The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kwanjit, 2020-03-05 03:15:31

ชุดที่ 5 การสื่อสารข้อมูลและสื่อกลางในการสื่อสารข้อมูล

เล่ม-5-Edit-240618

1

คำชแี้ จงสำหรับนักเรยี น

นักเรยี นตอ้ งรถู้ ึงบทบาทของนกั เรยี น ดงั นี้
1. หัวหน้ากล่มุ มีหน้าทด่ี ังนี้
1.1 เป็นผู้นําในการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่ม เพื่อให้ทุกคนทําตามคําชี้แจงในการประกอบ

กจิ กรรมใหเ้ ป็นไปตามขั้นตอน
1.2 ควบคุมดูแลการทำงาน หรือการประกอบกิจกรรมภายในกลุ่มให้เป็นระเบียบ

เรยี บรอ้ ย ไมส่ ง่ เสียงดงั รบกวนกล่มุ อน่ื
1.3 เปน็ ตวั แทนกลมุ่ ออกไปอภิปรายหน้าชัน้ เรยี นหรอื สรปุ งานกลุ่ม

2. เลขานกุ าร มีหนา้ ทีด่ งั น้ี
2.1 เปน็ ผู้แจกแบบฝกึ กิจกรรมต่างๆ ให้กับเพ่ือนในกลุ่ม
2.2 เปน็ ผู้อา่ นเฉลยแตล่ ะกิจกรรมให้เพ่อื นฟังเพื่อตรวจคําตอบ
2.3 เป็นผู้รวบรวมแบบฝึกกิจกรรมต่างๆ เมื่อหมดเวลา และประสานงานกับกลุ่มอื่น

เพ่อื ส่งสลบั แบบฝกึ กิจกรรมกนั ตรวจ หรอื สง่ ครูตรวจ
3. สมาชกิ กล่มุ มหี นา้ ที่ ดังน้ี
3.1 ปฏิบัตกิ ิจกรรมดว้ ยความต้งั ใจ และใหท้ ันตามกําหนดเวลา โดยไม่ชวนเพื่อนคุยหรือ

เลน่ กัน
3.2 ศกึ ษาใบความรู้ เนื้อหา กจิ กรรม และปรกึ ษาหารอื กนั ภายในกลุม่
3.3 ร่วมอภปิ รายและสรปุ ผลจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมกลมุ่
3.4 ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มทุกขั้นตอน และเป็นตัวแทนหัวหน้าหรือ

เลขานุการกลมุ่ ในกรณที ่ีไม่มาหรอื มเี หตุอื่นทีจ่ าํ เป็น
3.5 ชว่ ยเก็บวสั ดอุ ปุ กรณ์ ส่อื การสอนตา่ งๆ ของกลมุ่ ตนเองใส่ซองให้เรยี บร้อย

1

แผนภมู ิลำดบั ขั้นการเรียนรู้

ผเู้ รียน
ศกึ ษามาตรฐานการเรยี นรู้

ตวั ชี้วดั
ศึกษาสาระสำคญั
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ทดสอบกอ่ นเรียน
ปฏิบัตกิ จิ กรรมตามลำดับขน้ั ตอน
ทดสอบหลงั เรียน

ผา่ น ไม่ผา่ น

2

สาระสำคญั

สาระท่ี 3 เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร
เทคโนโลยสี ารสนเทศเปน็ สว่ นหน่ึงท่ีทําให้การดํารงชีวิตของเราในทุกวันนี้มีความสะดวกสบาย

ขึ้น การมีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ สารสนเทศต่างๆ หรือการพัฒนาระบบเทคโนโลยี
สมัยใหม่และการสื่อสาร จะทําให้เรารู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงไปของโลกปัจจุบันและนำมาปรับใช้
ใหเ้ กิดประโยชนก์ บั ชวี ิตประจำวนั ของเราได้

สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
ระบบส่อื สารขอ้ มูล ประกอบด้วย ข่าวสาร ผสู้ ่ง ผู้รบั สือ่ กลาง โพรโทคอล
วธิ กี ารถ่ายโอนข้อมลู แบบขนาน และแบบอนกุ รม

มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ง 3.1 เข้าใจ เห็นคุณค่า และใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบค้น
ข้อมูล การเรียนรู้ การสื่อสาร การแก้ปัญหา การทำงาน และอาชีพอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล
มคี ุณธรรม

ตัวช้ีวดั
ง 3.1 ม. 4-6/3 อธบิ ายระบบส่อื สารข้อมลู สำหรบั เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์

จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายบทบาทของการสอ่ื สารขอ้ มลู และประโยชน์ของเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์
2. อธบิ ายองคป์ ระกอบและหลักการพ้นื ฐานของระบบการสือ่ สารข้อมูล

3

ใบความรู้ เร่ือง การสื่อสารขอ้ มลู และสอ่ื กลางในการสื่อสารขอ้ มลู

 บทบาทของการส่ือสารข้อมูล
การติดตอ่ สอื่ สารเปน็ การพูดคยุ หรือส่งข่าวกันของมนษุ ย์ ซงึ่ อาจเป็นการแสดงออกด้วยท่าทาง

การใช้ภาษาพูดหรือผ่านทางตัวอักษร โดยส่วนใหญ่เป็นการสื่อสารในระยะใกล้ ต่อมาเมื่อเทคโนโลยี
ก้าวหน้ามากขึ้นมีการพัฒนาอุปการณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับใช้ในการสื่อสาร ทำให้สามารถสื่ อสาร
ได้ในระยะไกลและสะดวกรวดเร็วมากยง่ิ ข้ึน เช่น โทรเลข โทรศพั ท์ และโทรสาร

สำหรับการตดิ ต่อส่ือสารระหวา่ งเครอื่ งคอมพิวเตอร์หลายเครื่องในเวลาเดียวกันที่เรียกว่าระบบ
เครือข่าย (Network) มีการพัฒนาให้ดีขึ้นเป็นลำดับ จากในอดีตการใช้งานคอมพิวเตอร์จะเป็น
คอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ เช่น เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ การใช้งานจะมีการเชื่อมต่อไปยังเครื่อง
ปลายทางหรอื เทอร์มนิ ลั (Terminal) หลายเครือ่ ง ซึ่งถือวา่ เปน็ การติดต่อส่ือสารระหวา่ งคอมพิวเตอร์
กบั เทอร์มินลั ในยุคแรก

ต่อมามีการพัฒนาไมโครคอมพิวเตอร์หรือซีพี ซึ่งมีขนาดความสามารถในด้านความเร็ว
การทำงานสูงขึ้น และมีราคาต่ำลงมากเมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ทำให้มีการใช้งาน
ทแ่ี พรห่ ลายมากยิ่งขึ้น และมีความต้องการที่จะเช่ือมต่อคอมพิวเตอร์เหล่านน้ั เข้าด้วยกัน นอกเหนือจาก
การเชื่อมต่อเทอร์มินัลเข้ากับคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ดังเช่นผ่านมา และได้มีการกำหนดมาตรฐาน
กลางท่ใี ช้ในการเช่ือมต่อคอมพวิ เตอร์ที่มาจากผู้ผลิตต่างกัน ให้สามารถติดต่อถึงกันได้ เกิดการใช้งาน
ระบบเครือข่ายที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการทำงาน เช่น การโอนถ่ายย้ายข้อมูลระหว่างกัน
หรือการใชท้ รัพยากรร่วมกนั ทำให้เกิดความสะดวก และรวดเร็วในการใช้งานเพมิ่ ขึน้

ประโยชน์ของการส่อื สารขอ้ มูล
1. ความสะดวกในการแบ่งปันข้อมูล ปัจจุบันมีข้อมูลจำนวนมากสามารถถูกส่งผ่านเครือข่าย
การส่ือสารได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว เช่น การส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ระบบ
ดีเอสแอล (Digital Subscriber Line: DSL) ถ้าส่งด้วยอัตราเร็ว 2 Mbps หรือประมาณ 256 kB/s
จะสง่ ขอ้ มูลจำนวน 200 หน้าได้ในเวลานอ้ ยกว่า 10 วินาที

4

 การแบง่ ปันขอ้ มูล

ทม่ี ารูปภาพ: http://movilmarketing.net
2. ความถูกต้องของข้อมูล การรับส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่ายการสื่อสาร

เป็นการส่งแบบดิจิทัล ซึ่งระบบการสื่อสารจะมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ส่ง และแก้ไข
ขอ้ มลู ทีผ่ ิดพลาดให้ถกู ต้องได้โดยอตั โนมตั ิ ดงั นั้นการส่ือสารขอ้ มลู จงึ มคี วามเช่อื ถือไดส้ งู

3. ความเร็วในการรับส่งข้อมูล การใช้คอมพิวเตอร์ในการส่งข้อมูล หรือค้นคว้าข้อมูล
จากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ทำได้รวดเร็ว เนื่องจากสัญญาณทางไฟฟ้าเดินทางด้วยความเร็วใกล้เคียง
ความเร็วแสง เชน่ การดูภาพยนตร์ หรอื รายการโทรทศั น์ผา่ นอินเทอร์เน็ต การตรวจสอบหรอื การจอง
ท่ีน่ังของสายการบนิ สามารถทำไดท้ ันที

 ความเรว็ ในการรบั สง่ ขอ้ มูล

ทมี่ ารูปภาพ: http://hackdee.biz
4. การประหยัดค่าใช้จ่ายในการสื่อสารข้อมูล การรับและส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายการสื่อสาร

สามารถทำได้ในราคาถูกกว่าการสื่อสารแบบอื่น เช่น การใช้งานโทรศัพท์โดยผ่านอินเทอร์เน็ตหรือ
ที่เรียกวา่ วอยซ์โอเวอร์ไอพี (Voice over IP: VoIP) จะมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการใช้งานโทรศัพท์โดยผ่าน
ระบบโทรศัพท์พื้นฐาน หรือการใช้อีเมลส่งข้อมูลหรือเอกสารในรูปแบบอีเล็กทรอนิกส์จะมีค่าใช้จ่าย
ตำ่ กวา่ และรวดเร็วกวา่ การสง่ เอกสารแบบวธิ ีอื่น

5

5. ความสะดวกในการแบ่งปันทรัพยากร ในองค์กรสามารถใช้อุปกรณ์สารสนเทศร่วมกันได้
โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายติดตั้งอุปกรณ์ให้กับทุกเครื่อง เช่น เครื่องพิมพ์ นอกจากนี้ยังสามารถ
ใช้โปรแกรมและข้อมูลร่วมกันได้ โดยจัดเก็บโปรแกรมและข้อมูลเหล่านั้นไว้ที่แหล่งเก็บข้อมูลที่เป็น
ศนู ยก์ ลาง เชน่ เครอ่ื งบรกิ ารไฟล์ (File Server) เป็นตน้

6. ความสะดวกในการประสานงาน ในองค์กรที่มีหน่วยงานย่อยหลายแห่งที่อยู่ห่างไกลกัน
สามารถทำงานประสานกันผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เช่น การประชุมทางไกล และการแก้ไขเอกสาร
ร่วมกนั ผา่ นระบบเครือข่าย

 การประชุมทางไกล

ท่มี ารปู ภาพ: http://cutcompcosts.com
7. ขยายบรกิ ารขององค์กร เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ทำให้องค์กรสามารถกระจายทท่ี ำการไปตาม

จุดต่างๆ ที่ต้องการให้บริการ เช่น ธนาคารที่มีสาขาทั่วประเทศ สามารถถอนเงินได้จากตู้เอทีเอ็ม
หรอื ฝากเงนิ ได้ตามตู้เอทเี อม็ เปน็ ต้น

 บริการฝากถอนเงินผา่ นตู้อตั โนมัติ

ที่มารูปภาพ: https://www.matichon.co.th

6

8. การสร้างบริการรูปแบบใหม่บนเครือข่าย การให้บริการต่างๆ ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าใช้บริการได้ทุกที่ทุกเวลา เช่น การซื้อสินค้าผ่านร้านค้าออนไลน์ ซึ่งเป็นบริการ
แบบหนึ่งของพาณิชย์อิเล็กทรอนิคส์ (E–commerce) และการรับชำระสินค้า ค่าสาธารณูปโภคผ่าน
จดุ รบั ชำระแบบออนไลน์ ทเ่ี รียกวา่ เคานเ์ ตอรเ์ ซอร์วิส (Counter Service)

 การสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูล หมายถึง การแลกเปลี่ยนข้อมูล/ข่าวสารโดยผ่านทางสื่อกลางในการสื่อสาร

ซึ่งอาจเป็นสื่อกลางประเภทที่มีสายหรือไร้สายก็ได้ องค์ประกอบพื้นฐานของระบบสื่อสารข้อมูล
ประกอบดว้ ย

1. ข้อมลู /ขา่ วสาร (Data/Message) คอื ข้อมลู หรอื สารสนเทศต่างๆ ทีต่ ้องการส่งไปยังผู้รับ
โดยข้อมูล/ขา่ วสารอาจประกอบดว้ ยข้อความ ตวั เลข รปู ภาพ เสียง วดี ทิ ัศน์ หรอื สอ่ื ประสม

2. ผู้ส่ง (Sender) คือ คนหรืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับส่งข้อมูล/ข่าวสาร ซึ่งอาจเป็นเครื่อง
คอมพิวเตอร์ โทรศพั ท์ กลอ้ งวดี ทิ ัศน์ เปน็ ตน้

3. ผู้รับ (Receiver) คือ คนหรืออุปกรณ์ ที่ใช้สำหรับรับข้อมูล/ข่าวสารทีท่ างผู้สง่ ข้อมูลส่งให้
ซึ่งอาจเป็นเครื่องคอมพวิ เตอร์ โทรศัพท์ เปน็ ต้น

4. ส่อื กลางในการส่งขอ้ มูล (Transmission Media) คือ สิง่ ทท่ี ำหน้าทีร่ ับส่งข้อมูล/ข่าวสาร
ไปยังจุดหมายปลายทาง โดยสื่อกลางในการส่งข้อมูลจะมีทั้งแบบมีสาย เช่น สายเคเบิล สายยูทีพี
สายไฟเบอร์ออปตกิ และสื่อกลางในการสง่ ข้อมูลแบบไร้สาย เช่น คล่ืนวิทยุ ไมโครเวฟ และดาวเทียม

5. โพรโทคอล (Protocol) คือ กฎเกณฑ์ ระเบียบ หรือข้อปฏิบัติต่างๆ ที่กำหนดขึ้นมา
เพอื่ เปน็ ข้อตกลงในการสือ่ สารข้อมลู ระหวา่ งผูร้ ับและผสู้ ง่

7

 องคป์ ระกอบของ
การส่ือสารข้อมลู

ท่ีมารูปภาพ: https://lastsasaki.wordpress.com

 สัญญาณทใี่ ช้ในการสื่อสาร
สัญญาณที่ใช้ในการสื่อสาร แบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภทคือ สัญญาณแอนะล็อก (Analog

Signal) และสัญญาณดิจิทัล (Digital Signal) สัญญาณแอนะล็อกเป็นสัญญาณที่มีขนาดแอมพลิจูด
(Amplitude) ทเ่ี ปลยี่ นแปลงตามเวลาและเปน็ คา่ ต่อเน่ือง เช่น เสยี งพดู และเสยี งดนตรี สว่ นสญั ญาณ
ดิจิทัลเป็นสัญญาณที่ไม่มีความต่อเนื่องที่เรียกว่า ดีสครีต (Discrete) สัญญาณดิจิทัลถูกแทนด้วย
ระดบั แรงดนั ไฟฟา้ สองระดบั เท่านน้ั โดยแสดงลกั ษณะเปน็ “0” และ “1” ซ่งึ ตรงกบั ตัวเลขฐานสอง

 สญั ญาณแอนะลอ็ ก  สญั ญาณดิจิทลั

ในบางครั้งการสื่อสารข้อมูลตอ้ งมีการแปลงสัญญาณแอนะล็อกและดิจิทัลกลับไปมาเพื่อให้อยู่
ในรูปแบบที่เหมาะสม และนำไปใช้งานได้ ตัวอย่างเช่น การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์สองเครื่องเข้า
ด้วยกันโดยผ่านระบบโทรศัพท์ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับเสียงพูด ที่มีลักษณะของสัญญาณ
เป็นแบบแอนะล็อก ไมเ่ หมาะสมสำหรบั การส่งข้อมูลแบบดจิ ทิ ัลระหวา่ งคอมพวิ เตอร์ จงึ ตอ้ งมีอปุ กรณ์
ช่วยในการแปลสัญญาณดิจิทัลจากคอมพิวเตอร์ เพื่อส่งออกไปเป็นสัญญาณแอนะล็อก จากนั้น
จะแปลงกลับเป็นสัญญาณดิจิทัลเมื่อสัญญาณถูกส่งถึงผู้รับ โดยผ่านอุปกรณ์ในการแปลงสัญญาณ
ที่เรียกว่า โมเด็ม (Modem) ซึ่งใช้เทคนิคการบีบอัดข้อมูลร่วมกับการแก้ไขข้อผิดพลาดของข้อมูล
ท่ีอาจเกิดขนึ้ จากการส่งสญั ญาณด้วย

8

 การถ่ายโอนข้อมูล
การถ่ายโอนข้อมูล เป็นการส่งสัญญาณออกจากอุปกรณ์ส่ง ไปยังอุปกรณ์รับ โดยจำแนกได้

2 แบบ คือ
1. การถ่ายโอนข้อมูลแบบขนาน ทำได้โดยการส่งข้อมูลออกมาทีละหลายบิตพร้อมกัน

จากอุปกรณ์ส่งไปยงั อุปกรณ์รับ ผา่ นสื่อกลางนำสัญญาณท่ีมีช่องทางส่งข้อมูลหลายช่องทางโดยทั่วไป
จะเปน็ สายนำสญั ญาณหลายๆ เสน้ ที่มจี ำนวนสายสง่ สัญญาณเทา่ กบั จำนวนบิตท่ีต้องการส่งแต่ละคร้ัง
เช่น ส่งข้อมูล 11110001 ออกไปพร้อมกัน สายส่งก็มี 8 เส้น นอกจากการส่งข้อมูลหลักที่ต้องการ
แล้ว อาจมีการส่งข้อมูลอื่นเพิ่มเติมไปด้วย เช่น บิตพาริตี (Parity Bit) ใช้ในการตรวจสอบความ
ผิดพลาดของการรับสัญญาณที่ปลายทาง หรือสายที่ควบคุมการตอบโต้ เพื่อควบคุมจังหวะของการ
รบั -สง่ ขอ้ มลู แตล่ ะชุด

 การถ่ายโอนข้อมูลแบบขนาน

ทม่ี ารปู ภาพ: https://sites.google.com/a/thoengwit.ac.th
สายส่งข้อมูลแบบขนานนี้มีความยาวไม่มาก เนื่องจากถ้าสายยาวมากเกินไปจะก่อให้เกิด

ปัญหาสัญญาณสูญหายไปกบั ความต้านทานของสาย และเกิดการรบกวนกันของสัญญาณ การส่งโดย
วิธีนี้จึงนิยมใช้กับการสง่ ข้อมูลในระยะทางใกล้ๆ ข้อดีของการรับ-ส่งข้อมูลชนิดนี้คือการรับ-ส่งข้อมูล
ทำได้เร็ว แต่มีข้อเสียที่ต้องใช้สายส่งหลายเส้นทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง ตัวอย่างที่พบเห็นได้บ่อยคือ
การเชื่อมต่อระหว่างเมนบอร์ดกับฮาร์ดดิสก์ภายในคอมพิวเตอร์แบบ EIDE และการเชื่อมต่อระหว่าง
คอมพิวเตอรก์ ับเคร่อื งพมิ พด์ ว้ ยพอร์ตขนาน

2. การถ่ายโอนข้อมูลแบบอนุกรม ในการถ่ายโอนข้อมูลแบบอนุกรม ข้อมูลจะถูกส่งออกมา
ทีละบิต ระหว่างจุดส่งและจุดรับ การถ่ายโอนข้อมูลแบบอนุกรมต้องการสื่อกลางสำหรับการสื่อสาร
เพียงช่องเดียวหรือคู่สายเดียว ค่าใช้จ่ายในด้านของสายสัญญาณจะถูกกว่าขนานสำหรับการส่งระยะ
ทางไกลๆ

9

การถา่ ยโอนข้อมูลแบบอนุกรม 

ทม่ี ารปู ภาพ: https://sites.google.com/a/thoengwit.ac.th
การถ่ายโอนข้อมูลแบบอนุกรมจะเริ่มโดยข้อมูลแต่ละชุดจะถูกเปลี่ยนให้เป็นอนุกรมแล้ว
ทยอยส่งออกทีละบิตไปยังจุดรับ แต่เนื่องจากการทำงานและการส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ
ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์จะใช้ช่องทางการสื่อสารแบบขนานที่ประกอบด้วยชุดของข้อมูลหลายบิต
ดังน้ันทจี่ ดุ รบั จะต้องมีกลไกในการเปลีย่ นแปลงข้อมลู ที่รับมาทีละบิตใหเ้ ป็นชุดของข้อมูลท่ีลงตัวพอดี
กับขนาดของช่องทางการสื่อสารที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ เช่น บิตที่ 1 ลงที่บัสข้อมูลเส้นที่ 1 เป็นต้น
การเชื่อมต่อสามารถทำได้โดยใช้สายถ่ายโอนข้อมูลแบบอนุกรม หรือท่ีเรียกว่า สายซีเรียล
(Serial Cable) ในปัจจุบันมีการพัฒนาการถ่ายโอนข้อมูลแบบอนุกรมความความเร็วสูงโดยการ
เช่อื มต่อแบบ ยเู อสบี
รูปแบบการรบั -ส่งข้อมลู ไม่ว่าจะเป็นการรับ-ส่งข้อมูลแบบขนานหรืออนกุ รมสามารถแบง่ ได้
3 แบบดังน้ี
1. การสื่อสารทางเดียว (Simplex Transmission) ข้อมูลสามารถส่งได้ทางเดียวโดย
แต่ละฝ่ายจะทำหน้าที่อยา่ งใดอย่างหนึ่ง เช่น เป็นผ้รู ับหรอื ผสู้ ่ง บางคร้ังเรยี กการสื่อสารแบบนี้ว่าการ
สง่ ทศิ ทางเดียว (Unidirectional Transmission) เชน่ การกระจายเสียงของสถานีโทรทัศน์หรือวทิ ยุ

10

 การสอ่ื สารทางเดียว

ที่มารปู ภาพ: https://sites.google.com/a/thoengwit.ac.th
2. การสื่อสารสองทางครึ่งอัตรา (Half Duplex Transmission) สามารถส่งข้อมูลได้ท้ัง
สองฝ่าย แต่จะต้องผลัดกันส่งและผลัดกันรับจะส่งและรับพร้อมกันไม่ได้ เช่น วิทยุสื่อสาร
(Walkie-Talkie Radio)

 การสือ่ สารสองทางคร่ึงอตั รา ท่ีมารปู ภาพ: https://sites.google.com/a/thoengwit.ac.th
3. การสื่อสารสองทางเต็มอัตรา (Full Duplex Transmission) สามารถส่งข้อมูลได้สอง

ทางโดยที่ผู้รบั และผูส้ ง่ สามารถรับส่งข้อมลู ได้ในเวลาเดียวกัน เช่น การสนทนาทางโทรศัพทค์ ู่สนทนา
คยุ โตต้ อบไดใ้ นเวลาเดยี วกนั

 การส่ือสองทางเตม็ อตั รา

ทม่ี ารูปภาพ: https://sites.google.com/a/thoengwit.ac.th

11

 ส่ือกลางในการส่อื สารข้อมลู
การส่ือสารทกุ ชนดิ ตอ้ งอาศยั สื่อกลางในการส่งผ่านข้อมลู เพื่อนำข้อมลู ไปยังจุดหมายปลายทาง

สำหรับการติดต่อสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์อาจใช้สายเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่อหรืออาจใช้
อุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สายเป็นสื่อกลางในการเชื่อมต่อก็ได้ สื่อกลางในการสื่อสารมีความสำคัญ
เพราะเป็นปัจจยั หน่ึงท่ีกำหนดประสิทธิภาพในการสื่อสาร เช่น ความเร็วในการส่งข้อมูล ปริมาณของ
ข้อมลู ที่สามารถนำไปได้ในหน่งึ หน่วยเวลา รวมถึงคณุ ภาพของการสง่ ขอ้ มลู

ส่ือกลางแบบใชส้ าย
1. สายคู่บิดเกลียว (Twisted Pair Cable) สายนำสัญญาณแบบนี้แต่ละคู่สายที่เป็นสาย
ทองแดงจะถูกพันบิดเป็นเกลียว เพื่อลบการรบกวนของคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้าจากคู่สายข้างเคียงภายใน
สายเดียวกันหรือจากภายนอก ทำให้สามารถส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง สายคู่บิดเกลียวสามารถใช้ส่ง
ข้อมูลจำนวนมากเป็นระยะทางไกลได้หลายกิโลเมตร เนื่องจากราคาไม่แพงมาก ใช้ส่งข้อมูลได้ดี
นำ้ หนักเบา ง่ายตอ่ การตดิ ตั้ง จงึ นยิ มใชง้ านอยา่ งกว้างขวาง แบง่ เป็น 2 ชนิด คอื
1.1 สายคู่บิดเกลียวแบบไม่ป้องกันสัญญาณรบกวน หรือสายยูทีพี (Unshielded
Twisted Pair: UTP) เป็นสายใช้ในระบบโทรศัพท์ ต่อมาได้มีการปรับปรุงคุณสมบัติให้ดีข้ึน
จนสามารถใชก้ บั สญั ญาณความถี่สงู ได้ ทำให้สง่ ขอ้ มูลไดด้ ว้ ยความเร็วสูงข้นึ

 สายยทู ีพี

ทมี่ ารปู ภาพ: https://www.indiamart.com

12

1.2 สายคู่บิดเกลียวแบบป้องกันสัญญาณรบกวน หรือสายเอสทีพี (Shielded Twisted
Pair: STP) เป็นสายที่หุ้มด้วยตัวกั้นสัญญาณเพื่อป้องกันการรบกวนได้ดียิ่งขึ้น สายเอสทีพีรองรับ
ความถ่ขี องการสง่ ขอ้ มูลสูงกว่าสายยูทพี ี แต่มีราคาแพงกวา่

 สายเอสทีพี

ทีม่ ารปู ภาพ: http://comnetwork2013.blogspot.com
ในปัจจุบันการติดตั้งสายสัญญาณภายในอาคารนิยมใช้สายยูทีพีเป็นหลัก เพราะมีราคาถูกกวา่

สายเอสทพี ี และมกี ารพัฒนามาตรฐานใหม้ ีคณุ ภาพสงู สามารถสง่ ขอ้ มลู ความเรว็ สูงได้ดีขึ้น
2. สายโคแอกซ์ (Coaxial Cable) เป็นสายนำสัญญาณที่เรารู้จักกันดี โดยใช้เป็นสาย

นำสัญญาณที่ตอ่ จากเสาอากาศเคร่ืองรับโทรทัศนห์ รือสายเคเบลิ ทวี ี ตัวสายประกอบดว้ ยลวดทองแดง
ที่เป็นแกนหลักหนึ่งเส้นหุ้มด้วยฉนวนเพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่ว จากนั้นจะหุ้มด้วยตัวนำซึ่งทำจาก
ลวดทองแดงถักเป็นร่างแหเพื่อป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสัญญาณรบกวน อื่นๆ
ก่อนจะหุ้มชั้นนอกสุดด้วยฉนวนพลาสติก และนิยมใช้เป็นสายนำสัญญาณแอนะล็อกเพื่อเชื่อมต่อ
อปุ กรณภ์ าพและเสยี ง (Audio-Video Devices) ต่างๆ ภายในบ้านและสำนักงาน

สายโคแอกซ์ 

ทมี่ ารูปภาพ: https://th.wikipedia.org
3. สายไฟเบอร์ออปติก (Fiber-Optic Cable) ประกอบด้วยกลุ่มของเส้นใยทำจากแก้วหรือ
พลาสติกที่มีขนาดเล็กประมาณเส้นผม แต่ละเส้นจะมีแกนกลาง (Core) ที่ถูกห่อหุ้มด้วยวัสดุใยแก้ว
อีกชนิดหนึ่งซึ่งเรียกว่า แคล็ดดิง (Cladding) และหุ้มอีกชั้นด้วยฉนวนเพื่อป้องกันการกระแทกและ
ฉกี ขาด

13

 สายไฟเบอร์ออปตกิ

ที่มารปู ภาพ: http://www.electronicdesign.com
การส่งข้อมูลผ่านทางสื่อกลางชนิดนี้มีข้อแตกต่างจากชนิดอื่นๆ ซึ่งใช้สัญญาณไฟฟ้าในการส่ง

แตก่ ารทำงานของสื่อกลางชนิดนี้จะใชแ้ สงความเข้มสูง เช่น แสงเลเซอร์ ส่งผ่านไปในเส้นใยแต่ละเส้น
และอาศัยหลักการหักเหของแสง โดยใช้แคล็ดดิงเป็นตัวสะท้อนแสง ทำให้แสงสามารถเดินทาง
ไปจนถึงปลายทางได้โดยไม่ถกู รบกวนโดยคลน่ื แม่เหล็กไฟฟา้ ใดๆ และมีความผิดพลาดในการสง่ ข้อมูล
ต่ำมาก ทำให้สามารถส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงระดับกิกะบิตต่อวินาที อีกทั้งยังมีความปลอดภัย
ในการส่งข้อมูลสงู มีความสามารถในการนำพาข้อมูลไปได้ในปรมิ าณมาก และสามารถส่งข้อมูลไปได้
เป็นระยะทางไกลโดยมีความผิดพลาดน้อย จึงเหมาะท่ีจะใช้กับการเชื่อมโยงระหว่างอาคาร ระหว่าง
เมอื ง และถูกนำไปใชเ้ ปน็ สายแกนหลัก (Backbone Cable) เชื่อมโยงเครอื ขา่ ยหลกั ต่างๆ เข้าดว้ ยกนั

ส่อื กลางแบบไร้สาย
การสื่อสารแบบไรส้ ายอาศัยคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟ้าเปน็ ส่ือกลางนำสัญญาณ ซ่ึงคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า
ทสี่ ามารถนำมาใช้ในการสื่อสารข้อมูลมหี ลายชนิด แบ่งตามช่วงความถีท่ ่ีแตกต่างกัน การสื่อสารแบบ
ไร้สายมีผู้นิยมใช้มากขึ้น เนื่องจากมีความคล่องตัวสูงและสะดวกสบาย มักนิยมใช้กันในพื้นท่ี
ที่การติดตั้งสายนำสัญญาณทำได้ลำบากหรือค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูงเกินไป สื่อกลางของการสื่อสาร
แบบนี้ เช่น อินฟราเรด (Infrared: IR) ไมโครเวฟ (Microwave) คลื่นวิทยุ (Radio Wave)
และดาวเทียมสอื่ สาร (Communications Satellite)

ทม่ี ารูปภาพ: http://www.goldenrural.org

14

1. อินฟราเรด (Infrared: IR) สื่อกลางประเภทนี้มักใช้กับการสื่อสารข้อมูลที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง
ระหว่างตวั สง่ และตวั รับสัญญาณ เช่น การสง่ สัญญาณจากรีโมตคอนโทรลไปยังเครื่องรับโทรทัศน์หรือ
วิทยุ การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์โดยผ่านพอร์ตไออาร์ดีเอ (The Infrared Data
Association: IrDA) ซ่ึงเป็นการเชอื่ มต่อเครอื ขา่ ยระยะใกล้

 การสง่ สัญญาณอินฟราเรด

ทมี่ ารปู ภาพ: http://www.datacom2u.com
2. ไมโครเวฟ (Microwave) เปน็ สือ่ กลางในการส่อื สารที่มีความเร็วสูง ใช้สำหรับการเชื่อมต่อ

ระยะไกลโดยการส่งสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปในอากาศพร้อมกับข้อมูลที่ต้องการส่ง และต้องมี
สถานีที่ทำหน้าทีส่ ่งและรับข้อมูล และเนื่องจากสัญญาณไมโครเวฟจะเดินทางเป็นเส้นตรงไม่สามารถ
เลี้ยวตามความโค้งของผิวโลกได้ จึงต้องมีการตั้งสถานีรับส่งข้อมูลเป็นระยะ และส่งข้อมูลต่อกัน
ระหว่างสถานี จนกว่าจะถึงสถานปี ลายทาง และแต่ละสถานีจะตั้งอยูใ่ นท่ีสูง เช่น ดาดฟ้า ตึกสูง หรือ
ยอดเขา เพื่อหลีกเลี่ยงการชนสิ่งกีดขวางในแนวการเดินทางของสัญญาณ การส่งข้อมูลผ่านสื่อกลาง
ชนิดนี้เหมาะกับการส่งข้อมูลในพื้นที่ห่างไกลมากๆ และไม่สะดวกในการวางสายสัญญาณ
ซึ่งเสาสัญญาณแตล่ ะเสาสามารถวางหา่ งไกลได้ถึง 80 กิโลเมตร

 การส่งสัญญาณไมโครเวฟ

ท่ีมารปู ภาพ: http://www.siamchemi.com

15

3.คลื่นวิทยุ (Radio Wave) เป็นสื่อกลางที่ใช้ส่งสัญญาณไปในอากาศ โดยสามารถส่งใน
ระยะทางได้ทั้งใกล้และไกล โดยมีตัวกระจายสัญญาณ (Broadcast) ส่งไปยังตัวรับสัญญาณ และใช้
คลื่นวิทยุในช่วงความถี่ต่างๆ กันในการส่งข้อมูล เช่น การสื่อสารระยะไกลในการกระจายเสียงวิทยุ
ระบบเอเอ็ม (Amplitude Modulation: AM ) และเอฟเอ็ม (Frequency Modulation : FM) หรือ
การสือ่ สารระยะใกล้ โดยใชไ้ วไฟ (Wi-Fi ) และบลทู ูท (Bluetooth)

 การใชง้ านคลน่ื วิทยุ

ทม่ี ารปู ภาพ: https://stg-images.samsung.com
4. ดาวเทียมสื่อสาร (Communications Satellite) พัฒนาขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัด
ของสถานีรับส่งไมโครเวฟบนผิวโลก โดยเป็นสถานีรับส่งสัญญาณไมโครเวฟบนอวกาศ ในการส่ง
สัญญาณต้องมีสถานีภาคพื้นดิน คอยทำหน้าที่รับและส่งสัญญาณขึ้นไปบนดาวเทียมที่โคจรอยู่สูง
จากพื้นโลกประมาณ 35,600 กิโลเมตร โดยดาวเทียมเหล่านั้นจะเคลื่อนที่ด้วยคามเร็วที่เท่ากับการ
หมุนของโลก จึงเสมือนกับดาวเทียมนั้นอยู่นิ่งกับที่ขณะที่โลกหมุนรอบตัวเอง ทำให้การส่งสัญญาณ
ไมโครเวฟจากสถานีหนึ่งขึ้นไปบนดาวเทียม และการกระจายสัญญาณจากดาวเทียมลงมายังสถานี
ตามจุดต่างๆ บนผิวโลก เป็นไปอย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังมีการใช้งานดาวเทียมในการระบุตำแหน่ง
บนพื้นโลกเรียกว่าระบบจีพีเอส (Global Positioning System: GPS) โดยบอกพิกัดเส้นรุ้งและ
เส้นแวงของผูใ้ ชง้ านเพ่อื ใชใ้ นการนำทาง

 ดาวเทียมสือ่ สาร

ท่ีมารูปภาพ: https://sites.google.com/site/kannika2556

12

ด้วยระดับแรงดันไฟฟ้าสองระดับเท่านั้นโดยแสดงลักษณะเป็น “0” และ “1” ซึ่งตรงกับตัว
เลขฐานสอง

 สัญญาณแอนะลอ็ ก  สญั ญาณดจิ ทิ ลั

ในบางครั้งการส่ือสารข้อมูลต้องมีการแปลงสัญญาณแอนะล็อกและดิจิทัลกลับไปมาเพื่อให้อยู่
ในรูปแบบท่ีเหมาะสม และนาไปใช้งานได้ ตัวอย่างเช่น การเช่ือมต่อคอมพิวเตอร์สองเครื่องเข้า
ด้วยกันโดยผ่านระบบโทรศัพท์ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับเสียงพูด ที่มีลักษณะของสัญญาณ
เป็นแบบแอนะล็อก ไม่เหมาะสมสาหรับการส่งข้อมูลแบบดิจิทัลระหว่างคอมพิวเตอร์ จึงต้องมี
อุปกรณ์ช่วยในการแปลสัญญาณดิจิทัลจากคอมพิวเตอร์ เพ่ือส่งออกไปเป็นสัญญาณแอนะล็อก
จากนั้น จะแปลงกลับเป็นสัญญาณดิจิทัลเมื่อสัญญาณถูกส่งถึงผู้รับ โดยผ่านอุปกรณ์ในการ
แปลงสัญญาณ ที่เรียกว่า โมเด็ม (Modem) ซึ่งใช้เทคนิคการบีบอัดข้อมูลร่วมกับการแก้ไข
ข้อผิดพลาดของข้อมูล ทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ จากการส่งสัญญาณด้วย

 การถ่ายโอนขอ้ มูล
การถ่ายโอนข้อมูล เป็นการส่งสัญญาณออกจากอุปกรณ์ส่ง ไปยังอุปกรณ์รับ โดยจาแนกได้

2 แบบ คอื
1. การถ่ายโอนข้อมูลแบบขนาน ทาได้โดยการส่งข้อมูลออกมาทีละหลายบิตพร้อมกัน

จากอปุ กรณ์ส่งไปยังอุปกรณ์รบั ผ่านส่ือกลางนาสญั ญาณที่มีช่องทางส่งข้อมูลหลายช่องทางโดยท่ัวไป
จะเปน็ สายนาสัญญาณหลายๆ เส้นที่มจี านวนสายส่งสญั ญาณเท่ากับจานวนบิตทีต่ อ้ งการส่งแต่ละครั้ง
เช่น ส่งข้อมูล 11110001 ออกไปพร้อมกัน สายส่งก็มี 8 เส้น นอกจากการส่งข้อมูลหลักที่ต้องการ
แล้ว อาจมีการส่งข้อมูลอ่ืนเพิ่มเติมไปด้วย เช่น บิตพาริตี (Parity Bit) ใช้ในการตรวจสอบความ
ผิดพลาดของการรับสัญญาณท่ีปลายทาง หรือสายท่ีควบคุมการตอบโต้ เพ่ือควบคุมจังหวะของการ
รับ-สง่ ขอ้ มลู แตล่ ะชดุ

 การถา่ ยโอนขอ้ มลู แบบขนาน

ทม่ี ารปู ภาพ: https://sites.google.com/a/thoengwit.ac.th

13

สายส่งข้อมูลแบบขนานนี้มีความยาวไม่มาก เนื่องจากถ้าสายยาวมากเกินไปจะก่อให้เกิด
ปัญหาสัญญาณสูญหายไปกับความต้านทานของสาย และเกิดการรบกวนกนั ของสัญญาณ การสง่ โดย
วธิ ีนี้จึงนิยมใช้กับการส่งข้อมูลในระยะทางใกล้ๆ ขอ้ ดีของการรับ-ส่งข้อมูลชนิดนี้คือการรับ-ส่งข้อมูล
ทาได้เร็ว แต่มีข้อเสียท่ีต้องใช้สายส่งหลายเส้นทาให้มีค่าใช้จ่ายสูง ตัวอย่างที่พบเห็นได้บ่อยคือ
การเชื่อมต่อระหว่างเมนบอร์ดกับฮาร์ดดิสก์ภายในคอมพิวเตอร์แบบ EIDE และการเช่ือมต่อระหว่าง
คอมพวิ เตอรก์ บั เครื่องพมิ พ์ด้วยพอรต์ ขนาน

2. การถ่ายโอนข้อมูลแบบอนกุ รม ในการถ่ายโอนข้อมูลแบบอนุกรม ข้อมูลจะถูกส่งออกมา
ทีละบิต ระหว่างจุดส่งและจุดรับ การถ่ายโอนข้อมูลแบบอนุกรมต้องการสื่อกลางสาหรับการส่ือสาร
เพียงช่องเดียวหรือคู่สายเดียว ค่าใชจ้ ่ายในด้านของสายสัญญาณจะถูกกว่าขนานสาหรับการส่งระยะ
ทางไกลๆ

การถ่ายโอนขอ้ มูลแบบอนกุ รม 

ที่มารูปภาพ: https://sites.google.com/a/thoengwit.ac.th
การถ่ายโอนข้อมูลแบบอนุกรมจะเริ่มโดยข้อมูลแต่ละชุดจะถูกเปลี่ยนให้เป็นอนุกรมแล้ว
ทยอยส่งออกทีละบิตไปยังจุดรับ แต่เนื่องจากการทางานและการส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ
ภายในเคร่ืองคอมพิวเตอร์จะใช้ช่องทางการสื่อสารแบบขนานท่ีประกอบด้วยชุดของข้อมูลหลายบิต
ดังนั้นท่จี ุดรบั จะต้องมีกลไกในการเปลย่ี นแปลงข้อมูลที่รับมาทีละบิตใหเ้ ป็นชุดของข้อมูลท่ีลงตัวพอดี
กับขนาดของช่องทางการสื่อสารที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ เช่น บิตท่ี 1 ลงท่ีบัสข้อมูลเส้นที่ 1 เป็นต้น
การเช่ือมต่อสามารถทาได้โดยใช้สายถ่ายโอนข้อมูลแบบอนุกรม หรือท่ีเรียกว่า สายซีเรียล
(Serial Cable) ในปัจจุบันมีการพัฒนาการถ่ายโอนข้อมูลแบบอนุกรมความความเร็วสูงโดยการ
เชื่อมต่อแบบ ยูเอสบี
รูปแบบการรับ-ส่งขอ้ มูล ไม่วา่ จะเป็นการรับ-สง่ ขอ้ มูลแบบขนานหรืออนกุ รมสามารถแบ่งได้
3 แบบดังน้ี

14

1. การส่ือสารทางเดียว (Simplex Transmission) ข้อมูลสามารถส่งได้ทางเดียวโดย
แต่ละฝ่ายจะทาหนา้ ท่ีอย่างใดอย่างหน่ึง เช่น เปน็ ผรู้ ับหรอื ผู้ส่ง บางครง้ั เรียกการส่อื สารแบบน้ีว่าการ
สง่ ทิศทางเดียว (Unidirectional Transmission) เช่น การกระจายเสยี งของสถานีโทรทศั นห์ รือวทิ ยุ

 การส่ือสารทางเดียว

ท่ีมารูปภาพ: https://sites.google.com/a/thoengwit.ac.th
2. การส่ือสารสองทางคร่ึงอัตรา (Half Duplex Transmission) สามารถส่งข้อมูลได้ท้ัง
สองฝ่าย แต่จะต้องผลัดกันส่งและผลัดกันรับจะส่งและรับพร้อมกันไม่ได้ เช่น วิทยุส่ือสาร
(Walkie-Talkie Radio)

 การสอ่ื สารสองทางคร่ึงอตั รา ท่ีมารูปภาพ: https://sites.google.com/a/thoengwit.ac.th
3. การสื่อสารสองทางเต็มอตั รา (Full Duplex Transmission) สามารถส่งข้อมลู ได้สอง

ทางโดยที่ผู้รับและผู้ส่งสามารถรับส่งข้อมูลได้ในเวลาเดียวกัน เช่น การสนทนาทางโทรศัพท์คูส่ นทนา
คุยโต้ตอบได้ในเวลาเดยี วกนั

 การสื่อสองทางเตม็ อัตรา

ทีม่ ารปู ภาพ: https://sites.google.com/a/thoengwit.ac.th

15

 สือ่ กลางในการส่ือสารขอ้ มลู
การส่ือสารทกุ ชนิดต้องอาศยั สอ่ื กลางในการส่งผ่านข้อมลู เพอ่ื นาข้อมลู ไปยงั จดุ หมายปลายทาง

สาหรับการติดต่อสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์อาจใช้สายเช่ือมต่อผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่อหรืออาจใช้
อุปกรณ์เช่ือมต่อแบบไร้สายเป็นสื่อกลางในการเช่ือมต่อก็ได้ ส่ือกลางในการสื่อสารมีความสาคัญ
เพราะเป็นปัจจัยหนึ่งทก่ี าหนดประสิทธภิ าพในการสอ่ื สาร เช่น ความเร็วในการสง่ ข้อมูล ปริมาณของ
ขอ้ มูลที่สามารถนาไปไดใ้ นหนึง่ หนว่ ยเวลา รวมถึงคุณภาพของการสง่ ข้อมูล

สือ่ กลางแบบใชส้ าย
1. สายคู่บิดเกลียว (Twisted Pair Cable) สายนาสัญญาณแบบนี้แต่ละคู่สายที่เป็นสาย
ทองแดงจะถูกพันบิดเป็นเกลียว เพ่ือลบการรบกวนของคลน่ื แม่เหล็กไฟฟา้ จากคู่สายข้างเคยี งภายใน
สายเดียวกันหรือจากภายนอก ทาให้สามารถส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง สายคู่บิดเกลียวสามารถใช้ส่ง
ข้อมูลจานวนมากเป็นระยะทางไกลได้หลายกิโลเมตร เน่ืองจากราคาไม่แพงมาก ใช้ส่งข้อมูลได้ดี
น้าหนักเบา ง่ายต่อการติดตง้ั จึงนิยมใช้งานอย่างกวา้ งขวาง แบง่ เปน็ 2 ชนิด คือ
1.1 สายคู่บิดเกลียวแบบไม่ป้องกันสัญญาณรบกวน หรือสายยูทีพี (Unshielded
Twisted Pair: UTP) เป็นสายใช้ในระบบโทรศัพท์ ต่อมาได้มีการปรับปรุงคุณสมบัติให้ดีข้ึน
จนสามารถใชก้ ับสญั ญาณความถ่สี ูงได้ ทาให้ส่งขอ้ มูลไดด้ ว้ ยความเร็วสงู ข้นึ

 สายยทู พี ี

ท่ีมารูปภาพ: https://www.indiamart.com
1.2 สายคู่บิดเกลียวแบบป้องกันสัญญาณรบกวน หรือสายเอสทีพี (Shielded Twisted

Pair: STP) เป็นสายที่หุ้มด้วยตัวก้ันสัญญาณเพื่อป้องกันการรบกวนได้ดีย่ิงข้ึน สายเอสทีพีรองรับ
ความถีข่ องการสง่ ขอ้ มลู สูงกวา่ สายยทู พี ี แต่มรี าคาแพงกว่า

 สายเอสทีพี

ท่มี ารปู ภาพ: http://comnetwork2013.blogspot.com

16

ในปัจจบุ ันการติดต้ังสายสญั ญาณภายในอาคารนิยมใชส้ ายยทู ีพีเปน็ หลกั เพราะมรี าคาถูกกว่า
สายเอสทีพี และมกี ารพัฒนามาตรฐานใหม้ คี ณุ ภาพสงู สามารถสง่ ขอ้ มลู ความเร็วสูงได้ดขี นึ้

2. สายโคแอกซ์ (Coaxial Cable) เป็นสายนาสัญญาณท่ีเรารู้จักกันดี โดยใช้เป็นสาย
นาสญั ญาณที่ต่อจากเสาอากาศเครื่องรบั โทรทัศนห์ รือสายเคเบิลทีวี ตัวสายประกอบด้วยลวดทองแดง
ที่เป็นแกนหลักหน่ึงเส้นหุ้มด้วยฉนวนเพ่ือป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่ว จากน้ันจะหุ้มด้วยตัวนาซ่ึงทาจาก
ลวดทองแดงถักเป็นร่างแหเพ่ือป้องกันการรบกวนของคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าและสัญญาณรบกวนอ่ืนๆ
ก่อนจะหุ้มชั้นนอกสุดด้วยฉนวนพลาสติก และนิยมใช้เป็นสายนาสัญญาณแอนะล็อกเพื่อเช่ือมต่อ
อุปกรณ์ภาพและเสยี ง (Audio-Video Devices) ตา่ งๆ ภายในบ้านและสานักงาน

สายโคแอกซ์ 

ท่ีมารูปภาพ: https://th.wikipedia.org
3. สายไฟเบอรอ์ อปติก (Fiber-Optic Cable) ประกอบด้วยกลุ่มของเส้นใยทาจากแก้วหรือ
พลาสติกที่มีขนาดเล็กประมาณเส้นผม แต่ละเส้นจะมีแกนกลาง (Core) ท่ีถูกห่อหุ้มด้วยวัสดุใยแก้ว
อีกชนิดหนึ่งซึ่งเรียกว่า แคล็ดดิง (Cladding) และหุ้มอีกชั้นด้วยฉนวนเพ่ือป้องกันการกระแทกและ
ฉกี ขาด

 สายไฟเบอร์ออปตกิ

ทม่ี ารปู ภาพ: http://www.electronicdesign.com
การส่งข้อมูลผ่านทางส่ือกลางชนิดน้ีมีข้อแตกต่างจากชนิดอ่ืนๆ ซ่ึงใช้สัญญาณไฟฟ้าในการส่ง

แต่การทางานของสือ่ กลางชนิดนี้จะใช้แสงความเข้มสงู เช่น แสงเลเซอร์ สง่ ผ่านไปในเส้นใยแตล่ ะเส้น
และอาศัยหลักการหักเหของแสง โดยใช้แคล็ดดิงเป็นตัวสะท้อนแสง ทาให้แสงสามารถเดินทาง
ไปจนถงึ ปลายทางไดโ้ ดยไม่ถกู รบกวนโดยคลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟ้าใดๆ และมคี วามผดิ พลาดในการส่งขอ้ มูล

17

ต่ามาก ทาให้สามารถส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงระดับกิกะบิตต่อวินาที อีกท้ังยังมีความปลอดภัย
ในการส่งข้อมูลสูง มีความสามารถในการนาพาข้อมูลไปได้ในปริมาณมาก และสามารถส่งขอ้ มูลไปได้
เป็นระยะทางไกลโดยมีความผิดพลาดน้อย จึงเหมาะที่จะใช้กับการเช่ือมโยงระหว่างอาคาร ระหว่าง
เมอื ง และถูกนาไปใชเ้ ป็นสายแกนหลัก (Backbone Cable) เชื่อมโยงเครอื ข่ายหลกั ตา่ งๆ เขา้ ดว้ ยกัน

ส่อื กลางแบบไร้สาย
การสื่อสารแบบไร้สายอาศยั คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นส่ือกลางนาสญั ญาณ ซึง่ คลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้า
ที่สามารถนามาใช้ในการสื่อสารขอ้ มลู มีหลายชนิด แบ่งตามชว่ งความถที่ ่ีแตกต่างกัน การสือ่ สารแบบ
ไร้สายมีผู้นิยมใช้มากข้ึน เนื่องจากมีความคล่องตัวสูงและสะดวกสบาย มักนิยมใช้กันในพ้ืนท่ี
ทีก่ ารติดตั้งสายนาสัญญาณทาได้ลาบากหรือคา่ ใช้จ่ายในการติดตั้งสูงเกินไป ส่ือกลางของการส่ือสาร
แบบนี้ เช่น อินฟราเรด (Infrared: IR) ไมโครเวฟ (Microwave) คล่ืนวิทยุ (Radio Wave)
และดาวเทียมส่อื สาร (Communications Satellite)

ทมี่ ารูปภาพ: http://www.goldenrural.org
1. อินฟราเรด (Infrared: IR) ส่อื กลางประเภทน้ีมกั ใช้กับการส่ือสารข้อมูลท่ีไมม่ ีสิ่งกีดขวาง
ระหวา่ งตวั สง่ และตัวรับสัญญาณ เชน่ การส่งสัญญาณจากรโี มตคอนโทรลไปยงั เครือ่ งรับโทรทัศน์หรือ
วิทยุ การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์โดยผ่านพอร์ตไออาร์ดีเอ (The Infrared Data
Association: IrDA) ซึง่ เปน็ การเช่ือมตอ่ เครือข่ายระยะใกล้

 การสง่ สญั ญาณอินฟราเรด

ทีม่ ารปู ภาพ: http://www.datacom2u.com

18

2. ไมโครเวฟ (Microwave) เปน็ ส่อื กลางในการสอื่ สารท่มี ีความเร็วสูง ใช้สาหรับการเช่อื มต่อ
ระยะไกลโดยการส่งสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปในอากาศพร้อมกบั ข้อมูลที่ต้องการสง่ และต้องมี
สถานีที่ทาหน้าที่ส่งและรับข้อมูล และเนื่องจากสญั ญาณไมโครเวฟจะเดนิ ทางเป็นเส้นตรงไม่สามารถ
เล้ียวตามความโค้งของผิวโลกได้ จึงต้องมีการต้ังสถานีรับส่งข้อมูลเป็นระยะ และส่งข้อมูลต่อกัน
ระหวา่ งสถานี จนกว่าจะถึงสถานีปลายทาง และแตล่ ะสถานจี ะตั้งอยู่ในที่สงู เช่น ดาดฟ้า ตึกสูง หรือ
ยอดเขา เพื่อหลีกเล่ียงการชนสิ่งกีดขวางในแนวการเดนิ ทางของสัญญาณ การส่งข้อมูลผ่านสื่อกลาง
ชนิดนี้เหมาะกับการส่งข้อมูลในพื้นที่ห่างไกลมากๆ และไม่สะดวกในการวางสายสัญญาณ
ซึ่งเสาสัญญาณแตล่ ะเสาสามารถวางหา่ งไกลไดถ้ งึ 80 กโิ ลเมตร

 การสง่ สญั ญาณไมโครเวฟ

ท่มี ารูปภาพ: http://www.siamchemi.com
3.คล่ืนวิทยุ (Radio Wave) เป็นส่ือกลางที่ใช้ส่งสัญญาณไปในอากาศ โดยสามารถส่งใน
ระยะทางได้ทั้งใกล้และไกล โดยมีตัวกระจายสัญญาณ (Broadcast) ส่งไปยังตัวรับสัญญาณ และใช้
คล่ืนวิทยุในช่วงความถ่ีต่างๆ กันในการส่งข้อมูล เช่น การส่ือสารระยะไกลในการกระจายเสียงวิทยุ
ระบบเอเอ็ม (Amplitude Modulation: AM ) และเอฟเอ็ม (Frequency Modulation : FM) หรือ
การสอ่ื สารระยะใกล้ โดยใช้ไวไฟ (Wi-Fi ) และบลูททู (Bluetooth)

 การใช้งานคล่ืนวทิ ยุ

ที่มารปู ภาพ: https://stg-images.samsung.com

19

4. ดาวเทียมสื่อสาร (Communications Satellite) พัฒนาข้ึนมาเพ่ือหลีกเลี่ยงข้อจากัด
ของสถานีรับส่งไมโครเวฟบนผิวโลก โดยเป็นสถานีรับส่งสัญญาณไมโครเวฟบนอวกาศ ในการส่ง
สัญญาณต้องมีสถานีภาคพื้นดิน คอยทาหน้าท่ีรับและส่งสัญญาณขึ้นไปบนดาวเทียมท่ีโคจรอยู่สูง
จากพื้นโลกประมาณ 35,600 กิโลเมตร โดยดาวเทียมเหล่าน้ันจะเคล่ือนที่ด้วยคามเร็วที่เท่ากับการ
หมุนของโลก จึงเสมือนกับดาวเทียมน้ันอยู่น่ิงกับที่ขณะที่โลกหมุนรอบตัวเอง ทาให้การส่งสัญญาณ
ไมโครเวฟจากสถานีหนึ่งขึ้นไปบนดาวเทียม และการกระจายสัญญาณจากดาวเทียมลงมายังสถานี
ตามจดุ ต่างๆ บนผิวโลก เป็นไปอย่างแม่นยา นอกจากนี้ยงั มีการใช้งานดาวเทียมในการระบุตาแหน่ง
บนพ้ืนโลกเรียกว่าระบบจีพีเอส (Global Positioning System: GPS) โดยบอกพิกัดเส้นรุ้งและ
เสน้ แวงของผใู้ ช้งานเพอ่ื ใช้ในการนาทาง

 ดาวเทียมสอ่ื สาร

ที่มารูปภาพ: https://sites.google.com/site/kannika2556

20

ข้ันที่ 3 อธิบายความรู้ (ExplaIn)

แบบฝึกกจิ กรรมที่ 1
คําช้ีแจง : ให้นักเรียนในกลุ่มร่วมกันอภิปรายหรือแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับ

ข้อคาถามดังต่อไปนี้ โดยตอบคาถามผ่านลิงค์ใน Google Form

ที่ http://gg.gg/jq0xn หรือสแกน QR Code (20 นาท)ี

1. จากแผนภาพต่อไปนใ้ี ห้นักเรยี นอธิบายองค์ประกอบของการส่ือสารขอ้ มูล

________________ ________________
________________

________________ ________________ ________________

__________________ คอื __________________________________________________
ตวั อยา่ งเช่น______________________________________________________________

__________________ คือ__________________________________________________
ตัวอย่างเช่น______________________________________________________________

__________________ คือ__________________________________________________
ตัวอยา่ งเช่น______________________________________________________________

__________________ คือ__________________________________________________
_______________________________________________________________________
ตวั อยา่ งเช่น______________________________________________________________

__________________ คอื __________________________________________________
ตวั อยา่ งเช่น______________________________________________________________

21

2. จากภาพตอ่ ไปนี้ ให้อธิบายลกั ษณะการถา่ ยโอนขอ้ มลู

การถ่ายโอนข้อมูลแบบ________________ การถา่ ยโอนขอ้ มูลแบบ________________
ขอ้ ดี ข้อดี
_________________________________ _________________________________
_________________________________ _________________________________
_________________________________ _________________________________
_________________________________ _________________________________
ข้อเสยี ข้อเสีย
_________________________________ _________________________________
_________________________________ _________________________________
_________________________________ _________________________________
_________________________________ _________________________________

22

เฉลย

แบบฝึกกิจกรรมท่ี 1
คาํ ชแี้ จง : ให้นักเรียนในกลุ่มร่วมกันอภิปรายหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อคาถามดังต่อไปน้ี

ดังตอ่ ไปนี้ โดยตอบคาถามผา่ นลิงค์ใน Google Form ที่ http://gg.gg/jq0xn หรือสแกน
QR Code (20 นาที)

1. จากแผนภาพต่อไปน้ใี ห้นักเรยี นอธิบายองคป์ ระกอบของการสอ่ื สารขอ้ มลู

 ขอ้ มลู /ขา่ วสาร  ข้อมูล/ข่าวสาร
 สอื่ กลางในการสง่ ข้อมูล

 ผ้สู ง่  โพรโทคอล  ผ้รู บั

 ผู้ส่ง คอื คนหรอื อุปกรณท์ ีใ่ ชส้ าํ หรบั ส่งขอ้ มูลข่าวสาร

ตวั อยา่ งเช่น เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ โทรศัพท์ กลอ้ งวดี ิทัศน์

 ข้อมลู /ขา่ วสาร คือ ขอ้ มลู หรอื สารสนเทศตา่ งๆ ท่ีตอ้ งการส่งไปยังผ้รู ับ

ตัวอย่างเชน่ ขอ้ ความ ตัวเลข รปู ภาพ เสยี ง วีดิทศั น์ หรือสอ่ื ประสม

 สอื่ กลางในการส่งข้อมูล คือ ส่ิงท่ีทาํ หนา้ ท่สี ่งขอ้ มลู /ขา่ วสารไปยังจุดหมายปลายทาง

ตวั อย่างเชน่ สายเคเบลิ สายยทู พี ี สายไฟเบอรอ์ อปตกิ คล่ืนวทิ ยุ ไมโครเวฟ

 โพรโทคอล คือ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ หรือข้อปฏิบัติต่างๆ ทีก่ าํ หนดข้นึ เพอ่ื เปน็

ขอ้ ตกลงในการสอ่ื สารขอ้ มลู ระหวา่ งผูร้ ับและผ้สู ่ง

ตวั อย่างเช่น TCP/IP ไวไฟ บลูททู

 ผรู้ ับ คอื คนหรืออปุ กรณ์ทใ่ี ช้สําหรับส่งข้อมลู ข่าวสาร

ตวั อยา่ งเชน่ เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศพั ท์ กล้องวีดิทัศน์

23

2. จากภาพต่อไปนี้ ให้อธบิ ายลักษณะการถา่ ยโอนข้อมูล

การถา่ ยโอนขอ้ มูลแบบ อนุกรม การถ่ายโอนข้อมูลแบบ ขนาน
ขอ้ ดี ขอ้ ดี
ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต้ังสายสัญญาณ การรับ-ส่งขอ้ มูลทาํ ได้รวดเร็ว
แ ล ะ ส า ม า รถ ใ ช้ ส า ย สั ญ ญ า ณ ได้ ย า ว ก ว่ า
แบบขนาน ข้อเสีย
1. ถ้าสายยาวมากเกินไปอาจเกิดปัญหา
ข้อเสยี
การรับ-ส่งข้อมูลทําได้ช้ากว่าแบบขนาน สัญญาณสูญหายไปกับความต้านทานของ
สาย
เนื่องจากมสี ายสญั ญาณเพียงชอ่ งเดยี ว
2. ต้องใชส้ ายสง่ หลายเส้นทําใหม้ ี
ค่าใช้จา่ ยสูง

24

ขั้นที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Expand)

แบบฝึกกิจกรรมที่ 2
คาํ ชแ้ี จง : ตอนที่ 1 ให้นักเรียนพิจารณาภาพแล้วเติมชื่อสื่อกลางลงในช่องว่าง โดย

ตอบคาถามผ่านลิงค์ใน Google Form ที่ http://gg.gg/jq0xy หรือ
สแกน QR Code (10 นาที)

25

คําชี้แจง : ตอนท่ี 2 จากรูปภาพที่กาหนดให้ต่อไปนี้ ให้นักเรียนจับคู่ประโยชน์และ
กิจกรรมให้ถูกต้อง โดยตอบคาถามผ่านลิงค์ใน Google Form ท่ี
http://gg.gg/jq0yb หรอื สแกน QR Code (10 นาที)

ประโยชน์ 1. ความสะดวกในการประสานงาน 2. ความสะดวกในการแบง่ ปนั ทรัพยากร 3. สรา้ ง
บริการรูปแบบใหม่บนเครือข่าย 4. ความเร็วของการรับส่งข้อมูล 5. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการ
สอ่ื สารขอ้ มูล
กิจกรรม 1. การประชุมทางไกล 2. การซื้อสินค้าผ่านอินเทอรเ์ น็ต 3. การดูรายการโทรทัศน์ผ่าน
อนิ เทอรเ์ นต็ 4. การให้บรกิ ารไฟล์ข้อมูล 5. การโทรศัพท์ผา่ นอินเทอร์เนต็

ประโยชน์________________________________
กิจกรรม_________________________________

ประโยชน์________________________________
กจิ กรรม_________________________________

ประโยชน์________________________________
กจิ กรรม_________________________________

ประโยชน์________________________________
กจิ กรรม_________________________________

ประโยชน์________________________________
กจิ กรรม_________________________________

26

เฉลย
แบบฝึกกจิ กรรมที่ 2
คาํ ชี้แจง : ให้นักเรียนพิจารณาภาพแล้วเติมช่ือส่ือกลางลงในช่องว่าง โดยตอบคาถามผ่านลิงค์ใน
Google Form ท่ี http://gg.gg/jq0xy หรอื สแกน QR Code (10 นาท)ี

สายยทู ีพี สายเอสทพี ี

สายโคแอกซ์ อินฟราเรด

ไมโครเวฟ คล่นื วทิ ยุ

สายไฟเบอร์ออปตกิ ดาวเทียมส่ือสาร

27

คําช้ีแจง : ตอนท่ี 2 จากรูปภาพที่กาหนดให้ต่อไปนี้ ให้นักเรียนจับคู่ประโยชน์และกิจกรรมให้ถูกต้อง
โดยตอบคาถามผ่านลิงค์ใน Google Form ที่ http://gg.gg/jq0yb หรือสแกน QR
Code (10 นาท)ี

ประโยชน์ 1. ความสะดวกในการประสานงาน 2. ความสะดวกในการแบ่งปันทรัพยากร 3. สรา้ ง
บริการรูปแบบใหม่บนเครือข่าย 4. ความเร็วของการรับส่งข้อมูล 5. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการ
ส่ือสารข้อมูล
กิจกรรม 1. การประชุมทางไกล 2. การซ้ือสินค้าผ่านอนิ เทอรเ์ น็ต 3. การดูรายการโทรทัศน์ผ่าน
อนิ เทอรเ์ น็ต 4. การใหบ้ รกิ ารไฟลข์ ้อมลู 5. การโทรศพั ท์ผ่านอินเทอรเ์ นต็

ประโยชน์ สรา้ งบริการรปู แบบใหม่บนเครือขา่ ย
กิจกรรม การซื้อสนิ คา้ ผ่านอนิ เทอรเ์ น็ต

ประโยชน์ ความสะดวกในการประสานงาน
กจิ กรรม การประชมุ ทางไกล

ประโยชน์ ความสะดวกในการแบง่ ปนั ทรพั ยากร
กจิ กรรม การให้บริการไฟลข์ ้อมูล

ประโยชน์ ประหยดั ค่าใชจ้ า่ ยในการสือ่ สารขอ้ มลู
กจิ กรรม การโทรศพั ทผ์ า่ นอนิ เทอรเ์ นต็

ประโยชน์ ความเรว็ ของการรับส่งข้อมูล
กจิ กรรม การดรู ายการโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เนต็

28

ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)

แบบทดสอบหลังเรียน

คาํ ช้แี จง : แบบทดสอบน้ีเป็นแบบปรนัย จานวน 10 ข้อ (10 คะแนน) ให้นักเรียน
เลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงคาตอบเดียว โดยทาผ่านลิงค์ใน
Google Form ท่ี http://gg.gg/jq0ym หรอื สแกน QR Code

1. ข้อความใดไม่ใชป่ ระโยชนข์ องการสอ่ื สารขอ้ มูลและเครือข่ายคอมพวิ เตอร์
ก. ความถกู ต้องของข้อมลู
ข. ความรวดเร็วในการรับสง่ ข้อมูล
ค. ความตรงต่อเวลาในการเช่อื มตอ่
ง. ความสะดวกในการแบ่งปนั ข้อมลู

2. สายนาสัญญาณขนิดใดทใ่ี ช้สญั ญาณไฟฟ้าในการรับสง่ ขอ้ มูล
ก. สายยูทพี ี
ข. สายเอสทพี ี
ค. สายโคแอกซ์
ง. สายไฟเบอรอ์ อปติก

3. การรบั สง่ ข้อมลู ของวิทยุส่อื สาร ใช้การรบั ส่งข้อมลู รปู แบบใด
ก. การส่ือสารทางเดยี ว
ข. การสอ่ื สารสองทาง
ค. การสื่อสารสองทางครึง่ อัตรา
ง. การสือ่ สารสองทางเต็มอัตรา

4. สิ่งใดไมใ่ ช่องค์ประกอบพน้ื ฐานของระบบการสอื่ สารขอ้ มูล
ก. ผู้สง่ /ผรู้ ับ
ข. ข้อมลู /ขา่ วสาร
ค. เทคโนโลยกี ารส่ือสาร
ง. สอ่ื กลางในการส่งขอ้ มลู

5. ขอ้ ใดอธิบายไม่ถกู ตอ้ ง
ก. การถ่ายโอนข้อมูลแบบขนานขอ้ มูลจะถกู ส่งออกมาครัง้ ละหลายบติ พร้อมกัน
ข. การถา่ ยโอนขอ้ มลู แบบอนกุ รมจะใช่ชอ่ งสง่ สัญญาณมากกวา่ 1 ชอ่ งสัญญาณ
ค. สญั ญาณแอนะลอ็ กเป็นสัญญาณทม่ี ีการเปลย่ี นแปลงตามเวลาและเปน็ ค่าตอ่ เนอ่ื ง
ง. สัญญาณดจิ ทิ ัลเป็นสญั ญาณที่แทนด้วยระดบั แรงดนั ไฟฟ้าสองระดับ คือ 0 และ 1

29

6. สัญญาณในขอ้ ใดใชส้ าหรับเชือ่ มตอ่ ระยะไกล ต้องมสี ถานีรับและสง่ เน่อื งจากสญั ญาณเดนิ ทางเปน็
เสน้ ตรงไมส่ ามารถเล้ียวตามความโค้งของผิวโลกได้
ก. คล่ืนวทิ ยุ
ข. อินฟราเรด
ค. คลื่นไมโครเวฟ
ง. ดาวเทียมสื่อสาร

7. สญั ญาณในข้อใดสามารถสง่ ได้ทัง้ ระยะใกล้และไกล โดยมีตวั กระจายสญั ญาณสง่ ไปยงั ตวั รบั
สัญญาณสามารถกระจายสัญญาณไดท้ ุกทศิ ทาง
ก. คลน่ื วทิ ยุ
ข. อนิ ฟราเรด
ค. คลน่ื ไมโครเวฟ
ง. ดาวเทียมสอื่ สาร

8. การสื่อสารใดใช้ระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์
ก. คาพดู
ข. โทรเลข
ค. โทรศัพท์
ง. อนิ เทอรเ์ นต็

9. สอื่ กลางใดใชใ้ นการสอื่ สารแบบไร้สาย
ก. คลนื่ วิทยุ
ข. ไมโครเวฟ
ค. อนิ ฟราเรด
ง. ถกู ทกุ ข้อ

10. การตดิ ตง้ั สายสญั ญาณภายในอาคารนิยมใช้สายสัญญาณประเภทใด
ก. สายยูทพี ี
ข. สายเอสทีพี
ค. สายโคแอกซ์
ง. สายไฟเบอร์ออปติก

30

เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น

ข้อ เฉลย ขอ้ เฉลย
1ข 1ค
2ง 2ง
3ค 3ค
4ง 4ค
5ค 5ข
6ง 6ค
7ค 7ก
8ก 8ง
9ก 9ง
10 ค 10 ก

31

บรรณานกุ รม

กระทรวงศึกษาธิการ. (2552). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551.
กรุงเทพฯ: โรงพมิ พช์ มุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จากดั .

กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้การงาน
อาชพี และเทคโนโลยี. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จากดั .

ปรัชญานันท์ นิลสุข และคณะ. (2553). หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศและ
การสอื่ สาร. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์ บรษิ ัทพฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ จากัด.

พิมลพรรณ ประเสริฐวงษ์ และคณะ. (2551). เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร. กรุงเทพฯ:
บริษทั อักษรเจรญิ ทศั น์ จากดั .

สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี (2557). หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี
สารสนเทศและการสอ่ื สาร. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพร้าว.

32


Click to View FlipBook Version