The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การถอดประกอบและการตรวจสอบ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by methawin.for.job, 2022-09-03 02:36:56

มอเตอร์สตาร์ท

การถอดประกอบและการตรวจสอบ

หน่วยท่ี 7
เรื่อง ระบบสตารท์ เครือ่ งยนต์

สาระสาคญั

ระบบสตาร์ทเครอื่ งยนต์เป็นระบบทท่ี าให้เรมิ่ ต้นกระบวนการทางานของเครือ่ งยนตต์ าม
กลวัตรของเครื่องยนต์ นน้ั หมายความว่า เครื่องยนต์จะทางานได้กต็ ้องเรม่ิ ต้นดว้ ยการทาใหเ้ พลา
ข้อเหวยี่ งหมุน ซ่งึ การทาให้เพลาข้อเหว่ียงหมุนสามารถทาได้หลายวิธี เช่น ในรถจักรยานยนต์ใช้
เท้าสตารท์ เครอื่ งยนต์เล็กใช้เชอื กดงึ สตารท์ แต่ในรถยนตเ์ ป็นเครื่องยนต์ทม่ี ีจานวนลูกสบู มากจึงไม่
สามารถใช้วธิ ดี งั กล่าวได้ จาเปน็ ตอ้ งมอี ุปกรณ์ชว่ ยในการสตารท์ ซ่ึงไดแ้ ก่ มอเตอร์สตารท์

สาระการเรียนรู้

1. อุปกรณใ์ นวงจรระบบสตารท์ เครอื่ งยนต์
2. การบรกิ ารมอเตอรส์ ตารท์
3. วงจรไฟระบบสตารท์ เคร่อื งยนต์

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1. นกั เรยี นสามารถบอกช่อื และหน้าทข่ี องอุปกรณ์ในวงจรระบบสตารท์ เครื่องยนต์ได้
2. นกั เรียนสามารถทดสอบการทางานและตรวจสอบชน้ิ สว่ นของมอเตอรส์ ตาร์ทได้
3. นักเรยี นสามารถตอ่ วงจรไฟระบบสตาร์ทเคร่ืองยนต์ได้

แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยท่ี 7 เรื่อง ระบบสตารท์ เคร่อื งยนต์

คาสงั่ : ให้นักเรียนเลือกคาตอบที่ถกู ตอ้ งทส่ี ดุ เพยี งคาตอบเดียว โดยทาเครอ่ื งหมาย (X) ลงใน
กระดาษคาตอบ

1. ขดลวดในโซลินอยด์ของมอเตอร์สตาร์ททีต่ ่ออยู่ระหว่างขัว้ 50 กับโครงของโซลนิ อยดม์ ีช่อื เรียก

ตามข้อใด

ก. ขดลวดฟลี คอยล์ ข. ขดลวดอาร์เมเจอร์

ค. ขดลวดยดึ ง. ขดลวดดงึ

2. อุปกรณใ์ นข้อใดทไ่ี มม่ ีในมอเตอร์สตารท์ แบบทดรอบ

ก. เฟืองขบั ข. พลนั เจอร์

ค. ก้ามปู ง. อาร์เมเจอร์

3. การตรวจสอบมอเตอรส์ ตารท์ โดยใช้มลั ตมิ เิ ตอรว์ ดั ความต้านทานระหวา่ งซค่ี อมมิวเตเตอร์เปน็

การตรวจสอบของขอ้ ใด

ก. การขาดของขดลวดฟีลคอยล์ ข. การขาดของขดลวดอาร์เมเจอร์

ค. การขาดของขดลวดยดึ ง. การขาดของขดลวดดึง

4. ชดุ คลตั ชข์ องมอเตอรส์ ตาร์ทแบบ one way clutch (ด้านหน่งึ ลอ็ ก ดา้ นหนึ่งหมุนฟรี)

เปน็ ชุดคลตั ชท์ ่ีมชี ่อื เรียกตามขอ้ ใด

ก. คลัตช์แบบแผน่ ข. คลตั ช์แบบโอเวอรนั นงิ่

ค. คลัตช์แบบเปียก ง. คลตั ชแ์ บบเบนดกิ ซ์

5. การทดสอบการทางานของโซลินอยล์จะตอ้ งตอ่ ข้วั บวกแบตเตอรีเ่ ขา้ ขั้ว 50 ขว้ั ลบของแบตเตอรี่

เขา้ ข้วั C และกราวด์ หากตอ้ งการทดสอบขดลวดยดึ วา่ ทางานหรือไมต่ ้องทดสอบตามขอ้ ใด

ก. ถอดสายบวกแบตเตอร่อี อกจากขั้ว 50

ข. ถอดสายลบแบตเตอรอ่ี อกจากขั้ว C

ค. ถอดสายลบแบตเตอรี่ออกจากกราวด์โครงมอเตอร์

ง. ไมส่ ามารถทดสอบได้

6. เครอ่ื งมือทใี่ ชว้ ดั ความบดิ เบ้ียวของคอมมวิ เตเตอร์คอื เครอ่ื งมอื ตามขอ้ ใด

ก. เวอร์เนียรค์ ารเิ ปอร์ ข. ไดอัลเกจ

ค. ฟลิ เลอรเ์ กจ ง. ไมโครมิเตอร์

7. ทดสอบมอเตอร์สตารท์ (แบบไมม่ ีภาระงาน) ปรากฏวา่ โซลนิ อยด์ทางานแต่มอเตอรไ์ มห่ มนุ

ควรทาการทดสอบตามข้อใดก่อนทาการถอดช้นิ ส่วนมอเตอร์สตาร์ท

ก. ขดลวดยดึ ข. ขดลวดดงึ

ค. สะพานไฟ ง. ขดลวดฟลี คอยล์

8. ขวั้ St ของสวติ ชจ์ ดุ ระเบดิ ตอ่ เข้ากบั ขวั้ ใดของมอเตอรส์ ตาร์ท

ก. ขัว้ 30 ข. ขัว้ 50

ค. ขัว้ C ง. ข้ัว B

9. โดยทว่ั ไปรถ เกียร์ธรรมดา ( M/T) จะตดิ ตง้ั สวติ ชป์ อ้ งกนั การสตาร์ทเครือ่ งยนต์ในขณะเกยี ร์

ไม่อยใู่ นตาแหน่งเกียร์วา่ งไว้กบั อุปกรณ์ใด

ก. เบรกเท้า ข. เบรกมือ

ค. กระปุกเกยี ร์ ง. คลตั ช์

10. เวลาในการทดสอบมอเตอร์สตาร์ทหรอื การสตารท์ เครือ่ งยนตค์ วรใช้ระยะเวลาเท่าใด

ก. 1 – 3 วนิ าที ข. 3 – 5 วนิ าที

ค. 5 – 7 วินาที ง. 7 – 10 วนิ าที

หน่วยที่ 7
ระบบสตาร์ทเคร่อื งยนต์

ระบบสตาร์ท ทาหน้าท่ี ทาให้เกิดการเริ่มตน้ หมนุ ของเพลาขอ้ เหวี่ยง เพ่ือให้เกิดวฏั จกั รการ
ทางานของเครอื่ งยนต์ คือ ดดู อัด ระเบดิ และคาย จากน้นั เครือ่ งยนต์ก็จะหมนุ ต่อไปไดเ้ องโดยการ
ทางานของเคร่ืองยนต์

1. อุปกรณใ์ นวงจรระบบสตารท์ เครอ่ื งยนต์
ระบบสตาร์ทเคร่ืองยนต์มีอุปกรณป์ ระกอบวงจรขนึ้ อยู่กับลักษณะของระบบสง่ กาลัง เชน่

เครอื่ งยนตท์ ใ่ี ชเ้ กียรอ์ ัตโนมตั ิหรอื เกยี ร์ธรรมดา แต่มีอปุ กรณพ์ น้ื ฐานในวงจร ดงั นี้
1.1 อปุ กรณ์พืน้ ฐาน
1.1.1 แบตเตอรี่
1.1.2 สวติ ช์จุดระเบิด
1.2 อปุ กรณเ์ ฉพาะวงจร
1.2.1 มอเตอรส์ ตารท์ (Motor Start)
มอเตอรส์ ตารท์ ทาหนา้ ท่ีเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานกลเพื่อส่งกาลังให้เครื่องยนต์

เริ่มต้นหมุนติดต้ังอยู่กับตัวเครื่องยนต์ มอเตอร์สตาร์ทจะมีแกนหมุนชุดฟันเฟืองเพื่อขบกับเฟือง
ของลอ้ ช่วยแรง (Fly wheel) และล้อช่วยแรงจะพาให้เพลาข้อเหวี่ยงหมุนไปด้วย จึงเป็นการเร่ิมต้น
การทางานของเครือ่ งยนต์ มอเตอรส์ ตารท์ ที่พบเหน็ ทั่วไป จะมสี ว่ นประกอบหลักท่ีสาคัญอยู่ 2 ส่วน
ใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่ ตวั มอเตอร์ และโซลินอยด์

1.2.1.1 มอเตอร์ (Motor)
เป็นมอเตอรไ์ ฟฟ้ากระแสตรง หลักการของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง เม่ือป้อนแรงดันไฟฟ้า
กระแสตรงเข้าไปในมอเตอร์โดยผ่านขดลวดฟีลคอยล์ (Field coil) แปรงถ่านผ่านคอมมิวเตเตอร์เข้า
ไปขดลวดอาร์เมเจอร์ลงกราวด์ ทาให้เกิดเป็นสนามแม่เหล็กข้ัวเหนือ - ใต้ขึ้นตามคุณสมบัติของ
แมเ่ หลก็ ข้ัวเหมอื นกันจะผลกั กนั ขวั้ ต่างกนั จะดูดกนั ทาใหเ้ กิดแรงบิดในตัวอาร์เมเจอร์ ซ่ึงแกนเพลา
น้ี สวมอยู่กับตลับลูกปืนของมอเตอร์ ทาให้อาร์เมเจอร์หมุนได้ เรียกตัวอาร์เมเจอร์ ว่า “โรเตอร์
(Rotor) ” ซ่ึงหมายความว่า ตัวหมุน การท่ีอานาจเส้นแรงแม่เหล็ก ท้ังสองมีปฏิกิริยาต่อกัน ทาให้
ขดลวดอาร์เมเจอร์ เป็นไปตามกฎมือซา้ ยของเฟลมม่งิ (Fleming’left hand rule)

รูปที่ 7.1 หลักการทางานของมอเตอร์
ท่มี า : http://www.rmutphysics.com/charud

1.2.1.2 โซลนิ อยด์ (Solenoid)
ในมอเตอร์สตาร์ทโซลนิ อยด์ ทาหน้าท่ี อยู่ 2 อย่างได้แก่ ดันใหส้ ะพานไฟต่อทางใหไ้ ฟจาก
แบตเตอรี่ไหลผา่ นไปทมี่ อเตอร์และดันใหเ้ ฟืองของมอเตอรส์ ตารท์ ไปขบั กบั ล้อชว่ ยแรง
1.2.2 ชนิดของมอเตอร์สตาร์ท
มอเตอร์สตาร์ทในรถยนตป์ ัจจบุ นั มี 2 ชนิด ไดแ้ ก่ มอเตอร์สตารท์ แบบขบั ตรงและมอเตอร์
สตารท์ แบบเฟอื งทด โดยมรี ายละเอียดดงั นี้

ก. แบบขับตรง ข. แบบเฟอื งทด

รปู ท่ี 7.2 มอเตอร์สตาร์ทแบบขับตรงและแบบเฟืองทด

1.2.2.1 มอเตอร์สตาร์ทแบบขับตรง
มอเตอร์สตาร์ทแบบขับตรง เป็นมอเตอร์สตาร์ทแบบดังเดิม ใช้กาลังจากเพลาของมอเตอร์
หนุนขับที่ล้อชว่ ยแรงโดยตรง ตวั มอเตอร์มีขนาดใหญ่น้าหนักมาก กินกระแสไฟฟ้ามากกว่าจะมีใช้
ในรถยนตร์ ่นุ เก่า

รูปท่ี 7.3 โครงสร้างภายในมอเตอรส์ ตาร์ทแบบขับตรง

ตารางท่ี 7.1 ชิ้นส่วนภายในมอเตอรส์ ตาร์ทแบบขบั ตรง

หมายเลข ชือ่ หมายเลข ชอื่

1 โครงมอเตอร์สตารท์ 7 โซลินอยด์

2 ฟลี ดค์ อล์ย 8 ก้ามปหู รือขาเขย่ี

3 อาร์เมเจอร์ 9 เฟืองขับ

4 สปรงิ แปรงถา่ น 10 สปรงิ ดันกลบั

5 แปรงถา่ น 11 คอมมวิ เตเตอร์

6 พลันเจอร์

1.2.2.2 มอเตอรส์ ตารท์ แบบเฟืองทด
มอเตอรส์ ตาร์ทแบบเฟืองทด ออกแบบมาให้มีแรงบิดสูงเพ่ือต้องการให้สตาร์ทเคร่ืองยนต์ที่
อณุ หภูมิตา่ ได้ เม่ือเทยี บขนาดกาลังขบั ของมอเตอร์ทเ่ี ท่ากัน มอเตอร์สตาร์ทแบบเฟืองทดจะมีขนาด
เลก็ และมนี ้าหนักน้อยกว่า ตดิ ตั้งในรถยนต์รนุ่ ปจั จุบนั

รูปท่ี 7.4 โครงสรา้ งภายในมอเตอร์สตาร์ทแบบเฟอื งทด

ตารางท่ี 7.2 ชิน้ สว่ นภายในมอเตอรส์ ตารท์ แบบเฟืองทด

หมายเลข ช่อื หมายเลข ช่ือ

1 โครงมอเตอรส์ ตาร์ท 7 โซลินอยด์

2 ฟลี ดค์ อลย์ 8 คลตั ชส์ ตารท์

3 อารเ์ มเจอร์ 9 เฟืองขับ

4 สปรงิ แปรงถ่าน 10 เฟอื งสะพาน

5 แปรงถ่าน 11 เฟืองมอเตอร์

6 พลนั เจอร์

1.2.2.3 หนา้ ที่ของอปุ กรณใ์ นมอเตอรส์ ตารท์
1) โครงมอเตอร์สตารท์ (Yoke) ทาหน้าท่ี ยดึ อปุ กรณ์ของมอเตอรส์ ตาร์ท
2) ฟลี ดค์ อล์ย (Field coil) ทาหน้าท่ี เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าใหเ้ ปน็ แม่เหลก็ ไฟฟ้า

(เปน็ ส่วนท่ีอยกู่ ับที่)
3) อารเ์ มเจอร์ (Armature) ทาหน้าท่ี เปล่ียนพลังงานไฟฟา้ ให้เป็นแมเ่ หล็กไฟฟา้

(เป็นส่วนท่เี คลอื่ นท่ี)อาร์เมเจอร์ ประกอบด้วยแกนเหลก็ ซ่ึงมีเพลาสวมอยู่ระหว่างแกนเหล็กเจาะเปน็
ร่องสาหรับบรรจุขดลวดอาร์เมเจอรอ์ ยรู่ อบแกน ปลายขดลวดท้งั สองข้างต่อเขา้ กบั ตัวคอมมิวเตเตอร์

4) สปริงแปรงถ่าน (Brush spring) ทาหน้าที่ กดแปรงถ่านให้แนบตดิ กับ
คอมมิวเตเตอรต์ ลอดเวลา

5) แปรงถา่ น (Brush) ทาหน้าที่ นาไฟฟา้ จากจดุ ทีอ่ ยกู่ บั ท่ีไปยงั จดุ ทีเ่ คลอื่ นที่

6) พลนั เจอร์ (Plunger) เปน็ แท่งเหล็กสวมอยู่ในโซลินอยด์ ทาหนา้ ที่ เคลอื่ นท่ไี ปมา
เมอื่ เกิดอานาจแม่เหล็กทโี่ ซลินอยด์ เพื่อให้สะพานไฟเกิดการตดั หรอื ต่อขั้วหลกั (ข้วั 30) ของวงจร
กบั ขัว้ ทต่ี อ่ เขา้ กบั มอเตอร์สตารท์ (ข้วั C) นอกจากนยี้ ังทาหนา้ ทีเ่ ป็นตัวเล่อื นชุดคลตั ช์และเฟอื งขับ
มอเตอร์ให้เข้าไปขบกบั ลอ้ ชว่ ยแรง

7) โซลินอยด์ (Solenoid) ทาหน้าท่ี สร้างแม่เหล็กไฟฟา้ ประกอบดว้ ยขดลวดชุดดงึ
และ ขดลวดชดุ ยึด

8) คลตั ช์สตารท์ (Starter clutch) ทาหน้าที่ เป็นคลตั ชท์ างเดียวให้มอเตอรส์ ตารท์
9) เฟืองขบั (Pinion gear) ทาหน้าท่ี รับแรงจากเพลามอเตอรส์ ตาร์ทไปขบั เฟอื งลอ้ ช่วย
แรงใหห้ มุน จานวนฟันเฟอื งขบั ของมอเตอรส์ ตาร์ทจะน้อยกว่าจานวนฟันเฟืองล้อช่วยแรง จึงทาให้
มีกาลังสูงขึน้ ในขณะขับเคร่ืองยนต์ อตั ราการทดของเฟอื งท้งั สองประมาณ 12 : 1 ในมอเตอร์สตาร์ท
แบบขบั ตรง จะมีชุดคลตั ชช์ ่วยใหก้ ารเขา้ ขับและออกจากเฟอื งของลอ้ ช่วยแรง 2 แบบ คือ

(1) คลตั ช์แบบโอเวอร์รนั นิ่ง ใช้คันโยกในการเลื่อนเฟืองขบั ของมอเตอรส์ ตารท์ เข้า
ขบกับเฟืองล้อชว่ ยแรง อาศยั การควบคมุ การทางานโดยชุดของสวติ ช์โซลินอยด์

(2) คลัตช์เบนดิกซ์ (Bendix Clutch) ทางานโดยอาศัยเฟืองแบบเกลียว และใช้แรง
เฉอื่ ยเพ่อื เข้าขบกบั เฟืองของลอ้ ชว่ ยแรง ซึ่งมเี ฟืองสวมอยู่กับชุดสกรู เม่ือมอเตอร์สตาร์ทเร่ิมหมุน ก็
จะเหว่ียง ตัวเองโดยการเคล่ือนท่ีไปตามสกรู เข้าขับกับเฟืองของล้อช่วยแรงแล้วพาให้เคร่ืองยนต์
หมนุ เมื่อเคร่ืองยนต์ ทางานเองได้แล้วเครื่องยนต์จะหมุนเร็วกว่าเฟืองขับของมอเตอร์สตาร์ทเล่ือน
ออกจาก เฟืองของล้อช่วยแรง

10) เฟืองสะพาน (Idle gear) ทาหน้าที่ เปลีย่ นทิศทางการหมุนของเฟอื งขบั และทด
รอบของเฟอื ง

2. การบริการมอเตอร์สตาร์ท
เมือ่ เกดิ ปญั หาข้นึ กบั ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ เราสามารถทาการทดสอบเพือ่ หาสาเหตขุ อ้ ขัด

ข้องของปญั หาและทาการถอดเปลยี่ นชิ้นสว่ นของมอเตอร์ มีรายละเอยี ด ดังนี้
2.1 การทดสอบมอเตอร์สตารท์ (Starting Circuit Testing)
การทดสอบและวเิ คราะหว์ งจรต้องปฏิบัติกับวงจรที่สมบูรณ์ก่อนการถอดแยกส่วนประกอบ

หรอื ช้นิ ส่วนใดๆ ซึ่งถอื ว่าเปน็ การทดสอบสมรรถนะของมอเตอร์สตาร์ท โดยจะทาการทดสอบใน
ขณะท่ีมอเตอร์สตาร์ทไม่มีภาระงาน หรือเรียกว่า การทดสอบตัวเปล่า เมื่อทดสอบสมรรถนะของ
มอเตอร์สตารท์ แลว้ ปรากฏว่าผลทีไ่ ด้ไมเ่ ปน็ ไปตามคา่ ท่กี าหนด จึงจาเป็นที่จะต้องได้รับการบริการ
รวมไปถึงการถอดช้ินส่วนออกมาเพื่อตรวจสภาพและเปลี่ยนชิ้นส่วน หลังจากนั้นจึงประกอบช้ิน
สว่ นกลับคนื แล้วทดสอบการทางานใหเ้ ปน็ ไปตามคา่ ทก่ี าหนดอีกคร้ัง โดยมกี ารทดสอบ ดังน้ี

2.1.1 การทดสอบขดลวดดงึ (Pull - In)
2.1.1.1 ถอดสายไฟข้วั C ออกจากสวิตชแ์ มเ่ หลก็
2.1.1.2 ใช้สายไฟตอ่ ขัว้ ลบของแบตเตอรล่ี งกราวดท์ ี่โครงมอเตอรแ์ ละขัว้ C สว่ นขัว้ บวก

ของแบตเตอร่ีต่อเข้ากับสวิตชแ์ ม่เหล็ก (โซลินอยด)์ ขัว้ 50 ดงั รปู ท่ี 7.5
2.1.1.3 สังเกตวา่ เฟืองพีเน่ียนของคลตั ชเ์ ลอื่ นออกมาหรือไม่ (หากออกมาแสดงว่าขดลวด

ดงึ ใช้งานได้)

ขวั้ 50
ขวั้ C

แบตเตอร่ี

รปู ที่ 7.5 แสดงการทดสอบการทางานของขดลวดดึง
2.1.2 ทดสอบขดลวดยดึ (Hold - In)

2.1.2.1 ถอดสายขวั้ ลบ (-) ออกจากข้ัว C ดงั รปู ที่ 7.6
2.1.2.2 สงั เกตว่าเฟอื งพเี นี่ยนยังคงคา้ งอย่ใู นตาแหน่งเล่ือนออกมาสดุ หรือไม่

ขว้ั 50 ขว้ั C

แบตเตอร่ี

รูปท่ี 7.6 แสดงการทดสอบการทางานของขดลวดยดึ
ทม่ี า : คู่มอื การซอ่ มเครอื่ งยนต์ HILUX-TIGER 2KD-FTV บรษิ ทั โตโยต้ามอเตอร์

2.1.2.3 ถอดสายขัว้ ลบ (-) ออกจากโครงของมอเตอร์ ดงั รูปท่ี 7.7
2.1.2.4 สังเกตว่าเฟืองพเี น่ียนของคลัตช์เลือ่ นกลบั เข้าหรือไม่

รูปท่ี 7.7 แสดงการทดสอบการคลายตัวของขดลวดยึด
ทมี่ า : คมู่ อื การซอ่ มเครอ่ื งยนต์ HILUX-TIGER 2KD-FTV บรษิ ัทโตโยต้ามอเตอร์

2.1.3 ทดสอบการทางานของมอเตอรแ์ บบไมม่ ภี าระ
2.1.3.1 ต่อสายไฟของมอเตอร์เขา้ กบั ขัว้ C ตามเดิม
2.1.3.2 ตอ่ แบตเตอร่ีขั้วลบเข้ากบั โครงของมอเตอร์สตารท์ ขวั้ บวกของแบตเตอร่ีต่อผ่าน

แอมปม์ ิเตอรเ์ ขา้ ขัว้ 30 และขว้ั 50 ดงั รปู ท่ี 7.8
2.1.3.3 อา่ นคา่ กระแสทไี่ ด้ขณะมอเตอร์หมนุ

ขัว้ 50

แบตเตอร่ี

ข้ัว 30

แอมปม์ ิเตอร์

รปู ท่ี 7.8 การทดสอบการทางานของมอเตอร์แบบไมม่ ีภาระ
ท่ีมา : คู่มอื การซ่อมเครอ่ื งยนต์ HILUX-TIGER 2KD-FTV บรษิ ัทโตโยต้ามอเตอร์

หมายเหตุ
- มอเตอร์สตารท์ ขนาด 2 KW จะมคี ่าของกระแสไฟ ประมาณ 100 A หรือน้อยกว่า
- มอเตอรส์ ตารท์ ขนาด 2.7KW จะมีค่าของกระแสไฟ ประมาณ 180 A หรอื นอ้ ยกวา่

ขอ้ ควรระวัง
การทดสอบต้องทาในเวลาไม่เกิน 3 วินาที เพอ่ื ป้องกันการขาดของขดลวด

2.2 การถอดช้นิ สว่ นมอเตอร์สตารท์
การถอดประกอบและตรวจสอบช้ินสว่ นของมอเตอร์สตารท์ ปกติแลว้ จะทาการถอดมอเตอร์

สตาร์ทก็ตอ่ เม่อื มอเตอรส์ ตารท์ มปี ญั หา ในหนว่ ยนี้จะอธบิ ายขนั้ ตอนการถอดและประกอบมอเตอร์
สตาร์ทแบบทดรอบเพราะเป็นมอเตอรส์ ตารท์ ท่ีใช้กนั มากในรถยนต์ปัจจบุ ัน โดยมขี ้นั ตอนดงั น้ี

ตารางที่ 7.3 ข้นั ตอนการถอดมอเตอร์สตาร์ท

2.2.1 ทาความสะอาดภายนอกของมอเตอร์
สตาร์ท ก่อนทาการถอดแยกชิ้นสว่ น

2.2.2 ถอดสายไฟขั้ว C ออกจากสวิตช์แมเ่ หล็ก

ถอดสายไฟขั้ว C

2.2.3 ถอดโบลท์ ยึดมอเตอรส์ ตาร์ทพรอ้ ม
ท่นุ อารเ์ มเจอร์

2.2.4 ถอดโบลทย์ ึดสวิตช์แมเ่ หลก็

2.2.5 ถอดเรอื นยึดมอเตอรส์ ตาร์ท ชดุ คลัทซ์
และเฟือง

2.2.6 ถอดเส้ือมอเตอรส์ ตาร์ทเฟอื งพเี นี่ยน 2
อัน ประกบั ลกู ปืน ลูกปืนคลตั ช์ 5 อนั สปรงิ
ดงึ กลับและสวิตช์แมเ่ หล็กออก

2.2.7 ถอดสกรู 2 ตวั และฝาครอบออกจาก
เรอื นยึดฟิลดค์ อยล์

2.2.8 ถอดชุดแปรงถ่านออกจากทุ่นอารเ์ มเจอร์
โดยใช้ไขควงแบนถา่ งสปรงิ ดันแปลงถา่ น แล้ว
ค่อยๆเลอื่ นชดุ แปรงถ่านออก
2.2.10 ถอดทนุ่ อาร์เมเจอร์ออกจากชดุ ฟลี คอยล์

2.3 การตรวจสอบอุปกรณข์ องมอเตอร์สตาร์ท
การตรวจสอบชน้ิ ส่วนอปุ กรณข์ องมอเตอรส์ ตาร์ท ทงั้ แบบขับตรงและแบบเฟืองทดมขี ้นั ตอน

และวธิ ีตรวจสอบเหมอื นกนั ดังน้ี
ตารางที่ 7.4 วิธตี รวจสอบอุปกรณ์มอเตอรส์ ตาร์ท

2.3.1 ตรวจสอบท่นุ อารเ์ มเจอร์
2.3.1.1 ตรวจสอบสภาพผวิ ของคอม

มวิ เตอร์ ความสกปรก หรือรอยไหม้ หากมีให้
แก้ไขโดยใชก้ ระดาษทรายละเอียดขดั ทาความ
สะอาด

2.3.1.2 ตรวจสอบการขาดของขดลวด
อารเ์ มเจอร์ โดยใช้มัลติมิเตอร์ปรับยา่ นการวดั
ไปที่ R×1 ใชส้ ายวดั ของมลั ติมเิ ตอรท์ ัง้ สองจิม้
วดั ที่ซี่ของ คอมมิวเตเตอร์ ทลี ะคูจ่ นครบ หาก
เข็มมิเตอรไ์ มข่ ึ้นแสดงวา่ มีขดลวดอารเ์ มเจอร์
ขาด เข็มมเิ ตอร์ขน้ึ ทกุ คู่แสดงวา่ ลวดอาร์
เมเจอรไ์ มข่ าด

2.3.1.3 ตรวจเช็คการลงกราวดข์ ดลวด
อารเ์ มเจอร์ โดยใช้มลั ติมเิ ตอรป์ รบั ยา่ นการวดั ไป
ท่ี R×1 ใชส้ ายวดั ของมลั ตมิ เิ ตอร์จม้ิ วดั ที่ซี่ ของ
คอมมวิ เตเตอร์และอกี ด้านหนง่ึ จิม้ ทโี่ คลง อาร์
เมเจอร์ เข็มมเิ ตอร์ข้ึนแสดงว่า ร่ัวลงกราวด์ (ใช้
งานไมไ่ ด)้ แตห่ ากเขม็ มิเตอร์ไม่ขึน้ แสดงว่า
ขดลวดอารเ์ มเจอรไ์ มล่ งกราวด์ (ใชง้ านได)้

2.3.1.4 ตรวจเชค็ ความบดิ เบ้ียว ของคอมมิว เต
เตอร์ วางทุ่นอาร์เมเจอร์ลงบนบลอ็ กรปู ตวั V ใช้
ไดอลั เกจวัดความบดิ เบย้ี วของคอมมิวเตเตอร์
ระยะเยือ้ งศนู ยส์ งู สุดไมเ่ กนิ 0.05มม.

2.3.1.5 วัดขนาดความโตของคอมมิวเตเตอร์
โดยใชเ้ วอร์เนยี ร์คาลิปเปอรว์ ัดเส้นผา่ ศูนยก์ ลาง
ของคอมวิ เตเตอร์ (ขนาดตามพิกดั การซอ่ มของ
มอเตอร์แต่ละรุน่ )

2.3.1.6 วดั ความลึกของรอ่ งคอมมิวเตเตอร์
ใช้เวอรเ์ นยี ร์คาลปิ เปอรว์ ัดลกึ (ขนาดตามพกิ ดั การ
ซอ่ มของมอเตอรแ์ ต่ละรนุ่ )

2.3.2 ตรวจสอบขดลวดฟิลคอยล์
2.3.2.1 ตรวจสอบการขาดของขดลวดฟิลคอยล์

โดยใช้มลั ติมเิ ตอร์ปรับยา่ นการวดั ไปที่ R×1 ใช้
สายวดั ของมลั ตมิ ิเตอร์ท้งั สองจ้มิ วดั ปลายสาย
แปรงถ่านลบ( – ) และแปรงถ่านบวก ( +) ของ
ขดลวดฟลิ คอยล์ ทีละคู่จนครบ หากเข็มมิเตอร์
วิ่งขนึ้ แสดงว่าไม่ขาด หากเขม็ มิเตอรไ์ มข่ นึ้ แสดง
วา่ ขดลวดอาร์เมเจอร์ขาด

2.3.2.2 ตรวจเชค็ การลงกราวด์ของขดลวด
ฟลิ คอยล์ โดยใชม้ ัลตมิ ิเตอรป์ รับย่านการวดั ไปที่
R×1 ใชส้ ายวดั ของมลั ติมเิ ตอรจ์ ม้ิ วัดที่ปลายสาย
แปรงถ่านและอกี ดา้ นหน่ึงจ้มิ ท่ีโคลงของฟิล
คอยล์ หากเขม็ มเิ ตอร์ว่งิ ขน้ึ แสดงวา่ รวั่ ลงกราวด์
(ใชง้ านไมไ่ ด)้ หากเข็มมิเตอรไ์ ม่ขนึ้ แสดงวา่
ขดลวดฟิลคอยลไ์ ม่ลงกราวด์ (ใชง้ านได้)
2.3.3 ตรวจสอบความยาวแปรงถา่ น

2.3.3.1 ตรวจสอบสภาพผิวของแปรงถ่าน
2.3.3.2 วัดขนาดความยาวของแปรงถ่าน
โดยใชเ้ วอร์เนียรค์ าลปิ เปอร์วดั ความยาวของ
แปรงถ่าน (พิกดั การซอ่ มตามขนาดของมอเตอร์
แตล่ ะรุน่ )

2.3.3.3 ใชโ้ อห์มมเิ ตอร์ ตรวจเชค็ ระหวา่ งซอง
แปรงถา่ นบวกและซองแปรงถา่ นลบ หากเขม็ ของ
มเิ ตอร์ข้นึ ใหเ้ ปลย่ี นซองแปรงถา่ นใหม่

2.3.4 ตรวจสอบสปริงดนั แปรงถา่ น
ใช้เคร่อื งชง่ั สปริงวดั ความแขง็ ของสปรงิ หาก
ความแขง็ ของสปริงนอ้ ยให้ทาการเปลย่ี นสปริง
ใหม่ (พกิ ดั การซอ่ มตามขนาดของมอเตอรแ์ ต่ละ
รนุ่ )

2.3.5 ตรวจสอบเฟอื งและชดุ คลัตช์ ใช้มอื หมนุ
เฟอื งเพื่อตรวจสอบการทางานของชุดคลตั ช์
หากชดุ คลตั ชไ์ มท่ างาน ใหเ้ ปลี่ยนใหม่

2.3.6 ตรวจสอบสวิตชแ์ มเ่ หลก็
2.3.6.1 ตรวจสอบการขาดของขดลวดดึง

(Pull – in coil) ใชโ้ อหม์ มิเตอรต์ รวจเชค็ ความ
ตอ่ เนอื่ ง ระหวา่ งข้ัว 50 กับขัว้ C หากไม่มคี วาม
ตอ่ เน่ืองแสดงว่าขดลวดดึงขาด ให้เปลี่ยนชุด
สวิตช์แม่เหล็กใหม่

2.3.7 ตรวจสอบการขาดของขดลวดยึด (Hold –
in coil) ใช้โอห์มมิเตอร์ ตรวจเชค็ ความตอ่ เน่อื ง
ระหวา่ งข้ัว 50 กบั ตวั เรือนของสวติ ช์แมเ่ หลก็
หากไม่มคี วามต่อเนอื่ งแสดงวา่ ขดลวดยึดขาด
ใหเ้ ปลยี่ นชดุ สวิตช์แมเ่ หลก็ ใหม่

2.3.8 สงั เกตผวิ สมั ผสั และใชเ้ วอร์เนยี ร์คาลิปเปอร์
วดั ความลึกของรอยสึกที่แผ่นคอนแทก หากสึก
มากให้เปลยี่ นใหม่

2.4 การถอดเปลีย่ นช้นิ สว่ นมอเตอร์สตาร์ท
หลังจากทไ่ี ด้ทาการตรวจสอบอุปกรณข์ องมอเตอร์สตาร์ทแล้วบางคร้ังจาเป็นต้องมกี ารถอด
อุปกรณ์บางตัวของมอเตอรส์ ตารท์ เพ่ือเปลย่ี น โดยมวี ิธกี ารถอดดังนี้
ตารางที่ 7.5 วิธีถอดเปล่ยี นชน้ิ ส่วนของมอเตอร์สตารท์

2.4.1 เปล่ยี นลูกปืนตวั หลัง
2.4.1.1 ใชเ้ ครื่องมือดูดลูกปนื ออก

แสดงการใช้เครอ่ื งมอื ดดู ลกู ปนื หลัง

2.4.1.2 ใช้เครื่องมอื พิเศษและเครอื่ งอดั
อดั ลกู ปืน ตัวใหม่เข้าไป

แสดงการใช้เครอื่ งมอื พิเศษและเครอื่ งอดั
อดั ลูกปนื ตัวใหม่เขา้

2.4.2 เปลีย่ นลกู ปืนตวั หนา้
2.4.2.1 ใช้เคร่ืองมอื ดูด ลกู ปืนตัวหน้าออก

แสดงการใช้เครอื่ งมอื ดดู ลกู ปืนหนา้

2.4.2.2 ใชเ้ คร่อื งมอื พิเศษและเคร่อื งอดั
อัดลกู ปืนตัวใหม่เขา้ ไป

แสดงการใช้เคร่ืองมืออดั ลูกปืนหนา้ 2.4.3 เปลย่ี นชดุ ขั้วสวิตชแ์ มเ่ หลก็
2.4.3.1 ถอดนตั 3 ตัวที่ฝาครอบทา้ ย
แสดงการใช้เครอื่ งมอื ถอดชุด
ขว้ั สวิตช์แมเ่ หล็ก ประเก็นและพลันเจอร์ออก
2.4.3.2 ใช้เครอ่ื งมือพเิ ศษคลายนัตยดึ ขว้ั

ออก
2.4.3.3 ถอดช้ินส่วนของชุดข้ัว C ออก
2.4.3.4 ถอดช้ินสว่ นของชดุ ขว้ั 30 ออก
2.4.3.4 ตดิ ตัง้ ช้นิ สว่ นของชุดขวั้ 30 และ

ข้วั C ชุดใหม่
1) ฉนวนขัว้ (ตัวใน)

ขอ้ ควรระวัง : ระวงั อยา่ ติดต้งั ฉนวนข้วั (ตวั ใน)
ผิดดา้ น

2) แผน่ คอนแทก
3) โบลทย์ ดึ ขว้ั
4) โอ – รงิ
5) แหวนอดุ และฉนวนขวั้ (ตวั นอก)
6) แหวนรองรูปคลื่น
7) นตั ยดึ ขัว้

แสดงชน้ิ ส่วนของชุดข้วั 30

แสดงการวางแทน่ ไมล้ งบนแผ่นคอนแทก 2.4.3.5 วางแทน่ ไมล้ งบนแผน่ คอนแทกแลว้
อดั ลงไปใหข้ ั้วแมเ่ หล็กเสมอกนั

2.4.3.6 ใชเ้ ครือ่ งมือพเิ ศษขันนตั ให้แนน่
2.4.3.7 ใชผ้ า้ แห้งทาความสะอาด
หนา้ สัมผสั แผ่นคอนแทกที่เหลือกบั พลันเจอร์

2.4.3.8 ตดิ ตั้งพลังเยอร์ ประเก็นตัวใหม่
และฝาครอบท้ายเข้าดว้ ยโบลท์ 3 ตวั

แสดงตาแหนง่ การตดิ ตั้งพลันเจอร์

2.5 การประกอบมอเตอรส์ ตารท์
เมอื่ ทาการตรวจสอบช้นิ สว่ นของมอเตอร์สตาร์ทขน้ั ตอนสดุ ทายคอื การประกอบใหส้ ามารถ

ใช้งานได้ โดยมขี ้นั ตอนดังน้ี
ตารางท่ี 7.6 วิธปี ระกอบมอเตอรส์ ตาร์ท

2.5.1 ประกอบซองแปรงถา่ น
2.5.1.1 วางซองแปรงถ่านลงบนทนุ่ อารเ์ มเจอร์
2.5.1.2 ใช้ไขควงดันสปริงกดแปรงถ่านเพือ่

ชว่ ยประกอบแปรงถ่านท้งั 4 อนั

2.5.2 ประกอบฝาครอบเรือนยึดฟลิ ดค์ อยล์ดว้ ย
สกรู 2 ตัว

2.5.3 ประกอบชดุ คลทั ซ์ และเฟือง
2.5.3.1 ทาจารบีทนอณุ หภมู ิสูงทีล่ ูกปืนกลม

สปริงดึงกลับ ลูกปืนคลัตช์ 5 อัน และเฟอื งพเี น่ียน
2 อนั

2.5.3.2 ประกอบสปริงดึงกลับ
2.5.3.3 ประกอบคลตั ชม์ อเตอรส์ ตาร์ท
2.5.3.4 ประกอบลูกปนื คลัตช์ ประกบั ลูกปืน
และเฟืองพีเนี่ยน 2 อัน
2.5.3.5 ประกอบสกรู 2 ตวั

2.5.4 ประกอบแกนมอเตอรส์ ตาร์ทกับ
ทุ่นอาร์เมเจอร์

2.5.4.1 ประกอบโอ-รงิ ตัวใหม่เข้ากบั แกน
มอเตอร์สตารท์

2.5.4.2 จดั ส่วนท่ยี ืน่ ของแกนมอเตอรส์ ตารท์
ให้ตรงกับรอ่ งบากของสวิตช์แม่เหล็ก

2.5.4.3 ประกอบแกนมอเตอร์สตาร์ทดว้ ย
โบลท์ 2 ตัว

2.5.4.4 ขันนตั ต่อสายไฟขั้ว C กลับเขา้ ที่

3. วงจรไฟระบบสตารท์ เครอื่ งยนต์
วงจรไฟระบบสตารท์ เครอ่ื งยนต์ โดยทั่วไปแล้วในคู่มือซ่อมรถยนต์จะแยกออกเป็น 2 วงจร

คอื วงจรไฟสตาร์ทสาหรบั เคร่อื งยนตท์ ่ใี ช้เกยี ร์แบบธรรมดา ( Manual Transmission M/T) และวงจร
ไฟสตารท์ สาหรบั เครอ่ื งยนตท์ ใี่ ช้เกียรอ์ ัตโนมัติ (Auto Transmission A/T)

3.1 วงจรสตาร์ทเกียรธ์ รรมดาแบบไมม่ รี เี ลย์

โซลนิ อยด์

แบตเตอร่ี สวิตชจ์ ดุ ระเบิด

มอเตอรส์ ตาร์ท

รูปที่ 7.9 วงจรไฟสตารท์ เกยี รแ์ บบธรรมดา
(แบบไมม่ รี ีเลย์และไมม่ สี วิตช์ท่คี ลตั ช์)

3.2 วงจรสตาร์ทเกยี ร์ธรรมดาแบบมรี เี ลย์

โซลินอยด์

รีเลยส์ ตาร์ท

แบตเตอรี่ สวติ ชจ์ ุดระเบิด
สวติ ช์คลัตช์
มอเตอรส์ ตารท์

รูปท่ี 7.10 วงจรไฟสตารท์ สาหรับเครือ่ งยนต์ที่ใชเ้ กียร์แบบธรรมดา
(แบบมีรเี ลย์และมสี วิตชท์ ่ีคลัตช์)

3.3 วงจรสตารท์ เกียร์อัตโนมตั ิ โซลนิ อยด์

สวติ ช์เกียรอ์ ตั โนมัติ

แบตเตอรี่ สวิตชจ์ ุดระเบิด รเี ลยส์ ตาร์ท มอเตอร์สตาร์ท
ไป ECU

รูปท่ี 7.11 วงจรไฟสตาร์ทสาหรับเคร่ืองยนต์ท่ีใช้เกยี ร์อัตโนมัติ
(Auto Transmission A/T)

4. การทางานของวงจรสตารท์
ระบบสตาร์ทเครอ่ื งยนต์มีข้ันตอนการทางาน เป็น 3 ขนั้ ตอน ไดแ้ ก่

4.1 เมือ่ บดิ สวติ ช์จุดระเบดิ ไปในตาแหน่งสตาร์ท (ST)
กระแสไฟฟา้ ท่มี าจากแบตเตอรผ่ี า่ นฟิวส์มารอที่ข้วั B (AM1) จะสามารถผ่านไปท่ีขั้ว ST ของ

สวติ ช์จุดระเบิดและตอ่ ไปยงั โซลินอยของมอเตอร์สตาร์ทที่ข้ัว 50 จากน้ันผ่านขดลวดชุดดึงออกไป
ยังข้ัว C ของโซลินอยด์ จากนน้ั กระแสไฟฟา้ ไหลต่อไปเข้าขดลวดฟลี คอยล์ของมอเตอร์สตาร์ทผ่าน
แปรงถ่านบวก (+) เข้าขดลวด อาร์เมเจอร์ผ่านแปรงถ่านลบ (-) ของมอเตอร์ลงกราวด์ครบวงจร
ทาให้เกิดสนามแมเ่ หล็กทขี่ ดลวดฟีลคอยล์และทนุ่ อาร์เมเจอร์ ทาให้ทุ่นมาเมเจอร์เคล่ือนที่แบบช้าๆ
เน่ืองจากในจังหวะน้ี จะมีกระแสไฟฟ้าเข้าไปเล้ียงฟีลคอยล์และทุ่นอาร์เมเจอร์น้อย ขณะเดียวกัน
ขดลวดชุดดึงกเ็ กิดสนามแมเ่ หล็กขึ้น ดงึ พลนั เจอร์เขา้ เป็นผลใหก้ า้ มปดู นั ชุดเฟืองขับเข้าไปขบกับล้อ
ชว่ ยแรงในลกั ษณะหมนุ เขา้ ด้วยรอ่ งสไปลด์ ทปี่ ลายแกนของอาร์เมเจอร์ ทาให้ชุดเฟืองขับเข้าขับล้อ
ชว่ ยแรง ไดอ้ ยา่ งน่มุ นวล และขณะเดยี วกนั กระแสไฟฟา้ ทีเ่ ข้าข้ัว 50 ส่วนหน่ึงก็จะไหลไปยังขดลวด
ชุดยึดของโซลนิ อยด์ ลงกราวด์ท่โี ครงของโซลินอยด์ ทาใหเ้ ฟืองขบั ขบกับล้อช่วยแรงดยี ่งิ ข้นึ

แปรงถ่าน

ขัว้ แม่เหลก็

เฟืองทด อาร์เมเจอร์
เฟอื งสตาร์ท
ลูกปืน
พลันเจอร์
สะพานไฟ

คลตั ช์ เฟอื งคลัตช์

ลอ้ ชว่ ยแรง สวติ ช์
จุดระเบดิ

รูปท่ี 7.12 แสดงการทางานเมื่อบิดสวิตชจ์ ุดระเบิดไปในตาแหนง่ สตารท์
ทม่ี า : เด่นชัย ด่านวรรณกิจ ,งานไฟฟ้ารถยนต์ ศนู ยส์ ง่ เสรมิ อาชีวะ

4.2 เมือ่ พลนั เจอร์ถกู ดงึ เข้าจนสดุ

ตาแหนง่ นี้สะพานไฟท่ีอยดู่ า้ นหลงั พลนั เจอรก์ ็จะทาให้ข้ัว 30 และ ข้ัว C ต่อกัน ทาให้กระแส
ไฟจากแบตเตอรี่ที่มารอยู่ที่ขั้ว 30 ไหลไปยังขั้ว C เนื่องจากเป็นสายไฟเส้นใหญ่จึงทาให้กระแส
ไฟฟ้าเข้าไปในขดลวดฟีลคอยล์และทุ่นอาร์เมเจอร์มากขึ้นทาให้มอเตอร์สตาร์ทหมุนด้วยแรงบิด
ท่ีสูงข้ึนสามารถทาให้เครื่องยนต์ทางานได้ขณะเดียวกันขดลวดชุดดึงก็จะถูกตัดวงจรแต่ขดลวด
ชดุ ยดึ ยังคงมีกระแสไฟฟา้ ไหลผ่านพลนั เจอร์จงึ ยงั คงถูกยึดอยเู่ ช่นเดมิ ทาใหเ้ ฟืองขบั ท่ีขับล้อช่วยแรง
อย่ไู ม่ถกู ดันกลับดว้ ยแรงของสปริง

ขั้วแมเ่ หลก็ แปรงถ่าน

อาร์เมเจอร์

เฟืองสตาร์ท

สะพานไฟ

คลตั ช์ เฟอื งคลัตช์ สวิตช์
ลอ้ ช่วยแรง จดุ ระเบิด

รูปท่ี 7.13 แสดงการทางานของวงจรระบบสตาร์ทขณะมอเตอรส์ ตาร์ทหมุน
ทีม่ า : เด่นชยั ดา่ นวรรณกจิ ,งานไฟฟ้ารถยนต์ ศูนยส์ ง่ เสริมอาชวี ะ

4.2 เม่อื ปลอ่ ยมือออกจากสวิตชจ์ ุดระเบิด

สวิตช์จะถูกดันกลับมาในตาแหน่ง ON (Ig) ด้วยสปริงที่อยู่ในสวิตช์จุดระเบิด ทาให้ไม่มี
กระแสไฟฟ้าไปที่ขวั้ ST และข้ัว 50 ของ โซลินอยด์มอเตอร์สตาร์ท แต่สะพานไฟที่ปลายของพลัน
เจอร์ยงั ไมแ่ ยกจากขั้ว 30 และข้ัว C ทาให้กระแสไฟไหลจากขั้ว C ไหลย้อนกลับไปที่ขดลวดชุดยึด
และชุดดงึ ทาใหเ้ กิดการหักลา้ งของอานาจแมเ่ หล็ก สปรงิ ทีอ่ ยู่ในโซลนิ อยด์จึงดันให้พลันเจอร์เล่ือน
กลบั และพลนั เจอรก์ จ็ ะดึงใหเ้ ฟืองขับเล่ือนออกจากลอ้ ช่วยแรงกลับสู่ตาแหน่งเดิมและขณะเดียวกัน
สะพานไฟท่เี คยถกู พลนั เจอร์ของโซลินอยด์ดันให้ต่อระหว่างข้ัว 30 และขั้ว C ก็จะแยกออกจากกัน
ด้วยเปน็ การสน้ิ สดุ การทางานของระบบสตาร์ท

สรปุ

ระบบสตารท์ เครื่องยนต์ ทาหนา้ ท่ี ทาใหเ้ กดิ การเร่ิมตน้ หมุนของเพลาขอ้ เหว่ยี ง เพ่อื ให้เกิด
การทางานของเคร่อื งยนตต์ ามกลวัตร คือ ดูด อดั ระเบดิ คาย

มอเตอร์สตารท์ มี 2 ชนดิ ไดแ้ ก่
1. ชนิดแบบขบั ตรง
2. ชนดิ แบบเฟืองทด

มอเตอรส์ ตาร์ทประกอบด้วย 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่
1. ส่วนของมอเตอร์
2. ส่วนของสวติ ชแ์ ม่เหล็กหรอื โซลินอยด์

วงจรสตารท์ ของเครือ่ งยนต์ มี 2 แบบ ไดแ้ ก่
1. วงจรสตาร์ทแบบใชก้ บั เกียร์ธรรมดา
2. วงจรสตาร์ทแบบใช้กบั เกียรอ์ ตั โนมัติ

มอเตอร์สตาร์ท ควบคุมการทางาน โดยใชส้ ัญญาณไฟจากขั้ว ST ของสวิตช์จุดระเบิด

ใบงานท่ี 7.1
งานตรวจสอบการทางานของมอเตอร์สตาร์แบบทดรอบ

จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. นกั เรียนสามารถเตรยี มเครอื่ งมอื ในการตรวจสอบการทางานของมอเตอร์สตารท์ กอ่ น
การถอดแยกช้ินส่วนอุปกรณไ์ ด้
2. นกั เรียนสามารถตรวจสอบชิน้ สว่ นอุปกรณ์ท้ังทางกลและทางไฟฟ้าได้
3. นักเรยี นสามารถเขยี นวงจรสตาร์ทในใบงานและต่อวงจรสตาร์ทในเครื่องยนตฝ์ กึ ได้
4. นักเรียนสามารถเกบ็ เครือ่ งมอื อุปกรณไ์ ด้ถกู ตอ้ ง

เครอื่ งมอื / อปุ กรณ์
1. มอเตอรส์ ตาร์ทแบบเฟืองทด
2. สวิตชจ์ ดุ ระเบิด
3. สายไฟตอ่ วงจร
2. มัลตมิ เิ ตอร์
4. แบตเตอรี่ 12 V

ลาดับข้ันการปฏบิ ตั ิ
1. ศกึ ษาวงจรการทางานของระบบสตารท์ จากใบความรู้ หน่วยท่ี 7
2. ทาความสะอาดและตรวจสอบสภาพภายนอกของมอเตอรส์ ตาร์ท
3. ปฏิบัติงานตามใบงานที่ 7.1
4. บันทึกผลทีไ่ ด้จากการทดสอบตามใบงาน
5. ต่อวงจรสตารท์ กับเคร่ืองยนต์ฝกึ

บนั ทกึ ผลใบงานท่ี 7.1
งานตรวจสอบการทางานของมอเตอรส์ ตาร์แบบทดรอบ

ทดสอบมอเตอรส์ ตารท์ แบบไมม่ ีภาระ ทดสอบมอเตอรส์ ตารท์ แบบไมม่ ภี าระ
ต่อแบตเตอร่แี ละแอมปม์ ิเตอรเ์ ขา้ กับ
ทดสอบการทางานของขดลวดดึงและยึดดว้ ยแบตเตอร่ี มอเตอรส์ ตารท์ ดงั รูปที่ 7.1
ขั้นการปฏิบัติ สงั เกตการหมุนของเฟืองมอเตอร์
1. ถอดสายมอเตอรอ์ อกจากขวั้ C ของโซลนิ อยด์ สตารท์
2. ตอ่ ขั้วลบของแบตเตอรเ่ี ข้ากับกราวด์(โครงของ ( ) คลอ่ งตัว ( ) ไม่คลอ่ งตวั
อา่ นคา่ กระแสเม่อื เฟืองหมนุ
มอเตอร์) และขว้ั C ของโซลนิ อยด์ กระแสทวี่ ัดได้………..……แอมป์
3. ต่อสายบวกของแบตเตอรี่ เขา้ กบั ขัว้ 50 ของ ค่ามาตรฐาน ขาด 2.0 กิโลวัตต์ 100
แอมป์
โซลินอยด์
ทดสอบการทางานของขดลวดดงึ และ

ยึดดว้ ยแบตเตอรี่
เมื่อต่อสายบวกของแบตเตอรี่ เขา้ กับ
ข้วั 50 ของโซลินอยด์
ผลที่สงั เกตได้……………………….
แสดงวา่ …………………………...
เมอ่ื ถอดสายลบ(-) ของแบตเตอรี่ออก
จากขั้ว C
ผลทีส่ งั เกตได้…………………….…
แสดงว่าขดลวดยดึ
( ) ใช้งานได้
( ) ใชง้ านไมไ่ ด้

ตรวจสอบขดลวดยึด ตรวจสอบขดลวดยึด
ใช้มลั ตมิ เิ ตอร์วัดความต่อเนอ่ื งระหว่างข้วั 50
ของและตวั เรือนของโซลินอยด์
ผลทีส่ งั เกตได้…………………..………
แสดงว่าขดลวดยึด
( ) ใชง้ านได้
( ) ใชง้ านไมไ่ ด้

ตรวจสอบขดลวดดึง
ใชม้ ัลติมิเตอร์วัดความตอ่ เนื่องระหวา่ งข้ัว 50
และ ข้ัว C ของโซลนิ อยด์
ผลทสี่ งั เกตได้………………………….……
แสดงวา่ ขดลวดดงึ
( ) ใช้งานได้
( ) ใชง้ านไมไ่ ด้

ตรวจสอบขดลวดดงึ

ตรวจสอบการขาดขดลวดอารเ์ มเจอร์
ใชม้ ัลติมิเตอรว์ ดั ความต่อเนอื่ งระหวา่ งซี่
คอมมวิ เตเตอร์
ผลท่ีสงั เกตได้……………………..…….
แสดงว่า ขดลวดอารเ์ มเจอร์
( ) ใชง้ านได้
( ) ใชง้ านไม่ได้

ตรวจสอบการขาดของขดลวดอารเ์ มเจอร์

ตรวจสอบการลงกราวดข์ ดลวดอารเ์ มเจอร์ ตรวจสอบการลงกราวด์ขดลวดอาร์เมเจอร์
ใชม้ ัลติมิเตอรว์ ดั ความต่อเน่ืองระหว่าง
ซค่ี อมมวิ เตเตอร์กับโครงอารเ์ มเจอร์
ผลทส่ี ังเกตได้………………………..……
แสดงว่า ขดลวดอารเ์ มเจอร์
( ) ใช้งานได้
( ) ใช้งานไมไ่ ด้

ตรวจสอบความเบีย้ วของคอมมวิ เตเตอร์
ค่าท่วี ดั ได(้ ความเบีย้ ว) …………....……มม.
คา่ กาหนด (ความเบี้ยว) ……..........……มม.
แสดงว่า คอมมิวเตเตอร์
( ) ใชง้ านได้
( ) ใช้งานไมไ่ ด้

ตรวจสอบความเบ้ียวของคอมมิวเตเตอร์

ตรวจสอบขนาดของคอมมิวเตเตอร์
ค่าที่วดั ได(้ เสน้ ผ่าศูนย์กลาง) ……....…มม.
ค่ากาหนด (ไมน่ อ้ ยกว่า) …..............…มม.
แสดงว่า คอมมวิ เตเตอร์
( ) ใช้งานได้
( ) ใช้งานไมไ่ ด้

ตรวจสอบขนาดของคอมมวิ เตเตอร์

ตรวจสอบความลกึ ของร่องคอมมิวเตเตอร์
ค่าทวี่ ัดได้ (ความลกึ ) …………..…มม.
คา่ กาหนด (ไม่นอ้ ยกวา่ ) ….........…มม.
แสดงว่า คอมมวิ เตเตอร์
( ) ใช้งานได้
( ) ใชง้ านไมไ่ ด้

ตรวจสอบความลึกของรอ่ งคอมมวิ เตเตอร์ ตรวจสอบการขาดของขดลวดฟลิ คอยล์
ตรวจสอบการขาดของขดลวดฟลิ คอยล์ ใชม้ ัลตมิ ิเตอร์วดั ความต่อเน่ืองระหวา่ งสาย
ต่อขั้ว C และแปรงถา่ นแต่ละตวั
ผลทสี่ งั เกตได้……………………….…….
แสดงว่า ขดลวดฟิลคอยล์
( ) ใช้งานได้
( ) ใชง้ านไมไ่ ด้

ตรวจสอบการลงกราวด์ของขดลวดฟลิ คอยล์
ใชม้ ลั ตมิ เิ ตอรว์ ัดความต่อเนอื่ งระหว่างสาย
ต่อขั้ว C และแปรงถา่ นกับโครงฟลิ คอยล์
ผลท่ีสังเกตได้……………………………….
แสดงว่า ขดลวดฟลิ คอยล์
( ) ใชง้ านได้
( ) ใชง้ านไม่ได้

ตรวจสอบการลงกราวด์ของขดลวดฟิลคอยล์

ตรวจสอบความยาวของแปรงถา่ น
ใชเ้ วอร์เนียร์วดั ความยาวของแปรงถา่ น
คา่ ทีว่ ดั ได้ (ความยาว) ………...…มม.
คา่ กาหนด (ไม่นอ้ ยกวา่ ) ………..…มม.
แสดงว่า แปรงถา่ น
( ) ใชง้ านได้
( ) ใช้งานไม่ได้

ตรวจสอบความยาวของแปรงถา่ น

ตรวจสอบการลงกราวด์ของซองแปรงถ่าน ตรวจสอบการลงกราวดข์ องซองแปรงถา่ น
ใช้มลั ตมิ ิเตอรว์ ัดความต่อเน่อื งระหวา่ ง
ขว้ั บวก(+) และขัว้ ลบ(-) ของแปรงถา่ น
ผลทสี่ ังเกตได้……………………..….
แสดงว่า ซองแปรงถา่ น
( ) ใชง้ านได้
( ) ใช้งานไมไ่ ด้

ตรวจสอบความแข็งของสปริงดนั แปรงถ่าน ตรวจสอบความแขง็ ของสปริงดันแปรงถ่าน
ใชเ้ ครื่องชง่ั สปริงดึงทดสอบความแข็งของ
สปริงดันแปรงถา่ น
คา่ ทีว่ ัดได้ (ความยาว) ………...…กก.แรง
คา่ กาหนด (ไม่นอ้ ยกวา่ ) …..........…กก.แรง
แสดงวา่ สปริงดันแปรงถ่าน
( ) ใช้งานได้
( ) ใช้งานไมไ่ ด้

ฟรี ตรวจสอบชดุ คลตั ช์
ผลทไ่ี ด้จากการทดสอบ……………………
ล็อก แสดงว่า ชดุ คลัตช์
( ) ใชง้ านได้
ตรวจสอบชดุ คลตั ช์ ( ) ใช้งานไม่ได้

เกณฑ์ประเมินผลการปฏิบัตงิ าน
ใบงานท่ี 7.1 งานตรวจสอบการทางานของมอเตอร์สตารแ์ บบทดรอบ

ผู้ปฏบิ ัติงาน ชอื่ ……………………………………เลขท่ี………..กลุม่ ……………

หวั ขอ้ การประเมิน ระดับคะแนน หมายเหตุ
เต็ม ได้
1. การเตรยี มเครือ่ งมืออปุ กรณ์ 2 ผล/คะแนน
2. การลาดับขั้นตอนการปฏบิ ัตงิ าน 4 ดีมาก = 18 - 20
3. ตรวจสอบได้ถูกต้อง 4 ปานกลาง = 15 - 17
4. อธบิ ายวเิ คราะห์สภาพช้ินสว่ นไดถ้ กู ต้อง 5 พอใช้ = 11 - 14
5. ความสามัคคีในกลมุ่ 3 ปรบั ปรงุ = 0 - 10
6. ทาความสะอาด เกบ็ วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละพน้ื ท่ี
ปฏบิ ตั งิ าน 2

รวม 20

ครผู ู้สอน

ใบงานที่ 7.2
งานต่อวงจรระบบสตาร์ท

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. นกั เรยี นสามารถอ่านและเขียนวงจรสตารท์ ได้
2. นกั เรียนสามารถต่อวงจรระบบสตาร์ทกับเครื่องยนต์ฝกึ ได้
3. นกั เรียนสามารถเก็บเครอื่ งมอื อปุ กรณไ์ ด้ถูกตอ้ ง

เครือ่ งมือ / อปุ กรณ์
1. มอเตอร์สตาร์ทแบบทดรอบ
2. แผงฝกึ ไฟฟา้ รถยนต์
3. แบตเตอรี่
4. ชดุ สายไฟตอ่ วงจรระบบสตารท์

ลาดบั ขั้นการปฏิบัติ
1. ศึกษาโครงสรา้ งและหลักการทางานระบบสตารท์ เครอ่ื งยนต์จากใบความรู้ หน่วยที่ 7
2. ทาใบงานท่ี 7.2
3. เตรยี มเครื่องมืออุปกรณเ์ พื่อใช้สาหรับตอ่ วงจรไฟระบบสตาร์ทแบบเกียร์ธรรมดาไม่มี
รเี ลย์
4. ปฏิบตั ติ อ่ วงจรไฟระบบสตาร์ทแบบเกียร์ธรรมดาไม่มีรเี ลย์

บนั ทกึ ผลการปฏิบัติใบงานท่ี 7.2
งานตอ่ วงจรระบบสตาร์ท

1. ให้นกั เรียนตอ่ วงจรสตารต์ ใหส้ มบรู ณ์

เกณฑ์ประเมนิ ผลการปฏิบัตงิ าน
ใบงานที่ 7.2 งานต่อวงจรระบบสตารท์

ผปู้ ฏบิ ัติงาน ชื่อ……………………………………เลขท่ี………..กลุ่ม……………

หัวข้อการประเมิน ระดับคะแนน หมายเหตุ
เตม็ ได้
1. ความถูกตอ้ งในการเลือกใชแ้ ผงอปุ กรณ์ 5 ผล/คะแนน
2. ความถกู ตอ้ งของการตอ่ วงจร 5 ดมี าก = 18 - 20
3. บอกชอื่ อปุ กรณใ์ นวงจรได้ถูกตอ้ ง 3 ปานกลาง = 15 - 17
4. ปิดสวิตซ์แหล่งจา่ ยไฟก่อนถอดข่ัวตอ่ สายไฟ 3 พอใช้ = 11 - 14
5. ความสามคั คี และการมีส่วนร่วมของสมาชิกใน ปรับปรุง = 0 - 10
กลมุ่ 2
6. ทาความสะอาด ความเป็นระเบียบของใบงาน
2
รวม 20

ครูผู้สอน

แบบทดสอบหลังเรยี น
หน่วยที่ 7 เร่ือง ระบบสตาร์ทเคร่ืองยนต์

คาส่ัง : ให้นักเรียนเลือกคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งทสี่ ดุ เพยี งคาตอบเดยี ว โดยทาเครือ่ งหมาย (X) ลงใน
กระดาษคาตอบ

1. ขดลวดในโซลนิ อยดข์ องมอเตอร์สตารท์ ทตี่ อ่ อยู่ระหวา่ งขวั้ 50 กบั โครงของโซลินอยด์มีชื่อเรยี ก

ตามข้อใด

ก. ขดลวดยดึ ข. ขดลวดดงึ

ค. ขดลวดฟีลคอยล์ ง. ขดลวดอารเ์ มเจอร์

2. อุปกรณ์ในขอ้ ใดทีไ่ ม่มใี นมอเตอรส์ ตาร์ทแบบทดรอบ

ก. เฟืองขับ ข. พลนั เจอร์

ค. อาร์เมเจอร์ ง. กา้ มปู

3. การตรวจสอบมอเตอรส์ ตาร์ทโดยใช้มลั ติมเิ ตอรว์ ัดความต้านทานระหวา่ งซคี่ อมมิวเตเตอร์เปน็

การตรวจสอบของข้อใด

ก. การขาดของขดลวดอารเ์ มเจอร์ ข. การขาดของขดลวดฟลี คอยล์

ค. การขาดของขดลวดยึด ง. การขาดของขดลวดดึง

4. ชุดคลัตช์ของมอเตอรส์ ตารท์ ที่เป็นแบบ one way clutch (ดา้ นหนึ่งลอ็ ก ดา้ นหน่งึ หมนุ ฟร)ี

เป็นชดุ คลัตชท์ ่ีมีชอ่ื เรียกตามขอ้ ใด

ก. คลตั ช์แบบแผน่ ข. คลัตช์แบบเปยี ก

ค. คลตั ช์แบบโอเวอรนั น่ิง ง. คลตั ช์แบบเบนดกิ ซ์

5. การทดสอบการทางานของโซลินอยล์จะต้องต่อขว้ั บวกแบตเตอรเี่ ขา้ ข้วั 50 ข้วั ลบของแบตเตอรี่

เขา้ ขว้ั C และกราวด์ หากต้องการทดสอบขดลวดยดึ ว่าทางานหรือไม่ต้องทดสอบตามขอ้ ใด

ก. ถอดสายบวกแบตเตอรี่ออกจากขั้ว 50 ข. ถอดสายลบแบตเตอรีอ่ อกจากข้วั C

ค. ถอดสายลบแบตเตอรีอ่ อกจากกราวดโ์ ครงมอเตอร์ ง. ไมส่ ามารถทดสอบได้

6. เครื่องมอื ทใ่ี ช้วดั ความบิดเบีย้ วของคอมมวิ เตเตอร์คอื เครื่องมอื ตามข้อใด

ก. เวอรเ์ นียร์คารเิ ปอร์ ข. ไมโครมิเตอร์

ค. ฟิลเลอร์เกจ ง. ไดอลั เกจ

7. ทดสอบมอเตอร์สตารท์ (แบบไมม่ ีภาระงาน) ปรากฏวา่ โซลนิ อยดท์ างานแตม่ อเตอร์ไม่หมนุ

ควรทาการทดสอบตามขอ้ ใดกอ่ นทาการถอดชนิ้ ส่วนมอเตอร์สตารท์

ก. สะพานไฟ ข. ขดลวดดงึ

ค. ขดลวดยดึ ง. ขดลวดฟลี คอยล์

8. ขั้ว St ของสวติ ช์จุดระเบิดตอ่ เข้ากับข้ัวใดของมอเตอรส์ ตาร์ท

ก. ขัว้ 30 ข. ขวั้ 50

ค. ขวั้ B ง. ขัว้ C

9. โดยทว่ั ไปรถ เกยี ร์ธรรมดา ( M/T) จะตดิ ต้ังสวิตชป์ ้องกันการสตาร์ทเครอื่ งยนต์ในขณะเกียร์

ไม่อยู่ในตาแหนง่ เกยี รว์ า่ งไว้กับอุปกรณใ์ ด

ก. เบรกเทา้ ข. เบรกมือ

ค. กระปกุ เกียร์ ง. คลัตช์

10. เวลาในการทดสอบมอเตอร์สตาร์ทหรอื การสตารท์ เครื่องยนตค์ วรใช้ระยะเวลาเทา่ ใด

ก. 1 – 3 วินาที ข. 3 – 5 วินาที

ค. 5 – 7 วนิ าที ง. 7 – 10 วนิ าที


Click to View FlipBook Version