รายงานการประเมินผลการใช้และพฒั นาหลกั สูตรสถานศึกษา
โรงเรียนละลมวิทยา อาเภอภูสิงห์ จงั หวัดศรสี ะเกษ
ประจาปีการศกึ ษา 2564
งานพฒั นาหลักสูตร
ฝา่ ยบรหิ ารงานวิชาการ
โรงเรยี นละลมวิทยา อาเภอภูสิงห์ จังหวดั ศรสี ะเกษ
สานักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษาศรีสะเกษ ยโสธร
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขนึ้ พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
คานา
โรงเรียนละลมวิทยา อาเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้จัดทาหลักสูตรสถานศึกษาตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551และเริ่มใช้จัดการศึกษามาต้ังแต่ปีการศึกษา 2553 ซ่ึงได้มีการ
ปรับปรุงเพ่ิมเติมในบางส่วน ตามนโยบายการจัดการศึกษาทุกระดับและสภาพบริบทที่ เปล่ียนแปลงทุกปี เพื่อ
ความเหมาะสมกับผู้เรียนให้ผู้เรียนได้เรียนตามศักยภาพและมีคุณภาพบรรลุตาม เป้าหมายของการจัด
การศึกษา โรงเรยี นจงึ เหน็ วา่ ควรมกี ารตรวจสอบโดยภาพรวมของการบริหารและ พัฒนาการศึกษาท้ังระบบ จึง
จัดการประเมินหลักสูตรสถานศึกษาข้ึน เพ่ือเป็นข้อมูลในการพัฒนา หลักสูตรสถานศึกษาให้สมบูรณ์ย่ิงขึ้น
ตอ่ ไป
คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตร
โรงเรียนละลมวทิ ยา
สารบัญ
หนา้
บทที่ 1 บทนา ………………………………………………………………………………………………. 1
ความเปน็ มา ........................................................................................... 1
วัตถปุ ระสงค์ของการประเมนิ ...................................................................... 6
ขอบเขตของการประเมนิ ............................................................................. 6
8
บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจัยทเี่ กีย่ วข้อง …………………………………………………………. 20
บทที่ 3 วธิ ีดาเนนิ การ................................................................................................ 20
20
กลุ่มเป้าหมาย ………………………………………………………………………………….. 20
เครือ่ งมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมลู ....................................................... 21
ขัน้ ตอนการดาเนินการ ………………………………………………………………………. 21
การวิเคราะห์ขอ้ มูล …………………………………………………………………………… 22
สถิตทิ ีใ่ ช้ในการวเิ คราะห์ข้อมูล ………………………………………………………….. 23
บทที่ 4 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล ……………………………………………………………………… 27
ตอนที่ 1 ข้อมลู เกย่ี วกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม ………………….. 38
ตอนที่ 2 การประเมนิ หลักสตู รสถานศกึ ษา ................................................. 40
บทท่ี 5 สรปุ ผล อภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะ ........................................................ 43
สรปุ ผล ……………………………………………………………………………………………. 45
อภิปรายผล ขอ้ เสนอแนะ ............................................................................ 46
บรรณานกุ รม ……………………………………………………………………………………
ภาคผนวก …………………………………………………………………………………………
1
บทที่ 1
บทนา
ความเปน็ มา
กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายในการพัฒนาเยาวชนของชาติ สู่โลกยุคศตวรรษที่ 21 โดยมุ่ง ส่งเสริม
ให้ผู้เรียนมีคุณธรรมรักความเป็นไทย มีทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ ทักษะด้านเทคโนโลยี สามารถทา
งานร่วมกับผู้อื่น และอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคมโลกได้อย่างสันติ จึงมีการทบทวนหลักสูตร การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
พุทธศักราช 2544 สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (2550, หน้า13) กล่าวถึง ปัญหาการสร้างและพัฒนาหลักสูตร
การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 1514 ว่า บุคลากรขาดความรู้ความ เข้าใจในการสร้างและพัฒนาหลักสูตรครู
เข้าใจเก่ียวกับการจัดทาหลักสูตรการศึกษาไม่ชัดเจนในเรื่องการ จัดทาหลักสูตรสถานศึกษา การจัดทาสาระ
เพ่ิมเติม การจัดทาโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา การกาหนด คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน ครูขาด
ความม่นั ใจในการจัดทาหลักสตู รสถานศึกษา ชมุ ชนมีความรู้ เก่ยี วกบั หลักสูตรเขา้ มามสี ว่ นรว่ มน้อย ด้านบุคลากร
พบว่าขาดบุคลากรที่มีความรู้ความชานาญในการ วิเคราะห์หลักสูตรของแต่ละกลุ่มสาระ ปัญหาด้านการเรียนการ
สอนครูบางคนยังไม่ปรับพฤติกรรมการเรียน การสอนให้สอดคล้องกับหลักสูตร ขาดเทคนิคการสอนท่ี
หลากหลาย ขาดความรู้ความเข้าใจและนา นวัตกรรมการสอนและเทคโนโลยีมาประกอบการสอนน้อย กิจกรรม
การฝกึ คิดวิเคราะหข์ องนักเรียนยังมี น้อย ครูไม่สอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ และไม่นาผลการประเมินการเรียน
มาปรับปรุงการเรียนการสอน ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยทดลองกระบวนการสร้างหลักสูตรสถานศึกษาแบบอิง
มาตรฐาน ระยะท่ี 1 (สานักวิชาการและมาตรฐาน, 1550, หน้า 5) พบปัญหาการจัดการเรียนการสอนของครูยังไม่
เปล่ียนแปลง คือ เน้นเน้ือหามากว่ากระบวนการเรียนรู้ สอนหนังสือโดยยึดหนังสือเรียนและแบบฝึกหัดเป็นหลัก
ไม่ได้จัดให้เหมาะกับความแตกต่างระหว่างบุคคล จึงนาไปสู่การพัฒนาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน
พุทธศักราช 2551 ที่มุ่งให้มีความเหมาะสม ชัดเจน ท้ังเป้าหมายของหลักสูตรในการพัฒนาผู้เรียนและ
กระบวนการนาหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติระดับเขตพื้นที่ และสถานศึกษา กระทรวงศึกษาธิการได้มีคาสั่งท่ี สพฐ.
293/2511 ส่ัง ณ วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551ให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2151
เพื่อให้การจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐานสอดคล้องกับสภาพความเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคมและความ
เจริญก้าวหน้าทางวิทยาการ เป็นการสร้างกลยุทธ์ใหม่ ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ สามารถตอบสนอง
ความต้องการของบุคคล สังคมไทย ผู้เรียนให้มีศักยภาพในการแข่งขัน และร่วมมือ อย่างสร้างสรรค์ ในสังคม
โลก ปลกู ฝังใหผ้ ้เู รยี นมจี ิตสานึกในความเป็นไทย มีระเบียบวินัย คานึงถึง ประโยชน์ส่วนรวม และยึดม่ันในการ
ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีการกาหนดวิสัยทัศน์ จุดหมาย
สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการ เรียนรู้ และตัวชี้วัดชัดเจน เพื่อใช้เป็น
ทิศทางในการจัดทาหลักสตู ร การเรียนการสอนในแต่ละระดับ นอกจากนัน้ ยงั กาหนดโครงสร้างเวลาเรียนพื้นฐาน
ของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ในแต่ละช้ันปีไว้ใน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และเปิดโอกาสให้
สถานศกึ ษาเพ่ิมเติมเวลาเรียนไดต้ ามความพรอ้ ม และจุดเน้นอกี ท้งั ได้ปรับกระบวนการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
เกณฑ์การจบการศกึ ษาแตล่ ะระดับ และเอกสารแสดงหลกั ฐานทางการศกึ ษา ให้มคี วามสอดคลอ้ งกับ
2
มาตรฐานการเรียนรู้ และมีความชัดเจน ต่อการนาไปปฏิบัติ โดยกาหนดให้สานักงานเขต พ้ืนท่ี
การศึกษา หน่วยงานระดับท้องถิ่นและสถานศึกษาทุกสังกัดที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน นาหลักสูตร แกนกลาง
การศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ไปเป็นกรอบและทิศทางในการจัดทาหลักสูตร สถานศึกษา และตาม
พระราชบัญญัติการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และฉบับแก้ไขเพ่มิ เติม พ.ศ.2545 ที่มีเจตนารมณ์มุ่งเน้นการกระจาย
อานาจการจัดการศึกษาให้ท้องถิ่นและสถานศึกษาได้มีบทบาทและมีส่วน ร่วมในการพัฒนาหลักสูตรเพื่อให้
สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น (สานักนายกรัฐมนตรี, หน้า 2552) ) การพัฒนาและใช้หลักสูตร
จะประสบความสาเรจ็ ไดท้ ุกฝ่ายทีเ่ กย่ี วข้องต้องมีความเข้าใจ ชัดเจนตรงกันเก่ียวกับหลักสูตร เข้าใจบทบาทหน้าท่ี
ของตนเอง ปฏบิ ตั ิหน้าทอี่ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ กอ่ ให้เกิด ประโยชนส์ ูงสุดต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน การบริหาร
จัดการหลักสูตรในยุคปัจจุบันซึ่งมีการ กระจายอานาจสู่ท้องถ่ินและสถานศึกษาให้มีส่วนร่วมคิดร่วมตัดสินใจใน
การพัฒนาหลักสูตรต้องอาศัยการเปล่ียนแปลงแนวคิด วิธีการ รูปแบบและปรับเปล่ียนกระบวนทัศน์จากกรอบ
แนวคดิ เดมิ ส่แู นวคดิ ใหม่ วิธีการบริหารจัดการใหม่ แนวปฏิบัติใหม่ ๆ ซึ่งมีความเก่ียวเนื่องสัมพันธ์กันหลายระดับ
ต้ังแตร่ ะดบั ชาติ ระดบั ทอ้ งถน่ิ และระดับสถานศกึ ษา
การเตรียมบุคลากรเก่ียวกับการใช้หลักสูตรจะดาเนินการโดยวิธีใดวางแผนการใช้หลักสูตรอย่างละเอียด
รอบคอบ โรงเรียนควรมีการส่งเสริมสนับสนุนการนาหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติอย่างเหมาะสม เนื่องจาก
สถานศึกษาแต่ละแห่งมีบริบทต่างกัน ความพร้อมต่างกัน รวมทั้งความต่างด้านงบประมาณ ทรัพยากร สถานท่ี
บุคลากร และผู้เรียนที่มีพื้นฐานครอบครัว ฐานะทางเศรษฐกิจ สังคมที่แตกต่างกัน มีความรู้ ความสามารถ
ตลอดจนความตอ้ งการแตกตา่ งกัน ดงั นั้นการวางแผนการบรหิ ารจดั การหลักสตู รจึงควร พจิ ารณาให้สอดคลอ้ ง
สัมพันธ์กับปัจจัยต่าง ๆ นอกจากนั้นสถานศึกษาจะต้องมีการติดตาม ดูแลคุณภาพ การจัดทาหลักสูตร และการ
จัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบต่อเน่ือง และครบวงจร และนาผลการติดตาม กากับดูแลคุณภาพน้ันมาพิจารณา
ปรับปรุงหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น หลังจากที่ครูผู้สอนนาหลักสูตร
สถานศึกษาไปพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามเป้าหมาย ควรมีการ ติดตามผลการใช้หลักสูตรอย่างต่อเนื่องเป็น
ระยะ ๆ เพื่อนาผลจากการติดตามมาใช้เป็นข้อมูลพิจารณาปรับปรุงหลักสูตรให้มีคุณภาพและมีความเหมาะสม
ยงิ่ ข้นึ (สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน(2551,หนา้ 39
จะเห็นไดว้ า่ ในการจดั การศึกษาของสถานศึกษาให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาอย่างเต็มตามศักยภาพ หลักสูตร
สถานศึกษามีความสาคัญ สถานศึกษามีบทบาทสาคัญในการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษา ตามหลักการและ
เป้าหมายของการจดั การศึกษาของชาติ และดาเนินการนาหลกั สตู รสู่การปฏบิ ัตใิ นการ จัดการเรยี นการสอนในชั้น
เรียนอย่างมีประสิทธิภาพมีการติดตามผลการใช้หลักสูตรอย่างต่อเน่ืองเป็นระยะๆ เพ่ือนาผลจากการติดตามมาใช้
เป็นขอ้ มูลพิจารณาปรบั ปรุงหลักสตู รใหม้ ีคุณภาพดังนน้ั การประเมินหลักสูตรสถานศึกษาจึงเป็นกระบวนการสาคัญ
อย่างหน่ึงที่มีบทบาทต่อการ พัฒนาหลักสูตรเป็นการพิจารณาตรวจสอบประสิทธิภาพของหลักสูตรว่ามีคุณค่า
เหมาะสมหรือไม่ และ ตรวจสอบ ประสิทธิภาพในการดาเนินงาน ฉะนั้นการประเมินหลักสูตรสถานศึกษาจึงควร
ประเมินอย่างรอบด้าน ซึ่งจะช่วยทาให้ได้ข้อมูลที่ช่วยให้ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบต่อหลักสูตรใช้เป็นแนวทางในการ
ตัดสินที่จะ ปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรต่อไป จากการศึกษาวิธีการประเมินหลักสูตรพบว่า มีรูปแบบการ
ประเมิน หลักสูตรหลายรูปแบบด้วยกัน โรงเรียน.ละลมวิทยาจึงเลือกประยุกต์ใช้รูปแบบการประเมินผล เชิงระบบ
3
(Input Output Model) โดยการประเมินองค์ประกอบ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการสร้างและ พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
ด้านการนาหลักสตู รสถานศึกษาไปใช้ และดา้ นผลผลิตของหลักสูตร สถานศึกษา เพื่อการนาไปสู่คาตอบว่า หลักสูตร
มีความเหมาะสมเพียงใด การดาเนินงานเป็นไปตามความ มุ่งหมายท่ีวางไว้หรือไม่ มีปัญหาและอุปสรรค และ
ข้อผิดพลาดในด้านใด เพ่ือสามารถตัดสินใจได้ว่าควรมี การปรับปรุง และพัฒนาหลักสูตรในด้านใด เพื่อให้เป็น
หลักสตู รท่ีมีประสทิ ธิภาพต่อไป
วตั ถปุ ระสงค์ของการประเมนิ
เพอ่ื ประเมนิ หลักสตู รสถานศึกษา ของโรงเรียนละลมวิทยาสานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษาศรี
สะเกษ ยโยธรในองค์ประกอบ 3 ด้าน ได้แก่
1. ด้านการสรา้ งและพฒั นาหลักสตู รสถานศกึ ษา
2. ด้านการนาหลักสูตรสถานศกึ ษาไปใช้
3. ด้านผลผลิตของหลกั สตู รสถานศกึ ษา
ขอบเขตการประเมิน
การประเมนิ หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนละลมวทิ ยา สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาศรี
สะเกษ ยโสธรครง้ั นี้ มีขอบเขตของการประเมนิ ดังนี้
1. กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมายท่ใี ช้ในการประเมนิ คร้ังนี้ ประกอบดว้ ย
1) ผู้อานวยการโรงเรียน จานวน 1 คน
2) รองผอู้ านวยการโรงเรยี น จานวน 1 คน
3) ครูผู้สอน จานวน 23 คน
4) คณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน จานวน. 15 คน
5) ผปู้ กครองนกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 จานวน 21 คน และผ้ปู กครองนกั เรียน
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 จานวน40 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบแบง่ ชน้ั อยา่ งเป็นสดั ส่วน
6) นักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 จานวน 21 คน และนกั เรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 6
จานวน 40 คน ใช้วิธกี ารสุ่มแบบแบ่งชัน้ อยา่ งเป็นสัดส่วน
2. ขอบเขตด้านเน้อื หา
เนอื้ หาการประเมนิ ในครั้งน้ี ประกอบด้วย 3 ดา้ น ได้แก่
2.1ดา้ นการสรา้ งและพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
2.2 ดา้ นการนาหลกั สตู รสถานศึกษาไปใช้
2.3 ด้านผลผลิตของหลกั สูตรสถานศกึ ษา
4
ตารางที่ 1 กรอบการประเมินหลกั สูตรสถานศกึ ษา
องคป์ ระกอบ ประเด็นการประเมนิ เคร่ืองมือ ผปู้ ระเมิน
เกบ็ ข้อมูล
1. ดา้ นการสรา้ ง 1. การจัดทาหลักสตู รสถานศกึ ษา แบบสอบถาม 1. ผบู้ ริหาร ร.ร.
และพัฒนา 2. การจัดทาหลกั สูตรระดับชนั้ เรียน เพอื่ การ 2.ครูผสู้ อน3.
หลกั สูตร 8 กลุ่ม สาระ ประเมนิ นกั เรียน
สถานศกึ ษา 3. การวดั ผลและประเมนิ ผล หลักสูตร 4. .ผปู้ กครอง
4. การจดั กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น สถานศกึ ษา นกั เรยี น
2. ด้านการนา 5. ความพร้อมดา้ นส่ือ วัสดุ อปุ กรณ์ 5. คณะกรรมการ
หลักสูตร 6. ความพร้อมของบุคลากร/โรงเรียน แบบสอบถาม สถานศึกษา
สถานศึก 7. การมสี ่วนรว่ มในการจัดทา เพือ่ การ ข้นั พน้ื ฐาน
ษาไปใช้ 1. การวางแผนการใชห้ ลกั สตู ร ประเมิน 1. ผู้บรหิ าร ร.ร.
2. ความพรอ้ มของครูในการนาหลกั สูตรไปใช้ หลักสูตร 2.ครผู ้สู อน
3. การประชาสัมพันธก์ ารใชห้ ลกั สูตร สถานศึกษา 3.นกั เรียน
4. การนาหลักสตู รสู่ 4. ผปู้ กครอง นักเรยี น
หอ้ งเรยี น แบบสอบถาม 5. คณะกรรมการ
5. การนิเทศติดตามการใชห้ ลกั สตู ร เพอ่ื การ สถานศกึ ษา
ประเมิน ขั้นพืน้ ฐาน
3. ด้านผลผลติ 1. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ หลักสตู ร
2. ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น 8 กลุม่ สาระการ สถานศกึ ษา 1. ผู้บริหาร ร.ร.
ของหลักสตู ร 2. ครูผู้สอน
สถานศกึ ษา เรยี นรู้ 3. นักเรียน
3. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 4. ผู้ปกครอง นักเรยี น
4. การส่ือสารทัง้ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 5. คณะกรรมการ
สถานศกึ ษข้ัน
พ้นื ฐาน
5
บทท่ี 2
เอกสารและงานวิจัยทเี่ กี่ยวขอ้ ง
การประเมินหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนละลมวิทยา สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา
มัธยมศกึ ษาศรีสะเกษ ยโสธร ผู้ประเมินได้ศึกษาเอกสารและงานวจิ ัยที่เกย่ี วข้อง ดังน้ี
การประเมนิ หลักสูตร
1. ความหมายของการประเมินหลักสูตร
ผู้ประเมินได้ศึกษาถึงความหมายของการประเมินและการประเมินหลักสูตรได้มีผู้ให้ความหมายไว้
ดงั น้ี คอื กมั พล ธติ ิกร (2552, หนา้ 51) การประเมินเป็นกระบวนการท่ีให้คาตอบเกี่ยวกับคุณค่าของ ส่ิงท่ีทา หรือ
เปน็ กระบวนการท่ีไดข้ ้อมลู ทีเ่ ช่อื ถอื ได้ เพ่อื การตัดสินใจในทุกขน้ั ตอนของการบริหารงาน โดยเฉพาะอย่างย่ิง
การประเมินหลักสูตรท่ีได้เริ่มมีการปฏิบัติงานไปแล้วว่ามีความก้าวหน้าไปแค่ไหน มี ปัญหาในการปฏิบัติ
อยา่ งไร บรรลุเปา้ หมายและวัตถุประสงค์ท่ีกาหนดไว้หรือไม่
โสภา ชมชน่ื (2546, หนา้ 25) การประเมิน คอื การใช้กระบวนการรวบรวมและวิเคราะห์ ข้อมูลอย่าง
เป็นระบบ โดยใช้เคร่ืองมือที่มีคุณภาพ มาตัดสินคุณค่าส่วนที่ใช้ได้และส่วนท่ีต้องปรับปรุงให้ดีย่ิงขึ้นศักดิ์ศรี
ปาณะกุล (2549, หนา้ 21-23) ไดร้ วบรวมความหมายของคาวา่ การประเมินไว้ซง่ึ มีสาระสาคัญ ดงั น้ี
1. การประเมิน (evaluation) = การวัด (Measurement) เป็นการให้ความหมายของการ ประเมินใน
ความหมายเดียวกับคาว่า การวัด การให้ความหมายในลักษณะนี้มีส่วนดีในแง่ทาให้การ ประเมินเกี่ยวข้อง
กับหลักการทางวทิ ยาศาสตร์ของการวัด ซึ่งเนน้ ความเปน็ ปรนัยและความเทยี่ งตรงของ เครอื่ งมอื
2. การประเมิน (evaluuation) = การวิจัยประยุกต์ (appied research) การให้ ความหมายใน
ลักษณะนี้ผู้ให้ความหมายเห็นว่า การประเมินมีลักษณะใกล้เคียงกับการวิจัยเป็นอย่างมาก ทั้งในแง่ของ
ระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์ การออกแบบเคร่ืองมือ และการวิเคราะห์เป็นการมองการ ประเมินว่าเป็น
วิทยาศาสตร์ประยกุ ตห์ รือการวจิ ยั ประยุกต์
3. การประเมิน (evaluation) = การตรวจสอบความสอดคล้อง (Determining Congruence)
หมายถึงกระบวนการตรวจสอบความสอดคล้องระหวา่ ง "ผลท่ีได้กับวัตถุประสงค์ท่ีกาหนด ไว้" ซ่ึงความหมายนี้ได้รับ
การยอมรบั อย่างแพร่หลาย และมีอทิ ธพิ ลต่อการประเมินผลในปจั จุบัน
4. การประเมิน(evaluation) = การช่วยตัดสินใจ(assistant deision making) เป็นความหมายท่ีเห็นว่าการ
ประเมินหมายถึง กระบวนการระบแุ ละเสนอสารนิเทศเพ่ือช่วยการตดั สินใจ
5. การประเมิน (evaluation)=การบรรยายอย่างลุ่มลึก (descreptionorportraray) หมายถึง การบรรยาย
ความสัมพันธ์และความสอดคล้องของส่ิงท่ีคาดหวัง สิ่งท่ีเกิดข้ึนจริง และเกณฑ์ มาตรฐานของโครงการ ซึ่ง
เหมาะสาหรบั การใช้ศกึ ษาเฉพาะกรณี (Case study)
6.การประเมิน(evaluation) = การตัดสินคุณค่า หมายถึง การตัดสินคุณค่าของสิ่งท่ีมุ่งประเมิน เช่น
6
ตัดสินคุณค่าโดยผู้เชี่ยวชาญและการตัดสินคุณค่าตามมาตรฐานวิชาชีพส่วนการประเมินหลักสูตร ได้มีนักการศึกษา
หลายท่านใหค้ วามหมายของการประเมินหลักสูตร ไว้ดงั น้ี
นิรมล ศตวุฒิ (2543, หน้า 105) การประเมินหลักสูตรหมายถึง การหาคาตอบว่าหลักสูตร บรรลุผล
ตามที่กาหนดจุดมุ่งหมายไว้หรือไม่ บรรลุผลมากหรือน้อยเพียงไร และสาเหตุที่ไม่บรรลุผลเพราะ อะไร การ
ประเมนิ หลักสตู รจงึ เปน็ กระบวนการเปรยี บเทยี บระหวา่ งผลการใช้หลักสตู รกับจดุ มุ่งหมายของ หลักสูตรว่าการ
นาไปใช้จริงแล้วนน้ั ได้ผลใกลเ้ คยี งกบั จดุ ม่งุ หมายท่ีกาหนดไวห้ รือไม่
ครอนบาซ (cronbach, 1971, p.131) ให้ความหมายว่า การประเมนิ หลักสูตร คือการ รวบรวมขอ้ มูลและ
การใชข้ อ้ มลู เพ่อื ตัดสนิ ใจในเร่อื งโปรแกรมหรือหลักสตู รการศกึ ษา
สตมั เฟิลบีม,และคณะ(stufflubeat,etal,1971,p.128)ให้ความหมายของการประเมิน หลักสูตรว่าการประเมิน
หลักสูตรคอื กระบวนการหาขอ้ มูล เก็บข้อมลู เพ่ือนามาใช้เป็นประโยชนใ์ นการ ตัดสินหาทางเลอื กทีด่ ีกวา่ เดิม
กู๊ด (Good, 1973, p.209) ได้ให้ความหมายว่า การประเมินหลักสูตรคือการประเมินผลของ กิจกรรมการ
เรียนภายในขอบข่ายของการสอนท่ีเน้นเฉพาะจุดประสงค์ของการตัดสินใจในความถูกต้องของ จุดมุ่งหมาย
ความสัมพันธ์และความต่อเน่ืองของเน้ือหา และผลสัมฤทธิ์ของวัตถุประสงค์เฉพาะซ่ึงนาไปสู่ การตัดสินใจใน
การวางแผน การจัดโครงการ การตอ่ เนอื่ งและการหมุนเวียนของกิจกรรมโครงการต่างๆ ท่ีจะจัดให้มีข้ึนจากท่ี
กลา่ วมาสรปุ ได้ว่า การประเมินเป็นกระบวนการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบก่อให้เกิดสารสนเทศ
เพ่ือชว่ ยในการตดั สนิ ใจ ส่วนการประเมินหลักสตู รจะทาใหร้ ูค้ ุณคา่ ของหลกั สูตรว่า ใชไ้ ด้ดีเพยี งใด และข้อมูลท่ีได้
จากการประเมินจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาหลักสูตรให้มีคุณค่า มากข้ึน ซ่ึงจะส่งผลต่อการนา
หลักสตู รไปใช้ไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพการประเมนิ หลกั สตู รควรประเมนิ ทั้ง ระบบและทกุ ข้นั ตอนของการบริหาร
หลักสูตรเพอื่ ใหไ้ ดส้ ารสนเทศเพ่อื การวางแผนและพฒั นา
2. จุดมุ่งหมายของการประเมินหลกั สูตร
วิชัย วงษ์ใหญ่ (2540, หน้า 217) ได้ให้แนวคิดว่า การประเมินหลักสูตรน้ัน มีวัตถุประสงค์ เพื่อ
พิจารณาทบทวนเก่ียวกับคุณภาพของหลักสูตร ของส่ิงที่จะประเมิน นามาพิจารณาร่วมกัน เช่น ตัวเอกสาร
หลักสูตร วัสดุหลักสูตร กระบวนการจัดการเรียนเรียนรู้ตัวผู้เรียน ความคิดเห็นของผู้ใช้หลักสูตรและความ
คิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องในชุมชนและสังคม เป็นต้น แนวการ ประเมินหลักสูตรสามารถทาได้เป็น 3 ระยะ
ด้วยกันคือ ระยะก่อนโครงการเพื่อการสร้างและพัฒนา หลักสูตร ส่วนระยะระหว่างโครงการเพ่ือการนา
หลกั สตู รไปใช้และ ระยะหลงั โครงการเพือ่ การติดตามประเมนิ หลกั สูตรทั้งระบบ
ทิศนา แขมมณี (2540 ก, หน้า 114) กล่าวว่า การประเมินหลักสูตรใด ๆ ก็ตาม จะมีจุดมุ่งหมาย
คล้ายคลงึ กนั อยู่ 3 ประการสาคัญ ๆ คือ
1. องคป์ ระกอบทห่ี ลักสตู รนนั้ ตอ้ งการหรือไม่ เชน่ หลักสูตรพยาบาล มีวัตถุประสงค์ท่ีจะฝึกผู้เรียน
ให้เป็นพยาบาล การประเมนิ ก็จะดูวา่ หลักสูตรนนั้ ช่วยใหผ้ ู้เรยี นไดบ้ รรลุวตั ถุประสงค์ดังกลา่ วหรอื ไม่
2. เพื่อตัดสินว่า การวางเคา้ โครงและรูปแบบของหลกั สูตร ตลอดจนการบริหารงานและ จัดการ
เรียนร้ตู ามหลักสตู ร เป็นไปในทางท่ถี ูกต้องแล้วหรือไม่
3. เพอื่ วดั ผลดูวา่ ผลผลิตคือผเู้ รยี นนัน้ เปน็ อยา่ งไร
7
ศกั ดศ์ิ รี ปาณะกลุ (2549, หนา้ 33) การประเมินหลักสูตรโดยท่ัวไปจะมีจุดมุ่งหมายสาคัญที่ คล้ายคลึง
กันดังนี้
1. เพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขสิ่งบกพร่องที่พบในองค์ประกอบต่างๆ ของหลักสูตร การประเมิน
ในลักษณะนี้มักจะดาเนินในช่วยที่การพัฒนาหลักสูตรยังคงดาเนินการอยู่เพื่อท่ีจะพิจารณาว่า องค์ประกอบ
ต่างๆ ของหลักสูตร เช่น จุดมุ่งหมาย โครงสร้าง เน้ือหา การวัดผลมีความสอดคล้องและ เหมาะสมหรือไม่
สามารถนามาปฏิบัติในช่วงการนาหลักสูตรไปทดลองใช้หรือในขณะที่การใช้หลักสูตรและกระบวนการจัดการ
เรียนรูก้ าลังดาเนินการอยไู่ ด้มากน้อยเพยี งใด ไดผ้ ลเพยี งใด และมปี ญั หาอุปสรรคอะไร จะได้เป็นประโยชน์
แก่นักพัฒนาหลักสูตรและผู้มีส่วนเก่ียวข้องในการปรับปรุงเปล่ียนแปลง องค์ประกอบต่าง ๆ ของหลักสูตรให้มี
คุณภาพดขี ้ึนได้ทนั ทว่ งที
2. เพ่ือหาทางปรับปรุงแก้ไขระบบการบริหารหลักสูตร การนิเทศกากับดูแล และการจักดกระ
บวนการเรียนรู้ใหม้ ีประสทิ ธิภาพย่ิงข้ึน การประเมินในลักษณะนี้ จะดาเนินการในขณะทีม่ ีการนาหลักสูตรไป
ใช้ จะได้ช่วยปรบั ปรุงหลกั สูตรใหบ้ รรลุตามเป้าหมายทวี่ างไว้
3. เพื่อช่วยในการตัดสินใจของผู้บริหารว่า ควรใช้หลักสูตรต่อไปอีก หรือควรยกเลิกการใช้
หลักสูตรเพียงบางส่วน หรือยกเลิกท้ังหมด การประเมินในลักษณะนี้จะดาเนินการหลักจากท่ีใช้หลักสูตร ไป
แล้วระยะหนึ่ง แล้วจึงประเมินเพื่อสรุปผลตัดสินว่า หลักสูตรมีคุณภาพดีหรือไม่ดีบรรลุเป้าหมายท่ีหลักสูตร
กาหนดไว้มากน้อยเพยี งใด สนอบความต้องการของสงั คมเพียงใดและเหมาะสมกบั การนาไปใช้ตอ่ ไปหรอื ไม่
4. เพื่อตอ้ งการทราบคณุ ภาพของผู้เรยี นซึง่ เป็นผลผลิตของหลักสูตรว่า มีการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรม
ไปตามความมุ่งหวังของหลักสูตร หลักจากผ่านกระบวนการทางการศึกษามาแล้วหรือไม่อย่างไรการประเมินใน
ลกั ษณะนีจ้ ะดาเนนิ การในขณะที่มกี ารนาหลักสตู รไปใชห้ รือหลังจากทใี่ ชห้ ลักสูตรไปแลว้ ระยะหน่ึงก็ได้
จากท่ีกล่าวมาสรุปได้ว่า การประเมินหลักสูตรมีจุดมุ่งหมายเพ่ือหาคุณค่าของหลักสูตร โดย
พิจารณาการบริหารหลกั สูตรทงั้ ระบบ ตัง้ แต่บริบทหรือสภาวะแวดล้อม ปัจจัยเบ้ืองต้น กระบวนการ บริหาร
หรือการนาหลักสูตรไปใช้ รวมท้งั ผลผลติ และผลกระทบจากการนาหลกั สตู รไปใช้ว่ามคี วาม เหมาะสมและสามารถ
ตอบสนองความต้องการของผเู้ รียนและสังคมเพยี งใด เพอ่ื ปรบั ปรุงหลกั สตู รใหม้ ี ประสิทธิภาพมากย่งิ ขนึ้
3. ประโยชนข์ องการประเมินหลกั สูตร
สาราญ มแี จง้ (53, หนา้ 25) กล่าววา่ การประเมินมปี ระโยชน์ ดังต่อไปน้ี
1. การประเมินช่วยให้การกาหนดวัตถุประสงค์และมาตรฐานของการดาเนินงานมีความชัดเจน
กล่าวคือ ก่อนท่ีจะนาโครงการไปใช้ย่อมจะได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดจากผู้บริหารและผู้ประเมินว่า มี
ส่วนใดท่ีไม่ชัดเจน เช่น วัตถุประสงค์หรือมาตรฐานการดาเนินงานหากขาดความแน่นอน ท่ีแจ่มชัด จะต้อง
ไดร้ บั การปรับปรุงแก้ไขให้มคี วามถูกตอ้ งชัดเจนเสียก่อน
2. ประโยชน์เต็มท่ี ทั้งน้ีเพราะการประเมินจะต้องวิเคราะห์ ปัจจัยใดที่เป็นปัญหาจะได้รับการ
ปรับปรุงแก้ไขเพ่ือให้สามารถปฏิบัติงานหรือใช้ในการปฏิบัติงานอย่างเหมาะสมคุ้มค่า ทรัพยากรทุกชนิดจะ
ได้รบั การจดั สรรให้อยู่ในจานวนหรอื ปรมิ าณทีเ่ หมาะสมเพยี งพอแก่ การดาเนินงาน ทรัพยากรท่ีไม่จาเป็นหรือ
มีมากเกินไปจะไดร้ ับการตดั ทอน และทรพั ยากรใดทีข่ าดจะได้รับการจัดสรรเพม่ิ เตมิ
8
3. การประเมินชว่ ยให้แผนงานบรรลุวัตถุประสงค์ เพราะโครงการเป็นส่วนหน่ึงของแผน ดังนั้น
เม่อื โครงการได้รับการตรวจสอบวิเคราะหป์ รับปรุงแก้ไข เพือ่ ให้ดาเนินการเปน็ ไปดว้ ยดี
4. การประเมินมีส่วนชว่ ยในการแกป้ ญั หาอนั เกิดจากผลกระทบ () ของโครงการ และทาให้
โครงการมขี ้อท่ีทาให้ความเสยี หายลดนอ้ ยลง
5. การประเมินมสี ่วนช่วยอย่างสาคัญในการควบคุมคณุ ภาพของงาน เพราะการประเมนิ เปน็
การตรวจสอบ และควบคมุ ชนิดหน่งึ
6..การประเมินมีส่วนในการสร้างขวัญและกาลังใจให้ผู้ปฏิบัติงานตามโครงการเพราะการประเมิน
มิใช่เป็นการควบคุมบังคับบัญชาหรือสั่งการ แต่เป็นการศึกษาวิเคราะห์เพ่ือการปรับปรุงแก้ไขและ เสนอแนะ
วธิ กี ารใหม่ๆ เพ่ือใชใ้ นการปฏิบัติโครงการอันย่อมจะนามาซ่ึงผลงานทดี่ เี ปน็ ที่ยอมรับของ ผเู้ กย่ี วขอ้ งทงั้ ปวง
7. ผลของการประเมินอาจเปน็ ข้อมลู สาคัญในการวางแผน หรอื การกาหนดนโยบายของ ผูบ้ รหิ าร
8. การประเมินช่วยในการตัดสินใจในการบริหารโครงการ กล่าวคือการประเมินจะทาให้ผู้บริหารได้
ทราบถึงอุปสรรคปัญหา ข้อดี ข้อเสีย ความเป็นไปได้ และแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขในการดาเนินการ
โครงการ โดยขอ้ มูลดังกล่าวจะช่วยทาใหผ้ ู้บรหิ ารตัดสนิ ใจว่าจะดาเนนิ โครงการนั้นต่อไป หรือยุติโครงการนน้ั เสยี
จากที่กล่าวมาสรุปได้ว่า ประโยชน์ของการประเมินโครงการ หมายถึง การประเมินโครงการมี
ประโยชน์ต่อการตัดสินใจ การกาหนดวัตถุประสงค์ การวางแผนการดาเนินการใช้ทรัพยากร การควบคุม
คุณภาพ ตลอดจนแนวทางแก้ไขปัญหา อุปสรรค เพ่ือเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการบริหาร
โครงการใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์
หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
1. ความนา
กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ให้เป็น
หลักสูตรแกนกลางของประเทศ โดยกาหนดจุดหมาย และมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและกรอบ
ทิศทางในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีคุณภาพชีวิตท่ีดีและมีขีดความสามารถ ในการ
แข่งขันในเวทีระดับโลก (กระทรวงศึกษาธิการ, 2544) พร้อมกันนี้ได้ปรับกระบวนการพัฒนาหลักสูตรให้มีความ
สอดคลอ้ งกบั เจตนารมณ์แหง่ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2512 และที่แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ.
2545 ท่ีมุ่งเน้นการกระจายอานาจทางการศึกษาให้ท้องถ่ินและสถานศึกษาได้มีบทบาท และมีส่วนร่วมในการ
พัฒนาหลกั สตู รเพือ่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพ และความตอ้ งการของทอ้ งถน่ิ (สานักนายกรฐั มนตรี, 2542)
จากการวจิ ยั และตดิ ตามประเมนิ ผลการใช้หลกั สูตรในชว่ งระยะ 6 ปีท่ผี ่านมา (สานักวิชาการ และ
มาตรฐานการศกึ ษา, 2546ก., 2546ข., 2548ก., 2558 ข.; สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา,2547; สานักผู้ตรวจราชการ
และติดตามประเมินผล, 2548; สุวิมล ว่องวาณิช และนงลักษณ์ วิรัชชัย, 2547;Nutravong,1002;Ki1t1sunthorn,1105)
พบว่าหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐานพุทธศักราช2541มีจุดดีหลายประการ เช่น ช่วยส่งเสริมการกระจายอานาจทาง
การศึกษาทาให้ท้องถ่ินและสถานศึกษามีส่วน ร่วมและมีบทบาทสาคัญในการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับ
9
ความต้องการของท้องถ่นิ และมแี นวคดิ และ หลกั การในการส่งเสรมิ การพัฒนาผูเ้ รียนแบบองค์รวมอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาดังกล่าว ยังได้สะท้อนให้เห็นถึงประเด็นที่เป็นปัญหาและความไม่ชัดเจนของ
หลักสูตรหลายประการทั้งในส่วนของ เอกสารหลักสูตร กระบวนการนาหลักสูตรสู่การปฏิบัติ และผลผลิตที่เกิด
จากการใชห้ ลกั สตู ร ได้แก่ ปญั หา ความสับสนของผู้ปฏิบัติในระดับสถานศกึ ษาในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
สถานศึกษาส่วนใหญ่ กาหนดสาระและผลการเรียนรู้ที่คาดหวังไว้มาก ทาให้เกิดปัญหาหลักสูตรแน่น การวัด
และประเมินผลไม่ สะทอ้ นมาตรฐาน สง่ ผลต่อปญั หาการจดั ทาเอกสารหลักฐานทางการศกึ ษาและการเทียบโอน
ผลการเรียน รวมทั้งปัญหาคุณภาพของผู้เรียนในด้านความรู้ ทักษะ ความสามารถและคุณลักษณะที่พึงประสงค์
อันยงั ไม่ เป็นที่น่าพอใจ
นอกจากนั้นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 ( พ.ศ. 2550 – 2554) ได้ช้ีให้เห็นถึง
ความจาเปน็ ในการปรับเปล่ียนจุดเน้นในการพัฒนาคุณภาพคนในสังคมไทยให้ มีคุณธรรม และมีความรอบรู้อย่าง
เทา่ ทัน ใหม้ คี วามพร้อมทง้ั ดา้ นร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และศีลธรรม สามารถ ก้าวทันการเปล่ียนแปลงเพ่ือ
นาไปสสู่ ังคมฐานความรู้ได้อย่างม่ันคง แนวการพัฒนาคนดังกล่าวมุ่งเตรียมเด็ก และเยาวชนให้มีพื้นฐานจิตใจที่
ดีงาม มีจิตสาธารณะ พร้อมทั้งมีสมรรถนะ ทักษะและความรู้พื้นฐานท่ี จาเป็นในการดารงชีวิต อันจะส่งผล
ตอ่ การพฒั นาประเทศแบบย่งั ยนื (สภาพฒั นาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ, 2549) ซงึ่ แนวทางดงั กลา่ ว
สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาเยาวชนของชาติเข้าสู่โลกยุคศตวรรษที่ 21
โดยมุ่งส่งเสริมผู้เรียนมีคุณธรรม รักความเป็นไทย ให้มีทักษะการคิด วิเคราะห์ สร้างสรรค์ มีทักษะด้าน
เทคโนโลยี และสามารถอยู่ร่วมกบั ผู้อื่นในสงั คมโลกไดอ้ ย่างสันติ (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, 2551)
จากขอ้ คน้ พบในการศึกษาวิจัยและติดตามผลการใช้หลักสูตรการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช
2544 ท่ีผ่านมา ประกอบกับข้อมูลจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 เกี่ยวกับ แนว
ทางการพัฒนาคนในสังคมไทย และจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาเยาวชนสู่ศตวรรษ ที่ 21 จึง
เกิดการทบทวนหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2542 เพื่อนาไปสู่การพัฒนาหลักสูตรแกนกลาง
การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ทมี่ คี วามเหมาะสม ชัดเจน ท้งั เปา้ หมาย ของหลักสูตรในการพัฒนา
คณุ ภาพผู้เรยี น และกระบวนการนาหลกั สตู รไปสู่การปฏิบัติในระดับเขตพื้นท่ี การศึกษาและสถานศึกษา โดยได้มี
การกาหนดวสิ ยั ทศั น์ จุดหมาย สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ม า ต ร ฐ า น ก า ร
เรียนรู้และตัวช้ีวัดที่ชัดเจน เพ่ือใช้เป็นทิศทางในการจัดทาหลักสูตร การเรียนการสอนในแต่ละระดับ
นอกจากน้ันได้กาหนดโครงสร้างเวลาเรียนขั้นต่าของแต่ละกลุ่มสาระ การเรียนรู้ในแต่ละชั้นปีไว้ใน
หลักสูตรแกนกลาง และเปิดโอกาสให้สถานศึกษาเพิ่มเติมเวลาเรียนได้ตาม ความพร้อมและจุดเน้น อีกท้ังได้
ปรับกระบวนการวัดและประเมนิ ผลผูเ้ รียน เกณฑก์ ารจบการศึกษาแตล่ ะ ระดับ และเอกสารแสดงหลักฐานทาง
การศกึ ษาใหม้ ีความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ และมคี วามชดั เจนตอ่ การนาไปปฏิบัติ
เอกสารหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 นี้ จัดทาขึ้นสาหรับท้องถิ่น และ
สถานศึกษาได้นาไปใช้เป็นกรอบและทิศทางในการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษา และจัดการเรียน การสอนเพื่อ
พัฒนาเด็กและเยาวชนไทยทุกคนในระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานให้มีคุณภาพด้านความรู้ และ ทักษะท่ีจาเป็น
สาหรับการดารงชีวติ ในสังคมทม่ี กี ารเปล่ยี นแปลงและแสวงหาความรู้เพ่ือพฒั นาตนเอง อยา่ งต่อเน่ืองตลอดชีวิต
10
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดที่กาหนดไว้ในเอกสารนี้ ช่วยทาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในทุกระดับ
เห็นผลคาดหวังท่ีต้องการในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนที่ชัดเจนตลอดแนว ซ่ึงจะสามารถ ช่วยให้
หน่วยงานที่เก่ียวข้องในระดับท้องถิ่นและสถานศึกษาร่วมกันพัฒนาหลักสูตรได้อย่างม่ันใจ ทาให้ การจัดทา
หลักสูตรในระดับสถานศึกษามีคุณภาพและมีความเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เกิดความ ชัดเจนเร่ือง
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ และช่วยแก้ปัญหาการเทียบโอนระหว่างสถานศึกษา ดังน้ัน ในการพัฒนา
หลักสูตรในทุกระดับต้ังแต่ระดับชาติจนกระทั่งถึงสถานศึกษา จะต้องสะท้อนคุณภาพตาม มาตรฐานการ
เรียนรู้และตัวชี้วัดท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมทั้งเป็นกรอบ ทิศทางในการจัด
การศึกษาทุกรปู แบบ และครอบคลมุ ผูเ้ รยี นทกุ กลุ่มเป้าหมายในระดบั การศึกษาข้ันพ้นื ฐาน
การจัดหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐานจะประสบความสาเร็จตามเป้าหมายท่ีคาดหวังได้ ทุกฝ่าย ท่ี
เก่ียวข้องทั้งระดับชาติ ชุมชน ครอบครัว และบุคคลต้องร่วมรับผิดชอบ โดยร่วมกันทางานอย่างเป็นระบบ และ
ต่อเนื่อง ในการวางแผน ดาเนินการ ส่งเสริมสนับสนุน ตรวจสอบ ตลอดจนปรับปรุงแก้ไข เพื่อพัฒนา เยาวชน
ของชาติไปสู่คณุ ภาพตามมาตรฐานการเรยี นรู้ที่กาหนดไว้
1. วสิ ยั ทศั น์
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน มุ่งพฒั นาผู้เรียนทกุ คน ซึง่ เปน็ กาลงั ของชาตใิ ห้เป็นมนษุ ยท์ ่ี
มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดม่ันใน
การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมท้ัง
เจตคติ ทจี่ าเป็นตอ่ การศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ บน
พ้นื ฐานความเชอื่ วา่ ทกุ คนสามารถเรยี นรู้และพฒั นาตนเองไดเ้ ต็มตามศกั ยภาพ
2. หลักการ
หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน มีหลักการที่สาคัญ ดงั นี้
1. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้ เป็น
เป้าหมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพื้นฐาน ของความ
เป็นไทยควบคกู่ ับความเป็นสากล
2. เป็นหลักสูตรการศกึ ษาเพอื่ ปวงชน ท่ที ุกคนมีโอกาสไดร้ บั การศกึ ษาอยา่ งเสมอภาค และ มีคณุ ภาพ
3. เป็นหลักสูตรการศึกษาท่ีสนองการกระจายอานาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ให้
สอดคลอ้ งกับสภาพและความต้องการของท้องถนิ่
4. เปน็ หลกั สูตรการศึกษาท่ีมีโครงสรา้ งยดื หยนุ่ ทง้ั ด้านสาระการเรียนรู้ เวลาและการจดั การเรียนรู้
5. เป็นหลักสตู รการศึกษาท่เี น้นผ้เู รียนเปน็ สาคัญ
6. เป็นหลกั สูตรการศึกษาสาหรบั การศกึ ษาในระบบ นอกระบบ และตามอธั ยาศัย ครอบคลุมทกุ
กลุ่มเปา้ หมาย สามารถเทยี บโอนผลการเรยี นรู้ และประสบการณ์
3. จุดมมุ่งหมาย
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มี
ศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกาหนดเป็นจุดหมายเพื่อให้เกิดกับผู้เรียน เม่ือจบ
11
การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ดังน้ี
1. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านยิ มที่พึงประสงค์ เหน็ คณุ ค่าของตนเอง มีวนิ ัยและปฏิบัติตนตาม
หลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถอื ยึดหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
2. มีความรู้ ความสามารถในการสอ่ื สาร การคดิ การแกป้ ญั หาการใชเ้ ทคโนโลยีและมีทกั ษะชวี ติ
3. มสี ุขภาพกายและสุขภาพจิตท่ีดี มีสขุ นิสยั และรกั การออกกาลังกาย
4. มีความรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและ การ
ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุข
5. มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาส่ิงแวดล้อม มีจิต
สาธารณะท่ีม่งุ ทาประโยชน์และสรา้ งส่งิ ทีด่ งี ามในสงั คม และอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมอยา่ งมีความสุข
4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน มงุ่ ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ สมรรถนะสาคัญ 5 ประการ ดงั นี้
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร เปน็ ความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ ภาษา
ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และ
ประสบการณอ์ ันจะเป็นประโยชน์ตอ่ การพฒั นาตนเองและสังคม รวมท้งั การเจรจาต่อรองเพ่ือขจัดและ ลดปัญหา
ความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการ
เลือกใชว้ ิธีการส่ือสาร ท่มี ปี ระสิทธิภาพโดยคานงึ ถึงผลกระทบท่ีมตี ่อตนเองและสังคม2. ความสามารถในการคิด
เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ
และการคิดเป็นระบบ เพ่ือนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือ สารสนเทศเพื่อการตัดสินใจเก่ียวกับตนเองและ
สงั คมไดอ้ ย่างเหมาะสม
1. ความสามารถในการแก้ปญั หา เป็นความสามารถในการแกป้ ัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญ
ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจ ความสัมพันธ์และการ
เปลีย่ นแปลงของเหตกุ ารณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ใน การป้องกันและแก้ไขปัญหา
และมีการตัดสินใจท่มี ีประสทิ ธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบทเี่ กดิ ขน้ึ ตอ่ ตนเอง สงั คมและส่งิ แวดล้อม
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ใน การ
ดาเนินชีวิตประจาวนั การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทางานและการอยู่ร่วมกันใน สังคมด้วย
การสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่าง เหมาะสม
การปรับตัวให้ทันกับการเปล่ียนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเล่ียง พฤติกรรมไม่พึง
ประสงคท์ ส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ ตนเองและผอู้ ่นื
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช้ เทคโนโลยีด้านต่างๆ
และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การ
ทางานการแกป้ ัญหาอย่างสรา้ งสรรค์ ถกู ต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม
5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน มงุ่ พฒั นาผูเ้ รยี นให้มีคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เพอื่ ให้
12
สามารถอย่รู ว่ มกับผู้อน่ื ในสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ ในฐานะเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ดงั นี้
1. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
2. ซ่ือสตั ยส์ ุจริต
3. มวี นิ ยั
4. ใฝ่เรียนรู้
5. อยู่อยา่ งพอเพียง
6. ม่งุ ม่นั ในการทางาน
7. รกั ความเปน็ ไทย
8. มจี ติ สาธารณะ
นอกจากน้ี สถานศกึ ษาสามารถกาหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพม่ิ เติมใหส้ อดคล้องตามบรบิ ท
และจดุ เน้นของตนเอง
6. มาตรฐานการเรยี นรู้
การพัฒนาผูเ้ รยี นให้เกิดความสมดลุ ตอ้ งคานึงถงึ หลักพัฒนาการทางสมองและพหปุ ัญญา หลักสตู ร
แกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน จงึ กาหนดให้ผเู้ รียนเรยี นรู้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ดังน้ี
1. ภาษาไทย
2. คณติ ศาสตร์
3. วิทยาศาสตร์
4. สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
5. สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา
6. ศิลปะ
7. การงานอาชีพ
8. ภาษาตา่ งประเทศ
ในแต่ละกลุ่มสาระการเรยี นร้ไู ด้กาหนดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายสาคัญของการพัฒนาคุณภาพ
ผู้เรียน มาตรฐานการเรียนรู้ระบุสิ่งท่ีผู้เรียนพึงรู้ ปฏิบัติได้ มีคุณธรรมจริยธรรม และค่านิยม ที่พึงประสงค์
เม่ือจบการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน นอกจากนั้นมาตรฐานการเรียนรู้ยังเป็นกลไกสาคัญ ในการขับเคล่ือนพัฒนา
การศึกษาท้ังระบบ เพราะมาตรฐานการเรียนรู้จะสะท้อนให้ทราบว่าต้องการอะไร จะสอนอย่างไร และ
ประเมินอย่างไร รวมท้ังเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบเพ่ือการประกันคุณภาพ การศึกษาโดยใช้ระบบการ
ประเมินคุณภาพภายในและการประเมินคุณภาพภายนอก ซ่ึงรวมถึง การทดสอบระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา และ
การทดสอบระดับชาติ ระบบการตรวจสอบเพ่ือประกันคุณภาพ ดังกล่าวเป็นสิ่งสาคัญท่ีช่วยสะท้อนภาพการจัด
การศึกษาวา่ สามารถพฒั นาผ้เู รียนให้มคี ุณภาพตามที่ มาตรฐานการเรยี นรู้กาหนดเพียงใด
7. ตัวชว้ี ัด
ตัวช้วี ัดระบุส่ิงทนี่ กั เรียนพึงรู้และปฏิบัติได้รวมทง้ั คุณลักษณะของผูเ้ รยี นในแต่ละระดับช้ัน ซ่งึ สะทอ้ นถงึ
มาตรฐานการเรียนรู้ มีความเฉพาะเจาะจงและมีความเป็นรูปธรรม นาไปใช้ในการกาหนดเนื้อหา จัดทาหน่วย
13
การเรยี นรู้ จดั การเรยี นการสอน และเป็นเกณฑ์สาคญั สาหรับการวดั ประเมนิ ผลเพือ่ ตรวจสอบคุณภาพผู้เรยี น
1. ตัวช้ีวดั ชั้นปี เปน็ เป้าหมายในการพัฒนาผูเ้ รยี นแต่ละช้นั ปใี นระดับการศึกษาภาคบังคบั
(ประถมศึกษาปีท่ี 1 - มธั ยมศึกษาปีที่ 3)
2. ตัวชีว้ ัดชว่ งชั้น เปน็ เป้าหมายในการพฒั นาผเู้ รียนในระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย(มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4-6)
หลกั สตู รได้มกี ารกาหนดรหสั กับมาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชีว้ ดั เพอ่ื ให้เขา้ ใจและส่ือสารตรงกัน
8. สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรู้ ประกอบด้วย องค์ความรู้ ทักษะหรือกระบวนการเรียนรู้ และคุณลักษณะ อันพึง
ประสงค์ ซ่ึงกาหนดให้ผเู้ รียนทกุ คนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจาเปน็ ต้องเรยี นรู้ โดยแบ่งเปน็ 8 กลุ่มสาระ
9. การจัดการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสาคัญในการนาหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลาง การศึกษา
ข้ันพ้ืนฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของผู้เรียน
เป็นเป้าหมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชน ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอน
พยายามคัดสรร กระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านสาระท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตร 8
กลุ่มสาระการ เรยี นรู้ รวมทัง้ ปลูกฝังเสริมสร้างคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ พัฒนาทักษะต่างๆ อันเป็นสมรรถนะ
สาคญั ให้ ผู้เรยี นบรรลตุ ามเป้าหมาย
1. หลกั การจัดการเรียนรู้
การจัดการเรียนรูเ้ พ่อื ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรูค้ วามสามารถตามมาตรฐานการเรยี นรู้ สมรรถนะ สาคัญและ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ข้ันพื้นฐาน โดยยึดหลักว่า ผู้เรียนมี
ความสาคัญที่สุด เช่ือว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ได้ ยึดประโยชน์ท่ีเกิดกับผู้เรียน
กระบวนการจัดการเรียนร้ตู อ้ งส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตาม ธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คานึงถึง
ความแตกต่างระหวา่ งบุคคลและพัฒนาการทางสมอง เนน้ ให้ความสาคญั ทง้ั ความรู้ และคุณธรรม
2. กระบวนการเรียนรู้
การจดั การเรยี นรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ท่ี หลากหลาย เป็น
เคร่ืองมือที่จะนาพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ท่ีจาเป็น สาหรับผู้เรียน อาทิ
กระบวนการเรยี นรูแ้ บบบรู ณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสงั คม กระบวนการ
เผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้ จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลงมือทาจริง
กระบวนการจัดการ กระบวนการวจิ ัย กระบวนการเรียนรู้การเรียนรูข้ องตนเอง กระบวนการพฒั นาลกั ษณะนิสัย
กระบวนการเหล่าน้ีเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ท่ีผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนาเพราะจะ
สามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังนั้น ผู้สอน จึงจาเป็นต้องศึกษาทา
ความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการจัด กระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ
3. การออกแบบการจดั การเรยี นรู้
ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัด สมรรถนะ
สาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณา
14
ออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล
เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นไดพ้ ัฒนาเตม็ ตามศักยภาพและบรรลุตามเปา้ หมายที่กาหนด
4. บทบาทของผู้สอนและผู้เรียน
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ท้ังผู้สอนและผู้เรียนควร มี
บทบาท ดงั น้ี
4.1 บทบาทของผูส้ อน
1) ศกึ ษาวเิ คราะหผ์ เู้ รียนเป็นรายบคุ คล แล้วนาข้อมูลมาใชใ้ นการวางแผน การจัดการเรียนรู้ ท่ี
ทา้ ทายความสามารถของผเู้ รียน
2) กาหนดเป้าหมายท่ีต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ ที่เป็น
ความคิดรวบยอด หลกั การ และความสมั พนั ธ์ รวมทัง้ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
3) ออกแบบการเรียนรู้และจดั การเรยี นรู้ท่ีตอบสนองความแตกต่าง ระหว่างบคุ คลและพัฒนาการ
ทางสมอง เพือ่ นาผู้เรียนไปสู่เปา้ หมาย
4) จดั บรรยากาศท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ และดูแลชว่ ยเหลือผ้เู รียนให้เกิดการเรียนรู้
5) จัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรม นาภูมิปัญญาท้องถ่ิน เทคโนโลยีที่
เหมาะสมมาประยุกตใ์ ช้ในการจดั การเรียนการสอน
6) ประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียนด้วยวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสมกับ ธรรมชาติของวิชา
และระดบั พัฒนาการของผเู้ รียน
7) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมท้ัง ปรับปรุงการจัดการ
เรียนการสอนของตนเอง
4.2 บทบาทของผ้เู รียน
1) กาหนดเป้าหมาย วางแผน และรับผดิ ชอบการเรียนรู้ของตนเอง
2) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรยี นรู้ วิเคราะห์ สงั เคราะหข์ อ้ ความรู้ ต้ังคาถาม คิดหา
คาตอบหรือหาแนวทางแก้ปัญหาด้วยวิธกี ารต่าง ๆ
3) ลงมอื ปฏิบตั ิจริงสรุปสิ่งที่ไดเ้ รียนรู้และนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณต์ ่าง ๆ
4) มปี ฏิสัมพนั ธ์ ทางานทากจิ กรรมร่วมกบั กลมุ่ และครู
5) ประเมนิ และพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของตนเองอยา่ งต่อเนื่อง
10. สือ่ การเรยี นรู้
สื่อการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้
ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่ือการเรียนรู้มี
หลากหลายประเภท ทง้ั สื่อธรรมชาติ ส่ือส่งิ พิมพ์ ส่อื เทคโนโลยี และเครือขา่ ยการเรียนรตู้ ่างๆ ทีม่ ใี น ท้องถน่ิ
การเลือกใชส้ ื่อควรเลอื กใหม้ คี วามเหมาะสมกับระดบั พัฒนาการ และลลี าการเรยี นรู้ท่หี ลากหลาย ของผ้เู รยี น
การจัดหาส่อื การเรยี นรู้ ผู้เรียนและผ้สู อนสามารถจดั ทาและพัฒนาข้ึนเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้ อย่าง
มคี ุณภาพจากสอื่ ตา่ งๆ ท่มี อี ยรู่ อบตวั เพื่อนามาใช้ประกอบในการจัดการเรยี นรู้ท่ีสามารถส่งเสริมและ สื่อสารให้
ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพ่ือพัฒนาให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้อย่าง
15
แท้จริง สถานศึกษา เขตพ้ืนที่การศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีหน้าที่จัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ควร
ดาเนินการดังน้ี
1. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์ส่ือการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย การ
เรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยน ประสบการณ์
การเรยี นรู้ ระหวา่ งสถานศกึ ษา ทอ้ งถิน่ ชุมชน สงั คมโลก
2. จัดทาและจัดหาส่ือการเรียนรู้สาหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมท้ัง
จัดหาสิง่ ทม่ี ีอยู่ในท้องถน่ิ มาประยุกต์ใชเ้ ป็นส่ือการเรยี นรู้
3. เลือกและใช้ส่ือการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง กับ
วธิ กี ารเรยี นรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรียนรู้ และความแตกต่างระหวา่ งบุคคลของผู้เรยี น
4. ประเมนิ คุณภาพของสอ่ื การเรยี นรู้ทเี่ ลอื กใช้อยา่ งเป็นระบบ
5. ศกึ ษาค้นควา้ วจิ ยั เพ่อื พฒั นาสื่อการเรยี นรู้ให้สอดคล้องกับกระบวนการเรียนรู้ของผเู้ รยี น
6. . จัดให้มีการกากับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับส่ือและการใช้ส่ือ การ
เรียนรู้เปน็ ระยะๆ และ สมา่ เสมอ
ในการจดั ทา การเลอื กใช้ และการประเมนิ คุณภาพส่ือการเรยี นร้ทู ่ใี ชใ้ นสถานศกึ ษา ควรคานงึ ถึงหลกั การ
สาคัญของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบกิจกรรมการ
เรยี นรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เน้ือหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความมั่นคงของชาติ ไม่ขัด
ตอ่ ศลี ธรรม มีการใช้ภาษาท่ีถกู ต้อง รปู แบบการนาเสนอที่เข้าใจง่าย และน่าสนใจ
13. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพ้ืนฐานสองประการคือ การประเมิน
เพอื่ พฒั นาผู้เรียนและเพือ่ ตัดสนิ ผลการเรียน ในการพัฒนาคณุ ภาพการเรียนรู้ของผูเ้ รยี น ให้ประสบ ผลสาเร็จนั้น
ผเู้ รียนจะต้องได้รบั การพัฒนาและประเมินตามตัวช้ีวัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐาน การเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะ
สาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการ วัดและประเมินผลการเรียนรู้ใน
ทกุ ระดบั ไม่วา่ จะเปน็ ระดบั ชัน้ เรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นท่ี การศึกษา และระดับชาติ การวัดและ
ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรยี นโดยใช้ ผลการประเมนิ เปน็ ข้อมูลและสารสนเทศท่ี
แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสาเร็จทางการเรียน ของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์ต่อ
การส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาและเรียนรู้อย่างเต็มตาม ศักยภาพ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่ง
ออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ ระดับช้ันเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา และระดับชาติ มี
รายละเอียด ดงั น้ี
1. การประเมินระดับช้ันเรียน เป็นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ผู้สอน
ดาเนินการเป็นปกติและสม่าเสมอในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่าง หลากหลาย เช่น การ
ซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินช้ินงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน
การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาส ให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อน
ประเมินเพื่อน ผู้ปกครองร่วมประเมิน ในกรณีที่ไม่ผ่านตัวชี้วัดให้มี การสอนซ่อมเสริม การประเมินระดับช้ัน
เรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าใน การเรียนรู้ อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการ
16
เรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งที่จะต้องได้รับการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมในด้านใด
นอกจากน้ียังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรุง การเรียนการสอนของตนด้วย ทั้งนี้โดยสอดคล้องกับมาตรฐานการ
เรียนรู้และตัวช้ีวัด
2. การประเมินระดับสถานศึกษา เป็นการประเมินที่สถานศึกษาดาเนินการเพ่ือตัดสินผล การ
เรียนของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึง
ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากน้ีเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา ว่า
ส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมท้ังสามารถนาผลการ
เรยี นของผู้เรียนในสถานศกึ ษาเปรียบเทียบกบั เกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมิน ระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูล
และสารสนเทศเพ่ือการปรบั ปรุงนโยบาย หลกั สูตร โครงการ หรือวิธกี าร จดั การเรียนการสอน ตลอดจน
เพื่อการจัดทาแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการ
รายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการ สถานศึกษา สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา สานักงาน
คณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ผู้ปกครองและ ชมุ ชน
3. การประเมินระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพ้ืนที่
การศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เพ่ือใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานใน การ
พัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดาเนินการโดย ประเมิน
คุณภาพผลสมั ฤทธ์ิของผู้เรียนดว้ ยขอ้ สอบมาตรฐานท่ีจดั ทาและดาเนนิ การโดยเขตพื้นท่ีการศึกษา หรือด้วยความ
ร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัด ในการดาเนินการจัดสอบ นอกจากน้ียังได้จากการตรวจสอบ ทบทวนข้อมูลจาก
การประเมินระดบั สถานศกึ ษาในเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา
4. การประเมินระดับชาติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐาน การเรียนรู้ตาม
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน สถานศกึ ษาตอ้ งจัดใหผ้ ู้เรยี นทกุ คนท่ีเรยี น ในชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 3 ชัน้
ประถมศึกษาปีท่ี 6 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 เข้ารับการประเมิน ผลจากการประเมิน
ใช้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ เพ่ือนาไปใช้ในการวางแผนยกระดับคุณภาพ
การจดั การศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมูลสนับสนนุ การตดั สนิ ใจ ในระดบั นโยบายของประเทศ
สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทาระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผล การ
เรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติท่ีเป็นข้อกาหนดของ หลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน เพ่อื ให้บุคลากรที่เก่ียวข้องทุกฝ่ายถือปฏิบัตริ ่ว
17
บทที่ 3
วิธีดาเนินการ
การประเมนิ หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรยี นละลมวทิ ยา สานักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษา
ศรสี ะเกษ ยโสธรไดด้ าเนินการดังนี้
1. กลุ่มเป้าหมาย
2. เคร่ืองมือที่ใช้ในการรวบรวมขอ้ มลู
3. ข้ันตอนการดาเนนิ การ
4. การวเิ คราะห์ข้อมลู
5. สถิติที่ใชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูล
กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมายท่ใี ช้ในการประเมินคร้งั น้ี ประกอบดว้ ย
1) ผู้อานวยการโรงเรียน จานวน1 คน
2) รองผอู้ านวยการโรงเรยี น จานวน1 คน
3) ครูผ้สู อน จานวน23 คน
4) คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน จานวน5 คน
5) ผู้ปกครองนกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 จานวน 21 คน และผ้ปู กครองนกั เรยี น
ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 จานวน 40 คน ใช้วธิ ีการสุ่มแบบแบง่ ชน้ั อยา่ งเปน็ สัดส่วน
6) นักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 จานวน21 คน และนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 6
จานวน 40 คน ใช้วธิ กี ารส่มุ แบบแบง่ ชน้ั อย่างเปน็ สดั สว่ น
เครอื่ งมือท่ีใชใ้ นการรวบรวมข้อมูล
การประเมินหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นละลมวทิ ยาสานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษามัธยมศกึ ษาเขต
28ครัง้ น้ี ใช้เครอื่ งมอื เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ทสี่ านักงานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษาศรีสะเกษ ยโยธรจดั ทา
เพ่ือให้โรงเรียนใช้ประเมินหลักสูตรสถานศึกษา ดังน้ี
ฉบบั ที่ 1 แบบสอบถามเพ่ือการประเมนิ หลักสูตรสถานศกึ ษา สาหรบั ผบู้ รหิ ารและครผู ้สู อน
ฉบบั ที่ 2 แบบสอบถามเพื่อการประเมนิ หลักสตู รสถานศกึ ษา สาหรบั นักเรยี น
ฉบบั ท่ี 3 แบบสอบถามเพื่อการประเมินหลักสูตรสถานศกึ ษา สาหรับผู้ปกครองนักเรียน
ฉบับท่ี 4 แบบสอบถามเพอ่ื การประเมินหลักสตู รสถานศกึ ษา สาหรับคณะกรรมการสถานศึกษา
ขัน้ พ้นื ฐาน
ขัน้ ตอนการดาเนินการ
การเก็บรวบรวมข้อมลู ดาเนนิ การดงั นี้
1) ศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยเกี่ยวกับการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาและการประเมิน
18
หลกั สูตร
2) สรา้ งเครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการประเมนิ ไดแ้ ก่ แบบสอบถามเพื่อการประเมนิ หลกั สตู รจานวน 4ฉบับ
3) เก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับกระบวนการสร้าง และพัฒนา
หลกั สูตรกระบวนการนาหลักสตู รไปใช้ และผลผลติ ของหลักสูตร ดังนี้
3.1) โรงเรยี นแต่งตัง้ คณะทางานประเมินหลกั สูตรสถานศึกษา
3.2) เก็บรวบรวมขอ้ มลู กาหนดการ ดงั นี้
พฤศจิกายน 2558 ช้ีแจงรายละเอียดการประเมินหลักสูตรสถานศึกษา มอบหมายงานและแจก
แบบสอบถามแก่ กลุ่มเป้าหมาย ธันวาคม 2558 เก็บรวบรวมข้อมูล มกราคม 2559 วิเคราะห์ข้อมูลและเขียน
รายงานการประเมิน หลักสตู รสถานศกึ ษา
4) สรปุ ผลการประเมินและนาเสนอรายงานผลการประเมนิ
การวเิ คราะหข์ ้อมูล
การวิเคราะหข์ อ้ มลู เพื่อการหาค่าสถิติ ทาการวิเคราะห์โดยใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรมสาเร็จรูป เพื่อ
หาคา่ ความถี่ คา่ ร้อยละ คา่ เฉลย่ี และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เพือ่ ใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล ดงั น้ี
ตอนที่ 1 วเิ คราะหข์ ้อมลู โดยหาค่าความถ่ี ค่าร้อยละ นาเสนอในรปู แบบตารางประกอบ
ความเรียง
ตอนที่ 2 การวิเคราะหก์ ารประเมินหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียน ละลมวิทยาสานักงานเขต
พื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาศรีสะเกษ ยโยธร ใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการสร้างและพัฒนาหลักสูตรด้าน
กระบวนการนาหลักสูตรไปใช้ และด้านผลผลติ ของหลกั สตู ร โดยการหาค่าเฉล่ยี และส่วนเบย่ี งเบน มาตรฐาน
19
บทท่ี 4
ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล
การประเมินหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนละลมวิทยา สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาศรีสะ
เกษ ยโสธร ผ้ปู ระเมนิ เสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู ดงั นี้
1. สัญลกั ษณ์ที่ใชใ้ นการวเิ คราะห์ข้อมลู
2. การวิเคราะหข์ ้อมูล
3. ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู
สญั ลกั ษณ์ท่ีใชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูล
เพื่อความเข้าใจตรงกันในการแปลความหมาย ผู้ประเมินขอกาหนดสัญลักษณ์ท่ีใช้ในการวิเคราะห์
ขอ้ มูล ดังน้ี
X แทน ค่าคะแนนเฉลยี่ (mean)
S.1. แทน คา่ สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation)
n แทนจานวนกลุ่มตวั อยา่ ง(Sample size)
การวิเคราะหข์ ้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูลครั้งนี้ ผู้ประเมินขอนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลออกเป็น 2 ตอน ดังน้ี ตอนท่ี 1
ข้อมูลเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม วิเคราะห์โดยการแจกแจงความถี่ (freqienc5) และค่าร้อยละ
(percentage)
ตอนท่ี 2 การประเมินหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียน ละลมวิทยาสานักงานเขตพ้ืนที่ การศึกษา
มัธยมศึกษาเขต28วิเคราะห์โดยใช้สถิติพ้ืนฐาน คือ การหาค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน(standard
devration)
ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล
ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ ผู้อานวยการโรงเรียนรอง
ผ้อู านวยการโรงเรียนครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน ผ้ปู กครองนกั เรียน และ นักเรียน
ตอนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นของผู้เก่ียวข้องเกี่ยวกับ ด้านการสร้างและพัฒนาหลักสูตร
สถานศึกษา การนาหลกั สูตรสถานศึกษาไปใช้ และดา้ นผลผลิตของหลักสตู รสถานศึกษา
20
ตอนท่ี 1 ผลการวเิ คราะหส์ ถานภาพของผตู้ อบแบบสอบถาม
ตารางท่ี 2 สถานภาพของผูบ้ รหิ ารโรงเรยี นและครผู ้สู อน
สถานภาพ จานวน ร้อยละ
1.ตาแหนง่ 4.00
4.00
ผู้อานวยการโรงเรยี น 1 92.00
รองผู้อานวยการโรงเรียน 1 28.00
72.00
ครูผสู้ อน 23
0
2.เพศ 4.00
20.00
ชาย 7 76.00
หญิง 18 52.10
48.10
3.อายุ
0
21-30ปี 0
0
31-40ปี 1 0
4.00
41-51ปี 5 16.00
80.00
51 ปีข้ึนไป 19
4.วฒุ ิการศกึ ษา
ปรญิ ญาตรีหรือเทียบเท่า 13
ปรญิ ญาโทหรือเทียบเท่า 12
สงู กว่าปรญิ ญาโท 0
5. ประสบการณใ์ นตาแหนง่ ปจั จบุ นั
1-5ปี 0
6-10ปี 0
11-15ปี 1
16-21ปี 4
มากกวา่ 20 ปีข้ึนไป 20
จากตารางที่ 2 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม เป็นผู้อานวยการโรงเรียน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 4 รอง
ผู้อานวยการโรงเรียน 1 คน คิดเปน็ ร้อยละ 4 ครูผู้สอน 23 คน คิดเป็นร้อยละ 92 ส่วนใหญ่เป็น เพศหญิง คิด
เป็นร้อยละ 72 และ เพศชาย คิดเป็นร้อยละ 28 อายุอยู่ในช่วง 51 ปีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 76 รองลงมามีอายุ
ในช่วง 41-50 ปี คิดเป็นร้อยละ 20 วุฒิการศึกษาส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับ ปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ 52.00
และระดบั ปริญญาโท คิดเป็นร้อยละ 48.00 และมีประสบการณ์การ ทางานในตาแหน่งปัจจุบัน 20 ปีข้ึนไป คิด
เปน็ ร้อยละ 80.00 รองลงมา มีประสบการณก์ ารทางาน16-21 ปี คดิ เป็นร้อยละ 16.00 ตามลาดับ
ตารางท่ี 3 สถานภาพของนักเรยี น จานวน 21
สถานภาพ
21 รอ้ ยละ
1. ระดบั การศึกษา 40
ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 34.00
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 18 66.00
43
2.เพศ 30.00
ชาย 21 70.00
หญิง 40
34.00
3. อายุ 66.00
11-16ปี
17ปีขึน้ ไป
จากตารางที่ 3 พบว่า ผตู้ อบแบบสอบถาม เป็นนักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 จานวน 21 คน คดิ
เปน็ ร้อยละ 34.00 และชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 จานวน40 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 66.00 ส่วนใหญ่ เปน็ เพศหญิง คิดเปน็ รอ้ ย
ละ 70.00 และเพศ ชาย คิดเปน็ รอ้ ยละ 30.00 อายอุ ยใู่ นช่วง 11-16 ปี คดิ เปน็ ร้อยละ 34.00 และมอี ายุในช่วง 17 ปีข้ึน
ไป คดิ เป็นรอ้ ยละ 66.00
ตารางท่ี 4 สถานภาพของผู้ปกครองนักเรียน จานวน 22
สถานภาพ 26 ร้อยละ
1.อาชีพ 30
0 32.79
เกษตรกร 1 49.18
รับจ้างท่ัวไป 3 0.
พนกั งานบริษัทเอกชน 1 1.64
รับราชการ/รฐั วิสาหกิจ 4.92
คา้ ขาย/ประกอบธรุ กจิ ส่วนตวั 24 1..64
อ่นื ๆ แมบ่ า้ น 37
2.เพศ 39.00
ชาย 0 61.00
หญิง 7
3. อายุ 29 0
20-29ปี 12 11
30-39ปี 3 48.00
40-49ปี 20.00
50-59ปี 61 4..92
60ปีขนึ้ ไป 0
0 100.00
4. วฒุ ิการศึกษา 0 0
ตา่ กว่าปรญิ ญาตรี 0
ปริญญาตรีหรอื เทยี บเท่า 21 0
ปรญิ ญาโทหรือเทียบเทา่ 40
สงู กวา่ ปริญญาโท 34.00
66.00
5. ผูป้ กครองของนักเรยี น
ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6
จากตารางที่ 4 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม เป็นผู้ปกครองนักเรียนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้าง
ทว่ั ไป จานวน30 คน คิดเปน็ ร้อยละ 49.18 รองลงมาประกอบอาชีพ เกษตรกร จานวน20 คน คิดเป็นร้อยละ 32.79
สว่ นใหญเ่ ปน็ เพศ หญิง คดิ เปน็ รอ้ ยละ 61.00 และเพศชาย คิดเป็นร้อยละ 39.00 อายุอยูใ่ นช่วง 40-49 ปี คิดเป็นร้อย
ละ 48.00 รองลงมามีอายุในช่วง 50-59 คิดเป็นร้อยละ 20.00 วุฒิ การศึกษาส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับ ต่ากว่า
ระดับปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ 41.00 และเป็นผู้ปกครองของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 จานวน21 คน คิด
เป็นรอ้ ยละ 34.00 และเป็นผปู้ กครองนักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 จานวน40 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 66.00 ตามลาดับ
23
ตารางที่ 5 สถานภาพของคณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พื้นฐาน
สถานภาพ จานวน ร้อยละ
1.อาชีพ
0 0
เกษตรกร 0 0
รับจ้างทั่วไป 0 0
พนักงานบริษัทเอกชน 3 60
รับราชการ/รฐั วสิ าหกิจ 1 20
คา้ ขาย/ประกอบธุรกจิ ส่วนตวั 1 20
อน่ื ๆ นกั การเมอื งท้องถน่ิ
2.เพศ 5 100
ชาย 0 0
หญงิ
3. อายุ 0 0
20-29ปี 0 0
30-39ปี 0 0
40-49ปี 1 20
50-59ปี 4 80
60 ปีข้นึ ไป
3 60
4. วุฒิการศึกษา 2 40
ต่ากวา่ ปริญญาตรี 0 0
ปริญญาตรีหรือเทียบเท่า 0 0
ปรญิ ญาโทหรอื เทียบเทา่
สูงกวา่ ปรญิ ญาโท
จากตารางที่ 5 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม เป็นคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานส่วนใหญ่
ประกอบอาชพี รับราชการ จานวน3 คน คิดเป็นร้อยละ 60 รองลงมาประกอบอาชีพ ค้าขาย จานวน1 คน คิด
เป็นร้อยละ 20 ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย คิดเป็นร้อยละ 100 คิด อายุอยู่ในช่วง 60 ปีขึ้นไป คิด เป็นร้อยละ 80
รองลงมามอี ายใุ นชว่ ง 50-59 ปี คิดเป็นร้อยละ 20 วุฒิการศึกษาส่วนใหญ่จบการศึกษา ระดับ ต่ากว่าปริญญาตรี
.คิดเป็นร้อยละ 60 รองลงมาจบการศึกษาระดับปรญิ ญาตรี คิดเป็น ร้อยละ 40 ตามลาดบั
24
ตอนที่ 2 ผลการวิเคราะหค์ วามคิดเห็นของผเู้ ก่ียวขอ้ ง ดา้ นการสร้างและพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษา
การนาหลกั สตู รสถานศึกษาไปใช้ และด้านผลผลติ ของหลักสูตรสถานศกึ ษา
ตารางท่ี 6 ค่าเฉล่ีย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับความคิดเห็นเก่ียวกับการติดตามผลการใช้
หลักสตู รสถานศึกษา ของผู้บริหารและครูผ้สู อน
รายการ X SD แปลผล
ด้านการสรา้ งและพัฒนาหลักสตู ร 4.48 0.59 มากท่สี ุด
ส1ถ.ามนกีศาึกรษอาอกแบบรายวชิ าพน้ื ฐาน เพอ่ื พัฒนานกั เรยี นตาม มาตรฐานการ
เรียนรแู้ ละตวั ช้วี ดั ที่กาหนดไวใ้ นหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน
พทุ ธศักราช 2551 อย่างครบถ้วน
2. มกี ารกาหนดสมรรถนะสาคญั คุณลักษณะอนั พึงประสงค์และการอ่าน คดิ 4.56 0.51 มากทีส่ ดุ
วเิ คราะห์และเขยี นครอบคลุมทุกกลุ่มสาระฯ
3. มีการออกแบบคาอธิบายรายวชิ าสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชว้ี ัด
และสาระการเรยี นรตู้ ามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน 4.48 0.59 มาก
พทุ ธศักราช2551
4. มีการกาหนดวสิ ัยทศั น์สอดคลอ้ งกับวสิ ยั ทัศน์จดุ หมายของหลักสูตร 4.48 0.59 มาก
แกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551
5. มีการกาหนดจุดประสงคก์ ารเรยี นรสู้ อดคล้องกับมาตรฐาน การเรียนรู้และ 4.44 0.58 ปานกลาง
ตวั ชีว้ ัดของหลกั สูตร
6. มีการกาหนดเน้ือหา สาระการเรยี นร้ใู นแผนการจดั การเรยี นรสู้ อดคล้อง 4.52 0.51 มากท่ีสุด
กบั คาอธบิ ายรายวชิ า
7. มีการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกบั ตวั ชี้วดั และสาระการเรยี นรู้ 4.42 0.50 มาก
ทีก่ าหนดในหลกั สูตร
8. มกี ารออกแบบรายวิชาเพิ่มเตมิ ในการพัฒนานักเรยี นใหส้ อดคล้องกับ 4.20 0.65 มาก
จดุ เน้น ความตอ้ งการและความถนัดของนกั เรียนและทอ้ งถ่ินอยา่ ง เหมาะสม
9. มกี ารกาหนดเนื้อหาสาระและกิจกรรมการจัดการเรียนรูค้ รอบคลมุ พุทธิ 4.25 0.61 มาก
พิสยั ทกั ษะพสิ ัย และจติ พิสยั มาก
มาก
10. มีการออกแบบกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นอยา่ งหลากหลายโดยคานึงถึงความ 4.28 0.74
ถนัดและความสนใจของนักเรยี น
11. มกี ารออกแบบการวัดและประเมินผลสอดคล้องกบั ตวั ชว้ี ดั และสาระการ 4.24 0.66
เรยี นรู้อย่างเหมาะสม
25
ตารางที่ 6 (ต่อ)
รายการ X SD แปลผล
ด้านการสรา้ งและพัฒนาหลักสตู รสถานศึกษา 3.96
12. มีการกาหนดเนื้อหาสาระการเรียนรสู้ อดคล้องกับสภาพความต้องการของ 0.68 มาก
ชุมชน 0.69 มาก
1.03 มาก
13. โรงเรยี นมีความพร้อมด้านครแู ละบุคลากรทมี่ ีคุณภาพเหมาะสมและ 4.16 0.65 มาก
เพยี งพอ 0.67 มาก
14. โรงเรยี นมีความพร้อมดา้ นส่ือ วสั ดุ อุปกรณ์ 3.84 0.65 มาก
0.61 มาก
15. โรงเรยี นมคี วามพร้อมในการจัดการศกึ ษาแก่นักเรียนทุกระดับชน้ั 4.20 0.74 มาก
0.66 มาก
เฉล่ยี 4.30
0.65 มาก
ด้านการนาหลักสตู รสถานศึกษาไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน
0.61 มาก
1. มีการศึกษาและวิเคราะห์ขอ้ มลู นกั เรียนเป็นรายบุคคล 4.20
0.74 มาก
2. มกี ารจัดบรรยากาศที่เอ้อื ตอ่ การเรยี นรแู้ ละดแู ลช่วยเหลือนกั เรียนให้ 4.25 0.66 มาก
เกิดการเรยี นรู้ 4.28 0.65 มาก
3. มีการใช้สอื่ อุปกรณ์ อย่างเหมาะสมกับกจิ กรรมการเรยี นรู้ 0.61 มาก
0.58 มาก
4. มกี ารประเมินความก้าวหนา้ ของนักเรยี นด้วยวธิ กี ารท่ีหลากหลาย 4.24
เหมาะสมกับธรรมชาติวิชาและระดบั พัฒนาการ 4.20
5. มกี ารจดั การเรยี นการสอนใหน้ กั เรียนไดใ้ ช้ทกั ษะการคดิ และลงมอื ปฏิบตั ิ
จรงิ
6. มีการวิเคราะหผ์ ลการประเมนิ และนามาใช้ในการซ่อมเสรมิ และพัฒนา 4.25
นกั เรียนและปรับปรงุ การเรยี นการสอน
7. มกี ารจดั การเรยี นรู้ท่ีตอบสนองความแตกตา่ งระหว่างบุคคลและพัฒนาการ 4.28
ทางสมอง เพื่อนานักเรียนไปสู่เปา้ หมาย
8. มกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรู้โดยใชร้ ูปแบบวธิ กี ารสอนท่ีหลากหลาย 4.24
9. มีการจดั กจิ กรรมโดยให้นักเรียนรจู้ ักแสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ 4.20
10. มีการจัดกิจกรรมการเรียนร้โู ดยสอดแทรกคุณธรรมจรยิ ธรรม 4.25
เฉล่ีย 4.00
26
ตารางท่ี 6 (ตอ่ )
รายการ X SD แปลผล
ด้านผลผลติ ของหลกั สูตรสถานศึกษา
1. นกั เรียนมีคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ เร่อื ง จงรกั ภักดตี ่อชาติ ศาสนา 4.40 0.05 มาก
พระมหากษัตริยแ์ ละยดึ ม่นั ในประชาธิปไตย 4.08 0.7 มาก
2. นักเรียนมีความสามารถในการใช้ 4.28 0.74 มาก
เท3ค.โนนักโลเรยียี นมีจติ สาธารณะ รกั และเอื้ออาทรในเพื่อน 4.04 0.45 มาก
ม4น.ุษนยกั ์ เรยี นมคี วามซื่อสตั ย์ ปานกลาง
ส5จุ .รนิตักเรียนมีผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนในกลุ่มสาระการเรยี นรู้ 3.48 0.59
ท่ีสะทอ้ นตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดของหลักสูตร มาก
6. นักเรียนใฝเ่ รยี นรู้ ขยันหมัน่ เพยี ร 4.25 0.61 มาก
7. นักเรียนมีความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต 4.28 0.74 มาก
8. นักเรียนมีระเบียบวนิ ัย สุภาพ อ่อนน้อม ถ่อมตน 4.24 0.66 มาก
9. นักเรยี นมคี วามสามารถในการใช้ภาษาไทยไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ 3.64 0.65 มาก
10. นกั เรียนมคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา 4.25 0.61 มาก
11. นกั เรียนมีความสามารถในการคดิ 3.76 0.74 ปานกลาง
12. นักเรยี นมีความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์และเขียน 4.24 0.66 มาก
13. นกั เรียนม่งุ มัน่ ในการทางานรบั ผิดชอบ มภี าวะผนู้ าและผตู้ าม 4.20 0.65 มาก
11. นักเรยี นมคี วามประหยัด อยู่อยา่ งพอเพยี ง 4.25 0.61 ปานกลาง
15. นักเรียนมคี วามสามารถใชภ้ าษาอังกฤษส่ือสารในชีวิตประจาวัน 4.28 0.74 มาก
3.71 0.67 มาก
เฉล่ยี 4.00 0.70
เฉลีย่ รวม
จากตารางท่ี 6 พบวา่ โดยภาพรวม ผ้บู ริหารและครูผสู้ อน มีความคดิ เห็นเก่ียวกับการติดตามผล การใช้
หลักสูตรสถานศึกษาอยู่ในระดับ มาก เม่ือพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านท่ี ผู้บริหารและครูผู้สอน เห็นด้วยมาก
ที่สุด คือ ด้าน การสรา้ งและพฒั นาหลกั สูตร รองลงมาคอื ดา้ น ผลผลติ ของหลักสูตรสถานศึกษา และ ด้าน การนา
หลักสตู รสถานศึกษาไปใช้ในการเรยี นการสอน ตามลาดบั
27
ตารางที่ 7 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน และระดับความคิดเห็นเกี่ยวกบั การติดตามผลการใช้ หลกั สูตร
สถานศกึ ษา ของนกั เรียน
รายการ X SD แปลผล
ดา้ นการสรา้ งและพัฒนาหลักสตู รสถานศึกษา 0.04 มากท่ีสดุ
1. โรงเรยี นมีความพร้อมในด้านอาคาร สถานท่ี สภาพแวดล้อม 4.67 0.61
4.25 0.74 มาก
2. โรงเรียนมคี วามพรอ้ มในการพัฒนาหลักสตู รและการจัดการเรียนการสอน 0.66 มาก
0.65 มาก
3. โรงเรยี นมีความพรอ้ มในด้านครูและบคุ ลากรที่มีคุณภาพ เหมาะสม และ 4.28 0.61 มาก
เพียงพอ 4.24 0.68 มาก
4. โรงเรยี นมีความพร้อมดา้ นส่ือ วสั ดุ อปุ กรณแ์ ละสอ่ื ICT 0.66 มาก
0.70 มาก
5. นกั เรียนไดร้ ับรู้เก่ียวกับคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตร ของโรงเรยี น 4.20 มาก
0.80
6. นกั เรยี นไดร้ ับรถู้ ึงมาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชี้วัดของรายวิชาพ้ืนฐาน และผล 4.25 มาก
การเรยี นรู้ของรายวชิ าเพิ่มเตมิ 0.61
7. นักเรียนได้รบั ร้เู ก่ียวกับวสิ ยั ทศั น์ จุดหมาย สมรรถนะสาคัญ ของผเู้ รียน 3.90 มาก
0.74
1. นกั เรียนมีโอกาสได้แสดงความคดิ เห็นเก่ยี วกับการจดั การเรยี นการสอนของ 4.24 มาก
ครูในรายวิชาตา่ งๆ 3.82 0.66
เฉล่ยี 0.65 มาก
ด้านการนาหลักสตู รสถานศกึ ษาไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน 4.00 0.61 มาก
4.25 มาก
1. ครูแจง้ จุดประสงค์การเรยี นรูใ้ ห้นักเรียนทราบก่อนจดั การเรียนการสอน 4.28
ในแต่ละรายวชิ า 4.24
2. ครูจดั กิจกรรมหลากหลาย เพื่อส่งเสริมทกั ษะ ความสามารถพิเศษของ
นกั เรยี นอยา่ งเหมาะสม
3. ครูจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ ความสามารถทางวชิ าการ ของนกั เรียนอยา่ ง
เหมาะสม
1. ครูจดั กิจกรรมหลากหลาย เพอ่ื สง่ เสริมคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ของ
นักเรยี นอย่างเหมาะสม
5. ครจู ดั การเรยี นการสอนที่ส่งเสรมิ ให้นักเรยี นมีความสามารถในการคิด 4.20
6. ครจู ัดการเรยี นการสอนส่งเสริมใหน้ ักเรียนได้ลงมือปฏิบตั จิ ริงทั้งการปฏบิ ตั ิ 3.75
โดยลาพังหรือเป็นกลุม่
28
ตารางท่ี 7 (ต่อ)
รายการ X SD แปลผล
ด้านการนาหลักสูตรสถานศึกษาไปใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน
7. ครจู ดั การเรียนการสอนส่งเสริมให้นักเรยี นรูจ้ ักแสวงหาความรู้จากแหล่ง 4.20 0.65 มาก
เรยี นรูต้ ่างๆ
1. ครูทาการวดั และประเมินผลควบคู่ไปกบั การเรยี นการสอน 4.25 0.61 มาก
9. ครใู ชว้ ธิ ีการวัดและประเมนิ ผลท่ีหลากหลาย 4.28 0.76 มาก
10. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นมสี ่วนรว่ มในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 3.89 0.86 มาก
เฉลี่ย 3.99 1.25 มาก
ดา้ นผลผลติ ของหลักสูตรสถานศกึ ษา
1. นักเรียนมีคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ เรอ่ื ง จงรกั ภักดตี ่อชาติ ศาสนา 4.20 0.65 มาก
พระมหากษัตริยแ์ ละยึดม่ันในประชาธปิ ไตย 4.25 0.61 มาก
2. นักเรียนมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
3. นักเรียนมีจติ สาธารณะ รักและเอ้ืออาทรในเพ่อื นมนษุ ย์ 4.28 0.74 มาก
4. นกั เรียนมคี วามซื่อสัตย์ สจุ ริต 4.24 0.66 มาก
5. นกั เรียนมผี ลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นในกลุ่มสาระการเรียนรูทส่ี ะทอ้ นตาม 4.20 0.65 มาก
มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชี้วัดของหลกั สูตร มาก
6. นกั เรียนใฝเ่ รยี นรู้ ขยันหม่นั เพยี ร 4.25 0.61
7. นักเรียนมีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4.28 0.74 มาก
8. นกั เรียนมีระเบียบวนิ ัย สุภาพ อ่อนน้อม ถ่อมตน 4.24 0.66 มาก
9. นกั เรียนมีความสามารถในการใชภ้ าษาไทยได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 4.20 0.65 มาก
10. นกั เรยี นมคี วามสามารถในการแก้ปัญหา 4.25 0.61 มาก
11. นักเรียนมีความสามารถในการคิด 4.28 0.74 มาก
12. นกั เรยี นมีความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน 4.24 0.66 มาก
11. นักเรียนมงุ่ มน่ั ในการทางานรับผดิ ชอบ มภี าวะผูน้ าและผู้ตาม 4.20 0.65 มาก
14. นกั เรียนมีความประหยดั อยู่อย่างพอเพียง 4.25 0.61 มาก
15. นักเรยี นมคี วามสามารถใช้ภาษาองั กฤษส่อื สารในชีวติ ประจาวนั 4.28 0.74 ปานกลาง
เฉลย่ี 3.95 0.78 มาก
เฉลยี่ รวม 3.91 1.01 มาก
จากตารางที่ 7 พบว่า โดยภาพรวม นักเรียน มีความคิดเห็นเก่ียวกับการติดตาม ผลการใช้
หลักสูตรสถานศกึ ษา อยูใ่ นระดบั มาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านท่ี นักเรียนเห็นด้วยมากท่ีสุด คือ ด้าน
การนาหลักสูตรสถานศึกษามาใช้ในการจัดการเรียนการสอนรองลงมาคือ ด้าน ผลผลิตของหลักสูตรสถานศึกษา
และด้าน การสรา้ งและพฒั นา หลักสูตรสถานศกึ ษา ตามลาดับ
29
ตารางที่ 8 ค่าเฉล่ีย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับการติดตามผลการใช้ หลักสูตร
สถานศกึ ษา ของผู้ปกครองนกั เรียน
รายการ X SD แปลผล
ด้านการสร้างและพัฒนาหลักสตู รสถานศึกษา 4.20
1. โรงเรียนมีความพร้อมในด้านอาคาร สถานท่ี สภาพแวดล้อม 0.65 มาก
0.61 มาก
2. โรงเรียนมีความพร้อมในการพฒั นาหลกั สตู รและการจดั การเรียนการสอน 4.25 0.74 มาก
0.66 มาก
3. โรงเรยี นมีความพร้อมในด้านครแู ละบุคลากรท่ีมีคุณภาพ เหมาะสมและ 4.28 0.98 มาก
เพยี งพอ 0.75 มาก
4. โรงเรยี นมีความพร้อมด้านสื่อ วสั ดุ อปุ กรณ์และส่ือ ICT 4.24 0.74 มาก
0.66 มาก
5. โรงเรยี นจัดประชุมและได้ให้ความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับการจดั ทา 3.82 0.65 มาก
0.65 มาก
หลกั สตู รสถานศกึ ษา 0.77 มาก
6. หลกั สูตรของโรงเรียนสามารถพฒั นานักเรียนให้มีผลสัมฤทธ์ิทางการ 3.82 0.77 มาก
เรยี นท้งั 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ 0.78 มาก
7. หลกั สูตรของโรงเรยี นสามารถพฒั นานกั เรียนใหเ้ ปน็ คนดีมีคุณธรรม 4.28
จรยิ ธรรมและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
8. หลักสูตรของโรงเรยี นสามารถพฒั นานกั เรียนไดต้ ามความถนัด ความ 4.24
สนใจของนักเรยี นอยา่ งเหมาะสม
9. หลักสูตรของโรงเรียนมีความสอดคล้องกบั ชมุ ชน สงั คมและ ภมู ปิ ัญญา 4.20
ทอ้ งถิ่น
10. หลกั สูตรของโรงเรียนมีความเหมาะสมกับการเปลีย่ นแปลง ทางเศรษฐกิจ 3.82
สังคมและความกา้ วหน้าทางวิทยาการ
11. หลักสูตรของโรงเรียนส่งเสริมให้นักเรยี นมีความสามารถในการคิด
3.87
วเิ คราะห์ คดิ สรา้ งสรรค์ สามารถแข่งขนั กบั นานาชาตไิ ด้
12. ผ้ปู กครองมีส่วนร่วมในการจัดทาหลักสตู ร การจดั การเรียนการสอนของ 3.70
โรงเรียน
เฉล่ีย 3.81
30
ตารางที่ 8 (ต่อ)
รายการ X SD แปลผล
ด้านการนาหลักสตู รสถานศกึ ษาไปใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน มากทีส่ ุด
มาก
1. โรงเรยี นมกี ารวางแผนวางแผนการใช้หลกั สตู รอย่างเป็นระบบ 4.20 0.65
มาก
2. ครมู คี วามพร้อมในการใชห้ ลกั สตู รสถานศึกษา เชน่ จดั ห้องเรียน 4.25 0.61
สวยงาม สะอาด มีแผนการจดั การเรยี นรู้ มาก
3. โรงเรยี นมีการเตรียมสื่อ/ อุปกรณ์ อาคารสถานท่ีในการใช้หลกั สูตร
4.28 0.74 มาก
แก่นักเรยี น
1. โรงเรียนมีการประชาสัมพนั ธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกยี่ วกบั การใช้ 4.24 0.66 มาก
หลักสตู รสถานศึกษาแกผ่ ปู้ กครองและบุคลากรท่ีเกี่ยวขอ้ ง
5. โรงเรยี นจดั กิจกรรมส่งเสรมิ ความรู้ ความสามารถทางวชิ าการของ มาก
นกั เรยี นอย่างเหมาะสม 4.20 0.65
มาก
6. โรงเรยี นจดั กจิ กรรมหลากหลาย เพื่อสง่ เสริมคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 4.25 0.61 มาก
ของนักเรียนอย่างเหมาะสม
1. โรงเรยี นจัดกิจกรรมหลากหลาย เพื่อส่งเสรมิ ทกั ษะ ความสามารถพิเศษ 4.28 0.74 มาก
ของนักเรยี นอย่างเหมาะสม
8. การจดั การเรียนการสอนสง่ เสริมให้นักเรยี นไดล้ งมือปฏิบตั จิ ริง 4.24 0.66 มาก
9. การจดั การเรียนการสอนส่งเสรมิ ให้นักเรียนมีความสามารถ 4.20 0.65 มาก
ในการคิด
มาก
10. โรงเรียนมีการนิเทศติดตาม และชว่ ยแก้ปัญหาในการใช้หลักสูตร 4.25 0.61 มาก
4.24 0.66 มาก
สถานศึกษา เฉลย่ี มาก
ดา้ นผลผลิตของหลกั สูตรสถานศกึ ษา 4.20 0.65 มากท่ีสดุ
1. นักเรยี นมีคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ เร่อื ง จงรักภกั ดีตอ่ ชาติ ศาสนา 4.25 0.61
พระมหากษัตริยแ์ ละยดึ ม่ันในประชาธิปไตย
2. นกั เรียนมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
3. นักเรยี นมจี ิตสาธารณะ รักและเออ้ื อาทรในเพือ่ นมนุษย์ 4.28 0.74
4. นกั เรียนมคี วามซ่อื สัตย์ สจุ ริต 4.24 0.66
5. นักเรียนมผี ลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในกลุม่ สาระการเรียนรู้
4.20 0.65
ท่ีสะท้อนตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วดั ของหลักสตู ร
6. นกั เรยี นใฝเ่ รยี นรู้ ขยนั หม่นั เพยี ร 4.25 0.61
31
ตารางที่ 8 (ตอ่ )
รายการ X SD แปลผล
ด้ า น ผ ล ผ ลิ ต ข อ ง ห ลั ก สู ต ร 4.20 0.65 มาก
4.25 0.61 มาก
ส7ถ.านนศักึ เษราียนมีความสามารถในการใช้ทักษะ 4.28 0.74 มาก
ช8วี .ติ นักเรียนมีระเบียบวินัย สุภาพ อ่อนน้อม ถ่อม 4.24 0.66 มาก
ต1น. นักเรียนมคี วามสามารถในการใช้ภาษาไทยได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 4.20 0.65 มาก
10. นักเรียนมีความสามารถในการ 4.20 0.65 มาก
4.25 0.61 มาก
แก11้ป.ัญนหักาเรียนมีความสามารถในการ 4.28 0.74 มาก
ค1ิด1. นกั เรยี นมคี วามสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะหแ์ ละเขียน 4.24 0.66 ปานกลาง
11. นักเรียนมงุ่ มั่นในการทางานรบั ผิดชอบ มภี าวะผู้นาและผู้ตาม 4.24 0.66 มาก
4.10 0.70 มาก
14. นักเรียนมีความประหยัด อยู่อย่าง
พ1อ5เพ. ยี ง นักเรียนมีความสามารถใช้ภาษาอังกฤษส่ือสารใน
เฉลยี่
ชวี ติ ประจาวนั
เฉลี่ยรวม
จากตารางที่ 8 พบวา่ โดยภาพรวม ผปู้ กครองนกั เรยี น มคี วามคิดเหน็ เกยี่ วกับ การติดตามผล
การใช้หลกั สูตรสถานศึกษา อยใู่ นระดับ มาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านท่ีผู้ปกครองนักเรียนเห็นด้วยมาก
ทสี่ ดุ คอื ด้าน ผลผลิตของหลกั สตู รสถานศึกษา รองลงมาคือ ด้าน การนาหลหักสูตรสถานศึกษาไปใช้ในการจัดการ
เรยี นการสอน และดา้ น การสร้างและการพัฒนาหลักสูตรสถานศกึ ษา ตามลาดบั
32
ตารางที่ 1 ค่าเฉลย่ี ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน และระดับความคิดเห็นเกย่ี วกับการติดตามผลการใช้
หลักสตู รสถานศึกษา ของคณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พื้นฐาน
รายก X S. D แปลผล
ารด้านการสรา้ งและพัฒนาหลักสตู ร 4.20 มากที่สุด
ส1ถ.าโนรศงเึกรษยี นามีความพร้อมในการพัฒนาหลักสตู รและการจดั การเรยี น การสอน 0.65
0.61 มาก
2. โรงเรียนมีความพร้อมในดา้ นครูและบคุ ลากรทีม่ คี ุณภาพ เหมาะสมและ 4.25 0.74 มากทส่ี ดุ
เพยี งพอ 4.28 0.66 มากท่สี ดุ
3. โรงเรียนมีความพร้อมด้านส่ือ วัสดุ อปุ กรณแ์ ละสื่อ ICT 4.24 0.65
4. โรงเรยี นจัดประชุมและไดใ้ ห้ความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับการจัดทา 4.20 0.65 มาก
หลกั สตู รสถานศกึ ษา 4.20 0.61 มากทสี่ ดุ
5. หลักสูตรของโรงเรียนสามารถพฒั นานักเรยี นให้มผี ลสัมฤทธ์ิทางการ เรียน 4.25 0.74
ทัง้ 8 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ 4.28 0.66 มาก
6. หลกั สตู รของโรงเรยี นสามารถพฒั นานักเรยี นให้เปน็ คนดี มคี ุณธรรม 4.24 0.65 มาก
จรยิ ธรรมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4.20 0.65 มาก
7. หลกั สูตรของโรงเรียนสามารถพัฒนานักเรยี นได้ตามความถนัด 4.20 0.66 มาก
ความสนใจของนักเรียนอยา่ งเหมาะสม 4.23 มากทส่ี ดุ
8. หลักสตู รของโรงเรยี นมคี วามสอดคล้องกับชุมชน สงั คมและ ภูมิปัญญา 0.65 มาก
ทอ้ งถิ่น 0.61
9. หลักสูตรของโรงเรยี นมคี วามเหมาะสมกบั การเปลีย่ นแปลงทาง 0.74 มากท่สี ดุ
เศรษฐกิจ สังคมและความก้าวหนา้ ทางวิทยาการ มากที่สดุ
11. หลกั สูตรของโรงเรียนส่งเสริมให้นักเรยี นมีความสามารถใน มากทสี่ ุด
การคิดวิเคราะห์ คดิ สร้างสรรค์ สามารถแขง่ ขนั กบั นานาชาตไิ ด้
11. คณะกรรมการสถานศึกษามีส่วนรว่ มในการจัดทาหลักสตู ร
และการจดั การเรยี นการสอนของโรงเรยี น
เฉลี่ย
ด้านการนาหลักสตู รสถานศกึ ษาไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน 4.20
1. โรงเรยี นมีการวางแผนวางแผนการใชห้ ลกั สูตรอย่างเปน็ ระบบ 4.25
2. ครมู คี วามพรอ้ มในการใช้หลักสตู รสถานศึกษา เชน่ จัดหอ้ งเรียน
4.28
สวยงาม สะอาด มีแผนการจัดการเรยี นรู้
3. โรงเรยี นมีการเตรยี มส่ือ/ อุปกรณ์ อาคารสถานที่ในการใช้หลักสตู รแก่
นกั เรียน
33
ตารางที่ 1 (ตอ่ )
รายก X SD แปลผล
ารดา้ นการนาหลักสูตรสถานศึกษาไปใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน มากท่ีสดุ
1. โรงเรียนมีการประชาสัมพันธเ์ พื่อสรา้ งความรูค้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกับการใช้ 4.20 0.65
หลักสตู รสถานศกึ ษาแกผ่ ู้ปกครองและบคุ ลากรท่เี ก่ยี วขอ้ ง มากที่สดุ
5. โรงเรียนจดั กิจกรรมสง่ เสรมิ ความรู้ ความสามารถทางวชิ าการของ
4.25 0.61 มากท่ีสุด
นักเรียนอย่างเหมาะสม
6. โรงเรียนจดั กิจกรรมหลากหลาย เพื่อส่งเสริมคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 4.28 0.74 มากทีส่ ุด
ของนักเรียนอยา่ งเหมาะสม
7. โรงเรยี นจัดกิจกรรมหลากหลาย เพือ่ ส่งเสรมิ ทักษะ ความสามารถพิเศษ 4.24 0.66 มาก
ของนกั เรียนอย่างเหมาะสม มากทส่ี ุด
8. การจดั การเรียนการสอนสง่ เสรมิ ให้นักเรียนไดล้ งมือปฏิบตั ิจริง 4.20 0.65
มากทส่ี ุด
9. การจัดการเรียนการสอนส่งเสรมิ ให้นักเรยี นมีความสามารถ 4.20 0.65
ในการคดิ 4.25 0.61 มาก
10. โรงเรียนมีการนิเทศติดตาม และช่วยแกป้ ัญหาในการใช้หลักสตู ร
สถานศึกษา มากทส่ี ุด
เฉล่ยี 4.23 0.65 มาก
มาก
ดา้ นผลผลติ ของหลักสูตร 4.20 0.65 มาก
ส1ถ.านักศเึกรษียนามีคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ เรอื่ ง จงรักภักดตี ่อชาติ ศาสนา มาก
พระมหากษัตริย์และยดึ มัน่ ในประชาธิปไตย 4.25 0.61
2. นักเรียนมีความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 4.28 0.74 มาก
3. นักเรียนมีจติ สาธารณะ รกั และเอ้ืออาทรในเพือ่ นมนุษย์ 4.24 0.66 มาก
4. นกั เรยี นมคี วามซ่ือสัตย์สจุ รติ มาก
5. นักเรียนมีผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ 4.20 0.65 มากทส่ี ุด
มาก
ท่สี ะทอ้ นตามมาตรฐานการเรียนรู้ตัวชวี้ ดั ของหลกั สูตร 4.20 0.65 มาก
1. นักเรยี นใฝ่เรยี นรู้ 4.25 0.61 มาก
ขย7.ันนหกัมเ่นัรียเพนียมรีความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ 4.28 0.74
8. นกั เรียนมีระเบียบวินัย สภุ าพ อ่อนน้อม ถ่อมตน 4.24 0.66
9. นกั เรยี นมคี วามสามารถในการใช้ภาษาไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4.20 0.65
10. นกั เรยี นมคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา 4.20 0.65
11. นกั เรียนมีความสามารถในการคิด 4.25 0.61
12. นกั เรียนมีความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขียน
34
ตารางท่ี 9 (ต่อ)
รายก X SD แปลผล
ารดา้ นผลผลิตของหลักสตู ร
ส1ถ3า.นนศกั กึ เษรยีานมุง่ ม่นั ในการทางานรับผิดชอบ มีภาวะผู้นาและผูต้ าม 4.20 0.65 มาก
14. นกั เรียนมคี วามประหยดั อยู่อยา่ งพอเพียง 4.25 0.61 มาก
15. นักเรยี นมคี วามสามารถใช้ภาษาองั กฤษสือ่ สารในชวี ิตประจาวนั 4.28 0.74 ปานกลาง
4.23 0.66 มาก
เฉล่ยี 4.23 0.66 มาก
เฉลย่ี รวม
จากตารางที่ 9 พบว่า โดยภาพรวม คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการ
ติดตามผลการใช้หลักสูตรสถานศึกษา อยู่ในระดับ มาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่คณะกรรมการ
สถานศึกษาข้ันพื้นฐานเห็นด้วยมากท่ีสุด คือ ด้าน การสร้างและการพัฒนา หลักสูตรสถานศึกษา รองลงมาคือ
ด้าน การนาหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ในการจัดการเรียน การสอน และด้าน ผลผลิตของหลักสูตรสถานศึกษา
ตามลาดบั
35
บทท่ี 5
สรุปผล อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ
การประเมนิ หลักสูตรสถานศึกษา ของโรงเรียนละลมวิทยาสานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษา
ศรีสะเกษ ยโสธร ครง้ั นี้ ผปู้ ระเมนิ ไดน้ าเสนอสรุปผลการประเมิน ดงั น้ี
1. วตั ถุประสงคข์ องการประเมิน
2. วธิ ีดาเนนิ การ
3. สรุปผล
4. อภิปรายผล
5. ขอ้ เสนอแนะ
วตั ถปุ ระสงค์ของการประเมิน
เพอ่ื ประเมินหลักสตู รสถานศึกษาของโรงเรียนละลมวิทยา สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา
ศรสี ะเกษ ยโสธรในองคป์ ระกอบ 3 ด้าน ไดแ้ ก่
1. ดา้ นการสร้างและพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
2. ดา้ นการนาหลกั สตู รสถานศกึ ษาไปใช้
3. ดา้ นผลผลิตของหลกั สูตรสถานศกึ ษา
วิธีดาเนนิ การ
1. กลมุ่ เป้าหมาย
กลมุ่ เป้าหมายที่ใช้ในการประเมินครง้ั นี้ ประกอบด้วย
1) ผูอ้ านวยการโรงเรยี น จานวน1 คน
2) รองผูอ้ านวยการโรงเรยี น จานวน1 คน
3) ครผู ้สู อน จานวน23 คน
4) คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพนื้ ฐาน จานวน5 คน
5) ผู้ปกครองนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 จานวน20 คน และผู้ปกครองนักเรียน ช้ัน
มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 จานวน41 คน ใช้วธิ กี ารส่มุ แบบแบ่งชน้ั อยา่ งเปน็ สดั ส่วน
6) นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 จานวน21 คน และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จานวน
40 คน ใชว้ ธิ กี ารสมุ่ แบบแบง่ ชั้นอยา่ งเป็นสัดสว่ น
36
2. เครอื่ งมอื ทีใ่ ช้ในการประเมิน
แบบสอบถามเพอื่ การประเมินหลักสตู รสถานศกึ ษา จานวน4 ฉบบั ได้แก่
1) ฉบบั ที่ 1 แบบสอบถามเพ่ือการประเมินหลักสตู รสถานศึกษาสาหรบั ผู้บริหารและครูผสู้ อน
2) ฉบบั ท่ี 2 แบบสอบถามเพื่อการประเมินหลักสูตรสถานศึกษา สาหรบั นักเรยี น
3) ฉบับที่ 3 แบบสอบถามเพ่ือการประเมินหลักสตู รสถานศึกษา สาหรับผู้ปกครอง นกั เรยี น
4) ฉบบั ที่ 4 แบบสอบถามเพ่ือการประเมนิ หลักสูตรสถานศึกษา สาหรับคณะกรรมการ
สถานศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน
3. การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
1) ศึกษาแนวคดิ ทฤษฎี และงานวจิ ยั เกีย่ วกับการจดั ทาหลักสูตรสถานศึกษาและการประเมินหลักสตู ร
5) สรา้ งเคร่อื งมือท่ีใช้ในการประเมิน ได้แก่ แบบสอบถามเพ่ือการประเมินหลักสูตรจานวน 4ฉบับ
3) เก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลสอบถามความคิดเห็นเก่ียวกับกระบวนการสร้าง และ
พัฒนาหลกั สูตรกระบวนการนาหลักสตู รไปใช้ และผลผลติ ของหลักสูตร ดงั น้ี
3.1) โรงเรยี นแต่งตั้งคณะทางานประเมนิ หลักสูตรสถานศึกษา
3.2) เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู กาหนดการ ดังนี้
ธันวาคม 2563 ช้ีแจงรายละเอียดการประเมินหลักสูตรสถานศึกษามอบหมายงานและ
แจกแบบสอบถามแก่ กล่มุ เปา้ หมาย
มกราคม2564 เกบ็ รวบรวมข้อมูล
กมุ ภาพนั ธ์ 2564 วิเคราะห์ขอ้ มลู และเขียนรายงานการประเมนิ หลกั สตู รสถานศกึ ษา
4) สรปุ ผลการประเมินและนาเสนอรายงานผลการประเมิน
4. การวเิ คราะหข์ อ้ มูล
การวิเคราะห์ข้อมูลเพ่ือการหาค่าสถิติ ทาการวิเคราะห์โดยใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรมสาเร็จรูป
เพือ่ หาคา่ ความถี่ คา่ ร้อยละ คา่ เฉลีย่ และส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน เพ่ือใช้ในการวเิ คราะหข์ ้อมลู ดงั น้ี
ตอนท่ี 1 วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ นาเสนอในรูปแบบตารางประกอบความเรียง
ตอนท่ี 2 การวิเคราะห์การประเมินหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนละลมวิทยา สานักงานเขตพ้ืนที่
การศึกษามัธยมศกึ ษา ศรีสะเกษ ยโสธร ใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการสร้างและพัฒนาหลักสูตรด้านกระบวนการนา
หลกั สตู รไปใช้ และด้านผลผลิตของหลักสตู ร โดยการหาค่าเฉลย่ี และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน
37
สรุปผล
1. ดา้ นการสร้างและพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษา
ความคิดเหน็ ของผ้บู รหิ ารและครผู ูส้ อนตอ่ ด้านการสรา้ งและพฒั นาหลักสูตรสถานศึกษา พบว่า
ผู้บริหารและครูผู้สอนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการสร้างและพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาอยู่ในระดับ มาก เม่ือ
พิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านท่ีผู้บริหารและครูผู้สอนเห็นด้วยในระดับมากท่ีสุด 3 อันดับ คือ 1.การ
กาหนดสมรรถนะสาคัญ คุณลักษณะอันพึงประสงค์และการอ่าน คิด วิเคราะห์และการเขียน ครอบคลุมทุก
กลุ่มสาระฯ 2. มีการกาหนดเน้ือหาสาระและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนอย่างหลากหลาย และ 3. มีการออกแบบ
รายวิชาพ้ืนฐาน เพ่ือพัฒนานักเรียนตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดท่ีกาหนดไว้ใน หลักสูตรแกนกลาง
สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 อย่างครบถ้วน และด้านท่ีมีระดับความเห็น น้อยที่สุด ได้แก่ ความ
พร้อมของโรงเรยี นดา้ นส่ือ วัสดุ อุปกรณ์
ความคิดเห็นของนักเรียนต่อด้านการสร้างและพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา พบว่า นักเรียน มี
ความคิดเห็นเกี่ยวกับการสร้างและพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาอยู่ในระดับ มาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน
พบว่า ด้านท่ีนักเรียนเห็นด้วยในระดับมากที่สุด 3 อันดับ คือ 1.โรงเรียนมีความพร้อมในด้านอาคาร
สถานท่ีสภาพแวดล้อม 2.โรงเรียนมีความพร้อมด้านครูและบุคลากรที่มีคุณภาพ เหมาะสม เพียงพอ และ 3.
นักเรยี นได้รบั รู้เกย่ี วกับวสิ ยั ทัศน์ จดุ หมาย สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น และด้านที่นักเรียนเหน็ ดว้ ยใน ระดับ
นอ้ ยท่สี ดุ คือ ความพรอ้ มดา้ นสอื่ วัสดุ อปุ กรณ์และสอ่ื ICT
ความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียนต่อด้านการสร้างและพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา พบว่า
ผู้ปกครองนักเรียนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการสร้างและพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาอยู่ในระดับ มาก เมื่อ
พิจารณาเป็นรายด้าน พบวา่ ดา้ นทผี่ ปู้ กครองนักเรียนเห็นด้วยในระดับมากท่ีสุด 3 อันดับ คือ 1. โรงเรียน
มีความพร้อมด้านอาคาร สถานที่ สภาพแวดล้อม 2.หลักสูตรของโรงเรียนสามารถพัฒนานักเรียน เป็นคนดี มี
คุณธรรม จริยธรรมและลักษณะอันพึงประสงค์ และ 3.โรงเรียนมีความพร้อมด้านครูและ บุคลากรที่มี
คุณภาพ เหมาะสม เพียงพอ และด้านที่ผู้ปกครองนักเรียนเห็นด้วยในระดับน้อยท่ีสุด คือ ความพร้อมด้าน
ส่ือ วสั ดุ อุปกรณ์และส่ือ ICT และการมสี ่วนร่วมในการจัดทาหลกั สูตร การจดั การเรยี น การสอนของโรงเรยี น
ความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐานต่อด้านการสร้างและพัฒนาหลักสูตร
สถานศกึ ษา พบว่า คณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพ้นื ฐานมคี วามคดิ เห็นเกี่ยวกับการสรา้ งและพัฒนา หลักสูตร
สถานศึกษาอยู่ในระดับ มาก เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่ คณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน
เห็นด้วยในระดับมากที่สุด 3 อันดับ คือ 1.โรงเรียนมีความพร้อมในการพัฒนาหลักสูตรและ การจัดการ
เรียนการสอน 2.โรงเรียนจัดประชุมและได้ให้ความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการจัดทาหลักสูตร สถานศึกษา
และ 3.หลักสตู รของโรงเรียนสามารถพัฒนานักเรียนให้เป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรมและ คุณลักษณะอัน
พึงประสงค์ และด้านท่ีคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเห็นด้วยในระดับน้อยที่สุด คือ หลักสูตรของ
โรงเรียนสามารถพฒั นานกั เรยี นไดต้ ามความถนดั ความสนใจของนกั เรียนอย่างเหมาะสม
38
2. ดา้ นการนาหลกั สตู รสถานศึกษาไปใช้
ความคิดเห็นของผู้บริหารและครูผู้สอนต่อด้านการนาหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ผู้บริหารและ
ครูผูส้ อนมีความคิดเห็นเกยี่ วกบั การนาหลกั สูตรสถานศึกษาไปใช้ อยูใ่ นระดับ เม่อื พิจารณาเปน็ รายด้าน พบวา่
ดา้ นท่ีผ้บู ริหารและครผู ูส้ อนเหน็ ด้วยในระดบั มากทีส่ ุด 3 อนั ดบั พบว่าคือ 1. มีการจดั บรรยากาศท่ีเอื้อต่อการ
เรียนรูแ้ ละดแู ลช่วยเหลอื นกั เรียนใหเ้ กิดการเรียนรู้ 2.มีการจัด กิจกรรมโดยให้นักเรียนรู้จักแสวงหาความรู้
จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และ 3.มีการศึกษา วิเคราะห์ข้อมูล นักเรียนเป็นรายบุคคล และด้านท่ีผู้บริหารและ
ครูผู้สอนเห็นด้วยในระดับน้อยท่ีสุด คือ มีการจัดการ เรียนรู้ท่ีตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล และ
พฒั นาการทางสมองเพื่อนานักเรยี นไปสู่เป้าหมาย
ความคิดเห็นของนักเรียนต่อด้านการนาหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ พบว่า นักเรียนมีความ
คิดเห็นเกี่ยวกับการนาหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ อยู่ในระดับ มาก เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านท่ี
นักเรียนเห็นด้วยในระดับมากท่ีสุด 3 รายการ คือ 1.ครูจัดกิจกรรมหลากหลาย เพื่อส่งเสริมทักษะ
ความสามารถพิเศษของนักเรียนอย่างเหมาะสม 2.ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบก่อน จัดการ
เรียนการสอนในแต่ละรายวิชา และ 3.ครูจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ ความสามารถทางวิชาการของ นักเรียน
อย่างเหมาะสม และด้านทีน่ ักเรียนเห็นด้วยในระดับนอ้ ยที่สดุ คือ ครูจดั การเรียนการสอนส่งเสริม ให้นักเรียน
ไดล้ งมือปฏิบตั จิ ริงทั้งการปฏิบตั โิ ดยลาพงั หรอื เปน็ กลุ่ม.
ความคดิ เห็นของผ้ปู กครองนักเรียนต่อด้านการนาหลกั สูตรสถานศกึ ษาไปใช้ พบว่าผู้ปกครอง
นักเรียนมีความคิดเห็นเก่ียวกับการนาหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ อยู่ในระดับ มากเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน
พบว่า ด้านท่ีผู้ปกครองนักเรียนเห็นด้วยในระดับมากท่ีสุด 3 อันดับ คือ 1 โรงเรียนวางแผนการใช้หลักสูตร
อย่างเป็นระบบ 2.การจัดการเรียนการสอนส่งเสริมให้นักเรียนมี ความสามารถในการคิด และ 1.ครูมีความ
พร้อมในการใช้หลักสูตรสถานศึกษา เช่น จัดห้องเรียนสวยงาม สะอาด มีแผนการจัดการเรียนรู้ และด้านท่ี
ผู้ปกครองนกั เรยี นเหน็ ด้วยในระดบั นอ้ ยทส่ี ุด คอื โรงเรียนมี การประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจเก่ียวกับ
การใชห้ ลักสตู รสถานศึกษาแกผ่ ปู้ กครองและบุคลากรที่ เกี่ยวขอ้ ง
ความคิดเหน็ ของคณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พืน้ ฐานต่อดา้ นการนาหลกั สตู รสถานศกึ ษา ไปใช้
พบว่า คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานมีความคิดเห็นเก่ียวกับการนาหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ อยู่ใน
ระดับ มาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านท่ี คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐานเห็นด้วยใน ระดับ
มากที่สุด คือ โรงเรียนมีการนิเทศ ติดตามและช่วยแก้ปัญหาในการใช้หลักสูตรสถานศึกษา และ โรงเรียนมี
การประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับหลักสูตร จัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ ความสามารถ มีการจัดกิจกรรม หลากหลาย
เพ่ือสง่ เสริมทักษะและความสามารถของนกั เรียน เป็นอันดบั รองลงมาและด้านท่ี คณะกรรมการสถานศึกษา
ข้นั พน้ื ฐานเหน็ ด้วยในระดบั น้อยทส่ี ุด คือ การจดั การเรยี นการสอนท่ีส่งเสริมให้ นักเรียนได้ลงมอื ปฏิบตั ิจรงิ
39
3. ด้านผลผลติ ของหลักสตู รสถานศกึ ษา
ความคิดเห็นของผู้บริหารและครูผู้สอนต่อด้านผลผลิตของหลักสูตรสถานศึกษา พบว่า
ผู้บริหารและครูผู้สอนมีความคิดเห็นเก่ียวกับผลผลิตของหลักสูตรสถานศึกษา อยู่ในระดับ มาก เม่ือ
พิจารณาเปน็ รายดา้ น พบวา่ ด้านทผ่ี บู้ ริหารและครผู ู้สอนเหน็ ด้วยในระดับมากทีส่ ุด 3 อันดับ คือ1. นักเรียนมี
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เร่ือง ความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และยึดม่ันในระบอบ
ประชาธิปไตย 2.นักเรียนมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี และ 1.นักเรียนมีความซื่อสัตย์ สุจริต และด้านที่
ผูบ้ ริหารและครผู ้สู อนเหน็ ดว้ ยในระดับนอ้ ยทส่ี ดุ คือ นักเรียนมคี วามสามารถในการใช้ ภาษาอังกฤษส่ือสารใน
ชีวติ ประจาวนั
ความคิดเหน็ ของนกั เรียนต่อดา้ นผลผลติ ของหลกั สูตรสถานศึกษา พบวา่ นกั เรยี นมคี วาม
คิดเห็นเกี่ยวกับผลผลิตของหลักสูตรสถานศึกษา อยู่ในระดับ มาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านท่ี
นักเรยี นเหน็ ด้วยในระดบั มากท่สี ดุ 3 อันดับ คือ 1.นักเรียนมีความซื่อสัตย์ สุจริต 2.นักเรียนมีจิตสาธารณะ รัก
ละเอื้ออาทรในเพ่ือนมนุษย์ 3.นักเรียนคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เรื่อง จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ และยึดม่ันในระบบประชาธิปไตย และด้านท่ีนักเรียนเห็นด้วยในระดับ น้อยท่ีสุด คือ
นักเรียนสามารถใชภ้ าษาองั กฤษสอ่ื สารในชวี ิตประจาวนั ความคดิ เห็นของผู้ปกครองนกั เรยี นตอ่ ด้านผลผลติ ของ
หลักสูตรสถานศึกษา พบว่าผู้ปกครองนักเรียนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับผลผลิตของหลักสูตรสถานศึกษา อยู่ใน
ระดับ มาก เม่ือพิจารณา เป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่ผู้ปกครองนักเรียนเห็นด้วยในระดับมากที่สุด 1 อันดับ
คือ 1.นักเรียนใฝ่เรียนรู้ ขยันหม่ันเพียร 2.นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เร่ือง จงรักภักดีต่อชาติ
ศาสนา พระมหากษัตริย์ และยึดม่ันในระบอบประชาธิปไตย 3.นักเรียนมีความซ่ือสัตย์ สุจริต และด้านที่
ผ้ปู กครองนกั เรียนเห็นด้วย ในระดับ นอ้ ยทส่ี ุด คอื นักเรยี นสามารถใชภ้ าษาองั กฤษส่ือสารในชีวิตประจาวัน
ความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานต่อด้านผลผลิตของหลักสูตร
สถานศึกษา พบว่าคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานมีความคิดเห็นเกี่ยวกับผลผลิตของหลักสูตร
สถานศึกษา อยู่ในระดับ มาก เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านท่ี คณะกรรมการสถานศึกษาข้ัน
พื้นฐานเห็นด้วยในระดับมากที่สุด 1 อันดับ คือ 1.นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เรื่อง จงรักภักดีต่อ
ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และยึดม่ันในระบอบประชาธิปไตย 2.นักเรียนในภาษาไทยได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ และ นักเรียนสามารถใช้เทคโนโลยี มีจิตสาธารณะ มีความซื่อสัตย์ สุจริต ใฝ่เรียนรู้
ขยนั หม่ันเพยี ร เป็นอันดบั ท่ี 3 . และด้านท่ีคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเห็นด้วยในระดับ น้อย ท่ีสุด
คือ นักเรียนมีความสามารถในการใช้ภาอังกฤษส่อื สารในชวี ิตประจาวัน
40
อภิปรายผล
1. ดา้ นการสรา้ งและพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษา
จากบทสรุปผลพบว่าการสร้างและพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษามีการปฏิบัติอยู่ในระดับ มาก
โดยท่คี วามเหน็ ของทุกส่วนทเี่ กีย่ วข้องตรงกัน โดยเฉพาะดา้ นความพรอ้ มของอาคาร สถานทแี่ ละ สภาพแวดลอ้ ม
ความพร้อมของครูและบุคลากร ตลอดจนการพัฒนานักเรียนให้เป็นไปตามสมรรถนะ คุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ แสดงให้เป็นว่าหลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียนมีความเหมาะสมกับปัจจุบัน อย่างไรก็ตามเม่ือ
พิจารณาส่วนทมี่ กี ารปฏิบัติน้อย ได้แก่ ความพร้อมของสื่อ วัสดุ อุปกรณ์และส่ือ 1C1 ท่ี นักเรียนและผู้ปกครอง
เห็นตรงกนั วา่ ควรมกี ารพฒั นาต่อไป
2. ดา้ นการนาหลักสูตรสถานศกึ ษาไปใช้
จากบทสรปุ พบว่าโรงเรียนมีการนาหลกั สูตรสถานศึกษาไปใช้ใน ระดับ มาก โดยเฉพาะการจัด
กิจกรรมท่ีหลากหลาย มีบรรยากาศท่ีเอื้อต่อการเรียนรู้ มีการส่งเสริมความสามารถพิเศษเหมาะสม ครู
วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างบุคคลแล้ววางแผนการจัดการเรียนการสอน ท่ีให้นักเรียนได้ เรียนรู้จากแหล่ง
เรียนรอู้ ่นื ๆ ทัง้ นผ้ี ู้ปกครองและนักเรียนเห็นว่าการจัดการเรียนการสอนด้วยการให้ลงมือปฏิบัติจริงท้ังท่ีปฏิบัติ
ตามลาพังและเปน็ กล่มุ ยังมนี อ้ ยและควรสรา้ งความเขา้ ใจในการใช้หลักสูตรสถานศึกษาแก่ผูเ้ กย่ี วขอ้ งดว้ ย
3. ด้านผลผลิตของหลักสตู รสถานศกึ ษา
พบว่าผลผลิตของหลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียนสามารถปฏิบัติได้ในระดับ มาก โดยทั้ง
ผู้บริหาร ครู นักเรียนและผู้ปกครองเห็นว่าหลักสูตรสถานศึกษาได้สร้างผลผลิตให้เป็นคนซ่ือสัตย์ สุจริต มี
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เรื่องจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และยึดมั่นในระบอบ
ประชาธิปไตย รวมทั้งยังส่ังสอนและผลิตนักเรียนให้เป็นบุคคลที่ใฝ่เรียนรู้ ขยันหม่ันเพียร อย่างไรก็ตามทั้ง 4
กลุ่มเห็นผลผลผลิตท่ียังเป็นจุดท่ีควรพัฒนาได้แก่ ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในการส่ือสารใน
ชวี ติ ประจาวัน
เมอื่ พจิ ารณาประเด็นท้ัง 3 ด้าน ของหลักสตู รสถานศกึ ษาผู้บริหารครูและบุคลากรเห็นว่าด้าน
ท่ี ควรได้รับการพัฒนาคือด้านผลผลิตของหลักสูตรสถานศึกษา ส่วนนักเรียนและผู้ปกครอง เห็นว่าด้านที่ควร
ไดพ้ ฒั นา ไดแ้ ก่ การสรา้ งและการพฒั นาหลักสตู รสถานศกึ ษา สว่ นคณะกรรมการการศึกษาของโรงเรียน
เห็นวา่ ด้านผลผลติ ของหลักสตู ร ควรไดร้ บั การพฒั นา
ข้อเสนอแนะ
จากการสรปุ และอภปิ รายการประเมินหลักสตู รสถานศึกษาของโรงเรียนละลมวทิ ยา พบ จดุ เด่นและจุด
ทีค่ วรพฒั นา ดงั น้ี
1.จุดเดน่
1.1.ดา้ นการสร้างและการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา มีจดุ เดน่ ดังนี้
41
1. สถานศึกษามีการกาหนดสมรรถนะ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การอ่าน การคิดวิเคราะห์
และการเขยี นครอบคลุมทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
2. สถานศึกษามคี วามพรอ้ มด้านการพัฒนาหลกั สตู รและการเรยี นการสอน
1.2.ด้านการนาหลกั สตู รสถานศึกษาไปใช้ มจี ุดเดน่ ดังนี้
1.มกี ารจัดบรรยากาศที่เออ้ื ต่อการเรียนรู้และดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี นใหเ้ กิดการเรียนรู้
2.ครูจัดกิจกรรมหลากหลาย เพื่อสง่ เสรมิ ทกั ษะความสามารถของนกั เรียนอยา่ งเหมาะสม
3.สถานศึกษาวางแผนการพัฒนาหลักสตู รอย่างเปน็ ระบบ
4.สถานศึกษามีการนิเทศ ตดิ ตามและช่วยแก้ปญั หาในการใช้หลกั สูตร
1.3.ดา้ นผลผลิตของหลกั สตู รสถานศกึ ษา มีจดุ เด่น ดังนี้
1.นกั เรยี นมคี ณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ เรอื่ ง จงรกั ภกั ดตี อ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และ
ยึดมน่ั ในระบอบประชาธปิ ไตย
2.นกั เรยี นมคี วามซื่อสตั ย์ สุจรติ ใฝ่เรียนรู้ ขยันหม่นั เพียร
3.นักเรยี นมจี ิตสาธารณะ รัก และเอ้อื อาทรต่อเพอื่ มนษุ ย์
2.จดุ ท่คี วรพัฒนา
1.1.ด้านการสร้างและการพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษา มีจุดทีค่ วรพัฒนา ดังน้ี
1.ความพร้อมของสถานศกึ ษาด้านสอ่ื วสั ดุ อุปกรณ์ และสือ่ ICT
2.การมีส่วนรว่ มในการทาหลักสูตรและการเรียนการสอน
3.การพฒั นาหลักสตู รสถานศึกษาใหต้ รงตามความถนัด ความสนใจ
2.2.ด้านการนาหลกั สูตรสถานศึกษาไปใช้ มีจุดที่ควรพฒั นา ดังน้ี
1.การจัดการเรยี นรูท้ ีต่ อบสนองความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลและพัฒนาการทางสมองเพ่ือนา
นกั เรยี นไปสู่เป้าหมาย
2.การจดั การเรยี นการสอนทเ่ี น้นการปฏิบัติจรงิ ท้ังบุคคลและเปน็ กลมุ่
3.การประชาสัมพันธ์การใชห้ ลักสตู รแกผ่ ปู้ กครองให้มีความเข้าใจ
1.1.ด้านผลผลิตของหลักสตู รสถานศกึ ษา มีจุดท่ีควรพัฒนา ดงั นี้
1.ความสามารถในการใชภ้ าษาอังกฤษส่ือสารในชีวติ ประจาวนั
2.ความสามารถในการคิด
3.ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นในกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ท่สี ะท้อนตามมาตรฐาน การเรยี นรู้และ
ตัวชวี้ ดั ของหลักสูตร
3.ข้อเสนอแนะในการศึกษาและวจิ ัยต่อไป
จากผลการประเมนิ หลกั สตู รสถานศึกษาของโรงเรยี นละลมวิทยาคร้ังนี้ เหน็ ว่า สถานศึกษา
ควรมีการปรบั ปรุงและพัฒนาหลกั สูตรของสถานศกึ ษา ตามขอ้ มูลท่ีปรากฏ และมีการประเมิน หลกั สูตรอีกครั้ง
หนง่ึ หลังจากใชไ้ ประยะหนึ่งแล้ว.
42
บรรณานุกรม
กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2551). หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551.
กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จากดั .
กมั พล ธิตกิ ร. (1542). การพัฒนาการใชแ้ ละการประเมินหลกั สูตร. วารสารการวัดผลการศกึ ษา
(พฤษภาคม-สงิ หาคม2542)
ทิศนา แขมมณ.ี (2545). หลกั การศกึ ษา. กรุงเทพมหานคร : ไทยวัฒนาพานิช.
นิรมล ศตวุฒิ. (2545). การประเมินหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นสิรนิ ธราชวทิ ยาลยั
จงั หวัดนครปฐม. วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญาศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาหลกั สตู รและการสอน
มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร.
วิชัย วงษ์ใหญ.่ (2540). กระบวนการพฒั นาหลักสรู และการสอน ภาคปฏบิ ัต.ิ กรงุ เทพมหานคร :
สุวีรยิ าสาร์น.
ศกั ดิศ์ รี ปาณะกุล. (2119). พื้นฐานและหลักการพัฒนาหลักสูตร. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 1, กรุงเทพมหานคร :
ภาควิชาบรหิ ารการศกึ ษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
โสภา ชมช่ืน. (2546). การประเมนิ หลักสูตรหมวดวิชาการศกึ ษาทัว่ ไป สถาบนั ราชภฎั ในภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ. สาขาพัฒนาหลักสูตรและการเรยี นการสอน สถาบันราชภฎั
อุบลราชธาน.ี
สาราญ มีแจ้ง. (2543). วธิ ีวิทยาการประเมินทางกรศกึ ษา. กรเุ ทพมหานคร : สานกั พิมพ์แหง่
จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย.
สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา. (2150). การประเมนิ โครงการทางการศึกษา. กรงุ เทพมหานคร
: ว.ี ท.ี ซ.ี คอมมิวนเิ คชัน่ .
สานักนายกรฐั มนตร.ี (2552). แนวคดิ พนื้ ฐานการสรา้ งและการพัฒนาหลักสตู ร. กรุงเทพมหานคร :
โรงพิมพจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั .
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน. (2513). การประเมนิ โครงการทางการศึกษา.
กรุงเทพมหานคร : สานกพมิ พ์วัฒนาพานชิ ย
43
ภาคผนวก
44
การประชมุ เชิงปฏบิ ัติการเพ่ือพัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษา
45
46
47