ก
นางสาวสุพรรษา ทองเปลว
ต าแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูช านาญการพิเศษ
โรงเรียนซับนกแก้ววิทยา
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ก
ค าน า
หนังสืออเล็กทรอนิกส์ (E-book) รายวิชานาฏศิลป์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ชั้นมัธยมศึกษา
ิ
่
ปีที่ 4 เล่มที่ 4 ความงามและคุณคานาฏศิลป์ไทยเล่มนี้ จัดท าขึ้นเพอใช้ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียน
ื่
การสอน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยมุ่งให้นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องของการละครไทยสมัยต่าง ๆ
บุคคลส าคัญในวงการนาฏศิลป์ องค์ประกอบของการแสดนาฏศิลป์ไทย ร าแม่บทเล็ก ฟอนมาลัย ความ
้
งามและคุณค่าของนาฏศิลป์ไทย ประโยชน์ของการเรียนนาฏศิลป์ การวิจารณ์และการประเมินการ
แสดง ประวัติละครตะวันตก ละครสร้างสรรค์ และการเขียนบทละครสั้น เนื้อหาและกิจกรรมที่ปรากฏ
ิ
ในหนังสืออเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เล่มนี้ มีความยากง่าย ตามระดับความสามารถของผู้เรียนและ
ั
สอดคล้องกับเนื้อหาในหลักสูตร กิจกรรมย่อยต่าง ๆ จะช่วยส่งเสริมให้นักเรียนได้พฒนาทักษะการเรียน
นาฏศิลป์ของตนเองอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ผู้จัดท าขอขอบคุณนายวิชิต ลือพช ผู้อานวยการโรงเรียน และคณะครูโรงเรียนซับนกแก้ววิทยา
ื
ี
ั
อกทั้งนักเรียนทุกคนที่เป็นแรงบันดาลใจในการพฒนาการเรียนการสอนและผู้สนับสนุนทุกท่านที่ช่วย
ั
ิ
ในการพฒนาหนังสืออเล็กทรอนิกส์ (E-book) รายวิชานาฏศิลป์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่มที่ 4 ความงามและคุณค่านาฏศิลป์ไทยเล่มนี้ จนส าเร็จได้ด้วยดี
สุพรรษา ทองเปลว
ข
สารบัญ
เรื่อง หน้า
ค าน า................................................................................................................................. ก
สารบัญ............................................................................................................................. ข
สาระส าคัญ...................................................................................................................... ค
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด............................................................................................................. ค
จุดประสงค์การเรียนรู้....................................................................................................... ง
สาระการเรียนรู้................................................................................................................ ง
เล่มที่ 4 ความงามและคุณค่านาฏศิลป์ไทย
แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง ความงามและคุณค่านาฏศิลป์ไทย........................................ 1
ใบความรู้ที่ 4.1 เรื่อง ความงามและคุณค่าของนาฏศิลป์และการละครของไทย.............. 5
ใบงานที่ 4.1 เรื่อง ความงามและคุณค่าของนาฏศิลป์และการละครของไทย................... 9
ใบงานที่ 4.2 เรื่อง ความงามและคุณค่าของนาฏศิลป์และการละครของไทย………………. 11
ใบความรู้ที่ 4.2 เรื่อง ประโยชน์ของการเรียนนาฏศิลป์................................................... 13
ใบงานที่ 4.3 เรื่อง ประโยชน์ของการเรียนนาฏศิลป์........................................................ 17
ใบความรู้ที่ 4.3 เรื่อง หลักในการชมการแสดงนาฏศิลป์และละคร................................... 19
ใบงานที่ 4.4 เรื่อง หลักในการชมการแสดงนาฏศิลป์และละคร....................................... 21
ใบความรู้ที่ 4.4 เรื่อง การวิจารณ์และการประเมินการแสดง........................................... 23
ใบงานที่ 4.5 เรื่อง การวิจารณ์และการประเมินการแสดง............................................... 26
ใบงานที่ 4.6 เรื่อง การวิจารณ์และการประเมินการแสดง................................................ 28
แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง ความงามและคุณค่านาฏศิลป์ไทย....................................... 30
บรรณานุกรม…………………………………………………………………….……………………………………… 34
ค
สาระส าคัญ
นาฏศิลป์และการละครไทย นอกจากลีลาท่าร าที่สวยงามแล้ว ยังมีความงามและคุณค่าด้านต่าง ๆ
ซึ่งถือว่าเป็นองค์ประกอบส าคัญที่ใช้ในการแสดง เป็นการแสดงที่มีคณค่าต่อชาติและสังคม
ุ
การเรียนนาฏศิลป์ท าให้เกิดประโยชน์มากมาย อาทิ ท าให้เป็นคนรื่นเริงแจ่มใส มีความสามัคคี
ในหมู่คณะ สามารถยึดเป็นอาชีพได้ ท าให้รู้จักดนตรีและเพลงต่าง ๆ ท าให้เกิดความจ าและปฏิภาณดี
ช่วยให้เป็นคนที่มีบุคลิกท่าทางเคลื่อนไหวสง่างาม ช่วยในการออกก าลังกายได้เป็นอย่างดี และได้รับความรู้
นาฏศิลป์จนเกิดความช านาญ สามารถปฏิบัติได้ดีมีชื่อเสียง เป็นต้น
หลักการวิจารณ์การแสดงนาฏศิลป์ ผู้วิจารณ์นาฏศิลป์และละครต้องมีความรู้เรื่ององค์ประกอบ
ของนาฏศิลป์ทั้งทางด้านผู้แสดง บทร้องและท านองเพลง การประดิษฐ์ท่าร า และองค์ประกอบอื่นๆ
ในการแสดงด้านอื่นๆ ด้วยท่าร า และองค์ประกอบอื่นๆ ในการแสดงด้านอื่นๆ ด้วย
การวิจารณ์ผลงานนาฏศิลป์ ผู้วิจารณ์จ าเป็นต้องมีความรู้ในศิลปะสาขาที่วิจารณ์ มีประสบการณ์
เกี่ยวกับศิลปะ และมีความสามารถในการสื่อสารเป็นอย่างดี จึงจะส่งผลให้การวิจารณ์ผลงานนาฏศิลป์
ออกมาตรงวัตถุประสงค์และมีคุณค่า
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด
ี่
สาระท 3 นาฏศิลป์
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ศ 3.1 เข้าใจ และแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์วิพากษ วิจารณ์
์
คุณค่านาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ าวัน
ตัวชี้วัด ศ 3.1 ม.4-6/4 วิจารณ์การแสดงตามหลักนาฏศิลป์ และการละคร
ศ 3.1 ม.4-6/5 วิเคราะห์แก่นของการแสดงนาฏศิลป์และการละครที่ต้องการ
สื่อความหมาย ในการแสดง
ศ 3.1 ม.4-6/6 บรรยาย และวิเคราะห์ อิทธิพลของเครื่องแต่งกาย แสง สี เสียง ฉาก
อุปกรณ์ และสถานที่ที่มีผลต่อการแสดง
ศ 3.1 ม.4-6/7 พัฒนาและใช้เกณฑการประเมินในการประเมินการแสดง
์
ง
จุดประสงค์การเรียนรู้
ด้านความรู้ (K)
1. นักเรียนสามารถอธิบายและสรุปองค์ความรู้เกี่ยวกับความงามและคุณค่าของนาฏศิลป์
และการละครของไทยได้
2. นักเรียนสามารถอธิบายและสรุปความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของการเรียนนาฏศิลป์ได้
3. อธิบายหลักในการชมการแสดงนาฏศิลป์และละครได้
4. นักเรียนสามารถวิเคราะห์ วิจารณ์การแสดงนาฏศิลป์และการละครได้
ด้านทักษะกระบวนการ (P)
ใช้ทักษะกระบวนการกลุ่ม
ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมั่นในการท างาน
สาระการเรียนรู้
1. ความงามและคุณค่าของนาฏศิลป์และการละครของไทย
2. ประโยชน์ของการเรียนนาฏศิลป์
3. หลักในการชมการแสดงนาฏศิลป์และละคร
4. การวิจารณ์และการประเมินการแสดง
1
แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ความงามและคุณค่านาฏศิลป์ไทย
ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกค าตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงค าตอบเดียวแล้วท าเครื่องหมายกากบาท ()
ลงในกระดาษค าตอบ ข้อสอบจ านวน 10 ข้อ ใช้เวลา 10 นาที (10 คะแนน)
1. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้อง
ก. ผู้วิจารณ์ต้องสามารถพูดหรือเขียนในสิ่งที่รับรู้ด้วยการฟัง ดู รู้สึก รวมทั้งการรับรู้คุณสมบัติ
ต่าง ๆ ของการแสดงได้
ข. ผู้วิจารณ์ต้องรู้จักการวิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆ ในผลงานการแสดงนาฏศิลป์ของไทย
ค. ผู้วิจารณ์ต้องใช้ความคิดเห็นส่วนตัวประกอบกับความรู้ หลักเกณฑ์ต่าง ๆ ในการตีความ
และประเมินผลในการวิจารณ์
ง. ถูกทุกขอ
้
ู
2. ข้อใดกล่าวไม่ถกต้อง
ก. การวิจารณ์ผลงานนาฏศิลป์ ผู้วิจารณ์จ าเป็นต้องมีความรู้ในศิลปะสาขาที่วิจารณ์
ข. การวิจารณ์ผลงานนาฏศิลป์ ผู้วิจารณ์จ าเป็นต้องมีประสบการณ์เกี่ยวกับศิลปะ
ค. การวิจารณ์ผลงานนาฏศิลป์ ผู้วิจารณ์จ าเป็นต้องมีความสามารถในการสื่อสารเป็นอย่างดี
ง. การวิจารณ์ผลงานนาฏศิลป์ ผู้วิจารณ์จ าเป็นต้องจบสาขาวิชานั้น ๆ
3. อริสโตเติล ได้กล่าวถึงคณธรรมที่มนุษย์พึงปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วยกันไว้กี่ประการ
ุ
ก. 4 ประการ
ข. 5 ประการ
ค. 6 ประการ
ง. 7 ประการ
4. บทพูดร้องที่ดี จะต้องเป็นอย่างไร
ก. เหมาะสมกับลักษณะของผู้แสดงแต่ละคราว
ข. ปรับปรุงไปตามความเหมาะสมกับเวลาและโอกาส
ค. เหมาะสมกับลักษณะของการละครและนิสัยของตัวละคร
ง. เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพและเหตุการณ์ของบ้านเมือง
2
5. ในวรรณกรรมมีตัวละครกประเภท
ี่
ก. 3 ประเภท
ข. 4 ประเภท
ค. 5 ประเภท
ง. 6 ประเภท
์
6. ข้อใดไม่ใช่ระดับของยักษในละคร
ก. ยักษ์ใหญ่
ข. ยักษ์เล็ก
ค. ยักษ์ในเมือง
ง. ยักษ์ต่างเมือง
7. ในการแสดงโขนเรื่อง รามเกียรติ์ แบ่งลีลาลักษณะของลิงออกเป็นกี่ลักษณะ
ก. 2 ลักษณะ
ข. 3 ลักษณะ
ค. 4 ลักษณะ
ง. 5 ลักษณะ
ุ
8. ข้อใดกล่าวถึงคณค่าด้านความเพลิดเพลินและความสุนทรีย์ของนาฏศิลป์และการละครของไทยได้ถูกต้อง
ก. เป็นศิลปะที่มความอ่อนช้อยงดงาม มีการน าวรรณคดีไทยต่าง ๆ มาถายทอดเป็นท่าร่ายร า
ี
่
ท าให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน
ข. การแสดงนาฏศิลป์และละครไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับความเชื่อต่าง ๆ จนเกิดการแสดงแก้บน
เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์พึงพอใจ
ค. การแสดงนาฏศิลป์และละครไทยเป็นเอกลักษณ์และมรดกของชาติที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์
สืบทอดและเผยแพร่ เพื่อมิให้สูญหายไป
ง. น าการแสดงนาฏศิลป์และละครไทยมาแสดงต้อนรับแขกบ้านแขกเมองให้ผู้มาเยือนมีความสุข
ื
ประทับใจที่ได้มาเยือน
9. ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ในการเรียนนาฏศิลป์
ก. ท าให้เป็นคนรื่นเริงแจ่มใส
ข. ท าให้ได้รับการยอมรับจากบุคคลต่างถิ่น
ค. ท าให้เกิดความจ าและปฏิภาณดี
ง. ช่วยให้เป็นคนที่มีบุคลิกท่าทางเคลื่อนไหวสง่างาม
3
10. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับหลักในการชมการแสดงนาฏศิลป์และละคร
ก. มีความเข้าใจเกี่ยวกับภาษาหรือค าร้องของเพลงต่างๆ
ข. มีความเข้าใจเกี่ยวกับดนตรีและเพลงต่างๆ
ค. ควรมีมารยาทในการชมการแสดง
้
ง. ถูกทุกขอ
4
กระดาษค าตอบแบบทดสอบก่อนเรียน
เล่มที่ 4 ความงามและคุณค่านาฏศิลป์ไทย
ชื่อ...................................................เลขที่.............ชั้น...................
แบบทดสอบก่อนเรียน
ค าตอบ
ข้อ ก ข ค ง คะแนน
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
คะแนนเต็ม 10 คะแนน
คะแนนที่ได้
ผ่าน หมายถึง ได้คะแนน 8 คะแนน ขึ้นไป
ไม่ผ่าน หมายถึง ได้คะแนนต่ ากว่า 8 คะแนน
5
ใบความรู้ที่ 4.1
เรื่อง ความงามและคุณค่าของนาฏศิลป์และการละครของไทย
ความงามและคุณค่า
1. ด้านบทละคร
คือการที่กวีได้มีคุณค่าทางอารมณ์การใช้ถ้อยค า ส านวนที่ไพเราะ หรือเน้นความในเนื้อหา
มีการใช้ภาษาทไพเราะ สามารถตีบทได้ไม่ซ้ าซาก
ี่
2. ด้านตัวละคร
คือการที่ผู้แสดงมีบุคลิกลักษณะสมกับตัวละคร มีฝีมือในการร าเป็นเลิศถูกต้องตามแบบแผน
ของการแสดงละครร าในแต่ละประเภท
3. ด้านลีลาท่าร า
คือการที่ตังละครแสดงได้สมบทบาท มีลีลาท่าร าที่ถูกต้องตามแบบแผนตีบทตรงตาม
ความหมายของบทร้องประดิษฐ์ท่าร าไดอย่างสร้างสรรค์
้
4. ด้านดนตรีและการขับร้อง
ผู้ขับร้องต้องมีเสียงดี ขับร้องได้อย่างชัดเจนใส่อารมณ์ตามบทบาทของตัวละคร การบรรเลง
ดนตรีต้องผสานกลมกลืนกับการขับร้องและการร่ายร า และมีความเหมาะสมกับการแสดงละครร าแต่ละ
ชนิด
5. ด้านทัศนองค์ประกอบอื่น ๆ
เป็นความงามและคุณค่าที่เกี่ยวข้องกับศิลปะสาขาจิตรกรรม ได้แก่ การวาดภาพฉาก การ
แต่งหน้าและเครื่องแต่งกาย ส าหรับละครไทยมีความวิจิตรงดงามมากโดย เครื่องแต่งกาย พระ-นาง ที่
เรียกว่าเครื่องแต่งกายยืนเครื่อง นอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงความสวยงามของลวดลายแล้วยังแสดงให้
เห็นถึงความประณีต และความละเอียดออนอีกด้วย
่
6
ความงามและคุณค่าของนาฏศิลป์และการละครของไทย
นาฏศิลป์และการละครไทยนอกจากลีลาท่าร าที่สวยงามแล้ว ยังมีความงามและคณค่าด้าน
ุ
ต่าง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นองค์ประกอบส าคัญที่ใช้ในการแสดงดังนี้
ความงามของนาฏศิลป์และการละครของไทย
1.1 ตัวละคร
ในวรรณกรรมมีตัวละคร 4 ประเภท ดังนี้
ประเภทที่ 1 ในการแสดงเรียกว่า ตัวนายโรง หรือตัวพระเอก เรียกสั้นๆว่า ตัวพระ
หมายถึง ผู้แสดงจะเป็นหญิงหรือชายก็ได้ และต้องแสดงบทบาทลีลาท่าร าเป็น ผู้ชาย
ประเภทที่ 2 ในการแสดงเรียกว่า ตัวนาง หมายถึง ผู้แสดงจะเป็นหญิงหรือชายก็ได้
และต้องแสดงบทบาทลีลาท่าร าเป็น ผู้หญิง
ประเภทที่ 3 ในการแสดงเรียกว่า ตัวยักษ์ หมายถึง ผู้แสดงเป็นตัวยักษ มักใช้ผู้ชายที่
์
รูปร่างใหญ่แสดง
ประเภทที่ 4 ในการแสดงเรียกว่า ตัวลิง หมายถึง ผู้แสดงเป็นตัวลิง มักใช้ผู้ชายที่รูปร่าง
เล็กแสดง
ี
ตัวละครทั้ง 4 ประเภทมีลักษณะลีลาท่าร า ท่าเต้น แตกต่างกัน และมความงดงามตาม
รูปแบบของละคร ดังนี้
ตัวพระ แบ่งตามลักษณะเพศของผู้แสดงได้ 2 แบบ ดังนี้
1. แบบตัวพระแท้ ใช้ผู้ชายจริงแสดง ใช้ในการแสดงโขนและละครประเภทจ่าง ๆ
ยกเว้นละครใน
2. แบบตัวพระในละครใน ใช้ผู้หญิงแสดงเป็นตัวพระ โดยแสดงบทบาทลีลาท่าร าเป็น
ผู้ชาย
ตัวนาง แบ่งตามลักษณะท่าร าเป็น 2 แบบ ดังนี้
่
1. นางกษัตริย์ มีลักษณะท่าร าที่ออนช้อย งดงาม นิ่มนวล อ่อนโยน เช่น นางสีดา
นางบุษบา
2. นางตลาด มีลักษณะท่าร าที่กระฉับกระเฉง ว่องไว เช่น นางแก้วหน้าม้า นางวัลลา
์
ตัวยักษ์ ลักษณะลีลาท่าร าของตัวยักษ์แบ่งแยกตามอารมณ เช่น โกรธ เจ้าชู้ ขึงขัง เป็น
นักรบองอาจและแบ่งระดับของยักษ์ในละครเป็น 3 ระดับ ดังนี้
1. ยักษ์ใหญ่ เช่น ทศกัณฐ์ สหัสเดชะ
2. ยักษ์เล็ก เช่น อินทรชิต รามสูร
3. ยักษ์ต่างเมือง เช่น ไมยราพ มังกรกัณฐ์
7
4. การแบ่งระดับของยักษ์มีไว้เพื่อการคัดเลือกตัวผู้แสดงให้เหมาะสม รวมถึงการใช้
ลีลาท่าร าให้เหมาะสมกับลักษณะของยักษ์แต่ละตัว
ตัวลิง ในการแสดงโขนเรื่อง รามเกียรติ์ แบ่งลีลาลักษณะของลิงออกเป็น 3 ลักษณะ ดังนี้
1. ลิงยอด มีลักษณะการร่ายร าเชื่องช้าแต่สง่างาม เช่น พาลี สุครีพ
2. ลิงโล้น มีลักษณะการร่ายร าที่คล่องแคล่ว ว่องไว องอาจ เช่น หนุมาน นิลพัท
3. ลิงเล็ก หรือลิงป่า มีลักษณะการร่ายร ารวดเร็ว ไม่องอาจหรืองดงามเท่าลิงอื่น เช่น
ลิงถวายผ้าสไบให้พระราม หรือสังขวานร
สิ่งเหล่านี้มีส่วนช่วยให้การแสดงมีความงดงาม มีคุณค่า ท าให้ผู้ชมมีความเข้าใจและ
ซาบซึ้งในความงดงามของนาฏศิลป์และละครไทย
1.2 การแต่งกาย
การแสดงนาฏศิลป์ทุกประเภท โดยเฉพาะโขนและละคร การใช้สีแต่ละสีในการแต่งกายมี
ความส าคัญ เพราะตัวละครแต่ละตัวจะใช้การแต่งกายที่มีสีประจ าตัวละครนั้น ๆ เช่น หนุมานจะต้อง
แต่งสีขาว-แดง พระรามจะต้องสีเขียว-แดง ส าหรับการปักดิ้นเงิน ทอง หรือเลื่อม แม้แต่ลายที่ใช้กับ
การปักจะต้องเหมาะสมกับตัวละคร จะท าให้ผู้ชมได้รับความสนุกสนาน ประทับใจในการแสดงมากขึ้น
1.3 เครื่องประดับศีรษะ
การรู้จักและเข้าใจเครื่องประดับ จะท าให้เข้าใจการแสดงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน
การแสดงโขน เพราะมีตัวละครมากมายในเรื่องรามเกียรติ์แต่ละฝ่ายจะสวมใส่หัวโขน ไม่ว่าจะเป็นเทพเจ้า
ฤๅษี วิทยาธร ยักษ์ ลิง และสัตว์ต่าง ๆ ถ้าจะทราบว่าเป็นใครต้องดูที่ยอดของศีรษะ เช่น พระอินทร์
มีใบหน้าสีเขียวมงกุฎยอดเดินหน พระอศวรใบหน้าสีขาว มีเทริดยอดน้ าเต้า สิ่งเหล่านี้เป็นความงามและ
ิ
คุณค่าของนาฏศิลป์ที่ท าให้การแสดงมีคุณค่าและมีความงดงามทั้งต่อผู้แสดงและผู้ชม
1.4 ฉาก
ฉากเป็นส่วนส าคัญในการจัดการแสดง อุปกรณ์ที่ใช้ในฉากละครล้วนมีความส าคัญในการ
แสดงละครทั้งสิ้น เพราะฉากเป็นองค์ประกอบส าคัญที่ท าให้การแสดงมีความงดงาม มีคุณค่า ท าให้ผู้ชม
เข้าใจการแสดงได้ง่ายขึ้น เช่น ฉากเป็นต้นไม้ ก้อนหิน มีสัตว์ป่า แสดงถึงว่าขณะนั้นมีเรื่องราวด าเนินอยู่
ในป่า และเป็นองค์ประกอบของการแสดงที่ท าให้การแสดงสนุกสนานมากยิ่งขึ้น
1.5 ดนตรี
ในการแสดงนาฏศิลป์และละครจะต้องมีการบรรเลงดนตรีและขับร้องบทเพลงประกอบ
การแสดงด้วย จึงจะท าให้การแสดงมีความสนุกสนาน น่าสนใจ เพราะถ้าการแสดงมีการบรรเลงดนตรี
และบทเพลงที่ไพเราะจะท าให้ผู้ชมประทับใจ เกิดความซาบซึ้งในการแสดง และท าให้เข้าใจเนื้อเรื่องได้
ั
ง่ายขึ้น เช่น ในเรื่องรามเกียรติ์ตอนที่พระรามสู้กับทศกณฐ์ จะมีการบรรเลงดนตรีที่มีจังหวะและท านอง
เร็ว บรรเลงเพลงเชิดฉิ่ง เชิดกลอง
8
คุณค่าของนาฏศิลป์และการละครของไทย
การแสดงนาฏศิลป์และการละครของไทย เป็นการแสดงที่มีคุณค่าต่อชาติและสังคม สรุปได้
ดังนี้
1. ให้คุณค่าด้านความเพลิดเพลินและความสุนทรีย์ คือ การแสดงนาฏศิลป์และละครไทย
เป็นศิลปะที่มีความอ่อนช้อยงดงาม มีการน าวรรณคดีไทยต่าง ๆ มาถ่ายทอดเป็นท่าร่ายร า ท าให้เกิด
ความสนุกสนานเพลิดเพลิน
2. ให้คุณค่าด้านพิธีกรรมต่าง ๆ คือ การแสดงนาฏศิลป์และละครไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับ
ความเชื่อต่าง ๆ จนเกิดการแสดงแก้บน เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์พึงพอใจ เช่น การแสดงละครร าแก้บน
้
การฟอนร าแห่นางแมวให้ฝนตกตามฤดูกาล
3. ให้คุณค่าด้านการอนุรักษ์และเผยแพร่ คือ การแสดงนาฏศิลป์และละครไทยเป็นเอกลักษณ์
และมรดกของชาติที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ สืบทอดและเผยแพร่ เพอมิให้สูญหายไป
ื่
4. ให้คุณค่าด้านความบันเทิง คือ การแสดงนาฏศิลป์และละครไทยมีขึ้นเพอความสนุกสนาน
ื่
ผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยหลังจากการท างาน หรือในยามเทศกาลงานรื่นเริงต่าง ๆ
5. ให้คุณค่าด้านพิธีการในสังคม คือ น าการแสดงนาฏศิลป์และละครไทยมาแสดงต้อนรับ
แขกบ้านแขกเมืองให้ผู้มาเยือนมีความสุข ประทับใจที่ได้มาเยือน เช่น แสดงร าอวยพร ฟอนบายศรีสู่ขวัญ
้
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคุณค่าของนาฏศิลป์และละครไทย ท าให้การแสดงนาฏศิลป์และละครไทยมี
ความงดงามและมีคุณค่าต่อสังคมและชาติไทย
ที่มา : หนังสือเรียนรายวิชาพนฐาน นาฏศิลป์ ชั้น ม.4-6 สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)
ื้
9
ใบงานที่ 4.1
เรื่อง ความงามและคุณค่าของนาฏศิลป์และการละครของไทย
ชื่อ - สกุล ........................................................................................... เลขที่ ............... ชั้น............
จุดประสงค์การเรียนรู้
นักเรียนสามารถสรุปองค์ความรู้เกี่ยวกับความงามและคุณค่าของนาฏศิลป์และการละครของไทยได้
ค าชี้แจง ให้นักเรียนสรุปความรู้ เรื่อง ความส าคัญของนาฏศิลป์ไทย และคุณค่าของนาฏศิลป์ไทย
ลงในแผนภาพพร้อมทั้งบอกวิธีการส่งเสริมและพัฒนานาฏศิลป์ไทย (10 คะแนน)
ความส าคัญของนาฏศิลป์ไทย
…………………………………………………….…
………………………………………………….……
……………………………………………….………
…………………………………………….………… วิธีการส่งเสริมและพัฒนานาฏศิลป์ไทย
………………………………………….…………… …………………………………………………….…
………………………………………………….……
……………………………………………….………
…………………………………………….…………
………………………………………….……………
วิธีการส่งเสริมและพัฒนานาฏศิลป์ไทย
…………………………………………………….…
………………………………………………….……
……………………………………………….………
…………………………………………….…………
………………………………………….……………
10
เกณฑ์การประเมินการเขียนแผนผังความคิด
รายการ ระดับคะแนน
ประเมิน 5 4 3 2 1
เนื้อหา แสดงความรู้ แสดงความรู้ แสดงความรู้ แสดงความรู้ แสดงความรู้
ความเข้าใจใน ความเข้าใจในเนื้อหา ความเข้าใจใน ความเข้าใจใน ความเข้าใจ
เนื้อหาที่ค้นคว้า ที่ค้นคว้ามาอย่างดี มี เนื้อหาที่ค้นคว้า เนื้อหาที่ค้นคว้า ในเนื้อหาที่
มาอย่างดีมาก มี ขั้นตอน ครบถ้วน มี ปานกลาง ปานกลาง ค้นคว้าได้น้อย
ขั้นตอน ครบถ้วน การสรุปความคิดเห็น ขาดขั้นตอน และ ขาดขั้นตอน ขาดขั้นตอน
มีการสรุปความ โดยใช้เหตุผลได้อย่าง รายละเอียด และรายละเอียด และรายละเอียด
คิดเห็นโดยใช้ สมเหตุสมผล มีการสรุป ไม่มการสรุป
ี
เหตุผลได้อย่าง ความคิดเห็น ความคิดเห็น
สมเหตุสมผล
การ จัดท าแผนภาพ จัดท าแผนภาพอย่าง จัดท าแผนภาพ จัดท าแผนภาพ จัดท า
น าเสนอ อย่างเป็นระบบ เป็นระบบและ น าเสนอด้วย น าเสนอด้วย แผนภาพ
ผลงาน และน าเสนอด้วย น าเสนอด้วยข้อมูล ข้อมูลถูกต้อง ข้อมูลถูกต้อง น าเสนอด้วย
ู
และการ ข้อมูลที่ถูกต้อง แบบที่ถกต้อง แต่ไม่ครอบคุลม บางส่วน ขาด ข้อมูลถูกต้อง
ออกแบบ ครอบคลุมหัวข้อ ครอบคลุมหัวข้อ ในหัวข้อส าคัญ บางประเด็น บางส่วน
และรายละเอียด ส าคัญ ขาด บางประเด็นและ ส าคัญและขาด ขาดประเด็น
ที่ส าคัญและมี รายละเอียด ขาดรายละเอียด รายละเอียด ที่ส าคัญและ
การใช้ รูปภาพ ในบางหัวข้อและ และมีการใช้ และขาดการใช้ สมดุลของ
ั
ตัวอักษรและสีสัน มีการใช้ตัวอกษรและ ตัวอักษรและสีสัน ตัวอักษรและ ภาพไม่ได้
เร้า สีสัน เร้าความสนใจ น่าสนใจ ขาด สีสันมาตราส่วน สัดส่วน
ความสนใจ มีมาตราส่วนและ มาตราส่วนและ และสมดุลของ
มีมาตราส่วนและ สมดุลของภาพ สมดุลของภาพ ภาพไม่ได้
สมดุลของภาพ สัดส่วน
เกณฑ์การให้คะแนน
คะแนนเต็ม 10 คะแนน
ได้คะแนน............คะแนน ผ่าน ไม่ผ่าน
เกณฑ์การประเมิน : 8 – 10 คะแนน ระดับ ดี = ผ่าน
5 – 7 คะแนน ระดับ พอใช้ = ไม่ผ่าน
0 – 4 คะแนน ระดับ ปรับปรุง = ไม่ผ่าน
11
ใบงานที่ 4.2
เรื่อง ความงามและคุณค่าของนาฏศิลป์และการละครของไทย
ชื่อ - สกุล ........................................................................................... เลขที่ ............... ชั้น............
จุดประสงค์การเรียนรู้
นักเรียนสามารถสรุปองค์ความรู้เกี่ยวกับความงามและคุณค่าของนาฏศิลป์และการละครของไทยได้
ค าชี้แจง ให้นักเรียนสรุปความรู้ เรื่อง ความส าคัญของละครไทย และคุณค่าของละครไทยลงในแผนภาพ
พร้อมทั้งบอกวิธีการส่งเสริมและพัฒนาละครไทย (10 คะแนน)
ความส าคัญของละครไทย
…………………………………………………….…
………………………………………………….……
……………………………………………….………
…………………………………………….………… วิธีการส่งเสริมและพัฒนาละครไทย
………………………………………….…………… …………………………………………………….…
………………………………………………….……
……………………………………………….………
…………………………………………….…………
………………………………………….……………
วิธีการส่งเสริมและพัฒนาละครไทย
…………………………………………………….…
………………………………………………….……
……………………………………………….………
…………………………………………….…………
………………………………………….……………
12
เกณฑ์การประเมินการเขียนแผนผังความคิด
รายการ ระดับคะแนน
ประเมิน 5 4 3 2 1
เนื้อหา แสดงความรู้ แสดงความรู้ แสดงความรู้ แสดงความรู้ แสดงความรู้
ความเข้าใจใน ความเข้าใจในเนื้อหา ความเข้าใจใน ความเข้าใจใน ความเข้าใจใน
เนื้อหาที่ค้นคว้า ที่ค้นคว้ามาอย่างดี มี เนื้อหาที่ค้นคว้า เนื้อหาที่ค้นคว้า เนื้อหาที่ค้นคว้า
มาอย่างดีมาก มี ขั้นตอน ครบถ้วน มี ปานกลาง ปานกลาง ได้น้อย ขาด
ขั้นตอน ครบถ้วน การสรุปความคิดเห็น ขาดขั้นตอน และ ขาดขั้นตอน ขั้นตอน และ
มีการสรุปความ โดยใช้เหตุผลได้อย่าง รายละเอียด และรายละเอียด รายละเอียด
ี
คิดเห็นโดยใช้ สมเหตุสมผล มีการสรุป ไม่มการสรุป
เหตุผลได้อย่าง ความคิดเห็น ความคิดเห็น
สมเหตุสมผล
การ จัดท าแผนภาพ จัดท าแผนภาพอย่าง จัดท าแผนภาพ จัดท าแผนภาพ จัดท า
น าเสนอ อย่างเป็นระบบ เป็นระบบและ น าเสนอด้วย น าเสนอด้วย แผนภาพ
ผลงาน และน าเสนอด้วย น าเสนอด้วยข้อมูล ข้อมูลถูกต้อง ข้อมูลถูกต้อง น าเสนอด้วย
ู
และการ ข้อมูลที่ถูกต้อง แบบที่ถกต้อง แต่ไม่ครอบคุลม บางส่วน ขาด ข้อมูลถูกต้อง
ออกแบบ ครอบคลุมหัวข้อ ครอบคลุมหัวข้อ ในหัวข้อส าคัญ บางประเด็น บางส่วน
และรายละเอียด ส าคัญ ขาด บางประเด็นและ ส าคัญและขาด ขาดประเด็น
ที่ส าคัญและมี รายละเอียด ขาดรายละเอียด รายละเอียด ที่ส าคัญและ
การใช้ รูปภาพ ในบางหัวข้อและ และมีการใช้ และขาดการใช้ สมดุลของ
ั
ตัวอักษรและสีสัน มีการใช้ตัวอกษรและ ตัวอักษรและสีสัน ตัวอักษรและ ภาพไม่ได้
เร้า สีสัน เร้าความสนใจ น่าสนใจ ขาด สีสันมาตราส่วน สัดส่วน
ความสนใจ มีมาตราส่วนและ มาตราส่วนและ และสมดุลของ
มีมาตราส่วนและ สมดุลของภาพ สมดุลของภาพ ภาพไม่ได้
สมดุลของภาพ สัดส่วน
เกณฑ์การให้คะแนน
คะแนนเต็ม 10 คะแนน
ได้คะแนน............คะแนน ผ่าน ไม่ผ่าน
เกณฑ์การประเมิน : 8 – 10 คะแนน ระดับ ดี = ผ่าน
5 – 7 คะแนน ระดับ พอใช้ = ไม่ผ่าน
0 – 4 คะแนน ระดับ ปรับปรุง = ไม่ผ่าน
13
ใบความรู้ที่ 4.2
เรื่อง ประโยชน์ของการเรียนนาฏศิลป์
“นาฏศิลป์” หมายถึง การเคลื่อนไหวร่างกายดัวยท่าทางที่ประดิษฐ์คิดค้นออกมาเป็นแบบแผน
งดงาม โดยอาศัยการขับร้องและการบรรเลงดนตรีร่วมด้วย เพอโน้มน้าวให้ผู้ชมมีอารมณ์คล้อยตาม
ื่
ซึ่งนาฏศิลป์ของไทยเรา ได้แก่ 1) ฟ้อนร า ระบ า 2) ละคร 3) โขน 4) การแสดงพื้นเมือง
ประโยชน์และคุณสมบัติของผู้เรียนนาฏศิลป์
ุ่
ความมงหมายในการเรียนนาฏศิลป์
การเรียนนาฏศิลป์มีความมุ่งหมายดังนี้
1. เพื่อเป็นการปลูกฝังและส่งเสริมนิสัยทางศิลปะแก่ผู้เรียน
2. เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจยิ่งขึ้น
3. เพื่อเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมของชาติให้คงอยู่สืบไป
4. เพื่อเป็นการฝึกให้รู้จักกล้าแสดงออก
ประโยชน์ในการเรียนนาฏศิลป์
การเรียนนาฏศิลป์ท าให้เกิดประโยชน์ดังนี้
1. ท าให้เป็นคนรื่นเริงแจ่มใส
2. มีความสามัคคีในหมู่คณะ
3. สามารถยึดเป็นอาชีพได้
4. ท าให้รู้จักดนตรีและเพลงต่าง ๆ
5. ท าให้เกิดความจ าและปฏิภาณดี
6. ช่วยให้เป็นคนที่มีบุคลิกท่าทางเคลื่อนไหวสง่างาม
7. ช่วยในการออกก าลังกายได้เป็นอย่างดี
8. ได้รับความรู้นาฏศิลป์จนเกิดความช านาญ สามารถปฏิบัติได้ดีมีชื่อเสียง
14
คุณสมบัติของผู้เริ่มเรียนนาฏศิลป์
การเรียนนาฏศิลป์ผู้ที่เริ่มเรียนควรมีคุณสมบัติดังนี้
1. ต้องมีความสนใจและตั้งใจจริง
2. ต้องท าใจให้รักและนิยมในศิลปะแขนงนี้
3. ต้องมีสมาธิแน่วแน่ในขณะปฏิบัติ
4. ต้องเป็นผู้ที่ช่างสังเกต
5. ต้องพยายามเลียนแบบครูให้มากที่สุด
6. ต้องเป็นผู้ที่ไม่ท้อถอยต่อความยากของบทเรียน หรือความเมื่อยล้าที่เกิดขึ้น
7. ต้องเป็นผู้ที่ขยันในการทบทวนฝึกซ้อมท่าร าอยู่สม่ าเสมอ
ที่มา : https://sites.google.com/site/deedoothai/prayochn-laea-khunsmbati-khxng-phu-
reiyn-nad-silp
15
การเรียนนาฏศิลป์มีประโยชน์ต่อเด็กอย่างไร
1. การเรียนนาฏศิลป์ช่วยพฒนาด้านร่างกาย ธรรมชาติของเด็กนั้นไม่ชอบอยู่นิ่ง แต่ชอบ
ั
การเคลื่อนไหวร่างกายในการเดิน วิ่ง กระโดด ยักย้ายร่างกายไปมา ดังนั้น การที่เด็กได้ร่ายร า ท าให้เด็ก
ได้เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายทั้งกล้ามเนื้อเล็กและกล้ามเนื้อใหญ่ให้สอดคล้องกับท านอง
จังหวะและเสียงดนตรี ซึ่งเป็นเหมือนการออกก าลังกายไปในตัว ส่งผลให้เด็กมีร่างกายที่แข็งแรงสมส่วน
คล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง
ั
้
2. การเรียนนาฏศิลป์ช่วยพฒนาด้านอารมณ์ ขณะที่เด็กได้เคลื่อนไหวร่างกายในการฟอนร า
หรือเต้นระบ าประกอบเพลงนั้น เด็กจะมีความสนุกสนาน ได้ปลดปล่อยความเครียด ส่งผลให้เด็กๆ มี
อารมณ์เบิกบานแจ่มใส กล้าแสดงออก มีความมั่นใจในตัวเอง
ที่มา : https://mgronline.com/qol/detail/9560000137042
3. การเรียนนาฏศิลป์ช่วยพฒนาด้านสังคม กิจกรรมนาฏศิลป์เป็นสื่อหนึ่งที่ท าให้เด็กๆ ได้ท า
ั
กิจกรรมร่วมกับผู้อนได้เป็นอย่างดี เพราะการที่เด็กๆ ได้ร่ายร า เล่นละคร แสดงการละเล่นพนเมืองร่วมกับ
ื้
ื่
ื่
ื่
เพอน เป็นการที่เด็กๆ ได้มีโอกาสท ากิจกรรมร่วมกับผู้อนในการเป็นผู้น าผู้ตาม และการท ากิจกรรม
เคลื่อนไหวร่างกายประกอบท่าทางที่พร้อมเพรียงไปกับเพอนๆ นั้น ก็เป็นการหล่อหลอมความสามัคคีให้
ื่
เกิดขึ้นในตัวของเด็กอีกด้วย
16
้
4. การเรียนนาฏศิลป์ช่วยพัฒนาด้านสติปัญญา เช่น ในการฝึกให้เด็กๆ ฟอนร านั้น เด็กๆ ต้อง
จดจ าและแยกแยะท่าทางการร าแบบไทยให้ถูกต้อง เช่น ท่าจีบหงาย จีบคว่ า ตั้งวง ตีไหล่ อกทั้งต้องจดจ า
ี
ื่
ท่าทางต่างๆ ให้เข้ากับเนื้อร้องและจังหวะของเพลงอย่างถูกต้องแม่นย าและพร้อมเพรียงกับผู้อน จึงเป็น
การช่วยพัฒนาทางด้านสติปัญญาในเรื่องของความจ าและการคดวิเคราะห์โดยตรง
ิ
ั
ในปัจจุบันส านักงานพฒนาการศึกษาขั้นพนฐาน (สพฐ.) ได้ร่างหลักสูตรการศึกษาพนฐานฉบับใหม่
ื้
ื้
โดยลดหมวดหมู่วิชาเรียนจาก 8 หมวด คือ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสนาและ
วัฒนธรรม สุขศึกษาและพละศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยีและภาษาต่างประเทศ เหลือ
เพียง 6 หมวด โดยยกเลิกหมวดศิลปะ/ดนตรี/นาฏศิลป์ โดยเอาวิชาเหล่านี้ไปรวมอยู่ในหมวดสังคมและ
ความเป็นมนุษย์
ซึ่งตามความคิดเห็นของผู้เขียนเห็นว่า การจัดหมวดหมู่ของสาระวิชาเรียนใหม่อาจไม่ใช่ประเด็น
ที่ส าคัญเท่ากับการที่ “ยังคง” จัดให้เด็กๆ ได้เรียนวิชานาฏศิลป์อยู่ในโรงเรียนทุกระดับชั้น ตั้งแต่ระดับ
ั
ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษา เพราะนอกจากการเรียนนาฏศิลป์จะมีประโยชน์ต่อเด็กๆ ในการช่วยพฒนา
ในด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญาดังที่กล่าวในข้างต้นแล้ว วิชานาฏศิลป์ยังช่วยให้เด็กๆ ได้สัมผัส
ั
ถึงความเป็นไทยที่นับวันจะหาได้ยากมากขึ้นผ่านการเรียนนาฏศิลป์ อนได้แก่ การร่ายร าท าจังหวะแบบ
ไทยเดิม การขับร้องแบบไทย การบรรเลงดนตรีไทย การแต่งกายแบบไทย ซึ่งคือสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์และ
ความภาคภูมิใจที่ควรอนุรักษ์ให้ด ารงอยู่คู่กับประเทศชาติของเราสืบไป
ที่มา : https://mgronline.com/qol/detail/9560000137042
17
ใบงานที่ 4.3
เรื่อง ประโยชน์ของการเรียนนาฏศิลป์
ชื่อ - สกุล ........................................................................................... เลขที่ ............... ชั้น............
จุดประสงค์การเรียนรู้
นักเรียนสามารถสรุปความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของการเรียนนาฏศิลป์ได้
ค าชี้แจง ให้นักเรียนสรุปความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของการเรียนนาฏศิลป์ในรูปผังความคิด (10 คะแนน)
ประโยชน์ของการเรียนนาฏศิลป์
18
เกณฑ์การประเมินการเขียนแผนผังความคิด
รายการ ระดับคะแนน
ประเมิน 5 4 3 2 1
เนื้อหา แสดงความรู้ แสดงความรู้ แสดงความรู้ แสดงความรู้ แสดงความรู้
ความเข้าใจใน ความเข้าใจในเนื้อหา ความเข้าใจใน ความเข้าใจใน ความเข้าใจใน
เนื้อหาที่ค้นคว้า ที่ค้นคว้ามาอย่างดี มี เนื้อหาที่ค้นคว้า เนื้อหาที่ค้นคว้า เนื้อหาที่ค้นคว้า
มาอย่างดีมาก มี ขั้นตอน ครบถ้วน มี ปานกลาง ปานกลาง ได้น้อย ขาด
ขั้นตอน ครบถ้วน การสรุปความคิดเห็น ขาดขั้นตอน และ ขาดขั้นตอน ขั้นตอน และ
มีการสรุปความ โดยใช้เหตุผลได้อย่าง รายละเอียด และรายละเอียด รายละเอียด
คิดเห็นโดยใช้ สมเหตุสมผล มีการสรุป ไม่มการสรุป
ี
เหตุผลได้อย่าง ความคิดเห็น ความคิดเห็น
สมเหตุสมผล
การ จัดท าแผนภาพ จัดท าแผนภาพอย่าง จัดท าแผนภาพ จัดท าแผนภาพ จัดท า
น าเสนอ อย่างเป็นระบบ เป็นระบบและ น าเสนอด้วย น าเสนอด้วย แผนภาพ
ผลงาน และน าเสนอด้วย น าเสนอด้วยข้อมูล ข้อมูลถูกต้อง ข้อมูลถูกต้อง น าเสนอด้วย
ู
และการ ข้อมูลที่ถูกต้อง แบบที่ถกต้อง แต่ไม่ครอบคุลม บางส่วน ขาด ข้อมูลถูกต้อง
ออกแบบ ครอบคลุมหัวข้อ ครอบคลุมหัวข้อ ในหัวข้อส าคัญ บางประเด็น บางส่วน
และรายละเอียด ส าคัญ ขาด บางประเด็นและ ส าคัญและขาด ขาดประเด็น
ที่ส าคัญและมี รายละเอียด ขาดรายละเอียด รายละเอียด ที่ส าคัญและ
การใช้ รูปภาพ ในบางหัวข้อและ และมีการใช้ และขาดการใช้ สมดุลของ
ั
ตัวอักษรและสีสัน มีการใช้ตัวอกษรและ ตัวอักษรและสีสัน ตัวอักษรและ ภาพไม่ได้
เร้า สีสัน เร้าความสนใจ น่าสนใจ ขาด สีสันมาตราส่วน สัดส่วน
ความสนใจ มีมาตราส่วนและ มาตราส่วนและ และสมดุลของ
มีมาตราส่วนและ สมดุลของภาพ สมดุลของภาพ ภาพไม่ได้
สมดุลของภาพ สัดส่วน
เกณฑ์การให้คะแนน
คะแนนเต็ม 10 คะแนน
ได้คะแนน............คะแนน ผ่าน ไม่ผ่าน
เกณฑ์การประเมิน : 8 – 10 คะแนน ระดับ ดี = ผ่าน
5 – 7 คะแนน ระดับ พอใช้ = ไม่ผ่าน
0 – 4 คะแนน ระดับ ปรับปรุง = ไม่ผ่าน
19
ใบความรู้ที่ 4.3
เรื่อง หลักในการชมการแสดงนาฏศิลป์และละคร
หลักในการชมการแสดงนาฏศิลป์
1. ควรศึกษาเกี่ยวกับท่าร า "ท่าร า" ของนาฏศิลป์ไทยจัดได้ว่าเป็น "ภาษา" ชนิดหนึ่ง ซึ่งใช้สื่อ
ความหมายให้ผู้ชมเข้าใจถึงกิริยา อาการ และความรู้สึก ตลอดจนอารมณ์ของผู้แสดง มีทั้งท่าร าตาม
ธรรมชาติและท่าที่ประดิษฐ์ให้วิจิตรสวยงามกว่าธรรมชาติ ผู้ชมที่ดีจะต้องเรียนรู้ความหมายและลีลาท่า
ร าต่างๆ ของนาฏศิลป์ไทย ให้เช้าใจเป็นพื้นฐานก่อน
2. เข้าใจเกี่ยวกับภาษาหรือค าร้องของเพลงต่างๆ การแสดงนาฏศิลป์จะต้องใช้ดนตรีและเพลง
เข้าประกอบ ซึ่งอาจจะมีทั้งเพลงขับร้องและเพลงบรรเลง ในเรื่องเพลงร้องนั้นจะต้องมี "ค าร้อง" หรือ
เนื้อร้อง ประกอบด้วย บทร้องเพลงไทยส่วนมากจะเป็นค าประพันธ์ประเภทกลอนแปด หรือกลอนสุภาพ
เป็นค าร้องที่แต่งขึ้นใช้กับเพลงนั้นๆ โดยเฉพาะ หรือน ามาจากวรรณคดีไทยตอนใดตอนหนึ่งก็ได้ ผู้ชม
จะต้องฟังภาษาที่ใช้ร้อง ให้เข้าใจควบคู่กับการชมการแสดงด้วย จึงจะเข้าใจถึงเรื่องราวนาฏศิลป์ที่แสดงอยู่
3. มีความเข้าใจเกี่ยวกับดนตรีและเพลงต่างๆ นาฏศิลป์จ าเป็นต้องมีดนตรีบรรเลงประกอบ
ื้
ั
ขณะแสดง ซึ่งอาจจะเป็นแบบพนเมืองหรือแบบสมัยนิยม ผู้ชมจะต้องฟงเพลงให้เข้าใจทั้งลีลา ท านอง
ส าเนียงของเพลง ตลอดจนจังหวะอารมณ์ด้วย จึงจะชมนาฏศิลป์ได้เข้าใจและได้รสของการแสดงอย่าง
สมบูรณ์ เช่น เข้าใจว่าเพลงส าเนียงมอญ พม่า ลาว ฯลฯ สามารถเข้าใจถึงประเพทของเพลงและอารมณ์
ของเพลงแต่ละเพลง นอกจากนี้ จะต้องรู้จักถึงชื่อของเครื่อง ดนตรีและวงดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง
ทุกชนิดด้วย
4. เข้าใจเกี่ยวกับการแต่งกายและแต่งหน้าของผู้แสดง การแสดงนั้นแบ่งออกหลายแบบ หลาย
ประเภท ผู้ชมควรดูให้เข้าใจว่าการแต่งกายเหมาะสมกับบรรยากาศและประเภทของการแสดงหรือไม่
เสื้อผ้า เครื่องประดับ และอปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการแสดง ตลอดทั้งการแต่งหน้าด้วยว่าเหมาะสมกลมกลืน
ุ
กันเพียงใด เช่น เหมาะสมกับฐานะหรือบทของผู้แสดงหรือไม่
5. เข้าใจถึงการออกแบบฉากและการใช้แสงและเสียง ผู้ชมที่ดีต้องมีความรู้ ความเข้าใจเรื่อง
ฉาก สถานที่ และสถานการณ์ต่างๆ ของการแสดง คือต้องดูให้เข้าใจว่าเหมาะสมกับการแสดงหรือไม่
บรรยากาศ แสง หรือเสียงที่ใช้นั้นเหมาะสมกับลักษณะของการแสดงเพียงใด
6. เข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและฐานะของตัวแสดง คือ การแสดงที่เป็นเรื่องราว มีตัวแสดงหลายบท
ซึ่งจะต้องแบ่งออกตามฐานะในเรื่องนั้นๆ เช่น พระเอก นางเอก ตัวเอก ตัวนายโรง พระรอง นางรอง
ตัวตลก ฯลฯ
20
7. เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวของการแสดง ในกรณีที่เล่นเป็นเรื่องราว เช่น โขน ละคร ผู้ชมต้อง
ั
ติดตามการแสดงให้ต่อเนื่องกนถึงจะเข้าใจถึงเรื่องราวต่างๆ ว่าใคร ท าอะไร ที่ไหน อย่างไร
8. ควรมีอารมณ์ร่วมกับการแสดง การแสดงนาฏศิลป์ได้บรรจุเอาลีลาท่าทาง หรืออารมณ์ต่างๆ
ของผู้แสดงไว้มากมาย ผู้ชมที่ดีควรมีส่วนร่วมกับผู้แสดงด้วย เช่น สนุกสนาน เฮฮาไปด้วย จะท าให้ได้รส
ของการแสดงอย่างเต็มที่ และผู้แสดงจะสนุกสนาน มีอารมณ์และก าลังใจในการแสดงด้วย
9. ควรมีมารยาทในการชมการแสดง คือ ปรบมือให้เกียรติก่อนแสดงและหลังจาจบการแสดง
แต่ละชุด ไม่ควรส่งเสียงโห่ร้องเป็นการล้อเลียน หรือเยาะเย้ย ในขณะที่การแสดงนั้นไม่ถูกใจหรืออาจจะ
ผิดพลาด ตลก ขบขัน ซึ่งจะท าให้ผู้แสดงเสียก าลังใจ และถือว่าไม่มีมารยาทในการชมการแสดงอย่างมาก
อีกทั้งเป็นการรบกวนสมาธิและอารมณ์ของผู้ชมคนอื่นๆ ด้วย
10. ควรแต่งกายสุภาพเรียบร้อย คือ ต้องให้เหมาะสมกับสถานที่ที่ใช้แสดง เช่นโรงละครแห่งชาติ
หอประชุมขนาดใหญ่ ควรแต่งกายสุภาพแบบสากลนิยม แต่ในกรณีสถานที่สาธารณะหรืองานแบบสวนสนุก
ก็อนุโลมแต่งกายตามสบายได้
ื่
11. ควรศึกษาเกี่ยวกับสูจิบัตร ให้เข้าใจก่อนเริ่มชมการแสดง เพอจะได้ชมการแสดงได้เข้าใจ
ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ถ้าไม่มีสูจิบัตร ก็ควรจะตั้งใจฟงพธีการบรรยายถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับการแสดง
ิ
ั
ให้เข้าใจด้วย
12. ควรไปถึงสถานที่แสดงก่อนเวลา เพื่อจะได้เตรียมตัวให้พร้อม และได้ชมการแสดงตั้งแต่เริ่มต้น
อีกทั้งจะได้ไม่เดินผ่านผู้อื่นซึ่งชมการแสดงอยู่ก่อนแล้ว จะท าให้เกิดความวุ่นวายเป็นการท าลายสมาธิด้วย
21
ใบงานที่ 4.4
เรื่อง หลักในการชมการแสดงนาฏศิลป์และละคร
ชื่อ - สกุล ........................................................................................... เลขที่ ............... ชั้น............
จุดประสงค์การเรียนรู้
อธิบายหลักในการชมการแสดงนาฏศิลป์และละครได้
ค าชี้แจง ให้นักเรียนอธิบายหลักในการชมการแสดงนาฏศิลป์และละคร (10 คะแนน)
หลักในการชมการแสดงนาฏศิลป์และละคร
………………………………………………………………….…………………………………………………………………
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………………………………………..
22
เกณฑ์การให้คะแนน
คะแนนเต็ม 10 คะแนน
ได้คะแนน............คะแนน ผ่าน ไม่ผ่าน
คะแนน 8 - 10 นักเรียนเขียนตอบค าถามได้ถูกต้อง ครบถ้วน ตรงประเด็น
คะแนน 5 - 7 นักเรียนเขียนตอบค าถามได้ถูกต้อง แต่ไม่ครบถ้วน
คะแนน 1 - 4 นักเรียนเขียนตอบค าถามได้บางประเด็น
คะแนน 0 นักเรียนไม่สามารถเขียนตอบค าถามได้หรือไม่เขียนเลย
สรุปผลการประเมิน : 8 - 10 คะแนน ระดับ ดี = ผ่าน
5 - 7 คะแนน ระดับ พอใช้ = ไม่ผ่าน
0 - 4 คะแนน ระดับ ปรับปรุง = ไม่ผ่าน
23
ใบความรู้ที่ 4.4
เรื่อง การวิจารณ์และการประเมินการแสดง
นาฏศิลป์เป็นศิลปะการแสดงด้านวิจิตรศิลป์โดยรวมเอาศาสตร์แขนงต่าง ๆ ผสมกลมกลืนเข้า
ด้วยกัน นับว่าเป็นสารที่สื่อให้เห็นสุนทรียะด้วยการมองและการได้ยินเสียงประเภทหนึ่ง ดังนั้น หาก
ต้องการวิจารณ์ผลงานนาฏศิลป์ ผู้วิจารณ์จ าเป็นต้องมีความรู้ในศิลปะสาขาที่วิจารณ์ มีประสบการณ์
เกี่ยวกับศิลปะ และมีความสามารถในการสื่อสารเป็นอย่างดี จึงจะส่งผลให้การวิจารณ์ผลงานนาฏศิลป์
ออกมาตรงวัตถุประสงค์และมีคุณค่า โดยขั้นตอนการวิจารณ์การแสดงนาฏศิลป์ตามทฤษฎีการวิจารณ์
อย่างสุนทรีย์ของราล์ฟ สมิธ มีดังนี้
1. การบรรยาย
ผู้วิจารณ์ต้องสามารถพูดหรือเขียนในสิ่งที่รับรู้ด้วยการฟัง ดู รู้สึก รวมทั้ง การรับรู้คุณสมบัติต่าง ๆ
ของการแสดง โดยสามารถบรรยายหรือแจกแจงส่วนประกอบต่าง ๆ ทั้งในลักษณะการเชื่อมโยงหลักเกณฑ์
ศิลปะสาขาต่าง ๆ เข้าด้วยกัน หรือแยกแยะเป็นส่วน ๆ
2. การวิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆ ในผลงานการแสดงนาฏศิลป์ของไทย
ประกอบด้วย
2.1 รูปแบบของนาฏศิลป์ไทย เช่น ระบ า ร า ร้องและโขน เป็นต้น
2.2 ความเป็นเอกภาพของนาฏศิลป์ไทย โดยผู้แสดงต้องมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
2.3 ความงดงามของการร่ายร าและองค์ประกอบอน ๆ ได้แก่ ความถูกต้องของแบบ
ื่
แผนการร า ความงดงามของลีลาท่าร า ความงดงามด้านวรรณกรรม ความงามของตัวละคร ลักษณะ
พิเศษในท่วงท่าลีลา เทคนิคเฉพาะตัวผู้แสดง บทร้องและท านองเพลง เป็นต้น
24
3. การตีความและการประเมินผล
ผู้วิจารณ์ต้องพฒนาความคิดเห็นส่วนตัวประกอบกับความรู้ หลักเกณฑ์ต่าง ๆ มารองรับ
ั
สนับสนุนความคิดเห็นของตนในการตีความ ผู้วิจารณ์ต้องกล่าวถึงผลงานนาฏศิลป์โดยรวมว่าผู้เสนอ
ผลงานพยายามจะสื่อความหมายหรือเสนอแนะเรื่องใด โดยต้องตีความการแสดงผลงานนาฏศิลป์นั้นให้
เข้าใจ
ที่มา : https://sites.google.com/site/sittipanareerat422/
คุณสมบัติของผู้วิจารณ์
ผู้วิจารณ์ ควรจะมีคุณสมบัติดังนี้
1. ต้องมีความรู้ความรอบรู้ กล่าวคือ ต้องมีความรอบรู้ ความเข้าใจในเรื่องที่จะวิจารณ์เป็น
อย่างดี เช่น จะวิจารณ์ดนตรีก็ควรมีพนฐานความรู้ด้านดนตรี จะวิจารณ์ละครเวที ก็ต้องเข้าใจลักษณะ
ื้
ของละครเวที มิใช่เอาละครโทรทัศน์ไปเปรียบกับละครเวที แล้ววิจารณ์ว่าผู้แสดงละครเวทีแสดงเกินจริง
เป็นต้น ดังนั้นผู้วิจารณ์ควรศึกษาเพอให้เกิดความรู้ ความเข้าใจอย่างถ่องแท้เสียก่อน รวมทั้งศึกษาถึง
ื่
หลักการวิจารณ์งานประเภทต่าง ๆ ด้วยจึงจะท าให้บทวิจารณ์น่าเชื่อถือ
ู
2. ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของวงการที่จะวจารณ์ การอาน การฟง การพด การชม
ั
ิ
่
อย่างสม่ าเสมอ ท าให้เป็นผู้มีความรู้รอบ ท าให้มีมุมมองกว้างขวางขึ้น เกิดความเข้าใจ เห็นใจ หาเหตุผลมา
แสดงทัศนะได้ต่างประเด็น เช่น การวิจารณ์ภาพยนตร์ไทยเปรียบเทียบกับภาพยนตร์ต่างประเทศ ถ้าผู้
วิจารณ์เข้าใจกระบวนการสร้างและปัจจัยที่เป็นปัญหาใน การสร้าง ภาพยนตร์ไทย ก็จะไม่โจมตีหรือติ
เตียนแต่ด้านเดียว ความเป็นธรรมจึงเกิดขึ้น ผู้อ่านก็เข้าใจ เห็นใจวงการภาพยนตร์ไทย เป็นต้น
ิ
ี
ี
3. ต้องมญาณทัศน์ คือ ความคิดเห็นเฉียบแหลม หยั่งรู้ถึงแกนเรื่อง ไม่พจารณาแต่เพยงผิว
เผิน และด่วนสรุปเอาง่าย ๆ การจะฝึกฝนตนเองให้เป็นผู้มีญาณทัศน์ ท าได้โดยการสังเกต การลอง
ตั้งค าถาม ตั้งสมมติฐาน และติดตามหาค าตอบด้วยความตั้งใจ
25
ี
4. มความเที่ยงธรรม การเป็นผู้วิจารณ์ที่ดีต้องตั้งตัวเป็นกลาง ไม่ชมเพราะเป็นเพอน หรือ
ื่
เพราะมีแนวคิดเหมือนกัน หรือเป็นพวกเดียวกัน ไม่ติเพราะไม่ชอบ ไม่ถูกรสนิยม ผู้วิจารณ์ ต้องตัดอคติ
ออกไป เอาเหตุผลและหลักการมาเป็นที่ตั้ง
ความเป็นกลางและจริยธรรมของผู้วิจารณ์ เป็นหัวใจส าคัญของงานวิจารณ์ ในปัจจุบันวงการ
หนังสือ ดนตรี ละครหรือสื่อบันเทิงต่าง ๆ มีคุณค่าทั้งทางด้านศิลปะและเพอการค้า บทวิจารณ์จึงเป็น
ื่
ช่องทางหนึ่งที่จะช่วยชี้แนะให้ผู้อานเลือกสรรของดีมีคุณค่าประดับสติปัญญา หากผู้วิจารณ์ขาดความ
่
รับผิดชอบ ขาดคุณธรรมข้อนี้ วงการวิเคราะห์คงไม่ได้รับความเชื่อถือ
ผู้เขียนบทวิจารณ์จึงควรตระหนักในเรื่องจริยธรรม ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับคณธรรมและมโนธรรม
ุ
ซึ่งอริสโตเติล ได้กล่าวถึง คุณธรรม 4 ประการ ที่มนุษย์พงปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วยกัน ดังนี้
ึ
1. ความรอบคอบ
2. ความรู้จักประมาณ
3. ความกล้าหาญ
4. ความยุติธรรม
ที่มา : https://sites.google.com/site/sittipanareerat422/
26
ใบงานที่ 4.5
เรื่อง การวิจารณ์และการประเมินการแสดง
ชื่อ - สกุล ........................................................................................... เลขที่ ............... ชั้น............
จุดประสงค์การเรียนรู้
นักเรียนสามารถวิเคราะห์ วิจารณ์การแสดงนาฏศิลป์และการละครได้
ค าชี้แจง ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมาย หน้าค าตอบที่ถกต้อง และเขียนเครื่องหมาย
ู
หน้าค าตอบที่ผิด (10 คะแนน)
________ 1. การบรรยาย การวิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆ ในผลงานการแสดง
นาฏศิลป์ของไทย การตีความและการประเมินผล เป็นขั้นตอน
การวิจารณ์การแสดงนาฏศิลป์ตามทฤษฎีการวิจารณ์อย่างสุนทรีย์
ของอริสโตเติล
________ 2. การบรรยาย เป็นขั้นตอนหนึ่งในการวิจารณ์นาฏศิลป์และการละคร
โดยผู้วิจารณ์ต้องสามารถบรรยายหรือแจกแจงส่วนประกอบต่าง ๆ
ทั้งในลักษณะการเชื่อมโยงหลักเกณฑ์ศิลปะสาขาต่าง ๆ เข้าด้วยกัน หรือ
แยกแยะเป็นส่วน ๆ
ื่
________ 3. ความงดงามของการร่ายร าและองค์ประกอบอน ๆ เป็นองค์ประกอบหนึ่ง
ของการวิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆ ในผลงานการแสดงนาฏศิลป์
ของไทย
________ 4. ดนตรี เป็นองค์ประกอบหนึ่งของการวิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆ
ในผลงานการแสดงนาฏศิลป์ของไทย
________ 5. การวิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆ ในผลงานการแสดงนาฏศิลป์
ของไทย ประกอบด้วย รูปแบบของนาฏศิลป์ไทย ความเป็นเอกภาพ
ของนาฏศิลป์ไทย ความงดงามของการร่ายร าและองค์ประกอบอื่น ๆ
________ 6. การตีความและการประเมินผลนั้น ผู้วิจารณ์สามารถใช้ความคิดเห็น
ส่วนตัวในการตีความและประเมินผลได้เลย
27
________ 7. ผู้วิจารณ์ต้องพัฒนาความคิดเห็นส่วนตัวประกอบกับความรู้
หลักเกณฑ์ต่าง ๆ มารองรับสนับสนุนความคิดเห็นของตนในการตีความ
________ 8. การตีความและการประเมินผลนั้น ผู้วิจารณ์ต้องกล่าวถึงผลงาน
นาฏศิลป์โดยรวมว่าผู้เสนอผลงานพยายามจะสื่อความหมายหรือ
เสนอแนะเรื่องใด โดยต้องตีความการแสดงผลงานนาฏศิลป์นั้นให้เข้าใจ
________ 9. นาฏศิลป์เป็นศิลปะการแสดงด้านจิตรกรรมโดยรวมเอาศาสตร์แขนง
ต่าง ๆ ผสมกลมกลืนเข้าด้วยกัน
________ 10. ในการวิจารณ์ผลงานนาฏศิลป์ ผู้วิจารณ์ไม่จ าเป็นต้องมีความรู้ในศิลปะ
สาขาที่วิจารณ์ มีประสบการณ์เกี่ยวกับศิลปะ และมีความสามารถ
ในการสื่อสารเป็นอย่างดี
เกณฑ์การให้คะแนน
ข้อละ 1 คะแนน เต็ม 10 คะแนน
ได้คะแนน............คะแนน ผ่าน ไม่ผ่าน
ู
คะแนน 1 นักเรียนเลือกเขียนเครื่องหมายได้ถกต้อง
คะแนน 0 นักเรียนเลือกเขียนเครื่องหมายได้ไม่ถูกต้องหรือไม่เขียนเลย
เกณฑ์การประเมิน : 8 – 10 คะแนน ระดับ ดี = ผ่าน
5 – 7 คะแนน ระดับ พอใช้ = ผ่าน
0 – 4 คะแนน ระดับ ปรับปรุง = ไม่ผ่าน
28
ใบงานที่ 4.6
เรื่อง การวิจารณ์และการประเมินการแสดง
ชื่อ - สกุล ........................................................................................... เลขที่ ............... ชั้น............
จุดประสงค์การเรียนรู้
นักเรียนสามารถวิเคราะห์ วิจารณ์การแสดงนาฏศิลป์และการละครได้
ู
ค าชี้แจง ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมาย หน้าค าตอบที่ถกต้อง และเขียนเครื่องหมาย
หน้าค าตอบที่ผิด (10 คะแนน)
________ 1. ผู้วิจารณ์ ควรมีคุณสมบัติ คือ ต้องมีความรู้ความรอบรู้ ต้องติดตาม
ความเคลื่อนไหวของวงการที่จะวิจารณ์ ต้องมีญาณทัศน์ มีความเที่ยงธรรม
และต้องจบสาขานั้น ๆ
ิ
ั
________ 2. ผู้วิจารณ์ต้องมีญาณทศน์ หมายถึง ผู้วิจารณ์ต้องมีความคดเห็นเฉียบแหลม
หยั่งรู้ถึงแกนเรื่อง ไม่พิจารณาแต่เพียงผิวเผิน และด่วนสรุปเอาง่าย ๆ
________ 3. ผู้วิจารณ์ต้องมีความเที่ยงธรรม เป็นคุณสมบัติหนึ่งของผู้วิจารณ์
________ 4. อริสโตเติล ได้กล่าวถึงคุณธรรมหนึ่งที่ที่มนุษย์พึงปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วยกัน
ไว้ 5 ประการ
________ 5. ความเป็นกลางและจริยธรรมของผู้วิจารณ์ เป็นหัวใจส าคัญของงานวิจารณ์
________ 6. อริสโตเติล ได้กล่าวถึง คุณธรรม 4 ประการ คือ ความรอบคอบ
ความพอเพียง ความกล้าหาญ ความยุติธรรม
________ 7. ความยุติธรรม คือ คุณธรรมหนึ่งที่ที่มนุษย์พึงปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วยกัน
ดังที่ อริสโตเติล กล่าวไว้
________ 8. ความกล้าหาญ คือ คุณธรรมหนึ่งที่ที่มนุษย์พึงปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วยกัน
ดังที่ อริสโตเติล กล่าวไว้
________ 9. ผู้วิจารณ์ต้องมีความรอบรู้ในเรื่องที่จะวิจารณ์เป็นอย่างดี
________ 10. ปานชอบฟังเพลง จึงมีคุณสมบัติที่สามารถวิจารณ์ด้านดนตรี
29
เกณฑ์การให้คะแนน
ข้อละ 1 คะแนน เต็ม 10 คะแนน
ได้คะแนน............คะแนน ผ่าน ไม่ผ่าน
คะแนน 1 นักเรียนเลือกเขียนเครื่องหมายได้ถกต้อง
ู
คะแนน 0 นักเรียนเลือกเขียนเครื่องหมายได้ไม่ถูกต้องหรือไม่เขียนเลย
เกณฑ์การประเมิน : 8 – 10 คะแนน ระดับ ดี = ผ่าน
5 – 7 คะแนน ระดับ พอใช้ = ผ่าน
0 – 4 คะแนน ระดับ ปรับปรุง = ไม่ผ่าน
30
แบบทดสอบหลังเรียน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ความงามและคุณค่านาฏศิลป์ไทย
ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกค าตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงค าตอบเดียวแล้วท าเครื่องหมายกากบาท ()
ลงในกระดาษค าตอบ ข้อสอบจ านวน 10 ข้อ ใช้เวลา 10 นาที (10 คะแนน)
1. บทพูดร้องที่ดี จะต้องเป็นอย่างไร
ก. เหมาะสมกับลักษณะของผู้แสดงแต่ละคราว
ข. ปรับปรุงไปตามความเหมาะสมกับเวลาและโอกาส
ค. เหมาะสมกับลักษณะของการละครและนิสัยของตัวละคร
ง. เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพและเหตุการณ์ของบ้านเมือง
2. อริสโตเติล ได้กล่าวถึงคณธรรมที่มนุษย์พึงปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วยกันไว้กี่ประการ
ุ
ก. 4 ประการ
ข. 5 ประการ
ค. 6 ประการ
ง. 7 ประการ
3. ข้อใดไม่ใช่ระดับของยักษในละคร
์
ก. ยักษ์ใหญ่
ข. ยักษ์เล็ก
ค. ยักษ์ในเมือง
ง. ยักษ์ต่างเมือง
4. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับหลักในการชมการแสดงนาฏศิลป์และละคร
ก. มีความเข้าใจเกี่ยวกับภาษาหรือค าร้องของเพลงต่างๆ
ข. มีความเข้าใจเกี่ยวกับดนตรีและเพลงต่างๆ
ค. ควรมีมารยาทในการชมการแสดง
ง. ถูกทุกขอ
้
31
5. ในการแสดงโขนเรื่อง รามเกียรติ์ แบ่งลีลาลักษณะของลิงออกเป็นกี่ลักษณะ
ก. 2 ลักษณะ
ข. 3 ลักษณะ
ค. 4 ลักษณะ
ง. 5 ลักษณะ
ุ
6. ข้อใดกล่าวถึงคณค่าด้านความเพลิดเพลินและความสุนทรีย์ของนาฏศิลป์และการละครของไทยได้ถูกต้อง
ี
่
ก. เป็นศิลปะที่มความอ่อนช้อยงดงาม มีการน าวรรณคดีไทยต่าง ๆ มาถายทอดเป็นท่าร่ายร า
ท าให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน
ข. การแสดงนาฏศิลป์และละครไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับความเชื่อต่าง ๆ จนเกิดการแสดงแก้บน
เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์พึงพอใจ
ค. การแสดงนาฏศิลป์และละครไทยเป็นเอกลักษณ์และมรดกของชาติที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์
สืบทอดและเผยแพร่ เพื่อมิให้สูญหายไป
ื
ง. น าการแสดงนาฏศิลป์และละครไทยมาแสดงต้อนรับแขกบ้านแขกเมองให้ผู้มาเยือนมีความสุข
ประทับใจที่ได้มาเยือน
7. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้อง
ก. ผู้วิจารณ์ต้องสามารถพูดหรือเขียนในสิ่งที่รับรู้ด้วยการฟัง ดู รู้สึก รวมทั้งการรับรู้คุณสมบัติ
ต่าง ๆ ของการแสดงได้
ข. ผู้วิจารณ์ต้องรู้จักการวิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆ ในผลงานการแสดงนาฏศิลป์ของไทย
ค. ผู้วิจารณ์ต้องใช้ความคิดเห็นส่วนตัวประกอบกับความรู้ หลักเกณฑ์ต่าง ๆ ในการตีความ
และประเมินผลในการวิจารณ์
้
ง. ถูกทุกขอ
ี่
8. ในวรรณกรรมมีตัวละครกประเภท
ก. 3 ประเภท
ข. 4 ประเภท
ค. 5 ประเภท
ง. 6 ประเภท
ู
9. ข้อใดกล่าวไม่ถกต้อง
ก. การวิจารณ์ผลงานนาฏศิลป์ ผู้วิจารณ์จ าเป็นต้องมีความรู้ในศิลปะสาขาที่วิจารณ์
ข. การวิจารณ์ผลงานนาฏศิลป์ ผู้วิจารณ์จ าเป็นต้องมีประสบการณ์เกี่ยวกับศิลปะ
ค. การวิจารณ์ผลงานนาฏศิลป์ ผู้วิจารณ์จ าเป็นต้องมีความสามารถในการสื่อสารเป็นอย่างดี
ง. การวิจารณ์ผลงานนาฏศิลป์ ผู้วิจารณ์จ าเป็นต้องจบสาขาวิชานั้น ๆ
32
10. ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ในการเรียนนาฏศิลป์
ก. ท าให้เป็นคนรื่นเริงแจ่มใส
ข. ท าให้ได้รับการยอมรับจากบุคคลต่างถิ่น
ค. ท าให้เกิดความจ าและปฏิภาณดี
ง. ช่วยให้เป็นคนที่มีบุคลิกท่าทางเคลื่อนไหวสง่างาม
33
กระดาษค าตอบแบบทดสอบหลังเรียน
เล่มที่ 4 ความงามและคุณค่านาฏศิลป์ไทย
ชื่อ...................................................เลขที่.............ชั้น...................
แบบทดสอบหลังเรียน
ค าตอบ
ข้อ ก ข ค ง คะแนน
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
คะแนนเต็ม 10 คะแนน
คะแนนที่ได้
ผ่าน หมายถึง ได้คะแนน 8 คะแนน ขึ้นไป
ไม่ผ่าน หมายถึง ได้คะแนนต่ ากว่า 8 คะแนน
34
บรรณานุกรม
กรมวิชาการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ :
์
องค์กรรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ (ร.ส.พ.).
เกริก ท่วมกลาง และคณะ. (2555). การพัฒนาสื่อ/นวัตกรรมทางการศึกษาเพื่อเลื่อนวิทยฐานะ.
พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : เยลโล่การพิมพ์ (1988) จ ากัด.
ธิดารัตน์ ภักดีรักษ์. (2557). หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน นาฏศิลป์ 4 – 6 ชั้นมัธยมศกษาปีที่ 4 – 6
ึ
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. เอมพันธ์ จ ากัด.
ึ
ี่
พัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.), สถาบัน. (2555). คู่มอครูนาฏศิลป์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท 6. กรุงเทพฯ :
ื
พัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.).
พาณี สีสวย. ดนตรีและนาฏศิลป์. (2526). พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : ธนะการพิมพ์.
สุมิตร เทพวงษ์. (2548). นาฏศิลป์ไทยส าหรับครูประถมศึกษา-อุดมศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ :
โอเดียนสโตร์.
ฉันทนา เอี่ยมสกุล. (2556). นาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์. อ.ก็อปปี้เซ็นเตอร์.
35