The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักการสร้างคำในภาษาไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Worasak, 2023-06-19 23:18:38

หลักการสร้างคำในภาษาไทย

หลักการสร้างคำในภาษาไทย

หลักการสร้างคำ ในภาษาไทย


คำ นำ ผู้จัดทำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์( E - book ) เล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจหลักการสร้างคำ ในภาษาไทยจาก หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E - book ) เล่มนี้ไม่มากก็น้อย คณะผู้จัดทำ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E - book ) นี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิชา ภาษาไทยพื้นฐาน ท๓๓๑๐๑ ผู้จัดทำ ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหลัก การสร้างคำ ในภาษาไทย เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษาและเรียนรู้เพิ่มเติม ก


สารบัญ คำ นำ สารบัญ การสร้างคำ คำ มูล คำ สมาส คำ สนธิ เอกสารอ้างอิง ข ก ข ๑ ๒ ๔ ๕ ๗


การสร้างคำ คำ คือ พยางค์ที่มีความหมาย เริ่มต้นที่คำ ๑ พยางค์ เช่น พ่อ แม่ พี่่น้อง ลุง ป้า น้า อา พยางค์เปิด คือ คำ ที่ไม่มีตัวสะกด มี ๓ ส่วน คือ พยัญชนะต้น สระ และวรรณยุกต์ พยางค์ปิด คือ คำ ที่มีตัวสะกด มี ๔ ส่วน คือ พยัญชนะต้น สระ วรรณยุกต์ และตัวสะกด ตัวการันต์ คือพยางค์ที่ไม่ออกเสียงจะนับเป็นส่วน ประสมพิเศษในพยางค์นั้น ๑


คำ มูล คำ มูล หมายถึง คำ คำ เดียวที่ไม่ได้ประสม กับคำ อื่น ซึ่งคำ มูลมีลักษณะดังนี้คือ ๑. มีความหมายสมบูรณ์ในตัว ๒. มีมาแต่เดิมในทุกภาษา ๓. อาจมีพยางค์เดียวหรือหลายพยางค์ก็ได้ ๒


การสร้างคำ ในภาษาไทยจากคำ มูล มีอยู่ ๓ แบบ คือ คำ ประสม คำ ซ้อน และคำ ซ้ำ คำ ประสม คือ คำ ที่เกิดจากการเอาคำ มูลที่มีความหมายต่างกัน ตั้งแต่ ๒ คำ ขึ้นไปมารวมกันเข้าเป็นคำ เดียวกลายเป็นคำ ใหม่ มีความหมายใหม่ แต่ยังมีเค้าความหมายเดิมอยู่ เช่น พ่อตา แม่ยาย คำ ซ้อน คือ คำ ที่เกิดจากการเอาคำ มูลที่มีความหมายเหมือนกัน หรือคล้ายคลึง หรือตรงกันข้าม เป็นประเภทเดียวกันตั้งแต่ ๒ คำ ขึ้นไปมาเรียงซ้อนกันเพื่อให้ความหมายชัดเจนขึ้น เช่น เสื่อสาด ใหญ่โต คำ ซ้ำ คือ คำ ที่เกิดจากการซ้ำ เสียงคำ เดียวกันตั้งแต่ ๒ หนขึ้นไป เพื่อทำ ให้เกิดคำ ใหม่ได้ความหมายใหม่ เช่น เด็กๆ เร็วๆ ใกล้ๆ ๓


คำ สมาส คำ สมาส เป็นวิธีสร้างคำ ในภาษาบาลีและสันสกฤต โดยนำ คำ ตั้งแต่ 2 คำ ขึ้นไปมาประกอบกันคล้ายคำ ประสม คำ สมาส มีลักษณะดังนี้ ๑. ต้องเป็นคำ ที่มาจากภาษาบาลี สันสกฤต ๒. พยางค์ สุดท้ายของคำ นำ หน้าประวิสรรชนีย์หรือตัว การันต์ไม่ได้ ๓. เรียงต้นศัพท์ไว้หลัง ศัพท์ประกอบไว้หน้าเมื่อแปล ความหมายให้แปลจากหลังไปหน้า ๔. ส่วนมากออกเสียงสระ ตรงพยางค์สุดท้ายของคำ หน้า ซึ่งจะมีคำ ยกเว้นไม่กี่คำ ๔


คำ สนธิ การสนธิ คือ การเชื่อมเสียงให้กลมกลืนกันตามหลักไวยากรณ์ บาลีสันสกฤต เป็นการเชื่อม อักษรให้ต่อเนื่องกันเพื่อตัดอักษร ให้น้อยลง ทำ ให้คำ พูดสละสลวย นำ ไปใช้ประโยชน์ในการแต่งคำ ประพันธ์ คำ สนธิ เกิดจากการเชื่อมคำ ในภาษาบาลีและสันสกฤตเท่านั้น ถ้าคำ ที่นำ มาเชื่อมกัน ไม่ใช่ภาษาบาลีสันสกฤตไม่ถือว่าเป็นสนธิ เช่น กระยาหาร มาจากคำ กระยา + อาหาร ไม่ใช่สนธิ เพราะ กระยาเป็นคำ ไทยและถึงแม้ว่าคำ ที่นำ มารวมกันแต่ไม่ได้เชื่อมกัน เป็นเพียงประสมคำ เท่านั้น ก็ไม่ถือว่าสนธิ ๕


คำ สนธิ คำ สนธิ มีลักษณะดังนี้ ๑.ต้องเป็นคำ ที่มาจากบาลี สันสกฤต ๒.มีการ เปลี่ยนแปลงระหว่างคำ ที่เชื่อม ๓.พยางค์ต้นของคำ หลังต้องขึ้นต้นด้วยสระ หรือ ตัว อ ๔. คำ แผลงคำ ที่สร้างขึ้นใช้ในภาษาไทยวิธีหนึ่ง โดยเปลี่ยนแปลง อักษรที่ประสม อยู่ในคำ เดิมให้ผิดไปจากเดิมด้วยวิธีตัดเติมหรือ เปลี่ยนรูป แต่ยังรักษาความหมายเดิม หรือเค้าความเดิมอยู่ ๖


เอกสารอ้างอิง https://www.trueplookpanya.com/learning /detail/34513 https://crutape.wordpress.com/สื่อการสอน/ ภาษาไทยม-๕/การสร้างคำ ในภาษาไทย/ ๗


จัดทำ โดย นายวรศักดิ์ สัมภาลี เลขที่ ๓ นายณัฐวุฒิ สุเพ็งคำ เลขที่ ๘ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๖


Click to View FlipBook Version