บทวิเคราะห์
คณุ คา่ ด้านเนอ้ื หา
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา แก่นของเร่ือง คือ การเตือนใจให้เห็นคุณค่าของ
ศิลปกรรมทําให้จิตใจมีความสุข ซ่ึงจะส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ความสําคัญของศิลปิน
ในฐานะเป็นผู้สร้างสรรค์งานศิลปะและผู้ประพันธ์มีจุดมุ่งหมายให้คนไทยช่วยกันสนับสนุนผลงาน
ของศิลปิน เพ่อื ใหศ้ ลิ ปนิ มรี ายได้พอเลีย้ งชีพและเกดิ กําลังใจในการสร้างสรรค์งานศิลปะ
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก แก่นของเร่อื ง คือ ข้าราชการเป็นกลไกสําคัญ ในการ
บริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามระบบด้วยความเรียบร้อย ข้าราชการจึงต้องต้ังใจปฏิบัติ หน้าท่ี
เสียสละและมีความสามัคคี ไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เชื่อฟังคําส่ังของผู้บังคับบัญชา ตระหนัก ในหน้าที่
และสํานกึ ว่าเปน็ ขา้ ของพระเจา้ องค์เดียวกัน
คณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์
๑) การใช้ภาพพจน์ บทเสภาสามัคคีเสวก มีความดีเด่นด้านการใช้ภาพพจน์ แบบอุปมา โดยเฉพาะบทเสภา
ตอน สามัคคีเสวก ทรี่ ัชกาลที่ ๖ ทรงเปรียบเทียบประเทศชาติกับเรือใหญ่ท่ีกําลังแล่นอยู่ในทะเล โดยมีพระมหากษัตริย์ทรง
เปน็ ผ้นู าํ ประเทศเปรยี บได้กบั กปั ตนั เรอื หรอื นายเรือ และเหล่าเสวกหรอื ขา้ ราชการทั้งหลายเปรียบได้กบั กะลาสีเรอื
รัชกาลที่ ๖ ทรงแสดง ใหเ้ ห็นว่าพระมหากษัตรยิ จ์ ะทรงนําประเทศชาติ “รัฐนาวา” ให้เคล่ือนที่หรือก้าวหน้าต่อไปได้
ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกัน ตลอดจนการปฏิบัติงานด้วยความแข็งขันและด้วยความมี ระเบียบวินัยของบรรดา
ข้าราชการ จงึ จะสามารถฝ่าคล่ืนลมหรอื อุปสรรคท้งั หลายไปไดด้ ังบทประพนั ธ์
ควรนึกว่าบรรดาข้าพระบาท ลว้ นเปน็ ราชบรพิ ารพระทรงศรี
เหมอื นลูกเรอื อยู่ในกลางหว่างวารี จําตอ้ งมีมติ รจิตสนทิ กนั
แมล้ ูกเรอื เชือ่ ถือผูเ้ ป็นนาย ตอ้ งม่งุ หมายช่วยแรงโดยแขง็ ขนั
คอยต้งั ใจฟังบงั คบั กปั ปติ นั นาวาน้นั จงึ จะรอดตลอดทะเล
๒) การหลากคาและการแตกศัพท์
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา มีการแตกศัพท์ คําว่า ศิลป์ ให้เป็นคําศัพท์หลายๆ คํา เช่น
ศลิ ปี ศลิ ปะ ศิลปา ศลิ ปกรรม ศิลปกรรม์ ซ่ึงมคี วามหมายวา่ ศลิ ปะเหมือนกันทุกคาํ เปน็ การแต่คําศัพท์มาใช้
อยา่ งประณีต เพอ่ื ให้เกดิ ความไพเราะงดงาม โดยทคี่ วามหมายไมม่ เี ปลี่ยนแปลง
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก มีการหลากคาท่ีมีความหมายว่า “พระมหากษัตริย์” โดยใช้
คําว่า ทรงธรรม พระทรงศรี พระภูธร พระจักรี แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถในการพระราชนิพนธ์
ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ส่งสามารถเลือกใช้คําท่ีหลากหลายเพื่อสื่อความหมายเดียวกันได้
อย่างไพเราะงดงาม
คําท่ีมีความหมายว่า ข้าราชบริพาร มีการหลากคําโดยใช้คําว่า ข้าพระบาท เสวี ข้าฝ่าพระบาท
เสวก- ราชเสวี
คณุ ค่าทางดา้ นสงั คม
๑. สะทอ้ นความงามทางด้านศลิ ปะ
ศิลปะย่อมทาให้ผู้คนเกิดความเพลินตา
เตือนใจจากการท่ีได้พบเห็น ซึ่งเป็นผลงานท่ี
ศิลปินหรือช่างแขนงต่างๆ ตามท่ีรัชกาลท่ี ๖
จึงกล่าวถึง เป็นตัวอย่าง คือ ช่างป้ัน ช่าง
เขียน ช่างก่อสร้าง ช่างทอง ช่างเงิน ช่างถม
ช่างทาอัญมณี ได้บรรจงสร้างสรรค์อย่าง
ประณตี สวยงามและเมอื่ เกิดความสบายใจแล้ว
ร่างกายก็จะเป็นสุข ซ่ึงหมายความไปถึงการมี
กาลังที่จะทาประโยชน์และความเจริญให้แก่
ตนเองและประเทศชาติต่อไป
๒. สะท้อนความรุ่งเรอื งของบา้ นเมอื ง
ผลงานท่ีศิลปินและช่างทั้งหลายได้ประดิษฐ์
คิ ด ค้ น ขึ้ น ย่ อ ม เ ป็ น เ ค ร่ื อ ง มื อ ท่ี ช่ ว ย “ บ า รุ ง
แดนดิน” หรือแสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของ
บ้านเมือง อกี ทงั้ ยงั ภูมปิ ญั ญาและเกยี รติภมู ิของชาติ
ด้วยเหตุน้ีนานาประเทศจึงต่างยกย่องศิลปะว่า
เป็นสง่ิ “ศรวี ิไลวลิ าศดเี ป็นศรีเมือง” คือ ศิลปะเป็นสิ่ง
แสดงความเจริญของบ้านเมือง เป็นส่ิงที่สวยงามและ
เ ป็ น เ กี ย ร ติ เ ป็ น ศ รี แ ก่ ป ร ะ เ ท ศ ช า ติ น อ ก จ า ก น้ี ศิ ล ป ะ
ยงั เปน็ สง่ิ แสดงถึงความสงบสุขของชาติ ซึ่งหากชาติใด
ไมม่ ีความสงบสุข คุณในชาติก็จะมุ่งต่อสู้ทาศึกสงคราม
จนไม่มีความสนใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ แต่
หากชาติใดบ้านเมืองสงบสุข คนในชาติก็ย่อม
สร้างสรรค์ศิลปะเพ่ือประดับประดาบ้านเมืองให้
งดงาม
๓. สะท้อนคณุ ธรรมหนา้ ที่และความสามคั คี
บทเสภา ตอน สามัคคีเสวก มุ่งแสดง
ความคิดที่ว่า ชาติจะดารงอยู่ได้อย่างม่ันคง
ข้าราชการต้องพร้อมใจการปฏิบัติหน้าที่ใน
ตาแหนง่ ของตนด้วยความพยายาม ไมค่ านึงถึง
ความสุขส่วนตัว ตลอดจนมีความเคร่งครัดใน
ระเบียบวินัย ซึ่งล้วนแต่เป็นความประพฤติที่
แสดงถึงความจงรักภักดีท่ีข้าราชการพึงมีต่อ
พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็น “เหมือนบิดาบังเกิด
หัว” และท่ีสาคัญที่สุดคือต้องมีความสามัคคี
ป ร อ ง ด อ ง ใ ห้ ส ม กั บ เ ป็ น ข้ า ร า ช ก า ร ใ น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัวองคเ์ ดียวกัน
สรุปความรู้และข้อคิด
บทเสภาสามคั คเี สวก ตอน วิศวกรรมา
๑. หากเรามีศิลปะอยใู่ นใจก็เหมอื นกับเรามเี ครือ่ งผ่อนคลายความทุกขอ์ ยดู่ ว้ ย
๒. ศิลปกรรมเป็นสิ่งที่สวยงามจาเริญตา จาเริญใจเราจึงควรท่ีจะช่วยกัน
ส่งเสริมและสนับสนนุ
๓. ชาติท่ีมีความเจริญรุ่งเรือง จะมีศิลปะประจาชาติ ศิลปะหมายถึงภาพ
สะท้อนของความสขุ สงบของประเทศ
๔. ชาติที่ไม่มีชา่ งทางดา้ นศิลปะ เหมอื นผ้หู ญิงทไี่ ม่มคี วามงาม
๕. ใครดูถกู งานศลิ ปะ เหมอื นคนป่าคนดง ไมส่ มควรคบคา้ สมาคมดว้ ย
๖. คนไทยควรชว่ ยรกั ษาศลิ ปะและอนรุ กั ษไ์ ว้ให้ร่งุ เรืองตลอดไป เพอ่ื แสดง
ความเป็นชาตทิ ่มี วี ัฒนธรรมมายาวนาน
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก
๑. ข้าราชการตอ้ งคานงึ ถึงหนา้ ทขี่ องตนเปน็ ใหญ่ มีความเครง่ ครัดในระเบียบ
วินยั
๒. ข้าราชการตอ้ งมคี วามจงรกั ภักดตี ่อพระเจา้ แผ่นดนิ
๓. ข้าราชการต้องมคี วามสามคั คีปรองดองเพอื่ นาชาตใิ ห้พัฒนาต่อไป
๔. การท่มี ีความพยายามในการทาอะไร ก็จะทางานนั้นได้เสรจ็ สมบูรณ์ ไม่ว่าจะ
อุปสรรคอะไร ถ้ามคี วามอดทนอดกลน้ั ก็จะประสบผลสาเร็จ
ขอ้ คิดที่สามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ ประจาวัน
๑. ให้มีความรักและภูมิใจในศิลปะของชาติ การสร้างเจตคติท่ีดีต่อศิลปะ
ปลูกฝังจิตสาํ นึกใหเ้ ยาวชนรักศิลปะย่อมจะทําใหศ้ ลิ ปะของชาติดํารงอยู่ได้
๒. ให้ตระหนักในหน้าท่ีของตน ประเทศชาติจะพัฒนาได้ย่อมต้องอาศัยบุคคล
ภายในชาติเป็นกลไกสําคัญ เน่ืองด้วยแต่ละบุคคลจะดํารงสถานภาพและแสดงบทบาท
ทางสังคมทแ่ี ตกต่างกัน โดยทีท่ ุกสถานภาพลว้ นมีความสาํ คัญเท่าเทยี ม
๓. ให้เห็นถึงความสาคัญของความสามัคคี ไม่คิดร้ายแก่งแย่งชิงดีหรือเห็นแก่
ประโยชน์ส่วนตนเป็นท่ีต้ังเป็นเรื่องรองลงมาจากผลประโยชน์ส่วนตัวย่อมทําให้
ประเทศชาตเิ กดิ ความเสียหายได้ความสามคั คีจะเปน็ เครอื่ งผกู รวมจิตใจของคนในชาติ
๔. ใหเ้ กิดความจงรกั ภกั ดีต่อพระมหากษตั ริย์ ประชาชนทกุ คนจึงควรรู้จักหน้าท่ี
ของตนเองและปฏิบัติงานในหน้าที่อยา่ งเต็มความสามารถ พร้อมท้ังมีระเบียบวินัยและมี
ความสมัครสมานสามัคคกี ัน บ้านเมอื งกจ็ ะมคี วามสงบสขุ และมีความเจริญรุง่ เรอื ง