43 16 15 25 13 2 17 15 27 13 2 รวม 167 270 120 30 X̅ 16.70 27.00 12.00 3.00 S.D. 2.50 1.50 2.63 74.20 จากตารางที่4.4 พบว่า การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังใช้การจัดการ 27เรียนการสอนรูปแบบ CIPPA MODEL เรื่อง ธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ของนักเรียนระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1/2 จากการทดสอบก่อนเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 16.70 (S.D. = 2.50) และหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 27.00 (S.D. = 1.50) ตารางที่4.5 ความแตกต่างค่าเฉลี่ยระหว่างคะแนนทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน และหลังใช้การจัดการเรียนการสอนรูปแบบ CIPPA MODEL เรื่อง ธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1/2 ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน จ านวน นักเรียน N รวมคะแนน เต็ม 30 ค่าเฉลี่ย X̅ ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน (S.D.) t-test ทดสอบก่อน เรียน 17 167 16.70 2.50 3.16* ทดสอบหลัง เรียน 17 270 27.00 1.50 * ความแตกต่างอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตาราง 4.5 พบว่า ค่าเฉลี่ยและค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน แสดงถึงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนและหลังใช้การจัดการเรียนการสอนรูปแบบ CIPPA MODEL เรื่อง ธุรกิจในอุตสาหกรรม ท่องเที่ยว มีคะแนนสูงขึ้น และจากการทดสอบด้วยค่า (t-test) แสดงว่า คะแนนการทดสอบก่อนเรียน ของนักเรียนเท่ากับ 16.70 คะแนนและคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนของนักเรียนเท่ากับ 27.00คะแนน ซึ่ง แตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
44 ตอนที่ 3 ผลการวิเคราะห์แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนระดับประกาศนียบัตร วิชาชีพ ชั้นปีที่ 1/2 ที่มีต่อการเรียนวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยใช้การจัดการเรียนการสอนรูปแบบ CIPPA MODEL เรื่อง ธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
45 ตารางที่4.6 แสดงผลการวิเคราะห์แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนระดับประกาศนียบัตร วิชาชีพ ชั้นปีที่ 1/2 ที่มีต่อการเรียนวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยใช้การจัดการเรียนการสอนรูปแบบ CIPPA MODEL เรื่อง ธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รายการ ระดับความพึงพอใจ แปลผล S.D. 1. เนื้อหาบทเรียน 1.1 ค าแนะน าการใช้และแจ้งข้อมูลพื้นฐานชอง บทเรียนเหมาะสม 4.5 0.68 ปานกลาง 1.2 เนื้อหาสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 4.17 0.66 มาก 1.3 เนื้อหามีความถูกต้องชัดเจนตามสาระวิชา 4.25 0.66 มาก 1.4 เนื้อหาเหมาะสมกับผู้เรียน 4.25 0.65 มาก 1.5 การใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสม สื่อความหมายได้ ชัดเจน 3.75 0.65 มาก รายการ ระดับความพึงพอใจ แปลผล S.D. 1.9 ภาพ และวีดีทัศน์ชัดเจน สอดคล้องกับเนื้อหา 4.08 0.63 มาก รวม 4.09 0.65 มาก 2. แบบทดสอบ 2.1 ความสอดคล้องของค าถามกับจุดประสงค์ 4.17 0.63 มาก 2.2 ความชัดเจนของค าถาม 4.08 0.6 มาก 2.3 ความเหมาะสมของจ านวนแบบทดสอบ 4 0.58 มาก 2.4 การแสดงผลการท าแบบทดสอบ 4.17 0.72 มาก รวม 4.10 0.63 มาก รวม 4.10 0.65 มาก จากตาราง 4.6 พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1/2 ที่มีต่อ การเรียนวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยใช้การจัดการเรียนการสอนรูปแบบ CIPPA MODEL เรื่อง ธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ผลการวิเคราะห์โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( X = 4.10, S.D. = 0.65)
46 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านแบบทดสอบที่มีค่าเฉลี่ย อยู่ในระดับมาก ( X = 4.09, S.D. = 0.65) รองลงมา คือ ด้านเนื้อหาบทเรียน อยู่ในระดับมาก ( X = 4.10, S.D. = 0.63)
47 บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การจัดการเรียนรู้รูปแบบ CIPPA MODEL เรื่อง ธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบริการ ของนักเรียนระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1/2 สาขาวิชาการโรงแรม วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี ผู้ศึกษา สามารถสรุปผลการศึกษาได้ ดังนี้ 5.1 สรุปผลการศึกษา 5.2 อภิปรายผลการศึกษา 5.3 ข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปผลการศึกษา 5.1.1. ประสิทธิภาพของพัฒนาการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ CIPPA MODEL เรื่อง ธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1/2 สาขาวิชาการ โรงแรม วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรีพบว่า มีประสิทธิภาพ 75.16/78.24 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่า เกณฑ์ที่ก าหนดไว้ คือ E1/E2 เท่ากับ 75/75 5.1.2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ CIPPA MODEL เรื่อง ธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1/2 สาขาวิชาการ โรงแรม วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี จากการทดสอบที (T-test) แสดงว่า หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ 5.1.3. ความพึงพอใจของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1/2 ที่มีต่อการเรียน วิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยใช้การจัดการเรียนการสอนรูปแบบ CIPPA MODEL เรื่อง ธุรกิจใน อุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยมีค่าเฉลี่ยในระดับมาก 5.2 อภิปรายผลการศึกษา ผลของการจัดการเรียนรู้รูปแบบ CIPPA MODEL เรื่อง ธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบริการ สามารถอภิปรายผลได้ดังนี้ 5.2.1 ประสิทธิภาพของการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ CIPPA MODEL เรื่อง ธุรกิจใน อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1/2 สาขาวิชาการโรงแรม
48 วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรีพบว่า มีประสิทธิภาพ 75.16/78.24 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่ ก าหนดไว้ คือ E1/E2 เท่ากับ 75/75 ทั้งนี้เนื่องมาจากการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ CIPPA MODEL เรื่อง ธุรกิจใน อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1/2 สาขาวิชาการโรงแรม วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรีมีประสิทธิภาพ 75.16/78.24 ผู้ศึกษาได้ศึกษาเนื้อหา วิเคราะห์หลักสูตร อีกทั้งวางแผนขั้นตอนการเขียนเนื้อหาบทเรียน แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยการปรับปรุงตาม ค าแนะน าของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้นักเรียนเรียนรู้ตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ จึงท าให้ผลสัมฤทธิ์ของ นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ CIPPA MODEL เรื่อง ธุรกิจในอุตสาหกรรม ท่องเที่ยว ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1/2 สาขาวิชาการโรงแรม วิทยาลัย อาชีวศึกษาชลบุรีหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลเหมาะสมท าให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับ จันทิมา เย็น ทรัพย์ ได้ท าการพัฒนาชุดการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านเชิงวิเคราะห์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ด้วย กระบวนการเรียนรู้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) ส าหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ผลวิจัย พบว่า 1. ประสิทธิภาพของ ชุดการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านเชิงวิเคราะห์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ด้วยกระบวนการเรียนรู้รูปแบบซิปปา ส าหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เท่ากับ 84.76/81.10 ซึ่งผ่านเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ คือ 80/80 5.2.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ CIPPA MODEL เรื่อง ธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1/2 สาขาวิชาการ โรงแรม วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี จากการทดสอบที (T-test) แสดงว่า หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ แสดงให้เห็นว่า นักเรียนมี ความสามารถในการจัดดอกไม้รูปแบบต่างๆ ตามหลักสากลสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับ กัลยา พันปี (2551) ได้กล่าวว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนกลุ่มทดลองจัดการเรียนรู้ รูปแบบซิปปากับกลุ่มที่จัดการเรียนรู้รูปแบบวัฏจักรการเรียนรู้ แตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ ระดับ 0.05 โดยกลุ่มที่จัดการเรียนรู้รูปแบบซิปปามีคะแนนเฉลี่ยของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่า กลุ่มที่จัดการเรียนรู้รูปแบบวัฏจักรการเรียนรู้ สอดคล้องกับ พิกุล ตระกูลสม (2552) ได้ท าการวิจัย ปฏิบัติการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องโลกและการ เปลี่ยนแปลงโดย รูปแบบซิปปา (CIPPA MODEL ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียน ที โอ เอ วิทยา (เทศบาล 1 วัดค าสายทอง) อ าเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ผลการวิจัยพบว่า 1. กิจกรรมการเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตร์โดยใช้รูปแบบซิปปา ประกอบด้วยกระบวนการเรียนรู้ 7 ขั้น คือ (1) ขั้นการทบทวน ความรู้เดิม (2) ขั้นการแสวงหาความรู้ใหม่ (3) ขั้นการศึกษาท าความเข้าใจข้อมูล / ความรู้ใหม่ (4) ขั้น แลกเปลี่ยนความรู้ (5) ขั้นการสรุปและจัดระเบียบความรู้ (6) ขั้นการแสดงผลงาน (7) ขั้นการ
49 ประยุกต์ใช้ความรู้ 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบซิปปา ในวิชา วิทยาศาสตร์ เรื่อง โลกและการเปลี่ยนแปลง มีคะแนนสัมฤทธิ์คิดเป็นร้อยละ 82.84 สูงกว่าเกณฑ์ที่ ก าหนดไว้ ร้อยละ 75 และจ านวนนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 95.83 สูงกว่าเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ ร้อย ละ 75 5.2.3 ความพึงพอใจของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1/2 ที่มีต่อการเรียน วิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยใช้การจัดการเรียนการสอนรูปแบบ CIPPA MODEL เรื่อง ธุรกิจใน อุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยมีค่าเฉลี่ยในระดับมาก ( X = 4.10, S.D. = 0.65) เมื่อพิจารณาเป็นราย ด้าน พบว่า ด้านแบบทดสอบที่มีค่าเฉลี่ย อยู่ในระดับมาก ( X = 4.09, S.D. = 0.65) รองลงมา คือ ด้านเนื้อหาบทเรียน อยู่ในระดับมาก ( X = 4.10, S.D. = 0.63) ซึ่งสอดคล้องกับ จันทิมา เย็นทรัพย์ ที่ได้ท าการพัฒนาชุดการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านเชิงวิเคราะห์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ด้วย กระบวนการเรียนรู้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) ส าหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ผลวิจัย พบว่า ระดับความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อชุดการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านเชิง วิเคราะห์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ด้วยกระบวนการเรียนรู้รูปแบบซิปปา โดยรวมมีความพึง พอใจอยู่ในระดับมากที่สุด สอดคล้องกับ รัถยา ศรีอิ่นแก้ว (2554) ได้กล่าวว่า การจัดกิจรรมการ เรียนรู้แบบซิปปาในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ส าหรับนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า เจตคติทางการเรียนของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมหลังเรียนแตกต่างกัน อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 5.3 ข้อเสนอแนะ 5.3.1 ข้อเสนอแนะในการน าไปใช้ ครูสามารถประยุกต์ใช้การจัดการเรียนการสอนรูปแบบ CIPPA MODEL รายวิชาอื่นๆ ได้ 5.3.2 ข้อเสนอแนะเพื่อศึกษาครั้งต่อไป 5.3.2.1 ควรท าการศึกษาเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ CIPPA MODEL ในเนื้อหาอื่นๆ ด้วย 5.3.2.2 ควรท าการศึกษาเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ CIPPA MODEL ในรูปแบบอื่น ๆ หรือเปรียบเทียบกับการสอนในเรื่องอื่นๆ เพื่อหาประสิทธิภาพในการแก้ไข ข้อบกพร่อง ให้กับนักเรียนอย่างเหมาะสมกับเนื้อหา
50 บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551. [ออนไลน์]. เข้าถึง ได้จาก: http : //www.math.ipst.ac.th/wp-content/uploads/2015/PDF กฤษดา บุญหมื่น. (2555). ประโยชน์ของแผนการจัดการเรียนรู้. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://blogspot.com/2012/06/blog-post_9489.html มหาสารคาม. 9(2), 8 – 19 (เมษายน – มิถุนายน). ชูศรี วงศ์รัตนะ. (2552). เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย ฉบับปรับปรุง. พิมพ์ครั้งที่ 11. กรุงเทพฯ : ไทเนรมิตกิจ อินเตอร์ โปรเกรสซิฟ. คารม. (2552). การวิจัยแบบกึ่งทดลอง [ออนไลน์]. เข้าถึงได้ : http: //bloggang.com/viewdiary. เทพพนม เมืองแมน และสวิง สุวรรณ. (2546). พฤติกรรมองค์การ. พิมพ์ครั้งที่ 2. ไทยวัฒนาพานิช, กรุงเทพฯ. บุญชม ศรีสะอาด.(2553). วิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น. บูรชัย ศิริมหาสาคร. (2550). จัดการความรูสูความเปนเลิศ. กรุงเทพฯ:แสงดาว. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.(2553). ชนิดของการท าแผนการจัดการเรียนรู้ และ รูปแบบของ แผนการจัดการเรียนรู้ [ออนไลน์]. เข้าถึงได้: https://wassanakasrimathematics.wordpress.com พิชิต ฤทธิ์จรูญ. (2550). หลักการวัดและประเมินผลการศึกษา พิมพ์ครั้งที่ 4 กรุงเทพฯ : เฮ้าส์ ออฟ เคอร์มีสท์ ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. (2553). เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่ 11). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น. วัฒนาพร ระงับทุกข์. (2550). การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ. กรุงเทพมหานคร: ต้นอ้อ. วรุฬ พรรณเทวี, (2552). ความหมายความพึงพอใจ [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://maitree3.blogspot.com/2011/03/blog-post.html วาโร เพ็งสวัสดิ์.(2551). วิธีวิทยาการวิจัย.กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น. ศิริชัย กาญจนวาสี. (2555). การเลือกใช้สถิติที่เหมาะสมส าหรับการวิจัย. พิมพ์ครั้งที่ 6.กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
51 ศิริพงษ์ จรัสโรจนกุล. (2555). ศึกษาความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียนทีมีต่อการจัดการศึกษา ของโรงเรียนเซนต์หลุยส์.งานวิจัย ฝ่ายผู้อ านวยการ โรงเรียนเซนต์หลุยส์ฉะเชิงเทรา. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.sl.ac.th/html_edu/sl/temp_emp_research/871.pdf. บรรณานุกรม (ต่อ) สุวิทย์ มูลค า และอรทัย มูลค า. (2553). วิธีการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนากระบวนการคิด เล่ม 3. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์ สมโภชน์ อเนกสุข. (2553). วิธีการทางสถิติส าหรับการวิจัย. พิมพ์ครั้งที่ 4. ชลบุรี: คณะ ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา. ส าลี รักสุทธี. (2553). การจัดท าสื่อนวัตกรรมและแผนประกอบสื่อนวัตกรรม. นนทบุรี : เพิ่มทรัพย์ การพิมพ. สราวุธ สุธีรวงศ์. (2554). ผลการเรียนอีเลิร์นนิงแบบสืบเสาะหาความรู้ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนและความสามารถในการสืบค้นวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีความสามารถด้านไอซีทีต่างกัน วิชาการศึกษาหลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตร มหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2555). รูปแบบการสอนแบบ แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 5Es. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้: https://sites.google.com. ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2559). นโยบายส านักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐานปีงบประมาณ พ.ศ.2559. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้ จาก http://www.petburi.go.th/web/index.php?option=com_content&view=articl e&id=550:--2559&catid=37:2012-11-08-09-01-22 อาภรณ์ ใจเที่ยง, (2553). หลักการสอน (ฉบับปรุง). พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์. Good,C.V. (1973). Cictionary of Education. New York : McGraw-Hill. Likert, Rensis A. (1961). New Patterns of Management. New York: McGraw-Hill Book Company Inc.