บทละครพูดคำฉันท์เรื่องมัทนะพาธา
ประวัติผู้แต่ง
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธฯ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ พระบาทสมเด็จ
พระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (1 มกราคม พ.ศ.
2424–26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468) เป็นพระ
มหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 6 ในราชวงศ์จักรี
เสด็จพระราช
สมภพเมื่อวันเสาร์ เดือนยี่ ขึ้น 2 ค่ำ
ปีมะโรง ตรงกับวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2424
เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 29 ในพระบาท
สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสวยราช
สมบัติเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม ปีจอ
พุทธศักราช 2453 และเสด็จสวรรคตเมื่อวัน
พฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 ปีฉลู
รวมพระชนมายุ 45 พรรษา เสด็จดำรงราช
สมบัติรวม 15 ปี
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระอัจฉริยภาพและทรงบำเพ็ญ พระราช
กรณียกิจในหลายสาขา ทั้งด้านการเมืองการปกครอง การทหาร การศึกษา การ
สาธารณสุข การต่างประเทศ และที่สำคัญที่สุดคือด้านวรรณกรรมและอักษรศาสตร์ ได้
ทรงพระราชนิพนธ์บทร้อยแก้วและร้อยกรองไว้นับพันเรื่อง กระทั่งทรงได้รับการถวาย
พระราชสมัญญาเมื่อเสด็จสวรรคตแล้วว่า “สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” พระองค์เป็นพระ
มหากษัตริย์ในพระราชวงศ์จักรีพระองค์แรกที่ไม่มีวัดประจำรัชกาล แต่ได้ทรงมีการการ
สถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวง หรือวชิราวุธวิทยาลัยในปัจจุบัน ขึ้นแทน ด้วยทรงพระ
ราชดำริว่าพระอารามนั้นมีมากแล้ว และการสร้างอารามในสมัยก่อนนั้นก็เพื่อบำรุงการ
ศึกษาของเยาวชนของชาติ จึงทรงพระราชดำริให้สร้างโรงเรียนขึ้นแทน
ความเป็นมาของบทละครพูดคำฉันท์เรื่องมัทนะพาธา
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดละครพูดตามแบบตะวันตก
มากได้ทรง พระราชนิพนธ์บทละครพูดไว้หลายเรื่อง แต่ส่วนใหญ่เป็นร้อย
แกวบทละครพูดคำกลอน มีเพียงเรื่องเดียวที่ทรงพระราชนิพนธ์ไว้เป็นบท
ละครพูดคำฉันท์คือเรื่อง มัทนะพาธาหรือตำนานแห่งดอกกุหลาบ มัทนะ
พาธาเป็นบทละครพูดคำฉันท์ 5 องก์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้เริ่มทรงพระราชนิพนธ์เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2466 ขณะทรงพระประชวร
และประทับอยู่ ณ พระราชวัง พญาไท ต่อจากนั้นเมื่อเสด็จพระราชดำเนิน
ประทับแรมตามที่ต่าง ๆ ก็ได้ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องมัทนะพาธาไปด้วยจนจบ
สมบูรณ์ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2466 นับได้ว่าใช้เวลาทรงพระราชนิพนธ์เพียง
1 เดือน 17 วันเท่านั้น
ต่อมาในเดือนมกราคม 2567 ได้ทรงแปลบทละครพูดคำฉันท์เรื่อง
มัทนะพาธาเป็นร้อยแก้วภาษาอังกฤษพร้อมด้วยอภิธานศัพท์ เมื่อทรงแปล
เสร็จในเดือนพฤษภาคม 2468 ก็ได้พระราชทานแก่พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่น
พิทยลาภพฤฒิยากร เพื่อให้พิจารณาทูลเกล้าฯ ถวายความเห็น พระว
รวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร กราบบังคมทูลว่าทรงเชี่ยวชาญภาษา
อังกฤษมาก น่าจะทรงพระราชนิพนธ์เป็นกลอนเปล่า (คำประพันธ์ที่กำหนด
จำนวนคำโดยไม่บังคับสัมผัสแต่เน้นจังหวะของเสียง) ตามแบบบทละครพูด
ของเชกสเปียร์ จึงได้ทรงพระราชนิพนธ์แปลใหม่เป็นร้อยกรองตามคำกราบ
บังคมทูล แต่ได้ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ถึงกลางองก์ที่ 4 ก็ทรงพระประชวรและ
เสด็จสวรรคตเสียก่อน
มัทนะพาธาเป็นบทละครพูดที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงคิดเรื่องขึ้นเองมิได้นำเนื้อเรื่องหรือตัดตอนมาจากเรื่องใด ๆ เมื่อจะเริ่ม
ทรงพระราชนิพนธ์ ได้ทรงพยายามหาคำบาลีสันสกฤตสำหรับชื่อดอกกุหลาบ
พระสารประเสริฐ (ตรีนาคะประทีป) ค้นได้ศัพท์ภาษาสันสกฤตว่า กุพฺชก แต่
ได้ทรงพระราชวินิจฉัยว่า ถ้าจะให้เป็นชื่อนางเอกอาจต้องเปลี่ยนเสียงพยางค์
หลังเป็น กุพฺชกา ซึ่งมีเสียงน่าฟัง แต่จะไปตรงกับศัพท์ที่แปลว่า นางค่อม
จึงทรงเลือกใช้คำว่า มัทนา เป็นชื่อนางเอก มัทนามาจากศัพท์ มทน แปลว่า
ความลุ่มหลงหรือความรัก เมื่อทรงพบศัพท์ “มทนพาธา” จากพจนานุกรม
สันสกฤตซึ่งมีความหมายว่า “ความเจ็บหรือเดือดร้อนแห่งความรัก” ซึ่งตรง
กับแก่นเรื่องของบทละครเรื่องนี้ จึงทรงใช้ชื่อว่า มัทนะพาธาหรือตำนานแห่ง
ดอกกุหลาบ
ลักษณะคำประพันธ์
บทละครพูดคำฉันท์ เรื่อง มัทนะพาธา ประกอบด้วยคำ
ประพันธ์หลายชนิด ดังนี้
1. กาพย์ 3 ชนิด คือ กาพย์ยานี 11 กาพย์ฉบัง 16 และ
กาพย์สุรางคนางค์ 28
2. ฉันท์ 21 ชนิด เช่น วิชชุมมาลาฉันท์ 8 อินทรวิเชียร
ฉันท์ 11 อุปชาติฉันท์ 11 ภุชงคประยาตฉันท์ 12 อินทวง
ศ์ฉันท์ 12 วสันตดิลกฉันท์ 14 เป็นต้น
หมายเหตุ : ตัวเลขที่ตามหลังชื่อฉันท์ หมายถึงจำนวน
คำใน 1 บาท
สุเทษณ์ มายาวิน
ตัวละคร
มัทนา
สุเทษณ์
นางมาแล้วไซร้ แต่ว่าฉันใด จึ่งไม่พูดจา
ถอดความ
(นางมาถึงแล้ว แต่ว่าทำไมนางจึงไม่ยอมพูดจากับข้า)
มายาวิน
นางยังงงงวย ด้วยฤทธิ์มนตรา แต่ว่าตูข้า จะแก้บัดนี้
ถอดความ
(เพราะว่านางยังอยู่ในมนต์สะกดของข้า แต่ว่าข้าจะแก้มนต์ ณ บัดนี้)
(พูดสั่งมัทนา)
ดูก่อนสุชาตา มะทะนาวิไลศรี
ยามองค์สุเทษณ์มี วรพจน์ประการใด,
นางจงทำนูลตอบ มะธุรสธตรัสไซร้ ;
เข้าใจมิเข้าใจ ฤก็ตอบพะจีพลัน.
ถอดความ
( ดูก่อน นางมัทนาผู้มีรูปโฉมงดงาม ถ้าหากว่าท่านสุเทษณ์ถามอะไรเจ้รจงตอบด้วยถ้อยคำที่
อ่อนหวาน ไม่ว่าเจ้าจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ตามก็จงตอบโดยเร็วพลัน)
มัทนา
เข้าใจละเจ้าข้า, ผิวะองค์สุเทษณ์นั้น
ตรัสมาดิฉันพลัน จะเฉลยพระวาที
ถอดความ
(ข้าเข้าใจแล้วถ้าหากองค์สุเทษณ์นั้น ตรัสถามอะไร หม่อมฉันจะตอบในทันที)
สุเทษณ์
อ้าโฉมวิไลยะสุปริยา มะทะนาสุรางค์ศรี,
พี่รักและกอบอภิระตี บมิเว้นสิเน่ห์นัก ;
บอกหน่อยเถิดว่าดะรุณิเจ้า ก็จะยอมสมัครรัก
ถอดความ
(มัทนานางฟ้าผู้แสนงาม พี่หลงรักเจ้ามานานไม่มีเว้นวาย บอกพี่มาหน่อยเถิดว่าเจ้าก็รักพี่เช่น
กัน
มัทนา
ตูข้าสมัครฤมิสมัคร ก็มิขัดจะคล้อยตาม.
ถอดความ
(หม่อมฉันจะรักท่านหรือไม่รักท่าน ก็ไม่สามารถขัดความเห็นของท่าน
จะคล้อยตามท่าน
สุเทษณ์
จริงฤานะเจ้าสุมะทะนา วจะเจ้าแถลงความ?
ถอดความ
(มัทนา นี่เจ้าพูดจริงหรือ ตอบข้ามา)
มัทนา
ข้าขอแถลงวะจะนะตาม สุระเทวะโปรดปราน.
ถอดความ
(หม่อมฉันขอตอบท่านว่า หม่อมฉันจะพูดในสิ่งที่ท่านต้องการ)
สุเทษณ์
รักจริงมิจริง ฤ ก็ไฉน อรไทบ่แจ้งการ?
ถอดความ
(รักจริงหรือไม่จริง เหตุใดน้องจึงไม่บอกกับพี่เล่า)
มัทนา
รักจริงมิจริงก็สุระชาญ ชยะโปรดสถานใด?
ถอดความ
(จะรักหรือไม่รักก็แล้วแต่พระองค์ทรงโปรด ว่าต้องการอย่างไร)
สุเทษณ์
พี่รักและหวังวธุจะรัก และบทอดบทิ้งไป.
ถอดความ
(พี่รักเจ้า และหวังว่าเจ้าจะรักพี่ และไม่ทอดทิ้งความรักของพี่ไป)
มัทนา
พระรักสมัครณพระหทัย ฤจะทอดจะทิ้งเสีย?
ถอดความ
(ตอนนี้ทรงรักหม่อมฉันอยู่ จะทรงทิ้งข้าไปได้อย่างไร)
สุเทษณ์
ความรักละเหี่ยอุระระทด เพราะมิอาจจะคลอเคลีย.
ถอดความ
(ความรักของพี่นั้นน่าระเหี่ยใจ เพราะไม่สามารถจะอิงแอบเจ้าได้)
มัทนา
ความรักระทดอุระละเหี่ย ฤจะหายเพราะเคลียคลอ?
ถอดความ
(ความรักของท่านนั้นจะหายจากความน่าละเหี่ยใจเพียงเพราะได้อิงแอบแนบชิดอย่างนั้นหรือ)
สุเทษณ์
โอ้โอ๋กระไรนะมะทะนา บมิตอบพะจีพอ?
ถอดความ
(โอ้ มัทนา ทำไมเจ้าไม่ตอบในสิ่งที่พี่ถาม)
มัทนา
โอ้โอ๋กระไรอะมระง้อ มะทะนามิพอดี!
ถอดความ
(โอ้ ท่านเทวดา มัทนาได้ตอบสิ่งที่ท่านถามมาแล้ว)
สุเทษณ์
เสียแรงสุเทษณ์นะประดิพัทธ์ มะทะนาบเปรมปรีดิ์.
ถอดความ
(เสียแรงที่พี่น่ะจงรักภักดีต่อเจ้า แต่เจ้ากลับไม่ยินดี)
มัทนา
แม้ข้า บ เปรมปฺริยะฉะนี้ ผิจะโปรดก็เสียแรง.
ถอดความ
(แม้ข้ายินดีหรือไม่ หากท่านจะรักหม่อมฉันต่อไปก็เสียแรงเปล่า)
สุเทษณ์
โอ้รูปวิไลยะศุภะเลิศ บมิควรจะใจแข็ง
ถอดความ
(โอ้นางผู้มีรูปร่างอันงดงามเป็นเลิศ มิควรใจแข็งกับพี่ขนาดนี้)
มัทนา
โอ้รูปวิไลยะมละแรง ละก็จำจะแข็งใจ.
ถอดความ
(โอ้ ถึงหม่อมจะมีรูปงดงาม แต่หม่อมฉันบอบบาง เพราะฉะนั้นใจหม่อมฉันจึงจำต้องแข็งแรง)
สุเทษณ์
หากพี่จะกอดวธุและจุม- พิตะเจ้าจะว่าไร?
ถอดความ
(ถ้าหากว่าข้าจะกอดและจูบเจ้า เจ้าจะว่าอย่างไร)
มัทนา
ข้าบาทจะขัดฤก็มิได้ ผิพระองค์จะทรงปอง.
ถอดความ
(หม่อมฉันขัดก็คงไม่ได้ สุดแล้วแต่ใจของท่านเถิด)
สุเทษณ์
ว่าแต่จะเต็มฤดิฤหาก ดนุกอดและจูบน้อง?
ถอดความ
(ว่าแต่เจ้าจะเต็มใจหรือไม่ หากพี่กอดและจูบเจ้า)
มัทนา
เต็มใจมิเต็มใจดนูก็ต้อง ปฏิบัติระเบียบดี.
ถอดความ
(เต็มใจหรือไม่เต็มใจ หม่อมฉันจะทำหน้าที่ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง)
สุเทษณ์
น่ะมายาวิน เหตุใดยุพิน
จึ่งเป็นเช่นนี้?
ดูราวละเมอ เผลอเลอฤดี ประดุจไม่มี ชีวิตจิตใจ,
คราใดเราถาม หล่อนก็ย้อนความ เหมือนเช่นถามไป.
ดังนี้จะยวน ชวนเชยฉันใด เปรียบเหมือนไป พูดกับหุ่นยนต์.
ถอดความ
(แน่ะ มายาวิน ทำไมนางจึงเป็นอย่างนี้? นางเหมือนคนที่กำลังละเมอไม่มีชีวิตจิตใจ คราวใดที่เรา
ถามอะไรไป หล่อนก็ย้อนเราเหมือนดังคำถามที่เราถามไปเหมือนต้องการจะยียวนกวนใจข้า
เปรียบเสมือนการพูดกับหุ่นยนต์)
มายาวิน
เทวะ,ที่นาง อาการเป็นอย่าง นี้เพราะฤทธิ์มนตร์;
โยคะ อันขลัง บังคับได้จน ให้ตอบยุบล ได้ตามต้องการ
แต่จะบังคับ ใครใครให้กลับ มโนวิญญาณ,
ให้ชอบให้ชัง ยืนยังอยู่นาน ย่อมจะเป็นการ สุดพ้นวิสัย
กว่า พระองค์ มีพระประสงค์ อยู่เพียงจะให้
นงคราญฉลอง รองพระบาทไซร้ ข้าอาจผูกใจ ไว้ด้วยมนตรา.
มิให้นงรัตน์ ดื้อดึงขึงขัด ซึ่งพระอัชฌา,
บังคับให้ยอม ประนอมเป็นข้า บาทบริจา ริกาเทวัญ.
ถอดความ
(ท่านสุเทษณ์ ที่นางเป้นอย่างนี้เป็นเพราะฤทธิ์แห่งเวทมนตร์ขลังซึ่ง สามารถบังคับให้ตอบเรื่อง
ราวได้ตามต้องการ แต่จะให้บังคับจิตใจของคนให้ชอบหรือเกียจนั้น หาทำได้ไม่ ถ้าหากพระองค์
มีพระแต่เพียงให้นางคอยรับใช้ท่าน ข้าสามารถผูกใจนางไว้ด้วยเวทมนตร์ไม่ให้นางดื้อดึง ขัดใจ
ท่าน บังคับให้นางยอมเป้นข้ารับใช้ท่านได้
สุเทษณ์
อ๊ะ! เราไม่ขอ ได้นางละหนอ โดยวิธีนั้น!
เสียแรงเรารัก สมัครใจครัน อยากให้นางนั้น สมัครรักตอ
ผูกจิตรด้วยมนตร์ แล้วตามใจตน ฝ่ายเดียวมิชอบ,
เราไฝ่ละโบม ประโลมใจปลอบ ให้นางนึกชอบ นึกรักจริงใจ.
ฉะนั้นท่านครู คลายเวทมนตร์ดู อย่าช้าร่ำไร,
หากเราโชคดี ครั้งนี้คงได้ สิทธิ์สมดังใจ รีบคลายมนตรา.
ถอดความ
(อ๊ะ เราไม่อยากได้นางโดยวิธีนั้น เสียแรงที่เรารักนางจากใจจริง เราอยากให้นางนั้นรักเราตอบ
ผูกใจด้วยเวทย์มนต์แล้วตามใจเราคนเดียวเป็นสิ่งที่ไม่ดี ข้าอยากให้นางรักเราด้วยใจจริง ฉะนั้น
ท่านครูจงรีบคลายเวทมนตร์เถิดหากว่าข้าโชคดี ครั้งนี้เราคงสมหวัง
มายาวิน
เอวํ เทวะ.
ถอดความ
( พะย่ะค่ะ ท่านเทวะ)
มายาวิน ที่พันผูกจิต
อันเวทอาถรรพณ์ อยู่บัดนี้นส
แห่งนางมิ่งมิตร จากจิตกัญญา
จงเคลื่อนคลายฤทธิ์
คลายคลายอย่าช้า สวัสดีสวาหาย!
ถอดความ
(อันเวทย์มนต์อาถรรพณ์แห่งข้า ที่ผูกพันจิตของนางอยู่บัดนี้ฤทธิ์
จากจิตของนางอย่าช้า เวทมนตร์จงหายไป)
สุเทษณ์
อ้ามัทนาโฉมฉาย เฉิดช่วงดังสาย วิชชุประโชติอัมพร
ไหนไหนก็เจ้าสายสมร มาแล้วจะร้อน จะรนและรีบไปไหน?
ถอดความ
( อ้า มัทนาโฉมงาม สว่างไสวดังสายฟ้าในท้องฟ้า ไหนๆ เจ้าก็มาแล้ร้อนรนรีบไปไหนเล่า?)
มัทนา
เทวะ,อันข้านี้ไซร้ มานี่อย่างไร บทราบสำนึกสักนิด;
จำได้ว่าข้าสถิต ในสวนมาลิศ และลมรำเพยเชยใจ,
แต่อยู่ดีดีทันใด บังเกิดร้อนใน อุระประหนึ่งไฟผลาญ
ร้อนจนสุดที่ทนทาน แรงไฟในราน ก็ล้มลงสิ้นสมฤดี.
ฉันใดมาได้แห่งนี้? หรือว่าได้มี ผู้ใดไปอุ้มข้ามา?
ขอพระองค์จงเมตตา และงดโทษข้า ผู้บุกรุกถึงลานใน.
ถอดความ
(องค์เทวะ หม่อมฉันมาที่นี่ได้อย่างไร ไม่ทราบสักนิด จำได้ว่าข้าอยู่ในสวนดอกไม้มีลมพัดชื่นใจ
แต่อยู่ดีๆ ก็เกิดร้อนในใจ ราวกับโดนไฟผลาญร้อนจนสุดที่จะทนได้ แล้วก็สิ้นสติลง หม่อมฉันมา
ที่แห่งนี้ได้อย่างไร หรือว่า มีใครไปอุ้มข้ามา ขอพระองค์จงทรงเมตตาและให้อภัยหม่อมฉันที่บุกรุก
ถึงลานใน)
สุเทษณ์
อ้าอรเอกองค์อุไร พี่จะบอกให้ เจ้าทราบคดีดังจินต์;
พี่เองใช้มายาวิน ให้เชิญยุพิน มาที่นี้ด้วยอาถรรพณ์
ถอดความ
(อ้า น้องผู้ยอดดวงใจ พี่จะบอกให้เจ้าทราบตามจริง พี่ใช้ให้มายาวินให้เชิญเจ้ามาที่นี่ด้วยเวทมนตร์)
มัทนา
เหตุใดพระองค์ทรงธรรม์ จึ่งทำเช่นนั้น ให้ข้าพระบาทต้องอาย
แก่หมู่ชาวฟ้าทั้งหลาย? โอ้พระฦๅสาย พระองค์จงทรงปรานี.
ถอดความ
(เหตุใดพระองค์จึงทำเช่นนั้น ให้หม่อมฉันต้องอับอายแก่เหล่านางฟ้าทั้งหลายโอ้พระองค์ได้
โปรดปรานีด้วยเถิด)
สุเทษณ์
อ้ายอดสิเนหา มะทะนาวิสุทธิศรี,
อย่าทรงพระโศกี วรพักตร์จะหม่นจะหมอง.
ถอดความ
(โอ้ มัทนายอดรัก อย่าร้องไห้ไปเลยใบหน้าของเจ้านั้นจะหม่นหมอง)
พี่นี้นะรักเจ้า และจะเฝ้าประคับประคอง
คู่ชิดสนิทน้อง บ่มิให้ระคางระคาย.
ถอดความ
(พี่นี้น่ะรักเจ้า และเฝ้าดูแลเจ้าเป็นคู่ชนิดสนิทกัน มิให้ระคายระเคืองใจเลย)
พี่รักวะธุนวล บ่มิควรระอาละอาย,
อันนาริกับชาย ฤก็ควรจะร่วมจะรัก
ถอดความ
(พี่รักเจ้าไม่ควรที่เจ้าจะระอายเลย อันผู้หญิงกับผู้ชายเกิดมาเพื่อจะร่วมรักกัน)
รูปเจ้าวิไลราว สุระแสร้งประจิตประจักษ์,
มิควรจะร้างรัก เพราะพะธูพิถีพิถัน
ถอดความ
รูปเจ้านั้นก็งดงามราวกับเนรมิต ไม่ควรจะขาดรักเลย ธาดาธสร้างองค์อรเพราะพิสุทธิสรรพ์
ไว้เพื่อจะผูกพัน ธนะ จิตตะจองฤดี.
ถอดความ
พระพรหมท่านสร้างไว้เพื่อให้ผูกพัน อันพี่สิบุญแล้วก็เผอิญประสบสุรี
และรักสมัครมี มนะมุ่งทะนุถนอม.
ถอดความ
บุญของพี่แล้วที่ได้มาพบน้อง และรักทนุถนอมน้อง
ขอโฉมเฉลาปลง พระฤดีประนีประนอม.
รับรักและยินยอม ดนุรักสมัครสมาน.
ถอดความ
ขอเจ้าจงยินยอมรับรักข้า และยินยอมดังที่พี่รักเจ้า
หากนางมิข้องขัด ประดิพัทธ์ประสมประสาน
ทั้งสองจะสุขนาน มนะจ่อบจืดบจาง.
ถอดความ
หากน้องมิขัดข้องอะไร เราจะรักกันยาวนานไม่จืดจาง
อ้าช่วยระงับดับ ทุขะพี่ระคายระคาง;
พี่รักอนงค์นาง ผิมิสมฤดีถวิล
ถอดความ
โปรดจงช่วยดับทุกข์ของพี่ พี่รักเจ้า หากได้เจ้าสมใจ พี่คงมีความสุขมาก
เหมือนพี่มิได้คง วรชีวะชีวิติน-
ทรีย์ไซร้บ่ไฝ่จิน- ตะนะห่วงและห่อนนิยม.
ถอดความ
แต่หากไม่เป็นเช่นนี้ พี่ก็คงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้
ชีพอยู่ก็เหมือนตาย เพราะมิวายระทวยระทม
ทุกข์ยากและกรากกรม อุระช้ำระกำทวี.
ถอดความ
มีชิวิตอยู่ก็เหมือนตาย เพราะมีแต่ความทุกข์ยาก ชอกช้ำระกำใจ
อ้าฟังดนูเถิด มะทะนาและตอบวจี
พอให้ดนูนี้ สุขะรื่นระเริงระรวย.
ถอดความ
(อ้า จงฟังพี่เถิด มัทนา และตอบพี่ พี่จะได้มีความสุข)
มัทนา
ฟังถ้อยดำรัสมะธุระวอน ดนุนี้ผิเอออวย.
จักเป็นมุสาวะจะนะด้วย บมิตรงกะความจริง.
ถอดความ
( หม่อมฉันฟังคำอ้อนวอนของท่าน ถ้าหากหม่อมฉันตามน้ำไปกับท่านด้วยก็จะเป็นการโกหก
เพราะไม่ตรงกับความจริง)
อันชายประกาศวะระประทาน ประดิพัทธะแด่หญิง,
หญิงควรจะเปรมกะมะละยิ่ง ผิวะจิตตะตอบรัก;
ถอดความ
( อันชายใดประกาศรักแก่หญิง ถ้าฝ่ายหญิงชอบก็จะรับรัก)
แต่หากฤดีบอะภิรมย์ จะเฉลยฉะนั้นจัก
เป็นปดและลวงบุรุษะรัก ก็จะหลงละเลิงไป.
ถอดความ
(แต่ถ้าหากไม่รัก ก็จะเป็นการหลอกลวง ถ้าหากว่ารับรัก ทำให้ฝ่ายชายหลงดีใจไป)
ตูข้าพระบาทสิสุจริต บมิคิดจะปดใคร,
จึ่งหวังและมุ่งมะนะสะใน วรเมตตะธรรมา.
ถอดความ
(สำหรับตัวหม่อมฉันนี้จริงใจ ไม่คิดที่จะโกหกใคร จึงหวังว่าพระองค์จะทรงพระเมตตาหม่อมฉัน)
อันว่าพระองค์กรุณะข้อย ฤก็ควรจะปรีดา,
อีกควรฉลองวรมหา กรุณาธิคุณครัน
ถอดความ
(อันว่าที่พระองค์ทรงพระกรุณาหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ควรจะดีใจและควรที่จะรับพระ
มหากรุณาธิคุณนั้น)
ดังนี้คะนึง ฤ ก็ระบม อุระแห่งกระหม่อมฉัน,
ที่ตน บ อาจจะอภิวัน- ทะนะตอบพระวาจา
ถอดความ
(ดังนั้น หม่อมฉันขออภัยจากใจจริงที่มิอาจจะยินดี ตอบรับในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระองค์
ได้)
ให้ถูกประดุจสุระประสงค์ ผิวะทรงพระโกรธา,
หมฺ่อมฉันก็โอนศิระณบา- ทะยุคลและกราบกราน.
ถอดความ
(ให้ถูกตามประพระสงค์ แม้ว่าพระองค์จะโกรธ หม่อมฉันก็กราบขออภัย)
สุเทษณ์
ที่หล่อนมิยินยอม มะนะรักสมัครสมาน,
มีคู่สะมรมาน อภิรมย์ฤเป็นไฉน?
ถอดความ
(ที่เจ้าไม่ยอมรักพี่ เพราะเจ้ามีคนรักอยู่แล้วอย่างนั้นหรือ)
มัทนา
หม่อมฉันบมีบุรุษผู้ ประดิพัทธะใดใด,
เป็นโสดบมีมะนะสะใฝ่ อภิรมย์ฤสมรส.
ถอดความ
( หม่อมฉันไม่มีชายใด ยังคงเป็นโสด ไม่มีใจใฝ่ในเรื่องรัก)
สุเทษณ์
เช่นนั้นก็เชิญฟัง ดนุกล่าวสิเนหะพจน์,
เจ้างามประเสริฐหมด ก็มิควรจะฤดีจะดำ
ถอดความ
ถ้าเช่นนั้นจงฟังพี่กล่าว เจ้าช่างงามยิ่งนัก ไม่ควรที่จะใจดำ)
มัทนา
หม่อมฉันสดับมะธุระถ้อย ก็สำนึกเสนาะคำ,
แต่ต้องทำนูลวะจะนะซ้ำ ดนุจะได้ทำนูลมา
ถอดความ
(หม่อมฉันฟังวาจาอ่อนหวานที่ท่านพูด ก็รู้สำนึกในคำไพเราะนั้น แต่ต้องกราบทูลซ้ำเหมือนเดิม
สุเทษณ์
นี่เจ้ามิยอมรับ รสะรักฉะนั้นฤจ๋า?
ตัวฉันจะเลวสา- หะสะด้วยประการไฉน?
ถอดความ
(ที่เจ้าไม่ยอมรับรักพี่ เพราะพี่เลวหรือไม่ดีตรงไหนหรือ)
มัทนา
อ๊าองค์พระผู้สุระวิศิษฏ์, พระจะผิดสะถานใด?
หม่อมฉันสิทรามเพราะบ่มิได้ อนุวัตน์พระบัณฑูร.
ถอดความ
(โอ้ พระองค์เทวดาผู้มีอำนาจ พระองค์จะผิดได้อย่างไร แต่หม่อมฉันสิที่เลว เพราะไม่สามารถ
กระทำพระกระแสรับสั่งของพระองค์ได้
สุเทษณ์
ยิ่งฟังพะจีศรี ก็ระตีประมวลประมูล,
ยิ่งขัดก็ยิ่งพูน ทุขะท่วมระทมหะทัย!
อ้าเจ้าลำเพาพักตร์ สิริลักษณาวิไล,
พี่จวนจะคลั่งไคล้ สติเพื่อพะวงอนงค์.
ถอดความ
ยิ่งฟังคำพูดที่น้องพูดมาทั้งหมด ก็ยิ่งขัดใจ ความทุกข์ท่วมท้นในใจ อ้าเจ้าผู้มีหน้าตาและรูป
ร่างที่งดงาม พี่หลงใหลเจ้าจนใกล้จะบ้าอยู่แล้ว
มัทนา
โอ่โอ๋ละเหี่ยอุระสดับ วรศัพทะท่านทรง
อ้อยอิ่งแสดงวรประสง- คะณตัวกระหม่อมฉัน
อยากใคร่สนองพระวรสุน- ทรคุณอเนกนั้น,
จนใจเพราะผิดคติสุธรรม์ สุจริตประติชฺญา.
ให้พระองค์อะมะระเท- วะเสวยประโมทา,
หม่อมฉันจะขอประณตะลา สุระราชลิลาศไป.
ถอดความ
(โอ้ ช่างสลดใจนัก คำพูดที่ท่านต้องการในตัวหม่อมฉัน หม่อมฉันอยาก จะตอบสนองท่าน แต่
หม่อมฉันก็จนใจเพราะผิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับตนเอง ขอให้พระองค์จงมีแต่ความสุข หม่อม
ฉันขอกราบทูลลา) (มัทนากราบแล้วตั้งท่าจะไป แต่สุเทษณ์จับข้อมือไว้ด้วยกิริยาออกจะโกรธ)
สุเทษณ์
ช้าก่อน! หล่อนจะไปไหน?
ถอดความ
(ช้าก่อน นี่เจ้าจะไปไหน)
มัทนา
หม่อมฉันอยู่ไป ก็เครื่องแต่ทรงรำคาญ
ถอดความ
(หม่อมฉันอยู่ไป ก็มีแต่จะทำให้ท่านรำคาญ
สุเทษณ์
ใครหนอบอกแก่นงคราญ ว่าพี่รำคาญ?
ถอดความ
ใครบอกแก่เจ้า ว่าพี่รำคาญ)
มัทนา
หม่อมฉันสังเกตเองเห็น
ถอดความ
(หม่อมฉันสังเกตเห็นด้วยตนเอง)
สุเทษณ์
เออ! หล่อนนี้มาล้อเล่น
อันตัวพี่เป็น คนโง่ฤาบ้าฉันใด?
ถอดความ
(เออ เจ้ามาล้อเล่นอย่างนี้ เห็นพี่เป็นคนโง่หรือคนบ้ารึ)
มัทนา
หม่อมฉันเคารพเทพไท ทูลอย่างจริงใจ
เก็บมิทรงเชื่อเลย, กลับ ทรงดำรัสตรัสเฉลย
ชวนชักชมเชย ละชิดสนิทเสนหา.
ถอดความ
(หม่อมฉันเคารพพระองค์ และทูลอย่างจริง พระองค์ก็ไม่ทรงเชื่อเลยกลับพูดชักชวนชมเชย
ให้ข้ารักตอบ)
พระองค์ทรงเป็นเทวา ธิบดีปรา กฏเกียรติยศเกรียงไกร,
มีสาวสุรางค์นางใน มากมวลแล้วไซร้ ในพระพิมานมณี,
ถอดความ
(พระองค์เป็นเทวดาผู้ยิ่งใหญ่ มีเกียรติยศปรากฏเกรียงไกร มีสาวสุรางค์นางในมากมายใน
วิมาน)
จะโปรดปรานข้าบาทนี้ สักกี่ราตรี? และเมื่อพระเบื่อข้าน้อย,
จะมิต้องนั่งละห้อย นอนโศกเศร้าสร้อย ชะเง้อชะแง้แลหรือ?
ถอดความ
(จะโปรดปรานหม่อมฉันสักกี่วันกี่คืนกัน และเมื่อพระองค์เบื่อข้าน้อยมิต้องโศกเศร้า ชะเง้อ
ชะแง้คอยมองหาท่านหรือ)
หม่อมฉันนี้เป็นผู้ถือ สัจจาหนึ่งคือ ว่าแม้มิรักจริงใจ,
ถึงแม้จะเป็นชายใด ขอสมพาสไซร้ ก็จะมิยอมพร้อมจิต.
ดังนี้ขอเทพเรืองฤทธิ์ โปรดข้าน้อยนิด, ข้าบาทขอบังคมลา.
ถอดความ
(หม่อมฉันเป็นผู้ถือสัจจะนั่นก็คือ ถ้าแม้ว่าหม่อมฉันไม่รักอย่างจริงใจถึงแม้จะเป็นชายใดขอร่วม
รัก ก็จะไม่ยินยอมพร้อมใจ ดังนั้นขอให้พระองค์ผู้เป็นเทพผู้มีฤทธิ์ จงทรงโปรดด้วยเถิด หม่อม
ฉันขอถวายบังคมลา)
สุเทษณ์
(ตวาด) อุเหม่!
มะทะนาชะเจ้าเล่ห์ ชิชิช่างจำนรรจา,
ตะละคำอุวาทา ฤกระบิดกระบวนความ.
ถอดความ
(อุเหม่ มัทนา เจ้านี้ช่างเจ้าเล่ห์นัก คำพูดแต่ละคำที่พูดออกมา มีแต่คำพูดที่ไม่ดีตลบตะแลง)
ดนุถามเจ้าก็ไซร้ บมิตอบณคำถาม,
วนิดาพยายาม กะละเล่นสำนวนหวน.
ถอดความ
(เมื่อข้าถาม เจ้าก็ไม่ตอบ พยายามเล่นสำนวนยอกย้อน)
ก็และเจ้ามิเต็มจิต จะสดับดนูชวน,
ผิวะให้อนงค์นวล ชนะหล่อนทะนงใจ.
ถอดความ
(ถ้าเจ้าไม่เต็มใจทำตามที่ข้าเอ่ยชักชวน หากแม้นข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ชนะเจ้าก็จะทะนงใจ)
บ่ มิยอมจะร่วมรัก และสมัครสมรไซร้,
ก็ดะนูจะยอมให้ วนิดานิวาสสวรรค์
ถอดความ
(เมื่อเจ้าไม่รับรักอย่างสมัครใจแล้ว ข้าก็จะยอมให้เจ้าไปจากสวรรค์)
ผิวะนางเผอิญชอบ มรุอื่นก็ข้าพลัน
จะทุรนทุรายศัล- ยะบ่อยากจะยินยล;
ถอดความ
(เพราะถ้าต่อไป เจ้าเผอิญไปชอบเทวดาคนอื่นเข้า ข้าก็จะทุรนทุรายโศกเศร้าไม่ยากจะเห็น ไม่
อยากจะได้ยิน)
เพราะฉะนั้นจะให้นาง จุติสู่ณแดนคน,
มะทะนาประสงค์ตน จะกำเนิดณรูปใด?
ถอดความ
(เพราะฉะนั้นข้าจะให้เจ้าจุติ ลงไปเกิดในโลกมนุษย์ มัทนา เจ้าประสงค์จะเกิดเป็นอะไรล่ะ)
ทวิบทจะตูร์บาท ฤจะเป็นอะไรไซร้,
วธุเลือกจะตามใจ และจะสาปประดุจสรร;
ถอดความ
(เกิดเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์สี่เท้า หรือจะเป็นอย่างอื่น ข้าจะตามใจเจ้าและข้าจะสาปให้เป็นเช่น
นั้น)
จะสถิตฉะนั้นกว่า จะสำนึก ณ โทษทัณฑ์
และผิวอนดนูพลัน จะประสาทพระพรให้
ถอดความ
(เจ้าจะอยู่ที่นั่น จนกว่าจะสำนึกถึงความผิดของตนเอง และอ้อนวอนต่อข้าแล้วข้าจะให้พรเจ้า)
วนิดาจรัลกลับ ณ ประเทศสุราลัย;
ก็จะชอบสะถานใด วธุตอบดนูมา.
ถอดความ
( ให้เจ้าคืนสู่สวรรค์ดังเดิม ตกลงเจ้าเลือกเป็นอะไร ตอบข้ามา)
มัทนา
อ้าเทพศักด์สิทธิ์ซึ่ง พระจะลงพระอาญา
ข้าเป็นแต่เพียงข้า บมิมุ่งจะอวดดี.
ถอดความ
(อ้า องค์เทวะผู้ศักดิ์สิทธิ ซึ่งพระองค์จะลงพระอาญาแก่หม่อมฉันนั้นหม่อมฉันเป็นเพียงแต่ข้า
รับใช้ ไม่ได้คิดจะอวดดี)
หม่อมฉันนี่อาภัพ และก็โชคบ่พึงมี,
จึ่งไม่ได้รองศรี วรบาทพระจอมแมน.
ถอดความ
(หม่อมฉันเป็นคนอาภัพและไม่มีโชค จึงไม่ได้รับใช้ท่าน)
อันทรงเมตตาควร จะประจบและตอบแทน
คุณท่านที่มากแสน คณนาประมวลมี.
ถอดความ
(ซึ่งที่พระองค์เมตตาสมควรจะตอบแทนบุญคุณอันมากมายของท่านที่มีต่อหม่อมฉัน
อันโปรดให้เลือกตาม ฤดิข้าณบัดนี้,
ขอเป็นซึ่งมาลี รุจิเรขวิไลวรรณ,
ถอดความ
(แล้วที่พระองค์โปรดให้เลือกตามใจหม่อมฉัน หม่อมฉันขอเกิดเป็นดอกไม้ที่สวยงาม)
สุดแท้แต่จอมสรวง จะประสิทธิ์ประสาทพันธุ์
ขอเพียงให้มีคัน- ธะระรื่นระรวยหอม.
ถอดความ (แล้วแต่พระองค์เถิด ว่าจะให้ว่าเป็นดอกไม้พันธุ์ใด ขอแต่เพียงให้มีกลิ่นรื่นรมย์หอม
ด้วยกลิ่นของข้าบาท ก็จะได้ประณตน้อม
ใจนิตย์บูชาจอม สุระบ่มบำเพ็ญบุญ,
ถอดความ
(ด้วยกลิ่นของหม่อมฉัน จะได้ส่งกลิ่นมาเป็นเครื่องบูชาพระองค์ ในยามที่พระองค์บำเพ็ญบารมี)
ข้าขอแต่เพียงให้ มรุทรงพระการุญ.
ให้ข้าได้ทำคุณ และประโยชน์บ่อยู่หมัน
ถอดความ
(ขอให้พระองค์ได้โปรดกรุณาให้หม่อมฉันได้ทำประโยชน์ไม่ได้อยู่เฉย ๆ ด้วยเถิด)
สุเทษณ์
ที่เจ้างอนง้อข้อนั้น
เรา จะยอมสรร- พะสิทธิดังใจจนต์.
ดูราท่านมายาวิน, นางนี้ถวิล จะถือรูปเป็นมาลี.
ถอดความ
(ที่เจ้าขอมานั้น เราจะจัดการให้เป็นไปตามใจของเจ้า ดูก่อน ท่านมายาวินนางมัทนามีความ
ประสงค์จะเกิดเป็นดอกไม้)
ก็บุปผาอย่างใดมี ที่งามทั้งสี อีกทั้งมีกลิ่นส่งไกล?
แต่ต้องให้มีหนามไว้ ป้องกันมิให้ เหล่าเดรัจฉานผลาญยับ.
ถอดความ
(มีดอกไม้อะไรที่งามทั้งสี และมีกลิ่นหอมส่งไปได้ไกล เพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าเดรัจฉานทำลาย)
มายาวิน
เทวะ! อันไม้งามสรรพ มีลักษณ์ต้องกับ พระองค์ดำรัสนั้นมี
ในนันทะโนทยานศรี, องค์พระศจี ธโปรดเป็นยอดมาลา.
เห็นมีแต่ในฟากฟ้า, ในแดนคนหา ไม้นี้มิได้แห่งไหน.
ถอดความ
(องค์เทวะ อันไม้ที่งามพร้อม มีลักษณะตามที่พระองค์ถามมานั้น มีอยู่ในสวนนันทวัน เป็นไม้ดอก
ที่พระเหสีของพระอินทร์โปรดปาน เห็นมีแต่บนสวรรค์เท่านัั้นไม่มีในแดนมนุษย์
สุเทษณ์
ไม้นี้มีนามฉันใด? ท่านจงเล่าให้ เราทราบซึ่งลักษณ์แถลง
ถอดความ
ไม้นี้มีชื่อว่าอะไร ท่านจงเล่าให้เราฟัง)
มายาวิน
ไม้เรียกผะกากุพฺ- ชะกะสีอรุณแสง
ปานแก้มแฉล้มแดง ดรุณีณยามอาย;
ถอดความ
(ไม้นี้ชื่อว่าดอกกุพชกะ มีสีแดงเหมือนแก้มผู้หญิงยามอาย)
ดอกใหญ่และเกสร สุวคนธะมากมาย,
อยู่ทน บ วางวาย มธุรสขจรไกล;
ถอดความ
(มีดอกขนาดใหญ่ และมีเกสร อยู่คงทน มีกลิ่นหอมส่งไปไกล)
อีกทั้งสะพรั่งหนาม ดุจะเข็มประดับไว้
ผึ้งเขียวสิบินไขว่ บมิใคร่จะห่างเหิน.
ถอดความ
(อีกทั้งมีหนามราวกับเข็มประดับไว้ ผึ้งบินอยู่ขวักไขว่ ไม่ยอมห่าง
อันกุพฺชะกาหอม บริโภคอร่อยเพลิน,
รสหวานสิหวานเชิญ นรลิ้มเพราะเลิศรส;
ถอดความ
(ดอกกุพชะกะนี้มีกลิ่นหอม รับประทานอร่อย มีรสหวานเป็นเลิศ)
กินแล้วระงับตรี พิธะโทษะหายหมด,
คือลมและดีลด ทุษะเสมหะเสื่อมสรรพ์;
ถอดความ
(กินแล้วระงับความเครียด ความโกรธ ทำให้รู้สึกดีขึ้น ช่วยขับเสมหะ)
อีกทั้งเจริญกา- มะคุณาภิรมย์นันท์,
เย็น ในอุราพลัน, และระงับพยาธี
ถอดความ
(อีกทั้งยังเจริญกามคุณ ช่วยให้ร่างกายเย็นลงทำให้หายป่วย และช่วยขับพยาธิ)
สุเทษณ์
ดีละ, จะให้มารศรี เป็นดอกไม้นี้ โฉมยงจะว่าฉันใด?
ถอดความ
ดีล่ะ เราจะให้เจ้าเป็นดอกไม้นี้ เจ้าจะว่าอย่างไร)
มัทนา
ไหนไหนจะเป็นดอกไม้, หม่อมฉันพอใจ เป็นดอกที่ออกนามมา.
ข้าขอก้มเกศวันทา ที่จอมเทวา การุญให้เลือกเช่นนี้.
ถอดความ
( ไหนๆ จะเป็นดอกไม้แล้ว หม่อมฉันพอใจเป็นดอกไม้ตามที่ท่านออกนามมาข้าขอกราบ
ขอบพระคุณที่กรุณาเลือกให้เช่นนี้)
สุเทษณ์
ด้วยอำนาจอิทธิ์ฤทธี อันประมวลมี ณ ตัวกูผู้แรงหาญ,
สาปมัทนานงคราญ ให้จุติผ่าน ไปจากสุราลัยเลิศ,
ถอดความ
(ด้วยอำนาจอิทธิฤทธิ์ที่ข้ามีทั้งหมด ข้าขอสาปนางมัทนาให้จุติจากสวรรค์)
สู่แดนมนุษย์และเกิด เป็นมาลีเลิศ อันเรียกว่ากุพฺชะกะ,
ให้เป็นเช่นนั้นกว่าจะ รู้สึกอุระ ระอุเพราะรักรึงเข็ญ.
ถอดความ
(ไปสู่แดนมนุษย์ เกิดเป็นดอกไม้อันเลิศ มีนามว่า กุพชะกะให้เป็นเช่นนั้นจนกว่าจะรู้สึกเป็น
ทุกข์เพราะความรัก)
ทุกเดือนเมื่อถึงวันเพ็ญ ให้นางนี้เป็น มนุษย์อยู่กำหนดมี
เพียงหนึ่งทิวาราตรี; แต่หากนางมี ความรักบุรุษเมื่อใด.
ถอดความ
(ทุกๆ เดือน เมื่อถึงวันเพ็ญ ขอให้นางกลับกลายเป็นมนุษย์เพียง แต่ถ้าหากนางมัทนามีความ
รักต่อชายเมื่อใด)
เมื่อนั้นแหละให้ทรามวัย คงรูปอยู่ไซร้ บ คืนกลับเป็นบุปผา.
หากรักชายแล้วมัทนา บมีสุขา รมย์เพราะเริดร้างรัก,
ถอดความ
(เมื่อนั้นแหละให้เจ้าคงรูปเป็นมนุษย์ ไม่ต้องคืนกลับเป็นดอกไม้ หากมัทนามีความรักแล้วไม่มี
ความสุขเพราะต้องร้างลาจากกัน)
และนางเป็นทุกข์ยิ่งนัก จนเหลือที่จัก อดทนอยู่อีกต่อไป,
เมื่อนั้นผิว่าอรทัย กล่าววอนเราไซร้ เราจึ่งจะงดโทษทัณฑ์
ถอดความ
(นางจะเป็นทุกข์ยิ่งนักจนไม่สามารถจะทนต่อไปได้ เมื่อนั้นหากว่านางกล่าวอ้อนวอนต่อเราไซร้
เราจะให้อภัย)
นางมทะนา
จุติอย่านาน จงมะละฐาน
สุระแมนสวรรค์,ไปเถอะกำเนิด
ณ หิมาวัน
ดั่งดนุลั่น
วตีสาปไว้!
ถอดความ
(มัทนา เจ้าจงจุติ ไปจากเมืองสวรรค์ แล้วกำเนิดในแดนหิมวันต์ ดังที่เราลั่นวจีสาปไว้)