แผนการจดั ประสบการณร์ ะดบั ปฐมวัย
หลักสูตรปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2560
สาระการเรียนรู้ ธรรมชาตริ อบตวั
ชั้นอนบุ าลปีที่ 3 ปกี ารศึกษา 2564
สัปดาห์ท่ี 35 หน่วย กลางวัน กลางคืน
จดั ทำโดย
นำงสำวผกำภรณ์ ปำนมำ
ครู ประจำช้ันอนุบำลปี ท่ี 3
โรงเรียนบ้ำนห้วยพลับ
ตำบลหนองตำแต้ม อำเภอปรำณบุรี จังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ์
สำนกั งำนเขตพืน้ ท่กี ำรศึกษำประถมศึกษำประจวบครี ีขนั ธ์ เขต 2
แผนกำรจดั ประสบกำรณ์
สัปดำห์ที่ 35 ช่ือหน่วย กลำงวนั กลำงคืน (วนั ท่ี 1)
กิจกรรมเสริมประสบกำรณ์ เวลำ 20 นำที
1. สำระสำคญั
ดวงอาทติ ยม์ ีลกั ษณะกลม ในตอนกลางวนั เรามกั จะเห็นดวงอาทิตย์ ส่วนตอนกลางคืนเราจะ
มองเห็นดวงจนั ทร์
2. จุดประสงค์กำรเรียนรู้
2.1 บอกความแตกต่างระหวา่ งกลางวนั และกลางคืนได้ (มฐ. 10 ตบช.1.1)
2.2 แสดงขอ้ คิดเห็นได้ (มฐ. 9 ตบช.1.1)
2.3 ฟังและพดู คาทีม่ ีเสียงใกลเ้ คียงกนั ได้ (มฐ. 9 ตบช.1.1)
3. สำระท่คี วรเรียนรู้
3.1 สาระท่ีควรเรียนรู้
1) ความแตกต่างระหวา่ งกลางวนั และกลางคนื
2) คาทม่ี ีเสียงใกลเ้ คยี งกนั
3.2 ประสบการณ์สาคญั
1) การทดลองส่ิงต่างๆ
2) การอธิบายเร่ืองทศิ ทางการเคลื่อนทีข่ องคนและสิ่งต่างๆ
3) การแลกเปล่ียนความคดิ เห็นและเคารพความคดิ เห็นของผอู้ ื่น
4. กจิ กรรมกำรเรียนรู้
4.1 เด็กและครูนงั่ เป็นรูปคร่ึงวงกลม แลว้ ร่วมกนั ปรบมือเป็ นจงั หวะ เพอื่ เป็ นการฝึกสมาธิ
4.2 เด็กและครูร่วมกนั ร้องเพลง “ดวงอาทิตยด์ วงจนั ทร์” โดยครูร้องนาและเดก็ รอ้ งตาม
4.3 เดก็ ร่วมกนั สงั เกตภาพต่างๆ ท่ีเป็ นภาพในเวลากลางวนั และกลางคืน แลว้ ร่วมกนั
สนทนาแสดงความคดิ เห็นถึงความแตกตา่ งของช่วงเวลาดงั กล่าวและกิจกรรมต่างๆ ทท่ี ากนั ในเวลาน้นั
4.4 เดก็ ร่วมกนั ทดลองการเกิดกลางวนั และกลางคนื โดยการทดลองนาเอาอุปกรณ์ คอื
ลูกโลกจาลอง ไฟฉาย (สมมตใิ หเ้ ดก็ ทถี่ ือไฟฉายเป็นดวงอาทิตย)์ แลว้ ครูใชค้ าถามดงั น้ี
- ซีกโลกทห่ี นั เขา้ หาดวงอาทิตยเ์ ป็ นอยา่ งไร
- ซีกโลกท่อี ยดู่ า้ นหลงั (ตรงขา้ มกนั ) เป็ นอยา่ งไร
- ส่วนของโลกทีม่ ืด เป็ นเวลาอะไร ส่วนทีส่ วา่ งเป็นเวลาอะไร เพราะเหตใุ ด
- ถา้ โลกน้ีไม่มีดวงอาทิตย์ จะเกิดอะไรข้ึน
4.5 เดก็ และครูร่วมกนั สรุปถึงเวลาที่เกิดความมืดและความสวา่ ง และทมี่ าของสิ่งทีท่ าให้
เกิดกลางวนั กลางคนื
4.6 เด็กดูบตั รภาพและคาทอ่ี อกเสียงใกลเ้ คียงกนั เช่น กา ตา , ปู งู , หู ดู , ดาว กาว
เป็นตน้ โดยออกเสียงตามครู
4.7 เดก็ ร่วมกนั พดู ทีม่ ีคาสระเหมือนกนั แต่มีความหมายต่างกนั โดยให้เด็กคิดหาคาใหม่
4.8 ใหท้ าแบบฝึกเสริมประสบการณ์ วนั ที่ 1
5. ส่ือและแหล่งเรียนรู้
5.1 เพลง ดวงอาทิตยด์ วงจนั ทร์
5.2 ลูกโลกจาลอง
5.3 ไฟฉาย
5.4 บตั รภาพและคา
6. กำรวดั และประเมินผล
6.1 วธิ ีการวดั
1) สงั เกตการบอกความแตกต่างระหวา่ งกลางวนั และกลางคนื
2) สงั เกตการแสดงขอ้ คดิ เห็น
3) สงั เกตการฟังและพดู คาทมี่ ีเสียงใกลเ้ คยี งกนั
6.2 เครื่องมือวดั
1) แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
6.3 เกณฑก์ ารประเมิน
ระดบั 3 หมายถึง ดี
ระดบั 2 หมายถึง พอใช้
ระดบั 1 หมายถึง ปรบั ปรุง
ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน รอ้ ยละ 80
แผนกำรจัดประสบกำรณ์
สัปดำห์ที่ 35 ช่ือหน่วย กลำงวันกลำงคนื (วันที่ 2)
กจิ กรรมเสริมประสบกำรณ์ เวลำ 20 นำที
1. สำระสำคญั
ดวงอาทติ ยม์ ีลกั ษณะกลม ตอนเชา้ ตรู่ดวงอาทิตยจ์ ะข้นึ ทางทิศตะวนั ออก และเวลาเยน็ เราเห็น
ดวงอาทติ ยต์ กทางทศิ ตะวนั ตก
2. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้
2.1 ร่วมสนทนาโตต้ อบกบั เพอ่ื นและครูได้ (มฐ. 9 ตบช.1.1)
2.2 รูท้ ศิ ทางและเวลาที่ดวงอาทติ ยข์ ้นึ และตกได้ (มฐ. 9 ตบช.1.1)
2.3 ร่วมกิจกรรมดว้ ยความสนใจ (มฐ. 12 ตบช.1.1)
3. สำระทคี่ วรเรียนรู้
3.1 สาระทค่ี วรเรียนรู้
1) ลกั ษณะรูปร่างของดวงอาทติ ย์
2) ทิศตะวนั ออก ทิศตะวนั ตก
3.2 ประสบการณ์สาคญั
1) การแลกเปลี่ยนความคิดและเคารพความคดิ เห็นของผอู้ ื่น
2) การฟังเร่ืองราว นิทาน คาคลอ้ งจอง คากลอน
3) การแสดงความรูส้ ึกดว้ ยคาพดู
4. กจิ กรรมกำรเรียนรู้
4.1 เดก็ นง่ั เป็นรูปคร่ึงวงกลม แลว้ ฟังนิทานเร่ือง “เจา้ แกละกบั ดวงอาทติ ย”์
4.2 เด็กและครูสนทนาแสดงความคิดเห็นเร่ือง ดวงอาทิตย์ โดยใชค้ าถาม ดงั น้ี
- ดวงอาทติ ยม์ ีรูปร่างลกั ษณะอยา่ งไร
- ดวงอาทติ ยข์ ้ึนและตกเวลาใด และทางทิศใด
4.3 เดก็ และครูช่วยกนั ปิ ดหนา้ ต่างทกุ บานในหอ้ งและปิ ดไฟฟ้าในหอ้ ง ทง้ิ ใหอ้ ยใู่ นความมืด
ประมาณ 2 นาที ช่วยกนั เปิ ดหนา้ ตา่ งและไฟฟ้า แลว้ ใชค้ าถาม เช่น
- ขณะปิ ดหนา้ ตา่ ง เด็กๆ รู้สึกอยา่ งไร ทาไมจ้งึ รู้สึกอยา่ งน้นั
- ถา้ ในโลกไม่มีแสงสวา่ งจะเป็นอยา่ งไร
4.4 เดก็ ช่วยกนั บอกกิจวตั รประจาวนั ของตนเองวา่ ทาอะไรไวบ้ า้ งในเวลากลางวนั
4.5 เด็กร่วมกนั ร้องเพลง “ยามเชา้ ตรู่”
4.6 เดก็ และครูช่วยกนั สนทนาสรุปเกี่ยวกบั ลกั ษณะทว่ั ๆ และการเคล่ือนท่ขี องดวงอาทิตย์
4.7 ใหท้ าแบบฝึกเสริมประสบการณ์ วนั ที่ 2
5. ส่ือและแหล่งเรียนรู้
5.1 นิทานเร่ืองเจา้ แกละกบั ดวงอาทิตย์
5.2 เพลง ยามเชา้ ตรู่
6. กำรวัดและประเมนิ ผล
6.1 วธิ ีการวดั
1) สงั เกตการร่วมสนทนาโตต้ อบกบั เพอื่ นและครู
2) สงั เกตการรูท้ ิศทางและเวลาท่ดี วงอาทติ ยข์ ้ึนและตก
3) สงั เกตการร่วมกิจกรรมดว้ ยความสนใจ
6.2 เคร่ืองมือวดั
1) แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
6.3 เกณฑก์ ารประเมิน
ระดบั 3 หมายถึง ดี
ระดบั 2 หมายถึง พอใช้
ระดบั 1 หมายถึง ปรบั ปรุง
ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน ร้อยละ 80
แผนกำรจดั ประสบกำรณ์
สัปดำห์ที่ 35 ชื่อหน่วย กลำงวนั กลำงคืน (วันท่ี 3)
กจิ กรรมเสริมประสบกำรณ์ เวลำ 20 นำที
1. สำระสำคญั
ประโยชนข์ องแสงแดด คือ ใหค้ วามอบอุ่นแก่ร่างกาย ทาใหน้ ้าระเหย ทาใหเ้ ส้ือผา้ ตากไวแ้ หง้
ทาใหพ้ ชื และสตั วเ์ จริญเตบิ โต ช่วยฆ่าเช้ือโรค ช่วยในการตากอาหารใหแ้ หง้
โทษของแสดงแดด คอื ทาใหไ้ ม่สบายเสลาตากแดดอยนู่ านๆ
2. จุดประสงค์กำรเรียนรู้
2.1 แสดงขอ้ คิดเห็นจากการทดลองได้ (มฐ. 9 ตบช.1.1)
2.2 รูป้ ระโยชนแ์ ละโทษของแสงแดดได้ (มฐ. 9 ตบช.1.1)
2.3 ร่วมกิจกรรมดว้ ยความสนใจ (มฐ. 12 ตบช.1.1)
3. สำระทีค่ วรเรียนรู้
3.1 สาระทค่ี วรเรียนรู้
1) ประโยชน์และโทษของแสงแดด
3.2 ประสบการณ์สาคญั
1) การแลกเปล่ียนความคิดและเคารพความคิดเห็นของผอู้ ่ืน
2) การทดลองส่ิงตา่ งๆ
4. กจิ กรรมกำรเรียนรู้
4.1 เดก็ นง่ั เป็นรูปคร่ึงวงกลม แลว้ เด็กสมั ผสั ร่างกายตามคาสงั่ เช่น แตะผม แตะไหล่ แตะ
เอวปรบมือ 1 คร้ัง เพอ่ื เป็นการฝึกสมาธิ
4.2 เด็กและครูร่วมเล่นเกม ปริศนาคาทายเก่ียวกบั แสงแดด เมื่อเด็กคดิ หาคาตอบไดแ้ ลว้
ครูพาเด็กออกไปนอกหอ้ งเรียน
4.3 เด็กและครูออกมาบริเวณนอกหอ้ งเรียนท่ีมีแสงแดด รอสกั ครู่แลว้ นาเดก็ เขา้ หอ้ งเรียน
แลว้ ร่วมกนั สนทนากบั เด็ก โดยใชค้ าถาม ดงั น้ี
- เด็กๆ รูส้ ึกอยา่ งไรทอ่ี อกไปยนื กลางแจง้
- เมื่อยนื กลางแดดนานๆ เร่ิมรอ้ นข้ึนหรือไม่ เพราะเหตใุ ด
4.4 เด็กและครูร่วมกนั สนทนาแสดงความคดิ เห็นถึงประโยชนแ์ ละโทษของแสงแดด
4.5 เด็กร่วมกนั ทดลองเรื่องความร้อนทีท่ าใหน้ ้าระเหย โดยใหเ้ ดก็ ซกั ผา้ 2 ผนื แลว้ นาไป
ตากไวก้ ลางแดด 1 ผนื ตามไวใ้ นร่ม 1 ผนื แลว้ ร่วมกนั สงั เกตและเปรียบเทียบ ผา้ ท้งั สองผนื ต่างกนั
อยา่ งไร
4.6 เดก็ และครูร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั ประโยชนแ์ ละโทษของแสงแดด
4.7 ใหท้ าแบบฝึกเสริมประสบการณ์ วนั ท่ี 3
5. ส่อื และแหลง่ เรยี นรู้
5.1 ผา้ เช็ดหนา้ ขนาดเลก็ ๆ
5.2 ปริศนาคาทาย
6. กำรวดั และประเมนิ ผล
6.1 วธิ ีการวดั
1) สงั เกตการแสดงขอ้ คิดเห็นจากการทดลอง
2) สงั เกตการรูป้ ระโยชนแ์ ละโทษของแสงแดด
3) สงั เกตการร่วมกิจกรรมดว้ ยความสนใจ
6.2 เครื่องมือวดั
1) แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
6.3 เกณฑก์ ารประเมิน
ระดบั 3 หมายถึง ดี
ระดบั 2 หมายถึง พอใช้
ระดบั 1 หมายถึง ปรบั ปรุง
ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน ร้อยละ 80
แผนกำรจัดประสบกำรณ์
สัปดำห์ท่ี 35 ชื่อหน่วย กลำงวันกลำงคนื (วันท่ี 4)
กจิ กรรมเสริมประสบกำรณ์ เวลำ 20 นำที
1. สำระสำคญั
ในเวลากลางคืน จะมีแสงสวา่ งจากดวงจนั ทร์และดวงดาว ดวงจนั ทร์มีลกั ษณะเป็ นวงกลม
บางคร้ัง วงเรียว ไม่กลมตลอด มีเสียงสีนวล ส่วนดวงดาวมีแสงระยบิ ระยบั
2. จุดประสงค์กำรเรียนรู้
2.1 บอกลกั ษณะเวลากลางคืนได้ (มฐ. 9 ตบช.1.1)
2.2 รูแ้ ละเขา้ ใจลกั ษณะของดวงจนั ทร์และดวงดาวได้ (มฐ. 9 ตบช.1.1)
2.3 รู้ลาดบั ท่ี 1 – 10 ได้ (มฐ. 9 ตบช.1.1)
3. สำระที่ควรเรียนรู้
3.1 สาระที่ควรเรียนรู้
1) ลกั ษณะเวลากลางคืน
2) การรูล้ าดบั ท่ี 1 – 10
3.2 ประสบการณ์สาคญั
1) การรอ้ งเพลง
2) การนบั สิ่งตา่ งๆ
3) การแสดงความรู้สึกดว้ ยคาพดู
4. กจิ กรรมกำรเรียนรู้
4.1 เดก็ นงั่ เป็นรูปคร่ึงวงกลม ปรบมือพรอ้ มกนั เป็นจงั หวะ เพอ่ื เป็นการฝึกสมาธิ
4.2 เด็กและครูร่วมกนั สนทนาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ดวงจนั ทร์ โดยใชค้ าถาม ดงั น้ี
- ดวงจนั ทร์มีรูปร่างลกั ษณะอยา่ งไร
- แสงของดวงจนั ทร์และดวงดาวแตกต่างกนั หรือไม่อยา่ งไร
4.3 เด็กและครูร่วมสนทนาเกี่ยวกบั ลกั ษณะของกลางวนั และกลางคนื และนาภาพสตั วท์ ่ี
ออกหากนิ ในเวลากลางคนื มาใหด้ ู
4.4 เด็กและครูร่วมกนั รอ้ งเพลง “ดวงจนั ทร์” โดยครูร้องนาและเดก็ ร้องตาม
4.5 ขออาสาสมคั รจานวน 10 คน ออกมายนื เขา้ แถวหนา้ กระดาน 1 แถว ใหน้ บั เรียง
ลาดบั 1 – 10 โดยเดก็ ๆ ที่เหลือช่วยกนั รอ้ งเพลงดวงจนั ทร์ ส่วนเด็กทีอ่ าสาสมคั รอีก 10 คน ทาทา่ ทาง
ประกอบเพลงโดยใหเ้ ดก็ คนที่ 1 เป็นดวงจนั ทร์ เด็กลาดบั ที่ 2 – 10 แสดงบทบาทสมมตเิ ป็นดวงดาวทอ
แสงระยบิ ระยบั ตามลาดบั ทีข่ องการนบั ทีละดวง
4.6 เด็กและครูร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั ลกั ษณะของดวงจนั ทร์และดวงดาว
4.7 ใหท้ าแบบฝึกเสริมประสบการณ์ วนั ที่ 4
5. ส่ือและแหล่งเรียนรู้
5.1 ภาพสตั วท์ ่ีออกหากินในเวลากลางคนื
5.2 เพลง ดวงจนั ทร์
6. กำรวดั และประเมนิ ผล
6.1 วธิ ีการวดั
1) สงั เกตการบอกลกั ษณะเวลากลางคนื
2) สงั เกตการรูแ้ ละเขา้ ใจลกั ษณะของดวงจนั ทร์และดวงดาว
3) สงั เกตการรูล้ าดบั ท่ี 1 – 10
6.2 เคร่ืองมือวดั
1) แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
6.3 เกณฑก์ ารประเมิน
ระดบั 3 หมายถึง ดี
ระดบั 2 หมายถึง พอใช้
ระดบั 1 หมายถึง ปรับปรุง
ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน รอ้ ยละ 80
แผนกำรจัดประสบกำรณ์
สัปดำห์ที่ 35 ชื่อหน่วย กลำงวนั กลำงคืน (วันที่ 5)
กิจกรรมเสริมประสบกำรณ์ เวลำ 20 นำที
1. สำระสำคญั
ในเวลากลางวนั ไม่ควรเล่นท่ีมีแสงแดดจา้ นานๆ เพราะจะทาใหไ้ ม่สบายได้ ส่วนในเวลา
กลางคนื ไม่ควรออกไปเดินในท่มี ืดๆ อาจไดร้ บั อนั ตรายจากสตั วท์ ี่ออกหากินในเวลากลางคนื ได้
2. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้
2.1 บอกวธิ ีปฏบิ ตั ติ นในเวลากลางวนั กลางคนื ได้ (มฐ. 9 ตบช.1.1)
2.2 นบั ปากเปล่า 1 – 30 ได้ (มฐ. 9 ตบช.1.1)
2.3 ร่วมกิจกรรมดว้ ยความสนใจได้ (มฐ. 12 ตบช.1.1)
3. สำระที่ควรเรียนรู้
3.1 สาระท่คี วรเรียนรู้
1) การปฏบิ ตั ิตนในเวลากลางวนั และกลางคนื
3.2 ประสบการณ์สาคญั
1) การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความเคารพความคิดเห็นของผอู้ ื่น
2) การฟังเรื่องราว นิทาน คาคลอ้ งจอง คากลอง
4. กิจกรรมกำรเรียนรู้
4.1 เด็กนงั่ เป็นรูปคร่ึงวงกลม แลว้ เดก็ สมั ผสั ร่างกายตามคาสง่ั เช่น แตะผม แตะไหล่ แตะเอว
ปรบมือ 1 คร้งั เพอ่ื เป็นการฝึกสมาธิ
4.2 เด็กและครูสนทนาถึงกิจกรรมต่างๆ จากภาพและข่าวเก่ียวกบั การปฏบิ ตั ิกิจกรรมตา่ งๆ ใน
เวลากลางวนั และกลางคนื แลว้ ใชค้ าถาม ดงั น้ี
- เด็กๆ ทากิจกรรมใดบา้ งในเวลากลางวนั
- เด็กๆ ทากิจกรรมใดบา้ งในเวลากลางคนื
- ในเวลากลางคืน ถา้ ไม่มีแสสงสวา่ งจากดวงอาทิตย์ ใชแ้ สงจากแหล่งอ่ืนได้
หรือไม่ อะไรบา้ ง
- ทาไมเดก็ ๆ ไม่มาโรงเรียนในเวลากลางคืน
4.3 เดก็ และครูร่วมสนทนาสรุปเกี่ยวกบั การปฏิบตั ติ นในเวลากลางวนั กลางคนื
4.4 เด็กและครูร่วมกนั พดู คาคลอ้ งจอง “พระจนั ทร์เจา้ ขา”
4.5 ใหท้ าแบบฝึกเสริมประสบการณ์ วนั ที่ 5
5. สื่อและแหล่งเรียนรู้
5.1 ภาพและข่าวเกี่ยวกบั การปฏิบตั ิกิจกรรมตา่ งๆ
5.2 คาคลอ้ งจองพระจนั ทร์เจา้ ขา
6. กำรวดั และประเมนิ ผล
6.1 วธิ ีการวดั
1) สงั เกตการบอกวธิ ีปฏบิ ตั ิตนในเวลากลางวนั กลางคืน
2) สงั เกตการนบั ปากเปล่า 1 – 30
3) สงั เกตการร่วมกิจกรรมดว้ ยความสนใจ
6.2 เคร่ืองมือวดั
1) แบบสงั เกตพฤติกรรม
6.3 เกณฑก์ ารประเมิน
ระดบั 3 หมายถึง ดี
ระดบั 2 หมายถึง พอใช้
ระดบั 1 หมายถึง ปรบั ปรุง
ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน รอ้ ยละ 80