The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทพากย์เอราวัณ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2021-11-02 23:08:17

บทพากย์เอราวัณ

บทพากย์เอราวัณ

บทพากยเ์ อราวณั
ครผู ูส้ อน นางสาวพนมพร อทุ ยั สวสั ดิ์

บทพากยเ์ อราวณั

บทพากยเ์ อราวณั เป็นบทพระราชนิพนธใ์ นพระบาทสมเด็จพระ
พุทธเลิศหลา้ นภาลยั เน้ือเร่ืองเริ่มตงั้ แต่อินทรชิตแปลงเป็ น
พระอนิ ทรเ์ พื่อลวงทพั พระลกั ษมณ์ จนกระทงั่ อนิ ทรชติ แผลงศร
พรหมาสตรส์ งั หารพระลกั ษมณ์ บทพากยน์ ้ีมีความดีเด่นดา้ น
วรรณศลิ ป์ ในการพรรณนา

ผูแ้ ต่ง

พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั

ลกั ษณะคาประพนั ธ์

บทพากยเ์ อราวณั แตง่ ดว้ ยคาประพนั ธป์ ระเภทกาพยฉ์ บงั ๑๖ มี
ทงั้ หมด ๔๐ บท มีลกั ษณะบงั คบั ดงั น้ี

๑. บทหน่ึงมี ๓ วรรค วรรคท่ี ๑ และวรรคที่ ๓ มวี รรคละ
๖ คา วรรคที่ ๒ มี ๔ คา รวม ๓ วรรคมีทงั้ หมด ๑๖ คา

๒. คาสุดทา้ ยของวรรคท่ี ๑ สง่ สมั ผสั ไปยงั คาสุดทา้ ยของ
วรรคที่ ๒

๓. ถา้ มีบทตอ่ ไปตอ้ งมีสมั ผสั ระหวา่ งบท คอื คาสุดทา้ ย
ของวรรคท่ี ๓ สง่ สมั ผสั ระหวา่ งบทไปยงั คาสุดทา้ ยของวรรคท่ี ๑ ใน
บทตอ่ ไป



เน้อื เรอ่ื งย่อบทพากยเ์ อราวณั

อินทรชิตแปลงกายเป็ นพระอินทรท์ รงชา้ งเอราวณั และแปลงกายกองทพั ของ
ตนใหเ้ ป็ นเทพและอมนุษย์ ไดแ้ ก่ ควาญชา้ งคือสารถีของอินทรชิตชื่อโลทนั
แปลงกายเป็ นเทพบุตรทพั หนา้ คือเทพารกั ษ์ ทพั หลงั คือครุฑ กินนร และนาค
ปี กซา้ ยคือวิทยาธร ปี กขวาคือคนธรรพ์ ทหารทุกนายมีอาวุธครบครัน ฝ่ าย
พระรามครนั้ ตื่นบรรทมและเสด็จยกทพั ไปกบั พระลกั ษมณ์ พระลกั ษมณ์
ทอดพระเนตรความยิ่งใหญข่ องกองทพั พระอนิ ทรแ์ ปลงจงึ ตรสั ถามสุครีพ สุครี
พทูลเตือนใหร้ ะวงั พระองค์ แต่อินทรชิตสงั่ ใหบ้ ริวารจบั ระบาถวายจนพระ
ลกั ษมณเ์ คล้ิมพระองค์ ทาใหอ้ นิ ทรชติ แผลงศรพรหมาสตรส์ งั หารพระลกั ษมณ์
ได้

วเิ คราะหค์ ณุ คา่ บทพากย์
เอราวณั

๑. คุณค่าดา้ นวรรณศลิ ป์
คณุ คา่ ดา้ นวรรณศิลป์ เป็นคณุ คา่ ทส่ี าคญั ดา้ นวรรณคดี ทาใหผ้ อู้ า่ นเหน็ สุนทรยี ภาพมี ๒ ประการ

ไดแ้ ก่ การพรรณนาเพ่ือสอื่ จนิ ตภาพ และการใชภ้ าพพจนเ์ ปรยี บเทยี บ
๑.๑ การพรรณนาเพอ่ื สอื่ จนิ ตนาการ
บทพากยเ์ อราวณั มีจดุ เดน่ ในหารพรรณนาสงิ่ ตา่ ง ๆ ซง่ึ ทาใหผ้ อู้ า่ นเกิดภาพ ดงั ตวั อยา่ งจาก

การพรรณนาชา้ งเอราวณั และกองทพั ของอนิ ทรชติ

ชา้ งเอราวณั เป็ นชา้ งทรงของพระอินทร์ เป็ นสตั วใ์ นจินตนาการ บทพากยเ์ อราวณั ตอนน้ีพรรณนา
ชา้ งเอราวณั ไวว้ า่ ชา้ งเอราวณั มีกายสขี าวเหมือนสสี งั ข์ มีเศียร ๓๓ เศียร แตล่ ะเศียรมีงา ๗ ก่ิง ที่
งดงามเหมือนเพชร งาแตล่ ะก่ิงมีสระบวั ๗ สระ สระแตส่ ระมีกอบวั ๗ กอ กอบวั แตล่ ะกอมีดอกบวั
๗ ดอก แต่ละดอกมีกลีบบวั บาน ๗ กลีบ ในแต่ละกลีบบวั บานน้ีมีเทพธิดารูปงาน ๗ องค์
เทพธิดาแตล่ ะองคม์ ีบริวารทเ่ี ป็ นหญิงงาม ๗ นาง แต่ละนางจบั ระบาราฟ้ อนรา่ ยราอย่างนางฟ้ า ที่
เศียรชา้ งทุกเศียรมีบุษบกวิมานซ่ึงงามราววิมานเวไชยนั ตข์ องพระอินทร์ ตวั ชา้ งเอราวณั ประดบั
ตกแตง่ ดว้ ยแกว้ นพรตั นแ์ ละทอง มีตาข่ายเพชรรตั นป์ ระดบั ประดาอย่างงดงาม การพรรณนาภาพ
ชา้ งเอราวณั เป็นดงั น้ี

ชา้ งนิรมิตฤทธแิ รงแข็งขนั เผอื กผอ่ งผวิ พรรณ
สสี งั ขส์ ะอาดโอฬาร์ เศียรหน่ึงเจด็ งา
สระหนึ่งยอ่ มมี
สามสบิ สามเศียรโสภา ดอกหนึ่งแบง่ บาน
ดงั เพชรรตั นร์ ูจี เจด็ องคโ์ สภา
อกี เจด็ เยาวมาลย์
งาหนึ่งเจด็ โบกขรณี
เจด็ กออบุ ลบนั ดาล

กอหน่ึงเจด็ ดอกดวงมาลย์
มกี ลีบไดเ้ จด็ กลีบผกา

กลบี หน่ึงมีเทพธดิ า
แน่งนอ้ ยลาเพานงพาล

นางหนึ่งยอ่ มมบี รวิ าร
ลว้ นรูปนิรมติ มายา

จบั ระบารารา่ ยสา่ ยหา ชาเลืองหางตา
ทาทดี งั เทพอปั สร ทุกเกศกุญชร
ซองหางกระวนิ
มีวมิ านแกง้ งามบวร ผา้ ทพิ ยป์ กตระพอง
ดงั เวไชยนั ตอ์ มรนิ ทร์

เครอ่ื งประดบั แกว้ เกา้ โกมิน
สรอ้ ยสายชนกั ถกั ทอง

ตาข่ายเพชรรตั นร์ อ้ ยกรอง
หอ้ ยพ่ทู กุ หคู ชสาร

การพรรณนากองทพั ของินทรชติ แสดงถึงความยิ่งใหญ่ และความพรอ้ ม ความยิ่งใหญ่และความงดงามของ
กองทพั ทาใหพ้ ระลกั ษมณส์ งสยั อนิ ทรชติ แปลงกายกองทพั ของตนใหเ้ ป็นเทพ และอมนุษย์ ตั้งแตค่ วาญชา้ ง
ช่ือโลทนั แปลงกายเป็ นเทพบุตร ทหารสี่เหล่า ไดแ้ ก่ ทพั หนา้ แปลงเป็ นเทพารกั ษ์ ทพั หลงั แปลงเป็ นครุฑ
กินนร และนาค ปีกซา้ ยแปลงเป็นวทิ ยาธร ปีกขวาแปลงเป็นคนธรรพ์ ทหารทุกนายมีอาวุธครบครนั ดงั น้ี

โลทนั สารถีขุนมาร เป็ นเทพบุตรควาญ
ขบั ทา้ ยทนี่ งั่ ชา้ งทรง เปล่ียนแปลงกายคง
ทพั หลงั สุบรรณ
บรรดาโยธาจตั รุ งค์
เป็ นเทพไทเทวญั

ทพั หนา้ อารกั ขไพรสณั ฑ์
กินนรนาคนาคา

ปีกซา้ ยฤาษิตวทิ ยา คนธรรพป์ ีกขวา
ตง้ั ตามตารบั ทพั ชยั โตมรศรชยั
รีบเรง่ ร้พี ล
ลว้ นถืออาวุธเกรยี งไกร
พระขรรคค์ ทาถว้ นตน

ลอยฟ้ ามาในเวหน
มาถึงสมรภมู ชิ ยั

๑.๒ การใชภ้ าพพจนเ์ ปรยี บเทียบ

ในบทพรรณนากองทพั ของพระรามมีการใชภ้ าพพจนเ์ ปรยี บเทยี บ เพื่อแสดงความยง่ิ ใหญแ่ ละ

บุญญาธกิ ารของพระราม ดงั น้ี

องึ อนิ ทเภรตี รี ะงม แตรสงั ขเ์ สยี งประสม

ประสานเสนาะในไพร

เสยี งพลโหร่ อ้ งเอาชยั เลอ่ื นลน่ั สนน่ั ใน

พิภพเพียงทาลาย

สตั ภณั ฑบ์ รรพตทงั้ หลาย ออ่ นเอยี งเพียงปลาย

ประนอมประนมชมชยั

พสุธาอากาศหวาดไหว เน้ือนกตกใจ

ซกุ ซอ่ นประหวน่ั ขวญั หนี

ลูกครุฑพลดั ตกฉิมพลี หสั ดนิ อนิ ทรี
คาบชา้ งก็วางไอยรา หกั ถอนพฤกษา
แหลกลลู่ ม้ ลง
วานรสาแดงเดชา เทวญั จนั ทรี
ถือตา่ งอาวุธยทุ ธยง โปรยทพิ มาลยั

ไมไ้ หลย้ งู ยางกลางดง
ละเอยี ดดว้ ยฤทธโิ ยธี

อากาศบดบงั สุรยิ ศ์ รี
ทกุ ชน้ั อานวยอวยชยั

บา้ งเปิดแกลแกว้ แววไว
ซอ้ งสาธุการบูชา

บุญญาธิการของพระรามเป็ นที่ประจกั ษ์แก่เทวดาและส่ิงมีชีวิตในโลก ผูอ้ ่านรบั รูจ้ ากการใชภ้ าพพจน์
เปรียบเทียบ ซง่ึ ไม่ไดก้ ลา่ วตรง ๆ ไดแ้ ก่ การใชอ้ ตพิ จนเ์ ปรยี บเทยี บอยา่ งเกินจรงิ คอื วา่ “เสยี งพลโหร่ า้ งเอา
ชยั เล่ือนลน่ั สนน่ั ใน พิภพเพียงทาลาย” นนั่ คอื กองทพั ของพระรามยิ่งใหญ่เกิดเสียงประโคมของเครื่องดนตรี
และเสียงโหร่ อ้ งดงั สนน่ั หวน่ั ไหวไปทงั้ ผืนแผน่ ดินราวกบั วา่ โลกจะพินาศ การใชบ้ ุคลาธิษฐาน ซ่ึงเป็ นการสมมติ
ใหส้ ่ิงไม่มีชีวติ แสดงอาการเหมือนมนุษยน์ น่ั คือ “สตั ภณั ฑบ์ รรพตทงั้ หมาย อ่อนเอียงเพียงปลาย ประนอม
ประนมชมชยั ” ความเกรียงไกรของกองทพั พระรามทาใหภ้ ูเขาทง้ั หลายในจกั รวาลอ่อนเอียงภูเขาท้ังหลายใน
จกั รวาลทาอาการเหมือนคนนอ้ มศีรษะพนมมือไหวพ้ ระราม สตั วต์ ่าง ๆ ตกใจแตกตื่นวง่ิ หนี นกหสั ดีลิงคซ์ ่ึง
กาลงั คาบชา้ งอยูก่ ็ตกใจจนปล่อยชา้ งหลุดจากปาก กล่าวถึงเทวดาวา่ อานวยพรแต่พระราม และโปรยดอกไม้
ทิพยถ์ วาย การใชภ้ าพพจน์เปรียบเทียบตอนน้ีจึงแสดงถึงบุญญาธิการของพระรามโดยไม่ไดก้ ล่าวตรง ๆ

๒. คุณค่าดา้ นนาฏศลิ ป์
บทพากย์เอราวณั มีคุณค่าดา้ นนาฏศิลป์ ใชเ้ ป็ นวรรณกรรมประเภทการแสดงโขน ซ่ึงมี

กระบวนการราเตน้ เป็นหลกั เนน้ การแสดงลีลาเคล่ือนไหวของตวั ละคร
ในการเล่นโขนใชค้ าพากยก์ บั คาเจรจาในการดาเนินเร่อื งโดยตลอด ตวั โขนในสมยั โบราณตอ้ งสวน

หนา้ (หวั โขน) ทุกตวั นอกจากตวั ตลก การสวมหวั โขนทาใหผ้ ูแ้ สดงรอ้ งเจรจาไม่ได้ จึงตอ้ งอาศัยบทพากยท์ า
หนา้ ท่ีเล่าเร่ือง บรรยาย และพรรณนาตวั ละคร ฉาก และเหตุการณต์ ่าง ๆ ท่ีตวั ละครไม่อาจทาได้ หรือทาได้
แต่ไม่ชดั เจน ดงั เช่นการพรรณนาภาพกองทพั พระรามทาใหเ้ ห็นวา่ มีเสียงโห่รอ้ งเอาชยั กึกก้องของกองทพั
พระราม ภาพภเู ขาทงั้ หลายในจกั รวาลเคลอ่ื นไหว สตั วต์ า่ ง ๆ ตกใจแตกตนื่ วงิ่ หนี ภาพเทวดาโปรยดอกไมท้ พิ ย์
เพ่ืออานวยพรแด่พระราม ลกั ษณดั งั กล่าวเนน้ กระบวนการราเตน้ เป็ นหลกั และมีความไพเราะงดงามของบท
พากยเ์ ป็นสว่ นประกอบ

สรปุ สาระสาคญั
บทพากยเ์ อราวณั เป็ นบทพระราชนิพนธใ์ นพระบามสมเด็จพระพุทธเลิศนภาลยั นาเน้ือเร่ืองมาจาก

รามเกียรติ์ ตอนอนิ ทรชติ แปลงเป็ นพระอนิ ทร์ เพ่ือลวงทพั พระลกั ษมณ์ จนกระทง่ั อนทรชติ แผลงศรพรหมาตร์
สงั หารพระลกั ษมณ์ บทพากยต์ อนน้ีเรยี กวา่ “คาพากยส์ น้ั ” เพราะเลอื กเน้ือเรอ่ื งเฉพาะตอนสน้ั ๆ มาแตง่ แตง่
ดว้ ยคาประพนั ธป์ ระเภทกาพยฉ์ บงั ๑๖ มที งั้ หมด ๔๗ บท ความดีเด่นของบทพากยเ์ อราวณั ตอนน้ีคอื คุณคา่
ดา้ นวรรณศิลป์ มี ๒ ประการ ไดแ้ ก่ การพรรณนาเพ่ือสอื่ จนิ ตภาพ และการใชภ้ าพพจนเ์ ปรียบเทียบ บทพากย์
เอราวณั จงึ มีคณุ คา่ ของวรรณคดี นน่ั คอื ทาใหผ้ อู้ า่ นเกิดสุนทรยี ภาพ


Click to View FlipBook Version