C16 New World
คริสริโตเฟอร์ โคลัมบัส คริสต์ศตวรรษที่ 16 อยู่ระหว่างปี ค.ศ. 1501 ถึง ค.ศ. 1600 ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 นี้ สเปนและโปรตุเกสได้มีการเดินเรือเพื่อออกไปสำ รวจสถานที่ต่างๆ หลังจากที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสได้ค้นพบโลกใหม่ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เป็นป็นักสำ รวจและนักเดินเรือชาวอิตาลี ซึ่งได้เดินทางบนเรือครบสี่ ครั้งทั่วทั้งมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งเป็นป็การเปิดปิทางให้ยุโรปได้สำ รวจอย่างกว้างขวางและ การก่อตั้งดินแดนอาณานิคมในทวีปอเมริกา การเดินทางของเขาซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก กษัตริย์แห่งสเปนที่นับถือนิกายคาทอลิก เป็นป็การติดต่อครั้งแรกของยุโรปกับหมู่เกาะ แคริบเบียน อเมริกากลาง และอเมริกาใต้
การสำ รวจทะเล ช่วงระยะเวลาในประวัติศาสตร์โลกที่เริ่มตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 ไปจนถึง คริสต์ศตวรรษที่ 17 ในช่วงเวลานั้นเป็นป็ช่วงที่ชาวยุโรปออกเดินทางไปสำ รวจ ทางทะเลในโลกที่กว้างออกไปจากตัวทวีปยุโรปเองโดยมีจุดประสงค์เพื่อหาคู่ ค้าขายใหม่ และโดยเฉพาะเพื่อการแสวงหาสินค้าเพื่อสนองความต้องการของ ตลาดตามต้องการ สินค้าที่เป็นป็ที่ต้องการกันมากในยุโรปในขณะนั้นคือทอง เงิน และ เครื่องเทศ
ความก้าวหน้า ยุคแห่งการสำ รวจประจวบกับช่วงที่ชาวยุโรปตะวันตกเริ่มใช้เข็มทิศในการกำ หนดและระบุ เส้นทาง การใช้วิธีการเดินเรือเดินทะเลแบบใหม่ การมีแผนที่ใหม่ และความก้าวหน้าทาง ดาราศาสตร์ ความก้าวหน้าเหล่านี้ช่วยในการแสวงหาเส้นทางการค้าขายใหม่ไปยังเอเชียโดย เลี่ยงอุปสรรคถ้าการใช้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของมหาอำ นาจที่เป็นป็ ปฏิปักปัษ์ สิ่งที่สำ คัญที่สุดที่วิวัฒนาการขึ้นสำ หรับการเดินทางทางทะเลคือเรือชนิดใหม่สองแบบที่ ออกแบบโดยโปรตุเกส--เรือคาร์แร็ค (Carrack) และ เรือคาราเวล (Caravel) ที่ วิวัฒนาการมาจากการออกแบบเรือในยุคกลางที่ใช้ในการเดินเรือในทะเลเหนือและทะเล เมดิเตอร์เรเนียน เรือสองชนิดนี้เป็นป็เรือสองชนิดแรกที่ให้ความปลอดภัยพอที่จะฝ่าฝ่คลื่นฝ่าฝ่ ลมในมหาสมุทรแอตแลนติกได้เมื่อเทียบกับเรือรุ่นก่อนหน้านั้นที่ใช้กันเฉพาะในบริเวณที่คลื่น ลมไม่รุนแรงเทียบเท่ากับการเดินทางกลางมหาสมุทร
ก่อนหน้าที่จะถึงยุคแห่งการสำ รวจก็ได้มีชาวยุโรปที่ได้ทำ การเดินทางโดยทางบกจาก ยุโรปไปยังเอเชียหลายครั้งในสมัยยุคกลางตอนปลาย ขณะที่การรุกรานของมองโกล ในยุโรปเป็นป็ ปัญปัหาต่อเสถียรภาพของความมั่นคงในยุโรปโดยการปล้นสดมและการ ทำ ลายต่าง ๆ แต่ในขณะเดียวกันความเป็นป็อันหนึ่งอันเดียวกันของรัฐมองโกลต่าง ๆ ในบริเวณส่วนใหญ่ของยูเรเชียเป็นป็การทำ ให้เกิดเส้นทางการค้าขายและการคมนาคม ที่ติดต่อกันตั้งแต่จากตะวันออกกลางไปจนถึงเมืองจีน ชาวยุโรปหลายกลุ่มก็ถือ โอกาสใช้เส้นทางเหล่านี้ในการเดินทางไปสำ รวจทางตะวันออก ผู้เดินทางเกือบทั้งหมดในช่วงแรกเป็นป็ชาวอิตาลีเพราะการค้าขายระหว่างยุโรปและ ตะวันออกกลางแทบทั้งหมดตกอยู่ในมือของพ่อค้าจากนครรัฐต่าง ๆ ในอิตาลี นอกจากนั้นการที่อิตาลีมีความสัมพันธ์ทางการค้าขายกับบริเวณลว้านก็ยิ่งเป็นป็การ ทำ ให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นและความสนใจทางด้านการค้าในดินแดนที่ไกลออกไป จากนั้น การสำ รวจนอกจากจะมีเหตุผลมาจากความต้องการทางการค้าแล้วก็ยังมี เหตุผลอื่น ๆ เช่นการสำ รวจของผู้นำ คริสเตียนเช่นเจ้าชายเฮนรีนักเดินเรือก็เริ่มนำ คณะสำ รวจเพื่อหวังที่จะหาผู้ที่จะหันมานับถือคริสต์ศาสนาเพิ่มขึ้น ฉะนั้นสาเหตุของ การออกทำ การสำ รวจจึงมีด้วยกันหลายประการ
จิโอวานนิ ดา เดล คาร์ปิเน นักเดินทางคนแรกในกลุ่มนี้ก็ได้แก่จิโอวานนิ ดา ปาน เดล คาร์ปิเปิน จากอุมเบ รียผู้เดินทางไปยังมองโกเลียระหว่างปี ค.ศ. 1241 ถึงปี ค.ศ. 1247 แต่นักเดิน ทางคนสำ คัญที่สุดและมีชื่อที่สุดก็เห็นจะเป็นป็มาร์โค โปโลผู้บันทึกการเดินทาง ของการสำ รวจไปทั่วเอเชียตั้งแต่ ค.ศ. 1271 จนถึง ค.ศ. 1295 และบรรยายว่า ได้มีโอกาสเข้าไปในราชสำ นักของราชวงศ์หยวนของกุบไล ข่าน การเดินทางของมาร์โค โปโลบันทึกในหนังสือชื่อ “บันทึกการเดินทาง” ซึ่งเป็นป็ หนังสือที่แพร่หลายและอ่านกันไปทั่วยุโรป ในปี ค.ศ. 1439 นิคโคโล เด คอนติ ก็พิมพ์บันทึกการเดินทางไปอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระหว่างปี ค.ศ. 1466 ถึงปี ค.ศ. 1472 พ่อค้าชาวรัสเซียอฟานาซิ นิคิติน ก็เดินทางไป อินเดียและเขียนบรรยายไว้ในหนังสือ “การเดินทางเลยไปจากสามทะเล”
การล่มสลายของจักรวรรดิมองโกล แต่การเดินทางเหล่านี้ก็มีได้มีผลทันที จักรวรรดิมองโกลล่มสลายอย่าง รวดเร็วเกือบทันทีที่ก่อตั้งเสร็จ ไม่นานหลังจากนั้นเส้นทางการเดินทางไปยัง ตะวันออกก็ทำ ได้ยากขึ้นและเสี่ยงต่ออันตรายมากขึ้น นอกจากนั้นกาฬโรค ระบาดในยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 14 ก็เป็นป็อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำ ให้การเดินทาง และการค้าต้องมาหยุดชะงักลง เส้นทางไปยังตะวันออกทางบกควบคุมโดยการค้าขายในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และจักรวรรดิอิสลามผู้ควบคุมทั้งการขนย้ายและการตั้งราคาสินค้า การขยาย อำ นาจของจักรวรรดิออตโตมันก็เป็นป็อีกสาเหตุหนึ่งที่จำ กัดการเดินทางค้าขาย ทางบกข้ามทวีปโดยชาวยุโรป
การเดินทางสำ รวจในระยะแรกนำ โดยโปรตุเกสภายใต้การนำ ของเจ้าชายเฮนรีนัก เดินเรือ การเดินเรือของชาวยุโรปก่อนหน้าการเดินทางของเจ้าชายเฮนรีส่วนใหญ่ จะเป็นป็การเดินทางเลียบฝั่งฝั่ทะเล ถ้าเดินทางไกลออกไปโดยไม่เห็นแผ่นดินก็จะเดินตามเส้นทางใช้กันมาแล้วที่ บรรยายอย่างละเอียดในแผนที่เดินเรือพอร์โทลาน แผนที่เดินเรือพอร์โทลานแสดง รายเอียดทางลักษณะทางภูมิศาสตร์ของแผ่นดินที่ทำ ให้นักเดินเรือสามารถบอก ถึงจุดที่เริ่มเดินทางได้ และเดินทางตามเข็มทิศและสามารถบอกได้ว่าเดินทางตรง ตามเส้นทางหรือหันเหจากเส้นทางจากโดยการเปรียบเทียบลักษณะทาง ภูมิศาสตร์ที่เห็นว่าเหมือนกับหรือต่างจากที่บรรยายไว้ในแผนที่ แต่วิธีนี้เป็นป็วิธีที่ค่อนข้างเสี่ยงต่อการผิดพลาด นักเดินเรือชาวยุโรปจึงพยายาม เดินชทางเลียบฝั่งฝั่ทะเลโดยตลอดและพยายามเลี่ยงการเดินเรือที่มองไม่เห็นฝั่งฝั่ ทะเลเป็นป็เวลานาน ๆ นอกจากนั้นการเดินทางไกลออกไปจากฝั่งฝั่ก็ยังเป็นป็การเสี่ยง ต่อตำ นานลึกลับต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับพรายทะเลสัตว์ทะเลต่าง ๆ หรือการตกขอบ โลกซึ่งก็เป็นป็เรื่องที่ทำ ให้นักเดินเรือสยองขวัญกันไปตาม ๆ กัน การเดินเรือของ เจ้าชายเฮนรีจึงเป็นป็การท้าทายความเชื่อต่าง ๆ ที่ว่านี้ ในปี ค.ศ. 1419 เจ้าชายเฮ นรีก็ทรงพบหมู่เกาะมาเดราในมหาสมุทรแอตแลนติก และในปี ค.ศ. 1427 อาโซเรช (Azores) โปรตุเกสยึดดินแดนทั้งสองที่พบเป็นป็อาณานิคม การพบหมู่เกาะมาเดรา
จุดมุ่งหมายหลักของเจ้าชายเฮนรีในการเดินทางครั้งนี้ก็เพื่อเป็นป็การสำ รวจ ฝั่งฝั่ทะเลทางด้านตะวันตกของแอฟริกา และเขียนแผนที่เดินเรือพอร์โทลาน นอกจากนั้นก็ยังมีเหตุผลข้างเคียงที่รวมทั้งเหตุผลทางการค้า และทาง ศาสนา เป็นป็เวลาหลายศตวรรษเส้นทางการค้าขายที่เชื่อมแอฟริกาตะวันตก กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นป็เส้นทางที่ต้องเดินผ่านทางด้านตะวันตกของ ทะเลทรายซาฮารา เส้นทางนี้เป็นป็เส้นทางการค้าขายทาสและทองที่ควบคุมโดยรัฐอิสลามใน แอฟริกาเหนือ ซึ่งเป็นป็ศัตรูสำ คัญของทั้งโปรตุเกสและสเปน พระมหากษัตริย์ โปรตุเกสจึงทรงหวังที่จะหาทางเลี่ยงการค้าขายที่ต้องผ่านรัฐอิสลามโดยการ ค้าโดยตรงกับแอฟริกาตะวันตกทางทะเล และรัฐเหล่านี้อาจจะกลายมาเป็นป็รัฐ คริสเตียนซึ่งทำ ให้เป็นป็พันธมิตรในการต่อต้านรัฐอิสลามในมาเกร็บ ในปี ค.ศ. 1434 นักสำ รวจชาวโปรตุเกส Gil Eanes ก็สามารถพิชิตอุปสรรคของแหลม โบฮาดอร์ (Cape Bojador) ได้ หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1455 พระสันตะปาปานิโคลัสที่ 5 ก็ทรง ออกพระบัญญัติ “โรมานัสพอนทิเฟ็กฟ็ซ์” (Romanus Pontifex) ที่ระบุว่า ประเทศใดที่พบที่ไกลไปจากแหลมโบฮาดอร์เป็นป็ของโปรตุเกส
ภายในยี่สิบปีกปีารสำ รวจของโปรตุเกสก็ทำ ให้สามารทำ การค้าขายทาสและ ทองได้โดยตรงกับคู่การค้าที่ปัจปัจุบันคือเซเนกัล และมีการสร้างป้อป้มการ ค้าขึ้นที่เอลมินา (Elmina) แหลมแวร์เด (Cape Verde) กลายเป็นป็ อาณานิคมผู้ผลิตน้ำ ตาลเป็นป็แห่งแรก ในปี ค.ศ. 1482 การสำ รวจภายใน การนำ ของ Diogo Cão ก็ทำ ให้เกิดการติดต่อกับราชอาณาจักรคองโกล จุดสำ คัญที่เป็นป็จุดที่เปลี่ยนแปลงเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อในปี ค.ศ. 1487 เมื่อบาร์โตโลมิว ดิอัซ (Bartolomeu Dias) เดินทางรอบแหลมกูดโฮพ และพบว่าเป็นป็ทางที่ใช้เดินทางติดต่อกับมหาสมุทรอินเดียได้จากด้าน มหาสมุทรแอตแลนติก การสำ รวจทางบกของ Pero da Covilha ทำ ให้ ได้ข้อมูลสำ คัญต่าง ๆ เกี่ยวกับทะเลแดงและฝั่งฝั่ทะเลเควเนีย ในปี ค.ศ. 1498 วาสโก ดา กามาเดินทางไปถึงอินเดีย 10.ขณะเดียวกันดิ โอโก ซิลเวสก็พบซานตามาเรีย ในปี ค.ศ. 1427 และในปีต่ปี ต่อ ๆ มา โปรตุเกสก็พบเกาะอื่นในหมู่เกาะอาโซเรช เกาะเทอร์เซรา (Terceira island) กลายมาเป็นป็ฐานทางการเดินเรือสำ หรับการสำ รวจใน เทอรราโน วา และนิวฟันฟัด์แลนด์ โดยพี่น้อง คาร์เท รีอาล (Corte Real) ราวปี ค.ศ. 1500 และจากปากคำ ของบิดาของ คาร์เท รีอาล กล่าวว่า โจเอา วาซ (João Vaz) เป็นป็ผู้พบทวีปอเมริกาในการเดินทางสำ รวจจครั้งหนึ่งก่อน หน้าโคลัมบัส
Thank you สมาชิก 1.นางสาวกวินตรา ประตูชัย เลขที่ 3 ม.5/4 2.นางสาวสุทัศสินี ภิญโญ เลขที่ 5 ม.5/4 3.นางสาวพฤกษา สนั่นไพร เลขที่ 10 ม.5/4 4.นางสาวกัญจน์ศร กุ้งมะเริง เลขที่ 30 ม.5/4 เสนอ คุณครูปิยะมาส พยัคฆเดช