เอกสารประกอบการสอน รายวชิ าภาษาไทย
เร่อื ง โวหารการเขียน ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖
นางสาวชนกนันท์ ชขู าว รหัสนิสติ ๖๓๑๐๓๑๒๗๖
นสิ ติ ช้นั ปที ่ี ๒ คณะศกึ ษาศาสตร์ สาขาวชิ าภาษาไทย
มหาวิทยาลัยทักษณิ วทิ ยาเขตสงขลา
๑
ใบความรู้ เรอื่ ง โวหารการเขียน ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖
ครูผู้สอน นางสาวชนกนันท์ ชูขาว รหัสนสิ ิต ๖๓๑๐๓๑๒๗๖
คณะศกึ ษาศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย
การสื่อสารของคนไทยจะใช้ภาษาไทยเป็นหลกั ซึ่งนอกจากการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาแลว้
ภาษาไทยยังมีการใช้ถ้อยคำสำนวนที่ทำให้เกิดความน่าสนใจในเรื่องที่เขียน แตกต่างไปจากภาษาโดยทั่วไป
ที่เคยใช้อยู่ นับเป็นศิลปะการใช้ภาษาของคนไทย โดยมีการเปรียบเทียบ กล่าวถึงหรือยกตัวอย่าง เพื่อให้
เกดิ อารมณ์และความรูส้ ึกตา่ ง ๆ ลกั ษณะการใชภ้ าษาเช่นนี้ เรยี กว่า การใช้โวหาร
โวหาร หมายถงึ ชัน้ เชงิ หรอื กระบวนการแต่งหนังสอื มีการใชถ้ อ้ ยคำและสำนวนที่ใช้สื่อความ
ช่วยให้ผู้อา่ น ผู้ฟังเกิดจินตนาการและเห็นภาพตาม ซึ่งอาจจะใช้ในภาษาพูดและภาษาเขยี น ซึ่งโวหารสามารถ
แบ่งออกได้เป็น ๕ ประเภท ได้แก่ บรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร เทศนาโวหาร สาธกโวหาร อุปมาโวหาร
แต่ละโวหารจะมีลกั ษณะการใชท้ แี่ ตกตา่ งกนั ขนึ้ อยู่กบั บรบิ ท ดงั น้ี
๑.บรรยายโวหาร
บรรยายโวหาร คอื โวหารที่ใช้เล่าเร่อื งหรอื อธิบายส่งิ ต่างๆตามลำดับเหตุการณ์ โดยการใช้
สำนวนและเขียนตรงไปตรงมา เพื่อให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจรายละเอียดในเรื่องนั้นๆอย่างชัดเจน เรื่องที่นิยม
เขียนโดยใช้บรรยายโวหาร ได้แก่ การเล่าประสบการณ์ นิทาน นิยาย ตำนาน รายงาน ประวัติบุคคล บันทึก
ข่าว เป็นต้น
หลักการเขียนบรรยายโวหารท่ดี ีนั้น ตรศี ลิ ป์ บญุ ขจร (๒๕๓๕ : ๗๖๒-๓) ไดก้ ลา่ วสรปุ ไว้ ดังน้ี
๑. เร่ืองทีเ่ ขยี นเป็นความจริง
๒. เลือกเขยี นเฉพาะสาระสำคัญ เเละเขียนอยา่ งตรงไปตรงมา
๓. ใช้ภาษาใหเ้ ข้าใจง่าย
๔. เรยี บเรียงความคดิ ให้ต่อเน่ืองสัมพนั ธ์กัน
บรรยายโวหารที่ใช้ในการพูดหรือการเขยี นนนั้ อาจมีท้ังในรูปแบบร้อยแกว้ และร้อยกรอง
ตวั อยา่ งที่ ๑ บทร้อยแก้ว
บทละครเรื่อง "เงาะป่า " เป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระองค์ทรงใช้โครงเรื่องจริงของเงาะซาไก ซึ่งมีถิ่นอาศัยอยู่ในจังหวัดพัทลุง โดยชาวบ้านได้เล่าเรื่อง
ความเปน็ มาถวายเเด่พระองค์ เม่ือครั้งท่พี ระองค์เสด็จประพาสอย่หู มู่บา้ นเงาะซาไก
(บทละคร เรอ่ื ง เงาะป่า)
ตวั อย่างท่ี ๒ บทร้อยกรอง ๑
เม่อื นัน้
กุมภกรรณสิทธิศกั ดิย์ ักษา
กระทบุ บาทผาดโผนโจนมา เขา้ ไลเ่ ขน่ ฆ่าราวี
เผ่นขึ้นเหยยี บบ่าวานร กรชงิ ตรเี พชรกระบ่ีศรี
กลอกกลับจบั กนั เปน็ ท่ี อสรุ ที ตี่ ้องหนุมาน
(กลอนบทละครรามเกียรต์ิ ตอน กุมภกรรณทดน้ำ)
๒. พรรณนาโวหาร
พรรณนาโวหาร คือ โวหารทีก่ ลา่ วเป็นเรื่องราวอยา่ งละเอียด โดยสอดแทรกอารมณ์
ความรู้สึก เพื่อให้ผู้อ่านหรือผู้ฟัง เห็นภาพเกิดจินตนาการและเกิดความคล้อยตามได้ พระยาอุปกิตศิลปาสาร
(๒๔๕๔ : ๒๓๙ - ๒๔๐) กลา่ วไวว้ ่าข้อความที่ยกมากล่าวในพรรณนาโวหารมกั มดี ังนี้
ก. ยกพระเกยี รติ คือ พรรณนายกย่องเกียรตคิ ุณตา่ งๆ อยา่ งการชมพระเจา้ แผน่ ดิน ชมบ้านเมือง
ชมความงามของสตรี
ข. ภมู ิประเทศ เชน่ รำพันถงึ สถานท่ตี า่ งๆ
ค. ความคิดตา่ งๆ เชน่ รำพนั ถงึ ความรัก ความเศร้าโศก ความพยาบาท ฯลฯ
ตรศี ลิ ป์ บญุ ขจร (๒๕๓๕: ๗๖๓-๗๖๔) ใหห้ ลักในการเขยี นพรรณนาโวหารสรุปได้ดงั นี้
๑. ตอ้ งใช้คำดี เพื่อใหส้ อ่ื ความหมายสื่อภาพสือ่ อารมณ์เหมาะสมกับเน้ือเรอ่ื ง
๒. ต้องมใี จความดมี ุ่งให้เกิดภาพและอารมณค์ วามร้สู กึ
๓. อาจจะตอ้ งใช้อปุ มาโวหารคอื การเปรยี บเทียบเพือ่ ใหไ้ ด้ภาพชดั เจน
๔. อาจต้องใชส้ าธกโวหารประกอบดว้ ยคือยกตัวอยา่ งเพื่อให้เกดิ ความแจ่มแจง้
ตัวอยา่ งที่ ๑ บทร้อยแกว้
“...หมอกมวั ซวั ท่ัวทุกแห่งหน ลมหนาวกรูเกรยี วมาจนรา่ งเขาสน่ั สะท้าน ต้นไม้ใบหญ้าที่พอมี
อยู่บ้างตามริมทาง สัมผัสละอองหมอกที่พราวพร่าง จนใบกลายเป็นสีขาวหม่น แล้วไหลตามร่องใบหยดลงดัง
เปาะแปะเมอื่ กระทบใบไม้ท่เี กล่ือนตามใต้ต้น...”
( ผู้หญิงข้าใครอย่าเตะ ของธราธิป )
ตัวอยา่ งที่ ๒ บทรอ้ ยกรอง ไฉนเลยครวญคร่าร่าอยูไ่ ด้
จึงหวนไห้โหยอยมู่ ิรแู้ ลว้
เสนาะเสียงแสนเศรา้ ดุเหว่าเอ๋ย ผสานวาตะโชยชาย
หรอื ใครทำเจ็บชำ้ ระกำใจ วิเวกแวว่ คะนงึ ใน
แวววาบปลาบสายฟ้า
เปล่าเปลีย่ วอยูเ่ ดียวดาย (บทมหาชาติชาตหิ รือพระเวชสันดรชาดก)
๑
๓. เทศนาโวหาร
เทศนาโวหาร คือ โวหารทีใ่ ชส้ ำนวนในพดู หรอื เขยี น เพื่อชี้แนะ สั่งสอนอยา่ งมเี หตุมผี ลให้แก่
ผ้อู า่ น หรอื ผู้ฟัง เพ่ือชกั จูงใหเ้ ห็นตามและปฏิบัติตาม เพื่อการอยู่รว่ มกันในสงั คมอย่างสันติ
หลกั การเขียนเทศนาโวหาร
๑. มีความรคู้ วามเขา้ ใจในเร่ืองท่ีเขียนเป็นอยา่ งดี
๒. ชเี้ หตุ คุณเเละโทษ ใหเ้ เจม่ เเจ้งนา่ เช่อื ถือ
๓. ต้องรู้จกั ใช้เหตุผลเเละหลกั ฐานสนับสนนุ ความคิดเหน็ ของตนได้อย่างเหมาะสม
๔. จดั ลำดับความใหส้ มั พนั ธ์กันอย่างมเี หตุผล
๕. ยกข้อมูลหรืออุทาหรณป์ ระกอบใหเ้ ห็นจริง
๖. เลือกเฉพาะเเง่มมุ ท่ีปฏิบัตติ ามได้
๗. เขียนให้ตรงความสนใจของผู้อ่าน
ตัวอย่างท่ี ๑ บทร้อยแกว้
“...ในปัจจุบันนี้ปรากฏว่า ได้มีการใช้ถ้อยคําออกจะฟุ่มเฟือยและไม่ตรงกับความอันแท้จริง
อยู่เนือง ๆ ทั้งการออกเสียงก็ไม่ถูกต้องตามอักขรวิธี ถ้าปล่อยให้เป็นดังนี้ภาษาของเราก็มีแต่ จะทรุดโทรม
ชาติไทยเรามีภาษาของเราใช้เองเป็นสิ่งประเสริฐอยู่แล้ว เป็นมรดกอันมีค่าตกทอดมาถึงเรา ทุกคนมีหน้าท่ี
จะตอ้ งรักษาไว.้ .. ”
(พระราชดํารสั พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว)
ตวั อยา่ งท่ี ๒ บทร้อยกรอง อยา่ หลงใหลจำคำทพ่ี ร่ำสอน
จงรกั นวลสงวนงามห้ามใจไว้ อยา่ รีบร้อนเรว็ นกั มักไมด่ ี
คิดถึงหนา้ บดิ าและมารดร อยกู่ ับตน้ อย่าใหพ้ รากไปจากที่
เมือ่ สุกงอมหอมหวนจงึ ควรหล่น เมอ่ื บุญมคี งจะมาอยา่ ปรารมภ์
อย่าชงิ สกุ กอ่ นห่ามไม่งามดี
(สภุ าษติ สอนหญงิ ของสนุ ทรภ่)ู
สภุ าษิตสอนหญงิ เปน็ ท่ีรวมเเหง่ คตใิ นการครองตัวของหญงิ
ตามวัฒนธรรมไทยดัง้ เดมิ เน้ือหาเปน็ การสอนสตรีในดา้ นต่าง ๆ
เชน่ การวางตัว การเจรจา การเลือกคู่
๑
๔. สาธกโวหาร
สาธกโวหาร คือ การใชส้ ำนวนในการพูดหรือเขยี น โดยมอี ทุ าหรณห์ รอื ยกตัวอย่างประกอบ
เพื่อให้ผู้อ่าน ผู้ฟังเข้าใจเรื่องราวได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างที่ผู้พูดและผู้เขียนยกประกอบนั้น อาจอยู่ในรูปแบบ
ของประวตั ศิ าสตร์ เหตกุ ารณ์ต่าง ๆ เช่น ข่าวหนงั สอื พมิ พ์ เหตุการณท์ ่พี บเหน็ มา เรอ่ื งนิทานต่างๆ
หลกั การเขียนสาธกโวหาร
๑. การเขียนสาธกโวหารจะเขียนควบคู่กับเทศนาโวหาร หรือบรรยายโวหาร โดยการยกตัวอย่าง
ประกอบ
๒. ตวั อยา่ งทย่ี กมาประกอบตอ้ งสอดคล้องสมั พนั ธก์ ับเน้ือความในเทศนาโวหารหรอื บรรยายโวหาร
๓. ต้องยกตัวอย่างชัดเจนใช้ถ้อยคำง่าย และควรสรุปหลังจากยกตัวอย่างประกอบแล้วให้ เห็น
ความสัมพันธ์ของเทศนาโวหารกบั สาธกโวหารหรือบรรยายโวหารกับสาธกโวหาร
ตวั อยา่ งที่ ๑ บทร้อยแก้ว
เรามองว่าประเทศไทยมีน้ำเยอะแยะ เราไม่เคยคิดประหยัดวา่ จะใช้นำ้ คุ้มค่าทีส่ ดุ อยา่ งไร เช่น
น้ำที่เหลือจากการซักล้าง เราก็ควรจะเอาไปรดน้ำต้นไม้ ความประหยัดเป็นจุดหนึ่งของการลดความต้องการ
ที่เพิ่มขึ้น การที่เราจะต้องการพื้นที่การเกษตรปลูกผลิตผลการเกษตรให้มากขึ้น ถ้าเรารู้จักประหยัด เราก็จะ
ไม่ต้องการเพ่ิมพื้นท่ีเพาะปลูกมากขึ้น เรอื่ งอาหารก็จะลดลงไป อย่างเชน่ การดื่มกาแฟในการประชุมหลายแห่ง
แม้แต่การประชุมนานาชาติ ผมไม่รู้ว่ากาแฟเททิ้งกันเท่าไหร่ แล้วกาแฟมาจากไหน ก็มาจากป่าเขตร้อน
ท่ีโดนทำลายไปเพราะคนพ้ืนเมอื งต้องการทำลายป่า เพอื่ ขยายพนื้ ทป่ี ลูกกาแฟ เพราะกาแฟราคาดี มันมีผลถึง
กนั หมด (สุรพล ดวงแข : นติ ยาสาร “สาระคดี”)
ตัวอย่างท่ี ๒ บทรอ้ ยกรอง
เป็นมนษุ ย์สดุ ดีทที่ ำชอบ จงประกอบกรรมดไี ว้ไม่สูญหาย
มเี ร่ืองจะทำดไี ดม้ ากมาย อยา่ เหน่ือยหนา่ ยทอ้ ใจใฝท่ ำดี
วีรชนของไทยใจกลา้ หาญ ได้ต่อสู้ศัตรพู าลสมศกั ด์ิศรี
แม่ยา่ โมทา้ วสุรนารี ยอดสตรนี ามระบือลือท่วั ไทย
(ภูมิปัญญาในภาษาไทย: สุจรติ เพยี รชอบ)
๕. อุปมาโวหาร
อุปมาโวหาร คือ การใช้สำนวนในการเขียนหรือพูดที่กล่าวถึงเรือ่ งราว โดยยกสิง่ ตา่ งๆขึ้นมา
เปรียบเทียบและยกตัวอย่างให้ผู้อ่านเข้าใจความหมายในสื่อที่กล่าวถึงอย่างชัดเจน ซึ่งสิ่งที่นำมาเปรียบเทียบ
นั้นมักจะของในลักษณะ ดังเช่น ลักษณะของสิ่งต่างๆ การของของสิ่งต่างๆ อารมณ์ของสิ่งต่าง ๆ ความรู้สึก
ต่าง ๆ หรือการติชม และมักใช้คำเชื่อมโยงตัวอย่างเช่น เฉก เช่น เพียง เพี้ยง ราว กล ดัง ดุจ เสมือน เหมือน
คลา้ ย ดจุ ดง่ั ราว ราวกบั เปรยี บ ประดุจ ปาน ประหนง่ึ พา่ ง เทียม เปน็ ต้น
๑
วธิ กี ารเขียนเปรียบเทยี บ มีดงั นี้
๑. เปรยี บเทียบของสง่ิ หน่งึ เหมอื นสงิ่ หนง่ึ จะมคี ำวา่ เหมือน ราว ดจุ ว่า เช่น ดงั เปน็ ตวั เชื่อมข้อความ
๒. เปรียบเทยี บโดยโยงความคดิ ผู้อ่านไปสสู่ ิง่ หนึ่ง
ลกั ษณะการใช้อุปมาโวหาร
ก. เปรยี บเทยี บสิ่งทเี่ หมือนกันสองส่งิ มักมคี ำวา่ เหมือน ดุจ คลา้ ย เปรียบอย่าง ดงั ฯลฯ เป็นตวั เชื่อม
คำอปุ มาอุปไมยใหส้ อดคล้องกนั
ข. เปรียบเทยี บโดยการโยงความคดิ จากส่ิงหน่ึงไปยงั สิง่ หน่งึ เป็นการเปรยี บโดยนยั ตอ้ งอาศัย
การตีความประกอบ เชน่ ครูเหมอื นเรอื จ้าง
ค. เปรยี บเทียบโดยการซำ้ คำ เชน่ จะมารักเดือนย่ิงกว่าตะวนั จะมารักตัวออเฒ่ายิ่งกวา่ ตัวเองเล่า
ง. เปรยี บเทียบโดยการยกตวั อย่างประกอบ
จ. เปรยี บความขดั แย้งหรือเปรียบสิง่ ท่ีอยูต่ รงกนั ข้าม เชน่ รกั ยาวใหบ้ น่ั รกั สัน้ ให้ต่อ
ฉ. เปรยี บเทียบโดยใช้ชอื่ เทยี บเคียง เช่น จากเปลไปถงึ หลมุ ฝงั ศพ
ตัวอย่างท่ี ๑ บทรอ้ ยกรอง
อสรุ ผี เี ส้ือเหลอื จะอด เเคน้ โอรสราวกับไฟไหม้มงั สา
ชา่ งหลอกหลอนผ่อนผนั จานรรจา เเมน้ จะวา่ โดยดีมเิ หน็ ฟงั
ตวั อยา่ งท่ี ๒ บทรอ้ ยกรอง (พระอภัยมณี ตอน หนนี างผีเส้ือของสุนทรภ)ู่
หาดทรายท่ีเกาะหนู เกาะแมวขาวสะอาดมาก ทรายละเอยี ดราวกับผงแป้ง น้ำกใ็ สราวกับกระจกเลย
สรุปได้ว่า โวหารเป็นสิ่งที่สื่อถึงความละเอียดอ่อนของภาษาไทย และลักษณะพิเศษในการใช้ถ้อยคำ
หรอื สำนวนท่ีมีท้ังการเปรียบเทยี บ การกลา่ วอยา่ งละเอียดเพื่อใหเ้ ห็นภาพ การชเ้ี เนะ สง่ั สอน ยกตัวอย่าง เเละ
การอธบิ ายอย่างเป็นลำดับเหตุการณ์ ซึ่งการพูดหรือการเขียนโดยมีการใช้โวหารประเภทต่าง ๆ จะทำให้ภาษา
ในการสอ่ื สารมคี วามสละสลวย ทำใหผ้ ู้ฟังหรือผูอ้ า่ นเกดิ อารมณ์ ความรู้สึกและเกิดความเขา้ ใจ ในเน้อื หานั้น ๆ
ได้อยา่ งทช่ี ัดเจนยงิ่ ข้นึ
เอกสารอ้างองิ
วิเศษ ชาญประโคน. (๒๕๕๐).ภาษาไทยเพ่ือการสอ่ื สาร (พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๓). กรงุ เทพฯ : ทริปเพ้ิล กรปุ๊ .
อุปกติ ศลิ ปสาร, พระยา. (๒๕๔๕). หลกั ภาษาไทย. กรงุ เทพฯ :ไทยวัฒนาพานชิ .
ปวรรัตน์ แดงไฟ, นราวัลย์ พูลพิพัฒน์ และ ศรวี ไิ ล พลมณี. (๒๕๖๒) “หลักธรรมและกลวธิ ีการใชภ้ าษา
ในคอลัมน์ “จุดไฟในใจคน” ของหลวงพ่ีน้ำฝน,” พฆิ เนศวร์สาร ปีท่ี ๑๕ (ฉบับท่ี ๒), ๒๐.