ยอห์น 8:36 ถ้าพระบ ุ ตรจะทําให้ท่านเป็ นอิสระ ท่านก็จะเป็ นอิสระอย่างแท้จริง ยอห์น และ ส ุ ภาษิต
พระคริสตธรรมคัมภีร์ฉบับแปลใหม่ (NTV) ฉบับยอห์น และ สุภาษิต NTV ฉบับ 2022 New Thai Version (NTV) John and Proverbs NTV Text Edition 2022 สงวนลิขสิทธิ์ © 1998, 2012, 2022 โดย มูลนิธิฉบับแปลใหม่ ทะเบียนเลขที่ TX7-689-936 [email protected] Copyright © 1998, 2012, 2022 by New Thai Version Foundation Registration Number TX7-689-936 [email protected] แปลโดยคณะผู้แปลพระคัมภีร์ฉบับแปลใหม่ Translated by New Thai Version Foundation Map on page 83 © 2023 Wycliffe Bible Translators Inc. การนาไปใช ํ ในเช ้ ิงพาณิชย์ทุกรูปแบบ หรือใชเพ้ ื่อการแปลใหม่หรือเรียบเรียงใหม่จะต้องไดรับ้ อนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น All commercial use or for translating and revising other Thai versions is by permission only. จัดพิมพ์และจัดจําหน่ายโดยกนกบรรณสาร 86 122-4 ซ. ท่าข้าม 28 1 ถ. พระราม 2 เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ 10150 Printed and Distributed by Kanok Bannasan 86 122-4 Tha Kham 281, Rama 2 Rd., Bangkhuntian, Bangkok 10150, Thailand ดาวน์โหลด NTV ได้จาก YouVersion และ Bible Gateway
สารบัญ ยอห์น . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 1 สุภาษิต . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 38 แผนที่ . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 83
คํากล่าว แห่ง ชีวิต 1คํากลาว่ ดํารงอยนับู่แตคร่้ังปฐมกาลคํากลาว่ นั้นดํารงอยกู่บัพระเจ้าและคํากล่าวนั้นคือ พระเจ้า 2พระองคได์ ดํ ้ารงอยกู่บัพระเจ้านับแต่ คร้ังปฐมกาล3ทุกสิ่งเกิดขึ้นไดก้เพราะ็พระองค์ ถ้าปราศจากพระองคแล์ ้ว สิ่งที่เป็นอยนีู่้จะมีขึ้น มาไม่ได้ 4พระองคเป์ ็นแหล่งกาเนํ ิดแห่งชีวิต และชีวิตนั้นเป็นความสวาง่ของมนุษย์ 5ความ สวาง่ส่องเข้ามาในความมืด และความมืดกไม็ ่ อาจเอาชนะความสวาง่ ได้ 6มีชายคนหนึ่งชื่อยอห์นผู้ซึ่งพระเจ้าใชมา้ 7ท่านไดมา้เพื่อเป็นพยาน และเป็นผู้ยืนยันถึง ความสวาง่ นั้น เพื่อคนทั้ งปวงจะไดมี้ความเชื่อa โดยผาน่ท่าน 8ท่านเองไม่ใช่ความสวาง่แต่มา เพื่อเป็นผู้ยืนยันถึงความสวาง่เท่านั้น 9ความสวาง่แทซึ่ง้ทอแสงไปยังมนุษยทุก์คน กาลํ ังเข้ามาในโลก10พระองคดํ ์ารงอยในู่ โลก แมว้า่พระเจ้าสร้างโลกขึ้นมาโดยผาน่พระองค์ แตโลก ่กลับไมรู้จัก ่พระองค์ 11พระองคมา์สู่บ้าน เมืองของพระองค์แต่ชนชาติของพระองคกล์ ับ ไม่ต้อนรับ 12ส่วนคนที่ต้อนรับและเชื่อในพระ นามของพระองค์พระองค์กให้ ็ ได้รับสิทธิ์เป็น บุตรของพระเจ้า 13คือบุตรที่ไม่ได้เกิดจาก เลือดเน้ ือที่เป็นมนุษยหร์ ือความต้องการฝ่าย เน้ ือหนังb หรือความประสงคของ์ ฝ่ายชายแต่ เกิดจากพระเจ้า 14คํากล่าวนั้นไดมา้เกิดเป็นมนุษยและ์ พํานัก อยทู่ ่ามกลางเรา พวกเราไดเห้ ็นพระบารมีของ พระองค์อันเป็นพระบารมีของพระบุตรองค์ เดียวผู้มาจากพระบิดา บริบูรณ์ด้วยพระคุณและ ความจริง 15ยอห์นร้องประกาศเพื่อยืนยันถึงพระ องค์วา่ “พระองค์คือผู้ที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงวา่ ‘ผู้ที่ มาภายหลังข้าพเจ้าเหนือยิง่กวา่ ข้าพเจ้า เพราะ วา่พระองคดํ ์ารงอยกู่ ่อนข้าพเจ้า’ ” 16จากความ บริบูรณ์ของพระองค์เราทุกคนจะไดรับ้พระคุณ เพมิ่แล้วเพมิ่อีกเสมอไป 17ด้วยวา่กฎบัญญัติถูก มอบใหโดย ้ผาน่ โมเสสc ส่วนพระคุณและความ จริงมาไดโดย ้ผาน่พระเยซูคริสต์ d 18ไม่มีใครเคย เห็นพระเจ้าแต่พระบุตรองคเด์ ียวผู้ดํารงความ เป็นพระเจ้าผู้อยในู่ อ้อมอกของพระบิดาไดทํา้ ให้พระบิดาเป็นที่รู้จัก คํา ยืนยัน ของ ยอห์น 19นี่เป็นคํายืนยันของยอห์น เมื่อชาวยิวจาก เมืองเยรูซาเล็มส่งพวกปุโรหิตe และพวกเลวี f ไป ถามวา่ท่านคือใคร20ท่านยอมรับ และตอบตาม ความจริงวา่ “ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสต” ์ 21พวก เขาจึงถามต่อไปวา่ “แล้วท่านคือใครเล่า เป็น เอลียาห์หรือ” ท่านตอบวา่ “ไม่ใช่” “ท่านเป็น ยอห์น a 1:7 เชื่อคํานี้นอกจากจะมีความหมายวา่ เชื่อในพระเจ้าแล้วยังหมายถึงการวางใจด้วย ซึ่งบันทึกไว้ในฉบับ ยอห์นเกือบ 100 ครั้ง b1:13ฝ่ายเนื้อหนัง ในที่นี้เป็นสิ่งตรงข้ามกบั ฝ่ายวิญญาณ คือความต้องการที่มักจะโน้ม เอียงไปในทางไม่ดีซึ่งมนุษย์ทุกคนมีโดยธรรมชาติ c 1:17โมเสส เป็นผู้ที่นําชาวยิวที่เป็นทาสออกจาก ประเทศอียิปต์ไปยังประเทศอิสราเอล ประมาณ 1,500 ปีก่อน ค.ศ. (1,000 ปีก่อน พ.ศ.) d1:17เยซูภาษาฮีบรู แปลได้ความวา่พระเจ้าผู้ช่วยให้รอดพ้น ส่วนคําวา่ คริสต์เป็นภาษากรีกที่แปลจากภาษาฮีบรูเมสสิยาห์ชาวยิว เข้าใจวา่ เมสสิยาห์คือผู้ที่ได้รับเลือกและเป็นผู้ช่วยให้รอดพ้นที่พระเจ้าสัญญาไว้ในพันธสัญญาเดิม e 1:19 ปุโรหิต ผู้ที่ทํางานประจําพระวิหาร f 1:19 พวกเลวีมีหน้าที่ช่วยพวกปุโรหิตทํางานในพระวิหาร
g1:23อิสยาห์ 40:3 h1:24 ฟาริสีมีความหมายวา่คนที่แยกออกจากผู้อื่น เป็นกลุ่มผู้นําชาวยิวซึ่งมีหน้าที่ ปฏิบัติตนตามกฎบัญญัติเพื่อเป็นตัวอยาง่ i1:25 บัพติศมาคือการจุ่มตัวลงในนํ้ า เป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ตั้ งใจจะ กลับใจจากการทําบาป j 1:33 พระวิญญาณบริสุทธิ์พระวิญญาณพระเจ้า k1:39 หรือ 4 โมงเย็น ผู้เผยคํากล่าวของพระเจ้าผู้นั้นหรือ” ท่านตอบ วา่ “ไม่ใช่” 22ในที่สุดเขาเหล่านั้นพูดวา่ “ท่าน เป็นใครโปรดใหคํา้ตอบแก่ เราเพื่อกลับไปบอก บรรดาผู้ที่ส่งเรามาเถิด ท่านอ้างวา่ท่านเป็นใคร” 23ยอห์นตอบตามคํากล่าวของอิสยาห์ผู้เผย คํากล่าวของพระเจ้าวา่ “ข้าพเจ้าเป็นเสียงของผู้ ที่ร้องในถิ่ นทุรกนดารัวา่ ‘จงทําทางใหตรง้เพื่อ พระผู้เป็นเจ้าเถิด’ ”g 24ส่วนคนที่พวกฟาริสีhส่งมา 25ไดถาม้ยอห์น วา่ “ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์หรือเอลียาห์หรือ ผู้เผยคํากล่าวของพระเจ้าผู้นั้น แล้วทําไมท่าน จึงใหบั ้พติศมาi เล่า” 26ยอห์นตอบวา่ “ข้าพเจ้าให้ บัพติศมาด้วยนํ้ าแตผู้ ่ ที่ยืนอยทู่ ่ามกลางพวกท่าน ท่านกลับไม่รู้จัก27พระองคเป์ ็นผู้ที่มาภายหลัง ข้าพเจ้า แมแต้ ่เชือกผูกรองเท้าของพระองค์ ข้าพเจ้าก็มิบังควรที่จะแกออก้ ” 28เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานีทางด้านตะวันออกของ แม่นํ้ าจอร์แดน อันเป็นที่ซึ่ งยอห์นกาลํ ังให้ บัพติศมาอยู่ ลูก แกะ ของ พระ เจ้า 29วันรุ่งขึ้นยอห์นเห็นพระเยซูกาลํ ังเดินตรงมา หาท่าน จึงกล่าววา่ “ดูสิลูกแกะของพระเจ้า เป็น ผู้ที่รับเอาบาปของโลกไป 30นี่คือผู้ที่ข้าพเจ้าพูด ถึงวา่ ‘ผู้มาภายหลังข้าพเจ้าคือผู้ที่เหนือยิง่กวา่ ข้าพเจ้า เพราะพระองคดํ ์ารงอยกู่ ่อนข้าพเจ้า’ 31ข้าพเจ้าเองแม้ไม่รู้จักพระองค์มาก่อน แต่เหตุ ที่ข้าพเจ้ามาใหบั ้พติศมาด้วยนํ้ าก็เพื่อใหพระ้ องคได์ เป้ ็นที่ประจกษัแก์ ่พวกชนชาติอิสราเอล” 32แล้วยอห์นกกล็ ่าวยืนยันวา่ “ข้าพเจ้าเห็นพระ วิญญาณลงมาจากสวรรคใน์รูปลกษณั ์ของนก พิราบ และสถิตกบัพระองค์ 33ข้าพเจ้าเองแมไม้ ่ รู้จักพระองคมา์ก่อน แต่ผู้ที่ส่งข้าพเจ้ามาเพื่อให้ บัพติศมาด้วยนํ้ าไดบอก้ ข้าพเจ้าไวว้า่ ‘เมื่อเจ้า เห็นพระวิญญาณลงมาสถิตกบัผู้ใด ผู้นั้นจะเป็น ผู้ที่ให้บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธ์ิ’j 34ข้าพเจ้าไดเห้ ็นแล้วและขอยืนยันวา่ ผู้นี้เป็น พระบุตรของพระเจ้า” สาวก กลุ่ม แรก ของ พระ เยซู 35ในวันรุ่งขึ้น ยอห์นยืนอยทีู่่ นัน่อีกกบัสาวก 2 คน 36 เมื่อท่านเห็นพระเยซูเดินผาน่ ไป ท่าน กล่าววา่ “ดูสิลูกแกะของพระเจ้า” 37 เมื่อสาวก ทั้ งสองได้ยิน ก็ติดตามพระเยซูไป 38พระเยซู หันมาพบวา่พวกเขาเดินตามมาจึงถามวา่ “เจ้า แสวงหาอะไร” เขาตอบวา่ “รับบี” (ซึ่งแปลวา่ อาจารย) “์ท่านพักอยู่ที่ไหน” 39พระองคตอบ์ วา่ “มาเถิด แล้วเจ้าจะไดเห้ ็นเอง” ดังน้นัสาวก ทั้ งสองจึงไดตาม้ ไปและเห็นวา่พระองคพัก์อยู่ ที่ไหน ในวันนั้นเขาก็ได้พักอยู่กบัพระองค์ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 10 โมงเช้าk 40หนึ่ง ในสองคนที่ได้ยินยอห์นพูดและไดติ้ดตามพระ องคไป์ คืออันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตร 41อันดรูว์จึงไปหาซีโมนพี่ชายของตนก่อนเพื่อ บอกเขาวา่ “เราไดพบ้พระเมสสิยาห์ (ซึ่งแปล วา่พระคริสต) ์แล้ว” 42คร้ันแล้วก็พาซีโมนมา หาพระเยซูพระเยซูมองเขาและกล่าววา่ “เจ้า คือซีโมนบุตรของยอห์น เจ้าจะได้รับชื่อว่า เคฟาส” (ซึ่งแปลวา่ เปโตร) ฟี ลิป และ นาธานาเอล นาธานาเอล ติดตามพระ เยซู 43วันรุ่งขึ้นพระเยซูตั้ งใจจะไปยังแคว้นกาลิลี พระองคพบ์ ฟี ลิปจึงกล่าวขึ้นวา่ “จงตามเรามา ยอห์น 1:22 2
l 1:51 ทูตสวรรค์ตัวแทนหรือผู้ส่งข่าวจากสวรรค์ m 1:51 บุตรมนุษย์ชื่อนี้มาจากฉบับเอเสเคียลและดาเนียล แสดงวา่ ถึงแม้พระเยซูเป็นพระเจ้า พระองค์ตั้ งใจที่จะเป็นมนุษย์เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดพ้น n2:13 ปัสกา เป็น เทศกาลของชาวยิวเพื่อระลึกถึงชนชาติยิวที่ได้รับการปลดปล่อยทาสออกจากประเทศอียิปต์ฉบับอพยพ บทที่ 12 เถิด” 44ฟี ลิปมาจากเมืองเบธไซดา เช่นเดียวกบั อันดรูว์และเปโตร 45ฟี ลิปพบนาธานาเอลและ บอกเขาว่า “เราไดพบ้ ผู้ที่โมเสสเขียนถึงใน หมวดกฎบัญญัติและที่บรรดาผู้เผยคํากล่าวของ พระเจ้าเขียนถึงด้วย คือพระเยซูแห่งเมือง นาซาเร็ธผู้เป็นบุตรของโยเซฟ” 46นาธานาเอล ถามวา่ “สิ่งดีอันใดจะมาจากเมืองนาซาเร็ธได้ หรือ” ฟี ลิปบอกเขาวา่ “มาดูสิ” 47เมื่อพระเยซู เห็นนาธานาเอลเดินเข้ามาใกล้พระองคจึง์กล่าว วา่ “คนนี้เป็นชาวอิสราเอลแท้หามีเล่ห์เหล ี่ ยม ไม่” 48นาธานาเอลจึงถามวา่ “ท่านรู้จักข้าพเจ้า ไดอย้ างไร ่ ” พระเยซูตอบวา่ “เราเห็นเจ้าเวลาเจ้า อยใตู่ ต้น้มะเดื่อก่อนที่ฟี ลิปจะไปเรียกเสียอีก” 49นาธานาเอลตอบพระองคว์า่ “รับบีพระองค์ เป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองคเป์ ็นกษตรั ิย์ ของอิสราเอล” 50พระเยซูกล่าววา่ “เจ้าเชื่อเพราะ เราบอกวา่เราเห็นเจ้าอยใตู่ ต้น้มะเดื่อเจ้าจะเห็น สิ่งที่ยิง่ใหญ่กวา่ นี้” 51พระองคกล์ ่าวต่อไปอีกวา่ “เราขอบอกความจริงกบัพวกเจ้าวา่เจ้าจะเห็น สวรรคเป์ ิ ด และบรรดาทูตสวรรค์ l ของพระเจ้า จะขึ้นและลงอยูเหนือ ่ บุตรมนุษย์”m งานสมรส ที่ หมู่บ้าน คานา 2ในวันที่สามมีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาใน แคว้นกาลิลีมารดาของพระเยซูอยู่ที่นัน่ 2และพระเยซูพร้อมด้วยเหล่าสาวกของพระองค์ ไดรั้บเชิญไปในงานนั้นด้วย3เมื่อเหล้าองุ่นหมด มารดาของพระเยซูไดพูด้กบัพระองคว์า่ “เหล้า องุ่นหมดแล้ว” 4พระเยซูกล่าวกบันางวา่ “หญิง เอ๋ย เร ื่ องนี้เก ี่ ยวของ้กบัข้าพเจ้าและท่านหรือ ยังไม่ถึงกาหนดํเวลาของข้าพเจ้า” 5มารดาของ พระองคบอก์พวกผู้รับใชว้า่ “จงทําตามที่ท่าน สั่ งเจ้าเถิด” 6มีโอ่งหินชนิดที่ชาวยิวใชสํ ้าหรับพิธีชําระ ล้างตั้ งอยู่6ใบ แตละ่ ใบจุนํ้ าไดประมาณ ้ 80-120 ลิตร 7พระเยซูกล่าวกบัพวกคนรับใช้วา่ “จงตัก นํ้ าใส่โอ่งใหเต้ ็ม” คนรับใชก้ ็ตักนํ้ าใส่จนเต็ม ถึงปากโอ่ง 8พระองคบอก์พวกเขาวา่ “จงตัก ไปใหหั ้วหน้าคนรับใชเถ้ ิด” คนรับใชก้ ทํา ็ตาม 9หัวหน้าคนรับใชชิม้ นํ้ าและพบวา่ นํ้ าไดกลาย้ เป็นเหล้าองุ่นไปแล้ว เขาไม่ทราบวา่เหล้าองุ่น มาจากไหน แต่วา่พวกคนรับใชที่ ้ ตักนํ้ าทราบดี เขาจึงเรียกเจาบ้ ่าวมา 10และพูดวา่ “ทุกคนเอา เหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อดื่มกนัจน มากมายแล้วจึงเอาที่ไม่สู้ดีมาให้แต่ท่านได้ เก็บเหล้าองุ่นอยาง่ ดีไวจน้ ถึงบัดน้ี” 11นี่เป็น ปรากฏการณ์อัศจรรยคร์ ้ังแรกที่พระเยซูได้ กระทําที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลีพระองค์ ไดแสดง ้ ให้เห็นพระบารมีของพระองค์และ บรรดาสาวกกเชื่อ็ ในพระองค์ 12หลังจากนั้นพระองคพร์ ้อมด้วยมารดาและ บรรดาน้องชาย รวมท้ งัสาวกของพระองคได์ ้ เดินทางลงไปยังเมืองคาเปอร์นาอุม และพักอยู่ ที่นัน่เพียงไม่ก ี่วัน พระ เยซู ขับไล่ คน ซื้อ ขาย ที่ พระวิหาร 13เมื่อเกือบถึงเทศกาลปัสกาของชาวยิวn พระ เยซูเดินทางขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็ม 14ในบริเวณ พระวิหาร พระองคพบ์วา่ มีคนขายโคแกะและ นกพิราบ มีคนนัง่โต๊ะแลกเปลี่ ยนเงินตรา 15พระ องคเอา์เชือกทําเป็นแส้ไล่ทั้ งโคและแกะเหล่า นั้นให้พ้นจากบริเวณพระวิหาร พระองค์เท 3 ยอห์น 2:15
o2:17 สดุดี69:9 p3:14กนดารวิถี ั 21:4-9 เหรียญออกและควํ่าโต๊ะของพวกคนแลก เปลี่ ยนเงิน 16คร้ันแล้วกกล็ ่าวกบัพวกคนขายนก พิราบวา่ “จงเอานกพวกนี้ไป และอยา่มาใชพระ้ ตําหนักของพระบิดาของเราเป็นที่ค้าขายอีก” 17บรรดาสาวกของพระองคจํา์ ไดว้า่ มีบันทึกไว้ ว่า “ความปรารถนาอันแรงกล้าในเร ื่ องพระ ตําหนักของพระองค์ท่วมท้นใจข้าพเจ้า”o 18บรรดาชาวยิวพูดกบัพระองคว์า่ “ท่านแสดง ปรากฏการณ์อัศจรรยอะไร ์ ให้เราเห็นไดบ้ ้าง ไหมวา่ท่านมีสิทธิอํานาจในการกระทําสิ่งเหล่า นี้” 19พระเยซูตอบพวกเขาวา่ “ท่านทําลายพระ วิหารนี้และใน 3 วันเราจะสร้างขึ้นมาไดอีก้ ” 20บรรดาชาวยิวตอบวา่ “ต้องใชเวลา้ ถึง 46 ปีจึง สร้างพระวิหารนี้ขึ้นมาได้ท่านจะสร้างใหเสร ้ ็จ ไดใน้ 3 วันหรือ” 21พระวิหารที่พระองคพูด์ ถึง นั้นคือร่างของพระองค์ 22หลังจากที่พระองคฟื์้น คืนชีวิตจากความตายแล้วเหล่าสาวกจึงจําไดว้า่ พระองคได์พูด้ ถึงเร ื่ องนี้แล้วและทําใหพวก้เขา เชื่อพระคัมภีร์และคําที่พระเยซูได้กล่าวไว้ 23ในเทศกาลปัสกาขณะที่พระองค์พํานัก อยู่ที่เมืองเยรูซาเล็ม มีคนจํานวนมากที่เห็น ปรากฏการณอั ์ศจรรยซึ่ง์พระองคได์กระท้ ํา พวก เขาจึงเชื่อในพระนามของพระองค์ 24แตพระ่เยซู มิไดวางใจ ้ ในคนเหล่านั้น เพราะพระองครู้์ถึง จิตใจมนุษยทั ์ ้ งหลาย 25พระองคไม์ ่จําเป็นต้อง ใหผู้ ้ใดมายืนยันในเร ื่ องของมนุษย์เพราะทราบ ดีวา่ มนุษย์เป็นอยางไร ่ พระ เยซู และ นิโคเดมัส นิโคเดมัส 3 มีฟาริสีคนหนึ่งชื่อนิโคเดมัส ซึ่งเป็นผู้อยู่ ในระดับปกครองของชาวยิว2เขาไดมา้หา พระเยซูในเวลากลางคืนและกล่าวว่า “รับบี พวกเราทราบวา่ท่านเป็นอาจารยที่ ์มาจากพระ เจ้า เพราะไม่มีผู้ใดสามารถแสดงปรากฏการณ์ อัศจรรยต์ ่างๆ เหมือนที่ท่านกระทําได้เว้นแต่ วา่พระเจ้าจะอยกู่บัผู้นั้น” 3พระเยซูตอบวา่ “เรา ขอบอกความจริงกบัท่านวา่ ไมมี่ ผู้ใดที่จะสามารถ เห็นอาณาจกรัของพระเจ้าได้นอกเสียจากวา่ ผู้ นั้นจะเกิดใหม่” 4นิโคเดมัสพูดขึ้นวา่ “คนชรา แล้วจะเกิดใหม่ไดอย้ างไร ่เขาจะกลับเข้าไปใน ท้องแม่เป็นคร้ังที่สอง แล้วเกิดใหม่อยาง่ นั้น หรือ” 5พระเยซูตอบวา่ “เราขอบอกความจริง กบัท่านว่า ไม่มีผู้ใดที่จะเข้าสู่อาณาจกรัของ พระเจ้าได้นอกเสียจากวา่เขาจะเกิดจากนํ้ าและ พระวิญญาณ 6สิ่งที่เกิดจากเน้ ือหนังก็จะเป็น ฝ่ายเน้ ือหนังและสิ่งที่เกิดจากพระวิญญาณกจะ็ เป็นฝ่ายวิญญาณ 7อยา่ ประหลาดใจที่เราพูดกบั ท่านวา่ ‘ท่านจะต้องเกิดใหม่’ 8ลมจะพัดไปทาง ไหนก็พัดไป ท่านได้ยินเสียงลมพัดแต่ไม่อาจ ทราบไดว้า่ พัดมาจากไหน และจะพัดไปที่ไหน เช่นเดียวกบัทุกคนที่เกิดจากพระวิญญาณ” 9นิโคเดมัสถามพระองคว์า่ “สิ่งเหล่านี้เป็น ไปไดอย้ างไร ่ ” 10พระเยซูตอบวา่ “ท่านเป็น อาจารยของ์ชาวอิสราเอลแล้วยังไม่เขาใจ ้ สิ่ง เหล่านี้หรือ11เราขอบอกความจริงกบัท่านวา่ พวกเราพูดถึงสิ่งที่พวกเรารู้และยืนยันใน สิ่งที่พวกเราได้เห็น แต่ท่านทั้งหลายก็ยัง ไม่ยอมรับคํายืนยันของเรา 12เราพูดใหท้ ่านฟัง ถึงสิ่งต่างๆ ทางโลกแต่พวกท่านไม่เชื่อแล้ว จะเชื่ออยางไร ่ ถ้าเราพูดถึงสิ่งต่างๆ ในสวรรค์ 13ไม่มีผู้ใดเคยขึ้นไปสวรรค์เว้นแต่ผู้ที่ลงมา จากสวรรคคือ์บุตรมนษยุ์14โมเสสชูงูขึ้นในถิ่ น ทุรกนดารั ฉันใด บุตรมนุษย์ต้องถูกชูขึ้น ฉันน้นั p 15เพื่อทุกคนที่เชื่อในท่านจะไดมี้ ชีวิต อันเป็นนิรันดร์ ยอห์น 2:16 4
q4:4 ชาวยิวและชาวสะมาเรียเข้ากนัไม่ได้เพราะวา่ชาวสะมาเรียเป็นชนชาติผสมระหวาง่ ยิวและชาติอื่นซึ่งนับ วา่ ไม่ใช่ชาวยิวแท้ 16เพราะวา่พระเจ้ารักโลกยิง่นักจึงไดมอบ้ พระบุตรองคเด์ ียวของพระองค์เพื่อวา่ ผู้ใดที่เชื่อ ในพระบุตรจะไมพิ่นาศแตมี่ ชีวิตอันเป็นนิรันดร์ 17ด้วยเหตุวา่พระเจ้ามิไดส้่งพระบุตรของพระ องคมา์ ในโลกเพื่อกล่าวโทษ แต่เพื่อใหโลก ้ ได้ รอดพ้นโดยผาน่พระองค์ 18ผู้ที่เชื่อในพระองค์ กไม็ ่ถูกกล่าวโทษ แต่ผู้ใดไม่เชื่อกถูก็กล่าวโทษ แล้วเพราะเขาไม่เชื่อในพระนามของพระบุตร องคเด์ ียวของพระเจ้า 19คํากล่าวโทษกคือ็ความ สวาง่ ไดส้่องมายังโลกแล้วแต่คนมักชอบความ มืดมากกวา่ความสวาง่เพราะพวกเขาชอบทํา ความชัว่ 20ทุกคนที่ทําความชัว่จะเกลียดความ สวาง่และจะไมเด่ ินเข้าหาความสวาง่เพราะกลัว วา่การกระทําของเขาจะปรากฏแจ้ง 21แต่คนที่ ประพฤติถูกตอง้ตามความจริงจะเดินเข้าหา ความสวาง่เพื่อใหการ้กระทําของเขาในพระเจ้า เป็นที่ปรากฏแจ้ง” พระ เยซู และ ยอห์น ผู้ ให้ บัพติศมา บัพติศมา 22หลังจากนั้น พระเยซูและเหลา่สาวกของพระ องคได์เข้ ้าไปในดินแดนของแคว้นยูเดีย ซึ่งพระ องค์ใช้เวลาอยู่กบัพวกเขา และให้บัพติศมา 23ยอห์นเองก็กาลํ ังใหบั ้พติศมาที่อายโนนใกล้ หมู่บ้านสาลิมเพราะวา่ ที่นัน่อุดมไปด้วยนํ้ าและ ผู้คนกพา็กนัมารับบัพติศมา 24ด้วยวา่ยอห์นยัง ไม่ถูกจําขัง 25เกิดการถกเถียงกนัเร ื่ องพิธีชําระระหวาง่พวก สาวกของยอห์นและชาวยิวผู้หนึ่ง 26พวกเขาจึง มาหายอห์นและถามวา่ “รับบีบุคคลที่อยกู่บั ท่านที่ฟากแม่นํ้ าจอร์แดนด้านตะวันออกที่ท่าน ยืนยันนั้น กาลํ ังใหบั ้พติศมาอยู่และผู้คนต่างก็ พากนัไปหาท่านด้วย” 27ยอห์นตอบวา่ “คนเรา จะไม่ไดรับ้ สิ่งใดเลยนอกจากพระเจ้าจะมอบ จากสวรรคให์แก้ ่ เขา 28พวกท่านเองกยื็นยันเพื่อ ข้าพเจ้าไดใน้ คําพูดของข้าพเจ้าที่วา่ ‘ข้าพเจ้าไม่ ใช่พระคริสต์แต่พระเจ้าส่งข้าพเจ้ามาล่วงหน้า พระองค’ ์ 29ท่านที่มีเจาสาว ้กคือ็เจาบ้ ่าวแตเพ่อน ื่ เจาบ้ ่าวที่ยืนฟังเจาบ้ ่าวอยู่ก็ชื่นชมยินดียิ่ งนัก เพราะได้ยินเสียงของเจาบ้ ่าว ฉะน้นัความยินดี ของข้าพเจ้าเต็มเปี่ ยมแล้ว 30พระองคจะ์ ต้องยิง่ ใหญ่ขึ้น ในขณะที่ข้าพเจ้าจะด้อยลง 31พระองค์ผู้มาจากเบ้ ืองบนย่อมเป็นใหญ่ เหนือสิ่งทั้ งปวงผู้มาจากฝ่ายโลกยอม่ เป็นฝ่าย โลกและพูดถึงฝ่ายโลก พระองคผู้ ์มาจากสวรรค์ เป็นใหญเหน่ ือสิ่งทั้ งปวง 32พระองคยื์นยันในสิ่ง ที่พระองคได์เห้ ็นและได้ยิน แตไม่ มี่ ผู้ใดยอมรับ คํายืนยันของพระองค์33คนที่รับคํายืนยันก็ ยอมรับแล้ววา่เขาเชื่อวา่ สิ่งที่พระเจ้ากล่าวไวเป้ ็น ความจริง 34ด้วยวา่ องค์ที่พระเจ้าได้ส่งมากคือ็ ผู้ ประกาศคํากล่าวของพระเจ้า เพราะพระองค์ มอบพระวิญญาณให้อย่างไร้ขอบเขตจํากดั 35พระบิดารักพระบุตรและไดมอบ้ทุกสิ่งไวใน้ มือของพระบุตรแล้ว 36ผู้ใดกตาม็ ที่เชื่อในพระ บุตรจะมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์แต่ผู้ที่ปฏิเสธพระ บุตรกจะ็ ไม่เห็นชีวิต เพราะการลงโทษของพระ เจ้าจะตกอยูก่บัเขา” พระ เยซู และ หญิง ชาว สะมาเรีย สะมาเรีย 4เมื่อพระเยซูทราบว่าพวกฟาริสีได้ยินว่า พระองคให์ บั ้พติศมาและไดสาวก ้มากกวา่ ยอห์น 2(ความจริงพระเยซูไมได่ ให้ บั ้พติศมาแต่ สาวกของพระองคต์ ่างหากที่เป็นผู้ให) ้ 3พระองค์ จึงออกไปจากแคว้นยูเดียและไปยังแคว้นกาลิลี อีก4พระองคจํ ์าตอง้เดินทางผาน่แคว้นสะมาเรียq 5 ยอห์น 4:4
r4:6 หรือเที่ยงวัน s 4:26ศัพท์ภาษากรีกและฮีบรูคือ “เราเป็น” ฉบับอพยพ 3:14,15 5ดังน้นัเมื่อไดเด้ ินทางมาถึงเมืองหนึ่งชื่อสิคาร์ ในแคว้นสะมาเรียใกล้ๆ ที่ดินซึ่งยาโคบใหแก้ ่ โยเซฟผู้เป็นบุตร6เวลาประมาณ 6โมงเย็นr พระ เยซูเหน ื่ อยล้าจากการเดินทางจึงไดนั ้ง่ลงที่ข้างๆ บ่อนํ้ าของยาโคบ 7พระเยซูไดกล้ ่าวกบัหญิงชาวสะมาเรียผู้หนึ่ง ที่มาตักนํ้ าว่า “ขอนํ้ าให้เราดื่มหน่อยเถิด” 8เน ื่ องจากในขณะนั้นพวกสาวกของพระองค์ กาลํ ังไปซื้ออาหารในเมือง 9หญิงชาวสะมาเรีย ผู้นั้นพูดกบัพระองคว์า่ “เป็นไปไดอย้ างไร ่ ที่ ท่านผู้เป็นชาวยิวจะมาขอนํ้ าดื่มจากข้าพเจ้า ใน เมื่อข้าพเจ้าเป็นหญิงชาวสะมาเรีย” (ด้วยเหตุวา่ ชาวยิวไมคบหา่กบัชาวสะมาเรีย) 10พระเยซูตอบ นางวา่ “ถ้าเจ้ารู้จักของประทานจากพระเจ้าและ รู้จักผู้ที่พูดกบัเจ้าวา่ ‘ขอนํ้ าใหเรา้ ดื่มหน่อยเถิด’ เจ้ากคง็จะขอจากท่านผู้นั้น และท่านผู้นั้นกจะ็ ใหนํ ้ ้ าอันก่อใหเก้ ิดชีวิตแก่ เจ้า” 11นางพูดกบัพระ องคว์ ่า “นายท่าน ท่านไม่มีอะไรมาตักนํ้ า มิ หนาซํ้ าํบ่อก็ลึกเสียด้วยแล้วท่านจะเอานํ้ าอัน ก่อให้เกิดชีวิตมาจากไหน 12ท่านยิง่ใหญ่กวา่ ยาโคบบรรพบุรุษของเราผู้มอบบ่อนํ้ านี้ใหแก้ ่ เราหรือ ยาโคบเองไดดื่ม้ นํ้ าจากบ่อนี้รวมทั้ ง บรรดาบุตรและพวกแพะแกะด้วย” 13พระเยซูตอบวา่ “ทุกคนที่ดื่มนํ้ านี้จะกระหาย อีก14แต่ผู้ใดก็ตามที่ดื่มนํ้ าที่เราให้จะไม่มีวัน กระหาย นํ้ าที่เราใหแก้ ่ เขาจะกลายเป็นบ่อนํ้ าพุ ในตัวเขา พุง่ ขึ้นสู่ชีวิตอันเป็นนิรันดร์” 15หญิง นั้นพูดกบัพระองคว์า่ “นายท่าน โปรดใหนํ ้ ้ านี้ แก่ข้าพเจ้าเถิด จะไดไม้ ่กระหายหรือต้องมาตัก นํ้ าที่นี่อยูรํ่า่ ไป” 16พระองคบอก์นางวา่ “จงไปเรียกสามีเจ้ามา นี่เถิด” 17นางตอบวา่ “ข้าพเจ้าไมมี่สามี” พระเยซู กล่าวกบันางวา่ “เจ้าพูดถูกแล้วที่วา่ ไม่มีสามี 18ความจริงเจ้ามีมาแล้วถึง 5 คน และชายที่เจ้ามี เวลานี้กไม็ ่ใช่สามีของเจ้า สิ่งที่เจ้าพูดมานี้จริงที เดียว” 19หญิงนั้นพูดวา่ “นายท่าน ข้าพเจ้าเห็น แล้วว่าท่านเป็ นผู้เผยคํากล่าวของพระเจ้า 20บรรพบุรุษของเราไดนม้ สการั ที่ภูเขานี้และ พวกท่านพูดว่าเมืองเยรูซาเล็มเป็นสถานท ี่ที่ ควรใชใน้การนมสการั ” 21พระเยซูกล่าวกบันาง วา่ “หญิงเอ๋ยเชื่อเราเถิดวา่จะถึงเวลาที่พวกเจ้า จะนมสการัพระบิดาในที่ซึ่งไม่ใช่ภูเขานี้หรือที่ เมืองเยรูซาเล็ม 22พวกเจ้านมสการั อะไรที่เจ้าไม่ รู้จัก แต่พวกเรานมสการั สิ่งที่เรารู้จัก เพราะ ความรอดพ้นมาจากพวกชาวยิว23แต่จะถึงเวลา ที่จริงบัดน้ีก็ถึงเวลาแล้วที่พวกนมสการัแทจะ้ นมสการัพระบิดาด้วยวิญญาณและความจริง เพราะวา่พระบิดาแสวงหาผู้คนเหล่านี้ใหเป้ ็น ผู้นมสการัพระองค์ 24พระเจ้าเป็นพระวิญญาณ ดังน้นับรรดาผู้ที่นมสการัพระองค์ต้องนมสการั ด้วยวิญญาณและความจริง” 25หญิงนั้นพูดวา่ “ข้าพเจ้าทราบวา่พระเมสสิยาห์กาลํ ังจะมา (คือ ผู้ที่เรียกวา่พระคริสต) ์พระองคจะ์ ประกาศทุก สิ่งแก่ เราเมื่อมาถึง” 26แล้วพระเยซูกล่าวกบันาง วา่ “เราที่พูดอยูก่บั เจ้าคือผู้นั้น”s 27ขณะนั้นบรรดาสาวกของพระองคกล์ ับมา และประหลาดใจที่พบวา่พระองคก์าลํ ังพูดอยู่ กบั ผู้หญิง แต่ไม่มีผู้ใดถามว่า “พระองค์มี ประสงค์อะไร” หรือ “ทําไมพระองค์จึงพูดกบั นาง” 28หญิงนั้นทิ้ งหม้อนํ้ าไว้แล้วกลับเข้าไป ในเมืองเพื่อบอกผู้คนวา่ 29“มาเถิด มาดูชายผู้บอก ข้าพเจ้าถึงทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าไดกระท้ ําไป ท่านผู้นี้ เป็นพระคริสตหร์ ือไม่” 30ผู้คนกออก็จากเมือง ไปหาพระองค์ ยอห์น 4:5 6
t 4:52 หรือบ่ายโมง 31ในขณะเดียวกนับรรดาสาวกกขอร็ ้องพระ องคว์า่ “รับบีเชิญรับประทาน” 32แต่พระองค์ กล่าววา่ “เรามีอาหารสําหรับรับประทานที่เจ้าไม่ รู้จัก” 33บรรดาสาวกพูดโตตอบ้กนัวา่ “ไม่มีผู้ใด นําอาหารมาให้พระองคมิ์ ใช่หรือ” 34พระเยซู กล่าวกบัพวกเขาวา่ “อาหารของเราคือการกระทํา ตามความประสงคของ์พระองคผู้ ์ส่งเรามาและ ทํางานของพระองคให์ ้เสร็จบริบูรณ์35เจ้าไม่ ได้พูดเช่นนี้หรือวา่ ‘อีก4เดือนกจะ็ ถึงฤดูเก ี่ ยว ข้าวแล้ว’ เราขอบอกเจ้าวา่จงเปิ ดตาดูทุ่งนาอัน เหลืองอร่ามเถิดวา่ ถึงเวลาเกบ็เก ี่ ยวแล้ว36ผู้เกบ็ เก ี่ ยวกจะ็ ไดรับ้คาแรง่และรวบรวมพืชผลสําหรับ ชีวิตอันเป็นนิรันดร์และเพื่อทั้ งคนหวาน่และ คนเกบ็เก ี่ ยวกจะ็ ไดชื่ ้นชมยินดีร่วมกนั 37ในกรณี นี้คํากล่าวนั้นเป็นความจริงที่วา่ ‘คนหนึ่งหวาน่ และอีกคนเกบ็เก ี่ ยว’ 38เราส่งพวกเจ้าไปเกบ็เก ี่ ยว สิ่งที่เจ้าไม่ไดลง้แรงคนอื่นๆ ไดลง้แรงและเจ้า ได้รับประโยชน์จากแรงของเขา” 39ชาวสะมาเรียจํานวนมากในเมืองนั้นเชื่อใน พระองค์เพราะคําพูดของหญิงคนนั้นที่ไดยื้นยัน ว่า “ท่านได้บอกทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าได้กระทํา” 40ดังน้นัเมื่อชาวสะมาเรียมาหาพระองค์กได็ขอ้ ใหพระ้องคพัก์อยดู้่วย พระองคจึง์อยทีู่่ นัน่ 2 วัน 41และมีคนอีกมากมายที่เชื่อเพราะคํากล่าวของ พระองค์ 42พวกเขาพูดกบัหญิงนั้นวา่ “ตั้ งแต่นี้ ไป มิใช่เพราะสิ่งที่ท่านพูดที่ทําใหพวก้เราเชื่อ แต่เป็นเพราะเราได้ยินด้วยตนเอง จึงทราบวา่ ท่านผู้นี้เป็นองคผู้ ์ช่วยโลกใหรอด้ พ้นที่แทจร้ ิง” พระ เยซู รักษา บุตร ของ ข้าราชการ ข้าราชการ 43คร้ันล่วงไป 2 วันพระองคได์เด้ ินทางไปยัง แคว้นกาลิลี44เพื่อยืนยันวา่ ผู้เผยคํากลาว่ของพระ เจ้าไมเป่ ็นที่ยอมรับนับถือในถิ่ นฐานบ้านเกิดของ ตนเอง 45ดังน้นัเมื่อพระองคมา์ ยังแคว้นกาลิลีก็ พบวา่ชาวเมืองต้อนรับพระองค์เพราะพวกเขา ไดไป้งานเทศกาลปัสกามาและไดเห้ ็นทุกสิ่ งที่ พระองคกระท์ ําที่งานเทศกาลในเมืองเยรูซาเล็ม 46เมื่อพระองคเด์ ินทางกลับมายังหมู่บ้านคานา ในแคว้นกาลิลีอันเป็นสถานท ี่ซึ่งพระองคได์ ทํา้ ใหนํ ้ ้ ากลายเป็นเหล้าองุ่น และมีข้าราชการคน หนึ่งในเมืองคาเปอร์นาอุมซึ่งบุตรชายกาลํ ังป่วย อยู่ 47เขาได้ยินว่าพระเยซูได้ออกจากแคว้น ยูเดียมายังแคว้นกาลิลีเขาจึงไปหาพระองคเพ์ ื่อ ขอร้องใหรั้กษาบุตรชายของเขาที่กาลํ ังจะตาย 48 พระเยซูกล่าวกบัเขาวา่ “พวกท่านจะไมเช่ ื่อแน่ นอกจากวา่จะไดเห้ ็นปรากฏการณ์อัศจรรยและ์ สิ่งมหศจรรยัต์ ่างๆ” 49ข้าราชการผู้นั้นพูดกบัพระ องคว์ ่า “นายท่าน โปรดลงมาก่อนที่บุตรของ ข้าพเจ้าจะตาย” 50พระเยซูกลาว่วา่ “จงกลับไปเถิด บุตรชายของทาน่ ไมตาย่ ” ชายผู้นั้ นเชื่อในคําที่พระ เยซูกลาว่ จึงกลับไป 51ขณะที่เขากลับลงไป พวกผู้ รับใชก้มา็พบเขาและบอกวา่บุตรชายของเขายังมี ชีวิตอยู่ 52เขาจึงถามพวกผู้รับใชว้า่ เป็นเวลาใดที่ บุตรชายเริ่มรู้สึกดีขึ้น พวกเขาตอบวา่ “ไขหาย้เมื่อ วานนี้เวลาหนึ่งทุ่ม”t 53 บิดาจึงทราบวา่ เป็นเวลา เดียวกนักบั ที่พระเยซูไดบอก้เขาวา่ “บุตรของทาน่ ไมตาย่ ” ข้าราชการผู้นั้ นและทั้ งครัวเรือนกพา็กนั เชื่อในพระเยซู 54นี่กเป็ ็นปรากฏการณอั ์ศจรรยคร์ ้ัง ที่สอง ที่พระเยซูไดกระท้ ําในแคว้นกาลิลีหลังจาก ที่พระองคได์ออก้มาจากแคว้นยูเดียแล้ว พระ เยซู รักษา ชาย อัมพาต 5หลังจากนั้นกถึง็เทศกาลของชาวยิวและพระ เยซูเดินทางขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็ม 2บริเวณใกลประต ู้แกะในเมืองเยรูซาเล็ม มี สระน้ าํชื่อตามภาษาฮีบรูคือเบธซาธา เป็นสถานท ี่ 7 ยอห์น 5:2
u5:4 5:3-4 […] สําเนาโบราณบางฉบับมีข้อความตอนนี้รวมอยูด้วย ่ v 5:9 สะบาโต ชาวยิวนับวา่ วันเสาร์เป็น วันสุดท้ายของแต่ละสัปดาห์ซึ่งใช้เป็นวันสําหรับพระเจ้าและเป็นวันหยุดจากการทํางาน ซึ่งมีศาลา 5 แห่ง 3ที่นัน่มีคนป่วยจํานวนมากคือ คนตาบอด คนง่อยและคนที่เป็นอัมพาต [รอให้ นํ้ ากระเพอม ื่ 4บางคร้ังทูตสวรรคของ์พระผู้เป็น เจ้าลงมากวนนํ้ าในสระ หลังจากที่ไดกวน้ นํ้ า แล้วใครกตาม็ ที่เป็นคนแรกกาว้ลงในนํ้ ากหาย็ จากโรคที่เป็น]u 5มีชายคนหนึ่งอยทีู่่ นัน่เขาได้ ป่วยมานาน 38 ปีแล้ว 6เมื่อพระเยซูเห็นชายผู้ นั้นนอนอยู่และทราบวา่เขาอยในู่สภาพนั้นเป็น เวลานานแล้ว พระองคก์ ็กล่าวกบัเขาวา่ “เจ้า อยากจะหายหรือไม่” 7คนป่วยตอบวา่ “นายท่าน เวลานํ้ ากระเพ ื่ อมไม่มีผู้ใดเอาตัวข้าพเจ้าลงไป ในนํ้ าแต่เวลาที่ข้าพเจ้ากาลํ ังไป คนอื่นกก็าว้ลง ไปเสียก่อน” 8พระเยซูกล่าวกบัเขาวา่ “จงลุกขึ้น หยิบเสื่อ ของเจ้าไป แล้วเดินเถิด” 9ในทันใดนั้น ชายคน นั้นกหาย็จากโรคเขาหยิบเสื่อขึ้น แล้วกเด็ ินไป วันนั้นเป็นวันสะบาโตv 10ฉะน้นัชาวยิวจึง พูดกบัคนที่หายจากโรควา่ “นี่เป็นวันสะบาโต และผิดกฎบัญญัติที่เจ้าหยิบเสื่อขึ้น” 11แต่เขา ตอบชาวยิววา่ “ผู้ที่ทําใหข้ ้าพเจ้าหายเป็นผู้บอก ข้าพเจ้าวา่ ‘จงหยิบเสื่อขึ้นแล้วเดินเถิด’ ” 12พวก เขาจึงถามวา่ “ใครเป็นผู้ที่บอกใหเจ้ ้าหยิบเสื่อ ขึ้นแล้วเดิน” 13แต่ชายที่หายจากโรคไม่ทราบ ว่าเป็นผู้ใด เพราะว่าพระเยซูไดปล้ ีกตัวออก ไปขณะที่มีฝูงชนหนาแน่นอยู่ 14 ต่อมาพระเยซู พบเขาที่พระวิหารและกล่าววา่ “ดูเถิด เจ้าหาย ดีแล้ว ต่อไปก็อยา่ ไดทํา ้ บาปอีก มิฉะน้นัเจ้า จะไดรับ้ทุกขที่ ์สาหัสยิง่กวา่ นี้” 15ชายผู้นั้นจาก ไปและไดบอก้ชาวยิวว่า พระเยซูเป็นผู้ที่ทํา ให้เขาหายจากโรค16และด้วยเหตุนี้ชาวยิวจึง กดข ี่ ข่มเหงพระเยซูเพราะว่าพระองคได์ ทํา ้ สิ่งเหล่านี้ในวันสะบาโต 17แต่พระองคตอบ์ เขาเหล่านั้นวา่ “พระบิดาของเรายังกระทําสิ่ง เหล่านี้อยู่จนถึงบัดน้ีและเราเองก็เช่นกนั ” 18 เหตุฉะน้นัชาวยิวพยายามรอโอกาสที่จะฆ่า พระองค์เพราะนอกจากพระองคจะ์ ฝ่ากฎวัน สะบาโตแล้วยังเรียกพระเจ้าเป็นพระบิดาของ ตนอีก ซึ่งพวกเขาถือว่าเป็นการทําตนเสมอ พระเจ้า บุตรมนุษย์ มี สิทธิ อํานาจ 19พระเยซูกล่าวตอบพวกเขาวา่ “เราขอบอก ความจริงกบัท่านวา่พระบุตรไม่อาจกระทําสิ่งใด ตามลําพังเอง นอกจากจะเป็นสิ่งที่เห็นพระบิดา กระทํา ด้วยว่าสิ่งใดก็ตามที่พระบิดากระทํา พระบุตรก็กระทําสิ่งเหล่านั้นด้วย 20พระบิดา รักพระบุตรและแสดงทุกสิ่งที่พระองคกระท์ ํา อยูให่ ้พระบุตรเห็น และจะแสดงสิ่งที่ยิง่ใหญ่ กว่านี้ให้พระบุตรเห็น เพื่อว่าพวกท่านจะได้ อัศจรรยใจ์ 21ตามที่พระบิดาทําให้คนตายฟื้น คืนชีวิตและมอบชีวิตให้เช่นใด พระบุตรก็ให้ ชีวิตแก่ผู้ที่พระองคโปรด ์ ไดเช้ ่นกนั 22ยิง่กวา่ นั้น พระบิดาจะไม่กล่าวโทษผู้ใด แต่กลับไดมอบ้ คํากล่าวโทษไวก้บัพระบุตร23 เพื่อวา่ทุกคนจะ ให้เกียรติแด่พระบุตร เหมือนไดให้ ้เกียรติแด่ พระบิดาผู้ใดไม่ให้เกียรติแด่พระบุตรก็ถือวา่ ไม่ไดให้ ้เกียรติแด่พระบิดาผู้ส่งพระบุตรมา 24 เราขอบอกความจริงกบัท่านว่า ผู้ที่ได้ยิน คํากล่าวของเรา และเชื่อพระองคผู้ ์ส่งเรามาผู้ นั้นจะมีชีวิตอันเป็ นนิรันดร์และจะไม่ถูก กล่าวโทษ แต่ผาน่ พ้นจากความตายไปสู่ชีวิต 25เราขอบอกความจริงกบัท่านวา่จะถึงเวลา แล้วและบัดน้ีก็ถึงเวลาแล้วที่คนตายจะได้ยิน ยอห์น 5:3 8
เสียงของพระบุตรของพระเจ้าและบรรดาผู้ที่ ได้ยินจะมีชีวิต 26พระบิดาเองเป็นแหล่งกาเนํ ิด ชีวิตเช่นใด พระองคก์ได็มอบ้ ใหพระ้บุตรเป็น แหล่งกาเนํ ิดชีวิตเช่นนั้น 27และไดมอบ้ สิทธิ อํานาจให้กล่าวโทษเพราะว่าพระองค์เป็ น บุตรมนุษย์28อย่าประหลาดใจในเร ื่ องนี้เลย เพราะวา่จะถึงเวลาที่ทุกคนที่อยในู่หลุมศพจะ ได้ยินเสียงของพระองค์ 29และจะออกมา บรรดา ผู้ที่ไดกระท้ ําความดีไวจะ้ ฟื้นขึ้นและมีชีวิตอีก บรรดาผู้ที่ได้ทําความชั่ วจะฟื้นขึ้นและถูก กล่าวโทษ 30เราไมอาจ่กระทําสิ่งใดตามลําพังเรา เองเรากล่าวโทษตามที่เราได้ยินและด้วยความ ยุติธรรม เราไม่ทําตามอําเภอใจของเราเองแต่ ตามความประสงค์ของพระองค์ผู้ส่งเรามา คํา ยืนยัน ของ พระ เยซู 31ถ้าเรายืนยันเพื่อตัวเราเองคําของเรากไม็จร่ ิง 32มีอีกผู้หนึ่งที่ยืนยันเพื่อเราและเรารู้วา่คํายืนยัน เร ื่ องของเราที่ผู้นั้นใหไว้ เป้ ็นความจริง 33พวก ท่านไดส้่งคนไปหายอห์น และยอห์นกได็ ยื้นยัน ถึงความจริง 34แตมิ่ ใช่วา่เราต้องรับคํายืนยันที่มา จากมนุษย์ที่เรากล่าวถึงสิ่งเหล่านี้กเพ็ ื่อใหพวก้ ท่านทั้ งหลายไดรอด้ พ้น 35เมื่อก่อนยอห์นเป็น เสมือนตะเกียงที่จุดอยู่และปรากฏแสงส่อง สวาง่ ซึ่งพวกท่านตั้ งใจที่จะชื่นชมยินดีในความ สวาง่ของเขาชัว่ขณะหนึ่ง 36แต่คํายืนยันของเรา ยิง่ใหญ่กวา่ คํายืนยันของยอห์นเสียอีก ด้วยวา่ งานที่พระบิดามอบใหเรา้ ทําใหเสร ้ ็จบริบูรณ์ซึ่ง เราก็กาลํ ังทํางานนี้อยู่ เป็นหลกฐานั ยืนยันวา่ พระบิดาไดส้่งเรามา 37พระบิดาผู้ส่งเรามากได็ ้ ยืนยันเพื่อเราแตพวก่ท่านไมเคย่ ได้ยินเสียงและ ไม่เคยเห็นวา่พระองคมี์ รูปลักษณ์อยางไร ่ 38ใน ตัวพวกท่านไม่มีคํากล่าวของพระองคอย์ู่ใน จิตใจเพราะความไม่เชื่อในองคผู้ ์ ที่พระบิดาส่ง มา 39ท่านค้นหาในพระคัมภีร์เพราะคิดวา่จะมี ชีวิตอันเป็นนิรันดร์ในนั้น แต่พระคัมภีร์นั้นเอง ที่ยืนยันถึงเรา 40ท่านทั้ งหลายกลับไม่ยอมที่จะ มาหาเราเพื่อจะใหได้ ชีวิต ้ 41เราไม่รับบารมีจาก มนุษย์ 42เรารู้วา่พวกท่านเป็นอยางไร ่ คือท่านไม่ มีความรักของพระเจ้าอยในู่ ตัวท่าน 43เรามาใน พระนามของพระบิดาของเราแต่พวกท่านไม่ รับเราในขณะที่ผู้อื่นมาในนามของเขาเอง ท่าน กลับจะรับเขา 44พวกท่านจะเชื่อกนัไดอย้ างไร ่ ในเมื่อท่านไดรับ้ คําสรรเสริญจากกนัและกนั โดยไม่ไดแสวงหา ้ คําสรรเสริญที่มาจากพระเจ้า แต่พระองคเด์ ียว 45อยา่ คิดวา่เราจะมากล่าวหา ท่านต่อหน้าพระบิดา โมเสสซึ่งท่านไดฝาก ้ ความหวังไวต้่างหากไดกล้ ่าวหาพวกท่าน 46ถ้า พวกท่านเชื่อในโมเสสแล้ว ท่านกจะ็เชื่อในเรา เพราะโมเสสเคยเขียนไวเก้ ี่ ยวกบัเรา 47แตถ้า่หาก ท่านไม่เชื่อสิ่งที่โมเสสเขียนแล้ว ท่านจะเชื่อ คํากล่าวของเราได้อยางไร ่ ” มหาชน กบั ขนมปัง 5 กอน้ และ ปลา 2 ตัว 6หลังจากนั้นพระเยซูไดเด้ ินทางไปยังอีก ฟากหนึ่งของทะเลสาบกาลิลีซึ่งมีอีกชื่อ หนึ่งว่าทะเลสาบทิเบเรียส 2ผู้คนจํานวนมาก ติดตามพระองค์ไป เพราะพวกเขาได้เห็น ปรากฏการณ์อัศจรรยต์ ่างๆ ซึ่งพระองคกระท์ ํา ต่อบรรดาคนป่วย 3แล้วพระเยซูขึ้นไปนัง่บน ภูเขากบับรรดาสาวกของพระองค์ 4ในเวลานั้น ใกล้ถึงเทศกาลปัสกาของชาวยิวแล้ว 5 เมื่อ พระเยซูเงยหน้าขึ้นก็พบว่าผู้คนจํานวนมาก ไดพา้กนัมาหาพระองค์พระองคจึง์กล่าวกบั ฟี ลิปวา่ “เราจะซื้ออาหารที่ไหนให้คนเหล่านี้ รับประทานได” ้ 6คําถามนี้พระองคได์ถาม้เพื่อ เป็นการลองใจเขาดูเพราะจริงๆ แล้วพระองค์ ทราบแล้ววา่จะทําอยางไร ่ 7ฟี ลิปตอบพระองค์ 9 ยอห์น 6:7
w 6:7 1 เดนาริอัน เป็นเงินมีค่าประมาณค่าแรงทํางาน 1 วัน x 6:31อพยพ 16:4-15 ว่า “200 เหรียญเดนาริอันwก็ไม่พอซื้ออาหาร ให้ทุกคนรับประทานคนละเล็กละน้อยได” ้ 8อันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตรซึ่งเป็นสาวก คนหนึ่งไดพูด้กบัพระองคว์า่ 9“เด็กคนหนึ่งที่ นี่มีขนมปังลูกเดือย 5 กอน้กบั ปลา 2 ตัว เพียง เท่านั้นจะพอสําหรับคนมากอยาง่ นี้หรือ” 10พระ เยซูกล่าววา่ “ให้ทุกคนนัง่ลง” 5,000 คนก็นัง่ บนบริเวณที่มีหญ้าซึ่งกวางขวาง้เพียงพอ11พระ เยซูหยิบขนมปัง และเมื่อขอบคุณพระเจ้าแล้ว พระองค์ก็แจกขนมปังและปลาแก่คนที่ นัง่ลง ไดมาก้พอตามที่ต้องการกนั 12 เมื่อคน รับประทานกนัจนอิ่ มแล้ว พระองคจึง์กล่าวกบั บรรดาสาวกวา่ “จงรวบรวมอาหารที่เหลือไว้ อยา่ ให้เสียของ” 13พวกเขาจึงรวบรวมขนมปัง ใส่ในตะกร้าได 12 ้ ใบเตมๆ็ เป็นอาหารที่คน รับประทานเหลือจากขนมปังลูกเดือย 5 กอน้ 14ฉะน้นัเมื่อผู้คนเห็นปรากฏการณ์อัศจรรย์ ที่พระองค์ได้กระทํา จึงพูดว่า “นี่เป็นผู้เผย คํากล่าวที่แท้จริงของพระเจ้าซึ่ งได้รับมอบ หมายใหมา้ ในโลก” 15พระเยซูทราบวา่เขาเหล่า นั้นตั้ งใจที่จะใชก้าลํ ังจับกุมพระองคไป์เพื่อให้ เป็นกษตรั ิย์จึงไดปล้ ีกตัวออกไปยังภูเขาแต่ เพียงลําพังอีก พระเยซู เดิน บน ผิวนํ ้ า ในทะเลสาบ ทะเลสาบ 16คร้ันถึงเวลาเย็นพวกสาวกของพระองคก์เด็ ิน ลงไปยังทะเลสาบ 17แล้วลงเรือข้ามทะเลสาบไป ยังเมืองคาเปอร์นาอุม จนมืดแล้วพระเยซูกยัง็ ไม่ ไดกล้ ับมาหาพวกเขา 18ลมพายไดุทํา้ ใหเก้ ิดคลื่น ลมแรงในทะเลสาบ 19เมื่อพวกสาวกตีกรรเชียง ไปไดห้า ้หกกิโลเมตรกเห็ ็นพระเยซูเดินบนผิว นํ้ าเข้าไปใกลเร้ ือ พวกเขาพากนั ตกใจกลัวยิงน่ัก 20แต่พระองคกล์ ่าวกบัเขาวา่ “นี่เราเองอยา่กลัว เลย” 21พวกเขาจะรับพระองคขึ์้นเรือแต่พริบตา เดียวเท่านั้นเรือกถึง็ ฝั่ งที่เขาจะไปกนั 22วันรุ่งข้ึนฝูงชนที่ยังพักอยอีกู่ ฟากของทะเล สาบเห็นวา่ก่อนหน้านั้นมีเพยงีเรือลําเดียวจอด อยู่และพวกสาวกไดใช้เร้ ือลํานั้นออกกนั ไป พระเยซูไม่ไดไป้ ด้วย 23หลังจากนั้นมีเรือจาก เมืองทิเบเรียสลําอื่นๆ จอดอยทีู่่ ฝั่ งใกลบร้ ิเวณที่ พระเยซูเจ้าไดกล้ ่าวขอบคุณพระเจ้าสําหรับ ขนมปังที่พวกเขาไดรั้บประทานกนั 24เมื่อฝูงชน เห็นว่า พระเยซูและบรรดาสาวกไม่อยู่ที่นัน่ พวกเขาจึงลงเรือกนั ไปตามหาพระเยซูที่เมือง คาเปอร์นาอุม อาหาร แห่ง ชีวิต 25เมื่อพวกเขาพบพระองคที่ ์ อีกฟากหนึ่งของ ทะเลสาบ จึงพูดกบัพระองคว์า่ “รับบีท่านมาที่ นี่เม ื่อไร” 26พระเยซูกล่าวตอบวา่ “เราขอบอก ความจริงกบัท่านวา่ ที่ท่านตามหาเรามิใช่เพราะ ท่านเห็นปรากฏการณ์อัศจรรยต์ ่างๆ แต่เป็น เพราะท่านไดรั้บประทานขนมปังจนอิ่ ม 27อยา่ ลงทุนลงแรงเพื่ออาหารที่เน่าเสียได้แต่เพื่อ อาหารที่จะดํารงถึงชีวิตอันเป็นนิรันดร์ซึ่ ง บุตรมนุษย์จะใหแก้ ่พวกท่าน ด้วยวา่พระเจ้าผู้ เป็นพระบิดาไดประท ้ ับตราแสดงถึงการยอมรับ พระบุตรแล้ว” 28เขาเหล่านั้นจึงพูดกบัพระองค์ วา่ “พวกเราควรจะทําอยางไร ่ จึงจะปฏิบัติงาน ของพระเจ้าได” ้ 29พระเยซูกล่าวตอบวา่ “งาน ของพระเจ้าคือการเชื่อในผู้ที่พระเจ้าไดส้่งมา” 30ดังน้นัเขาเหล่านั้นจึงพูดกบัพระองคว์า่ “แล้ว ท่านจะแสดงปรากฏการณ์อัศจรรยอะไร ์ ใหเรา้ ดูไดบ้ ้าง เราจะไดเช้ ื่อท่าน ท่านจะทําอะไรได้ บ้าง 31บรรพบุรุษของเราได้กินมานาxในถิ่ น ทุรกนดารัตามที่มีบันทึกไวว้า่ ‘พระองคให์พวก้ ยอห์น 6:8 10