ทฤษฎีวัวสองตัว
เมื่ออยู่ผู้เดียว ไม่ต้องแข่งขัน อยู่สบาย แต่เมื่อเห็นวัวอีกตัวเข้ามา
ใกล้ก็รู้สึกว่า มีคู่แข่ง เกรงว่าจะไม่พอต้องรีบกิน
มนุษย์ต้องการแข่งขัน เมื่อแข่งขันแล้วก็ต้องการเป็นผู้ชนะ
ต้องมอบงานให้แข่งขันกัน ตัวเดียวจะเฉื่อยถ้าสองตัวจะรีบ
เปรียบเทียบการปฏิบัติงาน เทียบผลงาน สุดท้ายแล้ว
ผลควรเป็น win –win
แ ห ล่ ง ค ว า ม รู้ เ พิ่ ม เ ติ ม
ทฤษฎีระบบ
การเอาแนวความคิดเชิงระบบเข้ามาใช้ในการบริหาร
ด้วยเหตุผลที่ว่าในปัจจุบันองค์การขยายตัวสลับซับซ้อนมาก
ขึ้น จึงเป็นการยากที่พิจารณาถึงพฤติกรรมขององค์กรได้
หมดทุกแง่ทุกมุม นักทฤษฎีบริหารสมัยใหม่ จึงหันมาสนใจ
การศึกษาพฤติกรรมขององค์การ เพราะคนเป็นส่วนหนึ่งของ
ระบบองค์การ องค์การเป็นส่วนหนึ่งของระบบสังคม
ความหมายทฤษฎีระบบ
ระบบในเชิงบริหารหมายถึงองค์กร
ประกอบหรือปัจจัยต่าง ๆ ที่มีความสัมพันธ์
กันและมีส่วนกระทบต่อปัจจัยระหว่างกันใน
การดำเนินงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของ
องค์การ
องค์ประกอบพื้นฐานของ
ทฤษฎีระบบ
1. ปัจจัยการนำเข้า Input
2. กระบวนการ Process
3. ผลผลิต Output
4. ผลกระทบ Impact
อ้างอิง : พิริยะ อนุกุล. ใน Gotoknow สืบค้นจาก :
https://www.gotoknow.org/posts/63380 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564.
การประยุกต์ใช้
ทฤษฎีในการเป็นผู้บริหารมีหลากหลายรูปแบบ สิ่งที่
ผู้บริหารต้องรู้คือ รู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร ทำอย่างไร ทำ
โดยวิธีการใด เมื่อไร เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับ
สถานการณ์ของปัญหานั้น ๆ ว่าควรจะแก้ปัญหาอย่างไร
905-502
หลักการและทฤษฎีทางการบริหาร
19 กันยายน 2564
หลักการบริหารและวิวัฒนาการ
วิวัฒนาการพัฒนาตามลำดับเริ่มจากอดีต แรกๆ
มนุษย์ยังขาดประสบการณ์บริหาร ลองผิดลองถูก มีการ
แลกเปลี่ยนกันในวงจำกัด ถ่ายทอดไปยังทายาท ลูกศิษย์
หรือลูกจ้าง
นพพงษ์ บุญจิตราดุล
แบ่งการบริหารเป็น 3 ยุค
1. แบบวิทยาศาสตร์ ได้แก่ Frederick W.Taylor ,
Henri Fayol , uther H. Gulickและ Lyndall Urwick
2. แบบมนุษย์สัมพันธ์ ได้แก่ Mary P. Follet , Elton Mayoและ
Fritz J. Rocthlisberger
3. ยุคผสมผสานสองยุคแรกเข้าด้วยกัน เป็นยุคบริหารเชิง
พฤติกรรมศาสตร์ ได้แก่ Chester I. Barnard และ
Herbert A. Simon
Luthur Gulick and Lyndall Urwick
บริหารแบบวิทยาศาสตร์ หวังผลงานเป็นใหญ่
สรุปย่อได้ว่า POSDCoRB
ทฤษฎีการจัดการตามระบบราชการ
องค์การควรจะบริหารแบบมีเหตุผลและไม่เป็นส่วนตัว
ลักษณะสำคัญขององค์การแบบราชการ ดังนี้
1. แบ่งงานกันทำเฉพาะด้าน
2. ระบุสายการบังคับบัญชาชัดเจน
3. ถูกคัดเลือกบนคุณสมบัติทางเทคนิค
4. การบริหารจะถูกแยกจากกัน
5. ความสัมพันธ์ไม่เป็นส่วนตัว
6. กำหนดกฎระเบียบอย่างเป็นทางการ
Frederick W.Taylor
บิดาแห่งการจัดการที่มีหลักเกณฑ์
ใช้วิธีการดังนี้
1. ศึกษางานและพัฒนาวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับ
งานแต่ละอย่าง
2. ฝึกอบรมและมอบงานที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละคน
3. ประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างผู้บริหารและพนักงาน
4. แบ่งงานในส่วนต่างๆ และพัฒนาวิธีการจ่ายค่าจ้าง
ต่อหน่วยแบบสองระดับ
Henri Fayol
ทฤษฎีการจัดการแบบหลักการบริหาร
POCCoC
1. การวางแผน
2. การจัดองค์การ
3. การบังคับบัญชาหรือการสั่งการ
4. การประสานงาน
5. การควบคุม
เอลตัน เมโย
นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด
เริ่มต้นด้วยการสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างสภาพ
แวดล้อมทางกายภาพกับประสิทธิภาพในการทำงานและ
สภาพแวดล้อมทางกายภาพถูกกำหนดโดยปัจจัยต่อไปนี้
1. ความเข้มข้นของแสงสว่าง
2. ระดับของอุณหภูมิ
3. เงื่อนไขทางกายภาพในการทำงานอื่นๆ
แ ห ล่ ง ค ว า ม รู้ เ พิ่ ม เ ติ ม
หลักคิดง่ายๆ
การบริหารจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสถานการณ์
จะเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจ รูปแบบการบริหารที่เหมาะสมและ
ผู้บริหารจะต้องพยายามวิเคราะห์สถานการณ์ให้ดีที่สุด โดยเป็น
การผสมผสานแนวคิดระหว่างระบบปิดและระบบเปิด และยอมรับ
หลักการของทฤษฎีระบบว่าทุกส่วนของระบบจะต้องสัมพันธ์ และ
มีผลกระทบซึ่งกันและกัน
อ้างอิง : ปพนสรรค์ โพธิพิทักษ์. ใน NSRU BLOG สืบค้นจาก :
https://blog.nsru.ac.th/ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564.
สรุปแนวคิด
1. ข้อตกลงเบื้องต้นในการทำงาน ให้เข้ากับกฎเกณฑ์ของกลุ่มที่ปฏิบัติกัน
2. กลุ่ม มีอิทธิพลจูงใจและสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของแต่ละบุคคลได้
3. การให้รางวัล และการลงโทษ
4. การควบคุมบังคับบัญชา เป็นนักฟังที่ดี ให้โอกาสคนงานมีส่วนร่วมใน
การแก้ปัญหา
5. การบริหารแบบประชาธิปไตย ได้ผลงานดีมาก ถ้าปล่อยให้เค้าทำเองโดยมีการ
ควบคุมน้อยที่สุด
การประยุกต์ใช้
การบริหารคนให้มีคุณภาพ จำเป็นต้องใช้ทฤษฎีและ
วิธีการที่หลากหลาย เพราะแต่ละคนมีพื้นฐานความเป็น
มนุษย์ที่แตกต่างกันไป เราเป็นผู้บริหารจึงจำเป็นต้องรู้จัก
ทุกคน เพื่อจะได้บริหารจัดการบุคคลเหล่านั้นให้ดึงศักยภาพ
ของตนเองออกมาให้ได้มากที่สุด
905-502
หลักการและทฤษฎีทางการบริหาร
26 กันยายน 2564
การบริหารแบบถ่วงดุล Robert Balanc Score Card (BSC)
Dr.David Norto ที่ปรึกษาด้านการจัดการกำหนดตัวชี้วัด KPI
กระจายงานที่ชัดเจนทุกงาน มุ่งความสำเร็จ
1. ตัวชี้วัดสี่มุมมอง = การเงิน, ลูกค้า, กระบวนการ, พัฒนา
2. มุมมองทางการศึกษา = วิชาการ, บุคลากร, งบประมาณ, ทั่วไป
3. วัตถุประสงค์มุมมองด้านกระบวนการภายใน = รวดเร็ว มีคุณภาพ
4. การเรียนรู้และพัฒนา = พัฒนาบุคลากร, รักษาการทำงาน
ที่มีคุณภาพ, เปิดโอกาส, มีเทคโนโลยีสารสนเทศที่ดี
ขอบเขต (BSC)
1. วัตถุประสงค์ คือ สิ่งที่องค์กรมุ่งหวัง บรรลุในแต่ละด้าน
2. ตัวชี้วัด สิ่งที่แสดงให้เห็นว่า องค์กรบรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่
3. เป้าหมาย
- เชิงปริมาณ ค่าตัวเลขที่ตั้งไว้เพื่อให้บรรลุค่านั้นๆ Output
- เชิงคุณภาพ เช่น อ่านออกเขียนได้ Outcome
4. แผนงาน โครงการที่ตั้งใจ แผนการทำงานเป็นลำดับขึ้น
กระบวนการจัดทำ (BSC)
1. SWOT วิเคราะห์
2. VISION สิ่งที่ควรทำและทำได้
3. BSC กระจายงาน
4. INDICATOR ตัวชี้วัด
5. IMPLEMENT ปฏิบัติ
ประโยชน์และความสำคัญ (BSC)
1. ทำให้วิสัยทัศน์ ภารกิจชัดเจน ไปสู่การทำงานได้
2. เกิดการสื่อสาร วัตถุประสงค์เชื่อมโยง
3. เกิดการวางแผนและกำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์
4. เกิดการย้อนกลับสำหรับผู้บริหาร
ว่าได้ปฏิบัติตามหรือไม่
Bench marking
การทำเครื่องหมาย
ต้องใช้องค์กรอื่นในบางเรื่อง โดย 4 วิธี
1. เปรียบเทียบคู่แข่งโดยตรง เพื่อเปรียบคู่แข่งโดยตรง เอาข้อดีมาใช้
2. เปรียบเทียบมาตรฐานของตนเอง กำหนดตัวเลข ทำให้ผ่านตามมาตรฐาน
3. เปรียบเทียบกับหน่วยงานต่างๆ ภายในองค์กร ประหยัดและง่าย
เช่น พาไป ดูห้องทำงานอื่นที่ดีกว่า แล้วนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้งาน
4. เปรียบเทียบทั่วไปในกิจกรรมที่ต่างกัน
การทำ Bench marking
1. แต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง
2. ฝึกอบรม
3. เลือกวิธี
4. จรรยาบรรณ
5. ประชาสัมพันธ์
ขั้นตอน Bench marking
1. วางแผน
2. วิเคราะห์
3. บูรณาการ
4. ปฏิบัติ
จรรยาบรรณ Bench marking
1. ต้องถูกกฎหมาย 2. หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
3. เต็มใจแลกเปลี่ยน 4. รักษาความลับขององค์กรที่ให้ข้อมูล
5. ใช้ข้อมูลให้ถูกประเภท 6. ต้องเคารพให้เกียรติกันและกัน
7. มีการเตรียมตัว 8. ทำให้สำเร็จแล้วแจ้งคู่เปรียบเทียบ
9. เข้าใจกัน รู้เขารู้เรา
ประโยชน์ของ Bench marking
1. เว้นช่องว่าง
2. งานดีที่สุด
3. ได้เรียนรู้จากที่อื่น
4. สร้างจุดแข็งได้
5. มีความสามัคคี
CEO (CHIEF EXECATIVE OFFICER)
ผู้บริหารสูงสุด มีอำนาจสูงสุด ในการบริหารองค์กร
หน้าที่ของ CEO
1. ฝัน
2. ขายความฝัน ให้ผู้อื่นทำ
3. สร้างความฝันให้เป็นจริง ส่งเสริมสนับสนุน
ปัจจัยส่งเสริม CEO
1. ปัจจัยภายนอก
- สิ่งที่ควบคุมไม่ได้
2. ปัจจัยภายใน คุณลักษณะในตัว
- ความรู้ภูมิปัญญา ความสามารถ คุณธรรมภาวะผู้นำ
ศักยภาพ CEO
- ประสานงาน ความร่วมมือ
- ประสิทธิภาพ
- สั่งการเป็น มีคุณภาพ
ปัญหาทุกปัญหา เกิดจาก 3 สาเหตุ
1. โง่ ไม่มีความรู้
2. จน ไม่มีเงิน
3. เจ็บ ป่วย
การพัฒนาสู่จุดหมายตามลำดับขั้น
1. ความจำเป็นพื้นฐาน
2. ความเป็นธรรม
3. การพึ่งพาตนเอง
4. ประชาชนมีส่วนร่วม
คุณลักษณะของ CEO ที่เก่ง
1. จัดการคนเก่ง
2. ต้องใฝ่หาความรู้
3. แก้ปัญหา ป้องกันและพัฒนา
ไม่ใช่ขัดข้อง
การประยุกต์ใช้
ในการทำงาน เราต้องรู้จักสังเกตข้อบกพร่องต่าง ๆ
แล้วนำมาแก้ไขให้ตรงจุด และที่สำคัญต้องรู้จักเรียนรู้ตลอด
เวลา เพื่อให้ตนเองเป็นคนทันโลกและสามารถเผชิญกับ
เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น บางครั้งเราอาจมองไม่เห็น
ปัญหา ซึ่งต้องหาข้อมูลจากคนรอบข้างและต้องเคารพ ให้
เกียรติผุ้ให้ข้อมูลด้วย
905-502
หลักการและทฤษฎีทางการบริหาร
13 ตุลาคม 2564
TQM (Total quality management)
การบริหารคุณภาพทั่วทั้งองค์กร ทุกสิ่งที่ทำ
เกี่ยวข้องกับคนอื่นเสมอ การมอบหมายให้คนอื่นทำ
เน้นคุณภาพ แนวคิดเกี่ยวกับ
- คุณภาพ - มีมาตรฐาน
- บอกวิธีใช้ ใช้ให้ถูกต้อง - ไม่โง่ ไม่ฟุ่มเฟือย
- คุ้มค่า คุ้มราคา - ประโยชน์ที่ใช้
Brain Storming
การระดมความคิดเห็น
การบริหารงานที่มีคุณภาพต้องทำให้เป็นปัจจุบัน
ส่วนใหญ่ใช้แบบออนไลน์ สะดวก ง่าย และระดมได้ทุกคน
ECRS
E ลดขั้นตอนที่สูญเปล่า
c รวบรวมขั้นตอน
R จัดลำดับ สะดวกขึ้น
s ง่ายขึ้น
งานตรวจสอบเพื่อปรับปรุงของ
ออสบอร์น
- มีตัวตายตัวแทน งานไม่สะดุด - ยืดหยุ่น
- แก้ไข - ทดแทน
- นำกลับมาใช้ใหม่ - รวมกัน
ผลดีจาก TQM
- ดีกว่าเดิม
- สูญเสียลดลง
- ขจัดขยะ
- บริการเร็วกว่าเดิม
TEAM
ทำงานร่วมกันหลายคน
วัตถุประสงค์เดียวกัน เสียสละ
ผูกพันเพื่อส่วนรวม คนฉลาดจะรวมกัน
หลาย ๆ คนเพื่อทำงาน
ทำไมต้องทำงานเป็นทีม
- ไม่มีสองคนที่เหมือนกัน
- เก่งคนเดียว เก่งได้ไม่นาน
- หลายหัวดีกว่าหัวเดียว
ขั้นตอนการทำงานเป็นทีม
- กำหนดเป้าหมายร่วมกัน
- วางแผนการทำงาน
- กำหนดกิจกรรม
- แบ่งงานให้สมาชิกของทีม
- ปฏิบัติจริงตามแผน
- ติดตามผลและนิเทศงาน
- ประเมินขั้นสุดท้าย
ทีมที่ดีควรเป็นอย่างไร
- สมาชิกทุ่มเทกำลังกาย ความคิด
เพื่องานและความสำเร็จ
- ทุกคนตระหนักว่าเป็นผลงานของ
ทีมไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง
- ทุกคนแสดงความคิดเห็นอย่าง
จริงใจ เปิดเผย
การบริหารแบบมีส่วนร่วม
- การจูงใจ
- บุคลิกภาพ
- การเข้าใจองค์กร
หลักการ
- บริหารจูงใจให้ผู้ร่วมงานมี
ส่วนร่วมตัดสินใจ ร่วมรับผิดชอบ
- เห็นความสำคัญของผู้ร่วมงาน
- เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานมีส่วนร่วม
ในการบริหารงาน
แ ห ล่ ง ค ว า ม รู้ เ พิ่ ม เ ติ ม
แนวทางการระดมสมองที่ดี
1. เปิดโอกาสให้สมาชิกทุกคน ได้แสดงความคิดเห็นอย่างเป็นอิสระ
2. รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
3. เน้นให้มีปริมาณของความคิดเห็นให้ออกมายิ่งมากยิ่งดี โดยที่ยัง
ไม่ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงและเหตุผล (Free Thinking)
4. พยายามให้สมาชิกมีแนวความคิดออกมาหลากหลาย
5. ไม่ควรมีการวิพากษ์วิจารณ์ข้อดีข้อด้อยของความคิดเห็นที่ถูก
เสนอขึ้นมา ในระหว่างที่มีการแสดงความคิดเห็น
อ้างอิง : สถาบันฝึกอบรมและให้คำปรึกษาแนะด้วยการพัฒนาการบริหารลูกค้าอย่างเป็นระบบ
ลิงค์ http://www.impressionconsult.com/web/articles/447-brainstorming.html
สืบค้นวันที่ 10 พฤษจิกายน 2564
การประยุกต์ใช้
การเป็นผู้บริหารที่ดีต้องมีการนำการทำงานเป็นทีม
มาประยุกต์ใช้ในการบริหารโดย การทำงานเป็นทีมจะ
สมบูรณ์ได้จำเป็นต้องใช้ความพยายามอย่างเป็นระบบและ
ต่อเนื่องยาวนาน จนเป็นที่พึงพอใจของสมาชิกทุกคนแล้ว
สมาชิกจะรักษาสถานภาพที่ดีของทีมไว้เพื่อพัฒนางานให้
เจริญก้าวหน้าต่อไป