The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ นางกนกพร อิ่มแสง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Jirayu Charoenviriyaphap, 2022-05-23 09:05:11

อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ นางกนกพร อิ่มแสง

อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ นางกนกพร อิ่มแสง

อนุสรณง์ านพระราชทานเพลิงศพ

เป็นกรณพี ิเศษ

นางกนกพร อมิ่ แสง

ณ เมรวุ ดั พระศรรี ัตนมหาธาตวุ รมหาวหิ าร
วนั อาทติ ยท์ ่ี ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๕

สำนกึ ในพระมหากรณุ าธิคุณ

สำนกึ ในพระมหากรณุ าธคิ ุณ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
พระราชทานเพลิงศพ นางกนกพร อ่ิมแสง เปน็ กรณพี เิ ศษ ซง่ึ นับเปน็ พระมหากรณุ าธคิ ณุ
ล้นเกล้าลน้ กระหม่อมเปน็ เกยี รติอันสงู สุดแก่ผ้วู ายชนม์ และวงศต์ ระกูลอย่างหาท่ีสุดมิได้
หากความทราบโดยญาณวิถีถึงดวงวิญญาณของ นางกนกพร อิ่มแสง ได้ด้วยประการ ใด
ในสัมปรายภพ คงจะมีความปลาบปลื้มซาบซึ้งเป็นล้นพ้นในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับ
พระราชทานเกียรตอิ ันสงู ยิ่งในวาระสุดท้ายแหง่ ชวี ติ

ขา้ พระพทุ ธเจา้ ผู้เป็นสามี บตุ ร ธิดา และหลานๆ ขอพระราชทานกราบถวาย
บังคมแทบเบื้องพระยุคลบาท ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
และจะเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม เป็นสรรพสิริมงคลแก่ข้าพเจ้า และวงศ์
ตระกลู ตลอดไป

ดว้ ยเกลา้ ด้วยกระหมอ่ ม ขอเดชะ
ขา้ พระพุทธเจา้ พ.ท.บรบิ รู ณ์ อ่ิมแสง
ลูกหลานครอบครัวอมิ่ แสง และครอบครวั ชนู ุ่น

ประวตั ิยอ่ คุณแมก่ นกพร อิม่ แสง

คุณแม่กนกพร อิ่มแสง (สกุลเดิม ศิริมงคล) เกิดเมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ.
2474 ปีมะแม ถึงแก่กรรมเมื่อวันท่ี 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 รวมอายุได้ 91 ปี 1
เดือน เป็นบุตรคนที่ 1 ในจำนวน 7 คนของพ่อนาค-แม่คล้อย ศิริมงคล มีอาชีพทำนา
จังหวัดนครนายก คุณแม่กนกพรสมรสกับพ.ท.บริบูรณ์ อิ่มแสง เมื่อพ.ศ. 2507
(ขณะนนั้ คุณพอ่ มียศ สิบเอก) มบี ุตรธดิ า 2 คน คอื

1. นายกฤษณ์ อิม่ แสง ปจั จบุ นั ทำงานทบ่ี ริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สมรส
กบั นางนติ ยา อิม่ แสง (สกลุ เดิม เกยี รตบิ ญุ ศร)ี มธี ิดา 2 คน คอื
• นางสาวฤศิตา อม่ิ แสง
• นางสาวจนิ ตจ์ ุฑา อิ่มแสง

2. นางเทพจิตรา ชนู ุน่ (สกุลเดมิ อ่มิ แสง) ทำงานทธ่ี นาคารทหารไทยธนชาต
สำนกั งานใหญ่ ไดส้ มรสกับนายสมชาติ ชนู ุน่ มบี ุตร 2 คน คือ
• นายพัชรพงศ์ ชนู นุ่
• นายธวชั วงศ์ ชนู ุ่น

คุณแม่กนกพร จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 จากโรงเรียนประชาบาล
วัดใหญ่โพธาราม ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก พ.ศ. 2487 เนื่องจาก
บิดามารดาของคุณแม่กนกพร มีอาชีพทำนา มีพื้นที่นาเป็นของตนเองหลายร้อยไร่
ประกอบกับมีบุตรธิดาหลายคน และคุณแม่กนกพรเป็นบุตรคนหัวปี เมื่อเรียนจบชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 4 แล้ว บิดาขอร้องให้ช่วยทำนา คุณแม่กนกพรจึงเปลี่ยนแผนไปเรียน
ตัดเย็บเส้ือผ้าและดัดผม จนมีฝีมือดีพอสมควร สามารถหารายได้จุนเจือครอบครัวตลอด
มา สำหรบั นอ้ งๆทง้ั 6 คนไดร้ บั การศกึ ษาจบชั้นปรญิ ญาตรแี ทบทกุ คน

ในปีพ.ศ. 2507 ได้สมรสกับพ.ท.บริบูรณ์ อิ่มแสง (ขณะนั้นมียศเป็นสิบเอก)
และได้ย้ายติดตามสามีมาอยู่กรุงเทพฯ ได้ใช้ชีวิตร่วมกับสามีด้วยความขยันหมั่นเพียร
สะอาด ประหยัดมัธยสั ถ์ และอดทน มคี ณุ สมบัติครบถ้วนของแมบ่ า้ นคอื

• จัดการงานดี ขยันในกิจการทงั้ ปวง

• สงเคราะหค์ นขา้ งเคยี งสามี

• ไม่ประพฤตนิ อกใจสามี

• รักษาทรัพย์ทส่ี ามหี ามาได้

• อบรมส่งั สอนลกู ๆให้ประพฤติดี ขยนั ศึกษาเลา่ เรยี น

อนึ่ง คุณแม่กนกพร เป็นคนใจบุญสุนทาน ชอบบริจาคทรัพย์สร้างศาสนสมบัติ
ใหแ้ กว่ ดั วาอารามต่างๆมากมาย ปีพ.ศ. 2539 เปน็ เจ้าภาพทอดกฐินวดั เสด็จ ตำบลสวน
พริกไทย อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เป็น
เจ้าภาพทอดกฐนิ วัดมงคลถาวร ตำบลท่าทราย อำเภอเมอื ง จังหวัดนครนายก ได้เงินเข้า
วัดเป็นจำนวนมาก เมื่อครบกำหนดครบรอบวันเกิด 11 มกราคมของทุกปี คุณแม่กนก
พรจะนำอาหารและเงินไปบริจาคให้สถานสงเคราะห์เด็กกำพรา้ คลอง 5 ถนนสายรังสติ -
นครนายก อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ทุกๆปี ถึงวันสำคัญทางศาสนา เช่น วัน
มาฆบูชา วันวิสาขบชู า วันเขา้ พรรษา รวมท้งั วนั เฉลิมพระชนมพรรษาของลน้ เกลา้ ทง้ั สอง
พระองค์ รัชกาลที่ 9 และสมเดจ็ พระนางเจ้าสริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนี
พันปีหลวง คุณแม่กนกพรจะไปร่วมพิธีบวชชีพราหมณ์ นุ่งขาวห่มขาวนอนค้างคืนที่วัด
สรอ้ ยทอง เพือ่ ถวายเป็นพระราชกศุ ลเป็นนิจสนิ เมือ่ อายุคณุ แมเ่ ข้าปัจฉิมวัย นายกฤษณ์
อิ่มแสง ซึ่งเป็นทายาทได้นำคุณแม่ไปทัศนาจรต่างประเทศ อาทิเช่น ประเทศสิงคโปร์
มาเลเซีย เยอรมัน และไปไหว้มหาเจดีย์สำคัญ ชเวดากอง ประเทศเมียนมาร์ เป็นลำดับ
สดุ ท้าย

เม่อื วันที่ 12 สงิ หาคา พ.ศ. 2545 ซ่ึงเปน็ วนั เฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จ
พระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ พระบรมราชชนนพี ันปีหลวง คณะกรรมการชุมชน
ศรีบญุ ยืนพฒั นา ซง่ึ คณุ แมก่ นกพรเป็นสมาชิกออกกำลังกายอยู่ ลงมตเิ ป็นเอกฉันท์ให้คุณ
แม่กนกพรได้รับโล่ห์คณุ แม่ดเี ด่นประจำปี พ.ศ. 2545 นับวา่ เป็นเกยี รติประวตั ิอยา่ งย่ิง

มาระยะหลัง ตั้งแต่ พ.ศ. 2552 เรื่อยมา คุณแม่กนกพรสุขภาพไม่ดี สืบ
เนื่องมาจากการผ่าตัดใหญ่หลายครั้ง ต้องเข้า-ออก (admit) โรงพยาบาลตลอดเวลา
สุขภาพทรุดโทรมลงเรื่อยๆ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เป็นคนป่วยนอนติดเตียง ต้องจ้างคน
ดูแลจากศูนย์มาอยู่ประจำ เช่น ให้อาหารทางสายยาง เป็นต้น เป็นอย่างนี้อยู่หลายปี
จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต ชีพจรของคุณแม่กนกพรหยุดทำงานเมื่อเวลา 14.30

นาฬิกา ของวันท่ี 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 สิริรวมอายุได้ 91 ปี 1 เดือน ท่ามกลาง
ความโศกเศร้าของสามีและลูกๆเป็นอย่างยิ่ง ด้วยกุศลผลบุญที่คุณแม่กนกพรได้สร้าง
สะสมไวต้ อนมีชวี ิตอยู่ จงเป็นปัจจยั ให้ดวงวญิ ญาณของคุณแม่กนกพรไดไ้ ปสู่สรวงสวรรค์
ในสัมปรายภพด้วยเทอญ

รักและอาลยั อยา่ งย่งิ
พ.ท.บรบิ รู ณ์ อิม่ แสง

อาลยั จากลกู

ร่างของแม่ได้กลับสู่ธรรมชาติ กลับไปยังที่ที่แม่เกิดมาเมื่อกว่า 90 ปีมาแล้ว
ลูกๆทำใจยอมรับการจากไปของแม่มาระยะหน่ึงแล้ว จากอาการเจ็บป่วยและสภาพ
ร่างกายของแม่ท่ถี กู ใช้งานหนักมาทัง้ ชวี ิต ถึงสงั ขารของแมจ่ ะละไปแล้ว แต่ส่ิงที่คงอยู่คือ
ตัวตนของลกู ๆ หลานๆ ทีแ่ มไ่ ด้ฟมู ฟกั ขัดเกลา จนเปน็ ผเู้ ป็นคนมาถงึ ทุกวันนี้

ย้อนความทรงจำของลูกๆ เรื่องราวของแม่ผุดขึ้นมาในความทรงจำเรื่องแล้ว
เรื่องเล่า คงไม่แตกต่างไปจากแม่และลูกของครอบครัวอื่น ทุกช่วงเวลาของแม่ สร้าง
แรงบันดาลใจอย่างมากกับลูกๆ แม่เป็นทุกบทบาทในการดำเนินชีวิตของพวกเรา จากนี้
ไปลูกๆ จะใช้เวลาดูแลพ่อ พระในบ้านองค์สุดท้ายให้ดีที่สุด สมกับที่แม่รกั พ่อมาก พวก
เราคงได้พบกันอีกในภพภมู ิข้างหนา้ นะแม่

แสนคดิ ถงึ
กอ๊ ด กี๋

“ถ้าไม่มียา่ ของพลอย แพร เรากค็ งไม่โตจนถึงทกุ วันน้ี”
พดู แบบนคี้ งจะไม่เกินความเปน็ จรงิ นกั

ตั้งแต่จำความได้ เราเกิดมาในครอบครัวใหญ่อยูก่ นั 10 คนทบี่ า้ นสวนรมิ คลอง
ย่าคือคนที่คอยดูแลความเป็นอยู่ของทุกคนในครอบครัว เป็นคนที่ทำอาหารได้
หลากหลายและอร่อยซะด้วย เวลาทำอาการทีจะทำเป็นหม้อใหญ่ๆ เลี้ยงปากท้องคนทั้ง
10 คนให้กินอิ่มไปอีกมื้อ ขณะที่เขียนข้อความนีอ้ ยู่เมนโู ปรดของย่ายงั คงอยู่ในความทรง
จำอยู่เลยแม้มนั จะผา่ นมานานแลว้

ตั้งแต่ตอนเด็กๆจนเข้าโรงเรียนมัธยม พ่อแม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านเพื่อ
หาเงินมาดูแลคนในครอบครัว ยามปิดเทอมชีวิตของเด็กๆทั้ง 4 คน (ฉันและน้องๆอีก 3
คน) ก็ฝากไว้กับปยู่ า่ ไปโดยปริยาย

ตอนเช้าตรู่ในขณะที่ฉันนอนให้น้ำลายไหลไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก ย่าจะ
ตะโกนเข้ามาในบ้านว่า พลอยย แพรรร ตื่นได้แล้ว แดดเลียก้นแล้ว พูดง่ายๆคือย่า
กลายเปน็ นาฬกิ าปลุกของหลานๆไปซะแลว้ ตอนกลางวนั ยา่ กจ็ ะตามไปกินข้าว ตอนเย็น
ข้าวอีกมื้อนึงก็มาซะแล้ว หลานๆจะชอบเกาะแกะอยู่กับย่าเพราะย่าใจดี แถมตลกไม่แพ้
ใคร กิจกรรมทีเ่ รามักจะทำด้วยกนั คือดูฟตุ บอลโดยเฉพาะเมื่อนัดไหนทีม่ ีทีมชาติไทยแขง่
ย่าจะไม่พลาดเลยซักครั้ง เวลาย่าเชียร์ทีมไทยบอกเลยว่าบ้านสั่นไปทั้งบ้าน เสียงดังไป
ไกลถงึ ตรุ กแี นน่ อน ชอบมากจรงิ ๆนะความมันส์ทีเ่ ราไดด้ บู อลด้วยกัน

ชวี ติ ของฉนั ดำเนินไปโดยมียา่ อยูด่ ว้ ยตลอดจนเมอื่ ครอบครวั เรายา้ ยออกมาอยู่
บ้านใหม่ที่ไกลออกไป เราก็ไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนเดิม มีวันนึงย่าเกิดอุบัติเหตุทำให้ย่า
ไม่สามารถเดินได้แบบปกติ 100% จนกลายเป็นคนติดเตียง ย่าพูดน้อยลง และสุดท้ายก็
ไม่พูดเลย แต่รับรู้ทุกอย่างที่เราสื่อสาร ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไร
ขึ้นกับย่า หลังจากนั้นครอบครัวเราก็ไปเยี่ยมย่าอยู่บ่อยๆ ฉันจะชอบบีบมือย่าให้ย่ารับรู้
ว่าพวกเรามาเย่ยี มแลว้ นะ ดว้ ยความทเ่ี ป็นคนทะเลน้ ฉันจะชอบเล่นหเู ล่นตากับย่า ดูจาก

สายตายา่ ก็คงจะรำคาญอยูไ่ ม่น้อย 55555 แต่ย่าก็คงรู้ว่ามนั วิธีการแสดงออกถึงความรกั
ของคนขี้เลน่ อยา่ งฉนั

ในวันนี้ย่าจากไปแล้ว ถ้าจะให้พูดแบบเห็นแก่ตัว ก็ไม่อยากให้ย่าจากไปเลย
เพราะครอบครัวที่มีย่าอยู่ก็ย่อมดีกว่าไม่มี แต่ย่าก็ทรมานมานานแล้วกับโรคชรา หลาน
คนนขี้ อให้ยา่ มคี วามสขุ อยู่บนสวรรค์ ขอใหย้ ่าไปสภู่ พภูมทิ ดี่ ี และหากพอมเี วลาว่างบ้างก็
อยา่ ลมื มาเข้าฝันใหเ้ ลขเดด็ กับหลานคนนนี้ ะยา่

รกั ยา่ จ๋า
พลอย แพร

ถงึ แม่ อนั เปน็ ทรี่ กั ยิ่งของเก๋

แมจ่ ากเกไ๋ ปแลว้ เมอ่ื วันที่ 14 ก.พ. 2565 ทกุ วันน้ี เกย๋ ังคิดถงึ แม่ไม่เคยไม่มี
วันไหนที่จะไม่คิดถึงเลย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เก๋จะอยู่ดูแลแม่ตลอด ความรัก
ความผูกพันมันมีมากมายมหาศาล มองรูปของแม่ทีไร ก็จะน้ำตาซึมตลอด หวนคิดไปว่า
แมไ่ ดจ้ ากเกไ๋ ปแลว้ หรอื นี่ ใจหายทกุ คร้ังเลย

เมื่อครั้งแม่ยังมีชีวิตอยู่ ตลอดเวลาแม่มีแต่ความรัก ความเสียสละ ความ
ห่วงใย ความเอื้ออาทรให้กับเก๋ ให้ลูกได้ทุกอย่างแบบไม่มีข้อแม้ใดๆ จิตใจของแม่
ประเสริฐสุดหาที่เปรียบไม่ได้เลย แม่ชอบทำบุญเป็นชีวิตจิตใจมาก จำภาพได้ว่าฝนตก
แม่กต็ อ้ งกางรม่ ไปใส่บาตรท่หี นา้ บ้าน แมบ่ อกว่าสงสารพระทา่ นต้องเดนิ บินฑบาตรกลาง
ฝน ถ้าท่านไม่มีอาหาร แล้วท่านจะฉันอะไรล่ะ นี่คือคำตอบที่แม่ตอบเก๋ จิตใจของแม่
เป็นกุศลมากมายจริงๆ แม่ของเก๋มแี ต่ใหโ้ ดยไม่หวังอะไรตอบแทน

เรามีชีวิตที่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขอยู่ไม่นาน ก็มีสัญญาณเตือนมาแล้วนั่น
คือ สุขภาพของแม่เริ่มถดถอยลง แรกๆ สังเกตแม่เหมือนมีอาการซึมเศร้า นั่งเหม่อ คือ
แม่จะเป็นแม่บ้านมาตลอด ไม่ได้ทำงานนอกบ้าน ไม่ได้พบปะผู้คน อยู่แต่กับบ้านกับพ่อ
แค่2 คน ด้วยเก๋ต้องไปทำงานนอกบ้าน แม่เป็นอาการแบบนี้อยู่นาน จึงพาไปหาหมอ
อาการที่พบ คือแม่เริ่มเป็นอัลไซเมอร์ด้วยแต่ยังไม่มาก ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดหน่อย เอา
ละซิจะทำยังไงดี ถ้าขืนปล่อยแม่ไว้อย่างนี้ต้องทรุดลงอีก ด้วยเก๋ก็ไม่สามารถอยู่กับแม่
ตลอดเวลาได้ จึงตัดสินใจจ้างคนมาดูแลแม่ให้มาอยู่กับแม่เลย แม่ก็ดีขึ้นเพราะมีเพื่อน
พูดคุยกันไป เออเก๋ก็สบายใจขึ้น ตอนนั้นทีเ่ ร่ิมจ้างคนมาดแู ลแมป่ ระมาณปี 2554 ตอน
นน้ั แม่ก็อายุ 80 ปี

จุดเริ่มต้นของการป่วยของแม่อย่างรุนแรง เริ่มขึ้นเมื่อปี พศ. 2558 แม่มี
อาการตัวร้อนมากเป็นไข้สงู หนาวสน่ั โดยไมร่ สู้ าเหตุ พาแมไ่ ป ร.พ. สรปุ ว่าแมม่ ีอาการตดิ
เชื้อในกระแสเลือดและกระเพาะปัสสาวะ แต่ไม่รุนแรงมาก ต้องนอน ร.พ. เพื่อให้รักษา
ใหห้ าย นับวนั ทแ่ี มน่ อน ร.พ. คอื 18 วัน

ตน้ ปี 2560 แมเ่ ริม่ ป่วยทรดุ ลงไปอกี อาการตัวร้อนเปน็ ไข้ หนาวสน่ั ตอ้ งเข้า
ร.พ. รักษาตัวจนหาย อยู่ ร.พ 4 คืน ก็กลับบ้านได้ โล่งใจไปอีก เก๋คุยกับคนดูแลแม่ว่า
ต้องใกล้ชิดแม่มากๆ ขึ้น เพราะแม่ต้องเริ่มใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่แล้ว เนื่องจากแม่เริ่มไม่ค่อย

อยากเดิน อยากแต่จะนอน เริ่มกินได้น้อยลงไม่ค่อยอยากจะกลืนอาหารเลย ด้วยคนแก่
มากๆ เราก็ไม่อยากบังคับอะไรมากมาย แต่มันก็มีสัญญาณอันตรายขึ้นมาอีกสำหรับคน
แก่ทีน่ อนนานๆ ไม่คอ่ ยอยากจะเดินเทา่ ไหร่ นัน่ คอื แมเ่ ริม่ เปน็ แผลกดทบั

ต้นปี 2561 แม่ต้องเข้า ร.พ อีกครั้ง คราวนี้ต้องผ่าตัดแผลกดทับ จุดที่เป็น
คือกน้ กบ เพราะแม่นอนหงายซะสว่ นใหญ่ แตก่ ลับบ้านได้ หมอกแ็ นะนำวิธกี ารดูแลแผล
ทำความสะอาดแผลอยา่ งไร เก๋กับคนดแู ลแมจ่ ะคุยกันตลอดว่า เราจะทำกนั อยา่ งไรดกี ับ
แผลของแม่ อาจเป็นความโชคดีที่เก๋ได้คนดูแลแม่ท่ีมีจิตใจดี ดูแลแม่ด้วยใจ ไม่รังเกียจ
อะไรเลย ความเครียดของเก๋ก็ลดลงได้คนที่ดูแลแม่ดี เราก็สบายใจขึ้น เพราะเราต้อง
ฝากแมไ่ ว้กับเขาตลอดเวลา สๆู้ กนั ไป

ปลายปี 2561 งานเข้าอย่างหนัก แม่ไม่ยอมเดินแล้ว ไม่ยอมก้าวเท้าแล้ว เก๋
ร้องไหเ้ ลยเรากพ็ ยายามปลอบใจตวั เองว่า การดูแลคนแกแ่ ละปว่ ยยงั ไง ก็แค่ทรงตวั และ
ทรุดเท่านั้น ไม่เหมอื นเลี้ยงดูแลเด็กใหเ้ ตบิ โตขึ้น สัจจธรรมนเี้ กเ๋ ขา้ ใจ แตพ่ อถึงเวลาจริงๆ
มันกท็ ำใจไมค่ อ่ ยได้ นีแ่ ม่ต้องนอนตดิ เตยี งแล้วซนิ ะ อายุแมไ่ ด้ 87 ปี กต็ ้องยอมรบั สภาพ
ไปตามนนั้ แตก่ ด็ แู ลกันไปใหด้ ที ส่ี ุด

ต้นปี 2562 แม่ต้องเข้า ร.พ อีกครั้ง เนื่องจากแผลกดทับติดเชื้อ ต้องผ่าตัด
แผลอีกครั้ง ความเครียดประดังมาที่เก๋หลายร้อยเทา่ นัก จะทำยังไงดีสงสารแม่เหลือเกิน
ครั้งนี้ตลอดเวลาทีน่ อน ร.พ มีสายระโยงระยางเต็มตัวแม่ไปหมด สงสารแม่จับใจ แม่คง
เจบ็ ปวดมากซนิ ะ แต่มันกค็ ือแผนการรักษาของหมอ เพ่อื ที่แมจ่ ะได้หาย ครั้งนี้สาหัสเข้า
ไปอีกเมื่อแม่รักษาหายแล้ว สิ่งที่ติดตัวแม่กลับออกมาก็คือ แม่ต้องให้อาหารทางสายยาง
ตลอดไป เพราะแม่ไม่สามารถกลืนอาหารได้แล้ว ร้องไห้เลยเก๋ ไม่รู้ร้องไห้กี่รอบแล้วนับ
ไม่ถ้วน เพราะยังไงซะแม่คงต้องทรุดโทรมลงไปเรื่อยๆ ด้วยอายุก็มากขึ้นๆ ต้องทำใจไป
ตลอดเวลา ยังไงก็ต้องช่วยกันดูแลแม่กันต่อไป ด้วยแม่ต้องนอนติดเตียงและต้องให้
อาหารทางสายยาง และมแี ผลกดทบั ด้วย ก็ดแู ลแมส่ ๆู้ กนั ต่อไป

จนปลายปี 2563 มาอีกแล้วแม่ทรุดลงอีก มีอาการเสมหะพันคอ หายใจไม่
ค่อยได้เหนื่อยกับการหายใจ คราวนี้ต้องเรียกรถพยาบาลมารับแม่ที่บ้าน เบื้องต้น
รถพยาบาลดูดเสมหะกันในรถเลย จากนั้นก็นำส่ง ร.พ อีกครั้ง แม่รักษาตัวที่ ร.พ รวม
ทั้งหมด 8 วัน แต่แย่ที่สุด คือเก๋ไม่ได้เข้าเยี่ยมแม่เลย ด้วยโรคโควิดกำลังระบาดหนัก
ร.พ มีนโยบายไม่ให้ญาติเข้าเยี่ยม ไม่ให้นอนเฝ้า โห แย่เลยไม่ได้เห็นแม่ นอนร้องไห้ทุก

คืน ต้องใช้วิธีโทร. ไปถามอาการแม่ทุกวัน ทำได้เท่านี้เอง เก๋สู้ๆ มาตลอดยังคิดว่าแม่จ๋า
จะมีอะไรที่จะแย่ไปกว่านี้มั้ย แต่ก็เกิดขึ้นอีกจนได้ตอน ปลายปี 2564 แม่เป็น
เหมือนเดิมอีก เสมหะพันคอ ค่าออกซิเจนต่ำมาก ตาแม่เริ่มเหลือก รีบเรียกรถพยาบาล
มารับอีก ตอนนั้นแม่อยู่ในอ้อมกอดเก๋ตลอดเวลาคิดไปว่าแม่คงไม่รอดแล้ว เก๋กอดแม่
แน่นมาก แม่จ๋าแม่อดทนนะ เดี๋ยวรถจะมาแล้วนะแม่ แม่ก็อดทนไม่อยากทิ้งเก๋ไปไหน
ได้รักษาทันท่วงที คราวนี้หมอบอกแม่เป็นปอดติดเชื้อ เลือดจาง ต้องให้เลือดแม่ นอน
ร.พ 5 คืน แต่ครั้งนี้เขา้ เฝ้าไข้ได้ สิ่งที่เห็นกับร่างกายแม่ มีแต่สายระโยงระยางเต็มตัวอกี
เช่นเคย ทำไมช่างโหดร้ายขนาดนี้นะ แม่คงเจ็บปวดมาก ต้องโดนเจาะ โน้น นี่ นั่น เต็ม
ตวั ไปหมด สงสารแม่จบั ใจแต่ก็ไม่รู้วา่ จะทำอย่างไรให้มนั ดีไปกว่านไี้ ด้

จนถึงวันที่เก๋ต้องจดจำไปตลอดชีวิต คือวันที่แม่ได้จากไปอย่างสงบ 14 ก.พ.
2565 ชว่ งบ่าย แมห่ ลับไปอย่างเงียบๆ ด้วยลมหายใจทีแ่ ผ่วเบา ซ่ึงตอนนนั้ แม่กม็ ไี ขร้ มุ ๆ
ก่อนหนา้ อยู่ 2 วัน กใ็ ห้กินยาลดไขไ้ ปปรกติ ไม่ได้มีสญั ญานเตอื นอะไรเหมอื นที่ผา่ นๆ มา
เทวดาคงเห็นแล้วว่าแม่สมควรขึ้นสวรรค์ได้แล้ว ไม่ควรทุกข์ทรมานอีกต่อไป แม่จ๋าเก๋
คิดถึงแม่เหลือเกินแต่คงถึงเวลาแล้วที่เราต้องจากกัน เก๋จะไม่ยื้อแม่ไว้แล้ว แม่ก็จะได้ไม่
ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป ความสุขของเก๋ที่มีแม่อยู่ กับความทุกข์ที่แม่ต้องจากไปมันยากท่ี
จะบรรยาย เก๋ยังสุขใจบ้างที่ได้ดูแลแม่เวลาแม่เจ็บป่วย ได้ป้อนข้าวแม่ ได้อาบน้ำให้แม่
สระผมให้แม่ เก๋ไม่เคยลืมและจะไม่ลืมด้วย ดวงวิญญาณแม่อยู่ที่ไหนขอให้รับรู้ไว้ว่าเก๋
คดิ ถงึ แมเ่ สมอ รกั แมเ่ สมอไม่มีวนั เปล่ียนแปลง

ลกู สาวคนเล็ก เทพจิตรา ชูนุ่น

ในความรูส้ กึ ของผมคุณเเม่เป็นพระอรหนั ตท์ ่ีบ้านได้ดีทสี่ ดุ ในทุกขณะของชีวิต
ท่านมีเเต่การมอบความรักและเมตตาให้คนรอบข้างโดยไม่มีเงื่อนไขเเละยิ่งกับลูกๆเเล้ว
นั้นคือการทุ่มหมดหน้าตักเพื่อความสุขของลูกๆ วันนี้ คุณเเม่ได้จากลาโลกนี้ไปแล้วเเต่
ความดีความรักเเละความเมตตาของท่านยังอยู่กับเราเสมอไป ขอให้ดวงวิญญาณของเเม่
ไปสภู่ พภูมิท่ีดี เเละเขา้ ถงึ มรรคผลนิพพานในเร็ววนั ดว้ ยเทอญ

สมชาติ ชนู ุ่น

ตั้งเเต่เกิดมาเรียก "ยาย" น่าจะนับครั้งได้ ส่วนใหญ่ผมเเละน้องชายจะเรียก
"ย่า" มากกว่าเพราะเรียกตามพี่สาวทั้งสองคน ย่าเป็นคนทำอาหารเก่ง ตอนกลับจาก
โรงเรียนผมเเละน้องชายจะเดนิ ไปหาย่าก่อนตลอด เเล้วบอกวา่ หิว วันนี้ย่าทำอะไรใหก้ นิ
บ้าง บางครั้งย่าจะเป็นคนที่ซีเรียส เเละเข้มงวดกับผมเเละน้องชายบ้างนิดหน่อย ซึ่งก็
เข้าใจว่าเค้าอยากให้หลานได้ดี ผมคุยกับย่าครั้งล่าสุดเมื่อปี 2556 คุยว่าผมสอบติด
มหาวทิ ยาลัยเเล้วนะ กอ่ นที่ยา่ จะปว่ ยตดิ เตยี งตั้งเเต่ตอนนั้นเปน็ ตน้ มา เเละเสยี เม่ือเดือน
ก.พ.ปี 2565 สว่ นน้องชายผมไดค้ ยุ กับย่าคร้ังลา่ สดุ เมื่อปี 2554 ตอนท่ยี ่าเรยี กนอ้ งชาย
ผมไปช่วยงานในครัว ย่าเคยบอกผมเเละน้องชายว่าโตข้ึนต้องเอาอย่างลงุ กฤษณ์ใหไ้ ด้นะ
เป็นเจา้ คนนายคนให้ได้ ตอนนี้ภาระของย่าทั้งหมดส้นิ สดุ เเล้ว เเละขอใหย้ า่ หลับให้สบาย
ครับ ผมเเละน้องชายขอขอบคุณคุณยา่ ท่เี ล้ยี งดผู มเเละนอ้ งมาเป็นอย่างดีครบั

จากหลานชายท้งั สอง วนิ เนอร์ บอส

ป้านีย์ในความทรงจำ

ป้านีย์เป็นพี่คนโต แก่กว่าแม่ 2 ปี เป็นคู่พลังหญิงทำงานช่วยพ่อแม่ส่งน้องๆ
เรียนหนังสือ ป้านีย์กะแม่เย็บเสื้อผ้า ดัดผม เก็บเงินไว้ส่งน้องๆเรียน ช่วยกันทำงานบ้าน
ทำครัว ป้านีย์เวรเช้า ต้องลุกหุงข้าวแต่มืด ไม่งั้นน้องไปเรียนไม่ทัน เรียนสมัยก่อนต้อง
เดินเท้าจากบ้านท่าทรายไปถึงในเมือง (รร.นวค.ในปัจจุบัน) ป้านีย์เป็นคนสวย แต่งตัว
เรยี บรอ้ ยอัธยาศยั ดี ใจดี อารมณ์ดี พดู เพราะ คยุ เก่ง ใจบุญใจกุศลชว่ ยบริจาคทำบุญท่วี ัด
ใหมอ่ ยู่บอ่ ยๆ

หลังแต่งงาน ป้านีย์มาอยู่ที่บางโพ ส่วนแม่อยู่ลาดพร้าว ตอนเด็กๆ แม่เคยพา
ไปเยี่ยมหาหลายครั้ง บ้านป้านีย์สมัยก่อนต้องเดินผ่านสวนหลายสวนเข้าไป ช่วงสุดท้าย
ต้องเดินข้ามสะพานไม้ข้ามคลอง สนุกมาก ป้านีย์ทำอาหารเก่งและอร่อย เคยมีเมนูข้าว
หมแู ดงด้วย

ช่วงหลังๆ ไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมต่างคน ต่างมีภาระ จนแม่ย้ายมาอยู่ที่นครนายก
ส่วนป้านยี ์ยังอยู่กทม. ก็ยังได้เจอป้านยี ์ตอนทำบุญบรรพบุรุษประจำปี จนช่วงหลังปา้ นีย์
สุขภาพเริ่มไม่ค่อยดี ไปไหน มาไหนไม่สะดวก แม่เคยไปเยี่ยม คนดูแล (ชื่อแก้ว) บอกว่า
ปา้ นียบ์ น่ คดิ ถึงเหนี่ยวน้องรัก น้องเหนี่ยวจึงได้ไปเยีย่ มให้หายคดิ ถงึ กนั แล้ว ช่วงหลงั ๆ แม่
ก็เดนิ ทางไมส่ ะดวก เลยไมค่ ่อยไดเ้ ข้าไปเยี่ยมเยยี นกนั อีก จนกระทั่งรูข้ ่าวการจากไป

ขอให้ดวงวิญญาณป้านีย์สู่สัมปรายภพ บุญกุศลที่ป้านีย์ได้ทำมาช่วยส่งให้
ปา้ นียส์ สู่ รวงสวรรคด์ ้วยเทอญ

จากคำบอกเล่าและความทรงจำของแมแ่ ละเอื้อมหลานสาวคนที่ 2 ของป้านีย์ค่ะ
27 ก.พ.65 เวลา 07.15 น.

ปา้ นยี ์ (สุนยี ์ ศริ มิ งคล)

“ป้านยี ”์ เปน็ คำเรยี กขาน “คุณแม่กนกพร อม่ิ แสง” ซึง่ ช่ือเดมิ คอื “สุนีย์ ศิริ
มงคล” เมื่อหวนระลึกย้อนหลังไปกว่าห้าสิบปีเกือบหกสิบปีที่แล้ว ณ บ้านสวนริมแม่น้ำ
นครนายก ต.ท่าทราย อ.เมอื ง จ.นครนายก ท่ีปา้ นียอ์ ยู่กบั พอ่ แกแ่ ละแมใ่ หญ่ (นายนาค -
นางคล้อย ศิริมงคล พ่อและแม่ของป้านีย์) และน้าติ๋ง (จรัสศรี น้องสาวป้านีย์) ทุกช่วง
ปดิ เทอมภาคปลายสมยั ช้นั ประถมศึกษา และบางครัง้ ช่วงวันหยุด เสาร์-อาทติ ย์ ผมได้มา
อยู่ที่บ้านสวนนี้คราวละหลายๆวันถงึ หนึ่งเดือน หรือมากกว่านัน้ พร้อมน้องสาว จะมาอยู่
ที่บ้านสวนนี้ ใช้ชีวิตที่นี่ในวัยเด็ก ซึมซับชีวิตชาวสวน ชาวไร่ โดยด้านหน้าบ้านติดแม่นำ้
นครนายก ดา้ นหลังบ้านเป็นถนนดิน ฝุ่นเยอะไม่ค่อยมรี ถวิ่งผ่าน มักมแี ตร่ ถจักรยานและ
มอเตอร์ไซด์ ถัดจากถนนดินเป็นท้องนาสดุ ลูกหูลูกตา ป้านีย์เป็นสาวสวยคนหน่ึงที่ตำบล
ทา่ ทรายนี้ นน่ั คอื ภาพในอดตี ที่หวนคดิ ถึง

ป้านีย์ จะเป็นแม่บ้านหลัก หุงหาอาหารและงานบ้านต่างๆ ป้านีย์จะใช้
คำพูดไพเราะเสมอ ดูแลพ่อแก่และแม่ใหญ่ ซึ่งน้าติ๋งก็จะช่วยดูแลงานบ้านร่วมกันกับ
ป้านีย์ ป้านีย์จะไม่ดุ หรือว่ากล่าว ถ้าทำผิด ป้านีย์จะใจเย็น ใจดี ยังจำฝังใจมาจนทุก
วันนี้ จวบจนมีนายทหารหนุ่มกรุงเทพ (ลุงแกะ) นานๆจะแวะเวียนมาหา ซึ่งการ
เดินทางมาที่บ้านสวนนี้จะลำบากมาก ถ้ามาจากกรุงเทพ ต้องนั่งรถโดยสารมาที่ตัวเมือง
นครนายก แล้วต้องรอคิวนั่งรถแท็กซี่มาลงที่ตลาดท่าหุบ และนั่งเรือหางยาวมาที่บ้าน
เม่อื ป้านยี ์แตง่ งานออกเรอื นไปแลว้ อย่ทู กี่ รงุ เทพ เลยไดพ้ บปา้ นยี น์ อ้ ยลง แต่ทุกๆเทศกาล
สงกรานต์ จะเป็นการรวมญาติ รดน้ำพ่อแก่ แม่ใหญ่ ที่บ้านสวนนครนายก และป้านีย์
พร้อมครอบครัวจะมาทุกครงั้ เสมอไป

ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลังจากป้านีย์ได้ออกเรือนแล้ว นานๆถึงมาเยี่ยมป้านีย์ที่
บ้านกรุงเทพ แต่จะพบป้านีย์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่บ้านสวนนครนายก จนกระทั่ง
พ่อแก่ แม่ใหญ่ เสียชีวิตแล้ว แต่จะมีการทำบุญประจำปีอุทิศส่วนกุศลให้พ่อแก่ แม่ใหญ่
ในเดือนกันยายน ของทุกปี ก็จะพบปะป้านีย์ หลายปีหลังๆทราบข่าวป้านีย์เริ่มป่วย
จนกระทั่งต้องนั่งรถเข็น ป้านีย์ยังมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พ่อแก่ แม่ใหญ่ ที่นครนายก
เช่นเดิม จนช่วงปีหลังๆ ป้านีย์มาไม่ได้ เพราะอายุมากและเดินทางลำบาก เลยไม่ได้พบ
ป้านยี ์

และแล้ว ช่วงวันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ช่วงเวลาบ่ายสามโมงกว่า
ไดร้ บั ทราบข่าวเศร้าว่า “ป้านีย์ ได้จากพวกเราไปแลว้ ” ใจหาย เสียใจ ……… ภาพในอดีต
เก่าๆสมัยที่ป้านีย์อยู่ดว้ ยผุดมาในสมอง วันเวลาไม่สามารถย้อนกลับมาได้ แต่คุณความดี
จะตราตรึงตลอดไป ด้วยคุณความดีของป้านีย์ ขอให้ดวงวิญญาณของป้านีย์ไปสู่สุขคติ
สัมปรายภพในภพภมู ิทด่ี ีสวรรคช์ นั้ ดุสติ ดว้ ยเถิดครับ

รักและเคารพป้านยี เ์ สมอครบั
หลานอด๊ื (สานติ ย์ ศรสี ขุ )

แมว้ า่ วนั เวลาจะผา่ นมาเนิน่ นาน

แตค่ วามทรงจำในวันวานยงั คงติดตรงึ อยู่ตลอดไมเ่ คยลมื เลอื น...

“ป้านีย์” ป้าคนสวยใจดี เป็นสาวสวยของตำบลท่าทราย จังหวัดนครนายก
ปากนิด จมูกหน่อย ป้านีย์ยิ้มสวย อารมณ์ดีเสมอ ป้านีย์เป็นญาติผู้ใหญ่สุดเพราะเป็นลกู
สาวคนโตคนแรกของตระกูลเรา ป้านีย์กับแม่จะเปรียบเสมือนแฝดคนละฝาเลยก็ว่าได้
ชื่อเดิม “หน่วง & เหนี่ยว” เมื่อเตบิ โตขึน้ ต้องเปลีย่ นชื่อก็ตั้งให้คล้องจองกันอีก “สุนีย์ &
สุนันท์” แม่เคยเล่าให้ฟังว่าตอนสาวๆ ป้านีย์เป็นช่างตัดเสื้อ ช่างทำผม ทั้งตัดผมดัดผม
ครบเครื่องเรอ่ื งความงาม แมก่ ับปา้ นยี ์จะสนิทกนั มากอาจจะดว้ ยอายุท่ีใกล้เคียงกนั ผา่ น
หลายสิ่งหลายอย่างมาด้วยกันตั้งแต่เด็กจนโต จนกระทั่งทุกวันนี้ยังจำน้ำเสียงที่เรียกช่ือ
กันและกันได้ติดหู “พี่หน่วง ยังงั้น พี่หน่วงยังงี้ เหนี่ยวยังงั้น เหนี่ยวยังงี้” บางครั้งก็มี
“เอ็งๆ ข้าๆ” แบบคนโบราณ คำเรียกชื่อธรรมดาๆเหล่านี้ แต่ทำไมมันชา่ งไพเราะเพราะ
พร้งิ จำได้ตดิ หูตดิ ใจเสยี เหลือเกนิ

จำได้ว่าตอนเด็กๆ ถ้าโรงเรียนปิดเทอมแม่จะพามาอยู่บ้านสวนของพ่อแก่ แม่
ใหญ่ ที่นครนายก บ้านสวนหลงั นีเ้ ป็นบ้านไทยโบราณเรือนไม้ 2 ชั้น มีชานเรอื นกั้นกลาง
ระหว่างเรือนพักอาศัยกับเรือนครัว ตั้งอยู่ริมแม่น้ำนครนายก ท่ามกลางสวนเขยี วครึม้ รม่
รื่นท่ีปลูกสารพัดไม้ผล เงาะ มังคุด มะปราง ส้มเขียวหวาน ส้มโอ กล้วย และอกี มากมาย
ที่น่ีจะเปน็ จดุ ศูนย์รวมของสมาชกิ ตระกลู เรา พปี่ า้ นา้ อาแม้ว่าจะออกเรอื นไปแล้วหรอื ไมก่ ็
ตาม หากมเี วลาว่างก็จะมารวมตวั สังสรรค์กนั ท่บี า้ นหลังนี้

อ้อยยังคิดถึงตะเกียงเจ้าพายุที่พ่อแก่จะเป็นคนจุดทุกคืน เพื่อให้แสงสว่าง
เพราะไฟฟ้ายงั เขา้ ไปไม่ถงึ

ยังคิดถึงกระเช้าหมากของแม่ใหญ่ที่มีกระปุกเล็กกระปุกน้อยทำด้วยเงินไว้ใส่
หมากใส่พลู และที่ตำหมากทองเหลืองที่บางครั้งหลานๆจะยื้อแย่งกันเพื่อตำหมากให้แม่
ใหญ่

ยังคิดถึงสำรับข้าวกลางชานเรือนที่ทุกคนมาล้อมวงกันทานร่วมกันท่ามกลาง
แสงไฟจากตะเกยี งดวงนอ้ ยและตะเกยี งเจ้าพายุ

ยังคิดถึงข้าวสวยร้อนๆหอมๆ ที่หุงด้วยเตาถ่าน เวลาหุงข้าวแล้วต้องใช้ไม้ขัด
หม้อขา้ วเพื่อเทนำ้ ขา้ วทิง้ แล้วดงข้าวอังไฟให้หอมกรุ่น

ยังคดิ ถึงโอง่ นำ้ ใบเข่ืองท่ีตั้งเป็นแถวเรียงรายข้างเรอื น
ยังคิดถึงกลิ่นกระดังงาที่ปลูกข้างศาลาริมน้ำ พอตกเย็นจะส่งกลิ่นหอมฟุ้งทุก
คำ่ คืน

...และยังคิดถึงอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ และเชื่อว่าลูกหลานหลาย
คนของบ้านนี้คงไม่ต่างกัน คงมีความทรงจำดีๆ ความประทับใจที่แตกต่างกันไปตาม
กาลเวลาทบ่ี า้ นสวนรมิ นำ้ หลังน้แี น่นอน

มีอยู่ครั้งหนึ่งมาเจอป้านีย์ที่กลับมาเยี่ยมบ้านสวนเหมือนกัน ดีใจมาก วันนั้น
ป้านีย์บอกว่าจะทำข้าวหมูแดงให้หลานๆกินเพราะว่าเพิ่งได้สูตรมาใหม่ ป้านีย์บอกให้
ชว่ ยดนู ้องด้วยนะถา้ น้องอึบอกดว้ ย ปา้ จะเขา้ ครวั ตอนนัน้ “กอ๊ ด”ยังแบเบาะเป็นเบบ๋ีอยู่
เลย ก๊อดนอนหลับอยู่ เราก็วิ่งเล่นอยู่แถวนั้นรอบเบาะที่ก๊อดนอน พอป้านีย์ทำอาหาร
เสร็จกอ็ อกมาดกู ๊อด ป้านีย์พดู กบั เรา “โอ้โห นอ้ งมีก้อนทองออกมาแลว้ นะ” แลว้ หัวเราะ
ชอบใจอารมณ์ดี ไม่ดุเราเลย เราก็วา่ เราดนู ้องแลว้ นะ แตม่ นั โผล่ออกมาตอนไหนเรากไ็ มร่ ู้
555...

หลายครั้งที่แม่ไปเยี่ยมป้านีย์ที่บ้านบางโพแล้วพาเราไปด้วย จำได้ว่าต้องเดิน
ไต่บนราวไมไ้ ผ่ที่วางพาดข้ามคลองเล็กๆที่จะข้ามไปบ้านป้านีย์ สมัยนั้นมันเป็นวิธีเดียวที่
จะไปบา้ นป้าได้ ตอนเดนิ ไต่ราวไมไ้ ผจ่ ะรู้สึกสนุกปนหวาดเสยี ว ต้องค่อยๆเดนิ ชา้ ๆกลัวว่า
จะหล่นลงคลองไปซะก่อนที่จะถึงบ้านป้า เวลาป้านีย์กับแม่เจอกันก็จะเม้ามอยหอยสังข์
จ๊กุ ๆจิ๊กๆกันทัง้ วนั ตดั เส้อื ใสบ่ า้ ง สร้างแบบเส้อื ให้กันบา้ งแบง่ ปนั ความรู้ตัดเย็บให้กัน เรา
ก็ฟังบา้ ง เบอื่ กว็ ิ่งเล่นบ้าง ไปนั่งเลน่ ศาลาริมคลองบา้ ง จำได้ว่ามตี ้นชมพปู่ ลกู อยูข่ า้ งศาลา
ดว้ ย กวา่ จะได้กลบั บา้ นกบ็ า่ ยคล้อยเกือบหมดวัน

เม่ือเราเติบโตข้นึ มภี ารกจิ ความรบั ผิดชอบทตี่ ้องทำมากข้ึนตามวยั ท่สี งู ขึ้น การ
จะได้เจอป้านีย์กล็ ดน้อยถอยลง จะได้เจอก็ต่อเม่ือมีงานบุญ หรือไม่กง็ านสีชมพูของญาติ
พี่น้อง คราวใดที่ได้เจอ ป้านีย์ก็ยังคงเป็นป้านีย์คนเดิม ใจดี อารมณ์ดี เรียกได้ว่าไม่เคย
เห็นป้านีย์โกรธใครเลย หลังจากนั้นก็จะไม่ค่อยได้มีโอกาสเจอป้านีย์อีก ต่อมาเริ่มมีข่าว
คราวว่าป้านีบ์เริ่มป่วย ครั้งหนึ่งที่ป้านีย์ป่วยมากต้องเข้าโรงพยาบาล เราได้มีโอกาสไป
เยี่ยม ความรู้สึกตอนนั้นคือเศร้ามาก ได้แต่ภาวนาขอให้ป้านีย์หายป่วยกลับมาแข็งแรง
เหมือนเดิมด้วยเถอะ ต่อจากนั้นป้านีย์ก็เจ็บป่วยมาตลอด จนกระทั่งข่าวสุดท้ายที่ได้
รับทราบคือป้านีย์เริ่มไม่รับรู้แล้ว และท้ายสุดเป็นข่าวที่ไม่อยากรับรู้และไม่อยากให้
เกิดขน้ึ เลยคอื ป้านยี ์ ปา้ คนสวยใจดี ไดจ้ ากพวกเราไปแล้ว

ใจเอย...ใจหาย
สิ้นแลว้ สิ้นสลาย สายสนุ ยี ์
จากวนั นล้ี าลบั กลับสวรรค์
ลกู หลานปา้ กราบอำลาจากนริ ันดร์
หยาดน้ำพลันรว่ งหล่นสุดอาลยั ...

ขอให้ดวงวญิ ญาณป้านีย์ไปสู่สคุ ติในภพภมู ทิ ด่ี อี ันสขุ สงบดว้ ยเทอญ

ด้วยความอาลยั รักยงิ่
ออ้ ย หลานสาวคนโตของป้านีย์

ถงึ พีห่ นว่ งค่ะ

ก่อนอื่นขอขอบคุณหลานก๊อด กฤษณ์ อิ่มแสง และน้องเก๋ที่ให้โอกาสน้าแป้ด
ไดเ้ ขยี นแสดงความรู้สกึ ถึงคณุ แม่ ยนิ ดีเปน็ อยา่ งยิง่ ค่ะ

พี่หน่วง หรือคุณพี่กนกพร อิ่มแสง พี่สาวของสามี หรือพี่หนู น.ท. เกรียงศักด์ิ
ศิริมงคล ถงึ แม้จะเป็นเพียงนอ้ งสะใภ้กม็ ีความรักและเคารพพ่มี าก ตงั้ แต่รู้จักครอบครัวศิ
ริมงคล น้องๆของพี่จะกล่าวถึงบุญคุณของพี่สาวสองคน คือ พี่หน่วงกับพี่เหนี่ยวที่
เสียสละทำงานสง่ นอ้ งเรยี น เปน็ กำลงั หลักของครอบครวั

สำหรบั พ่หี น่วงนัน้ ไดร้ จู้ กั แล้ว พีด่ มี ากๆคะ่ เป็นผูม้ ีความขยนั อดทน คิดดี พูด
ดี ทำดี จิตใจดี รักครอบครวั เปน็ แม่บา้ นแม่เรอื น ทำกบั ขา้ วอร่อย ดแู ลเอาใจใส่อบรมลกู
2 คน ก๊อด เก๋ เป็นเด็กน่ารักมาก ดี เก่งและฉลาด ปัจจุบัน ลูกของพี่ก็เป็นผู้ใหญ่ที่มี
คณุ ภาพ

พี่หน่วงรู้ไหม พี่หนู น้องของพี่มีความรักและผูกพันกับพี่มาก ช่วงเวลาที่ว่าง
เมื่อลูกๆยังเล็ก จะพาลูกๆไปหาป้าหน่วง ลุงแกะที่บ้านบางโพบ่อย และพบกันที่บ้านปู่
นาค ย่าคล้อยทีบ่ ้านนครนายกประจำ สมัยปู่ย่ายังมีชวี ิตอยู่ ช่วงที่ไม่ไดพ้ บ ก็จะโทรศัพท์
คุยกันตลอด พี่หนูดีใจกับครอบครัวพี่มากที่ชีวิตครอบครัวพี่ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข
มาตลอด เมื่อย่างเข้าสู่วัยชรา พี่หน่วงป่วย พี่หนูเป็นห่วงมาก แต่ตัวเองก็เริ่มขับรถเข้า
กทม. เองไม่ได้แล้ว ทำให้มาเยี่ยมด้วยตนเองไม่ได้ แต่ก็ยังดีได้มีโอกาสมาเยี่ยมพร้อม
ญาติๆหลายครัง้ เมื่อปี พ.ศ. 2563 พี่หนูเริ่มป่วย พอหายแล้ว ก็จะพูดถึงพี่หน่วงทุกวนั
ว่า “แป้ด พี่คิดถงึ พี่หนว่ ง อยากเยี่ยม พาพไ่ี ปเยี่ยมพห่ี น่วงไดไ้ หม” ก็ไม่กลา้ พาไป เพราะ
โรคโควิดระบาด พี่หนูพูดอีกว่า “กว่าถั่วจะสุก งาก็จะไหม้เสียก่อน” และรบเร้าลูกๆ
จ๊ะเอ๋ เบบี้ “พาพ่อไปหาป้าหน่วงหน่อยนะลูก ถ้าพ่อได้ไปเยี่ยมป้า ขอให้ได้ยินคำว่า หนู
มาเหรอ พ่อก็จะดีใจและพอใจแล้ว” ลูกๆได้พาพ่อไปเยี่ยมเมื่อวันท่ี 27 มีนาคม 2564
จำไดว้ า่ พหี่ นูถามว่า “พห่ี น่วงจำหนูได้ไหม นีห่ นูนะ” กเ็ หน็ แตพ่ ่ีจอ้ งมองหน้านอ้ ง พี่คงดี
ใจ แต่พูดไม่ออก เป็นการพบกันเป็นครั้งสุดท้าย พี่หนูอยากไปเยี่ยมพี่อีก ยังไม่ได้พาไป
เพราะโรคโควิดระบาดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ได้แต่ปลอบใจไว้ แต่สิ่งที่คาดไม่ถึง พี่หนูป่วย
เสียชีวิตก่อนพี่หน่วงเมื่อ 4 มกราคม 2565 และเดือนถัดมา คือ เดือนกุมภาพันธ์ พ่ี

หนว่ งได้เสียชีวิตในเวลาท่ใี กล้เคยี งกัน หนเู สยี ใจเปน็ ท่สี ุด แต่ชีวติ กต็ อ้ งดำเนินต่อไป หวัง
วา่ พ่ีทัง้ สองคงไดพ้ บกนั แล้วบนสรวงสวรรค์

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ได้คิดว่า เมื่อยังมีลมหายใจอยู่ ให้ดีต่อกัน
มากๆ เมื่อจากกันแล้ว ไม่รู้ว่าอีกกี่ภพกี่ชาติ จะได้มาพบกันอีก พยายามกำจัดความโลภ
โกรธ หลง ออกจากจิตใจให้มากที่สุด เพื่อลมหายใจสุดท้ายจะได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี ขอ
อธิษฐานจิตให้ดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ของพี่หน่วง จงได้ขึ้นสู่สวรรค์ชั้นฟ้าและสุขชั่วนิ
รันดร์

ด้วยความอาลยั
แปด้ ทศั นีย์ ศริ มิ งคล (นอ้ งสะใภ)้

จดหมายถงึ ปา้ หนว่ ง

สวัสดคี ่ะปา้ เป็นคำทักทายที่หนูจะพูดทุกคร้ังทีเ่ จอป้า ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านบาง
โพหรือบ้านท่าทราย นครนายก ป้าก็จะถามกลับมาว่า ลูก เหนื่อยไหม กินข้าวมารึยัง
ส่วนลุงแกะจะพดู ว่า โอ…้ มา มา มา มากนิ ขา้ ว แลว้ ลงุ กับป้าก็จะหาขนมของกินมาให้หนู
ตอนที่หนูเป็นเด็ก ไปเยี่ยมป้าที่บ้านบางโพ หนูได้รู้จักเพื่อนชื่อ เป้ง น่าจะเป็นหลานลุง
แกะ เพราะไปกับพอ่ และจำไดว้ ่าป้าหนว่ งทำกับขา้ วอร่อย ลงุ แกะก็ตำนำ้ พริกอรอ่ ยมาก

พ่อเล่าให้ฟังว่า หนูไปหาป้าตั้งแตแ่ บเบาะ ด้วยความท่ีว่าพ่อรกั ป้าหน่วง และ
อยากไปเยี่ยมป้าหน่วง แม่เลยแซวว่าจะเอาลูกสาวไปอวดพี่หน่วงเหรอ ยังดูดนมขวดใส่
ผ้าอ้อมอยเู่ ลยนะ พ่อก็ย้มิ ๆกับแม่ ซงึ่ เป็นท่แี น่นอนว่าหนจู ำไมไ่ ด้ แตเ่ ปน็ การบอกเลา่ จาก
พอ่ และแม่ ช่วงปที ี่ไม่เจอกนั เพราะความสูงวัยไปหากนั ไม่สะดวก ประกอบกบั ครอบครัว
ของหนูอยู่นครนายก ป้าอยู่บางโพ พ่อ ป้าหน่วง ลุงแกะ จะโทรศัพท์คุยกันบ่อยๆเท่าท่ี
หนูจับใจความได้ทั้งสามคนคุยกันแต่เรื่องลิเกอย่างสนุกสนาน หลายๆครั้ง หนูก็ได้ยินวา่
ต่างฝ่ายต่างร้องกลอนลิเกให้กันฟังอย่างมีความสุข บันเทิงใจกันมาก ซึ่งหนูก็ฮา ขำขัน
และมนั่ ใจมากว่าพอ่ ป้า ลงุ มีความสขุ และสขุ ภาพจิตดีมาก

ต่อมา เมื่อความจำบางส่วนของพ่อหายไป พ่อจะถามหนูว่า “รู้จักพี่หน่วง
ไหม” หนูก็จะตอบว่า “รู้จักสิพี่สาวของพ่อไง ป้าของหนู” พ่อก็จะถามต่อวา่ “พี่หน่วงมี
ลูกช่ือก๊อด เก๋ ใชไ่ หม” หนูกจ็ ะตอบวา่ “ใช่ พชี่ าย พสี่ าวหนไู ง พอ่ ” เป็นแบบนีเ้ ร่ือยมา

พ่อเร่ิมพดู กับหนูบ่อยขึ้นเรือ่ ยๆว่า พ่อคดิ ถึงป้าหนว่ ง จ๊ะเอ๋พาพ่อไปหาได้ไหม
ถ้าพ่อได้เจอป้า พ่ออยากได้ยินป้าพูดว่า หนู มาเหรอ พ่อจะดีใจมาก ด้วยคำพูดของพ่อ
ทำให้หนูรอไม่ได้ รีบติดต่อพี่เก๋ เพื่อนัดแนะว่าจะพาพ่อไปหาป้าหน่วง เมื่อพ่อได้เจอป้า
หน่วง ปรากฏว่าป้าหน่วงสื่อสารกับพ่อไม่ได้ พ่อพูดกับป้าหน่วงฝ่ายเดียว พ่อสงสารป้า
จนร้องไห้ เมื่อกลับมานครนายก พ่อก็อยากไปเยี่ยมป้าหน่วงเรื่อยๆ หนูขอผลัดเวลาให้
โรคระบาดซาลง (โรคโควิด) หนูจะพาพ่อไปเยี่ยมป้าอีก ไม่กี่เดือนต่อมาพ่อก็ป่วยและ
เสียชีวิต มาคดิ ตอนนี้ หนกู ย็ งั ภมู ิใจที่ทำใหพ้ อ่ กับปา้ ได้เจอกันครัง้ สดุ ทา้ ยในช่วงบั้นปลาย
ชวี ติ

หนูขอให้ป้าหน่วงไดพ้ บกบั พอ่ บนสรวงสวรรคน์ ะคะ

จ๊ะเอ๋
ลูกคุณพ่อเกรยี งศกั ดิ์ ศริ ิมงคล

ปล. จ๊ะเอไ๋ ดป้ ฏิบตั ธิ รรมและทำบุญให้พ่อกับปา้ เป็นประจำ และจะทำตอ่ ไปตลอดชวี ิต

จากเทียนถงึ ป้าหนว่ ง

จำได้ว่า ตอนเด็กๆ พ่อพาไปหาคุณลุงคุณป้าที่บ้านบางโพ คุณลุงคุณป้าใจดี
พ่อมีความสุขมากทุกครั้งที่ได้พบกับคุณลุงคณุ ป้า ญาติพีน่ ้องของพ่อทุกคน พบกันพรอ้ ม
หน้าพร้อมตาที่บ้านคุณปู่คุณย่า ท่าทราย นครนายก พ่อรักผูกพันกับญาติพี่น้องทุกคน
มาก จะพดู คยุ ถึงเสมอ คุณป้าหน่วง กนกพร อมิ่ แสง เปน็ พส่ี าวคนโตทพี่ อ่ พดู ถงึ เสมอ พอ่
เล่าว่า ตอนพ่อเป็นเด็กเขา้ ไปเรียนช้ันมัธยมในตัวจังหวัด คุณป้าสองคนคือ ป้าหน่วงและ
ป้าเหนี่ยวเป็นคนทำอาหารให้ทุกวัน ต้องตื่นแต่เช้ามืด เพื่อทำอาหารให้พ่อกินและทำใส่
กล่องให้ด้วย ตอนพ่อยังเด็ก ป้าหน่วงทำงานเก็บเงิน เย็บเสื้อผ้า ทำผม พอได้เงินมาก็
มอบให้ปูย่ า่ ช่วยสง่ น้องๆทุกคนเรยี นจนจบ มีการงานม่นั คง

ความดีของคุณป้าหน่วงทีพ่ อ่ เล่าใหฟ้ งั ทำให้ผมรกั และเคารพในน้ำใจของคุณ
ปา้ ทา่ นไดป้ ระพฤตใิ นสิ่งท่ดี ีงามมาตลอด เป็นแบบอยา่ งทดี่ ีของคนรุ่นหลัง ถ้าใครปฏิบัติ
ตามคณุ ป้า ชีวติ กจ็ ะเกดิ ความสุข ความสงบ เป็นแบบอยา่ งของลกู หลานสบื ไป

ขอบุญกุศลและคุณงามความดีที่คุณป้าหน่วงได้ทำมาตลอดชีวิต จงส่งผลให้
คุณปา้ ได้ไปสสู่ วรรค์ มีสุข ตลอดกาล

เทยี น (หลานเบบ)้ี

ระลึกถึงพีเ่ สมอ

พ่อนาคแมค่ ล้อย ศริ ิมงคลมลี กู เป็นคู่ๆ ค่แู รกเป็นหญงิ คู่ 2 เป็นชาย คู่ 3 เป็น
หญิง และคนสุดทอ้ งเป็นชาย

พี่หน่วง ..สุนีย์..กนกพร คือ พี่คนโต พ่อรักมาก นัยว่าชื่อนี้มาจากคนในอดีต
ของพอ่

พี่หน่วงเป็นคนสวย สงบ ดุบ้าง เพราะมักเปน็ ตุลาการตัดสินคดีพ่ีกับนอ้ งต่อย
กันเพราะเร่ืองโรงเรยี นท่ีเราเรียนคนละโรงเรียน

นอกจากพ่อแม่แล้ว พี่หน่วงเป็นพี่ที่เสียสละให้ผมมากที่สุดรองจากพ่อกับแม่
เทา่ กับว่าพ่เี ปรียบเหมือนแมค่ นท่ีสอง ทเี ดยี ว ผมเรียนมธั ยมท่ีโรงเรียนอำนวยศิลป์ แล้ว
เรียนต่อทีม่ หาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งต้องใช้เงินมากจึงต้องเป็น "อารามบอย" โดยเปน็
เด็กวัดที่วัดเบญจมบพิตร โดยอยูในความดูแลของหลวงบรรณสารประสิทธิ์ อดีตผู้ว่า
ราชการจงั หวัดนครนายก

พี่หน่วงจะดูแลแอบหยิบยื่นค่าใช้จ่ายให้เสมอ ผมรักพ่ีมาก เพราะถ้าไม่มีพี่ผม
ก็คงไมไ่ ด้เรียนและคงไมไ่ ด้เปน็ ตำรวจจนทุกวันน้ี

ผมเกดิ ในระยะสงครามโลกครงั้ ที่ 2 มีญปี่ ุน่ จ้ีเรอื ข้าวเพอ่ื เดนิ ทางไปรงั สติ และ
จะกลบั ญี่ปุ่น บ้านพอ่ นาคหลงั โต ฝาเฟ้ียมไมส้ ักท้ังหลงั รมิ แม่นำ้ นครนายก มักมีแพซุงมัด
กันเป็นแผงมีเรือยนต์ลาก ที่นี่เป็นที่เล่นของผม พี่หน่วงจะร้องเรียกน้องๆกลัวซุงทับ ผม
เลยว่ายน้ำเป็นเพราะเหตุนี้ เราสนุกแบบไม่กลัวตาย หาเชือกผูกต้นมะขามเทศร้องแบบ
ทาร์ซานโหนลงแม่นำ้ คดิ แล้วอยากกลบั ไปเปน็ เดก็ อกี

ผมร้องไห้เมื่อเสียพี่หน่วงโดยไม่คาดคิด เคยไปเยี่ยมพี่โดยใช้รถตู้ไปกับพี่น้อง
เกอื บท้ังหมด ตัง้ แต่ไมป่ ่วยจนระยะหลังๆ พ่ีจำพวกเราไม่ได้ แต่ไมค่ ดิ ว่าพี่จะจากพวกเรา
ไป

ขออำนาจบุญช่วยเปิดทางให้พไ่ี ดไ้ ปอยูใ่ นภพทสี่ ูงเถิด นอ้ งระลกึ ถึงความดีงาม
ความดีท่ดี ูแลนอ้ งๆ เกิดใหมอ่ กี ก่ีชาติกค็ งไมโ่ ชคดเี ทา่ กับมพี ี่เปน็ แมค่ นท่ีสองเชน่ ชาตนิ ้ี

พ.ต.อ.จรูญ ศริ มิ งคล

ป้านยี ใ์ นความทรงจำของปมุ้ กับปอ้ ง..

ป้านีย์เป็นป้าท่ีใจดี สุภาพเรียบร้อย เจอทีไรจะมีความอบอุ่นบนใบหน้าป้านยี ์
เสมอ ปุ้มกบั ป้องจะคนุ้ เคยกับการทปี่ ้านีย์แวะมาหาป้านันทท์ ่ีบา้ นลาดพร้าวและได้ยินป้า
สองคนพูดกันด้วยคำพดู และสรรพนามท่ีน่ารกั ป้าทั้งสองจะเรียกแทนกนั วา่ ฉัน และ เธอ
ซง่ึ เป็นคำที่แสดงออกถึงความสนทิ สนม อบอุ่นและรกั ใครก่ นั ดี พอ่ จรูญจะเลา่ ให้ฟังเสมอ
วา่ ป้านีย์กับปา้ นนั ท์ถีบจักรรับจา้ งตัดเยบ็ เสอื้ ผ้าส่งพ่อเรยี นหนังสอื สิง่ นี้พ่อระลึกถึงเสมอ
และส่งผา่ นความรูส้ กึ ดงั กลา่ วมายงั คนในครอบครัว

ปุ้มและป้องจึงขอกราบขอบพระคุณป้านีย์ ที่ป้านีย์ดูแลพ่อของพวกเรา และ
เป็นตัวอย่างทีด่ ีในการดำเนินชีวิตอย่างผาสุข และขอกราบส่งดวงวญิ ญาณของป้านีย์ไปสู่
ดนิ แดนแห่งความสงบสขุ นจิ นิรนั ดร์

ด้วยรกั ...หลานปุ้มกับปอ้ ง

แด่พปี า้ นยี ผ์ มู้ ีแตใ่ ห้...

เมื่อลืมตาดูโลกก็สัมผัสกับความอบอุ่นของครอบครัวใหญ่ เพราะเกิดมาอยู่
รวมกนั ในบ้านหลังโต...โลกของขา้ พเจ้า

ป้านีย์เป็นพี่คนโต เหนื่อยที่สุด เสียสละเป็นเลิศ ในความรู้สึกของข้าพเจ้าใน
ขณะนัน้ กลัวป้านยี ์มากขนาดเก็บไปฝันรา้ ย เหตเุ พราะป้าต้องรับภาระนอ้ งๆ 6 คนที่เอา
แต่เล่นมีแต่สนุกสนานเล่นแผลงๆ ดื้อไปวันๆ ซนแบบไม่ประสา แต่กลัวพี่คนโตมากที่สดุ
เพราะพ่อกับแม่ทำแต่งานสรา้ งครอบครัวให้มน่ั คง

พคี่ นโตเริ่มชีวติ ทตี่ ้องรบั ผิดชอบชวี ิตน้องๆตั้งแต่เปน็ คนรับใช้ แม่บ้าน แม่ครัว
ผู้จัดการธนาคาร เป็นหมอ เป็นผู้พิพากษาจนไม่มีเวลาให้ตัวเอง พี่จึงไม่มีโอกาสได้เรียน
สูงๆแบบนอ้ งๆ และเป็นความคิดของพ่อว่าผ้หู ญงิ ไม่ต้องเรยี นมาก แต่พ่อคงสงสารพี่และ
ไดร้ ับรางวลั ในการเสียสละพอขายข้าวจึงให้สรอ้ ยคอทองคำ เขม็ ขัดนาค

ป้าได้เรียนวิชาชีพเป็นช่างดัดผม และตัดเสื้อผ้า แต่เงินที่พี่หาได้ก็ต้องตัด
เสือ้ ผ้าใหน้ ้องๆไปโรงเรียน ตน่ื ตี 3 ตี 4 หุงหาอาหารใสห่ อ่ ให้นอ้ งๆไปโรงเรียนที่ต้องเดิน
ไปอกี 9 กม.จึงจะถึงตัวจังหวดั ในการเรยี นระดบั มัธยม

นอ้ งๆทกุ คนเรียนดี ข้าพเจ้าอา่ นนวนยิ ายไดต้ ้ังแต่ ป.เตรยี มเพราะป้าคนน้ีมีเด
ลิเมล์วันจันทร์เปน็ ตัง้ ๆและต้องแอบอา่ นไมใ่ ห้พ่อเห็นโดยคลานซ่อนใต้ถนุ เพราะพ่อบอก
วา่ อา่ นนยิ ายแลว้ จะเสียคน

จากความเสยี สละของพคี่ นน้ี น้องๆได้ดมี ีอาชีพทีม่ ่ันคง เปน็ ทหาร เป็นตำรวจ
ระดับผูก้ ำกบั เปน็ ครอู าจารย์ระดับป.โทและป.ตรี

ข้าพเจ้าซึ้งใจในบุญคุณของป้าไม่อยากคิดว่าถ้าตอนนั้นไม่มีป้าที่ให้ทุกอย่าง
เสมือนแมท่ ่มี วี งแขนไดป้ กปอ้ งน้องๆ ใหก้ ารดแู ล ให้มีการศึกษา ใหม้ อี าชพี ทม่ี ่ันคง ถ้าไม่
มีป้านียค์ นนี้ นอ้ งๆอกี 6 คนจะเปน็ เช่นไร

วันนี้ ลูกๆ หลานๆของป้าได้สืบทอดทั้งความรู้ อาชีพที่มั่นคง เป็นวิศวกร
แพทย์ ทหาร ตำรวจ ครอู าจารยร์ ับใชช้ าติ มกี นิ มใี ชจ้ นวันตายเพราะมีป้านีย์ท่ีโอบอุ้มคน
นี้

ขออำนาจบุญบารมี ทีได้ทำ ได้ใช้ความรู้รับใช้ชาติ สร้างคนให้มีความรู้ สืบ
ทอดตอ่ ๆกนั มาหลายร้อยหลายพนั คน ขออำนาจบุญทีไ่ ดส้ ะสมทุกชาตภิ พ โปรดเสรมิ เติม
ให้ป้านีย์ได้พันทุกข์ มีความสุขเพิ่ม ได้เสวยบุญที่น้องๆส่งให้พี่ ได้เสวยสุขในชั้นภพที่สูง
ยิง่ ๆขึ้นไป

จากนอ้ งทรี่ ักปา้ นยี ์...แมค่ นท่ี 2 ตลอดชวี ิต
บุญเรือน พรหมประเสรฐิ

ดว้ ยความอาลยั แดพ่ ี่กนกพร อมิ่ แสง

พีก่ นกพร อ่ิมแสง ( ปา้ นีย์ ) เป็นผู้ท่หี ว่ งพน่ี อ้ ง เครือญาตทิ ุกคน ทุกระดับ ทุก
ครั้งที่พบป้านีย์ พี่จะแนะนำ ให้ลูกๆหลานๆรู้จักน้าเป็นประจำ จะแนะให้ลูกหลานอย่า
ลืมน้า และคุณพี่จะห่วงเรื่องความเป็นอยู่ของน้องๆ พบกันมักจะถามว่า "กินอะไรรึยัง
ไปกินข้าวกันก่อน” ป้านีย์ใจดี มีน้ำใจ ใจบุญ รับผิดชอบสูง แต่ผมไม่ไดใ้ กล้ชิดพี่มากนัก
เพราะป้าอยู่กทม. ผมอยู่นครนายก

เคยไปเยี่ยมป้าแต่น้อยครั้ง พอพบกัน ต้องถามเสมอว่า "กินอะไรมารึยัง" ป้า
ห่วงพวกน้องๆ แต่พวกเราจะอิ่มตั้งแต่ออกเดินทาง เพราะบนรถมีข้าวห่อ กับข้าวผลไม้
น้ำ แจกในกลมุ่ พี่ๆนอ้ งๆทุกครง้ั ท่ไี ด้เดนิ ทาง

เมื่อคุณพี่กลับมาบ้านนครนายก ทุกครั้งจะให้น้องไปรับประทานอาหาร
รว่ มกนั และพดู คยุ ถามไถ่ดว้ ยความเป็นห่วง คณุ พีเ่ ป็นต้นแบบทดี่ ีเยย่ี มเร่ืองความกตัญญู
ต่อพอ่ แม่

งานทำบุญครบรอบวันเสียชีวิตของพ่อแม่ จะต้องให้ลูกๆพามาร่วมงานถึงแม่
ว่าคณุ พ่กี ำลงั ป่วยอยกู่ ็ตาม คร้งั สดุ ท้ายท่ผี มไดไ้ ปเยีย่ มคณุ พก่ี นกพรทีบ่ า้ น ซงึ่ ในระยะนั้น
คุณพี่ต้องนั่งรถเข็น เดินเองไม่ได้ ทันทีที่พบคุณพี่จะถามไถ่ทุกเรื่องความเป็นห่วง...รถ
จอดที่ไหน... ปลอดภัยไหม... กินอะไรรึยังกำชับให้ลูกเตรียมอาหารการกิน จะเน้นย้ำลกู
เสมอว่า มีอะไรอย่าลืมบอกน้าๆนะ เน้นเรืองความกลมเกลียวและต้องนึกถึงกันเสมอ
ย่อมถือได้ว่า คุณพี่กนกพรเป็นต้นแบบแห่งความผูกพันเขิงเครือญาติ ซึ่งพวกเราทุกคน
จะระลึกถึงคำพูดน้เี สมอ

ถึงแมค้ ุณพีก่ นกพรจะลว่ งลบั จากโลกนี้ไปแลว้ น้องๆจะยึดมน่ั และจดจำคำพูด
ของพไ่ี ดเ้ สมอ

ขอให้ดวงวิญญาณของคุณพี่กนกพรจงไปสู่สรวงสวรรค์ที่สุขสบายกาลนาน
และตลอดไป

สุพล พรหมประเสริฐ

กราบป้านีย์ทีเ่ คารพรกั

จ๋าไม่ค่อยใกล้ชิดป้า เพราะได้แต่เรียน แล้วทำงานเลยทีช่ ลบุรี แต่งงานกย็ ังได้
พี่ก๊อดกับพี่กี๋ไปรับขันหมากเอกให้ยังระลึกถึงพระคุณเสมอ มาทราบอีกครั้งก็สูญเสียป้า
ไปแลว้

ระลึกถึงป้าและครอบครัวของป้าเสมอ ได้เคยไปรำชุด "ลาวดวงเดือน" ตอนพ่ี
ก็อดแต่งงานกบั พกี่ ๋ี ได้คนุ้ กบั ป้า และครอบครวั จากแม่ตอ๋ ยเล่าใหฟ้ งั จะได้ไปกราบป้าอีก
ครง้ั ในวนั สดุ ทา้ ยที่ป้าจะละสังขารจากโลกนีไ้ ป

ภาระในครอบครัวหนักมากคิดถึงป้าที่ต้องดูแลน้องๆถึง 6 คน คงยุ่งแต่ป้าก็
สุดยอดทท่ี ำใหน้ อ้ งๆของป้า ทกุ คนประสบความสำเร็จ

จา๋ ขอกราบปา้ และสัญญาว่าจะเลียนแบบความดีงามของปา้ แมไ้ ดไ้ ม่ถงึ ก็จะสู้
ต่อไปค่ะ

ขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์โปรดอภิบาลดูแลดวงวิญญาณของป้าให้ไปสู่สุคติ
ขอใหม้ ีความสขุ มที ุกข์กพ็ น้ ทกุ ข์ ไดเ้ สวยสุขในช้ันภพทปี่ รารถนาด้วยเถดิ

ภิญญาพัชญ์ บุญรักษา

พ่ีหนว่ งในความทรงจำของน้อง

พี่หน่วง เป็นชื่อที่ทุกๆคนเรียก ชื่อจริง คือ สุนีย์ พี่สุนีย์เป็นลูกคนโตของพ่อ-
แม่ ครอบครัวเราเป็นครอบครัวใหญ่ พ่อ-แม่มีลูกถึง 7 คน เมื่อพี่เขาเป็นคนโต จึงต้อง
รบั ภาระแทนแม่ เลยี้ งดนู ้องๆทุกคน พเ่ี ขาเปรียบเสมือนเป็นแม่คนท่ีสองของพวกเรา

พี่หน่วงเป็นคนดุ จึงปกครองน้องๆแทนพ่อ-แม่ได้ ตัวติ๋งเองอายุห่างจากพี่
หน่วงถึง 15 ปี และที่ได้ชื่อว่า ติ๋ง ก็เพราะพี่หน่วงเป็นคนตั้งให้ จะได้คล้องกับพี่ต๋อย พ่ี
หน่วงเล่าว่า ตอนจบ ป.4 อยากเรียนต่อมากๆ แต่พ่อบอกให้ทำนาเถอะ พี่หน่วงเสียใจ
มาก พ่อบอกไมเ่ คยสง่ ลกู เรยี น กลัวจะมีเงนิ ไม่พอ พห่ี นว่ งพเ่ี หน่ยี วจึงไมไ่ ดเ้ รยี น ประกอบ
กับที่ช่วงนั้นที่บ้านเรา การคมนาคมยังไม่สะดวก จะเข้าไปในเมืองแต่ละครั้งต้องนั่งเรือ
แจวไป เดินทางนานกว่าจะถึงตลาด และโรงเรียนสตรีในสมัยนั้น ถ้าไม่นั่งเรือจ้าง ก็ต้อง
เดินเท้าระยะทาง 9 กโิ ลเมตรกวา่ จะถึงโรงเรียน

เมื่อพี่หน่วงโตเป็นวัยรุ่น พี่หน่วงเล่าว่า พ่อหวงมาก เพราะมีลูกสาววัยใกล้ๆ
กันถึง 2 คน คือ พี่หน่วงกับพี่เหนี่ยว จะไปเที่ยวตามงานวัดแต่ละครั้ง จะต้องมีน้องชาย
คือ พหี่ นูกับพีจ่ รญู ไปเปน็ เพื่อน

พ่ีหน่วงและพ่ีเหน่ียวเปน็ คนสวยทงั้ คู่ แต่คนละแบบกนั พเ่ี หน่ยี วจะเฉยๆ แต่พ่ี
หน่วงจะดุ น้องๆทกุ คนห้ามทะเลาะกนั เมื่อพ่ีๆอายุได้ 20-21 พอ่ กส็ ง่ ไปเรียนดดั ผม-ตัด
เสื้อในเมือง และตัวพี่เขาก็อยู่กับยายละมัย พี่หน่วงเล่าว่า เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งท่ี 2
ยายละมัยจะพาลูกๆอพยพมาพักอยู่กับเรา พอสงบ พี่หน่วงก็เลยได้ไปเรียนตัดเสื้อใน
เมอื ง จำไดว้ ่ายายจะตัวเลก็ ๆ ผวิ คล้ำๆ เวลาพีห่ นว่ ง พ่เี หนย่ี วไปเรียน ท่ีบ้านกจ็ ะเหลอื ลกู
5 คน แต่เพราะพีห่ น่วงเคยอบรมน้องๆดี น้องๆก็ไม่เคยทะเลาะกัน ช่วงนั้น พี่หนู พี่จรูญ
ไปเรียนมัธยมในเมือง และเดินไปตั้งแต่เช้า ต่อมา มีรถกระบะวิ่งมาส่งคนงานทำเขื่อนที่
ท่าหบุ พๆี่ เลยไดด้ ักขนึ้ รถท่มี าสง่ คนงานไปเรยี นในเมืองได้ แต่ตอนเย็นตอ้ งเดนิ กลบั เอง

พอพเ่ี ขาเรียนจบ ก็มาทำทบ่ี ้านให้เป็นทร่ี บั ดัดผม-ตัดเสอื้ พเ่ี ขามีฝีมือดีทั้งคู่ มี
คนมาตัดเสอ้ื -ดัดผมมากมาย

พอปี พ.ศ. 2499 พี่เหนี่ยวแต่งงานไป พี่หน่วงเหงามากๆ แต่ก็ยังรับตัดเสื้อ-
ดัดผมเรื่อยมา ช่วงนั้นเรือแจวรับจ้างไม่มีแล้ว มีเรือหางยาวติดเครื่องรับผู้โดยสารแทน
ติ๋งเรียน ม.1 มีจักรยานแล้ว พี่ต๋อยเล่าว่าพอพี่ต๋อยเรียนจบ ป.4 จะเรียน ม.1 พ่อไม่ให้
เรียน เพราะเปน็ ลกู ผ้หู ญงิ แตพ่ ่อกส็ ง่ ลกู ชายเรียนมาแล้ว 2 คน พ่ีต๋อยเถยี งพ่อจนชนะได้
เรียน และเรียนได้เก่งมากๆ พี่ต๋อยเรียนจน ม.5 ติ๋งจึงได้เข้าเรียน ม.1 ช่วงนั้นพี่หน่วง
บอกพ่อ-แม่เลิกทำนาเถอะ ให้เขาเช่าไป พ่อเลยหันมาทำสวนปลูกส้มแทน ส่วนแม่ก็เปน็
ลกู มอื พ่หี น่วงดัดผม

ช่วงนั้น พี่จรูญเรียนมหาวิทยาลัย ต้องใช้เงินเยอะ พอกลับบ้าน ที่พึ่งพี่จรูญ
คือ พี่หน่วง พี่จะให้เงินพี่จรูญไว้ใช้ระหว่างเรียนที่กรุงเทพ พี่หน่วงเป็นคนดุ แต่ใจดีกับ
น้องๆเสมอ

พอพ่ีต๋อยอยู่ ม.6 เขามีการสอบแข่งขนั กันในจังหวัด พีต่ อ๋ ยพักบา้ นยายละมัย
วันศุกร์จึงกลับบ้านกับต๋ิง พี่ต๋อยไม่ทำให้พ่อผิดหวัง เพราะสอบได้ที่ 1 ของจังหวัด
นครนายก และไปเรียนวิชาครู ช่วงนั้นติ๋งกับพี่หน่วงสนิทกันเพราะคนอื่นๆไปเรียนที่อ่ืน
กันหมด พี่จรูญ เนาน้องคนเล็กอยู่กรุงเทพ พี่หนูไปเรียนจ่าอากาศ เหลือติ๋งกับพี่หน่วง
สองคน ติ๋งห่างจากพี่หน่วง 15 ปี จึงเชื่อฟังด้วยดี เพราะพี่หน่วงเลี้ยงมาตั้งแต้ต้น และ
สนิทกบั พ่ีหน่วงมาก

ต่อมา พี่หน่วงพบรักกับทหาร คือ พี่แกะ ไม่น่าเชื่อ บุพเพสันนิวาสมีจริง
เพราะช่วงที่พี่หน่วงอยู่บ้านคนเดียว ติ๋งไปเรียนในเมืองโดยการถีบจักรยานไป มีคนส่ง
ผใู้ หญไ่ ปสขู่ อพ่หี น่วง แต่พี่หนว่ งบอกพ่อว่า ไม่สนใจใครเลย

ที่พี่แกะพบกับพี่หน่วงได้ เพราะพี่แกะมางานแต่งงานของคนแถวบ้านพี่แกะ
เหนือบ้านเรา 5-6 หลัง เขาจัดงานแต่งงาน เจ้าสาวคนบ้านเรา เจ้าบ่าวคนกรุงเทพ พ่ี
หนว่ งไปช่วยงานเขาตอนเยน็ คงเป็นทต่ี อ้ งตาตอ้ งใจของพแี่ กะแลว้ แต่สมยั กอ่ นกเ็ พียงได้
แต่มองๆกนั

วันรุ่งขึ้นที่เป็นวนั แต่งงานของบ้านนั้น ราวๆ 7 โมงเช้า มีพวกเพื่อนๆเจ้าบ่าว
เดนิ ตามทางเลียบรมิ แมน่ ้ำมาท่ีบา้ นเรา 6-7 คน มผี ูห้ ญิงดว้ ย ต๋งิ อยูห่ นา้ บ้าน ที่บา้ นเรามี
ศาลารมิ น้ำ เขามาพกั ทศ่ี าลาท่านำ้ และถามหาสว้ ม (สมัยก่อนเรยี กอยา่ งนนั้ ) และบอกว่า
ที่บ้านเจ้าสาวที่จัดงานแต่งไม่มีส้วม มีแต่ส้วมหลุมที่เขาทำไว้ในสวน ดีที่พ่อเราเป็นคน

ทันสมัย สร้างส้วมไว้ช้างๆบ้าน 1 ที่ และบนบ้านอีก 1 ที่ บนบ้านไว้เข้าตอนอาบน้ำได้
ติ๋งเลยจัดการบอกให้ผู้ชายเข้าส้วมข้างบ้าน ผู้หญิงให้เข้าบนบ้าน พี่แกะมากับขบวนนี้
ด้วย และได้พบกบั พี่หนว่ งท่กี ำลงั เตรยี มจะไปงานแต่ง พีแ่ กะเขา้ ส้วมเป็นคนสุดทา้ ย และ
เดนิ ไปงานแตง่ พรอ้ มกับพ่หี น่วง

อาทิตย์ต่อมา พี่แกะก็มาที่บ้านเรา และปฏิบัติอย่างนั้นทุกอาทิตย์ พี่แกะจะ
นั่งเรือหางยาวที่รับผู้โดยสารทางแม่น้ำ และเรือทุกลำจะรู้ว่าพี่แกะจะมาบ้านเรา
จนกระทั่งพี่หน่วงใจอ่อน และพ่อที่บ้านก็เห็นความตั้งใจชองพี่แกะ พี่ทั้งคู่จึงแต่งงานกัน
ในวันที่ 12 กันยายน วันที่พี่หน่วงไปอยู่กรุงเทพ ติ๋งร้องไห้มากที่สุด เพราะติ๋งไม่มีที่พ่ึง
ไม่มีเพือ่ น ต้องอยู่กับพ่อ-แม่ ที่บ้านเหลือกัน 3 คน ติ๋งเลยตั้งใจสอบเป็นครูใหไ้ ด้ และได้
เปน็ ครบู รรจุอยทู่ อ่ี ำเภอองครกั ษ์ ตอ้ งคา้ งทโ่ี รงเรยี น วนั ศุกร์จึงไดก้ ลับบ้าน

ต่อมา พี่แกะบอกว่า ชื่อสุนีย์ไม่ดี เราะพี่หน่วงเกิดวันจันทร์ ชื่อต้องไม่มีสระ
เลยเปล่ยี นชอ่ื พหี่ นว่ งเปน็ กนกพร ปตี ่อมา พหี่ น่วงมีลูกชาย คือ กอ๊ ด และปีต่อมา คอื เก๋
ติ๋งมารู้ทีหลังว่า ช่วงมีลูก พี่เขาลำบากมาก พี่มาเล่าให้ฟ้งทีหลังว่า ต้องประหยัดอย่าง
ที่สุด เพราะพ่ีแกะมีเงินเดือนคนเดียว ดีที่พี่แกะรักครอบครัว ดูแลครอบครัวได้ดี เด็กๆก็
เป็นเด็กดี ครอบครัวจึงอยู่รอดจนลูกทั้งสองโตขึ้น มีงานทำ และมีครอบครัว มีลูกๆให้พี่
หนว่ งไดเ้ ปน็ ย่า เป็นยาย ได้เล้ยี งหลานๆท้งั 4 คน

ระยะหลังๆนี้ พี่หน่วงมีความสุข ไม่ต้องประหยัด เพราะลูกๆมีหลานๆให้เลี้ยง
ไดไ้ ปเท่ียวตา่ งประเทศกบั ลูก ลกู จะพาแม่ไปนครนายกให้เด็กๆได้พบปะญาติๆ หลานๆที่
นครนายกก็เรียก ป้านีย์ พี่หน่วงยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาสอนหลานๆ โดยเฉพาะลูกของต๋ิง
เพราะจะพบลกู ของตงิ๋ ที่บา้ น พหี่ นว่ งพดู เพราะกบั หลาน บางคร้งั ร้องเพลงใหฟ้ ังดว้ ย

พออายุมากขน้ึ เริ่มป่วย น้องๆจากนครนายกกจ็ ะพากันมาเย่ยี ม และถามข่าว
คราวกันเสมอ จนวนั ท่ี 14 กมุ ภาพันธ์ จงึ รู้ว่าพจ่ี ากไป ท้งั ๆที่รวู้ ่าจะต้องเปน็ อย่างนี้ ทกุ ๆ
คนก็เสียใจ ต่อไปนี้ ไมม่ พี ี่หนว่ ง หลานๆก็ไมม่ ปี า้ นีย์ แตช่ อ่ื พห่ี น่วงกย็ ังอยู่ในความทรงจำ
ของน้องๆทุกๆคนตลอดไป

ขอใหผ้ ลบญุ ความดที ีพ่ ่ไี ดท้ ำไวใ้ นชาตนิ ี้ เปน็ สะพานบุญ ส่งเสริมให้พ่ไี ปอยู่ใน
ภพภมู ิท่สี งู ส่ง นอ้ งจะลึกถงึ พต่ี ลอดไป

จรสั ศรี โสภา

พี่สุนีย์ที่ผมรู้จัก ผมเข้ามาเป็นน้องของพี่เมื่อปี 2519 ได้รับรู้ว่าพี่เป็นลูกคน
โต ต้องเล้ยี งน้องๆแทนแม่ เพราะแมจ่ ะไม่ดุใคร แต่พจ่ี ะดุ และตัง้ กติกาทำโทษเวลาน้องๆ
ทะเลาะกัน เท่าที่ผมได้พบพี่ เห็นแต่ความอ่อนโยน พูดจาเพราะ จนลูกๆผมจะบอกว่า
แมด่ กุ ว่าปา้ นยี ์นะ เวลาพพ่ี าเด็กไปนครนายก ผมกจ็ ะรีบตัดไม้ไผ่เพื่อเผาขา้ วหลาม เด็กๆ
คงชอบ เพราะไม่เคยเห็น ระยะที่หลานๆโตขึ้น พี่สุนีย์ก็ส่งหลานชายไปนครนายกแทน
ผมเคยพาหลานชาย คือ ก๊อดนั่งรถอีแต๋นที่บ้าน และพี่ไปนครนายกอีกครั้งช่วงใกล้
สงกรานต์พี่เล่าว่า ลูกชายพาไปดูบอลแล้วแวะเยี่ยมที่บ้าน ติ๋งเล่าให้ฟังว่าพี่เป็นพี่ที่เก่ง
ประหยัด อดทน และอดออมเพื่อส่งให้ลูกได้เรียน และทุกคนก็ได้ดีตามที่ต้องการ ระยะ
หลงั ๆ ไดข้ ่าวว่าพ่ีปว่ ย น้องๆทกุ คนมาเย่ยี มพ่ี ผมก็เคยมาหาพ่ีที่ กท.

ครั้งล่าสุด ก็ได้ข่าวว่าพี่จากพวกเราไปแล้ว ด้วยวัย 91 ปี ผมใจหาย ต่อไปน้ี
ทนี่ ครนายกจะไม่มี ป้านียใ์ หห้ ลานไดเ้ หน็ อกี แลว้ ขอให้บญุ กุศลทีพ่ ีท่ ำให้น้องๆทุกคนสุข
สบาย จงดลบันดาลใหพ้ ีไ่ ปสสู่ คุ ตนิ ะครับ รกั และเคารพพ่ี

ประสงค์ โสภา

ปา้ นยี ท์ ีอ่ ยุ๋ จำได้

อุ๋ยได้พบกับป้านีย์น้อยมากเพราะอุ๋ยไปอยู่กรุงเทพฯตั้งแต่ ป.5 แต่ก็จำได้ว่า
ป้านีย์จะไปบ้านนครนายกตอนที่บ้านนครนายกมีงาน เช่น ทำบุญรวมญาติ พี่ก๊อดก็จะ
พาปา้ นยี ์และหลานๆไปด้วย ตอนอุ๋ยรบั ปริญญา ปา้ นยี ์กส็ ่งใหพ้ ่กี ๊อด พกี่ ี๋ พีเ่ ก๋และหลานๆ
ไปงาน

ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีความอบอุ่นมาก ตอนที่อุ๋ยแต่งงาน
ป้านีย์ ลุงแกะไปงาน พี่ก๊อด พี่กี๋ ก็ไปรับขันหมากให้อุย๋ งานเลี้ยงตอนกลางคืน พี่เก๋กับพี่
ชาติก็ไป

แม่จะเล่าให้ฟังเสมอว่า แม่สนิทกับป้านีย์ตั้งแต่แม่ยังเด็กๆ ป้านีย์เป็นคนดุให้
น้องๆอยู่ในโอวาทตลอด แต่ตอนที่ อุ๋ยเจอป้านยี ์ ป้านียไ์ ม่เคยดอุ ุ๋ยเลย

อุ๋ยจำได้ว่า ในวันที่ป้านีย์ไปกินเลี้ยงกับลุงๆป้าๆและแม่ที่นครนายก วันน้ัน
เป็นวันที่ 8 เมษายน 2555 ซ่ึงเป็นวันท่ีอุ๋ยคลอดปนั ปัน (ลกู คนเล็ก) พอดี วันนั้นแม่เข้า
กรุงเทพฯ มาหาอุ๋ยที่โรงพยาบาลโดยที่พี่ก๊อดขับรถมาส่ง น้องพลอยยังพูดว่า ย่าติ๋งๆๆ
อาอุ๋ยคลอดโรงพยาบาลที่แพงที่สุดเลยนะ ตอนที่แม่เล่าให้อุ๋ยฟังแม่ก็ยังหัวเราะขำน้อง
พลอยไปดว้ ย

อยุ๋ ได้เจอป้านีย์เปน็ คร้งั สุดท้ายเมอ่ื หลายปที แี่ ล้ว ตอนนน้ั อุ๋ยให้แม่เข้ามาช่วย
เลี้ยงปันปันให้ที่บ้าน พอวันเสาร์แม่ก็ชวนให้พาไปหาป้านีย์ที่บ้านเพราะแม่คิดถึง อุ๋ ยไป
เยี่ยมป้านีย์กันทั้งครอบครัว ป้านีย์ดีใจมากที่เห็นหลาน รีบหาเงินให้หลานทันที แล้ว
ครอบครัวอุ๋ยก็ไปเที่ยวบ้านพีเ่ ก๋ เป๊บโป้ (ลูกคนโต) เห็นตุ๊กตาของพี่ๆแล้วกอดไว้ ป้านีย์ก็
รบี บอกใหย้ กให้นอ้ ง ตอนนีต้ กุ๊ ตาตวั น้ันกย็ ังอย่ทู ี่บา้ นอุย๋ ส่วนวนิ เนอร์เจอเป๊บโป้คร้ังแรก
พ่วี นิ เนอรก์ ก็ อดคอน้องแลว้ ถามทันทวี า่ "นอ้ งๆ มีแฟนหรือยังอะ่ เรา" พี่เก๋ยงั จำประโยคน้ี
ได้แลว้ กย็ งั มาคุยหัวเราะกนั ในความซา่ ของวนิ เนอรอ์ ยู่

ต่อมา อุ๋ยได้ข่าวว่าป้านีย์ป่วย แม่เล่าว่า ลุงๆป้าๆ จะเหมารถจากนครนายก
เข้ามาเยี่ยมป้านีย์ที่บ้านกัน แล้วเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ช่วงบ่าย แม่ก็โทรมา
บอกอุ๋ยว่า ป้านีย์เสียแล้ว กำลังเตรียมตัวจะเข้ามารดน้ำศพป้านีย์ อุ๋ยรีบโทรบอกเปเล่
(แฟนอุ๋ย) เปเล่บอกว่าให้รีบเตรียมตัวออกจากบริษัทเร็วหน่อย จะได้ไปรดน้ำศพป้านีย์

กัน แต่ด้วยขั้นตอนของการจัดการ อุ๋ยกับครอบครัวเลยได้มากราบลาป้านีย์วันที่ 15
กุมภาพันธ์ 2565

ขอบญุ กศุ ลท่ีป้านยี ์ทำมา จงนำพาใหป้ า้ นียไ์ ปสสู่ คุ ติดว้ ยเทอญค่ะ

จาก อุ๋ย หลานปา้ นยี ์

ปา้ นยี ์ที่เอย๋ จำได้

เอ๋ยจะเจอกับป้านีย์ เพราะเอ๋ยอยู่บ้านเดิมที่ป้านีย์เกิด เอ๋ยจำได้ว่า ป้านีย์จะ
สอนใหเ้ อย๋ ต้องประหยัดนะ ดูปา้ นีย์เป็นตัวอยา่ งนะ ปา้ นะ่ ขยนั และเอย๋ ต้องขยันเรียนนะ
จำไดว้ ่ามอี ยู่ครั้งหนงึ่ ปา้ นีย์รอ้ งเพลงให้ฟัง 2 เพลง เพลงแรก เพลงนกขม้ิน แต่อีกเพลง
เอ๋ยไม่เคยได้ยินมาก่อน เอ๋ยถามแม่ว่า ป้านีย์ร้องเพลงอะไร แม่บอกชื่อเพลงส่วนเกิน
เสียงป้านีย์หวานไพเราะมาก ป้านีย์ท่ีเอย๋ จำได้คอื พูดจาเพราะ และเคยบอกวา่ โตขึ้นต้อง
สูงแน่ๆเพราะพ่อเอ๋ยตัวสูง เอ๋ยฟังแล้วยังขำเลย ป้านีย์เล่าให้ฟังว่า ลูกพี่ก๊อดเรียนเท
ควันโด้ พอกลับบ้านตอนเย็นเตะลูกพี่เก๋หงายหลังเลย เอ๋ยยังนึกชมว่าป้านีย์เก่งมากๆที่
เล้ียงหลานทอี่ ายไุ ล่เลยี่ กันถงึ 4 คน ต้องเปน็ คนที่อารมณ์ดีมากๆถงึ สามารถทำได้

พอมาชว่ งหลังเอ๋ยไมค่ อ่ ยได้เจอปา้ นียม์ ากนัก ดว้ ยภาระหนา้ ทีห่ ลายอยา่ งบวก
กบั ระยะทางท่ีไกลกนั จนทราบขา่ วการจากไปของปา้ นีย์

คำสอนและแนวคดิ ของป้านีย์ จะยังคงอยู่กบั เอย๋ จนทกุ วนั นี้และตลอดไป ด้วย
รักและอาลัย…

เอ๋ย

ความทรงจำถึงปา้ นยี ข์ องหลานหนงิ

หนิงเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อเนา น้องเล็กคนสุดท้องของป้านีย์ ความทรง
จำหนิงเกี่ยวกับป้า มักเป็นในวัยเด็กที่ได้พบเจอกันที่บ้านสวนปู่นาค ศิริมงคล กับที่วัด
ใหม่ ต.ทา่ ทราย นครนายก เวลาบ้านเรารวมญาติกนั ซ่ึงปฏบิ ตั ิเป็นปกตกิ นั ทุกปี ทกุ ครั้ง
นอกจากหนิงจะต้องเดินตามหาป้าๆลุงๆแล้วไหว้สวัสดีให้ครบตามทกุ มุมในบ้าน ยังมีอีก
เรื่องที่เป็นเรื่องยากสำหรับหนิงตอนเด็กอย่างมากคือ การจดจำชื่อลุงกับป้าให้ครบแบบ
ไม่สับสน ด้วยบ้านเราครอบครัวใหญ่ ปู่นาค ย่าคล้อย มีลูกถึง 7 คน หนิงเป็นหลานที่มี
พ่อเป็นน้องคนสุดทอ้ ง การเรียกสรรพนามจึงมีแต่ลงุ กับป้า ไม่มีน้าหรืออา เรียกวา่ หันไป
ทางไหนก็เจอแต่ลุงกับป้า ลุงกับป้า และลุงกับป้า ทุกมุมของบ้าน แต่สำหรับป้านีย์ หนิง
จดจำได้แม่นยำอย่างง่ายๆคือ พี่สาวคนโตสุดของพ่อ คนที่ทำผมสวยๆใจดี พูดเพราะ
และเปน็ แม่ของพี่ก็อดที่พูดนอ้ ยแต่ใบหน้าเปอ้ื นยมิ้ ตลอดเวลา

พ่อหนิงอาจไม่ค่อยเล่าเรื่องตอนเด็กที่นครนายกของพ่อให้ฟัง เพราะปู่ส่งไป
เรยี นท่ีกรุงเทพตงั้ แต่ประถม อยหู่ ่างพ่ีนอ้ ง แตห่ นิงรบั รไู้ ดถ้ ึงความดขี องปา้ นีย์จากคำบอก
เล่าของบรรดาลุงกับป้า ป้านีย์ทำงานส่งนอ้ งๆเรียน หนิงได้ฟังเร่ืองเหลา่ นี้นับครั้งไมถ่ ้วน
จึงไม่เคยสงสัยว่าทำไมทุกคนถึงรักป้านีย์มากขนาดนี้ ทุกคนพูดถึง บ่นว่าคิดถึงให้ได้ยิน
เสมอ เม่อื ปา้ ไม่อยูใ่ นวันนั้น

ช่วงปีหลังๆ ก่อนมีการระบาดไวรัสโควิด พี่ก็อด พี่เก๋พาป้านีย์มาทำบุญที่วัด
ใหม่ ท่าทราย ช่วงนั้นป้านีย์เริ่มไม่แข็งแรง การมาของป้าคือการรอคอยของพี่น้องและ
หลานๆทุกคน เมื่อพี่ก็อดพาป้าขึ้นศาลาวัดมา ทุกคนดีใจกันมาก ล้อมหน้าล้อมหลัง
กุลีกุจอรุมต้อนรับเป็นภาพที่ประทับใจมากๆ ว่าป้านีย์เป็นที่รักของคนทุกคนอย่าง
มากมาย

การสูญเสียของครอบครัวเรา ในลูกๆทั้ง 7 คนของปู่ คนแรก คือพ่อของหนงิ
เมื่อเดือนมีนา 2555 คนที่สอง ลุงหนู ลูกคนท่ี 3 ของปู่ ในเดือนมกราคม 2565 และ
ปา้ นีย์พีค่ นโต ในเดอื นกุมภาพนั ธ์ 2565

มีคนเคยบอกหนิงว่า การที่คนๆนึงหลับไปโดยไม่ตื่นในอีกโลก แต่เค้าอาจแค่
หลบั และเพง่ิ ตืนขึน้ ในอกี โลกหนึ่งเท่านั้น

หนิงเสียใจ ที่วันนี้อาจไม่ได้พบพูดคุยกับป้าได้อีกในโลกนี้ แต่ป้านีย์ ยังเป็นท่ี
จดจำถึงคุณความดี พี่น้องลูกหลานทุกคนพูดถึงป้าแต่ในสิ่งที่ดีสวยงาม เสมอมา และ
มั่นใจว่าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป ตอนนี้ ป้านีย์อาจกำลังมีความสุขอยู่ในใดที่หนึ่ง ได้พบ
พูดคุยกับพ่อหนิง และลุงหนู ถึงแม้ในโลกนี้ ป้านีย์อาจไม่อยู่ใหเ้ ราได้สมั ผัสจับต้องตัวกัน
ได้อีก แต่ป้านีย์ ยังอยู่ในหัวใจของเราทุกคนค่ะ หนิงรัก และจะคิดถึงป้านีย์ แบบที่รัก
และคดิ ถงึ พ่อของหนงิ เชน่ กันค่ะ

หลานหนงิ ทรรศมน ศิรมิ งคล (ลกู พอ่ เนา)
1 มนี าคม 2565 เวลา 22.14 น.

ขอบพระคณุ


Click to View FlipBook Version