ถ้าฉันเป็นครูจะเป็นครูแบบไหน
ปณิธาน ไชยพันธุ์
ถ้าฉันเป็นครูจะเป็นครูแบบไหน
การเป็นครูคือสิ่ งหนึ่ งที่ใครหลายต่อหลายคนคาดหวัง อาจ
เป็นเพราะที่สามารถเข้าได้ถึงทุก ๆ คนในสังคมและเป็นอาชีพที่
ต้องคอยดูแลบุตรหลานของทุก คนเป็นอย่างดี ทำให้การเป็น
ครูจึงเป็นเหมือนการสวมหัวโขน ทุกคนคาดหวังว่าครูต้องเป็น
แบบอย่างที่ดี ครูต้องสามารถทำให้ลูกหลานของเค้าเก่ง ครู
ต้องรู้ทุกอย่าง และครูต้องพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา สิ่ งต่าง ๆ
เหล่านี้ เองทำให้เราในฐานะที่เป็นนั กศึกษาครูเกิดเป็นแรง
กระตุ้นเพื่อที่จะเป็นได้อย่างที่สั งคมและผู้ปกครองได้คาดหวัง
ถ้าฉันเป็นครูจะเป็นครูแบบไหน ? จากประสบการณ์ที่ได้ฝึก
ประสบการณ์ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็มทำให้กระผมได้เรียนรู้
อะไรหลาย ๆ อย่างนอกเหนื อจากการสอนแล้วกระผมก็ได้รู้จัก
ถึงคุณครู แต่ละแบบที่มีความแตกต่างกันออกไป
ถ้าฉันเป็นครูจะเป็นครูแบบไหน
แบบแรกคุณครูสายเนี้ ยบ รอบคอบและทุกอย่างต้องออกมา
อย่างถูกต้องและสมบูรณ์แบบ การเป็นครูแบบนี้ นั้ นมี
เอกลักษณ์ตรงที่เนื้ อหาและความถูกต้องต่าง ๆ ที่ได้สอนจะมี
ความละเอียดแล้วจะเป็นการฝึกการทำงานของนั กเรียนไปให้ตัว
ด้วย ทำให้นั กเรียนรู้จักการเคารพกฎระเบียบมากขึ้นอะไรคือสิ่ ง
ที่ควรทำและไม่ควรทำนั กเรียนจะรู้ได้เองจากการเรียนภายใน
คาบ แต่หากว่ามีนั กเรียนบางคนที่รู้สึกว่ามันกดดันมากเกินไป
อาจทำให้นั กเรียนไม่มีความสุขกับการเรียนเลยก็เป็นได้ แบบที่
สองคุณครูสายสนุกสนาน ที่มักจะเป็นที่ชื่นชอบของนั กเรียนจะ
ทำให้นั กเรียนไม่เครียดมากเวลาเรียน และนั กเรียนจะเข้าถึงครู
ได้ง่ายกว่า แต่ในบางครั้งอาจมีนั กเรียนที่ติดเล่นมากเกินไป
ทำให้นั กเรียนจะเสียมากกว่าได้ ดังนั้ นจากสร้างเส้นแบ่ง
ระหว่างนั กเรียนกับคุณครูนั้ นจึงเป็นสิ่ งที่ต้องมีเป็นอย่างมาก
ถ้าฉันเป็นครูจะเป็นครูแบบไหน
แต่หากจะมองในอีกมุมหนึ่ งการถามว่าถ้าฉันเป็นครูจะเป็นครู
แบบไหน ? ถ้าเราเปลี่ยนมุมมองในอีกมุมหนึ่ ง หากเราควรจะ
ถามว่า เด็กอยากได้คุณครูแบบไหน ? คำตอบนี่ อาจจะตอบ
โจทย์ได้เช่นเดียวกัน จากที่ถามมาจากนั กเรียนหลาย ๆ คน ก็จะ
ได้คำตอบประมาณนี้ “ครูที่ใจดีเป็นกันเอง ครูที่เข้าใจนั กเรียน
ในทุก ๆ เรื่อง ครูที่เรียนไปด้วยเล่นไปด้วย ครูที่หาอะไรใหม่ ๆ
มาให้นั กเรียนเสมอ ครูที่สอนวิชาการใช้ชีวิตด้วย” จากคำตอบที่
ได้รับมาเราจะเห็นได้ว่านั กเรียนตั้งความหวังไว้กับครูหลาย
อย่างมาก อาชีพครูจึงจะต้องสามารถที่จะตอบที่สิ่ งนั กเรียน
ต้องการไม่มากก็น้ อย ทำตามความสามารถให้เต็มที่ไม่ปล่อย
นั กเรียนให้ต้องถูกลืมไป ถ้าต้องการที่จะทำได้หนึ่ งสิ่ งที่คนเป็น
ครูไม่ควรลืมและต้องทำคือ การเปลี่ยนตนเองให้ทันกับยุคสมัย
เพราะในปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เด็กที่เติบโตมาก
ในปัจจุบันไม่เติบโตมาเหมือนกับที่เราเติบโต
ถ้าฉันเป็นครูจะเป็นครูแบบไหน
ดังนั้ นอย่างคิดและคาดหวังว่านั กเรียนเองจะเหมือนกับเรา ตัว
ครูเองต้องเปลี่ยนแปลงความคิด ต่อมาคือต้องถามนั กเรียนก่อน
ว่านั กเรียนเองต้องการอะไรต้องการเรียนแบบไหนแล้วเรามาจุดที่
เป็นตรงกลางร่วมกัน หากเราทำอย่างนี้ ได้ก็จะตอบรับกับความ
ต้องการของผู้เรียน มันจะกลายเป็นการเรียนรู้ที่ร่วมกันระหว่าง
ครูกับนั กเรียนไม่ใช่สิ่ งที่เราต้องการเพียงอย่างเดียว และทักษะที่
ขาดไม่ได้เกี่ยวกับจากสอนนั กเรียนจิตวิทยาเบื้องต้นการเร้าความ
สนใจให้ได้ภายใน 5-10 นาทีแรก มีความกล่าวไว้ว่าสมองของ
มนุษย์เรานั้ นจะมีประสิทธิภาพในการเรียนรู้สิ่ งต่าง ๆ ได้อย่างเต็ม
ที่ก็เพียงแค่ 15-20 แรกเท่านั้ น หลังจากนั้ นก็ขึ้นอยู่กับบุคคลว่าจะ
สามารถยืดระยะการใช้งานของสมองให้เต็มประสิ ทธิภาพได้เท่า
ไหร่ การทำเช่นนี้ จะทำให้ห้องเรียน
ถ้าฉันเป็นครูจะเป็นครูแบบไหน
กลายเป็นห้องเรียนแห่งความสุขจริง ๆ ไม่ใช่เป็นเพียงชื่อเท่านั้ น
การสอนไม่ควรจะเริ่มด้วยเนื้ อหาโดยทันทีการสร้างความเข้าใจ
เชื่อใจให้เด็กกล้าพูดกล้าคุยกับเราก่อนก็เป็นสิ่ งที่สำคัญ ถ้าเรา
ได้ใจของเด็กแล้วเรื่องการสอนหรือเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
อีกต่อไปครับ
คนจะเป็นครูอย่าไปสนใจคำพูดของคนอื่น เพราะสุดท้าย
เป้าหมายของเราคือตัวผู้เรียน ครูมีความสำคัญกับนั กเรียน
มากกว่าการที่มาสอนตอนเช้าเสร็จตอนเย็นกลับเพราะอย่าลืม
ว่าครึ่งชีวิต ครึ่งวันของนั กเรียนใช้ชีวิตอยู่กับเราคนที่ใช้ชีวิตและ
ใกล้ชิดกับนั กเรียนมากที่สุดก็คือเราถ้าเราไม่สนใจนั กเรียนแล้ว
ตัวนั กเรียนก็จะไปพึ่งใคร ทุกครั้งที่เราสอนเราเหนื่ อยเราท้อเรา
ต้องกลับมาถามตัวเราเองว่าเรามาเป็นครูทำไม ดึงความคิด
อุดมการณ์ ที่เราเคยตั้งไว้ว่าอยากเป็นครู กลับมาแล้วเราจะหาคำ
ตอบสำหรับคำถามของเราเจอ