The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสืออนุสรณ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by worachanc, 2022-03-04 00:14:42

หนังสืออนุสรณ์

หนังสืออนุสรณ์

ประวัติ

คุณแม่ปราณี ชลศึกษ์
เกิดเม่ือวันท่ี 8 ธันวาคม 2475 ณ กรุงเทพมหานคร
เป็นบุตรสาวคนโตของ นายทวี และ นางเทียบ เช้ือประเสริฐ
มีน้องชายร่วมบิดาและมารดา 1 คน คือ นายวีระ เช้ือประเสริฐ

และน้องชายน้องสาวร่วมบิดาอีก 5 คน

เมื่อเยาว์วัย คุณแม่ปราณีอาศัยอยู่กับคุณย่าและคุณลุง
และได้รับการอบรมสั่งสอนเร่ืองระเบียบวินัย มารยาท

และการปฏิบัติตนจากคุณย่า
คุณแม่ปราณีได้รับการศึกษาจากโรงเรียนมาแตร์เดอี

จนกระท่ังถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
ขณะน้ันเกิดสงครามโลก ครั้งท่ี 2

จึงต้องเลิกเรียน และจ้างครูมาสอนที่บ้านแทน

เมื่อเจริญวัยคุณแม่ปราณีได้มาช่วยงานบิดา
ซึ่งมีธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และโรงไม้

ในขณะเดียวกันก็ไปเรียนตัดเย็บเสื้อผ้า ซึ่งเป็นงานที่คุณแม่ชื่นชอบ
ต่อมาคุณแม่ทางานเป็นครูใหญ่

ในโรงเรียนสอนตัดเย็บเส้ือผ้าที่มีช่ือเสียงแห่งหน่ึงในสมัยนั้น

คุณแม่ปราณี ได้สมรสกับ นายอาภรณ์ ชลศึกษ์
ซ่ึงรับราชการอยู่ที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์

คุณแม่ปราณี มีบุตรสาว 2 คน คือ

นางปรมาภา ศรีสารคาม

ปัจจุบันดารงตาแหน่ง
ผู้อานวยการฝ่ายพัฒนาศักยภาพทรัพยากรบุคคลและคุณภาพ

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

พล.ต.ต.หญิง อาภาพรรณ ชลศึกษ์

รองผู้บัญชาการสานักงานคณะกรรมการข้าราชการตารวจ

สมรสกับ พล.ต.ต. ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี

รองผู้บัญชาการตารวจภูธรภาค 9 สานักงานตารวจแห่งชาติ

หลังแต่งงาน คุณแม่ปราณี
ได้เปิดร้านรับตัดเย็บเส้ือผ้าและรับสอนด้วย

คุณแม่ปราณี เป็นแม่เล้ียงเด่ียว
เนื่องจากคุณพ่ออาภรณ์เสียชีวิตไป
ต้ังแต่บุตรสาวคนโตอายุได้แค่ 9 ปี
อาชีพช่างตัดเสื้อ จึงเป็นอาชีพท่ีคุณแม่
ใช้เล้ียงบุตรสาวทั้งสองมาจนโต

คุณแม่เป็นผู้ที่มีจิตใจท่ีม่ันคง เข้มแข็ง
เป็นทั้งพ่อและแม่ให้แก่ลูกทั้งสอง เล้ียงดูลูกด้วยความอดทน

ให้ความรักความอบอุ่นอย่างไม่บกพร่อง
แม้ต้องทางานหนักเพื่อเลี้ยงดูลูก

คุณแม่พร่าสอนลูกให้เป็นคนดี มีคุณธรรม มีเหตุมีผล

เร่ืองที่คุณแม่เน้นย้าอยู่เสมอตั้งแต่ลูกยังเป็นเด็ก คือ
เรื่องความรับผิดชอบในหน้าที่ ความซื่อตรง

ความรักประเทศชาติ และการรักษาประโยชน์ของส่วนรวม

คุณแม่จะสอนเสมอว่า
ส่ิงของของคนอ่ืน โดยเฉพาะของที่เป็นสาธารณะ
เม่ือเอามาใช้ก็ต้องระวังรักษายิ่งกว่าของของตนเอง
คุณแม่ปราณี เป็นผู้มีจิตใจเมตตา มีความรักเผื่อแผ่ให้ทุกๆคน
จึงเป็นท่ีเคารพรัก เป็นที่พ่ึง เป็นร่มโพธ์ิร่มไทร

ของลูกหลานและผู้ที่ได้รู้จักใกล้ชิด



คุณแม่ปราณี ชลศึกษ์ ได้ล้มป่วยลงด้วยโรคมะเร็งเต้านม
และเข้ารับการรักษาพยาบาลท่ีโรงพยาบาลตารวจ
และถึงแก่กรรมด้วยอาการอันสงบ
เม่ือวันท่ี 8 ตุลาคม 2564 เวลา 23.00 น.
รวมสิริอายุได้ 88 ปี 9 เดือน

อาลัยรัก.. คุณอาปราณี ชลศึกษ์

รัก คุณอาย่ิงลา้ เรือนหทัย
ลา จากพรากไปไกล สู่ฟ้า
อาลัย รา่ ราลึกใน วันเก่า
น้าตาปร่ิม เปียกหน้า สุดเศร้า ใจสลาย
เสียดาย เพชรหน่ึงนั้น ประดับวงศ์
คุณอา รักยืนยง เยี่ยมหล้า
ปราณี ลูกหลานผจง ใจเป่ียม รักนา
ชลศึกษ์ กรานกราบฟ้า สู่พื้น พิมานสรวง

คุณอาปราณี ชลศึกษ์
เป็นอาสะใภ้ของข้าพเจ้า
กับพ่ีน้องอีกห้าคนในตระกูลชลศึกษ์
เป็นญาติผู้ใหญ่ที่สนิทชิดใกล้
คนสุดท้ายของพวกเราทั้งหก
และลูกหลานอีกหลายคนสุดที่จะนับ

คุณอาเป็นที่รักและเคารพของพวกเรา
มิใช่เพราะเป็นญาติเพียงเท่านั้น

แต่เพราะคุณอาเป็นบุคคลพิเศษท่ียากจะหาใครเหมือน
คุณอาเป็นกุลสตรีท่ีสุภาพ อ่อนโยน เรียบร้อย นุ่มนวล อ่อนหวาน

พูดช้าๆด้วยนา้ เสียงท่ีไพเราะ
ในใบหน้าและดวงตาเต็มไปด้วยความรักเพื่อนมนุษย์

…นานมาแล้วกว่าคร่ึงศตวรรษท่ีข้าพเจ้าได้พบคุณอาเป็นครั้งแรก
เนื่องจากอาอาภรณ์ ชลศึกษ์ อาสุดท่ีรักของข้าพเจ้า
ผู้เป็นน้องชายคนสุดท้องของคุณพ่อกระมล ชลศึกษ์
ได้พบรักและแต่งงานกับคุณอา

(หลังจากครองความเป็นโสดมาจนล่วงเลยความเป็นหนุ่มน้อยเน่ินนาน )

เพียงครั้งแรกท่ีข้าพเจ้าได้พบพูดจากับคุณอา
ข้าพเจ้าก็ตกหลุมรักคุณอาทันที เช่นเดียวกับอาอาภรณ์
ด้วยความเป็นบุคคลพิเศษของคุณอา ดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวแล้วข้างต้น
และเน่ืองจากคุณแม่ของข้าพเจ้าสิ้นชีวิตเม่ือข้าพเจ้าอายุเพ่ิงหกขวบ
อาอาภรณ์ซ่ึงมี ‘เรือนหลังเล็ก’ อยู่ในบริเวณเดียวกัน

กับ ‘บ้านหลังใหญ่’ ของพวกเรา
จึงเป็นที่พึ่งให้ความอบอุ่นทางใจแก่ข้าพเจ้าและน้องเล็ก
(หลังจากท่ีพ่ีคนโตสามคนของพวกเราสมรสและแยกบ้านไปแล้ว )

ข้าพเจ้าเติบโตข้ึนมาด้วยความรักลึกซ้ึงที่มีต่ออา
เหมือนเป็นบิดาอีกคนของข้าพเจ้า จึงไม่เป็นการยากเลย
ด้วยบุคลิกพิเศษของคุณอาปราณี…ที่ความรักน้ีจะถ่ายเทไปถึงคุณอาสะใภ้
และต่อมาก็ไปถึงลูกสาวสวยงามน่ารักสองคนของสองท่าน
เป้ิล (ปรมาภา) กับปุ้ย (พลตารวจตรีหญิงอาภาพรรณ) อีกด้วย

หลังจากมรณกรรมของอาอาภรณ์ คุณอาปราณีก็ทาหน้าที่แทนอา
ให้ความอบอุ่นทางใจแก่ข้าพเจ้าและน้องๆ
และต่อลูกๆหลานๆของพวกเราสืบต่อมา

ความเป็นบุคคลพิเศษของคุณอาปราณี
ทาให้คุณอาเป็นท่ีรักของทุกคนท่ีได้พบและรู้จัก
ถึงกับข้าพเจ้าได้ข่าวเล่าลือมาถึงอเมริกาว่า

บุตรเขยของคุณอา สามีของน้องปุ้ย
ก็รักใคร่ผูกพันต่อคุณอาเท่ากับมารดาของตนเอง

เมื่อข้าพเจ้าได้รับข่าวทาง ‘เมสเซนเจอร์’ จากเมืองไทยว่า
คุณอาปราณีสิ้นชีวิต ณ วันท่ี 8 ตุลาคม 2564

ข้าพเจ้าตกใจมาก แม้จะตระหนักว่า ท่านคงอายุใกล้เก้าสิบ
และท่านส้ินใจอย่างสงบ ไม่ปวดไม่เจ็บ…

หากก็อดเสียใจ เสียดาย รัก อาลัย จนน้าตาซึมมิได้…
แต่ขณะเดียวกัน ในจิตวิญญาณของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเชื่อม่ันทันทีว่า

บุคคลผู้ทาความดีตลอดชีวิตอย่างคุณอา…
อ่อนหวาน อ่อนโยน เมตตา ปรานี (สมชื่อของท่าน)

ให้ความรัก มุทิตา ให้แรงกาย แรงใจต่อทุกคน
ย่อมไปสู่สุคติ ณ สัมปรายภพแล้ว

คุณอาปราณีได้ไปพบอาอาภรณ์ของข้าพเจ้าในสรวงสวรรค์แล้ว

ศาสตราจารย์ วาสนา ชลศึกษ์ เคนแมน

(นักเขียนนามปากกา “นายา” “อาจารย์ Wanda”)



อาลัยรัก.. คุณอาปราณี ชลศึกษ์

เชื่อว่าต้องเป็นบุญที่เคยทาร่วมกันมา
ทาให้ได้มาอยู่ร่วมครอบครัวชลศึกษ์กับคุณอา และอยู่ด้วยกันมาถึง 50 ปี

เมื่อคุณอาย้ายไปอยู่บ้านใหม่ เราก็ยังอุ่นใจว่ายังไปหากันได้
พอคุณอาจากพวกเราไปจริงๆ เราถึงเข้าใจซึ้งถึงคาว่าว้าเหว่ ขาดที่ปรึกษา

คิดถึงคุณอามากๆยืนมองบ้านเก่าคุณอาทีไร
เรื่องราวต่างๆก็โผล่ขึ้นมาอย่างต่อเน่ือง

เร่ืองราวที่แสดงความเป็นตัวตนแท้ๆของคุณอาปราณี ชลศึกษ์

การทากิจกรรมครอบครัวร่วมกันมายาวนาน
ทาให้เราได้เรียนรู้ทุกสิ่งอย่างจากคุณอา
คุณอาทานาเสมือนครู

ไม่ว่าจะเป็นการดาเนินชีวิต การครัว การตัดเย็บ งานฝีมือ
คุณอาไม่ได้สอนแต่ "ทาให้ดู อยู่ให้เห็น เป็นตัวอย่าง"
เรานิยมชมช่ืน แต่เราก็ทาตามไม่ได้ครึ่งของคุณอา
เช่นว่าคุณอามีระเบียบ

เช้าข้ึนอาบนา้ แต่งตัวเอี่ยมอ่อง(แม้อยู่บ้าน) รับแขกได้เสมอ
การต้ังโต๊ะทานอาหารเย็นพร้อมกัน

บ้านช่องสะอาดสะอ้าน โดยเฉพาะห้องนา้
(น่ีแหละคือสาเหตุที่คุณอาเข้าห้องน้านาน เพราะแอบขัดเสมอ)

แก้วนา้ ของใครก็ของใคร ก่อนเข้านอนล้างควา่ สะอาด ใสก๊ิงพร้อมใช้ในวันใหม่
ท่ีหลับท่ีนอนจัดเป็นระเบียบ

ผ้าเช็ดตัวเล็กของคุณอาสะอาดดูใหม่จนกระทั่งขาด
คุณอาชอบแช่และซักผ้าขี้ริ้วท่ีใช้ทุกแผนกจนสะอาดเอี่ยมราวกับผ้าเช็ดหน้า

คุณอาบอกว่าในชีวิตก็ไม่ยึดติดอะไรมาก
แต่ยอมรับว่าปล่อยวางไม่ได้เรื่องเดียวคือความ สะอาด

คุณอาทาอะไรก็ทาให้ดีที่สุด
คุณอาเป็นช่างเสื้อท่ีลูกค้าเต็มใจรอ ไม่ว่าจะนานเท่าไร
ที่ต้องรอเพราะแน่ใจว่าจะได้ของถูกใจ ใส่สวย และทนทาน
ลูกค้าวางใจเร่ืองการออกแบบเสื้อ ส่งผ้ามา บอกโอกาสท่ีใช้เท่าน้ัน
คุณอาจะช่วยออกแบบให้เรียบโก้และเหมาะกับผู้ใส่ จึงใช้ได้นาน

เรื่องการตัดเย็บ คุณอามีประสบการณ์สูงในการสร้างแพทเทิร์น
วัดตัวละเอียด ทาให้ใส่แล้วดูดี ใส่สบาย ไม่ร้ังตึง

สาหรับฝีมือน้ันประณีตเน้ียบสุดๆ เวลาลูกศิษย์หรือช่างเย็บใจร้อนจะลัดข้ันตอน
มีประโยคทองของคุณอาท่ีทุกคนจาได้เสมอคือ
"จะเนาหรือจะเลาะ เลือกเอาอย่างหนึ่ง“

เร่ืองสีผ้าซับในหรือผ้ากุ๊น สีต้องเหมาะเจาะกันเป๊ะ
จาได้ดี ตอนบ่ายๆหลังจากคุณอาขับรถไปรับลูกหลานจากโรงเรียนแล้ว

ก็พาไปเดินหาซื้อผ้ากุ๊นผ้าซับในท่ีพาหุรัดและบางลาพู
เลือกนานมากกว่าจะได้เน้ือและสีถูกใจ

ก่อนกลับเด็กๆจะได้ทานก๋วยเต๋ียวลูกช้ินเจ้าอร่อยรองท้อง
พอกลับถึงบ้านอาบน้าเสร็จก็จะมีอาหารท่ีแสนอร่อยปรุงเตรียมไว้รอท่า

แปลกท่ีคุณอาเป็นลูกหลานคนจีนแคะ
แต่ทาอาหารเก่งท้ังจีนทั้งไทย
นา้ พริกแกงก็โขลกเอง
ช้อนเดียวผัดแล้วหอมฉุย
แกงพะแนงนั้นเลื่องช่ือยิ่งนัก

แกงส้มก็อร่อย นา้ พริกกะปิก็เป็นเลิศ
เวลาทาไปทาบุญงานใหญ่ๆ

จะมีคนเข้ามาขอกลับบ้านทุกคร้ัง

อาหารจีนน้ันไม่ต้องพูดถึง พะโล้เป็นอาหารจานเด่น
ที่เพ่ือนๆลูกหลานได้รับเป็นของฝากและติดใจที่สุด
คุณอาเค่ียวจนหอมได้ท่ีและสีสวยน่าทาน ผู้ใดได้รับก็ดีใจ

มีอาหารอย่างหน่ึงท่ีไม่พูดถึงไม่ได้ คือ “ผัดห่ัมโช้ย”
แสนอร่อยและชุ่มคอของคนจีนแคะ มันคือผัดผักแห้งกับหมูสามชั้น

คุณอาอาภรณ์ พ่อน้องเปิ้ลน้องปุ้ย เรียกว่า “ผัดหอมโชย”
เพราะเคี่ยวหลังบ้านหอมโชยไปถึงหน้าบ้าน

เราพยายามหัดผัดก็ยังไม่เหมือน ขั้นตอนของคุณอาละเอียดเหลือเกิน
มีการเอาผักแห้งมาล้าง มัดใหม่ น่ึงจนหอม แล้วถึงจะห่ันแช่น้าค้างคืน
เพื่อผัดและเค่ียวตอนเช้า น่ันคือความพิถีพิถันอันเป็นหลักของคุณอา

ทาอะไรต้องไปเต็มร้อยอย่างเต็มใจ
เชื่อว่าลูกหลานอ่านแล้วต้องบอกว่า “ใช่เลย”
แค่เทคนิคการทาพะแนงหมู ผัดพริกขิงหมู พะโล้ และหั่มโช้ย ที่คุณอาครอบเรามา

คนก็นึกว่าเราทาอาหารชานาญ

ใครๆท่ีเคยสัมผัสคุณอาปราณีจะพูดความประทับใจเป็นเสียงเดียวกันว่า
เป็นสตรีท่ีอัธยาศัยดี สง่า งดงาม ใจดี ใจเย็น ใช้แต่ปิยวาจา
เพื่อนๆของหลานๆมักจะตามหลานมาตัดเสื้อกับคุณอามากมาย
ทุกคนพากันมาติดใจคุณอากันหมด

มาตัดเส้ือและน่ังคุยสนิทสนม บางครั้งคุณอาก็ต้องทาหน้าที่ศิราณีไปด้วย
ใครๆก็เรียก “คุณอา” ติดปาก จนได้สมญาว่า “คุณอาจักรวาล”

ใกล้ปีใหม่คุณอาจะเตรียมส่ังอาหารเจ้าอร่อยฝากเป็นของขวัญปีใหม่
สาหรับญาติพี่น้องลูกหลานและเพ่ือนๆของลูกหลานอย่างทั่วถึง
และการหีบห่อต้องสวยเสมอ คุณอาเกิดมาเพื่อเป็น “ผู้ให้”

ที่โดดเด่นอีกอย่างคือเร่ืองความสม่าเสมอ
แม้งานเสื้อจะยุ่งเพียงใด

คุณอาไม่เคยแผ่วหรือละเลยสิ่งท่ีควรทาและเคยทาเป็นประจา
เช่น การใส่บาตรทุกวันพฤหัส การใส่บาตรให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ

การทาสังฆทานวันเกิดคนในครอบครัว
ตลอดจนการไปเย่ียมคารวะผู้ใหญ่ที่เคารพในโอกาสสาคัญ ฯลฯ
งานยุ่งเท่าไรคุณอาไม่เคยเว้น ทาไปช้าๆ ทาไปทุกๆหน้าที่เหมือนไม่เหน่ือย

ไม่เหนื่อยเพราะคุณอาไม่คิดว่าอะไรเป็นปัญหา

คุณอาไม่ค่อยได้ว่างออกจากบ้านไปศึกษาธรรมและปฏิบัติธรรมตามวัด
แต่คุณอามีศีลและมีธรรมเพียบพร้อมเป็นปกติ

อีกท้ังเป็นคนใจกว้างใจบุญ เมื่อคุณอาได้ยินว่าใครเดือดร้อนตกทุกข์ได้ยาก
คุณอาจะช่วยเสมอตามกาลัง และช่วยแบบไม่หวังตอบแทน

ใครมีปัญหาอะไร คุณอาก็จะปลอบด้วยประโยคเด็ดว่า “แล้วมันก็จะผ่านไป”
คุณอาไม่สอนใครพรา่ เพร่ือเพราะคุณอาเป็นคนพูดน้อย
คุณอารอและเลือกโอกาสเหมาะท่ีจะเตือนชี้แจงแบบนิ่งๆ
แต่มักมีประโยคแรงและเด็ดที่ได้ผล

ใครชื่นชมช่ืนชอบก็ทาตาม และพบความเจริญรุ่งเรืองกันท่ัวหน้า

เคยมีเด็กช่วยงานบ้านมาเรื่อยๆหลายคน
คุณอามีเทคนิคในการปกครองคนเป็นเลิศ
ไม่ว่าจะเป็นลูก หลาน ลูกน้องช่างตัดเย็บ เด็กในบ้าน
ทุกคนจะได้รับการดูแลสารทุกข์สุกดิบด้วยความเมตตา
เด็กช่วยงานบ้านได้รับโอกาสให้เรียนภาคพิเศษจนจบปริญญามีงานทา
มีความเจริญรุ่งเรืองและมีความสุขในชีวิตกันไป
คุณอาใช้ความใจเย็นใช้ประสบการณ์ปั้นดินให้เป็นดาวไปหลายดวง

เราเองและลูกหลานผ่านชีวิตมาได้ถึงทุกวันน้ี
เพราะโชคดีมีคุณอาคอยประคับประคองเป็นกาลังใจทุกอย่าง
คิดถึงคุณอาเมื่อไร ก็นึกได้ถึงความเมตตาปราณีของคุณอาต่อเราทุกคน
ช่างสมจริงๆที่คุณอาชื่อปราณี และถือกาเนิดมาในตระกูล 'เชื้อประเสริฐ'

ด้วยเคารพรักและอาลัยยิ่ง
ยุบล ชลศึกษ์























ถุงผ้า

เป็นที่ทราบกันดีว่า
แม่รักผ้ามาก

แม่เคยเล่าให้ฟังว่า
แม่ขออนุญาตคุณตาเรียนตัดเส้ือ

เพราะรักงานผ้า
โดยไม่ทราบว่าในท่ีสุดแล้ว

แม่ต้องยึดงานน้ี
เป็นอาชีพอย่างเต็มตัว

หลังจากท่ีพ่อตาย

แม่ทุ่มเทกับงาน เพราะต้องหาเงินเล้ียงลูกคนเดียว
แต่สาเหตุท่ีทาให้แม่มีลูกค้ารอคิวเป็นปี

เพราะแม่ทางานด้วยความรัก อยากให้งานออกมาดีที่สุดทุกช้ิน
ลูกค้าใส่เส้ือฝีมือแม่แล้วต้องดูดีเสมอ

แม่รักผ้าทุกชนิด ต้ังแต่ผ้าไหม หรือผ้าลูกไม้ราคาแพง ไปจนถึงผ้าข้ีร้ิว
ลูกสองคนแซวแม่เสมอว่า มรดกท่ีมีค่าสาหรับแม่คือผ้าขี้ร้ิวนี่แหละ
เอาไว้ห่อทอง แต่แม่ไม่มีทองให้หรอกนะ
ทุกมุมบ้านจะมีผ้าของแม่ซุก(ซ่อน)อยู่
นานๆครั้งแม่ก็จะเอาออกมาคลี่ดูทีละช้ิน
ลูบคลาด้วยความรัก แล้วพับเก็บไว้อย่างเรียบร้อยเหมือนเดิมทุกช้ิน

ความรักของแม่ที่มีต่อผ้าน้ี ทาให้ลูกคิดนาผ้า
มาทาเป็นของชาร่วยแจกในงานสุดท้ายของแม่

ของชาร่วยที่แจกในงาน
เป็นถุงผ้าลินินร้อยเชือกตรงปากถุง

และที่ปลายเชือกมีดอกแก้ว
ทาด้วยผ้าสีสวยรูดผูกเป็นโบว์

ภายในถุงบรรจุยาเหลือง
ซึ่งก็เป็นยาท่ีแม่ใช้และมีติดตัวเสมอ
และช่วงหลังเวลานอนแม่หายใจไม่สะดวก
แม่จะให้ลูกทายาเหลืองที่ปลายจมูกให้แม่

ก่อนนอนทุกคืน

ถุงผ้าน้ีมีความพิเศษ
เพราะหาซ้ือท่ีไหนไม่ได้
เนื่องจากลูกหลานและเพื่อนพี่น้องท่ีรักแม่
ช่วยกันออกแบบและทาเองทุกข้ันตอน

บางถุงสวยกริบเพราะพ่ีท่ีเป็นช่างช่วยเย็บให้
บางถุงบิดเบ้ียวไปบ้างเพราะคนเย็บไม่ใช่มืออาชีพแต่อยากทาให้

ส่วนดอกแก้วท่ีปลายเชือกทาด้วยผ้าสีสวยที่แม่บรรจงเก็บไว้
และที่สาคัญคือทุกคนเต็มใจที่ได้ช่วย

และได้คุยเรื่องแม่ระหว่างท่ีทางานกันอย่างมีความสุข

ถุงผ้าน้ี..ถึงแม้ไม่อาจพูดได้ว่า เป็นของขวัญจากแม่
เพราะถ้าเป็นของแม่จะต้องสวยกริบงามเลิศทุกใบ
แต่คงพอจะใช้เป็นสื่อถึงความเป็นแม่ ความรักท่ีทุกคนมีให้แม่

และเป็นเคร่ืองระลึกถึงแม่ได้เป็นอย่างดี

จาก
ลูกแม่


Click to View FlipBook Version