โครงงานศิลปินกระดาษม้วน
โรงเรียนละลมวทิ ยา อาเภอภสู งิ ห์ จังหวดั ศรสี ะเกษ
สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต ๒๘
โครงงานศลิ ปนิ กระดาษม้วน โรงเรยี นละลมวิทยา อาเภอภสู งิ ห์ จังหวดั ศรีสะเกษ
สานักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 28
การดาเนนิ โครงงาน
ของ
นางสาวปนดั ดา อยู่นาค
นางสาวพชั ญา แก้วปรัง
นางสาวศศธิ ร สายทอง
เสนอตอ่ โรงเรียนละลมวทิ ยา เพื่อเป็นส่วนหน่งึ ของการศกึ ษา
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐานพทุ ธศกั ราช 2551
สิงหาคม 2562 ผลงานของโรงเรียนละลมวิทยา
โรงเรียนละลมวทิ ยา ตาบลละลม อาเภอภูสิงห์ จงั หวัดศรีสะเกษ ได้พจิ ารณาการศึกษาการ
ดาเนนิ โครงงาน ของ นางสาวปนดั ดา อยนู่ าค นางสาวพัชญา แก้วปรัง และ นางสาวศศิธร สายทอง แลว้
เห็นวา่ เป็นโครงงานทีดมี ีคุณค่าทางวชิ าการย่ิง
คณะกรรมการพิจารณาการดาเนนิ โครงงาน
.................................................................. กรรมการ
(นางชลลดั ดา มากนวล) (ครทู ป่ี รกึ ษาโครงงาน)
.................................................................. กรรมการ
(นายเฉลมิ ชยั ศรีชยั ) (หัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพฯ)
.................................................................. ประธานกรรมการ
(นางอัมพร แพงมา) (หัวหน้าฝา่ ยบรหิ ารงานวิชาการ)
โรงเรียนอนมุ ตั ใิ ห้รบั การศกึ ษาโครงงานฉบบั น้ีใหเ้ ปน็ ส่วนหนง่ึ ของโรงเรยี นละลมวทิ ยา
.....................................................................
(นายธีวราช ออ่ นหวาน)
ผู้อานวยการโรงเรยี นละลมวิทยา
วนั ที่ ....15.... เดือน ...สงิ หาคม.... พ.ศ. 2562
ประกาศคุณูปการ
การดาเนินโครงงานคร้ังนี้เสร็จสมบูรณ์ได้ด้วยความกรุณาและความช่วยเหลืออย่างสูงย่ิงจาก ครู
เฉลิมชัย ศรีชัย ครูชลลัดดา มากนวล ที่ปรึกษาโครงงาน ครูอัมพร แพงมา หัวหน้าฝ่ายบริหารงานวิชาการ
และ นายธีวราช อ่อนหวาน ผู้อานวยการโรงเรียนละลมวิทยา ที่กรุณาให้คาแนะนาแก้ไขข้อบกพร่องผู้ศึกษา
ขอขอบพระคุณไวเ้ ป็นอยา่ งสูง ณ ทนี่ ี้
ขอขอบพระคุณคณะครูบุคลากรโรงเรียนละลมวิทยาทุกท่านที่ได้ให้ความกรุณาอบรมสั่งสอนให้
คาแนะนาในการศึกษาคน้ ควา้ อสิ ระจนประสบผลสาเร็จด้วยดี
ขอขอบพระคุณบิดา มารดา ญาติพี่น้อง ที่เป็นกาลังใจสนับสนุนและช่วยเหลือด้วยดีเร่ือยมาจนการ
ดาเนินการโครงงานลุล่วงด้วยดี คุณค่าและประโยชน์อันพึงมีในการศึกษาครั้งน้ีขออุทิศเพ่ือบูชาพระคุณบิดา
มารดา บูรพาจารย์และผู้มีพระคุณ ที่ให้การศึกษาอบรมสั่งสอนให้สติปัญญา และคุณธรรมทั้งหลาย อันเป็น
เครือ่ งชี้นาทาง ส่องสว่างไปสู่ความสาเร็จในชวี ิต
ปนัดดา อยู่นาค
พชั ญา แก้วปรงั
ศศธิ ร สายทอง
ชื่อโครงงาน ศิลปนิ กระดาษมว้ น
ผูศ้ ึกษา นางสาวปนดั ดา อยนู่ าค, นางสาวพัชญา แกว้ ปรงั และ นางสาวศศิธร สายทอง
ครทู ่ีปรึกษา นายเฉลมิ ชยั ศรชี ัย และ นางชลลดั ดา มากนวล
สถานท่ี โรงเรียนละลมวิทยา ตาบลละลม อาเภอภูสงิ ห์ จงั หวดั ศรสี ะเกษ
ปกี ารศึกษา 2562
บทคัดย่อ
ศิลปะการม้วนหรือการขดกระดาษมีมานานหลายศตวรรษต้ังแต่ครั้งเหล่านักบวชม้วนกระดาษทอง
ในยุคเรเนสซองสไ์ ปจนถงึ ศตวรรษท่ี 19 ทุกวนั น้ศี ลิ ปะการมว้ นกระดาษยงั เป็นทน่ี ิยมเสมอมา จากความเป็นมา
ดังกล่าวคณะผู้จัดทาโครงงาน จึงมีความสนใจท่ีจะพัฒนากระบวนการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์โดยนาศิลปะ
การมว้ นกระดาษ มาประดิษฐเ์ ปน็ ชิน้ งานต่างๆเพราะศิลปะการม้วนกระดาษ (Paper การม้วนกระดาษ
หรือ Paper Filigree) เป็นการนาเอาเส้นกระดาษ มาม้วน บีบจัดรูปทรง แล้วนามาประกอบรวมกันให้ได้
ผลงานตามต้องการ เป็นงานศิลปะประเภทประติมากรรมที่ไม่ยากและไม่ง่าย อุปกรณ์ก็เป็นของหาได้ในบ้าน
ไมค่ อ่ ยสิ้นเปลือง ดว้ ยอุปกรณง์ ่าย ๆ ราคาไม่แพงเพียงไม่กี่อย่าง ก็สามารถนามาสร้างสรรค์งานศิลปะการม้วน
กระดาษที่สวยงามไดอ้ ยา่ งไม่รูจ้ บ ซ่ึงสอดคล้องกับความสนใจของนักเรียน ด้วยเหตุดังกล่าวนี้สมาชิกในกลุ่มจึง
จัดทาโครงงานน้ี โดยมีวัตถุประสงค์คือ 1.เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการมีรายได้ระหว่างเรียนของนักเรียน 2.
เพ่ือฝึกการทางานเป็นกลุ่มและมีความรับผิดชอบตามความถนัดของแต่ละคน 3.เพ่ือพัฒนาทักษะการทางาน
และสร้างคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 4.เพื่อพัฒนาการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์และใช้
จินตนาการอย่างเหมาะสมของนักเรียน และ 5.เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และดาเนินชีวิตตามหลัก
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยผู้ศึกษาได้ดาเนินการเก็บข้อมูลโดยยึดวัตถุประสงค์ของกิจกรรมภายใต้การ
แนะนาและควบคุมของครูที่ปรึกษาแล้วดาเนินการเก็บข้อมูลตามลาดับข้ันตอน ดังนี้ 1. ผู้ดาเนินกิจกรรมนา
แบบสอบถามไปสอบถามกลุม่ ตัวอย่างจานวน 100 ชุด 2. ผู้ดาเนินกิจกรรมนาแบบสัมภาษณ์ไปสัมภาษณ์ด้วย
ตัวเองกับผู้เกย่ี วข้องในการดาเนินกิจกรรมแลว้ สรปุ ผลการศกึ ษา
ผลการศึกษาพบว่าการส่งเสริมสนับสนุนการมีรายได้ระหว่างเรียนของนักเรียนในด้านการมีรายได้
ระหว่างเรียนมากที่สุด รองลงมานักเรียนมีความพึงพอใจในการประกอบอาชีพ การทางานอย่างมีแบบแผน
การทางานเป็นกลุ่มและการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบตามความถนัดของแต่ละคน นักเรียนมีการแบ่งงานและ
ภาระหน้าท่ีมากท่ีสุด รองลงมานักเรียนสามารถทางานเป็นกลุ่มและมีความสามัคคี การฝึกและพัฒนาทักษะ
การทางานและสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ความพึงพอใจในการดาเนินกิจกรรมมีมากท่ีสุดท่ีรองลงมา
นักเรยี นไดร้ ับการฝึกประสบการณท์ างาน การพฒั นาการคิดวิเคราะห์ สงั เคราะห์ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และ
ใช้จินตนาการอย่างเหมาะสมของนักเรียนในด้านการมีพัฒนาการด้านคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์มากท่ีสุด
รองลงมานักเรียนมีความริเริ่มสร้างสรรค์ในการทางานและพบว่าการฝึกการดาเนินชีวิตตามแนวทางปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพยี งมีความสอดคลอ้ งกับการดาเนินกิจกรรมทุกหว่ งทุกเงอ่ื นไขและทุกมิติ
สารบัญ
หนา้
บทที่ 1 บทนา............................................................................................................................. ............ 1
บทที่ 2 เอกสารที่เกยี่ วข้อง..................................................................................................................... 5
บทท่ี 3 ผลการศึกษา............................................................................................................................. . 13
บทที่ 4 วิธีการศึกษา............................................................................................................................... 22
บทที่ 5 สรุปผล ประโยชน์ และข้อเสนอแนะการศกึ ษา.......................................................................... 27
เอกสารอา้ งอิง............................................................................................................................. ............ 29
ภาคผนวก............................................................................................................................. .................. 30
ประวตั ิผศู้ กึ ษา........................................................................................................................................ 37
1
บทท่ี1
บทนา
ความเปน็ มา
การม๎วนกระดาษ มีมาตั้งแตํสมัยเรเนสซองส์ บ๎างก็วําอาจมีมากํอนแถบอิยิปต์ ซ่ึงนักบวชชาว
ฝรั่งเศสและอิตาลีเขาจะใช๎ตกแตํงปกหนังสือหรือพวกคัมภีร์ตํางๆหรือตกแตํงทาส่ิงท่ีเกี่ยวกับศาสนา
กระดาษที่ใช๎ก็เอาสํวนขอบหนังสือท่ีบางเลํมก็เป็นสีทอง จากนั้นศาสตร์น้ีก็เริ่มหายไปจนตํอมาใน
ศตวรรษท่ี 18 การม๎วนกระดาษ ก็กลับมาได๎รับความนิยมในหมํูแมํบ๎านชาวยุโรป แล๎วก็มานิยมมากขึ้น
ในอเมริกา โดยทาจริงจังตั้งเป็นกลุํมเป็นชมรม มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู๎และเชื่อกันวํา การม๎วนกระดาษ
นําจะมีมานานแล๎วนะ แตํหลักฐานท่ีมีก็ย๎อนไปได๎แคํประมาน 500 ปีถือวํา การม๎วนกระดาษ เป็นงาน
ของคนช้ันสูงเพราะการนากระดาษมาทาได๎ก็เอาจากหนังสือพวกน้ีเทํานั้น เพราะในสมัยกํอนกระดาษ
มันแพง ทาให๎งานน้ีจากัดอยูํแตํเฉพาะคนกลํุมเล็กๆ จนบางครั้งก็ทาให๎บางคนมองวําไมํให๎เกียรติท่ีเอา
สวํ นขอบของคมั ภรี ไ์ บเบิลมาทา พอกระดาษราคาถกู ลง การมว๎ นกระดาษ กเ็ ลยได๎เกิดและเผยแพรํไปท่ัว
โลกตอนน้ี มว๎ นกระดาษเป็นรูปแบบของศิลปะหรืองานฝีมือท่ีเกิดจากการสร๎างการออกแบบตกแตํงโดย
ใช๎แผํนบางกระดาษม๎วนงอ งานฝีมือม๎วนโบราณนี้ได๎ปรากฏมาตั้งแตํครั้งยุคฟ้ืนฟูศิลปะวิทยาการและ
วันที่กลับไปประมาณ 3 ศตวรรษเกํา มันเป็นชํวงเวลาที่แมํชีทั้งหมดท่ีใช๎ขอบขนาดเล็กตัดจากหน๎าพระ
คมั ภรี ์ จากน้ันช้นิ สํวนเหลาํ น้ันถูกนามาใชใ๎ นการสรา๎ งรปู แบบทเี่ รยี บงําย แตํสวยงามของศิลปะ งานฝีมือ
น้เี ป็นทรี่ ู๎จกั ในฐานะ "ม๎วน" เน่อื งจากวิธกี ารท้ิงกระดาษที่ถกู หํอรอบปากกาหาํ นทจี่ ะสรา๎ ง "รปู ทรงม๎วน"
หลักสูตรสถานศึกษาได๎พัฒนาให๎นักเรียนเกิดความสนุกและเพลิดเพลินในการเรียนร๎ู
เปรียบเสมือนเป็นวิธีสร๎างกาลังใจและเร๎าใจเกิดความก๎าวหน๎าแกํผ๎ูเรียนให๎ได๎มากท่ีสุด มีความร๎ูสูงสุด
สาหรับผ๎ูเรียน และพัฒนาความมั่นใจให๎เรียนและทางานอยํางเป็นอิสระและรํวมใจกัน ควรให๎ผ๎ูเรียนมี
ทักษะการเรียนรู๎สาคัญๆ และมีกระบวนการคิดอยํางมีเหตุผล เพ่ือให๎ผ๎ูเรียนเกิดการเรียนร๎ูและมีความ
รอบรู๎ ตามจดุ มุํงหมายของหลกั สูตรสถานศึกษา และหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน ซ่ึงถือเป็นมาตรฐาน
การเรียนร๎ู มุํงเน๎นความสาคัญทั้งด๎าน ความร๎ู ความคิด ความสามารถ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู๎
และ ความรับผิดชอบตํอสังคม มีกระบวนการและวิธีการท่ีหลากหลาย ทางด๎านรํางกาย สติปัญญา
วิธีการเรียนร๎ู ความสนใจ และความสามารถของนักเรียนอยํางตํอเนื่อง ควรใช๎รูปแบบวิธีการท่ี
หลากหลาย เน๎นการจัดการเรียนการสอนตามสภาพจริง การเรียนรู๎ด๎วยตนเอง การเรียนรู๎รํวมกันและ
การเรียนรู๎ จากการปฏิบัติจริง นักเรียนสามารถเรียนรู๎ได๎ทุกเวลาและเรียนรู๎ได๎จากส่ือการเรียนร๎ู
จาก แหลงํ เรยี นรู๎ทุกประเภท ทม่ี อี ยูํในท๎องถิน่ ชมุ ชนและแหลํงอ่ืน ๆ เน๎นส่ือที่นักเรียนและครู ใช๎ศึกษา
ค๎นคว๎าหาความรู๎ด๎วยตนเอง (กระทรวงศึกษาธิการ กรมวิชาการ, 2544 ข : 21–23 ) จะเห็นได๎วําการ
เรียนรโู๎ ดยการลงมอื ปฏบิ ตั ิและการใชค๎ วามคดิ สร๎างสรรค์มคี วามสาคัญมากในการจัดการเรียนรู๎ เป็นการ
2
เรียนร๎ูที่ยั่งยืน ที่นักเรียนสามารถนาความรู๎มาฝึกปฏิบัติและใช๎ในชีวิตประจาวันได๎อยํางตํอเนื่องและ
หลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2544 ได๎กาหนดให๎กลุํมสาระการเรียนร๎ูการงานอาชีพและ
เทคโนโลยี เป็นกลุมํ สาระ การเรียนร๎ู ท่ีเสริมสร๎างความเป็นมนุษย์ และศักยภาพพื้นฐานในการคิด และ
ทางาน (กรมวิชาการ, 2545 : 8)
กลํุมสาระการเรียนร๎ูการงานอาชีพและเทคโนโลยีเป็นกลุํมสาระการเรียนรู๎ ท่ีชํวยพัฒนาให๎
ผ๎ูเรียน มีความร๎ู ความเข๎าใจ มีทักษะพ้ืนฐานที่จาเป็นตํอการดารงชีวิต และรู๎เทําทันการเปล่ียนแปลง
สามารถนาความรเ๎ู กย่ี วกับการดารงชวี ิต การอาชพี และเทคโนโลยี มาใช๎ประโยชน์ในการทางานอยํางมี
ความคิดสร๎างสรรค์ และแขํงขันในสังคมไทยและสากล เห็นแนวทางในการประกอบอาชีพ รักการ
ทางาน และมเี จตคติทดี่ ีตํอการทางาน สามารถดารงชีวิตอยูใํ นสังคมไดอ๎ ยาํ งพอเพียง และมคี วามสขุ
ทัศนศิลป์ (Visual Arts) เป็นคาทีน่ ามาใชใ๎ นวงการศิลปะ หมายถงึ ผลงานด๎านศิลปะ ท่ีมนุษย์
สร๎างขึ้นเพื่อมุํงแสดความงามและความพึงพอใจให๎ประจักษ์แกํคนทั่วไป มากกวํามุํงตอบสนองทางด๎าน
ประโยชนใ์ ช๎สอยทางรํางกาย และการรับร๎ู ทัศนศลิ ปป์ ระกอบดว๎ ยศลิ ปะ 4 ประเภทคอื จติ รกรรม
ประติมากรรม สถาปัตยกรรม และภาพพิมพ์ (มานพ ถนอมศรี, 2546 : 35) ความรู๎สึกทางด๎านความ
งาม นบั วาํ เป็นธรรมชาติทเ่ี กดิ มากบั มนษุ ยท์ ุกคน จะมีความแตกตํางในระดับมากน๎อยของการแสดงออก
ดังนน้ั จึงถอื ได๎วําศิลปะกาเนิดมาพร๎อมกับมนุษย์ ชีวิตประจาวันของเรามีความสัมพันธ์ใกล๎ชิดกับศิลปะ
แขนงตําง ๆ ศิลปะเป็นอาหารใจ ทาให๎เกิดความชุํมช่ืนร่ืนรมย์แกํชีวิต ฉะน้ันผ๎ูท่ีปรารถนาอาหารใจ
จาต๎องศึกษาหาความร๎ูใน “รสของศิลปะ” หรือ “สุนทรียรส” ซ่ึงกํอให๎เกิดความรู๎สึกในความงามของ
ศิลปะ (ศิลปวิจารณ์, 2548 : 1) ทาให๎มีความจาเป็นต๎องสํงเสริมสนับสนุนให๎มีการเรียนร๎ูด๎านศิลปะการ
ทางานและอาชีพอยาํ งกวา๎ งขวาง และตอํ เน่ือง
ศิลปะการม๎วนหรือการขดกระดาษมีมานานหลายศตวรรษ ต้ังแตํคร้ังเหลํานักบวชม๎วน
กระดาษทองในยุคเรเนสซองส์ไปจนถึงศตวรรษที่ 19 ซ่ึงบรรดาหญิงสาวเรียนร๎ูศิลปะชนิดนี้ ทุกวันน้ี
ศลิ ปะการม๎วนกระดาษก็ยงั คงเป็นที่นิยมอยํางทเ่ี ปน็ มาเสมอ ส่งิ ทค่ี ณุ ต๎องการ มีเพียงแคํอุปกรณ์เหมาะๆ
ความอดทนเล็กน๎อย และความคิดสร๎างสรรค์อีกนิดหนํอย จากความเป็นมาดังกลําวคณะผ๎ูจัดทา
โครงงาน จึงมคี วามสนใจทีจ่ ะพัฒนากระบวนการสร๎างสรรคง์ านทัศนศิลป์โดยนาศิลปะการม๎วนกระดาษ
มาประดิษฐ์เป็นชิ้นงานตํางๆเพราะศิลปะการม๎วนกระดาษ (Paper การม๎วนกระดาษ หรือ Paper
Filigree) เปน็ การนาเอาเสน๎ กระดาษ มาม๎วน บีบจัดรูปทรง แล๎วนามาประกอบรวมกันให๎ได๎ผลงานตาม
ต๎องการ เป็นงานศิลปะประเภทประติมากรรมท่ีไมํยากและไมํงําย ต๎องการความใจเย็นและเบามือ
อุปกรณ์ก็เป็นของหาได๎ในบ๎าน ไมํคํอยสิ้นเปลือง ด๎วยอุปกรณ์งําย ๆ ราคาไมํแพงเพียงไมํกี่อยําง ก็
สามารถนามาสร๎างสรรค์งานศิลปะการม๎วนกระดาษท่ีสวยงามได๎อยํางไมํรู๎จบเพ่ือพัฒนา ซึ่งสอดคล๎อง
กบั ความสนใจของนักเรยี น
3
วัตถุประสงค์
1. เพ่ือสงํ เสริมและสนับสนนุ การมีรายได๎ระหวํางเรียนของนักเรียน
2. เพ่ือฝึกการทางานเปน็ กลมุํ และมคี วามรบั ผิดชอบตามความถนดั ของแตลํ ะคน
3. เพื่อพฒั นาทกั ษะการทางานและสร้างคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
4. เพื่อพัฒนาการคดิ วิเคราะห์ สังเคราะห์ ความคดิ ริเรมิ่ สร๎างสรรค์และใชจ๎ ินตนาการอยําง
เหมาะสมของนักเรยี น
5. เพ่อื ใช๎เวลาวํางใหเ๎ กิดประโยชนแ์ ละดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ขอบเขตของการศกึ ษา
1. ระยะเวลาในการศึกษา
วนั ที่ 1 มถิ นุ ายน 2560 –31 สิงหาคม 2562
2. สถานทใี่ นการศกึ ษา
โรงเรียนละลมวิทยา ตาบลละลม อาเภอภสู ิงห์ จงั หวัดศรีสะเกษ
ตัวแปรที่ศกึ ษา
ตัวแปรตน๎ ได๎แกํ งานศิลปะการม๎วนกระดาษ
ตวั แปรตาม ไดแ๎ กํ ผลจากการดาเนนิ โครงงาน
ประโยชนแ์ ละความสาคัญ
1. เกดิ การสํงเสรมิ และสนับสนนุ การมรี ายไดร๎ ะหวาํ งเรียนของนกั เรยี น
2. นักเรียนได๎ฝึกการทางานเปน็ กลุํมและมคี วามรบั ผดิ ชอบตามความถนัดของแตํละคน
3. นักเรยี นได๎รับการพฒั นาทกั ษะการทางานและสร้างคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
4. นักเรยี นมีพัฒนาการด๎านคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ความคดิ รเิ ริม่ สร๎างสรรค์และใช๎
จนิ ตนาการอยํางเหมาะสม
5. นกั เรยี นได๎ใชเ๎ วลาวํางใหเ๎ กดิ ประโยชน์และดาเนินชีวิตตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง
4
นยิ ามศัพทเ์ ฉพาะ
ศลิ ปนิ กระดาษม๎วน หมายถึง กลํุมนักเรียนทีม่ ีใจรักในงานศลิ ปะการม๎วนกระดาษ และมี
ความคดิ รเิ รม่ิ สร๎างสรรค์ในการนารูปแบบวธิ กี ารม๎วนกระดาษมาประดิษฐช์ น้ิ งานตํางๆ
5
บทที่2
เอกสารทเ่ี กยี่ วข้อง
การจัดทาโครงงานอาชีพ โครงงานศิลปินกระดาษม๎วน โรงเรียนละลมวิทยา อาเภอภูสิงห์
จังหวัดศรีสะเกษ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 28 คณะผ๎ูจัดทาได๎ศึกษาและค๎นคว๎า
ความรู๎ตํางๆเกยี่ วกบั ศลิ ปะกระดาษม๎วน (Quilling Paper) โดยศึกษาดงั น้ี
ศิลปะงานประดษิ ฐ์
ความหมาย
ศิลปะประดิษฐ์ มาจากคาวาํ ศิลปะ + ประดษิ ฐ์ ตามพจนานุกรมฉบับราชยบณั ฑติ ยสถาน
พ.ศ. 2542 ได๎ให๎ความหมาย คาวํา ศิลปะ ศิลป์ ศิลปะ (อํานวํา สินละปะ,สิน,สินละปะ) วําหมายถึง
ฝีมือฝีมือทางการชําง การทาให๎วิจิตรพิสดาร สํวนคาวํา ประดิษฐ์ หมายถึง ตั้งขึ้น จัดขึ้น คิดทาขึ้น
สร๎างขึ้น แตํงข้ึน ท่ีจัดทาข้ึนให๎เหมือนของจริง จึงสรุปได๎วํา ศิลปะประดิษฐ์ คือ ผลงานที่มนุษย์
สร๎างสรรค์ขึ้นมาด๎วยฝีมือประณีต งดงามละเอียดอํอน ท่ีเกิดจากการใช๎ความคิดสร๎างสรรค์ของมนุษย์
สร๎างหรือประดิษฐ์ขึ้นตาม วัตถุประสงค์ที่หลากหลาย หรือเพื่อความสวยงาม หรือประดับตกแตํงหรือ
เพอ่ื ประโยชนใ์ ช๎สอย
ประโยชน์ของ งานประดิษฐ์
1. เป็นการใช๎เวลาวํางใหเ๎ กิดประโยชน์
2. มคี วามภมู ิใจในผลงานของตน
3. มีรายไดจ๎ ากผลงาน
4. มคี วามคิดริเร่มิ สร๎างสรรค์ผลงานใหมํๆ
5. เป็นการฝกึ ให๎รู๎จกั สงั เกตส่ิงรอบๆ ตวั และนามาใช๎ให๎เกดิ ประโยชน์
ลักษณะของงานประดิษฐ์
ศลิ ปประดิษฐ์ เป็นผลงานท่ีมนุษยค์ ิดสรา๎ งสรรค์ข้ึนมาด๎วยฝีมือ มีคุณคําทางความงามใช๎
ความพยายามในการพากเพียรมากวําการผลิตด๎วยเครื่องจักร จึงเป็นที่นิยมของชาวตะวันตกเป็นอยําง
มาก เพราะถอื วําเป็นผลงานที่เกิดจากฝีมือมนุษย์โดยตรง มีความประณีตละเอียดอํอนถึงแม๎จะต๎องใช๎
เวลาในการทางานมากวําเคร่ืองจักร เพราะผลงานที่ทาด๎วยมือจะมีความประณีตมากกวําเคร่ืองจักร
ผลผลิตท่อี อกมาไมซํ ้าซาก จาเจ แล๎วยังมีคณุ คาํ ทางความงามอีกด๎วย
ประเภทของงานประดษิ ฐ์
1. งานประดิษฐท์ เ่ี ปน็ เอกลักษณ์ไทย
1.1 งานประดษิ ฐ์ด๎วยดอกไม๎สด
6
1.2 งานประดิษฐ์ด๎วยใบตอง
1.3 งานแกะสลักพชื ผักและผลไม๎
1.4 งานจกั สาน
2. งานประดิษฐท์ ั่วไป
2.1 งานปน้ั
2.2 งานประดษิ ฐด์ อกไม๎ ต๎นไมด๎ ว๎ ยกระดาษหรือผา๎
2.3 งานประดษิ ฐ์จากเศษวัสดหุ รือวัสดเุ หลอื ใช๎
2.4 งานประดษิ ฐจ์ ากวัสดธุ รรมชาติ
การออกแบบงานประดษิ ฐ์
การออก แบบงานประดิษฐ์ เป็นการสร๎างรูปลักษณ์ของชิ้นงาน โดยอาศัยความคิด
สร๎างสรรค์ความร๎ูความเข๎าใจ ในหลักการออกแบบและนามาใช๎ ทาให๎การออกแบบชิ้นงานน้ันมีคุณคํา
และนําสนในย่งิ
1. การออกแบบ หมายถึง การทาต๎นแบบ หรือการทาโครงสร๎างของชิ้นงานท่ีต๎องการ
ประดษิ ฐ์ เพ่ือให๎ได๎ผลงานสาเรจ็ ตามที่มํงุ หวัง โดยการเลอื กวสั ดุ เลอื กสี ท่ีนามาใชใ๎ หเ๎ หมาะสมสวยงาม
2. ท่ีมาของการออกแบบงานประดิษฐ์
2.1 การศึกษาแบบของงานที่ตนสนใจจากหนังสอื นิตยสารแลว๎ ทดลองปฏิบตั ิ
2.2 การดัดแปลงแบบท่ีมีอยูํเดิม หรือแบบตัวอยํางโดยทาการศึกษาแบบ จนเกิด
ความเข๎าใจ จึงปฏิบัติการสร๎างแบบ โดยการนาเอาแนวความคิดหรือความคิดสร๎างสรรค์ของตนเองไป
ผสมผสานทาใหไ๎ ด๎แบบ ทีเ่ ป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะไมํเหมือนใคร
2.3 การออกแบบด๎วยตนเองคือการออกแบบที่เกิดจากแนวคิดของตนเองและ
ทดลองปฏบิ ัติ สร๎างแบบจนได๎แบบท่สี วยงาม เหมาะสมตามความตอ๎ งการ
วัสดุอุปกรณ์ท่ใี ชใ้ นงานประดษิ ฐ์
การเลือกใช๎วัสดุอุปกรณ์ในการประดิษฐ์ช้ินงานต๎องเลือกให๎เหมาะสมจึงจะได๎ งาน
ออกมามีคุณภาพ สวยงาม รวมท้ังต๎องดูแลรักษาอุปกรณ์เคร่ืองใช๎เหลํานี้ให๎อยูํในสภาพใช๎งานได๎ตลอด
เวลา และสามารถแบํงออกเปน็ ประเภทตาํ งๆ ไดด๎ ังน้ี
1. ประเภทของเลนํ
1.1 วัสดุท่ีใช๎ เชนํ กระดาษ ใบลาน ผา๎ เชือก พลาสติก กระปอ๋ ง
1.2 อปุ กรณท์ ีใ่ ช๎ เชํน กรรไกร เขม็ ดา๎ ย กาว มดี ตะปู ค๎อน แปรงทาสี
2. ประเภทของใช๎
2.1 วัสดุท่ีใช๎ เชนํ กระดาษ ไม๎ โลหะ ดิน ผา๎
2.2 อุปกรณ์ที่ใช๎ เชนํ เล่อื ย สี จักรเยบ็ ผา๎ กรรไกร เครื่องขดั เจาะ
3. ประเภทของตกแตงํ
7
3.1 วสั ดทุ ี่ใช๎ เชนํ เปลอื กหอย ผา๎ กระจก กระดาษ ดินเผา
3.2 อุปกรณ์ เชนํ เลื่อย ค๎อน มดี กรรไกร สี แปรงทาสี เคร่อื งตอก
4. ประเภทเครือ่ งใช๎ในงานพธิ ี
4.1 วัสดุท่ใี ช๎ เชนํ ใบตอง ดอกไม๎สด ใบเตย ผ๎า ริบบิ้น
4.2 อุปกรณท์ ่ีใช๎ เชนํ เขม็ เย็บผา๎ เข็มรอ๎ ยมาลัย คมี ค๎น เข็มหมดุ
การเลอื กใชแ้ ละบารงุ รักษาอปุ กรณ์ มีหลักการดังน้ี
1. ควรเลือกใชใ๎ ห๎ถูกประเภทของวัสดุและอปุ กรณ์
2. ควรศึกษาวธิ ีการใช๎กํอนลงมอื ใช๎
3. เมอ่ื ใช๎แล๎วเก็บไวใ๎ ห๎เป็นระเบียบเรยี บร๎อย
4. ซอํ มแซมเครือ่ งมือทชี่ ารุดให๎พร๎อมใช๎เสมอ
ศิลปะกระดาษม้วน(Quilling Paper)
ศิลปะการม๎วนกระดาษ Quilling Paper หรือ Paper Filigrees คือการตัดกระดาษเป็นเส๎น
ยาวๆแล๎วนามามว๎ นขดกลมๆหรอื ดัดเป็นรูปทรงตํางๆ หลายคนนิยมนามาทาเป็นการอวยพรในเทศกาล
ตํางๆการม๎วนกระดาษถือเป็นงานฝีมือท่ีทางํายอยํางหนึ่ง เพราะท่ีเหลือข้ึนอยูํกับการประยุกต์และ
จินตนาการของเราเอง ความเป็นมาของการม๎วนกระดาษจากการที่ได๎ศึกษามา เป็นการนาเอา
องค์ประกอบทางด๎านศิลปะมาชํวยในการสร๎างสรรค์ผลงาน ให๎ออกมาในรูปแบบตํางๆโดยการนามา
ประยกุ ต์ ใช๎กับวัสดุตํางๆ ให๎เกิดช้ินงานแปลกใหมํ คือมีโครงสร๎างที่เรียกวํา เส๎น สี รูปทรง รูปรําง เป็น
ต๎น แตํเลือกในการนามาใช๎กับงานกระดาษ วัสดุอุปกรณ์ก็หางํายสามารถทาได๎เองที่บ๎าน เรามาดูกัน
ดกี วําวํางานม๎วนกระดาษใชว๎ ัสดุอุปกรณ์อะไรบ๎าง
อุปกรณ์
1. กระดาษสตี าํ งๆ ตัดเปน็ เส๎นยาวๆ(ขนาดกับความยาวแล๎วแตํเราชอบ)
2. ไมส๎ าหรบั มว๎ น(หาซอื้ ไดต๎ ามร๎านอปุ กรณง์ านฝีมือหรือทาเองไดง๎ ํายๆจากไมจ๎ ้มิ ฟนั )
3. กาวลาเทก็ ซ์
4. กระดาษการ์ดหรือกระดาษหนาๆสาหรับติดผลงาน(มีหรือไมํมีก็ได๎)
5. อปุ กรณ์เสริม เชนํ คีมคีมปากแหลมๆ มีหรือไมํมีกไ็ ด๎ แล๎วแตคํ วามสะดวก
8
วิธีการพน้ื ฐานการมว้ นกระดาษ
1. ร๎ูจักอุปกรณ์ม๎วนกระดาษสองชนิดท่ีแตกตํางกัน อุปกรณ์ท้ังสองนี้คือไม๎สล็อตกับเข็มคิล
ลง่ิ ไมส๎ ลอ็ ตเหมาะท่ีสดุ สาหรบั มอื ใหมํ สํวนเขม็ คิลลงิ่ เปน็ อุปกรณท์ ่ีชวํ ยใหช๎ ้นิ งานสมบรู ณ์แบบยิ่งข้ึน คุณ
อาจใช๎ไมจ๎ ิ้มฟันหรอื เข็มหมดุ กไ็ ด๎ หากคณุ ไมํอยากซ้ืออุปกรณท์ ง้ั สองนี้
1.1 ไม๎สล็อต เป็นอุปกรณ์แทํงบางๆ คล๎ายแทํงดินสอ มีชํองอยูํท่ีปลาย ข๎อเสียอยํางหนึ่ง
ของไม๎สล็อตคือทาให๎เกิดรอยยับตรงกลางกระดาษบริเวณที่คุณสอดกระดาษเข๎าไปตรงหัวของไม๎สล็อต
ถ๎ารอยยับเหลําน้ีไมํทาให๎คุณราคาญใจลํะก็ อุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นส่ิงที่คุณต๎องลองเม่ือคุณเริ่มประเดิมลงมือ
มว๎ นกระดาษ
1.2 เข็มคิลลิ่ง อุปกรณ์ชิ้นน้ีใช๎ยากกวําแตํผลงานท่ีออกมาจะไมํมีรอยยับ (แปลวําชิ้นงาน
จะดูเนี๊ยบมากขน้ึ ) และม๎วนเปน็ ทรงท่ีสวยงาม
2. ทาหรอื ซ้ือแถบกระดาษของคณุ เอง แนํนอนวําศลิ ปะการม๎วนกระดาษจะดีหรือแยํข้ึนอยํูกับ
กระดาษทีค่ ณุ ใช๎สร๎างผลงานของคณุ นักม๎วนกระดาษใช๎แถบกระดาษบางๆหลากสีสัน ม๎วนด๎วยอุปกรณ์
ของพวกเขา สร๎างสรรค์เป็นผลงานอันนําเหลือเชื่อ คุณทาแถบกระดาษของคุณเองได๎ด๎วยการตัด
กระดาษเป็นแถบขนาดเทําๆ กัน หรือคุณจะซื้อแถบกระดาษท่ีตัดไว๎เรียบร๎อยแล๎วก็ได๎ ความยาวของ
แถบกระดาษขึ้นอยูกํ บั รูปทรงทค่ี ุณจะทา
9
3. ลองมว๎ นกระดาษ. กํอนท่ีคุณจะสร๎างงานตกแตํงเจ๋งๆ ลองม๎วนกระดาษแบบธรรมดาๆ สัก
กองหนึง่ ดูกอํ น เริ่มดว๎ ยสอดปลายดา๎ นหน่งึ ของแถบกระดาษเข๎าไปในชํองเล็กๆ ในอุปกรณ์ม๎วนกระดาษ
ของคุณ ตรวจดูวํากระดาษติดแนํนและเรียบร๎อยดี จากน้ันเร่ิมหมุนอุปกรณ์ในทิศทางที่ออกไปจากตัว
กระดาษจะพันรอบๆ ปลายอุปกรณ์ม๎วนกระดาษ เกิดเป็นขดกระดาษข้ึนมา หมุนอุปกรณ์ตํอไปจนแถบ
กระดาษทง้ั เสน๎ พนั เป็นขดอยูํรอบอปุ กรณม์ ว๎ นกระดาษ หากจะลองม๎วนกระดาษด๎วยเข็มคิลล่ิงหรือไม๎จ้ิม
ฟัน ทาให๎นิ้วมือชื้นเล็กน๎อยจากนั้นพันปลายข๎างหน่ึงของแถบกระดาษรอบเข็ม (หรืออุปกรณ์อยํางอื่น
ของคุณ) ใชน๎ ้ิวหวั แมโํ ปง้ กบั น้ิวชี้กดใหต๎ ดิ แล๎วมว๎ นกระดาษไปรอบๆ เข็ม
4. คอํ ยๆ ดึงขดกระดาษออกมาอยาํ งเบามอื เม่ือคณุ ม๎วนกระดาษไปรอบอปุ กรณ์จนหมดแถบ
แลว๎ ดงึ ออกมา หากคณุ ต๎องการขดกระดาษที่หลวมสกั หนํอย วางมนั ลง ปลํอยให๎คลายตัวออก
10
5. ติดกระดาษของคุณเข๎าด๎วยกัน เมื่อขดกระดาษมีขนาดใหญํ เล็กตามที่คุณต๎องการแล๎ว ติด
กาวที่ปลาย คุณควรใช๎กาวเพียงเล็กน๎อย ใช๎ไม๎จิ้มฟัน เข็มเจาะกระดาษ หรือเข็มหัวรูปตัวทีป้ายกาว
จานวนเลก็ นอ๎ ยบรเิ วณด๎านในของปลายแถบกระดาษ (สํวนท๎ายกระดาษ) กดไว๎ให๎ติดกันยี่สิบวินาทีกาว
ทั่วไปอยํางเชํนกาวย่ีห๎อเอลเมอร์ใช๎ได๎ดีกับการม๎วนกระดาษ คุณอาจลองกาวสาหรับงานฝีมือ (tacky
glue) ทแ่ี หง๎ เรว็ กวาํ กาวท่วั ไป หรอื อาจลองใช๎กาวตราชา๎ งที่แห๎งเรว็ อยาํ งนําเหลือเช่ือและยึดติดกระดาษ
ได๎เปน็ อยํางดี
6. จดั ขดกระดาษใหเ๎ ป็นรูปทรงที่คณุ ต๎องการ คุณจะต๎องทาขั้นตอนน้ีหรือไมํข้ึนอยํูกับช้ินงาน
ที่คุณทาอยํู คุณอาจอยากจัดขดกระดาษเป็นทรงรีเพื่อให๎กลายเป็นใบไม๎ คุณอาจจัดขดกระดาษเป็น
รูปทรงสามเหลี่ยมสาหรับเป็นหูก็ได๎ ขดกระดาษเหลําน้ีสามารถแปลงรํางเป็นรูปอะไรก็ได๎ตามแตํใจคุณ
ปรารถนา
11
7. ติดชิ้นงานทั้งชิ้นของคุณเข๎าด๎วยกัน ใช๎กาวแตํพอประมาณ กาวอาจทาให๎กระดาษเป่ือย
หรือทาให๎ผลงานช้ินโบว์แดงของคุณบิดงอผิดรูป ไมํต๎องกลัววํากาวจะน๎อยเกินไป เหตุการณ์ที่กาวน๎อย
ไปแทบจะไมํเคยเกดิ ขนึ้ จาไวว๎ ําใหจ๎ บั หรอื กดชิ้นสํวนทีท่ ากาวไวย๎ ีส่ บิ วนิ าที
8.เสรจ็ สมบรู ณ์
12
9. ทดลองประดิษฐ์ผลงานรูปแบบตํางๆ คุณอาจลองไปที่ร๎านงานฝีมือแล๎วซื้อหนังสือแพ
ทเทิร์นการม๎วนกระดาษ เสิร์ชอินเตอร์เน็ตหาแพทเทิร์นการม๎วนกระดาษ หรือลองทาตามแพทเทิร์น
ตํางๆที่มีอยํูใน wikiHow! wikiHow มีแพทเทิร์นนํารักๆดังนี้ นางฟ้ากระดาษม๎วน ประดิษฐ์นางฟ้าแสน
สวยไว๎เป็นของขวัญสุดพิเศษหรอื เปน็ ของประดับตน๎ ครสิ ต์มาสสุดเก๋หัวใจกระดาษม๎วน ไมํมีอะไรบอกรัก
ได๎ดีเทํากับการประดิษฐ์งานฝีมือนํารักๆให๎กับคนพิเศษของคุณ มาแสดงฝีมือการม๎วนกระดาษของคุณ
กบั แพทเทริ ์นหวั ใจชิน้ น้ี
เคลด็ ลบั
1. มองหาหนังสือสอนมว๎ นกระดาษสาหรบั เดก็ มาชวํ ยเสริมไอเดียและเติมความรเ๎ู ก่ียวกับ
การมว๎ นกระดาษของคุณทดลองกบั แถบกระดาษทค่ี วามยาวตาํ งกัน เพ่มิ ความสมบูรณ์แบบให๎กับช้ินงาน
ของคณุ
2. ประสบการณก์ ารมว๎ นกระดาษครงั้ แรกของคุณอาจสนุกหรอื หดหูํ คนบางคนกไ็ มไํ ด๎
เกดิ มาเป็นนักม๎วนกระดาษ
ข้อควรระวัง
เน่ืองจากคุณต๎องทางานกับของมีคม จงระวังขณะประดิษฐ์ผลงาน ไมํเชํนน้ันอาจทาให๎
ตวั เองได๎แผลได๎
13
บทที่3
วธิ ีการศึกษา
การจัดทาโครงงานอาชีพ โครงงานศิลปินกระดาษม๎วน โรงเรียนละลมวิทยา อาเภอภูสิงห์
จังหวัดศรีสะเกษ สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาเขต 28 ผ๎ูจัดทาโครงงานมีขั้นตอนวิธี
การศกึ ษาดงั นี้
วธิ ีดาเนินการทาโครงงาน
1. คัดเลอื กหวั ขอ๎ โครงงานทส่ี นใจจะทา
การทาโครงงานน้ี เกิดจากความสนใจในเร่ืองการประดิษฐ์ของท่ีระลึกจากกระดาษ และ
จากการสังเกตสิ่งตํางๆ ที่เก่ียวข๎องหรือส่ิงตํางๆ ที่อยํูรอบตัว จากแหลํงข๎อมูลท่ีเชื่อถือได๎แล๎วตัดสินใจ
เลอื กหวั ข๎อโดยพจิ ารณาองคป์ ระกอบสาคัญ ดังน้ี
1.1 การมคี วามรแ๎ู ละทกั ษะพื้นฐานอยํางเพียงพอในหวั ขอ๎ เรือ่ งทีจ่ ะศกึ ษา
1.2 สามารถจดั หาวสั ดอุ ปุ กรณท์ ี่เกี่ยวขอ๎ งได๎
1.3 มแี หลํงความรู๎เพียงพอท่ีจะค๎นคว๎าหรือขอคาปรกึ ษา
1.4 มีเวลาเพยี งพอ
1.5 มีงบประมาณเพยี งพอ
1.6 มคี วามปลอดภัย
2. ศึกษาค๎นคว๎าจากเอกสารและแหลํงขอ๎ มูล
ทาการศึกษาค๎นคว๎าจากเอกสารและแหลํงข๎อมูล ซ่ึงรวมถึงการขอคาปรึกษาจากครูที่
ปรึกษาทาให๎ได๎แนวคิดที่ใช๎ในการกาหนด ขอบเขตของเร่ืองที่จะศึกษาได๎เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น
รวมทงั้ ไดค๎ วามรเู๎ พม่ิ เติมในเร่ืองทจ่ี ะศึกษา จนสามารถออกแบบและวางแผนดาเนินการทาโครงงานได๎
3. จัดทาเค๎าโครงของโครงงานโดยมีรายละเอียดดงั น้ี
3.1 ศึกษาค๎นควา๎ เอกสารอ๎างองิ และรวบรวมขอ๎ มูลทไี่ ด๎จากผท๎ู รงคุณวุฒิ
3.2 วิเคราะห์ข๎อมูล เพอ่ื กาหนดขอบเขตและลักษณะของโครงการท่จี ะพัฒนา
3.3 ออกแบบการพัฒนา มกี ารกาหนดลักษณะและวสั ดุตาํ งๆ ทตี่ ๎องใช๎
3.4 กาหนดตารางการปฏบิ ัตงิ านของการจัดทาเค๎าโครงของโครงงาน ลงมือทาโครงงานและ
สรปุ รายงานโครงงาน โดยกาหนดชวํ งเวลาอยาํ งกว๎างๆ
3.5 ทาการพัฒนาโครงงานข้ันต๎น เพ่ือศึกษาความเป็นไปได๎เบ้ืองต๎น โดยอาจจะทาการ
พฒั นาสวํ นยํอย ๆ บางสวํ นกํอนนาผลจากการศึกษาในชํวงน้ีไปปรับปรุงแผนท่ีออกแบบไว๎ในครั้งแรกให๎
เหมาะสมมากยงิ่ ขึน้
14
3.6 เสนอเค๎าโครงของโครงงานตอํ ครทู ่ีปรกึ ษา เพอ่ื ขอคาแนะนาและปรับปรุงแก๎ไข เพ่ือให๎
การวางแผนและดาเนินการ ทาโครงงานเป็นไปอยํางเหมาะสมเป็นข้นั ตอน ต้งั แตเํ รม่ิ ตน๎ จนสนิ้ สุด
4. การลงมือทาโครงงาน
เม่ือเค๎าโครงของโครงงานได๎รับความเห็นชอบจากครูท่ีปรึกษาแล๎ว ข้ันตอนตํอไปจะเป็น
การลงมือพัฒนาตามขั้นตอนที่วางแผนไว๎ เชํน จัดเตรียมวัสดุ - อุปกรณ์ ให๎พร๎อม รวมทั้งการกาหนด
หน๎าที่ ความรับผิดชอบของสมาชิกในกลุํมให๎ชัดเจน แล๎วจึงดาเนินการทาโครงงาน ขณะเดียวกันต๎องมี
การทดสอบ ตรวจสอบ ปรับปรุงแก๎ไข เพ่ือพัฒนาโครงงานเป็นระยะ ๆ เพ่ือให๎แนํใจวําผลงานท่ี
พฒั นาขน้ึ นน้ั ทางานไดถ๎ ูกต๎องตรงกบั ความตอ๎ งการทีร่ ะบุไว๎ในเป้าหมาย และเกดิ ประสิทธภิ าพสูงดว๎ ย
5. การเขยี นรายงาน
การเขียนรายงาน ส่ือความหมายเพ่ือให๎ผ๎ูอ่ืนได๎เข๎าใจแนวคิด วิธีดาเนินการศึกษาค๎นคว๎า
หาข๎อมูลท่ีได๎ ตลอดจนข๎อสรุปและ ข๎อเสนอแนะตํางๆ เกี่ยวกับโครงงานน้ัน โดยใช๎ภาษาที่อํานงําย
ชดั เจน กระชบั และตรงไปตรงมา
6. การนาเสนอและการแสดงผลงานของโครงงาน
เป็นขั้นตอนท่ีสาคัญอีกข้ันตอนหน่ึงของการทาโครงงาน ที่แสดงออกถึงผลิตผลความคิด
ความพยายามในการทางานที่ผู๎ทาโครงงานได๎ทํุมเท และเปน็ วธิ ที าให๎ผอ๎ู ่ืนไดร๎ บั ร๎แู ละเข๎าใจถึงผลงานนั้น
การทาโครงงานศิลปินกระดาษม๎วน นอกจากจะเป็นกิจกรรมท่ีสํงเสริมให๎นักเรียน ได๎นา
ความร๎ูดา๎ นศลิ ปะการม๎วนกระดาษมาใช๎แก๎ปัญหา พัฒนาคิดค๎น ผลิตภัณฑ์ตํางๆ แล๎ว ยังเป็นกิจกรรมที่
สํงเสริมให๎นักเรียน มีความสนใจที่จะทางานวิจัยและประกอบอาชีพศิลปะการม๎วนกระดาษมากยิ่งขึ้น
ด๎วย ซ่ึงใน ปัจจุบันนี้หลายๆ ประเทศทั่วโลกขาดแคลนบุคลากรทางด๎านเทคโนโลยีสารสนเทศเป็น
จานวนมาก ดังน้ันจึงนําจัดให๎การทาโครงงานศิลปินกระดาษม๎วน เป็นกิจกรรมในทุกระดับชั้น เพื่อ
นาไปสูํการพฒั นาประเทศชาติในอนาคต
วสั ดอุ ปุ กรณ์
1. กระดาษสีตาํ งๆขนาด 3 มิลิเมตร
15
2. กระดาษพรฟู กระดาษสี กระดาษหนงั สอื พมิ พ์ หรอื นิตยสาร
3. กาวลาเท็กซ์ ปืนกาว หรอื กาวรอ๎ น
4. กรรไกรสาหรบั ตัดกระดาษ 1 ดา๎ ม
16
5. ไม๎บรรทดั ท่ีมรี เู ป็นวงกลมขนาดตาํ งๆ
6. ดนิ สอสาหรบั รํางแบบ
7. ยางลบสาหรบั ลบดินสอ
17
8. มดี คัดเตอร์
9. ไม๎เสยี บลูกช้นิ สาหรบั ชํวยมว๎ นกระดาษ
10. คมี ปลายแหลม สาหรับชวํ ยวางตาแหนงํ ของงาน
18
11. สไี ม๎
12. แลกเกอร์ วานชิ หรอื นา้ ยาเคลอื บเงา
13. แปลง หรือพูํกัน
19
ข้นั ตอนการดาเนินงาน
วธิ ที า
1. ราํ งแบบหรือนาภาชนะตํางมาเป็นแบบเพื่อข้ึนรูปโดยใช๎พลาสติกใสหอํ หุ๎มป้องกนั กาว
ตดิ แบบเพ่ือนากระดาษมาข้ึนรูปตามประโยชน์และความต๎องการ
2. เร่ิมมว๎ นกระดาษตามรปู แบบตาํ งๆท่ีเราไดร๎ าํ งไว๎ตามแบบ
3. มว๎ นกระดาษตามทรงท่ีต๎องการตามแบบ แลว๎ วางใหไ๎ ดต๎ าแหนํงทร่ี ํางไวใ๎ นแบบ
20
4. เมือ่ วางตาแหนํงท่ีได๎ใหเ๎ รมิ่ ทากาวแลว๎ ตดิ กระดาษ หรอื สานกระดาษเป็นลายตามแบบ
ทีต่ ๎องการ
5. เม่ือขน้ึ รูปสาเรจ็ ตามต๎องการใหน๎ ากาวผสมนา้ ทาให๎ทัว่ เพื่อใหช๎ ิน้ งานมีความแขง็ แรง
ทนทาน
6. เมอื่ กาวแห๎งให๎เคลือบเงาดว๎ ยวานิชหรอื แลกเกอร์เพ่ือความสวยงามและป้องกันความชื้น
21
7. ตัวอยาํ งชนิ้ งานประเภทภาชนะใสขํ องตํางๆ
22
บทท่ี4
ผลการศึกษา
การจดั ทาโครงงานอาชีพ โครงงานศิลปินกระดาษมว๎ น โรงเรียนละลมวิทยา อาเภอภสู ิงห์
จงั หวัดศรีสะเกษ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามธั ยมศึกษาเขต 28 ผ๎จู ดั ทาโครงงานพบผลการศกึ ษา
เป็นดงั น้ี
ตารางท่ี 1 ผลของการสงํ เสรมิ และสนับสนุนการมรี ายไดร๎ ะหวํางเรียนของนกั เรียน
ที่ รายการศึกษา ระดบั คุณภาพ
ดีมาก ดี ปาน พอใช๎ ปรบั
1 นักเรยี นมีทักษะการประกอบอาชีพ
2 นกั เรียนนาไปประกอบเป็นอาชพี ได๎ กลาง ปรงุ
3 นกั เรยี นมีรายไดร๎ ะหวํางเรียน 60.52 20.23 10.11 4.12 5.02
4 นักเรียนนาไปประยกุ ต์ใชใ๎ นชีวติ ประจาวนั ได๎ 70.57 11.53 5.66 7.11 5.13
5 นกั เรียนมีความพงึ พอใจในการประกอบอาชีพ 85.12 4.51 7.12 3.12 0.13
67.22 12.22 5.16 6.88 8.52
75.16 3.34 5.67 8.90 6.93
จากตารางที่ 1 พบวําการสงํ เสริมและสนบั สนุนการมรี ายได๎ระหวํางเรยี นของนักเรียนในดา๎ น
การมีรายไดร๎ ะหวํางเรียนในระดับดมี าก มากที่สดุ คดิ เป็นร๎อยละ 85.12 รองลงมานักเรียนมีความพึง
พอใจในการประกอบอาชพี ท่ีระดับดมี ากรอ๎ ยละ 75.16
23
ตารางที่ 2 ผลของการทางานอยํางมีแบบแผน การทางานเป็นกลุํมและการแบํงภาระงานที่
รับผดิ ชอบตามความถนดั ของแตํละคน
ที่ รายการศกึ ษา ระดับคุณภาพ
ดมี าก ดี ปาน พอใช๎ ปรบั
กลาง ปรุง
1 นกั เรียนทางานอยาํ งมีแบบแผน 61.52 19.23 19.11 5.12 5.02
2 นักเรียนสามารถทางานเปน็ กลมุํ และมีความสามคั คี 71.57 11.53 5.66 6.11 5.13
3 นกั เรียนมีการแบงํ งานและภาระหน๎าทก่ี ันทา 80.12 9.51 7.12 3.12 0.13
4 นักเรยี นมคี วามรบั ผดิ ชอบในตนเองและในงานท่ีทา 65.22 14.22 5.16 6.88 8.52
5 นกั เรียนไดท๎ างานตามทต่ี นเองถนัด 70.16 8.34 5.67 8.90 6.93
จากตารางที่ 2 พบวําการทางานอยํางมีแบบแผน การทางานเป็นกลํมุ และการแบงํ ภาระงาน
ท่ีรบั ผิดชอบตามความถนัดของแตลํ ะคนของสมาชิกในกลุํม นกั เรยี นมกี ารแบงํ งานและภาระหนา๎ ทีก่ ัน
ทาในระดับดีมาก มากทสี่ ดุ คิดเป็นรอ๎ ยละ 80.12 รองลงมานักเรยี นสามารถทางานเปน็ กลมํุ และมีความ
สามัคคใี นระดับดีมากคิดเปน็ รอ๎ ยละ71.57
24
ตารางท่ี 3 ผลของการฝกึ และพฒั นาทกั ษะการทางานและสร๎างคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
ท่ี รายการศกึ ษา ระดบั คุณภาพ
ดมี าก ดี ปาน พอใช๎ ปรบั
กลาง ปรุง
1 นักเรยี นไดร๎ บั การฝกึ ประสบการณท์ างาน 45.55 40.12 10.23 2.57 1.53
2 นกั เรยี นได๎รบั การพฒั นาทักษะการทางาน 40.33 50.33 3.67 4.56 1.11
3 นกั เรยี นมีคุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ 39.45 43.54 8.22 8.45 0.34
4 นกั เรียนสามารถแก๎ไขปญั หาและมีไหวพรบิ ใน 44.44 46.33 4.55 2.14 2.54
การทางาน
5 นักเรยี นมีความพงึ พอใจในการดาเนินกิจกรรม 50.44 40.33 4.55 3.14 1.54
จากตารางท่ี 3 พบวาํ การฝกึ และพฒั นาทักษะการทางานและสร๎างคณุ ลกั ษณะอันพึง
ประสงค์ ความพงึ พอใจในการดาเนินกิจกรรมในระดบั ดีมาก มากทสี่ ดุ คดิ เป็นร๎อยละ 50.44 รองลงมา
นกั เรยี นไดร๎ บั การฝกึ ประสบการณ์ทางานในระดบั ดีมากร๎อยละ45.55
25
ตารางท่ี 4 ผลของการพัฒนาการคดิ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ ความคดิ รเิ ร่มิ สรา๎ งสรรค์และใช๎
จนิ ตนาการอยํางเหมาะสมของนกั เรียน
ที่ รายการศกึ ษา ระดบั คุณภาพ
ดีมาก ดี ปาน พอใช๎ ปรบั
1 นกั เรียนมคี วามรเิ ริ่มสรา๎ งสรรคใ์ นการทางาน
2 นักเรียนมคี วามคิดยดื หยนํุ เหมาะสมในการ กลาง ปรงุ
47.55 40.12 8.23 2.57 1.53
ทางาน 42.33 48.33 3.67 3.56 2.11
3 นกั เรยี นมีจนิ ตนาการที่ดใี นการทางาน
4 นกั เรียนมเี จตคติทีด่ ใี นการทางาน 39.45 43.54 8.22 7.45 1.34
5 นักเรียนมพี ฒั นาการด๎านคดิ วิเคราะหแ์ ละ 48.44 42.33 5.55 2.14 1.54
51.44 39.33 5.55 2.14 1.54
สงั เคราะห์
จากตารางท่ี 4 พบวําการพัฒนาการคดิ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ ความคดิ ริเร่ิมสร๎างสรรคแ์ ละใช๎
จินตนาการอยาํ งเหมาะสมของนกั เรียนในดา๎ นการมีพัฒนาการดา๎ นคดิ วเิ คราะห์และสังเคราะหใ์ นระดบั ดี
มาก มากท่สี ดุ คิดเป็นร๎อยละ51.44 รองลงมานักเรียนมีความริเรม่ิ สร๎างสรรคใ์ นการทางานในระดับดี
มาก คดิ เปน็ ร๎อยละ47.55
26
ตารางที่ 5 ผลของการฝึกการดาเนนิ ชวี ติ ตามแนวทางปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง(การถอด
บทเรียนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง)
ที่ รายการศึกษา การถอดบทเรยี น
1 ความพอประมาณ การจดั วางตาแหนงํ ของกระดาษม๎วนอยาํ งเหมาะสมและพอดีทาให๎ผลงาน
ออกมาสวยงาม
2 ความมเี หตุผล การเลือกใช๎สขี องกระดาษโดยคานงึ ถึงความลงตวั และธรรมชาติของสีทา
ใหผ๎ ลงานออกมาใกล๎เคียงของจรงิ
3 การมีภูมิค๎ุมกัน การนากระดาษมาม๎วนและประดษิ ฐ์เปน็ ผลงานชํวยเพิ่มมลู คาํ ของ
กระดาษมากย่ิงข้ึน
4 เง่ือนไขความรู๎ เกิดความร๎ใู นการประดิษฐช์ ิน้ งานตํางๆ
5 เงื่อนไขคุณธรรม มีคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มคี วามรับผิดชอบ
6 มติ ิด๎านวัตถุ นาวตั ถดุ บิ มาใชง๎ านอยํางค๎มุ คําและเกดิ ประโยชนสงู สุด
7 มติ ดิ า๎ นสังคม มีความสามัคคี
8 มติ ิดา๎ นวัฒนธรรม ชวํ ยอนรุ กั ษ์ศลิ ปะความเปน็ ไทย
9 มิตดิ า๎ นสง่ิ แวดลอ๎ ม ลดการใชก๎ ระดาษอยาํ งสิ้นเปลือง
จากตารางท่ี 5 พบวําการฝึกการดาเนินชวี ติ ตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมีความ
สอดคลอ๎ งกบั การดาเนนิ กจิ กรรมทุกหํวงทุกเง่ือนไขและทุกมิติ
27
บทท่ี 5
สรุปผล ประโยชน์ และข้อเสนอแนะการศกึ ษา
การดาเนนิ การศึกษาโครงงานศลิ ปนิ กระดาษม๎วน ของโรงเรยี นละลมวิทยา ตาบลละลม
อาเภอภูสงิ ห์ จังหวดั ศรสี ะเกษ สงั กดั สานักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษาเขต28 ผดู๎ าเนินโครงงาน
ได๎ สรปุ ประโยชน์ และข๎อเสนอแนะการศึกษาเป็นดังน้ี
สรุปผลการศกึ ษา
ผลจากการทาโครงงานพบวําการสงํ เสริมและสนับสนนุ การมรี ายไดร๎ ะหวํางเรียนของนักเรียน
ในดา๎ นการมรี ายไดร๎ ะหวาํ งเรียนมากที่สุด รองลงมานักเรียนมีความพึงพอใจในการประกอบอาชีพ การ
ทางานอยํางมแี บบแผน การทางานเปน็ กลํมุ และการแบงํ ภาระงานท่ีรับผดิ ชอบตามความถนัดของแตํละ
คนของสมาชิกในกลมํุ นกั เรียนมีการแบํงงานและภาระหนา๎ ที่มากท่ีสุด รองลงมานักเรียนสามารถทางาน
เป็นกลุมํ และมีความสามัคคี การฝกึ และพัฒนาทักษะการทางานและสร๎างคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ความพงึ พอใจในการดาเนินกิจกรรมมีมากทีส่ ุดที่รองลงมานกั เรยี นได๎รบั การฝึกประสบการณท์ างาน
การพฒั นาการคดิ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ ความคิดริเริ่มสรา๎ งสรรค์และใชจ๎ ินตนาการอยาํ งเหมาะสมของ
นักเรียนในดา๎ นการมีพัฒนาการดา๎ นคดิ วเิ คราะห์และสังเคราะหม์ ากทสี่ ดุ รองลงมานักเรียนมคี วามริเร่ิม
สรา๎ งสรรค์ในการทางานและพบวําการฝึกการดาเนินชีวติ ตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมี
ความสอดคล๎องกบั การดาเนินกจิ กรรมทุกหํวงทกุ เง่ือนไขและทกุ มิติ
ประโยชนท์ ไ่ี ด้รับ
1. เกิดการสํงเสรมิ และสนับสนนุ การมีรายไดร๎ ะหวาํ งเรียนของนักเรียน
2. นักเรียนได๎ฝึกการทางานเปน็ กลมํุ และมคี วามรับผิดชอบตามความถนัดของแตลํ ะคน
3. นักเรียนได๎รับการพฒั นาทกั ษะการทางานและสร้างคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
4. นกั เรยี นมพี ฒั นาการด๎านคดิ วิเคราะห์ สงั เคราะห์ ความคดิ รเิ รมิ่ สร๎างสรรค์และใช๎
จนิ ตนาการอยํางเหมาะสม
5. นกั เรียนได๎ใชเ๎ วลาวํางให๎เกดิ ประโยชน์และดาเนนิ ชีวิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ
พอเพยี ง
28
ข้อเสนอแนะ
1. ควรเพมิ่ สสี ันให๎สวยงามโดยใชว๎ ัสดรุ ีไซเคลิ เพ่ือดึงดดู ความสนใจใหผ๎ ลงานนําสนใจมาก
ย่ิงข้นึ
2. ควรทดลองคิดคน๎ และออกแบบผลงานใหมๆํ เพื่อเพมิ่ มลู คําชิน้ งานยงิ่ ขึ้น
3. ควรศึกษาการประดษิ ฐ์ในรูปแบบอนื่ ๆเพ่อื เป็นการตํอยอดตํอไป
29
เอกสารอา้ งอิง
กรมวชิ าการ. กระทรวงศึกษาธิการ. หลกั สตู รการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2545.
กรุงเทพมหานคร : องคการรบั สงสินคาและพัสดุภัณฑ (ร.ส.พ.) : 2545.
กรมวชิ าการ กระทรวงศึกษาธกิ าร. การจดั กระบวนการเรียนรูทผ่ี ๎ูเรียนสาคัญทสี่ ุดตามพระราชบัญญัติ
การศกึ ษา แหงชาติพ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ: ศูนยพัฒนาหลักสูตรกรมวชิ าการ
ชวลิต ดาบแกว๎ และสุดาวดี เหมทานนท์. วิธสี อนศลิ ปศกึ ษา.กรงุ เทพฯ : สานกั พิมพโ์ อเดยี นสโตร์ :
2525.
มานพ ถนอมศรี. การเขียนหนังสือสารคดี บนั เทิงคดีสาหรับเดก็ และเยาวชน. กรุงเทพ : 2546.
สชุ าติ เถาทอง. ทัศนศลิ ป์ กับมนุษย์. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทศั น์, 2542
สุชาติ เถาทอง. ทัศนศลิ ป์ กับมนุษย:์ การสร๎างสรรคแ์ ละสุนทรียภาพ. กรุงเทพฯ :
อักษรเจรญิ ทัศน์, 2545
วนิ ัย ปราบรปิ .ู งานกระดาษ เจตนาทาศิลปะหรืออะไรกนั แนํ. สยามรัฐ, 2557.
30
ภาคผนวก
31
ภาคผนวก ก.
แบบสอบถาม
32
แบบสอบถาม
โครงงานศิลปินกระดาษมว้ น
คาชแี้ จง ใหท๎ าเคร่ืองหมาย / ในชํองทตี่ รงกับความคิดเหน็ ของทาํ นมากท่สี ดุ
ข้อมูลท่ัวไปผตู้ อบแบบสอบถาม
1. ตาแหนงํ ( ) ผบู๎ รหิ าร ( ) ครู ( ) บคุ ลากร ( ) นกั เรยี น ( ) อ่ืนๆ…………
2. เพศ ( ) ชาย ( ) หญงิ
3. อายุ ( ) 0-10ปี ( )11-20ปี ( ) 21-30ปี ( ) มากกวาํ 30ปี
ที่ รายการศึกษา ระดบั คณุ ภาพ
ดี ปาน พอใช้
ดีมาก ปรบั
กลาง ปรงุ
การส่งเสรมิ และสนับสนุนการมรี ายได้ระหว่างเรยี น 5 43 2 1
ของนักเรยี น 5
1 นกั เรียนมีทักษะการประกอบอาชีพ 43 21
2 นกั เรยี นนาไปประกอบเปน็ อาชพี ได๎
3 นกั เรยี นมีรายได๎ระหวาํ งเรยี น
4 นกั เรยี นนาไปประยุกต์ใชใ๎ นชวี ิตประจาวนั ได๎
5 นักเรียนมีความพงึ พอใจในการประกอบอาชีพ
การทางานอยา่ งมีแบบแผน การทางานเป็นกลมุ่ และ
การแบง่ ภาระงานทีร่ บั ผดิ ชอบตามความถนัดของแต่
ละคน
1 นกั เรยี นทางานอยํางมแี บบแผน
2 นักเรยี นสามารถทางานเป็นกลุํมและมีความ
สามัคคี
3 นักเรียนมกี ารแบํงงานและภาระหน๎าที่กนั ทา
4 นักเรียนมคี วามรับผดิ ชอบในตนเองและในงานทท่ี า
5 นักเรียนได๎ทางานตามทีต่ นเองถนัด
33
ท่ี รายการศึกษา ระดบั คุณภาพ
ดมี าก ดี ปาน พอใช้ ปรบั
กลาง ปรงุ
การฝึกและพัฒนาทกั ษะการทางานและสร้าง 5 4321
คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1 นกั เรยี นไดร๎ บั การฝกึ ประสบการณ์ทางาน
2 นกั เรียนไดร๎ บั การพฒั นาทักษะการทางาน
3 นกั เรยี นมีคุณลักษณะทพ่ี ึงประสงค์
4 นกั เรยี นสามารถแก๎ไขปญั หาและมีไหวพริบในการ
ทางาน
5 นักเรยี นมีความพงึ พอใจในการดาเนินกิจกรรม
การพฒั นาการคิดวิเคราะห์ สงั เคราะห์ ความคดิ รเิ ริม่ 5 4 3 2 1
สร้างสรรคแ์ ละใชจ้ นิ ตนาการอยา่ งเหมาะสมของ
นักเรยี น
1 นักเรียนมีความรเิ ริ่มสรา๎ งสรรค์ในการทางาน
2 นกั เรียนมคี วามคิดยืดหยํนุ เหมาะสมในการทางาน
3 นักเรยี นมีจนิ ตนาการทด่ี ใี นการทางาน
4 นักเรียนมเี จตคติทดี่ ใี นการทางาน
5 นกั เรยี นมพี ัฒนาการดา๎ นคิดวิเคราะห์และ
สงั เคราะห์
ขอ้ เสนอแนะ
............................................................................................................................. .......................................
............................................................................................ ........................................................................
............................................................................................................................. .......................................
34
ภาคผนวก ข.
ภาพประกอบ
35
36
37
ประวตั ผิ ู้ศึกษา
นางสาวปนดั ดา อยูํนาค เกิดวนั ที่ 20 เดือนสงิ หาคม พ.ศ.2545
ที่อยูํ 57 หมํู 4 บ.แซรไ์ ปร์ ต.ไพรพัฒนา อ.ภสู ิงห์
การศกึ ษา จ.ศรสี ะเกษ 33140
นางสาวพชั ญา แก๎วปรัง โรงเรยี นบา๎ นแซรไ์ ปร์ ระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6
โรงเรียนละลมวทิ ยา ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5
การศกึ ษา เกิดวันที่ 17 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2546
เด็กหญิงศศิธร สายทอง ทอ่ี ยูํ 80 หมูํ 11 บ.บ๎านละลมเหนือ ต.ละลม อ.ภสู งิ ห์
จ.ศรสี ะเกษ 33140
การศกึ ษา โรงเรยี นบา๎ นละลม ระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6
โรงเรยี นละลมวิทยา ระดับช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5
เกดิ วันท่ี 21 เดือนมกราคม พ.ศ.2546
ที่อยูํ 41 หมูํ 7 บ.ศรอี ุดม ต.หว๎ ยตามอญ อ.ภูสิงห์
จ.ศรีสะเกษ 33140
โรงเรยี นบา๎ นทานบ ระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6
โรงเรยี นละลมวทิ ยา ระดับชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 5
จดั ทา
นางสาวปนดั
นางสาวพชั ญ
นางสาวศศิธ
ทป่ี รกึ ษา
นายเฉลมิ
นางชลลดั ด
ชมุ นมุ ศลิ ปิน
โรงเรียนละลมวิทยา อ.ภ
สนใจชนิ้ งานตดิ ต่อ 045-
งานอาชีพ
kru
าโดย
ดดา อยนู่ าค
ญา แก้วปรงั
ธร สายทอง
าโครงงาน
มชยั ศรชี ัย
ดา มากนวล
นกระดาษมว้ น
ภสู งิ ห์ จ.ศรีสะเกษ 33140
-920112 , 085-7741810
พละลมวิทยา โรงเรยี นละลมวทิ ยา อ.ภสู งิ ห์ จ.ศรสี ะเกษ
สานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาเขต28
u.ar.der
ความเป็นมา ตวั แปรท่ีศึกษา
ศิลปะการมว้ นหรอื การขดกระดาษมมี านานหลาย ตัวแปรตน้ ไดแ้ ก่ งานศิลปะ
ศตวรรษ ตง้ั แตค่ รง้ั เหลา่ นกั บวชมว้ นกระดาษทองในยคุ ตวั แปรตาม ไดแ้ ก่ ผลจากการ
เรเนสซองสไ์ ปจนถงึ ศตวรรษท่ี 19 ซงึ่ บรรดาหญงิ สาว
เรยี นรศู้ ลิ ปะชนดิ นี้ ทกุ วนั นศี้ ลิ ปะการมว้ นกระดาษก็ วตั ถุประสงค์
ยงั คงเปน็ ทนี่ ยิ มอยา่ งทเ่ี ปน็ มาเสมอ สง่ิ ทค่ี ณุ ตอ้ งการ 1. เพือ่ สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ กา
มเี พยี งแคอ่ ปุ กรณเ์ หมาะๆ ความอดทนเลก็ นอ้ ย และ 2. เพ่ือฝึกการทางานเป็นกลมุ่ แล
ความคดิ สรา้ งสรรคอ์ กี นดิ หนอ่ ย จากความเปน็ มา แตล่ ะคน
ดงั กลา่ วคณะผจู้ ดั ทาโครงงาน จงึ มคี วามสนใจทจี่ ะพฒั นา 3. เพ่ือพฒั นาทกั ษะการทางานแล
กระบวนการสรา้ งสรรคง์ านทศั นศลิ ปโ์ ดยนาศลิ ปะการ 4. เพื่อพฒั นาการคดิ วเิ คราะห์ สงั
มว้ นกระดาษ มาประดษิ ฐเ์ ปน็ ชน้ิ งานตา่ งๆเพราะศลิ ปะ ใช้จินตนาการอย่างเหมาะสมข
การมว้ นกระดาษ (Paper การมว้ นกระดาษ หรอื Paper 5. เพ่ือใช้เวลาว่างให้เกิดประโยช
Filigree) เปน็ การนาเอาเสน้ กระดาษ มามว้ น บบี จดั เศรษฐกิจพอเพียง
รปู ทรง แลว้ นามาประกอบรวมกนั ใหไ้ ดผ้ ลงานตาม
ตอ้ งการ เปน็ งานศลิ ปะประเภทประติมากรรมทไี่ มย่ าก สรปุ ผลการศึกษา
และไมง่ า่ ย ตอ้ งการความใจเยน็ และเบามอื อปุ กรณก์ ็
เปน็ ของหาไดใ้ นบา้ น ไมค่ อ่ ยสน้ิ เปลอื ง ดว้ ยอปุ กรณ์ ผลจากการทาโครงงานพบวา่ การส่งเส
งา่ ย ๆ ราคาไมแ่ พงเพยี งไมก่ อี่ ยา่ ง กส็ ามารถนามา ของนกั เรยี นในดา้ นการมรี ายไดร้ ะหวา่ งเรียนม
สรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะการมว้ นกระดาษทส่ี วยงามไดอ้ ยา่ ง ในการประกอบอาชีพ การทางานอย่างมีแบบแผ
ไมร่ จู้ บเพอ่ื พฒั นา ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั ความสนใจของ รับผิดชอบตามความถนัดของแต่ละคนของ
นกั เรยี น ภาระหนา้ ทม่ี ากทสี่ ดุ รองลงมานกั เรียนสามาร
และพัฒนาทักษะการทางานและสร้างคุณลัก
ดาเนินกิจกรรมมีมากท่ีสุดท่ีรองลงมานักเ
พัฒนาการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ความค
เหมาะสมของนักเรียนในด้านการมีพัฒนาก
รองลงมานกั เรยี นมคี วามรเิ รมิ่ สรา้ งสรรคใ์ นก
แนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมคี วาม
เงอ่ื นไขและทุกมติ ิ
ะการมว้ นกระดาษ ประโยชนท์ ่ีได้รบั
รดาเนนิ โครงงาน
1. เกิดการส่งเสริมและสนับสนุนการมีรายได้ระหว่างเรียน
ารมีรายได้ระหวา่ งเรียนของนกั เรียน ของ นกั เรียน
ะมคี วามรบั ผดิ ชอบตามความถนัดของ
2. นักเรียนได้ฝึกการทางานเป็นกลุ่มและมีความรับผิดชอบ
ละสร้างคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ตามความถนดั ของแต่ละคน
งเคราะห์ ความคดิ รเิ ริ่มสร้างสรรคแ์ ละ
ของนกั เรียน 3. นักเรียนได้รับการพัฒนาทักษะการทางานและสร้าง
น์และดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
สรมิ และสนับสนนุ การมีรายได้ระหวา่ งเรียน 4. นักเรียนมีพัฒนาการด้านคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์
มากท่สี ดุ รองลงมานกั เรียนมคี วามพงึ พอใจ ความคิดริเร่มิ สร้างสรรคแ์ ละใช้จนิ ตนาการอย่างเหมาะสม
ผน การทางานเปน็ กล่มุ และการแบ่งภาระงานท่ี
งสมาชิกในกลุ่ม นักเรียนมีการแบ่งงานและ 5. นักเรียนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และดาเนินชีวิตตาม
รถทางานเปน็ กลมุ่ และมคี วามสามัคคี การฝึก หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
กษณะอันพึงประสงค์ความพึงพอใจในการ
รียนได้รับการฝึกประสบการณ์ทางาน การ ขอ้ เสนอแนะ
คิดริเริ่มสร้างสรรค์และใช้จินตนาการอย่าง
การด้านคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์มากที่สุด 1. ควรเพม่ิ สีสันใหส้ วยงามโดยใช้วัสดุรีไซเคิลเพ่ือ
การทางานและพบว่าการฝึกการดาเนินชีวิตตาม ดงึ ดดู ความสนใจให้ผลงานน่าสนใจมากยิง่ ขน้ึ
สอดคล้องกบั การดาเนินกิจกรรมทกุ ห่วงทุก
2. ควรทดลองคิดค้นและออกแบบผลงานใหม่ๆเพ่ือ
เพมิ่ มลู คา่ ชิ้นงานยิ่งข้นึ
3. ควรศกึ ษาการประดิษฐใ์ นรปู แบบอ่นื ๆเพ่ือเป็นการ
ต่อยอดต่อไป