The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ถอดบทเรียนชุมชนเข้มแข็ง(คลองอาราง)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by oncb2 oncb, 2023-05-18 23:28:48

ถอดบทเรียนชุมชนเข้มแข็ง (คลองอาราง)

ถอดบทเรียนชุมชนเข้มแข็ง(คลองอาราง)

1 เรื่อง รายงานผลการดำเนินงานของหมู่บ้านในเครือข่าย จัดทำโดย นายศานิต พงษ์พิทักษ์ วิทยากรกระบวนการกองทุนแม่ของแผ่นดิน เสนอ เครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินภาคตะวันออก รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของสรุปบทเรียนองค์ความรู้ของเครือข่าย และสะท้อนงานเชิงนโยบาย ประจำเดือนเมษายน ๒๕๖๖ เครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินภาคตะวันออก ะวันออก


2 ค ำน ำ ปัจจุบันหลายหน่วยงานให้ความส าคัญอย่างมากกับการสร้างชุมชนเข้มแข็ง เพราะเล็งเห็นว่า “ชุมชน” คือรากฐาน ที่ส าคัญของสังคม ชุมชนที่มีความเข้มแข็งคือชุมชนแห่งการเรียนรู้ ซึ่งการเรียนรู้มีวิธีการหลากหลาย อาทิ การสร้าง การ เปิด การส่งเสริม และการสนับสนุน “โอกาส” ให้สมาชิกในชุมชนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริงอันจะน ามาซึงประโยชน์สุขของ ส่วนรวมอย่างแท้จริงของชุมชน ซึ่งท้ายที่สุด ชุมชนนั้นๆจะต้องพึ่งพาตนเองได้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัญหาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต คงไม่มีใครหรือชุมชนใดๆที่เกิดมาไม่ต้องเผชิญกับปัญหา แต่ค าถาม ส าคัญเรารับมือกับ “ปัญหา” นั้นอย่างไร เรานั่งเฝ้ารอวีรบุรุษหรือวีรสตรีให้มาช่วยเหลือ หรือว่าทุกๆคนในชุมชนร่วมด้วย ช่วยกันจัดการปัญหานั้นๆด้วยมือตนเอง เรามักจะพูดกันอยู่เสมอว่าเรานั้นต้อง “ เกาให้ถูกที่คัน” เป็นค าพูดที่ฟังง่าย แต่ท า ได้ยาก เพราะคนเกากับคนที่คันมันเป็นคนละคนกัน ดังนั้นบทเรียนชุมชนเข้มแข็งเล่มนี้ จึงเป็นความพยายามของเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินภาคตะวันออก พูดคุย กับชุมชนต่างๆถึงวิธีการแก้ปัญหาของชุมชน จะต้องท าอย่างไรให้เกิดผลส าเร็จ เราเชื่อว่ายังมีหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินอีกหลายๆหมู่บ้านชุมชนที่ก าลังหาวิธีการแก้ไขปัญหา และมีความ พยายามที่จะสร้างชุมชนให้เกิดความเข้มแข็ง แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกันว่ายังมีหมู่บ้านชุมชนอีกไม่น้อยที่ยังขาด ” โอกาส” ในการจัดเวทีพูดคุยกันว่าเรามีปัญหาอะไร และเราจะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอย่างไร เครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินภาคตะวันออก จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทเรียนต่างๆที่ปรากฏอยู่ในหนังสือเล่มนี้ของ หมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านคลองอาราง หมู่ที่ ๑๖ ต าบลบ้านแก้ง อ าเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว จะช่วยให้เป็น แนวทางและแรงบันดาลใจให้แก่หลายๆชุมชนได้ตระหนักถึงศักยภาพของตนเองและภาคส่วนต่างๆในชุมชนโดยเฉพาะ ภาคประชาชนที่เป็นก าลังและพลังที่แท้จริงของชุมชนได้น าบทเรียนไปประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นใน ชุมชนต่อไป ด้วยความปรารถนาดี นายศานิต พงษ์พิทักษ์ วิทยากรกระบวนการเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินภาคตะวันออก เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๖


3 หันมอง...ชุมชนเข้มแข็ง ช ุ มชน ด ู แลช ุ มชน ทบ ี่้ ำน ”คลองอำรำง” การพึ่งพาตนเองโดยไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐหรือบุคคลภายนอกชุมชน แต่เป็นการ เริ่มต้นจากชุมชนที่ต้องการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชน และสร้างหลักประกันคามมั่นคงในการด ารงชีวิต บน พื้นฐานของสิทธิและเสรีภาพ โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้คนในชุมชนจนสามารถฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการทั้ง จากภายในและภายนอก ท าให้ชุมชนเข้มแข็งเป็นที่ยอมรับ ซึ่งมีไม่มากนักในสังคมไทยที่เป็นสังคมอุปถัมภ์ สังคมที่รอ คอยความช่วยเหลือจากภายนอก ในจ านวนนี้มีหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านคลองอาราง หมู่ที่ ๑๖ ต าบลบ้านแก้ง อ าเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว เป็นหนึ่งชุมชนที่ลุกขึ้นมาจัดการปัญหาของตนเอง เริ่มต้นจากการที่กลุ่มแกนน าชุมชนขอ แยกตัวจากพื้นที่หมู่บ้านชุมชนบ้านแสงจันทร์ หมู่ที่ ๑๓ ต าบลบ้านแก้ง อ าเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มี ขนาดใหญ่ มีจ านวนครัวเรือนหลายร้อยครัวเรือน ท าให้การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรส่วนใหญ่เกิดการด้อยพัฒนา จนเกิดการร่วมใจของประชากรครัวเรือนจ านวนหนึ่งที่มีความต้องการพัฒนาตนเองและถิ่นที่อยู่อาศัยให้มีความ เจริญเติบโตทัดเทียมชุมชนอื่น ร่วมเข้าชื่อยื่นความจ านงและวัตถุประสงค์ในการขอแบ่งเขตการปกครองใหม่น าขึ้นเสนอ ต่อส่วนราชการในระดับอ าเภอ และระดับจังหวัด กระทั่งได้รับการส ารวจตรวจสอบตามระเบียบราชการในการจัดการ ปกครองท้องที่ท้องถิ่น และรับรองการจัดตั้งให้พื้นที่ที่ขออนุญาตใหม่ในการแบ่งเขตการปกครองในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยให้มีการเรียกขานพื้นที่การปกครองใหม่ตามเขตภูมิศาสตร์นี้ว่าหมู่บ้านคลองอาราง หมู่ที่ ๑๖ ต าบลบ้านแก้ง อ าเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว มีกระบวนการคัดเลือกผู้น าท้องถิ่นที่เป็นทางการเพื่อเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานราชการ ภายนอกได้แก่ (ผู้ใหญ่บ้าน) นายพัฒนา พรหมเผ่า มาเป็นผู้น าที่เป็นทางการที่ลุกขึ้นมาจัดการปัญหาของชุมชนตนเอง เริ่มต้นจากการประชุมประชาคมชาวบ้านจัดท าแผนงานความต้องการในการพัฒนาพื้นที่ของชุมชนมาจัดการปัญหาของ ตนเอง โดยเริ่มต้นจากการด าเนินงานแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่ าชุมชนภูเขาสิงห์โต (ป่าส าคัญของชุมชน) จากอิทธิพล ภายนอก จนก่อเกิดความร่วมมือร่วมใจในการพัฒนาชุมชนอีกในหลายมิติ เป็นชุมชนเข้มแข็งที่ก่อเกิดภายในชุมชนเอง ความเข้มแข็งของหมู่บ้านคลองอาราง นอกจากผู้น าที่เข้มแข็ง ที่ยืนหยัดบนผลประโยชน์ของชุมชน ความสมัคร สมานสามัคคีของผู้คนในชุมชน ภูมิปัญญาชาวบ้าน และประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เป็นทุนเดิมของชุมชนแล้ว กิจกรรม และการมีส่วนร่วมของสมาชิกในชุมชนก็เป็นปัจจัยส าคัญของความส าเร็จ การศึกษาและถอดบทเรียนของชุมชนบ้าน คลองอารางตั้งแต่การรวมตัว กระบวนการขับเคลื่อน กิจกรรม โครงการ ตลอดจนปัจจัยความส าเร็จความล้มเหลว จะเป็น ประโยชน์มีคุณค่าแก่ชุมชนอื่นๆได้เรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้ผู้คนในชุมชนได้เกิดความเข้มแข็ง และสามารถพึ่งพา ตนเองได้อย่างมั่นคงต่อไป การศึกษาถอดบทเรียนชุมชนต้นแบบครั้งนี้ส าเร็จได้ด้วยความร่วมมือจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายท่าน ขอขอบคุณคณะผู้น าชุมชนทุกท่าน ตลอดจนเครือข่ายและสมาชิกชุมชนบ้านคลองอารางที่ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และ


4 ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การสร้างชุมชนเข้มแข็ง ขอบคุณเจ้าหน้าที่ส่วนประสานพื้นที่ส านักงานป้องกันและปราบปรามยา เสพติด ภาค๒ ที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ขอบคุณนายพัฒนา พรหมเผ่า ผู้ใหญ่บ้านบ้านคลองอาราง หมู่ที่๑๖ ต าบลบ้าน แก้ง อ าเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว ที่ประสานงานและอ านวยความสะดวกในการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นายศานิต พงษ์พิทักษ์ วิทยากรกระบวนการกองทุนแม่ของแผ่นดิน เครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินภาคตะวันออก


5 จากใจวิทยากรฯถึงคนบ้านคลองอาราง ความเป็นคนบ้านคลองอาราง ที่รักกันเหนียวแน่นมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายหลายชั่วอายุคน จากรุ่นสู่รุ่นก็ยังมี เลือดที่เข้มข้นในความเป็นคนบ้านคลองอารางที่คอยเชื่อมร้อยทักทอ “คลองอาราง” ให้เป็นหมู่บ้านเข้มแข็งโดดเด่นด้าน ความคิด ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ในต าบลบ้านแก้ง จังหวัดสระแก้ว คนทั่วๆไปรู้จักกันดีในนามของหมู่บ้านที่ต่อสู้และยืนหยัด ตั้งมั่น สร้างความยั่งยืนให้ชุมชน คนบ้านคลองอารางจึงมีหัวจิตหัวใจความเป็นพี่น้อง เครือญาติที่จะดูแลกันและกัน ตลอดเวลา หากจะพูดถึงต้นทุนชีวิตของคนบ้านคลองอารางแล้วละก็ คนคลองอารางมีต้นทุนชีวิตด้วยกันหลายอย่าง ทั้ง ต้นทุนทางประวัติศาสตร์ความเป็นมา ต้นทุนเครือญาติพี่น้อง สายตระกูล ต้นทุนวัฒนธรรมประเพณี และต้นทุนทรัพยากร ท้องถิ่น และเหนืออื่นใดคือต้นทุนคุณธรรมที่ร้อยรัดเชื่อมโยงทุนทุกอย่างบนเป้าหมายเดียวกัน คือ ความเข้มแข็ง ยั่งยืน และการจัดการตนเองได้อย่างมีความสุข ประวัติศาสตร์ของคนคลองอารางที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นหลัง ซึ่งได้ฟังสักกี่ครั้ง อ่านสักกี่คราก็ยังมี ความประทับใจ ชื่นชมและเคารพในความเสียสละของผู้น าชุมชน คือประเด็นการต่อสู้และทวงขอความเป็นธรรมในการขอ แยกตัวจากหมู่บ้านเดิม (บ้านแสงจันทร์) มาจัดตั้งหมู่บ้านชุมชนแห่งใหม่ (คลองอาราง) เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๖ จนถึง พ.ศ. ๒๕๔๘ เมื่อได้รับความเป็นธรรมจากทางส่วนราชการให้แบ่งแยกจัดตั้งหมู่บ้านชุมชนแห่งใหม่เกิดขึ้น สมาชิกทั้ง ๑๑๒ ครัวเรือน จึงใช้มติชุมชนร่วมกันในการจัดตั้งผู้ใหญ่บ้านหรือผู้น าชุมชนที่เป็นทางการ โดยมิได้มีการเปิดรับสมัครแข่งขัน แต่ ใช้ความสมัครใจและความเห็นชอบของประชาชนในชุมชนที่มีส่วนได้เสีย ประเด็นต่อมำ คือความมีแววตาที่มองไกลเป็น ห่วงในอนาคตของลูกหลาน อยากให้ลูกหลานและชาวบ้านในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จึงยื่น หนังสือเรียกร้องหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องขอให้มีการขยายเส้นทางทางหลวงชนบท หมายเลข ๒๐๓๒ ให้ขยายเข้าถึง หมู่บ้านชุมชนคลองอาราง และ สิ่งที่ส าคัญที่ลูกหลานคนคลองอารางต้องเรียนรู้และจดจ า คือ เวทีประชาคมเพื่อลงนาม รับทราบข้อตกลงร่วมกัน ๑๒ หมวด ๑๐๓ ข้อ(ธรรมนูญชุมชน) ที่ในสายตาชาวบ้านมองว่าเป็นข้อตกลงเพื่อการปฏิบัติใน การเปลี่ยนแปลงเพื่อการพัฒนาหมู่บ้านบ้านคลองอาราง เป็นเวทีที่มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้สนธิสัญญาระดับโลกเลย ส่วน ประเด็นสุดท้าย คือการต่อสู้เพื่อรักษาผืนป่าเขาสิงโตให้รอดพ้นจากการเป็นป่าเสื่อมโทรม แทบไม่น่าเชื่อว่าป่าที่ชาวบ้าน เรียกว่าตู้กับข้าวของตนเองเกือบจะถูกทุบด้วยน ้ามือของนายทุนค้าไม้ และคนในชุมชนคลองอารางที่เข้าไปตัดไม้ท าลาย ป่ าเพียงเพราะต้องการน าไม้ที่ได้มาเผาถ่านขายในยุคแรกๆของการก่อก าเนิดชุมชน จากสถานการณ์เหล่านี้ท าให้คนคลองอารางมีโอกาสพบปะพูดคุยทั้งวงเล็กวงใหญ่ ด้วยความเป็นเหตุเป็นผลแก่ กันและกัน ด้วยความเคารพในความเป็นอาวุโส ให้เกียรติผู้น าที่มีธรรม จึงค่อยๆพัฒนารูปแบบที่เป็นประชาธิปไตยใน ชุมชนที่อาจมีความแตกต่างจากที่อื่นๆ แต่ที่โดดเด่นคือการสร้างโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และ ก าหนดทิศทางหมู่บ้านของตนเองในนามของคณะกรรมการสภาหมู่บ้านคลองอาราง ซึ่งวิวัฒนาการมาจากการรวมกลุ่ม พูดคุยและการท าแผนในการแก้ไขปัญหาต่างๆของคลองอาราง เมื่อชุมชนมีภาคประชาชนที่เข้มแข็งก็เป็นพลังที่ส าคัญ ที่


6 จะร่วมผลักดันให้สังคมหมู่บ้านคลองอารางขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างสมดุล มีความพร้อมในการรับมือกับกระแสหรือ สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงต่างๆที่ก าลังจะเกิดขึ้นอย่างมีหลักการ มีวิธีคิด และวิธีการเรียนรู้ อย่างรู้เท่าทันสิ่งต่างๆที่จะ เกิดขึ้น กระผมเองในฐานะที่เป็นวิทยากรกระบวนการกองทุนแม่ของแผ่นดิน ภาคตะวันออก ขอขอบคุณผู้น าทางการ และ แกนน าหมู่บ้านคลองอารางทุกๆท่านที่ผ่านมา ที่ร่วมถ่ายทอดและมีบทเรียนดีๆไว้ให้ลูกหลานได้สืบทอด โดยมีส่วนราชการ และประชาชนจากพื้นที่อื่นๆมาศึกษาดูงาน เรียนรู้กระบวนการของชุมชน เท่ากับว่าทุกภาคส่วนเหล่านั้นได้มาสร้างโอกาส เติมเต็มให้คลองอารางได้ทบทวน ถ่ายทอดความรู้ เพื่อเตือนความทรงจ าของชุมชนไว้มิให้หลงลืมเรื่องราวในอดีต จึง ขอขอบคุณทุกท่านไว้ด้วยความเคารพ ภาพของความรักป่ าการอนุรักษ์ป่ าชุมชนเพื่อรักษาธรรมชาติ และการน้อมน า ศาสตรพ์ระราชา การรกัษาทนุศกัดิ์สิทธิ์ทนุศรทัธา ทนุปัญญา ของ “กองทุนแม่ของแผ่นดิน” อย่างมีคุณธรรม จริยธรรม ยึดเป็นหลักแนวคิดของคนคลองอาราง ที่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังว่าลูกหลานรุ่นต่อไปจะเข้าใจเจตนารมณ์ของบรรพ บุรุษ “ว่า” ให้เรารู้รักสามัคคีกัน อย่าทอดทิ้งกัน.................สืบไป ศานิต พงษ์พิทักษ์


7 กิตติกรรมประกำศ หนังสือถอดบทเรียนชุมชนเข้มแข็งที่อยู่ในมือท่านนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากความร่วมมือและความช่วยเหลือ และการอ านวยความสะดวกจากหลายท่าน ผู้เขียนจึงขอขอบพระคุณท่านแรกคือ ผู้บริหารส านักงานป้องกันและ ปราบปรามยาเสพติด ภาค๒ ที่ให้โอกาส และค าชี้แนะแนวทางการด าเนินงาน พร้อมทั้งให้การสนับสนุนการด าเนินงาน อย่างต่อเนื่อง ขอขอบพระคุณนายพัฒนา พรหมเผ่า ผญ.บ้านคลองอาราง หมู่ที่ ๑๖ ต าบลบ้านแก้ง อ าเภอเมือง สระแก้ว , นาย สุริยา อร่ามเรือง , นายอิทธิพงษ์ ทิพย์วรรณ์ , นายจักรพงษ์ ลือชา , นางสาวอารีรัตน์ พิมสอน ที่กรุณาประสานงานเป็น อย่างดี รวมทั้งให้ข้อมูลและค าแนะน ามากที่ อีกทั้งยังได้ร่วมติดตามลงพื้นที่พร้อมผู้เขียนและทีมงาน ร่วมบุกป่ าฝ่าดง สมบุกสมบันกันน่าดูแม้ว่าแต่ละท่านจะมีภาระหน้าที่งานประจ าอยู่ แต่ก็ให้ความส าคัญกับงานของผู้เขียน ท าให้ผู้เขียนมี ความประทับใจและซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง ที่ขาดไม่ได้คือ ขอขอบพระคุณสมาชิกและคณะกรรมการกลางหมู่บ้าน อพป. คณะกรรมการการพัฒนา คณะกรรมการการปกครอง คณะกรรมการการคลัง คณะกรรมการป้องกันและรักษาความสงบ คณะกรรมการการ สาธารณสุข คณะกรรมการสวัสดิการและสังคม และคณะกรรมการศึกษาและวัฒนธรรม และอีกหลายท่านที่มิได้กล่าวถึง ในที่นี้ ที่ให้ความร่วมมือถ่ายทอดเรื่องราวการต่อสู้อันน่าประทับใจให้ฟังอย่างได้อรรถรส ศานิต พงษ์พิทักษ์ วิทยากรกระบวนการกองทุนแม่ของแผ่นดิน ภาคตะวันอก


8 สำรบัญ เรื่อง หน้ำ ค ำน ำ 2 หันมองชุมชนเข้มแข็ง 3 จำกใจวิทยำกร 5 กิตติกรรมประกำศ 7 ประสบกำรณ์ควำมเข้มแข็งของชุมชน 9 ควำมเป็ นมำของกำรถอดบทเรียน 10 จังหวัดสระแก้ว และ หมู่บ้ำนคลองอำรำง 16 ผลกำรถอดบทเรียน 19 สรุปและกำรอภิปรำยผล 22 ข้อเสนอแนะ 23 ภำพกิจกรรม 24


9 :ประสบกำรณ์ควำมเข้มแข็งของชุมชนคน“คลองอำรำง” เมื่อพูดถึงความเข้มแข็งของชุมชน คือสิ่งที่ทุกฝ่ายพึงปรารถนา ทั้งคนในชุมชนเอง ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชา สังคม ทั้งนี้ทุกฝ่ายเล็งเห็นว่า “ชุมชนเข้มแข็ง” คือต้นสายธารส าคัญของระบบการปกครองที่ดีและเป็นต้นธารหลักของการ พัฒนาบ้านเมืองอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน เพราะชุมชนคือรากฐานที่ส าคัญของการปกครองระดับชาติหากฐานรากมีความ มั่นคงแข็งแรงสามารถพึ่งพาตนเองได้เป็นอย่างดีแล้วประเทศชาติย่อมเจริญรุ่งเรืองแน่นอน เครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดิน ภาคตะวันออก เล็งเห็นความส าคัญในการพัฒนาและส่งเสริมให้ชุมชนมีความ เข้มแข็ง จึงได้จัดท าถอดบทเรียนชุมชนเข้มแข็งขึ้น เพื่อค้นหาชุมชนที่มีความเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้ เพื่อถอด บทเรียนและเรียนรู้ร่วมกันถึงเงื่อนไขและปัจจัยที่หนุนเสริมให้ชุมชนดังกล่าวเกิดความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้อย่าง ยั่งยืน อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น และสามารถพัฒนาตนเองไปสู่การเป็นชุมชน “ต้นแบบ” ให้แก่ชุมชนอื่นๆที่มองหาแนวทางในการพัฒนาชุมชนของตนเองให้มีความเข้มแข็งเช่นเดียวกัน เครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินภาคตะวันออก หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความส าเร็จและองค์ความรู้ที่ได้จากการถอด บทเรียนชุมชนเข้มแข็งกองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านคลองอารางในครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้หมู่บ้านกองทุนแม่อื่นๆได้ เรียนรู้และริเริ่มสร้างสรรค์ความเข้มแข็งในทุกๆด้านให้แก่ชุมชนของตน ด้วยน ้ามือของตนเองบ้าง เราเชื่อว่ายังมีอีกหลายๆชุมชนที่มีความเข้มแข็งและพยายามจัดการปัญหาต่างๆ รวมถึงการแสวงหาแนวทางการ พัฒนาชุมชนของตนเองอยู่ในอีกหลายพื้นที่ เครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดิน ภาคตะวันออก หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สักวันเรา จะได้พบกับท่านและท่านจะได้พบกับเรา เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจซึ่งกันและกันต่อไป เพราะว่าการ เรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด


10 : ควำมเป็ นมำของกำรจัดท ำถอดบทเรียน การศึกษาและวิจัยเชิงปฏิบัติการเพื่อถอดบทเรียนชุมชนเข้มแข็งนี้ เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดพื้นฐานที่ว่า หาก ประเทศใดมีพลเมืองที่เข้มแข็ง ตระหนักถึงสิทธิเสรีภาพ และศักยภาพของตนเองว่าเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันสร้างสรรค์ สังคม ชุมชน และประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองได้ โดยไม่ต้องรอค าสั่งรัฐบาลหรือหน่วยงานภายนอกมาช่วย ประเทศนั้น ย่อมมีความเจริญรุ่งเรือง ความเข้มแข็งของพลเมืองจึงเป็นปัจจัยส าคัญต่อการสร้างสรรค์บ้านเมืองให้มีความ เจริญก้าวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผล ทั้งนี้เมื่อพลเมืองมีความเข้มแข็งแล้ว ย่อมมีศักยภาพในการดูแลตนเอง ดูแลผู้อื่นรวมไปถึงสังคมและประเทศชาติได้เป็นอย่างดี เป็นที่น่าดีใจที่ในปัจจุบันนี้สังคมไทยมีความตื่นตัวเรื่องสิทธิเสรีภาพมากขึ้น โดยจะเห็นได้จากการรวมตัว เคลื่อนไหวทางการเมืองของภาคพลเมืองที่เพิ่มมากขึ้น แต่นอกเหนือจากการรวมตัวกันเพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาชุมชน ของตนเองด้วยตนเองได้ส าเร็จโดยไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากรัฐบาลหรือหน่วยงานภายนอก สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึง ความเข้มแข็งของการเมืองภาคพลเมืองอันเป็นรากฐานส าคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่เกิดขึ้นจาก รากฐานส าคัญในเรื่องของชุมชนเข้มแข็ง ซึ่งหากบทเรียนของการรวมตัวเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆของชุมชนเหล่านี้ได้รับการศึกษาและถอดบทเรียนออกมา นับตั้งแต่การรวมตัวกัน การขับเคลื่อนกิจกรรมและโครงการต่างๆเพื่อแก้ไขปัญหาแล้ว จะสามารถน ามาเป็นบทเรียนให้ ชุมชนอื่นๆ ได้เรียนรู้ท าความเข้าใจเงื่อนไขปัจจัยต่างๆที่ส่งผลต่อความส าเร็จและล้มเหลวในการสร้างชุมชนเข้มแข็ง รวมทั้งสามารถทดลองปฏิบัติเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้คนในชุมชนได้เกิดความตระหนักถึงศักยภาพของตนในการ พึ่งพาตนเอง และร่วมกันสร้างชุมชนของตนให้เข้มแข็งอย่างมั่นคงต่อไปได้ ด้วยเหตุนี้ เครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดิน ภาคตะวันออก จึงได้ด าเนินการถอดบทเรียนชุมชนเข้มแข็งขึ้น เพื่อ ศึกษาถอดบทเรียนความส าเร็จและความเข้มแข็งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของเงื่อนไขปัจจัยและกระบวนการ ต่างๆที่หนุนเสริมให้ชุมชนนั้นๆพึ่งตนเองได้และเป็นชุมชนเข้มแข็ง เพื่อเป็นบทเรียนให้ชุมชนอื่นๆน าไปใช้เป็นแบบอย่างใน การพัฒนาศักยภาพของตนเองและชุมชนต่อไป อย่างไรก็ตาม เมื่อกล่าวถึง “ชุมชนเข้มแข็ง” ส าหรับงานวิจัยเชิงปฏิบัติการเพื่อถอดบทเรียนชิ้นนี้มุ่งเน้นไปที่ความ เข้มแข็งของชุมชนอย่างแท้จริงในความหมายของการพึ่งพาตนเองในทุกเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการพัฒนาและ แก้ไขปัญหาในชุมชนด้วยการรวมตัวกันของคนในชุมชนเอง (bottom up) เนื่องจากสิ่งเหล่านี้เป็นหลักฐานส าคัญที่ สะท้อนให้เห็นว่า ชุมชนมีความเข้มแข็งอย่างแท้จริง โดยมุ่งการถอดบทเรียนปัจจัยของการรวมตัวปัจจัยที่ส่งผลต่อ ความส าเร็จในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม รวมถึงข้อท้าทายที่พบระหว่างการด าเนินงานเพื่อ เป็นแบบอย่างรวมทั้งเป็นอุทาหรณ์ให้แก่ชุมชนอื่นๆที่ต้องการพัฒนาศักยภาพชุมชนให้มีความยั่งยืน


11 :วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาวิเคราะห์และถอดบทเรียนชุมชนที่มีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองในด้านต่างๆได้ เพื่อพัฒนาเป็น ต้นแบบให้แก่ชุมชนอื่นๆต่อไป :ผลทค ี่ำดว่ำจะได ้ ร ั บ ๑. ได้ชุมชนต้นแบบด้านความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองด้านต่างๆ และมีความพร้อมในการด าเนินงานกองทุนแม่ของ แผ่นดินได้อย่างยั่งยืน ๒. ทราบเงื่อนไข ปัจจัย ที่ส่งผลต่อความเข้มแข็งและการพึ่งพาตนเองของชุมชนต้นแบบ ๓. ได้แนวทางการส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนเพื่อเป็นแบบอย่างให้แก่ชุมชนอื่นๆต่อไป ควำมหมำยของชุมชนเข้มแข็ง เรื่องของชุมชนเข้มแข็งนั้นมีการศึกษากันมาก เนื่องจากนักวิชาการเล็งเห็นว่าชุมชนเข้มแข็งเป็นพื้นฐานส าคัญ ของการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤติด้านเศรษฐกิจ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ท าให้กิจการหลายแห่งปิดตัวลง ลูกหลานเริ่มกลับบ้าน แนวคิดเรื่อง ชุมชนเข้มแข็งจึงได้รับความสนใจท าการศึกษามากยิ่งขึ้น ทัศนีย์ ไทยาภิรมณ์ กล่าวว่า ชุมชนเข้มแข็ง ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น เมื่อแนวคิดดังกล่าว กลายเป็นวิสัยทัศน์ใน การพัฒนาประเทศ ให้เป็นสังคมที่พึงประสงค์ในอนาคต ที่ประกอบไปด้วย ๑. การเป็นสังคมคุณภาพ ๒. สังคมแห่งภูมิ ปัญญาและการเรียนรู้ และ ๓. สังคมสมานฉันท์และความเอื้ออาทรต่อกัน ส าหรับ “ชุมชนเข้มแข็ง” นั้น มีผู้ที่สนใจศึกษามากมาย ท าให้มีความหมายหลากหลาย ซึ่งผู้เขียนได้รวบรวมค า นิยามบางส่วนมาประมวลไว้ในที่นี้ ดังต่อไปนี้ .................................................................................................................... ๑ อ้างใน ทัศนีย์ ลักขณาภิชนชัช . การสงเคราะห์ชุมชน : มรรควิธีสู่ชุมชนเข้มแข็ง . ๒๕๔๕ , หน้า ๒๔


12 อัจฉรา สโรบล๒ ให้ความหมายของชุมชนไว้ว่า กลุ่มคนหรือชาวบ้านที่มีความตั้งใจร่วมกันปฏิบัติภารกิจเพื่อแก้ไข ปัญหาของชุมชน โดยเน้นการน าทรัพยากรท้องถิ่น ภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมทั้งองค์ความรู้จากภายนอกชุมชนและอาศัย แนวทางการพึ่งตนเอง ความเป็นตัวตน รวมถึงการสร้างเครือข่ายความรู้เพื่อให้ชุมชนเข้มแข็งและยั่งยืน ๓ ด้าน กาญจนา แก้วเทพ ให้ความหมายชุมชนเข้มแข็งไว้ว่า คือกลุ่มคนที่พยายามหาวิธีการแก้ไขปัญหาของ ชุมชน โดยระดมก าลังทั้งจากภายนอกและภายในชุมชนและอาศัยแนวทางการพึ่งตนเอง เพื่อการด ารงอยู่ของชุมชน โกวิท พวงงาม (๒๕๔๕,หน้า๔) กล่าวถึงลักษณะชุมชนเข้มแข็งที่เป็นที่คาดหวังและต้องการว่ามีลักษณะ ดังต่อไปนี้ ๑. เป็นชุมชนที่มีสภาพรวมกันเป็นปึกแผ่น คือ สมาชิกชุมชนมีศักยภาพ มีการอาศัยที่พึ่งพากันในกิจกรรมต่างๆทั้ง ของส่วนตัวและส่วนรวม ทั้งด้านอาชีพ วัฒนธรรมประเพณี พิธีกรรม การพัฒนาชุมชนและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ในชุมชน ๒. เป็นชุมชนที่มีศักยภาพที่พึ่งพิงตนเองได้ มีทุน มีแรงงานทรัพยากร เป็นการยังชีพของครอบครัว การพึ่งพิง ภายนอกอยู่ในลักษณะที่ชุมชนมีอ านาจมีอ านาจจัดการเลือกสรร ตัดสินใจ และมีส่วนร่วมสูง ๓. เป็นชุมชนที่สามารถควบคุมและจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่ โดยอาศัยความรู้ และ กลไกภายในชุมชน ก าหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยอาศัยความร่วมมือภายในชุมชนเป็นหลัก ๔. เป็นชุมชนที่พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยการเรียนรู้สร้างภูมิปัญญาของตนเองในด้านต่าง ทั้งด้าน เศรษฐกิจ การบริหารจัดการ การปกครอง วัฒนธรรม ฯลฯ มีผลให้ชุมชนมีความรู้และสามารถที่จะพัฒนา ตนเองและถ่ายทอดองค์ความรู้และความสามารถที่จะพัฒนาตนเองและถ่ายทอดความรู้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ ส านักมาตรฐานการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ส านักมาตรฐานอุดมศึกษา และทบวงมหาวิทยาลัย กล่าวถึงชุมชนเข้มแข็งว่าควรมีลักษณะดังต่อไปนี้ ๑. สมาชิกในชุมชนมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของตน ชุมชนแก้ไขปัญหาและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง ๒. สมาชิกชุมชนมีจิตส านึกในการพึ่งตนเอง เอื้ออาทร รักและห่วงใยซึ่งกันและกัน พร้อมที่จะร่วมมือกันจัดการ ปัญหาของชุมชนและตนเอง ๓. สมาชิกชุมชนร่วมก าหนดผู้น าชุมชน ผู้แทนชุมชนที่หลากหลายด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง ๔. มีกระบวนการชุมชนที่มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง จนเป็นวิถีของชุมชน ขับเคลื่อนโดยผู้น าองค์กรชุมชนใน ............................................................................................................. ๒ อัจฉรา สโรบล . ชุมชนกับกำรพัฒนำ . เอกสารประกอบการบรรยาย http:// www.human.cmu.ac.th/ebook


13 ๓ เพิ่งอ้าง ลักษณะเปิดกว้างโปร่งใสและมีความรับผิดชอบ ที่สามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจนจากสมาชิกทั้งมวล ๕. สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการประเมินสถานการณ์ของชุมชน ก าหนดวิสัยทัศน์ร่วมกัน ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ด าเนินงาน ติดตามและประเมินผลการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาของชุมชน ผ่านกระบวนการของชุมชน ๖. สมาชิกชุมชนเกิดการเรียนรู้ผ่านการเข้าร่วมในกระบวนการของชุมชน ๗. มีแผนของชุมชนที่ประกอบด้วยการพัฒนาทุกๆด้านของชุมชนที่มุ่งการพึ่งตนเองเอื้อประโยชน์ต่อสมาชิกชุมชน ทุกๆคน และหวังผลการพัฒนาที่ยั่งยืน ๘. การพึ่งความช่วยเหลือจากภายนอกเป็นการพึ่งพาเพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งตนเองได้ในที่สุด ไม่ใช่การพึ่งพา ตลอดไป ๙. มีเครือข่ายความร่วมมือกับภาคีการพัฒนาอาจเป็นหมู่บ้านชุมชนอื่นๆท้องถิ่น ภาคราชการ องค์การเอกชน นัก ธุรกิจ นักวิชาการ และอื่นๆในลักษณะของการมีความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกัน ๑๐.แก้ไขปัญหาและการพัฒนาชุมชนผ่านกระบวนการชุมชนของตนเอง ............................................................................................... ๔ ที่มา : รัฐประศาสนศาสตร์ ตอนที่ ๑๒๘ ลักษณะแนวคิดชุมชนเข้มแข็ง http://writer.dekd.com/plugna99/story/viewlongc.php?id=675528&chapter=128 2545,หน้า76 ) ส านักคณะกรรมการหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ,ส านักงานสภาสถาบันราชภัฏ,กระทรวงศึกษาธิการและ ทบวงมหาวิทยาลัย ๒๕๔๖ หน้า ๔


14 นายแพทย์ประเวศ วะสี นักวิชาการอิสระและปราชญ์ชาวบ้านที่มีชื่อเสียงอีกท่านในสังคม ให้ความส าคัญกับ การสร้างชุมชนเข้มแข็งอย่างมาก โดยให้เหตุผลว่าชุมชนคือรากฐานส าคัญของการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ ส าหรับ นายแพทย์ประเวศแล้ว ชุมชนเข้มแข็งจะน ามาสู่ชีวิตที่มีความสมดุลซึ่งมีองค์ประกอบ ๘ ด้าน ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ ด้าน จิตใจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม สุขภาพ การศึกษา และประชาธิปไตย ซึ่งนับเป็นมติต่างๆของชุมชนเข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม นายแพทย์ประเวศกล่าวว่า ที่ผ่านมาการพัฒนามักเป็นการสั่งการมาจากกรมกองต่างๆ ซึ่งมักไม่ ตรงกับความต้องการที่แท้จริงของคนในท้องถิ่น ทั้งๆที่ชุมชนมีต้นทุนทางสังคมมากมายไม่ว่าจะเป็น ระบบวัฒนธรรม ประเพณี มีผู้น าตามธรรมชาติและมีทรัพยากรมากมาย หากชุมชนรู้จักตนเอง ส ารวจข้อมูลแล้วจัดท าแผนชุมชน เสนอสู่ สภาประชาชนเพื่อพิจารณารับรองเป็นแผนชุมชนได้แล้ว และร่วมกันขับเคลื่อนให้เป็นจริง ย่อมน าไปสู่การพัฒนาชุมชน อย่างบูรณาการและก่อเกิดความเข้มแข็งขึ้นในชุมชน๕ “ เรามีเครื่องมือเยอะ แต่ขาดการออกแบบ ดีไซน์ เครื่องมือเยอะก็ท าไปเรื่อยๆ แต่ขาดการออกแบบว่าแบบใด เป็นโครงสร้างที่มั่นคง ตึกหรือสิ่งก่อสร้างอันใดถ้ามีฐานกว้าง แข็งแรง จึงจะมั่นคง สังคมก็เช่นเดียวกันถ้ามีฐานกว้างก็จะ รองรับ ถ้าเราจะเอาแต่ข้างบน เกิดช่องว่างน าไปสู่ปัญหาสังคม เรียกว่า ความเหลื่อมล ้า...เราสร้างเจดีย์จากยอดก็จะพัง ลงเพราะว่าฐานไม่แข็งแรง แต่ถ้าเราสร้างจากฐานได้ก็จะมั่นคง ฐาน คือชุมชนท้องถิ่น เสริมให้แข็งแรงทุกด้าน...ถ้า ข้างล่างเข้มแข็งก็จะส่งเสริมกันและกัน การศึกษาจะส่งเสริมให้ท้องถิ่นเข้มแข็งอย่างรวดเร็ว ” นายแพทย์ประเวศ วะสี กล่าว .......................................................................................................... ๕ ที่มา บรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “ ปฏิรูปประเทศไทยจากรากฐาน “ ในงาน “ผู้น า – น าการเปลี่ยนแปลง “ จัดโดย มูลนิธิ สัมมาชีพ ร่วมกับ เครือมติชน จัดระหว่างวันที่ ๓๑ กรกฎาคม – ๕ กันยายน ๒๕๕๓ ณ ห้องประชุมอาคารข่าวสดใน สัปดาห์ที่สองเป็นหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศไทยจากรากฐาน วันเสาร์ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๓ ที่มา : “ปฏิรูป ประเทศไทยจากรากฐาน” ศ.น.พ.ประเวศ วะสี http//culturegap.wordpress.com/rebuildthailand-from-the-root/ และ “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ปฏิรูปประเทศไทยได้” ในงานระดมความเห็นเพื่อหา แนวทางปฏิรูปประเทศไทย ณ อิมแพคเมืองทองธานี ๑๗ มิ.ย. ๒๐๑๐ http://prachatai.com/journal/ ๒๐๑๐ / ๐๖ / ๓๐๐๐๘


15 แนวคิดเรื่อง “ สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา “ อันโด่งดัง เป็นอีกแนวคิดหนึ่งที่นายแพทย์ประเวศ วะสีพัฒนาแนวคิด เรื่องชุมชนเข้มแข็งดังกล่าว โดยมองว่าหากชุมชนเข้มแข็งก็จะสามารถผลักดันนโยบายและเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา ประเทศร่วมกับรัฐได้ ตัวอย่างพลังของภาคประชาชน อาทิ การขับเคลื่อนของภาคประชาชนที่น าไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ เป็นต้น ประกอบกับปัจจุบันประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้น ขณะที่กฎหมายก็เปิดโอกาสให้ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมได้หลากหลายรูปแบบ ดังนั้น หากภาคประชาชนเรียนรู้ที่จะใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ก็อาจน ามาซึ่ง การเมืองภาคพลเมืองที่เข้มแข็งเป็นฐานรากที่ส าคัญของสังคมที่อาจน าไปสู่การเปลี่ยนแปลงในเรื่องต่างๆอีกหลายเรื่อง จากข้างต้นจะเห็นได้ว่ามีนักวิชาการหลายท่านได้ให้ความหมายของชุมชนเข้มแข็งไว้ซึ่งแตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม สามารถประมวลหลักของชุมชนเข้มแข็งจากนิยามต่างๆได้ดังนี้ ชุมชนเข้มแข็ง หมายถึง ชุมชนที่ตระหนักถึงศักยภาพของตน สามารถรวบรวมและดึงเอาทุนทางสังคมและ ทรัพยากรอันหลากหลายที่ตนมีอยู่มาเป็นฐานของการพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้วยตนเองได้ โดยการแก้ไขปัญหาต่างๆ นั้นจะริเริ่มจากชุมชนเอง หากจะร่วมมือหรือพึ่งพาอาศัยเครือข่ายจะเป็นไปในลักษณะที่เท่าเทียมกันและเป็นไป เพียงชั่วคราวเท่านั้น เป็นชุมชนที่มีความกระตือรือร้นที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้พร้อมที่จะเปิดโลกทัศฯใหม่ๆ และเห็น ความส าคัญของการเรียนรู้ร่วมกันอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ความเข้มแข็งของแต่ละชุมชนอาจแตกต่างกันออกไป บางชุมชนอาจเข้มแข็งในทุกมิติ ทั้งเรื่องของ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การศึกษา และสิ่งแวดล้อม ขณะที่บางชุมชนอาจมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไปในแต่ ละด้าน เช่น บางแห่งอาจมีความเข้มแข็งด้านสังคมวัฒนธรรมขณะที่ บางแห่งมีความเข้มแข็งเรื่องการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น กระนั้น สิ่งที่น่ายินดีคือ ความเข้มแข็งที่เกิดขึ้นแม้เพียงบางด้านก็นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ส าคัญและเป็นแรงบันดาลใจ ให้คนในชุมชนรวมตัวกันเพื่อผลักดันการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาอื่นๆในชุมชนของตนเองต่อไป


16 จ ั งหว ั ดสระแก ้ ว และ หม ู่บ ้ ำนคลองอำรำง จังหวัดสระแก้ว เป็นอีกจังหวัดที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานกว่า ๔,๐๐๐ปีมาแล้ว นับตั้งแต่ยุคหินใหม่ – ยุคโลหะ เพราะมีการค้นพบวัตถุโบราณที่ บ้านโคกมะกอก ในต าบลเขาสามสิบ อ าเภอเขาฉกรรจ์นั่นเอง ต่อมาก็มีการ ค้นพบโบราณวัตถุโบราณอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ที่อ าเภออรัญประเทศและเขตอ าเภอตาพระยา ซึ่งหลักฐานนี้ก็บ่งบอก ว่าสระแก้วนั้น เคยเป็นที่อยู่ของชุมชนมาก่อน และมีความเจริญรุ่งเรืองในยุคของเจนละทราวดีนั่นเอง รวมถึงมีอารยธรรม เป็นของตนเองด้วย และมีกษัตริย์หรือผู้ครองเมือง นับถือศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกายและไวษณพนิกายอีกด้วย ดูได้จาก โบราณสถานและจารึกรูปอักษรปัลลวะต่างเลย เพราะจะปรากฏอยู่ในปราสาทเขาน้อย นั่นเอง เป็นหลักฐานบันทึก ศักราชที่เก่าที่สุดในกลุ่มจารึกรุ่นแรกที่พบในไทย สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๑๑๘๐มาแล้ว นอกจากนี้ยังพบหลักฐานความเจริญของอารยธรรมขอม ระหว่างปีพุทธศตวรรษที่ ๑๕ – ๑๖ ในแถบนี้ด้วย ทั้งปราสาทอิฐ ปราสาทหิน เตาเผาเครื่องถ้วย และคูเมืองโบราณต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น จารึกพบที่ปราสาทสล็อกก๊อกธมอีก สองหลัก จารึกที่เกี่ยวกับอารยธรรมและศาสนา เป็นต้น ซึ่งก่อนที่จะมาเป็นสระแก้วในทุกวันนี้ เมื่อก่อนนั้นมีฐานะเป็น ต าบลที่ถูกตั้งให้เป็นด่านส าหรับตรวจคนและสินค้าเข้า – ออก จนมาถึงปี ๒๔๕๒ ทางราชการจึงยกฐานะขึ้นเป็นกิ่ง


17 อ าเภอ มีชื่อว่า “กิ่งอ าเภอสระแก้ว” นั่นเอง โดยขึ้นอยู่ในการปกครองกับอ าเภอกบินทร์บุรีอีกที และมีการใช้สระน ้าเป็น ชื่อกิ่งอ าเภอมาจนถึงในปัจจุบัน จนเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๐๑ นั้น ก็ได้มีพระราชกฤษฎีกายกฐานะนะขึ้นเป็น อ าเภอ ชื่อว่า “ อ าเภอสระแก้ว “ ขึ้นอยู่ในการปกครองของจังหวัดปราจีนบุรีอีกที ต่อมาเมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๓๖ ก็ได มีพระราชบัญญัติจัดตั้ง จังหวัดสระแก้ว ขึ้นมา และกลายเป็นจังหวัดสระแก้วจังหวัดที่ ๗๔ ของประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ นั่นเอง ในส่วนของชื่อ จังหวัดสระแก้ว นั้น ก็มีที่มาจากชื่อของสระน ้าโบราณในพื้นที่อ าเภอเมืองสระแก้วซึ่งมีอยู่สองสระ ด้วยกัน ครั้งในสมัยกรุงธนบุรี ปี พ.ศ. ๒๓๒๔ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ยกทัพไปตีประเทศกัมพูชา (เขมร) และได้แวะพักกองทัพที่บริเวณสระน ้าทั้งสองแห่งนี้ ซึ่ง กองทัพเอง ก็ได้อาศัยน ้าจากสระในการใช้สอย เลยมีการขนานนามสระทั้งสองว่า “ สระแก้ว สระขวัญ “ และได้น าน ้า จากสระทงั้สองใชใ้นการประกอบพิธีถือนา ้พิพฒันส์ตัยาอกีดว้ย โดยถือเป็นนา ้บรสิทุธิ์น่นัเอง สำ หรับหมู่บ้ำนชุมชนคลองอำรำง ปัจจุบันตั้งอยู่ในต าบลบ้านแก้ง อ าเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว ตาม ต านานและค าบอกเล่าของผู้ใหญ่พัฒนา พรหมเผ่า เล่าว่า ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๘๐ นายสังข์ พรสมบูรณ์ และนายสุบิน สองคนน้องกับหลานได้เข้ามาถางป่ า และเข้ามาจับจองพื้นที่ ด้วยเพราะความอุดมสมบูรณ์ และบางส่วนก็แบ่งขาย นอกนั้นได้น าญาติพี่น้องมาอยู่ด้วย พร้อมทั้งขยายพื้นที่อยู่อาศัยเพิ่มเติมเป็นชุมชนใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่มีน ้าไหลผ่าน หลายคลอง คลองเล็ก คลองน้อย แต่ทุกคลองจะมีต้นอาราง (ต้นนนทรี) ขึ้นอยู่ทั่วไปสองฝั่งคลอง มีต้นไม้ขึ้นอยู่อย่าง หนาแน่น มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่จ านวนมาก ด้วยความสัญจร คมนาคม ความผูกพัน คนคลองอารางมีทะเบียนบ้านอยู่ในเขต ปกครองของหมู่ที่ ๖ ต าบลบ้านนา อ าเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี บ้านคลองอารางเป็นหมู่บ้านแห่งความสุขด้วย ๔ ดี วิถีพอเพียง คนดี สุขภาพดี รายได้ดี และสิ่งแวดล้อมดี บ้านคลองอารางเป็นชุมชนต้นแบบของจังหวัดสระแก้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ มีการด าเนินงานด้านศาสนา การน้อมน า หลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การรักษาวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของตนไว้อย่างเข้มแข็งต่อเนื่อง เป็นหมู่บ้านที่ ได้รับรางวัลต่างๆจากทุกกระทรวง แหล่งท่องเทยวทำงวัฒนธรรม และประวัติศำสตร์ ี่บ่อทองคลองอำรำง บ่อทองคลองอาราง เกิดมาพร้อมกับหมู่บ้านตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ ผู้ค้นพบคือ นาง นาง สาสวด เกิดจากฝันว่า มีทองในพื้นที่หมู่บ้าน จึงบอกให้ลูกหลานไปขุดจนได้พบสายแร่ทองค า ได้ทองค าจ านวนมาก จนสามารถน าไปช าระ หนี้สินได้หลายคน ต่อมา มีชาวบ้านจากนอกพื้นที่ทราบข่าวและเข้ามาแสวงโชค ขุดทองในพื้นที่กันเป็นจ านวนมาก จน ไม่สามารถขุดพบเจอทองได้ เนื่องจากบริเวณที่ขุดหาทองค านั้นกลายเป็นบ่อน ้าลึกมาก และหยุดการขุดค้นหาทองตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๓๑ จนถึงปัจจุบัน กลายเป็นต านานบ่อทองบ้านคลองอารางไว้ให้ลูกหลานได้เรียนรู้ประวัติต่อไป บ่อทองที่ขุด


18 ค้นพบทองค ามีจ านวน ๒ บ่อ คือ บริเวณคุ้มนาล้อม ๑ บ่อ อยู่ในพื้นที่บ้านนายบุญเพ็ง อินทร์สุข และบริเวณสระหลวง ๑ บ่อ บริเวณบ้านของนาง นาง สาสวด วัดเขำสิงโต (สกำยวอล์ค เขำสิงโต) เขาสิงโตเป็นภูเขาลูกเตี้ย ๆ อยู่ติด กับบริเวณวัดเขาสิงโตด้านทิศเหนือสูงประมาณ ๒๕๐เมตร ด้านล่างมีถ ้าวัง นาคา ด้านบนยอดเขามีรอยพระพุทธบาท พระครูประโชติ สีหบรรพต เจ้าอาวาสวัดเขาสิงโต ได้ร่วมกับคณะกรรมการฯ ญาติโยม ก านัน ผู้ใหญ่บ้าน และนายกองค์การบริหารส่วนต าบลบ้านแก้ง สร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้น โดยท าบันไดทาง ขึ้นจนถึงยอดเขา และจัดท าสกายวอร์ค (sky walk) บนยอดเขาซึ่งเป็นแห่งแรกของภาคตะวันออก สามารถชมวิวได้ ๓๖๐ องศา แหล่งท่องเทยี่วทำงธรรมชำติและกำรท่องเทยี่วเชิงนิเวศป่ำชุมชน ๓,๐๐๐ ไร่ ชำยเขำ แหล่งเรยีนรู้ปลูกป่ำ เดิมพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นป่ าเสื่อมโทรม และถูกถากถางไม้ใหญ่จนเป็นพื้นที่โล่งเตียน ในช่วงเดือน พฤศจิกายน ถึงเดือน เมษายน จะมี ไฟไหม้ป่ าเกิดขึ้นทุกปี ต่อมาชาวบ้านคลองอารางได้ร่วมกันพิจารณาเห็นว่า การไม่มี ป่ าท าให้เกิดความแห้งแล้ง และรู้ถึงพิษภัยของการสูญเสียป่า จึงร่วมกันฟื้นฟูพื้นที่สาธารณะให้กลับมามีสภาพเป็นป่ า ที่สมบูรณ์ โดยการร่วมแรงร่วมใจปลูกป่าชุมชนขึ้น ด้วยพันธุ์ไม้หลายชนิดแทนป่ าไม้ที่ถูกท าลาย และในช่วงเดือน พฤษภาคมของทุกปีจะมีการจัดประเพณีบวชป่า เพื่อสร้างศูนย์รวมจิตใจให้ประชาชนและเยาวชนรักษาป่ าไม้ให้ยั่งยืน ต่อไป แหล่งท่องเทยี่วเชิงเกษตรสวนข่ำ/ ป่ำไผ่พอเพยีง ชุมชนบ้านคลองอาราง มีพื้นที่ป่ าชุมชน จ านวน ๓๕ ไร่ เป็นชุมชน ที่มีแนวทางการฟื้นฟูพื้นที่ส่วนรวม ซึ่งมี ลักษะป่ าเสื่อมโทรมให้กลับมาเป็นผืนป่ าที่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างเป็นระบบ มีการดูแลอย่างต่อเนื่อง มีกฎกติกาที่ ชุมชนยอมรับและปฏิบัติตาม จนสามารถขึ้นทะเบียนกับกรมป่าไม้ ให้เป็นป่าชุมชนฯ ในปี ๒๕๕๔ และได้รับรางวัลด้าน การจัดการป่าชุมชนดีเด่นระดับจังหวัด จากกรมป่าไม้ ในปี ๒๕๕๗


19 ผลกำรถอดบทเรียน ผลการศึกษาในกระบวนการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนบ้านคลองอาราง หมู่ที่๑๖ ต าบลบ้านแก้ง อ าเภอเมือง สระแก้ว จังหวัดสระแก้ว โดยผลการศึกษาตามวัตถุประสงค์ คือเพื่อศึกษาวิเคราะห์และถอดบทเรียนชุมชนที่มีความ เข้มแข็งและพึ่งพาตนเองในด้านต่างๆได้ เพื่อพัฒนาเป็นต้นแบบให้แก่ชุมชนอื่นๆ กระบวนการในการสร้างการมีส่วนร่วม ของสมาชิกชุมชนในการพัฒนาชุมชน และเพื่อศึกษาการถึงเปลี่ยนแปลงของชุมชน กรณีศึกษาชุมชนบ้านคลองอาราง หมู่ ที่๑๖ ต าบลบ้านแก้ง อ าเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว อธิบายผลการศึกษาได้ดังนี้ ศึกษาถึงกระบวนการสร้างการมี ส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนบ้านคลองอาราง ต าบลบ้านแก้ง อ าเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว ใช้วิธีการศึกษาด้วย วิธีการสนทนากลุ่ม (Focus Group) ผู้ให้ข้อมูลส าคัญ ได้แก่ ผู้น าชุมชน กลุ่มกองทุนแม่ฯ ประชาชน เยาวชน กระบวนการเสริมสร้างชุมชนเข้มแข็งโดยการสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนบ้านคลองอาราง หมู่ที่๑๖ ต าบลบ้าน แก้ง อ าเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว ประกอบด้วย ๕ ขั้นตอนส าคัญ คือ ๑) การศึกษาชุมชน ๒) การวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลร่วมกันของคนในชุมชน ๓) การจัดท าแผนการพัฒนาชุมชน ๔) น าแผนสู่การปฏิบัติด้วยการมีส่วนร่วม ของคนในชุมชน ๕)การติดตามประเมินผลการพัฒนาชุมชน โดยมีสาระสังเขปของแต่ละขั้นตอนดังต่อไปนี้ กระบวนกำรที่๑ การศึกษาชุมชน จุดเริ่มต้นที่น ามาใช้คือการสร้างทีมงานส ารวจข้อมูลชุมชน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ทุกคนใน ชุมชนร่วมกันศึกษาสภาพของชุมชน โดยเริ่มตั้งแต่ค้นหาประวัติความเป็นมาของชุมชนแล้วท าการจดบันทึกไว้ เริ่มส ารวจ ข้อมูลของคนในชุมชนทุกหลังคาเรือนด้วยกระบวนการจัดท าแผนที่เดินดินและจดบันทึกปัญหาที่ค้นพบในชุมชนซึ่งปัญหา ที่ค้นพบส่วนใหญ่คือ ปัญหาหนี้สิน ปัญหาอบายมุขและสิ่งเสพติด ปัญหาเยาวชนติดยาเสพติด ไม่กล้าแสดงออก ปัญหา การทะเลาะวิวาทภายในชุมชนและปัญหาสุขภาพภายในชุมชน หลังจากนั้นจึงจัดประชุมประชาคมหมู่บ้าน โดยให้สมาชิก ทุกคนในหมู่บ้านเข้าร่วมประชุมเพื่อท าการวิเคราะห์ปัญหาและหาทางออกในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน กระบวนกำรที่๒ การวิเคราะห์สังเคราะห์ข้อมูลร่วมกันของคนในชุมชน คือการที่ทุกครัวเรือนต้องเข้าร่วมประชุมเพื่อรับรู้ ปัญหาของชุมชนร่วมกัน โดยผู้น าชุมชนจะน าผลการส ารวจที่ได้มาคืนข้อมูลให้กับชุมชน หลังจากนั้นให้ทุกคนให้ชุมชน ร่วมกันระดมความคิดในแต่ละปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนว่าเกิดจากสาเหตุใด และแนวทางการแก้ไขปัญหาควรท าอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแบบเดิม ๆ ผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกันของคนในชุมชน วิธีการที่น ามาใช้ในการแก้ไขปัญหาคือ การจัดท ากติกาชุมชนร่วมกัน จนออกมาเป็นธรรมนูญชุมชนบ้านคลองอาราง และแผนพัฒนาชุมชนในรูปแบบโครงการ ต่าง ๆ กระบวนกำรที่ ๓ การจัดท าแผนการพัฒนาชุมชน เมื่อทุกคนในชุมชนเกิดการรับรู้ร่วมกันและก าหนดแนวทางการ พัฒนาในรูปของแผนการพัฒนาชุมชน โดยแผนการพัฒนาแบ่งออกเป็น กลยุทธ์การพัฒนาคน กลยุทธ์การพัฒนา สิ่งแวดล้อม กลยุทธ์การพัฒนาการสืบสานภูมิปัญญาประเพณีวัฒนธรรม กลยุทธ์การพัฒนาคุณภาพชีวิต กลยุทธ์พัฒนา สวัสดิการชุมชน และกลยุทธ์การพัฒนารายได้โดยการแปรรูปผลิตภัณฑ์ หลังจากนั้นให้สมาชิกในชุมชนส่งตัวแทน ผู้รับผิดชอบในการด าเนินงานแต่ละด้าน โดยการก าหนดบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบให้ตามความถนัด หลังจากนั้น


20 ตัวแทนแต่ละกลุ่มร่วมกันพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ความถูกต้องตามเจตนาของสมาชิกในชุมชน และจัดล าดับ ความส าคัญของแต่ละประเด็น ก าหนดช่วงเวลา ความเหมาะสม วิธีการที่จะท าให้แผนประสบความส าเร็จ โดยเรียกวิธีการ นี้ว่า ประชาพิจารณ์แผนแม่บทชุมชน กระบวนกำรที่ ๔ น าแผนสู่การปฏิบัติด้วยการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน กระบวนการนี้เป็นกระบวนการของการปฏิบัติ ตามโครงการที่ก าหนดตามแผนพัฒนาชุมชน โดยมอบหมายให้ตัวแทนแต่ละด้าน น าไปบริหารจัดการด าเนินการตามแผน โดยใช้ทุนทางสังคม บุคลากร ทรัพยากรในชุมชน รวมถึงวัฒนธรรม ประสบการณ์และวิถีชุมชน กระบวนกำรที่๕ การติดตามประเมินผลการพัฒนาชุมชน เมื่อน าแผนงานลงสู่การท างานชุมชนมีแนวทางในการติดตาม กิจกรรมต่าง ๆ ที่จะต้องด าเนินการตามแผน ซึ่งในการด าเนินงานอาจ ประสบปัญหา จะต้องท าการปรับแผนโดยใช้ กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการช่วยตัดสินใจในการแก้ไขปัญหา ด้วยการจัดเวทีชุมชนและวัดผลการด าเนินงาน จากความสุขของสมาชิกในชุมชน การเปลี่ยนแปลงของชุมชนบ้านคลองอาราง ต าบลบ้านแก้ง อ าเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้วสามารถอธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงในชุมชนได้ดังนี้ สถำนกำรณ์ในอดีต จากสถานการณ์ในอดีตของชุมชนบ้านคลองอารางสมาชิกในชุมชนบ้านคลองอารางส่วนใหญ่ออกไปท างานนอก ชุมชนเพื่อหาเงินมาส่งเสียครอบครัวแต่ถึงอย่างไรรายได้ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนในครอบครัว เนื่องจาก สมาชิกในชุมชนส่วนใหญ่จะเป็นเด็กและผู้สูงอายุ ดังนั้นเป็นเหตุให้เมื่อหารายได้มาไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายเพราะ เนื่องจากในครัวเรือนหนึ่งจะมีสมาชิกเพียง ๑ – ๒ คน เท่านั้นที่จะเป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัว และจากการที่มีสมาชิกส่วน ใหญ่อยู่ในวัยเด็กและวัยชรา ท าให้บางครอบครัวพบปัญหา เด็กและผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม หลายประการ เด็กในชุมชนเริ่มติดยาเสพติด เป็นเด็กแว้น มีปัญหาสุขภาพของคนในชุมชน เกิดการทะเลาะวิวาทภายใน ชุมชน อุบัติเหตุทางถนน ซึ่งจากปัญหาที่ชุมชนต้องเผชิญดังกล่าว ส่งผลให้ผู้น าชุมชนได้มีการทบทวนและไตร่ตรองหา แนวทางปรับตัว จนเกิดกระบวนการพัฒนาชุมชนแบบมีส่วนร่วมและส่งผลให้ชุมชนมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดี แตกต่างจากอดีตซึ่งมีกลยุทธ์ที่น ามาใช้ในการแก้ไขปัญหาดังนี้ กลยุทธท ์ นี่ ำมำใช้ในกำรแก้ไขปัญหำ บ้านคลองอารางร่วมกันตั้งกติกาของหมู่บ้านขึ้นและให้สมาชิกทุกคนให้ชุมชนร่วมกันน าไปปฏิบัติ โดยการยกย่อง คนท าดี น้อมน าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางการด าเนินชีวิต โดยมีข้อปฏิบัติ ๑) คนดีต้องได้รับการยกย่องในทุก ๆ โอกาส ๒) คนดีต้องได้รับการสนับสนุนทุนในการด าเนินชีวิต ๓) คนดีต้องสนับสนุนเด็ก/เยาวชนให้เป็นคนดี คนเก่ง และ


21 ร่าเริง โดยการส่งเสริมคุณธรรม ๔ ประการ คือ ๑) พอเพียง ๒) มีวินัย ๓) สุจริต ๔) มีจิตอาสา นอกจากนั้นแล้วยังมีกล ยุทธ์ในการพัฒนาชุมชนด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมในการพัฒนาด้านต่าง ๆ ดังนี้ ๑. การพัฒนาคน โดยเฉพาะการพัฒนาให้มีจิตส านึก จัดท าโครงการพัฒนาต่าง ๆ เช่น โครงการธรรมะสัญจร, โครงการ ค้นหาคนดีต้นแบบ, โครงการลด ละ เลิก เหล้าและบุหรี่ อบายมุข, โครงการส่งเสริมอาสาสมัครในการดูแล เด็ก คนพิการ คนชรา และผู้ด้อยโอกาส ,โครงการ ด้านเด็กและเยาวชน ค่ายธรรมมะเด็ก – เยาวชน, โครงการต ารวจจิ๋ว, โครงการค่าย เด็กและเยาวชน, โครงการคนดีศรีบ้านคลองอารางไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จนเกิดเป็นธรรมนูญชุมชนบ้านคลองอาราง นอกจากนั้นแล้ว โครงการดังกล่าวสามารถสร้างความรู้สึกรับผิดชอบหน้าที่ของตนเองและความรับผิดชอบต่อชุมชนสังคม ๒. พัฒนาสิ่งแวดล้อมโดยมีกลุ่มกิจกรรมเก็บขยะในชุมชนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาปัญหาขยะในชุมชนและ โครงการ หมู่บ้านสีเขียว โครงการธนาคารต้นไม้ เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านได้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและป่าชุมชน ๓. พัฒนาการสืบสานภูมิปัญญาประเพณีวัฒนธรรมโดยใช้กิจกรรมโครงการสวดมนต์ข้ามปี โครงการอนุรักษ์วัฒนธรรม ปราสาทดอกผึ้ง บุญข้าวหลาม ประเพณีสงน ้าพระ รดน ้าด าหัว ขอพรผู้สูงอายุในวันสงกรานต์ เป็นสิ่งที่ท าให้สมาชิกใน ชุมชนมาพบปะและท ากิจกรรมร่วมกัน รวมทั้งน าภูมิปัญญาของท้องถิ่นมาสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านกลุ่มกิจกรรมต่าง ๆของ ชุมชนเช่นการหมักดอกหน่อไม้ การท าปุ๋ ยอินทรีย์การเผาถ่าน การแปรรูปสมุนไพรท าให้เกิดอาชีพและความเข้มแข็งของ ระบบเศรษฐกิจของชุมชน ๔. พัฒนาคุณภาพชีวิต โดยจัดท าโครงการจัดหาที่ท ากินเพื่อผู้ยากไร้สู่ความเข้มแข็งท าให้สมาชิกทุกคนในชุมชนมีที่ดินท า กินของตนเองท าให้มีที่อยู่อาศัยและมีอาหารปลอดภัยต่อการบริโภคเพราะสมาชิกทุกคนที่เข้าร่วมโครงการจะต้องปลูก พืชผักปลอดสารพิษ รวมทั้งยังจัดท าโครงการให้ความรู้เรื่องสมุนไพรน ามาใช้ในการรักษาโรค โครงการจัดท าบัญชี ครัวเรือน รวมทั้งมีกองทุนพัฒนาหมู่บ้านของชุมชน เกิดกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ในชุมชนอีกมาก ๕. พัฒนากองทุนแม่ของแผ่นดินน ามาสร้างสวัสดิการชุมชน เพื่อเป็นหลักประกันในการด าเนินชีวิตทั้งในด้านการคลอด บุตร เจ็บป่ วยเสียชีวิตการส่งเสริมสุขภาพนันทนาการการศึกษาและการประกอบอาชีพโดยมีหลักการว่าเมื่อเกิดปัญหาใน การด าเนินชีวิต ไม่ว่าด้านใดด้านหนึ่งสวัสดิการจากกองทุนแม่ของแผ่นดิน ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาเพื่อให้กลับมา ด ารงชีวิตได้ตามปกติ ๖. พัฒนารายได้โดยมีการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรให้เป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชน เช่น การแปรรูปสมุนไพร ผลิตภัณฑ์หน่อไม้ดอง น ้าพริกแกง ซึ่งจัดท าในรูปแบบของวิสาหกิจชุมชนที่ทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าของโดยให้ชาวบ้านใน ชุมชนมีความสามารถและความตั้งใจเข้ามาบริหารในรูปแบบธุรกิจของชุมชนก่อให้เกิดการสร้างรายได้ลดปัญหาการ ว่างงานท าให้ชาวบ้านท างานอยู่ในชุมชนซึ่งมีรายได้ส่วนหนึ่งก็น ามาจัดสวัสดิการที่จ าเป็นให้กับชุมชนให้มีความ ครอบคลุมมากขึ้น สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากสถานการณ์ในอดีตจนถึงปัจจุบันสิ่งส าคัญที่ท าให้ชุมชนเกิดการ เปลี่ยนแปลงคือกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน คือ สมาชิกบ้านคลองอารางจะคิดแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วย


22 ตนเองตลอดมาและจะใช้กระบวนการประชุมประชาคม จัดเวทีหมู่บ้านเป็นวิธีในการรับรู้ปัญหาและร่วมแก้ไขปัญหา ดัง จะเห็นได้จากการตั้งกลุ่มกิจกรรมต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาในการด ารงชีวิตให้ตนเองสามารถอยู่ได้โดยพึ่งพาตนเอง จนกระทั่งทุกวันนี้สมาชิกในชุมชนหลายครอบครัวย้อนกลับเข้ามาอยู่ในชุมชน ปัญหาต่างๆ คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ไม่มีเด็กแว้น เด็กติดยา ปัญหาการทะเลาะวิวาท หรืออุบัติเหตุในชุมชนเป็นศูนย์ ปัจจุบันมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ต่างเข้ามาศึกษาดูงานในชุมชนเป็นจ านวนมาก สรุปและอภิปรำยผลกำรจัดเวทีถอดบทเรียน จากการศึกษาวิเคราะห์และถอดบทเรียนชุมชนที่มีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองในด้านต่างๆได้ เพื่อพัฒนา เป็นต้นแบบให้แก่ชุมชนอื่นๆ กระบวนการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนของชุมชนบ้านคลองอาราง ต าบลบ้านแก้ง อ าเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว ผลการศึกษา พบว่า กระบวนการที่ท าให้ชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี นั้นประกอบด้วย ๑) การศึกษาชุมชน ๒) การวิเคราะห์สังเคราะห์ข้อมูลร่วมกันของคนในชุมชน ๓) การจัดท าแผนการ พัฒนาชุมชน ๔) น าแผนสู่การปฏิบัติด้วยการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ๕)การติดตามประเมินผลการพัฒนาชุมชน ซึ่ง จากข้อค้นพบดังกล่าวสามารถน ามาใช้เป็นแนวทางให้กับชุมชนอื่นๆน ามาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชุมชนได้แต่ต้องมีการ สนับสนุนเชิงนโยบายจากภาครัฐ นอกจากนั้นแล้วผลการศึกษา พบว่า กลยุทธ์ที่ท าให้ชุมชนประสบความส าเร็จได้แก่ กลยุทธ์การพัฒนาคน กลยุทธ์การพัฒนาสิ่งแวดล้อม กลยุทธ์การพัฒนาการสืบสานภูมิปัญญาประเพณีวัฒนธรรม กลยุทธ์การพัฒนาคุณภาพชีวิต กลยุทธ์พัฒนาสวัสดิการชุมชน และกลยุทธ์การพัฒนารายได้โดยการแปรรูปผลิตภัณฑ์ จากผลการศึกษาสะท้อนให้เห็นว่ากลยุทธ์ในการพัฒนาชุมชนให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนนั้นกระบวนการสร้างกลุ่มและ การน้อมน าหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้นั้นเป็นกระบวนการส าคัญที่จะให้เกิดการพัฒนา ในส่วนด้านการศึกษาวิเคราะห์และถอดบทเรียนชุมชนในด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ผล การศึกษา พบว่า กระบวนการของชุมชนใช้การพูดคุยจากครอบครัว และจากผู้ที่มีความเชื่อถือ หรือเป็นที่นับหน้าถือตาใน ชุมชน เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรวมถึงเลิกขายและเสพ โดยไม่มีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ต ารวจ หรือหากต้องการ บ าบัดก็จะมีโครงการท ากิจกรรมร่วมกันกับกลุ่มต่างๆในชุมชนในการบ าบัดผู้เสพ นับเป็น “นวัตกรรมใหม่ในการแก้ไข ปัญหายาเสพติดยั่งยืน” โดยใช้ชุมชนดูแลชุมชนเองด้วยหลักสันติวิธี กับวิถีวัฒนธรรมท้องถิ่นไทย แก้ไขผู้มีพฤติกรรมอย่าง ค่อยเป็นค่อยไป ใช้หมู่บ้านเป็นโรงพยาบาล ใช้กรรมการหมู่บ้านเป็นหมอ ใช้บ้านผู้เสพเป็นเตียงผู้ป่ วย ใช้หลักการให้อภัย ให้โอกาส และบรรยากาศแบบเป็นกันเอง ไม่กดดันบีบคั้นเร่งรัด ไม่แบ่งฝ่ายคนดีคนเลว โดยกระบวนการดังกล่าวเชื่อมโยง กับบทบาทของศูนย์เรียนรู้กองทุนแม่ของแผ่นดินที่โดดเด่นว่า ชุมชนบ้านคลองอารางได้ตั้งปณิธานไว้ว่า จะเอาชนะยาเสพ ติดด้วยเศรษฐกิจพอเพียงอันประกอบด้วย ๑.) สร้างประชาคมเข้มแข็งเป็นของตนเอง ๒.) ประกาศให้อภัยแก่ผู้ผิดพลาด เปลี่ยนแปลงตนเองเป็นคนดีได้ ๓.) คุ้มครองผู้มีพฤติกรรมไว้ปรับปรุงแก้ไขกันเอง ๔.) ให้โอกาสทุกคนลด ละ เลิก โดยไม่ กดดัน บีบคั้น หรือแบ่งฝ่ายให้เกิดความแตกแยก ๕.) ใช้บรรยากาศแบบเป็นกันเองเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพ – ผู้ค้า ด้วย สันติวิธีจนกว่าจะเป็นคนดีดังเดิม


23 กระบวนการท างานของศูนย์การเรียนรู้กองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านคลองอาราง นับเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจคือ มีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบประจ าละแวกบ้านเพื่อดูแลแต่ละครอบครัว สังเกตพฤติกรรมของสมาชิกแต่ละคน หากสงสัยก็ จะเข้าไปพูดคุยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ บ้านใครติดยาบ้าง “ มีการให้ความรู้ถึงภัยยาเสพติด ทั้งเรื่องสุขภาพและเรื่องการ ด าเนินคดีทางกฎหมาย ซึ่งเวลามีคณะผู้มาศึกษาดูงาน คนที่เลิกยาเสพติดได้ก็มีโอกาสช่วยงานของชุมชน ได้ให้ความรู้แก่ ชาวบ้านจากพื้นที่อื่นๆ ท าให้ได้รับการยอมรับมากขึ้น และท าให้ผู้ได้รับโอกาสรู้สึกภาคภูมิใจด้วยเช่นกัน ข้อเสนอแนะ ๑. ชุมชนควรขยายแนวคิดและความส าเร็จไปยังระดับหมู่บ้านชุมชน / ต าบลที่อยู่ข้างเคียงเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและ สร้างระบบเครือข่ายชุมชนที่เข้มแข็งแบบภาคีเครือข่าย ๒. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับปัญหายาเสพติดควรคิดค้นหารูปแบบของการป้องกันปัญหายาเสพติดร่วมกับชุมชนที่ เหมาะสมต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และข้อจ ากัดต่างๆของชุมชน เพื่อให้เกิดแนวทางที่ชัดเจน ซึ่งตอบสนองต่อการ ควบคุมกลุ่มเสี่ยงในชุมชนที่ตรงต่อปัญหา และเกิดการด าเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง


24 ภำพกิจกรรมเวทีถอดบทเรียน


25


Click to View FlipBook Version