง ควํามคิดมํากเกินไปจนไร้ทิศทําง ซึ่งผลกํารวิจัยน้ี ไม่ได้หมํายควํามว่ํากํารฝึกขั้นตอนกํารปฏิบัติมําตรฐําน ไม่มีควํามจําเป็น แต่กํารมุ่งเน้นกํารฝึกไปท่ีขั้นตอน กํารปฏิบัติมําตรฐํานเพียงอย่ํางเดียวยังไม่เพียงพอท่ี จะสร้ํางประสิทธิภําพของกํารทํางํานเป็นทีม ทั้งนี้ ทีมงํานท่ีมีประสิทธิภําพจะต้องมีกํารพัฒนําต่อยอดจําก กํารปฏิบัติตํามขั้นตอนมําตรฐํานให้มีควํามอ่อนตัว ในกํารแก้ไขปัญหํา โดยไม่สูญเสียควํามเข้ําใจภําพรวม ของสถํานกํารณ์ด้วย
การนาไปสู่การปฏิบัติจริง
กํารสรํา้ งควํามทนทํานของทมี ศนู ยย์ ทุ ธกํารสํามํารถ ทําได้ด้วยกํารฝึกให้เกิดกํารส่ือสํารแลกเปลี่ยนข้อมูล ภํายในอย่ํางมีประสิทธิภําพ และกํารฝึกควํามอ่อนตัว ในกํารแก้ไขปัญหําและสถํานกํารณ์คับขันในรูปแบบ ต่ําง ๆ ท้ังนี้ทีมงํานท่ีมีควํามทนทํานยังคงต้องมี ควํามชํานําญในขั้นตอนกํารปฏิบัติมําตรฐํานอย่ําง เพียงพอ หรือมีขีดสมรรถนะ (Competency) ทํางเทคนคิ ในกํารปฏบิ ตั งิ ํานในมมุ มองของ David Marquet เพื่อให้กํารปฏิบัติพ้ืนฐํานเป็นไปตํามธรรมชําติโดย
ไมต่ อ้ งสนิ้ เปลอื งพลงั สมอง (Brain Capacity) ทค่ี วรเกบ็ ไว้ สําหรับแก้ไขสถํานกํารณ์ที่มีควํามซับซ้อนในมุมมองของ Hans - Christian Vogt อย่ํางไรก็ดีทีมงํานที่มีควําม ชํานําญในกํารปฏิบัติตํามคําสั่ง และขั้นตอนมําตรฐําน เพยี งลํา พงั ยงั คงมจี ดุ ออ่ นทผ่ี ปู้ ฏบิ ตั อิ ําจรอคอยคํา สง่ั กําร จํากผู้นํา และไม่กล้ําเสนอแนะแนวทํางแก้ปัญหํา หรือ ขอ้ มลู ทอี่ ําจขดั แยง้ กบั ผนู้ ํา หรอื ผรู้ ว่ มงํานในทมี ซงึ่ ผนู้ ํา ทม่ี ี ควํามเก่งจนโดดเด่นมํากและมีลักษณะของกํารควบคุม สั่งกํารมํากจนเกินไปจะกลํายเป็นกํารจํากัดกํารพัฒนํา ของทีมงํานได้ หรือเรียกอีกอย่ํางว่ํา “A weak team led by a rock star is still a weak team.” ดังนั้น ผู้นําที่ดีจึงควรสร้ํางบรรยํากําศของกํารทํางํานเป็นทีม ที่มีควํามอ่อนตัว และก้ําวข้ํามกํารปฏิบัติตํามคําส่ัง และขั้นตอนมําตรฐํานในกํารแก้ไขสถํานกํารณ์ และทํา หน้ําที่สนับสนุนทีมงํานในลักษณะของ “ผู้นํา - ผู้ตําม” แทนกํารลงมําควบคุมและสั่งกํารในรํายละเอียด ด้วยตนเอง เพ่ือให้สํามํารถดึงศักยภําพของกํารทํางําน เป็นทีมมําใช้ประโยชน์ได้อย่ํางเต็มท่ี
อ้างอิง
Hans-Christian Vogt, “Submarine Technology and Knowledge Training,” ThyssenKrupp Marine Systems, 2013.
L. David Marquet, “Turn the Ship Around! – A True Story of Turning Followers into Leaders,” London: Portfolio Penguin, 2013.
Will Spears, “Submarine Behaviors Tool: Assessing Watch Team Resilience,” Undersea Warfare, Summer 2014, 4-9, 2014.
นําวําโท สุระ บรรจงจิตร รับรําชกํารในกองทัพเรือมํากว่ํา ๒๐ ปี ได้เคยผ่ํานประสบกํารณ์กํารปฏิบัติงํานสําคัญที่เก่ียวข้องกับเรือดําน้ํา ได้แก่ หลักสูตรวิทยํากํารและเทคโนโลยีเรือดําน้ําเยอรมนี กําลังพลรับเคร่ืองฝึกศูนย์ยุทธกํารเรือดําน้ํา ผู้สังเกตกํารณ์กํารฝึกในเรือ ดําน้ําช้ัน Los Angeles ของทหํารเรือสหรัฐอเมริกํา ผู้สังเกตกํารณ์กํารฝึกในเรือดําน้ําช้ัน 212A ของทหํารเรือเยอรมนี หัวหน้ําชุดฝึก ศูนย์ยุทธกํารเรือดําน้ํา และครูฝึกเรือดําน้ํา นําวําโท สุระ ได้ลําออกจํากรําชกํารเม่ือปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษําอิสระและ ผู้เชี่ยวชําญด้ํานเรือดําน้ํา กับครูฝึกเรือดําน้ําให้กับกองเรือดําน้ํา กองเรือยุทธกําร
นาวิกศาสตร์ 55 ปีท่ี ๑๐๔ เล่มท่ี ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔