41 บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยก่อน และหลังได้รับการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลาง โดยมีหัวข้อในการดำเนินการวิจัย ดังนี้ ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากร เด็กปฐมวัยที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566โรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์สำนักงานการศึกษาเทศบาลนครอุดรธานี จำนวน 6 ห้อง กลุ่มตัวอย่าง เด็กปฐมวัยที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3/1 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2566 โรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์ สำนักงานการศึกษาเทศบาลนครอุดรธานี จำนวน 14 คน จากห้องเรียน 1 ห้อง ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม แบบแผนการทดลอง การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง (Quasi - Experimental Research Design) ซึ่ง ผู้วิจัย ได้ดำเนินการทดลองโดยอาศัยแบบการทดลองกลุ่มเดียว มีการวัดผลก่อนและหลังการทดลอง โดยใช้แบบ แผนการทดลองที่ประยุกต์มาจากการดำเนินการวิจัยแบบ One Group Pretest - Posttest Design (ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ, 2538) ดังตารางตางราง 1 แบบแผนการ ทดลองแบบแผนการวิจัย เป็นการดำเนินการวิจัยแบบกลุ่มเดียวสังเกตก่อนเรียนและหลังเรียนดังนี้ ตารางที่ 1 แบบแผนการทดลอง สัญลักษณ์ที่ใช้ในแบบแผนการทดลอง T1 แทน การทดสอบก่อนการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลาง X แทน การจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลาง T2 แทน การทดสอบหลังการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลาง สอบก่อน ทดลอง สอบหลัง T1 X T2
42 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. ลักษณะของเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1.1 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แผนการจัดประสบการณ์ประกอบอาหารภาคกลาง จำนวน 24 แผน เป็นเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 1 ชั่วโมง 1.2 แบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย แบ่งเป็น 3 ตอน จำนวน 15 ข้อ ประกอบด้วยแบบทดสอบ ดังนี้ 1.2.1 แบบทดสอบวัดการจำแนกเปรียบเทียบ 1.2.2 แบบทดสอบวัดการจัดหมวดหมู่ 1.2.3 แบบทดสอบวัดการหาความสัมพันธ์ 2. วิธีการสร้างและตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ 2.1 แผนการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง ผู้วิจัยดำเนินการสร้างและหา คุณภาพ ดังนี้ 2.1.1 ศึกษาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 2.1.2 ศึกษาทฤษฎี ตำรา เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรม ประกอบอาหารภาคกลาง 2.1.3 นำกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลางที่คัดเลือกไว้ดำเนินการสร้าง แผนการ จัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลางจำนวน 24 แผน โดยมีระยะเวลาในการจัดกิจกรรม 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน ทุกวันจันทร์วันพุธ และวันศุกร์ ในกิจกรรมเสริมประสบการณ์ ดังตารางที่ ตารางที่ 2 รายการประกอบอาหาร 24 กิจกรรม ใน 8 สัปดาห์ สัปดาห์ที่ วันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ 1 ข้าวผัด แกงจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดคะน้าหมู 2 ผัดไทย ต้มข่าไก่ ผัดกะเพราหมู 3 หมูทอดกระเทียม ผัดผักบุ้ง ไข่พะโล้ 4 ทอดมันปลากราย ผัดซีอิ๊ว ต้มยำกุ้ง 5 ผัดเปรี้ยวหวาน ไข่ตุ๋น พะแนงหมู 6 สุกี้หมู ข้าวมันไก่ ผัดพริกแกง 7 ไก่ทอดกระเทียม แกงคั่วหน่อไม้ไก่ ยำวุ้นเส้น 8 ผัดผักรวมมิตร ราดหน้า แกงเขียวหวานไก่
43 2.1.4 น ำแผนกำรจัดกิจกรรมประกอบอำหำรภำคกลำง เสนอต่ออำจำรย์ที่ ปรึกษำเพื่อปรับปรุงแก้ไข 2.1.5 นำแผนการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลาง เสนอผู้เชี่ยวชาญด้าน ปฐมวัยจำนวน 3 ท่าน คือ 1. นางสุภาวดี แสนสิทธิ์ครูระดับชั้นปฐมวัยโรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์ 2. นางนิยม เม้าราศี ครูระดับชั้นปฐมวัยโรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์ 3. นางอารีวรรณ วันทองทักษ์ครูระดับชั้นปฐมวัยโรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟ สงเคราะห์ เพื่อพิจารณาตรวจสอบความเหมาะสมและสอดคล้องขององค์ประกอบของแผนการจัดกิจกรรมตาม จุดประสงค์แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง โดยให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาลงความเห็น โดยมีเกณฑ์ การพิจารณาให้คะแนน ดังนี้ ให้คะแนน + 1 เมื่อแน่ใจว่าองค์ประกอบของแผนการจัดกิจกรรมมีความ เหมาะสมและสอดคล้องกัน ให้คะแนน 0 เมื่อไม่แน่ใจว่าองค์ประกอบของแผนการจัดกิจกรรมมีความ เหมาะสมและสอดคล้องกัน ให้คะแนน - 1 เมื่อแน่ใจว่าองค์ประกอบของแผนการจัดกิจกรรมนั้นไม่มี ความเหมาะสมและไม่สอดคล้องกัน จากนั้นนำคะแนนที่ได้จากผู้เชี่ยวชาญคำนวณหาดัชนี (Index of Item Obiective Congruence : IOC) ได้ค่าดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ 1.00 ทุกองค์ประกอบแสดงว่าองค์ประกอบ ในแผนการการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลาง 2.1.6 นำแผนการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลางที่ปรับปรุงแก้ไขแล้ว นำเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง 2.1.7 นำแผนการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลางที่แก้ไขปรับปรุงแล้วไป ทดลองใช้กับนักเรียนที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างแล้วนำมาปรับปรุงแก้ไขจากนั้นนำไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างตาม เนื้อหาที่กำหนดต่อไป ขั้นตอนการสร้างแผนการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลาง ผู้วิจัยได้ดำเนินการ สร้างตามลำดับ ดังแสดงในภาพที่ 3
44 ศึกษาแนวคิดทฤษฎีเอกสาร และตำราที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลาง นำกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลางที่คัดเลือกไว้ตามเกณฑ์ดำเนินการสร้างแผนการจัด กิจกรรมประกอบอาหารภาคกลาง จำนวน 24 แผน โดยมีแผนการจัด กิจกรรม 1 แผนใช้ในการจัด กิจกรรม 1 วัน โดยมีระยะเวลาในการจัดกิจกรรม 8 สัปดาห์สัปดาห์ละ 3 วัน ทุกวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ในกิจกรรมเสริมประสบการณ์ นำแผนการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลางเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อปรับปรุงแก้ไข นำแผนการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลาง เสนอผู้เชี่ยวชาญด้านปฐมวัย จำนวน 3 ท่าน เพื่อพิจารณา ตรวจสอบความเหมาะสม และสอดคล้องขององค์ประกอบของแผนการจัด กิจกรรมตามจุดประสงค์แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง นำแผนการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลางที่ปรับปรุงแก้ไขแล้วนำเสนอต่ออาจารย์ที่ ปรึกษาเพื่อตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง นำแผนการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลาง ที่แก้ไขปรับปรุงแล้วไปทดลองใช้กับนักเรียนที่ไม่ใช่ กลุ่มตัวอย่างแล้วนำมาปรับปรุงแก้ไขจากนั้นนำไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างตามเนื้อหาที่กำหนดต่อไป ภาพที่ 3 ขั้นตอนการสร้างแผนการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง ศึกษาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2560
45 2.2 แบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย มีลำดับขั้นตอนดังนี้ 2.2.1 ศึกษาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 เนื้อหา วัตถุประสงค์ และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย 2.2.2 กำหนดประเด็นพร้อมเกณฑ์การให้คะแนนในการทดสอบวัดทักษะการคิด วิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยเป็นชนิดข้อสอบแบบเป็นรูปภาพแล้วให้เด็กเลือกคำตอบที่เป็นรูปภาพ แบ่งเป็น 3 ตอน โดยมีขอบเขตดังนี้ 2.2.2.1 แบบทดสอบวัดการจำแนกเปรียบเทียบ จำนวน 5 ข้อ 2.2.2.2 แบบทดสอบวัดการจัดหมวดหมู่ จำนวน 5 ข้อ 2.2.2.3 แบบทดสอบวัดการหาความสัมพันธ์จำนวน 5 ข้อ 2.3 นำแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อปรับปรุงแก้ไข 2.4 นำแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยให้ผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน ดังนี้ 1. นางนาฏอนงค์ พิลาวัน ครูระดับชั้นปฐมวัยโรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์ 2. นางจันทิมา บุญมาตุ่น ครูระดับชั้นปฐมวัย โรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์ 3. นางอัญธิกา พลศรี ครูระดับชั้นปฐมวัย โรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์ พิจารณาตรวจสอบเพื่อตรวจสอบความตรงของเนื้อหา และสอดคล้องกับการคิดวิเคราะห์แล้วลง ความเห็น ดังนี้ ให้คะแนน + 1 เมื่อเห็นว่าข้อสอบมีความเหมาะสมและสอคคล้องกับ ทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย ให้คะแนน 0 เมื่อไม่แน่ใจว่าข้อสอบนั้นมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับ ทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย ให้คะแนน - 1 เมื่อแน่ใจว่าข้อสอบนั้นไม่มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับ ทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย แล้วนำคะแนนที่ได้จากผู้เชี่ยวชาญมาคำนวณหาดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item Objective Congruence : IOC ) ได้ค่าดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ 1.00 ทุกข้อ 2.5 นำแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ไปทดลองใช้กับนักเรียนระดับปฐมวัย จำนวน 14คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566เพื่อหาค่าความยากง่าย อำนาจจำแนก ความเชื่อมั่น
46 2.6 นำแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยที่ปรับปรุงแก้ใขแล้วไป ใช้เก็บข้อมูลกับเด็กปฐมวัยที่เป็นกลุ่มตัวอย่างต่อไป ดังภาพที่ ภาพที่ 4 ขั้นตอนการสร้างแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย การเก็บรวบรวมข้อมูล ศึกษาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ.2546 เอกสารการวัดผลประเมินผล ศึกษา เอกสารเกี่ยวกับกำรสร้ำงแบบทดสอบวัดทักษะกำรคิดวิเครำะห์ของเด็กปฐมวัย สร้างแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย ตามเกณฑ์ที่กำหนดโดย มีขอบข่ายและแบบทดสอบแบบเป็นรูปภาพแล้วให้เด็กเลือกคำตอบที่เป็นรูปภาพ แบ่งเป็น 3 ตอน นำแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นนำเสนอต่อ อาจารย์ที่ปรึกษา แล้วนำเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 ท่าน ตรวจสอบความเหมาะสมและ สอดคล้อง พิจารณาลงความเห็น เพื่อหาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างของแบบทดสอบกับ จุดประสงค์การเรียนรู้ได้ค่าดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ 1.00 นำแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ไปทดลองใช้กับนักเรียนระดับปฐมวัย จำนวน 14 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 เพื่อหาค่าความยากง่าย อำนาจจำแนก ความเชื่อมั่น ปรับปรุงแก้ไขแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย แล้วนำ แบบทดสอบไปใช้กับเด็กนักเรียนอนุบาลบีที่ 3 ที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง
47 ผู้วิจัยนำแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการจัดกิจกรรม มา ให้คะแนนและตรวจสอบความถูกต้อง และนำข้อมูลมาวิเคราะห์ทางสถิติ ดังนี้ 1. นำแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย ที่ได้ผ่านการวิเคราะห์และ ปรับปรุงแก้ไขแล้ว นำไปให้เด็กปฐมวัยที่เป็นกลุ่มทดลองดำเนินการทดสอบก่อนการจัดกิจกรรม 2. ดำเนินการจัดกิจกรรมตามแผนการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลาง จำนวน 24 กิจกรรม กิจกรรมละ 1 แผน รวม 24 แผน เป็นเวลา 8 สัปดาห์ 3. หลังจากดำเนินการทดลองการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลางครบตาม กำหนดในแผนการจัดกิจกรรมแล้วผู้วิจัยนำแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยฉบับ เดิมให้เด็กกลุ่มทดลองทดสอบหลังการจัดกิจกรรม การวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับ ดังนี้ 1. วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย โดย นำข้อมูลไปหาค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation ) 2. แล้วนำคะแนนที่ได้จากการทดสอบมาเปรียบเทียบกันระหว่างก่อนและหลังการ ทดลอง โดยการใช้การทดสอบทีแบบไม่เป็นอิสระ (t- test for Dependent Sample) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ 1. สถิติที่ใช้ในการตรวจสอบเครื่องมือ 1.1 หาค่าความตรงรายข้อของแผนการจัดประสบการณ์โดยใช้ผู้เชี่ยวชาญ เรียกว่าดัชนี ความสอดคล้อง (IOC : Index of Item Objective Congruence) เป็นความสอดคล้องระหว่างข้อ คำถามกับจุดประสงค์ โดยอาศัยความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นหลัก มีสูตรในการคำนวณ ดังนี้ R IOC N = เมื่อ IOCแทน ดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับจุดประสงค์ R แทน ผลรวมความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญทุกคน N แทน จำนวนผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด
48 1.2 หาค่าความยากง่าย (p) อำนาจจำแนก (r) และความเชื่อมั่น (rtt) ของคูเดอร์ริ ชาร์ทสัน 20 (K-R 20) ของแบบทดสอบคำนวณผลโดยใช้โปรแกรมการวิเคราะห์แบบทดสอบ ทางคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป TAP (Test Analysis Programs) 1.3 หาค่าความเชื่อมั่นของผู้ให้คะแนนความสามารถในการคิดแก้ปัญหา ซึ่งคำนวณหา ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล ทางสังคมศาสตร์ (SPSS for Windows) 2. สถิติพื้นฐานที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 2.1 ร้อยละ มีสูตรในการคำนวณ ดังนี้ f N p = x 100 เมื่อ p แทน ร้อยละ f แทน ความถี่หรือจำนวนข้อมูลที่ต้องการหาร้อยละ n แทน จำนวนข้อมูลทั้งหมด 2.2 ค่าเฉลี่ย ( X ) มีสูตรในการคำนวณ ดังนี้ X X = n เมื่อ X แทน ค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง X แทน ผลรวมทั้งหมดของคะแนน n แทน จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 2.3 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S) มีสูตรในการคำนวณ ดังนี้
49 n X - X ( ) S = n(n - ) 2 2 1 เมื่อ S แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน X แทน ข้อมูลแต่ละค่าของกลุ่มตัวอย่าง X แทน ค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง n แทน จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 3. สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน คำนวณโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลทางสังคมศาสตร์ (SPSS for Windows) เปรียบเทียบทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการ ประกอบอาหารภาคกลางก่อนและหลังการจัดกิจกรรม โดยใช้การทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t-test for Dependent Samp
50 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิจัยครั้งนี้ เพื่อให้ข้อมูลจากการทดลองและการแปลความหมายจากการวิเคราะห์ ข้อมูลเกิดความเข้าใจตรงกัน ผู้วิจัยจึงใช้สัญลักษณ์ในการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ N แทน จำนวนนักเรียนในกุล่มทดลอง ̅ แทน ค่าเฉลี่ย S.D. แทน ความเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนน T แทน ค่าสถิติที่ใช้ในการพิจารณา t - distribution ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ 1. วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากแบบทดสอบวัดทักษะการวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยโดยนำ ข้อมูลไปหาค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าส่วนเบนเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) 2. น ำคะแนนที่ได้จำกแบบทดสอบทักษะกำรคิดวิเครำะห์ของเด็กปฐมวัย เปรียบเทียบกันระหว่ำงก่อนและหลังกำรจัด โดยใช้กำรทดสอบทีแบบไม่เป็นอิสระ (t-test Dependent Sample) 1. ค่าสถิติพื้นฐานทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย ผู้วิจัยได้นำคะแนนทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังได้รับการจัด กิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง มาหาค่าสถิติพื้นฐาน คือ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ของคะแนนปรากฏดังแสดงในตารางที่ 3
51 ตารางที่ 3 ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ ของคะแนนทักษะการคิดวิเคราะห์ ของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง ระยะการจัดกิจกรรม N ̅ S.D. ก่อนการจัดกิจกรรม 15 6.79 1.05 หลังการจัดกิจกรรม 15 13.07 1.86 จากตารางที่ 3 พบว่า ทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย ก่อนได้รับการจัดกิจกรรมการ ประกอบอาหารภาคกลาง มีค่าเฉลี่ยนเท่ากับ 6.79และหลังได้รับการจัดกิจกรรมการประกอบอาหาร ภาคกลางมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 13.07 ตามลำดับ 2. เปรียบเทียบทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการ ประกอบอาหารภาคกลาง ผู้วิจัยได้นำคะแนน ทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยก่อนได้รับการจัดกิจกรรม ประกอบอาหารภาคกลาง มาหาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน แล้วนำมาเปรียบเทียบกันโดย ใช้สถิติ t-test แบบ Dependent Sample ดังปรากฎในตารางที่ 4 ตารางที่ 4 การเปรียบเทียบคะแนนทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังได้รับการจัด กิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง ระยะการจัดกิจกรรม N ̅ S.D. t ก่อนการจัดกิจกรรม 15 6.79 1.05 22* หลังการจัดกิจกรรม 15 13.07 1.86 จากตารางที่ 4 พบว่า เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง มี ทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยหลังการจัดกิจกรรมสูงกว่าก่อนการจัดกิจกรรมอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05
52 บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาผลการเปรียบเทียบทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยก่อนและ หลังได้รับการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลาง สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ วัตถุประสงค์ของการวิจัย การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยก่อน และหลังได้รับการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลาง สมมติฐานการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้กำหนดสมมติฐานการวิจัย ดังนี้ เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลางมีทักษะการคิดวิเคราะห์ หลังได้รับการจัดกิจกรรมสูงกว่าก่อนได้รับการจัดกิจกรรม ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1. ประชากร เด็กปฐมวัย ชาย-หญิง ที่กําลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์ สำนักงานการศึกษาเทศบาลนครอุดรธานี 2. กลุ่มตัวอย่าง เด็กปฐมวัย อายุ 5-6 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566โรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์ สำนักงานการศึกษาเทศบาลนครอุดรธานีจำนวน 14 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ในกำรวิจัยครั้งนี้ เครื่องมือที่ใช้ในกำรวิจัยมีดังนี้ 2.1 แผนการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลาง 2.2 แบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย
53 การดำเนินการจัดกิจกรรม ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยดำเนินกิจกรรม ดังนี้ 1. นำแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย ที่ได้ผ่านการวิเคราะห์และ ปรับปรุงแก้ไขแล้ว นำไปให้เด็กปฐมวัยที่เป็นกลุ่มทดลองดำเนินการทดสอบก่อนการจัดกิจกรรม 2. ดำเนินการจัดกิจกรรมตามแผนการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลาง จำนวน 24 กิจกรรม กิจกรรมละ 1 แผน รวม 24 แผน เป็นเวลา 8 สัปดาห์ 3. หลังจากการดำเนินการทดลองการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลางครบตาม กำหนดในแผนการจัดกิจกรรมแล้ว ผู้วิจัยนำแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์นำคะแนนไป วิเคราะห์ การวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับ ดังนี้ 1. วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากแบบทดสอบวัดทักษะการวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยโดยนำ ข้อมูลไปหาค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าส่วนเบนเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) 2. น ำคะแนนที่ได้จำกแบบทดสอบทักษะกำรคิดวิเครำะห์ของเด็กปฐมวัย เปรียบเทียบกันระหว่ำงก่อนและหลังกำรจัด โดยใช้กำรทดสอบทีแบบไม่เป็นอิสระ (t-test Dependent Sample) สรุปผลการวิจัย เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลาง มีทักษะการคิดวิเคราะห์ของ เด็กปฐมวัยหลังการจัดกิจกรรมสูงกว่าก่อนการจัดกิจกรรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 การอภิปรายผล การวิจัยครั้งนี้พบว่า เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง มี ทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยหลังการจัดกิจกรรม สูงกว่าก่อนการจัดกิจกรรม อย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งสามารถอภิปรายได้ว่า การประกอบอาหารภาคกลาง ช่วยส่งเสริม ทักษะคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยได้ เนื่องมาจากแผนการจัดกิจกรรมทั้ง 24 แผน ได้ผ่านการ ตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ และได้นำไปทดลองใช้เพื่อหาคุณภาพที่เหมาะสม ดังนั้นกิจกรรมตาม แผนการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลางจึงสามารถนำมาจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริม
54 ทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ซึ่งในขั้นการสอนนั้นครูได้จัดกิจกรรม การประกอบอาหารภาคกลาง พร้อมทั้ง กระตุ้นทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย คือ การจำแนก เปรียบเทียบ การจัดหมวดหมู่ และการหาความสัมพันธ์โดยใช้กิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง พร้อมคำถามระหว่างเด็กทำกิจกรรม ถ้าหากเด็กยังไม่สามารถจำแนกเปรียบเทียบ จัดหมวดหมู่และ หาความสัมพันธ์ ได้ครูจะใช้คำถามเพื่อกระตุ้นเด็กอีกครั้ง เพื่อให้เด็กได้คิดทบทวน และพิจารณา ซึ่ง สอดคล้องกับ มาร์ซาโน (2001) การคิดวิเคราะห์ เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เหตุผล คิดอย่างลึกซึ้งและ หลากหลาย มีการคิดโดยพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนและต้องมีเหตุผล สามารถระบุความเหมือนหรือ ความแตกต่างอย่างมีหลักการ สามารถจัดลำดับ จัดหมวดหมู่ หรือจัดประเภทของความรู้ของสิ่งต่างๆ ระบุเหตุผลของการเกิดข้อผิดพลาดของข้อมูล สามารถตีความหรือบอกหลักเกณฑ์พื้นฐานของความรู้ ระบุ เจาะจง หรือสรุปอย่างมีเหตุผล จนสามารถเกิดเป็นความรู้ใหม่ได้และนาหลักการเพื่อประยุกต์ใช้ ในสถานการณ์ใหม่โดยใช้พื้นฐานของความรู้สอดคล้องกับ บุญประจักษ์ วงษ์มงคล (2556) ได้ทำการ วิจัยเรื่อง ผลการจัดประสบการณ์แบบปฏิบัติการทดลองประกอบอาหารและการจัดประสบการณ์ แบบทั่วไปที่มีต่อทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยที่มีความสามารถทางสติปัญญา แตกต่างกัน ผลการศึกษาพบว่า เด็กปฐมวัยที่มีอายุระหว่าง 4 - 5 ปี ที่ได้รับการจัดประสบการณ์แบบ ปฏิบัติการทดลองประกอบอาหารมีทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สูงกว่าเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัด ประสบการณ์แบบทั่วไป อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และเด็กปฐมวัยที่มีความสามารถทาง สติปัญญาสูง ปานกลาง และต่ำ มีทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ . 0 1 ข้อเสนอแนะ จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ และข้อเสนอแนะในการทำวิจัย ครั้งต่อไป ดังนี้ 1. ข้อเสนอแนะในการนำผลวิจัยไปใช้ 1.1 ผู้ที่มีความประสงค์จะนำการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลางไปใช้ ควร ศึกษาและทำความเข้าใจในทฤษฎี แนวคิดพื้นฐานและหลักการเป็นอย่างดี เพื่อให้สามารถใช้รูปแบบ การจัดกิจกรรมการการประกอบอาหารภาคกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครูควรจะสังเกตการณ์ทำ กิจกรรมของเด็กว่าเป็นไปตามที่ได้วางแผนไว้หรือไม่ และบอกการใช้เหตุผล ในการทำกิจกรรม อย่างไร หากเด็กยังไม่เกิดทักษะการคิดวิเคราะห์ ครูควรใช้คำถาม และการสนทนาเกี่ยวกับเรื่อง ประกอบอาหารภาคกลาง เพื่อกระตุ้นเด็กอีกครั้ง
55 1.2 ครูควรระวังการใช้คำถามหรือการสัมภาษณ์ในระหว่างที่เด็กทำกิจกรรม หาก สังเกตพบว่าเด็กต้องการความช่วยเหลือหรือทำกิจกรรมไม่เป็นไปตามแผน ครูจึงจะเข้าไปถามและ ช่วยเหลือ 1.3 ครูควรมีบทบาทในการดูแลให้ความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำเมื่อเด็กต้องการให้การ เสริมแรง กล่าวคำชมเชยและถ้าเด็กมีปัญหาระหว่างการทำกิจกรรมครูต้องให้ความช่วยเหลือเด็ก 2. ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป 2.1 ควรมีการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง ต่อความสามารถด้านอื่น ๆ เช่น ด้านการเรียงลำดับ และด้านจำนวน เป็นต้น 2.2 ควรมีการศึกษาเพื่อศึกษาการเปรียบเทียบทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลางในระดับชั้นอื่นๆ ต่อไป
56 เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560. [ออนไลน์]. ได้จาก : http://academic.obec.go.th [ สืบค้นเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 ]. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์. (2548), การคิดเชิงกลยุทธ์. กรุงเทพฯ: ซักเซส มีเดีย. คมสันต์ ก้านจักร. (2552). การพัฒนาครูในการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมศักยภาพที่เน้นการคิด วิเคราะห์ของ ผู้เรียนโรงเรียนโนนป่างิ้ววิจิตวิทยาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากาฬสินธุ์ เขต 1. การศึกษาค้นคว้าอิสระครุศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. จิรพร ไชยเผือก. (2540). ผลของการใช้กิจกรรมการเล่นทรายเปียกที่มีต่อทักษะเด็กปฐมวัย. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต (การศึกษาปฐมวัย, กรุงเทพฯ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒถ่ายเอกสาร ฉัตรมงคล สวนกัน. (2555). การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยโดย การจัด ประสบการณ์ด้วยเกมการศึกษา. สกลนคร: มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร. เต็ม สมิตินันท์ และวีระชัย ณ นคร. (2534). "พฤกษศาสตร์พื้นบ้าน" การสัมมนาระดับประเทศ เรื่องพฤกษศาสตร์พื้นบ้าน. กรุงเทพฯ : หอสมุดแห่งชาติ. นิตยา ประพฤติกิจ. (2541). คณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย. กรุงเทพฯ : โอ เอส พริ้นติ้งเฮาส์. กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร. บุญประจักษ์ วงษ์มงคล. (2556), การศึกษาผลการจัดประสบการณ์แบบปฏิบัติการทดลองการ ประกอบอาหารและการจัดประสบการณ์แบบทั่วไปที่มีต่อทักษะคณิตศาสตร์ของเด็ก ปฐมวัยที่มีความสามารถทางสติปัญญาแตกต่างกัน. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย), กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร. ประพันธศิริ สุเสารัจ. (2551). การพัฒนาการคิด.กรุงเทพฯ : เทคนิคพริ้นติ้ง. ปรียานุช สถาวรมณี! (2548). การพัฒนากิจกรรมในหลักสูตรเสริมเพื่อพัฒนาทักษะการคิด วิเคราะห์ของนักเรียน. ปริญญานิพนธ์กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ บัณฑิตวิทยาลัยมหาศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร ปวีณา (นามแฝง). (2539, มกราคม), งาน Cooking, ใน วารสารรักลูก. 14(156): 112-114. ไผท สิทธิสุนทร. (2543) วิธีคิดแบบ 6 หมวก. สถานปฏิรูปปีที่ 3. ฉบับที่ 27.
57 สำนักงานวิชาการและมาตรฐานการศึกษา . (2546), คู่มือหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย. กรุงเทพฯ: ม.ป.ท. พรรณี ช.เจนจิต. (2538).จิตวิทยาการเรียนการสอน. กรุงเทพ ฯ : ตันอ้อ แกรมมี่ พร พันธ์โอสถ. (2543). การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยไทย: วอลดอร์ฟ. กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์. รับรองมาตรฐานและการประเมินคุณภาพการศึกษา, สำนักงาน. (2549) .มาตรฐาน ตัวบงชี้ และ การพิจารณา เพื่อการประเมินคุณภาพภายนอก ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน.กรุงเทพฯ : จุดทอง.Created with Print2PDF. To remove this line, buy a licenseat:http://www.software602.com/ ลัดดา ภู่เกียรติ. (2542), การสร้างแบบวิชาคณิตศาสตร์เพื่อพัฒนาความสามารถในการคิด วิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. ครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ลิขิต ธีรเวศิน. (2542, - 2543, มิถุนายน - พฤศจิกายน). การฝึกการคิดวิเคราะห์. ร่มพฤกษ์. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. วาศิล (นามแฝง). (2543, ธันวาคม). แสนสนุกทำ cooking รักลูก: Kids & School. วิโรจน์ นาคชาตรี (2542). ข้อบกพร่องของภาษาและการอ้างเหตุผลจากประสบการณ์ในการใช้ เหตุผล. Reasuning. (หน้า 87 - 149) (พิมพ์ครั้งที่ 2) กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัย รามคำแหง วีระ ไทยพาณิชย์. (2549). การคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณและคิดสร้างสรรค์. กรุงเทพฯ ชมรมเด็กสุ วีริยาสาส์น. วันดี ณ สงขลา. (ม.ป.ป.). อาหารไทยตามฤดูกาลต่าง ๆ. กรุงเทพฯ: ภาควิชาอาหารวิทยาสถาบัน เทคโนโลยีราชมงคล. วไลพร พงศ์ศรีทัศน์. (2536). ผลของการจัดผลประโบการณ์แบบปฏิบัติการทดลองประกอบอาหาร กับแบบปกติที่มีต่อทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สุวิทย์ มูลคำ. (2550), กลยุทธ์ การคิดวิเคราะห์. กรุงเทพฯ: ดวงกมลมัย. ไสว ฟักขาว. (2546), "การคิดเชิงวิเคราะห์. ครุจันทรสาร.สุโขทัยธรรมาธิราช. (2526). เอกสารการ สอนชุดวิชาสื่อการสอนระดับปฐมวัยศึกษา หน้าที่8 - 12; กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน. (2535). คู่มืออบรมกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการเด็ก
58 อนุบาล (กิจกรรมในวงกลม). กรุงเทพฯ: หน่วยศึกษานิเทศก์. สำนักงานวิชาการและมาตรฐานการศึกษา . (2546), คู่มือหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย. กรุงเทพฯ: ม.ป.ท. หม่อมหลวงพวง ทินกร. (2529). ศูนย์ศิลปอาหารไทย หม่อมหลวงพวง ทินกร. สืบคั้นเมื่อวันที่ September, 25, 2009. อัญชลี ไสยวรรณ (2531). การศึกษาเปรียบเทียบผลการจัดประสบการณ์แบบปฏิบัติการทดลองกับ แบบผสมผลานที่มีต่อทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย. ปริญญา นิพนธ์กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ.ถ่ายเอกสาร. อำพวรรณ์ เนียมคำ . (2545). ผลการจัดประสบการณ์แบบโครงการที่มีต่อความสามารถทาง คณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย), กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร. อารีรัตน์ ญาณะศร. (2544). พฤติกรรมความร่วมมือของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์ การประกอบอาหารเป็นกลุ่ม. อารมณ สุวรรณปาล. (2551). การจัดประสบการณสำหรับเด็กปฐมวัย. พิมพครั้งที่ 2 กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. อุไรวรรณ มาตมุงคุณ. (2554). พัฒนาการด้านการเขียนของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรม ศิลปะจากงานกระดาษ. [ออนไลน์]. หลักสูตรปริญญาตรีศึกษามหาบัณฑิต สาขาการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. Bloom, Benjamin S; et. al. (1956). Taxonomy of Educational Objectives Book 1 : Cognitive Domain. London: Longman Group. Cowin, V.W. (1978, May) A Comparison Of Learning Geometry with or Without Laboratory Activities Aids and Paper Folding Techiques, Dissertation Abstracts. 11-6584 A-6585-A. Jackman, H.L. (1997) Early Education Curicolum: A Child's Connection to The Word. Albany. New York: Delmar. Marzano, Robert J. Designing A New Taxonmy of Educational Objective. California; Corwin Press.
59 Morrow, Leslev Mandel. (1993). Literacy Development in Early Year : Helping ChildrenRead and Write. Unites State of America : A Division of Simon and Schuster.Inc. Praget S. (1952).The Origins of Intelligeree in children. New York : InternationalUniversity Press. Rosman, Bernice L, (1966). Analytic Cognitive Style in Childron Pissertation Abstract International. 27: 2126 -2131. Smith, Deborah Ann. (1996,December). A Mata - Analysis of Student OutcomesAttributable of the Teaching of Science as Inquiry as Compared to TraditionalMethodology (Achievement, Process Skills, Critical Thinking, Laboratory Skills) Dissertation Abstracts International.
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจเครื่องมือ
62 รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจเครื่องมือ 1. นางสุภาวดี แสนสิทธิ์ ครูชำนาญการ โรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์ สำนักงานการศึกษาเทศบาลนครอุดรธานี 2. นางนาฎอนงค์พิลาวรรณ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์ สำนักงานการศึกษาเทศบาลนครอุดรธานี 3. นางจันทิมา บุญมาตุ่น ครูชำนาญการ โรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์ สำนักงานการศึกษาเทศบาลนครอุดรธานี 4. นางอารีวรรณ วันทองทักษ์ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์ สำนักงานการศึกษาเทศบาลนครอุดรธานี 5. นางนิยม เม้าราศี ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์ สำนักงานการศึกษาเทศบาลนครอุดรธานี 6. นางอัญธิกา พลศรี ครูชำนาญการ โรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์ สำนักงานการศึกษาเทศบาลนครอุดรธานี
ภาคผนวก ข ดัชนีความสอดคล้อง (IOC)ของแบบทดสอบ วัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย
64 ตารางที่ 5 ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย แบบทดสอบวัดการ คิดวิเคราะห์ ข้อที่ประเมิน คะแนนความคิดเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญ R IOC 1 2 3 ชุดที่1 การจำแนก เปรียบเทียบ 1. +1 +1 +1 3 1.0 2. +1 +1 +1 3 1.0 3. +1 +1 +1 3 1.0 4. +1 +1 +1 3 1.0 5. +1 +1 +1 3 1.0 ชุดที่ 2 การจัดหมวดหมู่ 1. +1 +1 +1 3 1.0 2. +1 +1 +1 3 1.0 3. +1 +1 +1 3 1.0 4. +1 +1 +1 3 1.0 5. +1 +1 +1 3 1.0 ชุดที่ การหาความสัมพันธ์ 1. +1 +1 +1 3 1.0 2. +1 +1 +1 3 1.0 3. +1 +1 +1 3 1.0 4. +1 +1 +1 3 1.0 5. +1 +1 +1 3 1.0
ภาคผนวก ค ค่าอำนาจจำแนก (r) และค่าความเชื่อมั่น ของทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย
66 ตารางที่ 6 ค่าอำนาจจำแนก (r) และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ ของเด็กปฐมวัย ค่าความเชื่อมั่นของแบบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย มีค่าเท่ากับ 0.90 ด้านที่ แบบทดสอบวัดทักษะ การคิดวิเคราะห์ ข้อที่ประเมิน ค่าความยากง่าย (r) ค่าอำนาจจำแจก (r) 1 การจำแนก เปรียบเทียบ ข้อที่ 1 0.64 0.63 ข้อที่ 2 0.57 0.57 ข้อที่ 3 0.71 0.57 ข้อที่ 4 0.57 0.70 ข้อที่ 5 0.57 0.67 2 การจัดหมวดหมู่ ข้อที่ 1 0.64 0.54 ข้อที่ 2 0.73 0.65 ข้อที่ 3 0.64 0.79 ข้อที่ 4 0.50 0.61 ข้อที่ 5 0.60 0.54 3 การหาความสัมพันธ์ ข้อที่ 1 0.67 0.63 ข้อที่ 2 0.73 0.80 ข้อที่ 3 0.67 0.72 ข้อที่ 4 0.53 0.61 ข้อที่ 5 0.60 0.70
ภาคผนวก ง ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแผนการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง
68 ตารางที่ 7 ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแผนการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลาง แผนที่ แผนการจัดกิจกรรม หัวข้อที่จะประเมิน ความคิดเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญ R IOC 1 2 3 1-3 1. การประกอบอาหาร ข้าวผัด 2. การประกอบอาหาร แกงจืดเต้าหู้หมูสับ 3. การประกอบอาหาร ผัดคะน้าหมู 1. สาระสำคัญ +1 +1 +1 3 1.0 2. จุดประสงค์การเรียนรู +1 +1 +1 3 1.0 3. สาระการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1.0 4.วิธีการดำเนินกิจกรรม +1 +1 +1 3 1.0 5. สื่อการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1.0 6. การวัดและประเมินผล +1 +1 +1 3 1.0 4-6 4. การประกอบอาหารผัด ไทย 5. การประกอบอาหารต้ม ข่าไก่ 6. การประกอบอาหาร ผัดกะเพราหมู 1. สาระสำคัญ +1 +1 +1 3 1.0 2. จุดประสงค์การเรียนรู +1 +1 +1 3 1.0 3. สาระการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1.0 4.วิธีการดำเนินกิจกรรม +1 +1 +1 3 1.0 5. สื่อการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1.0 6. การวัดและประเมินผล +1 +1 +1 3 1.0 7-9 7. การประกอบอาหาร หมูทอดกระเทียม 8. การประกอบอาหารผัด ผักบุ้ง 9. การประกอบอาหารไข่ พะโล้ 1. สาระสำคัญ +1 +1 +1 3 1.0 2. จุดประสงค์การเรียนรู +1 +1 +1 3 1.0 3. สาระการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1.0 4.วิธีการดำเนินกิจกรรม +1 +1 +1 3 1.0 5. สื่อการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1.0 6. การวัดและประเมินผล +1 +1 +1 3 1.0 10-12 10.การประกอบอาหาร ทอดมันปลากราย 11.การประกอบอาหาร ผัดซีอิ๊ว -12. การประกอบอาหาร ต้มยำกุ้ง 1. สาระสำคัญ +1 +1 +1 3 1.0 2. จุดประสงค์การเรียนรู +1 +1 +1 3 1.0 3. สาระการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1.0 4.วิธีการดำเนินกิจกรรม +1 +1 +1 3 1.0 5. สื่อการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1.0 6. การวัดและประเมินผล +1 +1 +1 3 1.0
69 ตารางที่ 7 ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแผนการจัดกิจกรรมประกอบอาหารภาคกลาง (ต่อ) แผนที่ แผนการจัดกิจกรรม หัวข้อที่จะประเมิน ความคิดเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญ R IOC 1 2 3 13-15 13. การประกอบอาหาร ผัดเปรี้ยวหวาน 14.การประกอบอาหารไข่ ตุ๋น 15. การประกอบอาหาร พะแนงหมู 1. สาระสำคัญ +1 +1 +1 3 1.0 2. จุดประสงค์การเรียนรู +1 +1 +1 3 1.0 3. สาระการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1.0 4.วิธีการดำเนินกิจกรรม +1 +1 +1 3 1.0 5. สื่อการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1.0 6. การวัดและประเมินผล +1 +1 +1 3 1.0 16-18 16.การประกอบอาหารสุกี้ หมู 17. การประกอบอาหาร ข้าวมันไก่ 18. การประกอบอาหาร ผัดพริกแกง 1. สาระสำคัญ +1 +1 +1 3 1.0 2. จุดประสงค์การเรียนรู +1 +1 +1 3 1.0 3. สาระการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1.0 4.วิธีการดำเนินกิจกรรม +1 +1 +1 3 1.0 5. สื่อการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1.0 6. การวัดและประเมินผล +1 +1 +1 3 1.0 19-21 19. การประกอบอาหาร ไก่ทอดกระเทียม 20.การประกอบอาหารยำ วุ้นเส้น 21. การประกอบอาหาร แกงคั่วหน่อไม้ไก่ 1. สาระสำคัญ +1 +1 +1 3 1.0 2. จุดประสงค์การเรียนรู +1 +1 +1 3 1.0 3. สาระการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1.0 4.วิธีการดำเนินกิจกรรม +1 +1 +1 3 1.0 5. สื่อการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1.0 6. การวัดและประเมินผล +1 +1 +1 3 1.0 22-24 22. การประกอบอาหาร ผัดผักรวมมิตร 23. การประกอบอาหาร ราดหน้า 24. การประกอบอาหาร แกงเขียวหวานไก่ 1. สาระสำคัญ +1 +1 +1 3 1.0 2. จุดประสงค์การเรียนรู +1 +1 +1 3 1.0 3. สาระการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1.0 4.วิธีการดำเนินกิจกรรม +1 +1 +1 3 1.0 5. สื่อการเรียนรู้ +1 +1 +1 3 1.0 6. การวัดและประเมินผล +1 +1 +1 3 1.0
ภาคผนวก จ คู่มือการใช้แผนการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง ตัวอย่างแผนการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง
71 คู่มือการใช้แผนการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง 1. คำชี้แจง กิจกรรมเกมการประกอบอาหารภาคกลาง เป็นกิจกรรมที่ทำให้เด็กได้เกิดการเรียนรู้ทักษะ การคิดวิเคราะห์ ในเรื่องการจำแนกเปรียบเทียบ การจัดหมวดหมู่ และการหาความสัมพันธ์ ในการ ทำกิจกรรม ซึ่งเด็กสามารถทำได้ความสนใจ หลังจากที่เด็กปฏิบัติกิจกรรมเสร็จจะใช้แบบทดสอบ มี วัตถุประสงค์ในการทำการประกอบอาหารภาคกลาง เพื่อที่จะส่งผลต่อทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็ก ปฐมวัย ซึ่งผู้วิจัยได้สร้างขึ้นและเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้เด็กได้ทำกิจกรรมอย่างเหมาะสมกับพัฒนาการ และความสนใจของเด็กจำนวนทั้งสิ้น 24 กิจกรรม 2. จุดมุ่งหมาย 1. เพื่อจำแนกเปรียบเทียบ การจัดหมวดหมู่ และหาความสัมพันธ์จากจำนวน ส่วนประกอบและเรียงลำดับขั้นตอนการประกอบอาหารภาคกลาง 2. เพื่อบอกชื่อวัสดุ อุปกรณ์และสามารถใช้อุปกรณ์ในการประกอบอาหารภาคกลาง 3. เพื่อให้เด็กทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน 3. เนื้อหา กิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง เป็นกิจกรรมที่ทำให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง จำนวน 24 กิจกรรม 4. การดำเนินกิจกกรม 4.1 นำเข้าสู่กิจกรรมด้วยการสนทนา การร้องเพลง การท่องคำคล้องจอง ปริศนาคำทาย หรือการใช้สื่ออย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อกระตุ้นให้เด็กเกิดความสนใจและสร้างความพร้อมก่อนเริ่ม กิจกรรม 4.2 สร้างข้อตกลงเกี่ยวกับข้อปฏิบัติ และข้อควรระวังในขณะปฏิบัติกิจกรรมประกอบ อาหารภาคกลาง 4.3 ครูแนะนำเมนูอาหาร เครื่องปรุง วัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้ในการประกอบอาหารภาคกลาง 4.4 ลงมือทำกิจกรรมตามที่ได้วางแผนไว้ โดยครูมีบทบาทในการให้คำแนะนำ 4.5 เด็กและครูร่วมกันสรุปขั้นตอนในการประกอบอาหารภาคกลาง 5. การประเมินผล สังเกตพฤติกรรมขณะที่เด็กทำกิจกรรม
72 6. บทบาทของครู 6.1 ศึกษาแผนการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง ให้เข้าใจก่อนลงมือจัด กิจกรรม 6.2 สร้างข้อตกลงและอธิบายขั้นตอนในการปฏิบัติกิจกรรม 6.3 กระตุ้นให้เด็กสนใจในกิจกรรมและให้แรงเสริมทางบวกขณะที่เด็กทำกิจกรรมในชั้น เรียน สรุปให้เด็กทบทวนถึงเรื่องที่ได้ทำและผลที่ได้จากการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง 7. บทบาทเด็ก ครูชี้แจงให้เด็กเห็นบทบาทของตนเอง ดังนี้ 7.1 ปฏิบัติกิจกรรมตามที่ตกลงกันไว้ 7.2 พยายามให้เด็กได้ปฏิบัติกิจกรรมการประกอบอาหารทุกคน 7.3 สามารถตอบคำถามในสิ่งที่ครูถามได้ ตารางการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง สัปดาห์ที่ วันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ 1 ข้าวผัด แกงจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดคะน้าหมู 2 ผัดไทย ต้มข่าไก่ ผัดกะเพราหมู 3 หมูทอดกระเทียม ผัดผักบุ้ง ไข่พะโล้ 4 ทอดมันปลากราย ผัดซีอิ๊ว ต้มยำกุ้ง 5 ผัดเปรี้ยวหวาน ไข่ตุ๋น พะแนงหมู 6 สุกี้หมู ข้าวมันไก่ ผัดพริกแกง 7 ไก่ทอดกระเทียม แกงคั่วหน่อไม้ไก่ ยำวุ้นเส้น 8 ผัดผักรวมมิตร ราดหน้า แกงเขียวหวานไก่
73 ตัวอย่าง แผนการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง หน่วย ข้าวมหัศจรรย์สาระที่ควรเรียนรู้ ธรรมชาติรอบตัว เรื่อง การประกอบอาหารข้าวผัด ชั้นอนุบาลปีที่ 3/1 ช่วงกิจกรรม เสริมประสบการณ์ วัน……………………….ที่……………เดือน………………………………พ.ศ. ................เวลา 1 ชั่วโมง 1. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) จำแนกเปรียบเทียบ การจัดหมวดหมู่ และหาความสัมพันธ์จากจำนวนส่วนประกอบ และเรียงลำดับขั้นตอนการทำข้าวผัดได้ 2) บอกชื่อวัสดุ อุปกรณ์และสามารถใช้อุปกรณ์ในการทำข้าวผัดได้ 3) ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนอย่างสนุกสนานได้ 2. สาระการเรียนรู้ สาระที่ควรเรียนรู้ ประสบการณ์สำคัญ 1) ชื่อวัสดุอุปกรณ์ 1) การคัดแยก การจัดกลุ่มและการ จำแนกสิ่งตามลักษณะ 2) การทำข้าวผัด 2) การพูดอธิบายเกี่ยวกับสิ่งของ เหตุการณ์และ ความสัมพันธ์ของสิ่ง 3) การปฏิบัติกิจกรรมต่างๆตาม ความสามารถของตนเอง 3. วิธีการจัดกิจกรรม ขั้นนำ (5 นาที) 1) เด็กและครูร่วมกันท่องคำคล้องจอง“ข้าวเอ๋ยข้าวสุก” 2) เด็กและครูสนทนาเกี่ยวกับเนื้อหาของคำคล้องจอง ครูนำข้าวให้เด็กดู และให้เด็ก สัมผัสข้าวที่ครูเตรียมมาและให้จำแนกตามชนิดของข้าวที่เด็กได้สัมผัส ขั้นดำเนินการ (ประมาณ 50 นาที) 1) ครูแนะนำส่วนผสม และวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำข้าวผัด และครูสาธิตวิธีการทำ 2) เด็กและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับข้อตกลงเบื้องตันที่ควรปฏิบัติการทำกิจกรรม ได้แก่
74 - ล้างมือก่อนและหลังการทำกิจกรรมทุกครั้ง - ไม่พูดคุยเสียงดังหรือเล่นกันขณะประกอบอาหาร - ระมัดระวังอันตรายจากมีด และความร้อน - หลังจากทำกิจกรรมแล้วช่วยกันเก็บอุปกรณ์ และทำความสะอาดให้เรียบร้อย 3) เด็กแบ่งหน้าที่กันในการทำข้าวผัด ดังนี้ เตรียมวัตถุดิบ ทำข้าวผัด และ ปรุงข้าวผัด 4) เด็กออกมารับอุปกรณ์ในการทำข้าวผัด 5) เด็กๆ ทำข้าวผัดร่วมกับเพื่อน 6) เมื่อทำเสร็จ เด็ก ๆ ช่วยกันล้างและเก็บอุปกรณ์ ขั้นสรุป (ประมาณ 5 นาที) ครูและเด็กร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการทำข้าวผัด โดยครูใช้คำถามดังนี้ - ข้าวมีกี่ชนิด มีข้าวอะไรบ้าง - การทำข้าวผัดมีวัตถุดิบอะไรบ้าง - การทำข้าวผัดมีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง 4. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1) คำคล้องจอง ข้าวเอ๋ยข้าวสวย 2) ส่วนผสมในการทำข้าวผัดได้แก่ ข้าวสวย (ข้าวหอมมะลิ) ไข่ไก่ กระเทียมสับ ผักอื่นๆ ตามชอบ เช่น ข้าวโพด ถั่วลันเตา แคร์รอต น้ำมันพืช ซอสปรุงรส น้ำตาล ต้นหอม ผงปรุงรส พริกไทยป่น 3) เครื่องครัว ได้แก่ กระทะ เตา มีด เขียง ชาม ช้อน จาน ตะหลิว 5 . การประเมินผล 1) สังเกตการจำแนกเปรียบเทียบ การจัดหมวดหมู่ และหาความสัมพันธ์จากจำนวนส่วนประกอบ และเรียงลำดับขั้นตอนการทำข้าวผัด 2) สังเกตการบอกชื่อวัสดุ อุปกรณ์และสามารถใช้อุปกรณ์ในการทำข้าวผัด 3) สังเกตการทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน
75 แผนการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง หน่วย ผักผลไม้สาระที่ควรเรียนรู้ ธรรมชาติรอบตัว เรื่อง การประกอบอาหารแกงจืดเต้าหู้หมูสับ ชั้นอนุบาลปีที่ 3/1 ช่วงกิจกรรม เสริมประสบการณ์ วัน……………………….ที่……………เดือน………………………………พ.ศ. ................เวลา 1 ชั่วโมง 1. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) จำแนกเปรียบเทียบ การจัดหมวดหมู่ และหาความสัมพันธ์จากจำนวนส่วนประกอบ และเรียงลำดับขั้นตอนการทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับได้ 2) บอกชื่อวัสดุ อุปกรณ์และสามารถใช้อุปกรณ์ในการทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับได้ 3) ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนอย่างสนุกสนานได้ 2. สาระการเรียนรู้ สาระที่ควรเรียนรู้ ประสบการณ์สำคัญ 1) ชื่อวัสดุอุปกรณ์ 1) การคัดแยก การจัดกลุ่มและการ จำแนกสิ่งตามลักษณะ 2) การทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับ 2) การพูดอธิบายเกี่ยวกับสิ่งของ เหตุการณ์และความสัมพันธ์ของสิ่ง 3) การปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆตาม ความสามารถของตนเอง 3. วิธีการจัดกิจกรรม ขั้นนำ (5 นาที) เด็กและครูสนทนาร่วมกันเกี่ยวกับการทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับ ขั้นดำเนินการ (ประมาณ 50 นาที) 1) ครูแนะนำส่วนผสมและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับ และครูสาธิตวิธีการทำ 2) เด็กและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับข้อตกลงเบื้องตันที่ควรปฏิบัติการทำกิจกรรม ได้ แก
76 - ล้างมือก่อนและหลังการทำกิจกรรมทุกครั้ง - ไม่พูดคุยเสียงดังหรือเล่นกันขณะประกอบอาหาร - ระมัดระวังอันตรายจากมีด และความร้อน - หลังจากทำกิจกรรมแล้วช่วยกันเก็บอุปกรณ์ และทำความสะอาดให้เรียบร้อย 3) เด็กแบ่งหน้าที่กันในการทำผัดกะเพราหมูดังนี้ การเตรียมวัตถุดิบ ทำแกงจืดเต้าหู้ หมูสับ และการปรุง 4) เด็กออกมารับอุปกรณ์ในการทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับ 5) เด็กๆ การทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับร่วมกับเพื่อน 6) เมื่อทำเสร็จ เด็กๆ ช่วยกันล้างและเก็บอุปกรณ์ ขั้นสรุป (ประมาณ 5 นาที) ครูและเด็กร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับ โดยครูใช้คำถามดังนี้ - การทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับ มีวัตถุดิบอะไรบ้าง - การทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับ มีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง 4. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1) ส่วนผสมในการทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับ ได้แก่ เนื้อหมู ใบกะเพรา กระเทียม น้ำปลา ซอส ปรุงรสฝาเขียว ซอสหอย ซีอิ้วดำหวาน น้ำตาลทราย 2) เครื่องครัว ได้แก่ กระทะ เตา มีด เขียง ชาม ช้อน จาน ตะหลิว 5. การประเมินผล 1) สังเกตการจำแนกเปรียบเทียบ การจัดหมวดหมู่ และหาความสัมพันธ์จากจำนวน ส่วนประกอบและเรียงลำดับขั้นตอนการทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับ 2) สังเกตการบอกชื่อวัสดุ อุปกรณ์และสามารถใช้อุปกรณ์ในการทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับ 3) สังเกตการทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน
77 แผนการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง หน่วย ผักผลไม้สาระที่ควรเรียนรู้ ธรรมชาติรอบตัว เรื่อง การประกอบอาหารผัดคะน้า ชั้นอนุบาลปีที่ 3/1 ช่วงกิจกรรม เสริมประสบการณ์ วัน……………………….ที่……………เดือน………………………………พ.ศ. ................เวลา 1 ชั่วโมง 1. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) จำแนกเปรียบเทียบ การจัดหมวดหมู่ และหาความสัมพันธ์จากจำนวนส่วนประกอบ และเรียงลำดับขั้นตอนการทำผัดคะน้าได้ 2) บอกชื่อวัสดุ อุปกรณ์และสามารถใช้อุปกรณ์ในการทำผัดคะน้าได้ 3) ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนอย่างสนุกสนานได้ 2. สาระการเรียนรู้ สาระที่ควรเรียนรู้ ประสบการณ์สำคัญ 1) ชื่อวัสดุอุปกรณ์ 1) การคัดแยก การจัดกลุ่มและการ จำแนกสิ่งตามลักษณะ 2) การทำผัดคะน้า 2) การพูดอธิบายเกี่ยวกับสิ่งของ เหตุการณ์และ ความสัมพันธ์ของสิ่ง 3) การปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ตาม ความสามารถของตนเอง 3. วิธีการจัดกิจกรรม ขั้นนำ (5 นาที) 1) เด็กและครูร่วมกันท่องคำคล้องจอง “พืชผัก ” 2) ครูร่วมสนทนากับเด็กเกี่ยวกับเนื้อหาในคำคล้องจอง โดยใช้คำถามดังนี้ - ในคำคล้องจองมีผักอะไรบ้าง 3) ครูนำวัตถุดิบมาให้เด็กดูให้เด็กสัมผัสและให้จำแนกเปรียบเทียบสี รูปร่าง และจัด หมวดหมู่ผักนำใส่ภาชนะ
78 ขั้นดำเนินการ (ประมาณ 50 นาที) 1) เด็กและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับข้อตกลงเบื้องต้นที่ควรปฏิบัติการทำกิจกรรม ได้แก่ - ล้างมือก่อนและหลังการทำกิจกรรมทุกครั้ง - ไม่พูดคุยเสียงดังหรือเล่นกันขณะประกอบอาหาร - ระมัดระวังอันตรายจากมีด และความร้อน - หลังจากทำกิจกรรมแล้วช่วยกันเก็บอุปกรณ์ และทำความสะอาดให้เรียบร้อย 2) ครูแนะนำส่วนผสม และวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำผัดคะน้าและครูสาธิตวิธีการทำ 3) เด็กแบ่งหน้าที่กันในการทำทำผัดคะน้าดังนี้การหั่นผัก ตามรูปร่าง รูปทรงที่ต้องการ ล้างผัก และการปรุงรสชาติ 4) เด็กออกมารับอุปกรณ์ในการทำทำผัดคะน้า 5) เด็กๆ การทำทำผัดคะน้าร่วมกับเพื่อน 6) เมื่อทำเสร็จแล้ว เด็กๆ ช่วยกันจัดจานอาหาร สังเกตและชิมรสชาติอาหาร ขั้นสรุป (ประมาณ 5 นาที) ครูและเด็กร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการทำผัดคะน้าโดยครูใช้คำถามดังนี้ - ทำผัดคะน้ามีประโยชน์อย่างไร - วัตถุดิบ และวัสดุอุปกรณ์ ที่ใช้ในการทำทำผัดคะน้ามีอะไรบ้าง - เด็ก ๆ มีขั้นตอนอย่างไรในการทำผัดคะน้า 4. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1) คำคล้องจอง “พืชผัก” 2) ส่วนผสมในการทำผัดคะน้า ได้แก่คะน้า (หั่นเป็นท่อนสั้น) เนื้อหมู (หั่นชิ้น) พริกขี้หนู ทุบ กระเทียมสับ น้ำมันหอย เต้าเจี้ยว น้ำตาลทราย น้ำมันพืช (สำหรับผัด 3) เครื่องครัว ได้แก่ หม้อ มีด เขียง ชาม ช้อน จาน ตะหลิว 5. การประเมินผล 1) สังเกตการจำแนกเปรียบเทียบ การจัดหมวดหมู่ และหาความสัมพันธ์จากจำนวน ส่วนประกอบและเรียงลำดับขั้นตอนการทำทำผัดคะน้า
79 2) สังเกตการบอกชื่อวัสดุ อุปกรณ์และสามารถใช้อุปกรณ์ในการทำทำผัดคะน้า 3) สังเกตการทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน ภาคผนวก คำคล้องจอง ข้าวเอ๋ยข้าวสวย (ไม่ปรากฎนาม) ข้าวเอ๋ยข้าวสุก มีให้กินกันทุกบ้านทุกฐานถิ่น กว่าจะได้ข้าวจากนา มาให้เรากิน ชาวนาต้องสิ้นกำลังแทบทั้งปี ต้องทนแดดทนฝน ทนลมหนาว กว่าจะได้ข้าวจากนา มาถึงนี่ พวกหนู ๆ ควรจำไว้ให้ดี ชาวนานี้ มีพระคุณแก่เรา…มิเบาเอย คำคล้องจอง “พืชผัก” ผู้แต่ง : ไม่ปรากฏนาม พืชผักนั้น มีด้วยกันหลากหลาย ขิง ข่า คะน้า แตงกวา กระชาย มีทั้งกะเพรา พริกขี้หนูมากมาย กินแล้วสุขสบาย เรามากินผักกัน
ภาคผนวก ฉ ตัวอย่าง แบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย
81 คู่มือการใช้แบบทดสอบการวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย 1. คำชี้แจง 1.1 แบบทดสอบนี้เป็นแบบทดสอบการวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาล ปีที่ 3 1.2 แบบทดสอบนี้มีทั้งหมด 3 ชุด เป็นแบบทดสอบประเภทข้อคำถามเป็นรูปภาพ 1.3 การดำเนินการทดสอบ ผู้ทดสอบอธิบายวิธีการทำแบบทดสอบทีละข้อ สำหรับผู้ช่วย ดำเนินการทดสอบจะคอยดูแลและให้ผู้รับการทดสอบให้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามขั้นตอน ซึ่งการ ทดสอบจะทดสอบวันละ 3 ชุด รวมระยะเวลาในการทดสอบ 1 วัน เมื่อทำการทดสอบครบแล้วนำ แบบทดสอบมาตรวจให้คะแนนตามเกณฑ์ 2. คำแนะนำในการใช้แบบทดสอบ 2.1. ลักษณะทั่วไปของแบบทดสอบ ประกอบด้วยแบบทดสอบจำนวน 3 ชุด ดังนี้ ชุดที่ 1 แบบทดสอบวัดการจำแนกเปรียบเทียบ จำนวน 5 ข้อ ชุดที่ 2 แบบทดสอบวัดการจัดหมวดหมู่ จำนวน 5 ข้อ ชุดที่ 3 แบบทดสอบวัดการหาความสัมพันธ์จำนวน 5 2.2 การตรวจให้คะแนน 2.2.1. ข้อที่กากบาท (X) ถูกให้ 1 คะแนน 2.2.2. ข้อที่กากบาท (X) ผิดหรือไม่ได้กากบาท (X) หรือกากบาท (X) เกินกว่า 1 ข้อให้ 0 คะแนน 2.3. การเตรียมตัวก่อนทดสอบ 2.3.1 สถานที่ทดสอบควรเป็นห้องเรียนที่มีสภาพแวดล้อมทั้งภายในห้องเรียนและ ภายนอกห้องเรียนเอื้ออำนวยต่อผู้รับการทดสอบ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ มีขนาดพอเหมาะกับผู้รับการ ทดสอบ จัดให้เหมาะสม มีแสงสว่างเพียงพอ ไม่มีเสียงดังรบกวน 2.3.2. ผู้ดำเนินการทดสอบต้องศึกษาคู่มือดำเนินการทดสอบให้เข้าใจกระบวนการ ในการทดสอบทั้งหมดอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อให้เกิดความชำนาญในการใช้แบบทดสอบ และก่อนการ ทดสอบผู้ดำเนินการทดสอบต้องเขียน ชื่อ-นามสกุล ของผู้เข้ารับการทดสอบให้เรียบร้อย 2.3.3. อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบ ผู้ดำเนินการทดสอบเตรียมอุปกรณ์ ดังนี้ 1. คู่มือดำเนินการทดสอบ 2. แบบทดสอบ 3. สีเทียนหรือดินสอดำสำหรับการทดสอบ 4. นาฬิกาจับเวลา 1 เรือ
82 2.3.4 ข้อปฏิบัติก่อนทดสอบ 1. ก่อนดำเนินการทดสอบให้ผู้รับการทดสอบไปทำธุระส่วนตัว เช่น ดื่มน้ำ เข้า ห้องน้ำให้เรียบร้อย 2. ผู้ดำเนินการทดสอบควรสร้างความคุ้นเคยกับผู้รับการทดสอบโดยการทักทาย พูดคุยเพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดี เมื่อเห็นว่าผู้รับการทดสอบพร้อมจึงเริ่มทำการทดสอบ 2.3.5 ข้อปฏิบัติในการทดสอบ 1. ผู้ดำเนินการทดสอบอ่านคำสั่งให้ผู้รับการทดสอบฟังช้า ๆ และชัดเจนข้อละ 2 ครั้ง 2. ให้ผู้เข้ารับการทดสอบใช้เวลาทำแบบทดสอบกำหนดข้อละ 1 นาที
83 แบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย ด้านการจำแนกเปรียบเทียบ การจัดหมวดหมู่ การหาความสัมพันธ์ จำนวน 15 ข้อ ชื่อ-สกุล………………………………………………………………………………………………………….……………………… ชื่อเล่น…………………………………………….……ชั้น……………………………………….เลขที่…………………………… วันที่ทำการทดสอบ………………………………………………………………………………………………………………….. ผู้ดำเนินการทดสอบ…………………………………………………………………………………………………………….……
84 ชุดที่ 1 การจำแนกเปรียบเทียบ 1. ภาพผลไม้ในข้อใดต่างจากพวกและมีจำนวนผลมากที่สุด 2. ภาพในข้อใดต่างจากพวกและมีจำนวนเท่ากับ 5 3. ผักในข้อใดต่างจากพวกและมีความยาวมากที่สุด 4. ข้อใดมีลักษณะเหมือนกับภาพที่กำหนดให้มากที่สุด คำสั่ง จากข้อ 1-5 ให้นักเรียนกากบาท (×) ทับรูปภาพตามคำสั่ง
85 5. ภาพในข้อใดไม่ใช่ผักและมีจำนวนมากที่สุด ชุดที่ 2 การจัดหมวดหมู่ 6. ให้เด็ก ๆ แยกผักและผลไม้ให้ถูกต้อง 7. ข้ 7. ข้อใดเป็นการแยกไข่ตามลักษณะและรูปร่าง คำสั่ง จากข้อ 11-15 ให้นักเรียนกากบาท (×) ทับรูปภาพตามคำสั่ง
86 8. ข้อใดจัดเป็นอุปกรณ์การทำอาหารทั้งหมด 9. ข้อใดจัดเป็นอาหารประเภทต้ม 10. ข้อใดจัดเป็นอาหารประเภทผัดทั้งหมด
87 ชุดที่ 3 การหาความสันพันธ์ 11. ภาพใดที่มีสัมพันธ์กันกับภาพกุ้ง 12. ภาพใดมีความสัมพันธ์กันกับภาพข้าว 13. ภาพใดมีความสัมพันธ์กันกับภาพไข่ คำสั่ง ข้อ 21-25 ให้นักเรียนกากบาท (×) ทับรูปภาพที่สัมพันธ์กับภาพที่กำหนดให้
88 14. ภาพใดมีความสัมพันธ์กันกับภาพกระทะ 15. ภาพใดคือรสชาติอาหารเดียวกันกับมะนาว
88 ภาคผนวก ช ตัวอย่าง ภาพการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง
90 ตัวอย่างภาพการจัดกิจกรรมการประกอบอาหารภาคกลาง การประกอบอาหาร ข้าวผัดหมู ครูแนะนำเมนูอาหาร เครื่องปรุง วัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้ในการประกอบอาหารข้าวผัดหมู เด็กแบ่งหน้าที่ในการประกอบอาหารภาคกลางร่วมกัน เช่น การล้างผัก ครูและเด็กร่วมกันประกอบอาหารข้าวผัดหมู