นิทานอีสป นิทานอีสป พร้อมคติสอนใจ นางสาว ชลธิชา หงส์บิน วิชาโปรแกรมสำเร็จรูปในงานสำนักงาน 1204-1306 ที่อยู่ของข้อมูล https://www.kalyanamitra.org/th/Aesop_detail.php?page=5380
สิงโตกับกระต่ายป่า ณ ป่าใหญ่แห่งหนึ่ง มีสิงโตกับกระต่ายป่าจอมขี้ขลาดเป็น เพื่อนกัน วันหนึ่งกระต่ายป่าได้เอ่ยถามสิงโตว่า "ข้าได้ยินสัตว์ตัวอื่นพูดกันว่า ราชสีห์ผู้สูงศักดิ์อย่างเจ้ากลัวเสียงไก่ขันจนแทบวิ่งหนีไม่ทัน"สิงโตตอบกลับไป ว่า "ใช่แล้ว สิ่งที่เจ้าได้ยินมาเป็นความจริง สัตว์ใหญ่ๆ ก็อาจจะมีจุดอ่อน เล็กๆ น้อยๆ เช่นกันดูอย่างข้างตัวใหญ่ยังตกใจกลัวเพียงแค่เสียงคำรามของ ลูกหมูป่าเลยนะ" เมื่อสิงโตพูดจบ กระต่ายป่าจึงกล่าวตอบขึ้นว่า "ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า ...ข้าเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมพวกสัตว์อื่นๆ ถึงกลัวเสียงเห่าของสุนัขล่าเนื้อ มากมายเช่นนี้!" นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนขี้ขลาดมักพยายามหาเหตุผลให้ตนเองดูกล้าหาญอยู่เสมอ
ห่านอยากเป็นหงส์ กาลครั้งหนึ่ง มีห่านตัวหนึ่งมีขนสีขาวราวกับหิมะ มันรู้สึกภาคภูมิใจอย่าง มากกับความงามที่ธรรมชาติได้มอบให้แก่มัน และเจ้าห่านก็คิดว่าตัวมันเองเป็น ห่านที่สวยงามที่สุดในฝูง เจ้าห่านเริ่มแยกตัวออกจากฝูงและว่ายน้ำตัวเดียว มัน พยายามวางตัวให้งดงามและสง่างามที่สุด โดยการชูคอให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะมันคิดว่าถ้ามันมีคอยาวจะทำให้มันงดงามราวกับหงส์ เจ้าห่านพยายาม ยืดคอของมันจนมันรู้สึกเจ็บไปหมด แต่มันก็ยังไม่ละความพยายาม จากนั้นมีกบ ตัวหนึ่งว่ายน้ำผ่านมา และพูดขึ้นว่า "ถึงเจ้าจะพยายามอย่างไร เจ้าก็ยังคงเป็น เพียงห่านตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถจะกลายเป็นหงส์ได้หรอกนะ" นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ การเปลี่ยนแปลงวิสัยของตนเป็นสิ่งที่ยากจะทำได้
ลิงกับเมือง ณ ป่าแห่งหนึ่ง ลิงฝูงหนึ่งปรึกษาหารือกันว่าพวกมันจะไปอยู่ที่ไหน กันดี ระหว่างในป่ากับในเมือง ระหว่างที่รอการตัดสินใจ ลิงอาวุโสที่สุดใน ฝูงก็พูดขึ้นมาว่า "ข้าไม่รู้หรอกนะว่าพวกเจ้าจะตัดสินใจกันอย่างไร แต่ ที่ข้ารู้แน่ ๆ คือถ้าพวกเจ้าก้าวขาข้ามกำแพงเมืองไปแล้วล่ะก็มันจะ เป็นเรื่องง่ายมากที่พวกมนุษย์จะจับเจ้า" นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา
ลูกแกะโง่ ลูกแกะตัวหนึ่งเดินหลงฝูงพลัดตกลงไปในบ่อน้ำมัน กว่ามันจะขึ้นมาจาก บ่อได้ ขนของมันก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำมันหมดแล้ว ขณะที่มันกำลังเดินกลับไปหา ฝูง ประกายไฟจากคบเพลิงที่มีคนจุดทิ้งไว้ก็กระเด็นมาติดที่ขนของมัน เกิดเป็น ลูกไฟเล็ก ๆ มันเที่ยววิ่งไปอวดแกะตัวอื่น ๆ ว่า "ไฟบนตัวข้ามันให้แสงสว่าง มากกว่าดวงอาทิตย์เสียอีก" ทันใดนั้นลมพัดแรงขึ้นทำให้ลูกไฟบนตัวมันลุกโชน ขึ้นอย่างรวดเร็ว ลูกแกะจึงถูกไฟคลอกตาย เมื่อเจ้าของมาเห็นร่างของมันขึงพูด ขึ้นว่า "ชาติหน้าเจ้าจงไปเกิดเป็นดาวลูกแกะแล้วกันนะ จะได้มีแสงสว่างใน ตัวเองสมใจ" นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เพราะมันจะเป็นภัยร้ายต่อตัวเองในภายหลัง
ชาวชนบทกับแม่น้ำ วันหนึ่ง ณ ริมฝั่งของแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว ชายชนบทคนหนึ่งได้ยืนรอเพื่อที่จะ ข้ามไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำ เขาพยายามดูว่า บริเวณใดน้ำตื่นที่สุด จึงจะข้ามแม่น้ำ ไปได้ เมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาตัดสินใจนั่งลงแล้วใช้สมาธิคิดอย่างรอบคอบ และทันใดนั้นเองเขาก็จำได้ว่า "ตำแหน่งที่น้ำไหลเงียบที่สุด คือจุดที่น้ำลึกที่สุด แต่ตำแหน่งที่น้ำไหลเสียงดังที่สุด คือจุดที่น้ำตื้นที่สุด" เมื่อคิดได้แล้วจึงเลือกข้าม ตรงตำแหน่งที่น้ำไหลเชี่ยวเสียงดังที่สุดและข้ามไปได้อย่างปลอดภัย นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไหวพริบและสติปัญญาทำให้รอดพ้นจากภัยอันตรายได้เสมอ
หนูในหีบ หนูตัวหนึ่งเกิดและอาศัยอยูในหีบใส่ของ โดยที่ไม่เคยก้าวขาออกไป จากหีบใบนี้เลย และจะกินอาหารที่แม่บ้านนำมาเก็บกักตุนไว้ในหีบเท่านั้น อยู่ มาวันหนึ่ง ขณะที่เจ้าหนูกำลังเล่นสนุกอยู่นั้น มันได้ปีนป่ายสูงกินไปจนเกิดพลัด ตกจากหีบมากกองอยู่บนพื้น เจ้าหนูตกใจและหวาดกลัว จึงรีบวิ่งลนลานไปมา ข้างๆ หีบใส่ของ เพื่อหาทางกลับเข้าไปในนั้น จนกระทั่งมันวิ่งไปสะดุดกับเนยชิ้น หนึ่ง ที่ตกอยู่บนพื้น เพราะไม่อาจทนต่อหิวได้ เจ้าหนูจึงกินเนยแข็งชิ้นเล็ก นั้น และเมื่อมันได้ชิมแล้ว มันจึงร้องตะโกนขึ้นว่า “ข้าช่างโง่เขลาเสียจริง ที่ คิดว่าหีบใส่นั้นมีอาหารที่วิเศษที่สุดในโลก" จากนั้นมันจึงกินเนยแข็งที่แสน อร่อยจนหมด และไม่คิดจะกับเข้าไปในหีบอีกเลย นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า โลกภายนอกยังมีสิ่งดีๆ ที่น่าค้นหาอีกมากมาย
สุนัขกับท่อนไม้ สุนัขเฝ้าบ้านตัวหนึ่งมีนิสัยดุร้าย ชอบไล่กัดผู้คนที่เดินผ่านไปมา สร้างความ รำคาญให้กับเพื่อนบ้านในละแวกนั้น เมื่อเจ้าของสุนัขถูกต่อว่ามากๆ จึงเอาโซ่ล่ามสุนัข ไว้กับท่อนไม้หน้าบ้าน แต่เจ้าสุนัขเกเรกลับคิดว่า เจ้านายให้ท่อนไม้เป็นรางวัลตอบแทน ความดีที่มันทำตัวดุร้ายอย่างนั้น มันจึงชอบยืนชูคออยู่ข้างท่อนไม้ด้วยความภาคภูมิใจ และถ้ามีสุนัขตัวใดเดินผ่านมา มันก็จะพูดอวดเสียงดังว่า "สุนัขอย่างพวกเจ้า คงไม่มีวัน ได้รางวัลเป็นท่อนไม้ที่แข็งแรง เหมือนอย่างที่ข้าได้จากเจ้านายของข้าหรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า"เหตุการณ์เป็นอย่างนี้เรื่อยมา จนวันหนึ่ง เจ้าสุนัขเกเรก็หัวเราะไม่ออกเมื่อสุนัขชรา ตัวหนึ่งที่ผ่านมากล่าวแก่มันว่า"ถ้าเจ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปเจ้าจะรู้นานแล้วว่า ทั้งท่อนไม้และโซ่ที่ล่ามเจ้าไว้นี้ มิได้เป็นรางวัลแก่การทำดีของเจ้าหรอก แต่มันคือ เครื่องประจานความเกเรดุร้ายของเจ้าต่างหาก" นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า สิ่งที่เราหลงคิดว่ามีค่า อาจไม่มีราคาใด ๆ ในสายตาคนอื่น
สิงโตแบ่งเนื้อ สิงโตตัวหนึ่งได้ออกไปล่าเหยื่อพร้อมกับสุนัขจิ้งจอก และหมาป่า พวกมัน ได้ออกตระเวนล่าเหยื่อจนกระทั่งไปพบกวางตัวหนึ่ง และได้ปลิดชีวิตมันเสีย จากนั้นก็มาถึงคำถามว่าจะแบ่งซากกวางนี้อย่างไรดี"แล่เนื้อกวางหนึ่งในสี่ส่วน นั้นให้ข้า" เจ้าสิงโตคำรามเลียงดังสัตว์ตัวอื่นๆ จึงทำการถลกหนัง และแบ่งเนื้อ กวางออกเป็นสี่ส่วนสิงโตยืนอยู่หน้าซากกวางนั้นและประกาศตัดสินต่อว่า"เนื้อ ส่วนแรกนั้นเป็นของข้าในฐานะเจ้าป่า ส่วนที่สองเป็นของข้าในฐานะผู้ตัดสิน และส่วนที่สามก็ต้องเป็นของข้าเพราะข้าเข้าร่วมล่าเหยื่อด้วย และสำหรับ ส่วนที่สี่ เอาล่ะ... ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าพวกเจ้ากล้าจะเข้ามาเอาไหม" นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าคาดหวังความยุติธรรมจากผู้ปกครอง
แมวกับหนู แมวชราตัวหนึ่งไร้เรี่ยวแรงที่จะจับหนู มันพยายามหาอุบายล่อให้หนูเข้า มาใกล้ ๆ จะได้จับกินโดยง่าย ด้วยการเก็บอุ้งเล็บที่เท้าทั้งสี่เอาไว้อย่างมิดชิด นอนแนบตัวอยู่กับพื้นเหมือนกับซากกระต่ายที่ตายแล้ว "มาดูกระต่ายตัวนี้ซิ" หนูตัวหนึ่งแกล้งกล่าวกับเพื่อนๆ ของมันด้วยเสียงอันดัง "ทายได้เลยว่าเมื่อเรา เข้าไปใกล้ มันจะไม่ยอมนอนเฉยเหมือนที่กำลังเป็นอยู่ในเวลานี้" นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ผู้มีสติปัญญาและความรอบคอบย่อมไม่หลงในอุบายของศัตรู