The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by th.charoenlarp, 2023-06-13 21:59:41

เบตง

เบตง

เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 51 ไม่แก่จนเกินไป จากนั้นก็ตัดใบตองยาวเท่ากับกระบอก ข้าวหลามแล้วม้วนใส่เข้าไปในกระบอกไม้ไผ่เพื่อ รองข้าวเหนียว ต ่อด้วยข้าวเหนียวที่ล้างสะอาด เรียบร้อยแล้ว กรอกลงไปในกระบอกไม้ไผ่ จากนั้น ก็น�้ำกะทิผสมน�้ำตาลและเกลือ ซึ่งจะได้รสชาติที่ หวานมัน กรอกตามลงไป แล้วน�ำข้าวหลามไปเผา ไฟด้วยปริมาณไฟที่พอเหมาะ ก็จะได้ข้าวหลาม รสชาติเยี่ยมซึ่งสูตรเด็ดเฉพาะของชาวเบตงมารับ ประทานกัน ข้าวหลามเบตง หนึ่งในอาหารขึ้นชื่อของเมืองที่มีชื่อมาจาก ไม้ใผ่ ส�ำหรับข้าวหลามอาจจะดูเหมือนว่าเป็นอาหาร ทั่วไปส�ำหรับใครหลายคน และสามารถหาทานได้ ทั่วไปไม่ว่าภาคไหนจังหวัดให้แต่ส�ำหรับอ�ำเภอเบตง แห ่งนี้มีข้าวหลามที่ไม ่ธรรมดาและแตกต ่างจาก ที่อื่นเพราะข้าวหลามเบตงเกิดขึ้นจากวัฒนธรรม และวิถีชีวิตแห่งชาวมุสลิม ข้าวหลามชนิดนี้มีหลายชื่อเรียกด้วยกัน ส�ำหรับชาวมุสลิมจะเรียกว ่า “ปูโละลือแมเบตง” หรือ ข้าวหลามไผ่ตง ส่วนชาวบ้านทั่วไปนิยมเรียก กันอย่างไม่เป็นทางการว่า “ข้าวหลามบาซูก้า” โดย ปกติจะนิยมท�ำกันในช่วงส�ำคัญทางศาสนาอย่าง วันฮารีรายอ ซึ่งมีลักษณะที่พิเศษแตกต ่างจาก ข้าวหลามของท้องถิ่นอื่นๆ เพราะเป็นข้าวหลามที่ มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย คือมีความยาว เฉลี่ยประมาณหนึ่งเมตรเศษๆ มีเนื้อที่เหนียว หวาน มัน รสชาติอร่อย เหมาะส�ำหรับรับประทานร่วมกับ น�้ำชา (เอแต) และกาแฟ(โกปี้) ในมื้อเช้าเป็นอย่าง มาก ซึ่งไปกว่านั้น ข้าวหลามยังสามารถน�ำไปรับ ประทานร่วมกับแกงมัสมั่นได้อีกด้วยแถมเข้ากัน ได้ดีอีกต่างหาก และอีกมุมหนึ่งข้าวหลาม (ปูโละลือแม) มี ความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรม และประเพณีของชาวเบตงอีกด้วยนั่นก็คือ การน�ำ ข้าวหลามมาเป็นส ่วนหนึ่งของกิจกรรมในช ่วง เทศกาลวันฮารีรายอ หรือวันตรุษของศาสนาอิสลาม เมื่อถึงในวันเทศกาลดังกล่าวพี่น้องชาวอิสลามจะ ร่วมกันท�ำข้าวหลามอย่างสนุกสนานในยามค�่ำคืน พอรุ่งเช้าก็น�ำปข้าวหลามให้ญาติๆ ตามที่ต่างๆ ส�ำหรับเคล็ดลับ ที่จะท�ำให้ข้าวหลามเบตง มีเนื้อ ข้าวหลามที่มีความเหนียว ความหวาน และมีความ มัน เริ่มตั้งแต่การตัดกระบอกไม้ไผ่ที่ไม่อ่อนหรือ เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 51


52 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง กาแฟโบราณ กาแฟโบราณของเบตง เป็นกาแฟพันธุ์พื้น เมือง ที่มิอาจบ่งชัดได้ว่าเป็นกาแฟพันธุ์อะไร อาจ จะกลายพันธุ์มาจากพันธุ์ใดพันธุ์หนึ่งก็เป็นไปได้ ซึ่งกาแฟนี้ชาวเบตงนิยมปลูกแซมตามสวนยาง ต่อมากลุ่มแม่บ้านชุมชนกาแป๊ะฮูลู กลุ่มแม่บ้าน ชุมชนกาแป๊ะกอตอใน และกลุ่มแม่บ้านมาลา ได้ ผลิตกาแฟผงจ�ำหน่าย โดยน�ำเมล็ดที่ปลูกไว้มา คั่วและบดเอง ซึ่งแต่ละสูตรต่างมีรสชาติที่หอมกรุ่น น่าลิ้มลอง ส�ำหรับที่มาของการรวมกลุ ่มท�ำกาแฟ โบราณของกลุ่มแม่บ้านนั้นเริ่มมาจาก สมัยก ่อน แม ่บ้านในหมู ่บ้านไม ่มีงานท�ำและว ่างงานหลังจาก กรีดยางเสร็จ จึงมีแนวคิดมารวมกลุ่มเพื่อท�ำกาแฟ โบราณขึ้น ตั้งแต่ปี2542 เพราะเมล็ดกาแฟมีราคาถูก และปลูกกันมากในสวนยาง จึงได้มีการขอความร่วม มือกับเทศบาลเบตงในการส่งเสริมอาชีพและมีงบ ตั้งต้นในการท�ำกาแฟโบราณดังกล่าวขึ้น ปัจจุบันกาแฟเบตงได้กลายเป็นอีกหนึ่งของฝาก ส�ำคัญจากเบตง โดยมีถึง 3 ตรา คือ กาแฟโบราณ กาแฟวังเก ่า และกาแฟโบราณเบตง และ 1 ใน 3 นี้ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสินค้าโอท็อป ระดับ 5 ดาว ท�ำให้มีนักท่องเที่ยว ประชาชนแวะเวียนมาซื้อหาเป็น ของขวัญของฝากกันเป็นจ�ำนวนมาก จนยอดการผลิต ไม ่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า อีกทั้งยังเป็น แหล่งเรียนรู้ของชุมชนอีกด้วย 52 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง


เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 53 และน�้ำตาลทรายแดงเท่านั้น ไม่มีการใส่เครื่องเคียง เพิ่มเติมแต่อย่างใด เป็นอีกหนึ่งของดีที่ใครมาเที่ยว เบตงต้องลิ้มลอง เฉาก๊วยโบราณ อีกชื่อหนึ่งที่เรียกกันติดปากคือ วุ้นด�ำเบตง ของโบราณขึ้นชื่อของบ้าน กม.4 เพราะเป็นรสชาติ ของเฉาก๊วยโบราณแท้ๆ ที่ได้น�ำเอาหญ้าวุ้นด�ำจาก ประเทศจีนมาเป็นส่วนผสมส�ำคัญ ท�ำให้เฉาก๊วยมีสี ด�ำขลับ เหนียว และนุ่ม โดยเฉาก๊วย หรือวุ้นด�ำ มีวิธีท�ำง่ายๆ คือ น�ำ ต้นเฉาก๊วยแห้งมาต้ม จนยางไม้และแพคตินละลาย ออกมาได้น�้ำสีน�้ำตาลด�ำ เรียกว่า ชาเฉาก๊วย จาก นั้นก็กรองเอาแต่น�้ำ แล้วน�ำไปผสมกับแป้งพืช เพื่อ ให้เฉาก๊วยคงตัวเป็นเจลลี่ ซึ่งส่วนประกอบนั้น แต่ละ เจ้าจะมีสูตรของตนเอง วิธีที่เป็นต้นต�ำรับโบราณนั้น นิยมผสมกับแป้งท้าวยายม่อม และแป้งมันส�ำปะหลัง อัตราส่วนตามความเหมาะสม โดยแป้งมันจะท�ำให้ เนื้อเฉาก๊วยนิ่ม (ใส่มากจะเหลว) ส่วนแป้งท้าวยาย ม่อมจะให้เนื้อเฉาก๊วยคงรูปได้นาน อาจปรับปรุงโดย ใส่แป้งข้าวเจ้าเพื่อให้แข็งตัวขึ้น หรือเพิ่มแป้งข้าว เหนียวให้มีความหนุบหนับ หรือใส่ส่วนผสมอื่นๆ ก็ได้ปัจจุบัน มีผู้ค้าบางรายใส่สีผสมอาหารให้สีด�ำ เข้มบ้าง ใส ่วุ้น-เจลาติน เพื่อประหยัดต้นทุนก็มี การรับประทานเฉาก๊วยแต ่เดิมชาวจีนจะกินกับ น�้ำตาลทรายแดง โดยเอามาคลุกกับน�้ำตาลให้เข้ากัน คนไทยน�ำมาดัดแปลงโดยหั่นเป็นชิ้นๆ ใส่ในน�้ำเชื่อม และน�้ำแข็ง กินกับข้าวโพด ลูกชิด หรือลูกตาลเชื่อม ก็ได้ แต่ส�ำหรับสูตรเบตงนั้นจะนิยมทานกับน�้ำแข็ง


54 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง ส้มโชกุน จากอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปีท�ำให้อ�ำเภอ เบตงได้เปรียบพื้นที่อื่นในการปลูกไม้เมืองหนาว ซึ่ง หนึ่งในนั้นที่เป็นผลไม้ขึ้นชื่อ และได้รับการยอมรับใน เรื่องของคุณภาพต้องยกให้กับ ส้มโชกุน เนื่องจากมี ลักษณะพิเศษ เป็นพื้นที่ราบสูง ภูเขาสลับซับซ้อน ดินร่วน อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีอยู่ที่ 20 - 27 องศา ซึ่งเหมาะแก่การเจริญเติบโตเป็นอย่างยิ่ง ส้มโชกุน จัดได้ว่าเป็นส้มที่รวบรวมเอาคุณสมบัติ เด่นหลากหลายมารวมไว้ด้วยกัน เช่น มีกลิ่นหอม รส หวานอมเปรี้ยว ชานนิ่มและไม่ขม เปลือกบาง ซึ่งหาก น�ำมาคั้นจะให้น�้ำมากกว่าส้มทั่วไป มีลักษณะคล้าย ส้มเขียวหวาน การเจริญเติบโตก็คล้ายๆ กับส้มเขียว หวาน เหตุเพราะว่าเป็นส้มที่ผสมผสานพันธุ์โดยธรรมชาติ ระหว่างส้มเขียวหวาน และส้มแมนดารินจากประเทศ จีนและกว่าจะมาเป็นผลส้มที่พรั่งพร้อมด้วย คุณลักษณะดังกล่าว ต้องผ่านการดูแลเอาใจใส่ เป็นอย่างดีโดยเฉพาะการหมั่นใส่ปุ๋ย ตัดแต่งกิ่ง การ ป้องกันโรค และการป้องกันแมลงต่างๆ ด้วยสามารถ เก็บไว้ในตู้เย็นได้นานถึง 10 วัน ในอุณหภูมิแช่ผักโดย รสชาติของน�้ำส้มไม่เปลี่ยนแปลง ในอนาคตหากมีการ พัฒนาในเชิงอุตสาหกรรมสามารถน�ำมาเป็นส้มแท้ที่ เก็บไว้ได้นาน รสชาติไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนเปลือกสามารถ น�ำมาปรับเป็นแยมหรืออุตสาหกรรมเปลือกส้ม ความเป็นส้มที่มีความเป็นเลิศในรสชาติและ คุณภาพของส้มโชกุน ได้มีการขยายพื้นที่จาก จ.ยะลา ไปสู่ทุกภาคของประเทศไทยโดยเฉพาะภาคเหนือได้ มีการปลูกกันอย ่างกว้างขว้างและตั้งชื่อใหม ่ว ่า ส้มสายน�้ำผึ้ง แต่หากอยากได้ลิ้มรสของส้มโชกุนสาย พันธุ์พื้นเมืองแท้ๆ ต้องมาที่อ�ำเภอเบตง จังหวัดยะลา ที่เดียวเท่านั้น 54 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง


นอกจากนี้ทางราชการจึงได้ก�ำหนดให้ มีหน ่วยงานที่บริการประชาชนในพื้นที่ ที่มี เฉพาะในตัวจังหวัด หลายหน่วยงานไปประจ�ำ ที่อ�ำเภอเบตง เช่น คลังจังหวัดเบตง ศาล จังหวัดเบตง อัยการจังหวัดเบตง เรือนจ�ำ จังหวัดเบตง รวมถึงส�ำนักงานขนส่งเบตง ที่ สามารถออกป้ายทะเบียนเองได้ โดยมีการประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2469 เป็นต้นมา ประกาศ ณ วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2468 โดย มหาอ�ำมาตย์นายก เจ้าพระยายมราชเสนาบดี กระทรวงมหาดไทย เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 55 ป้ายทะเบียน “เบตง” อีกหนึ่งความพิเศษของอ�ำเภอเบตง ที่ไม่มีที่ไหน เหมือนและลอกเลียนแบบได้คือ ป้ายทะเบียน “เบตง” ซึ่งถือว ่าเป็นอ�ำเภอเดียวของไทยที่มีสถานะในป้าย ทะเบียนทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์เป็นของตัวเอง แตกต ่างจากป้ายทะเบียนรถของที่อื่นซึ่งจะใช้ชื่อ จังหวัด ในประเทศไทยเรามี 77 จังหวัด แต่ป้าย ทะเบียนรถมี78 ชื่อ ที่เพิ่มขึ้นมาก็คือในสมัยก ่อน อ�ำเภอเบตง กับอ�ำเภอเมืองยะลา นั้นเส้นทางเดินทาง สุดยอดครับ คือ โค้งเยอะมากประกอบกับเส้นทาง เปลี่ยวสองข้างทางเต็มไปด้วยป่าเขา และกลุ่มผู้ก่อการ ร้ายในพื้นที่ภาคใต้อยู่อย่างชุกชุม ประกอบกับที่ อ.เบตง ค่อนข้างเจริญ กรมการขนส่งทางบก เลยอนุญาตให้ มีการจดทะเบียนรถที่เบตงได้ไม่ต้องไปที่ อ.เมืองยะลา นั่นคืออนุญาตให้มีป้ายทะเบียนเบตง


56 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง บทที่ 5 แนะน�าสถานที่ท่องเที่ยว อ�าเภอเบตง


เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 57 แม้จะเป็นเพียงอ�ำเภอเล็กๆ ในดินแดนกลางหุบเขา ที่ตั้งอยู่สุดเขตแดนสยาม แต่อ�ำเภอเบตงกลับอุดม ไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย น่าสนใจ และดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยือน เสน่ห์ในเมืองแห่งม่านหมอกแห่งนี้อยู่อย่างไม่ บทที่ 5 ขาดสายโดยเฉาะแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และทางธรรมชาติที่แฝงไว้ด้วยความน่าตื่นตา ตื่นใจ หากสักครั้ง หนึ่งในชีวิตได้มีโอกาสไป เยือนเบตงเชื่อแน่ว่าสถานที่ท่องเที่ยว ที่ต่อไปนี้ จะไม่ท�ำให้ผู้มาเยือนต้องผิดหวังกลับไปอย่าง แน่นอน แนะน�าสถานที่ท่องเที่ยวอ�าเภอเบตง เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 57


58 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง ทรุดโทรมมาก จึงได้เชิญชวนพี่น้องมุสลิมสมัยนั้นช่วย กันบูรณะ ได้มีผู้บริจาคเงินได้ประมาณ 3000 บาท ท่านฮัจยีฮามะ ดาเด๊ะ ได้กู้เงินจากจีนชื่อ อาเหลียง รับประกันเหล็กกับซีเมนต์ชาวบ้านจึงช่วยกันเอาหินกับ ทรายมาสมทบด้วยแรงศรัทธาประมาณ 15 หมู่บ้าน หมู่บ้านหนึ่งจะมาช่วยกันสร้างหมู่บ้านละ 1 วัน ต่อมา ท่านฮัจยีฮามะ ดาเด๊ะ ได้เดินทางไปกรุงเทพฯ ไปขอ ทุนสมทบจากรัฐบาลตรงกับสมัยนายเผ่าศรียานนท์ เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย จอมพลป.พิบูลสงคราม เป็น นายกรัฐมนตรีทางรัฐบาลจึงได้สมทบทุนงบประมาณ รวม 500,000 บาท หลังจากนั้นต ่อมาก็ได้รับบริจาค จากชาวบ้านทั่วไป ตั้งแต่เริ่มสร้างใช้เวลา 3 ปีตอนนั้น พอมีเงินทุนบ้างแล้ว เอาวัสดุจากอาเหลียง ชดใช้ประมาณ 4 ปีจึงหมดหนี้สิน หลังจากนั้นก็หยุดไม่ได้ก่อ สร้างประมาณ 2 ปี ด้วยเหตุผลงบไม่เพียงพอ ระยะหลังจึงได้เริ่มประมูลกันใหม ่ นายช ่างจีนชื่อ เจ้าฟุ๊ก ได้สร้างรายละเอียด เช่น ท�ำคาน สร้างได้ ประมาณ 5-6 เดือน จึงหยุดสร้าง จากนั้นก็ได้ช่างจีน มาจากกรุงเทพฯชื่อ เอไกว่ ประมูล 380,000 บาท ใช้เวลาประมาณปีกว่าจึงสามารถปฏิบัติศาสนกิจได้ มัสยิดกลางเบตง ศูนย์รวมจิตใจของพี่น้องคนชาวไทยมุสลิม ในอ�ำเภอเบตง อยู่ในเขตเทศบาลต�ำบลเบตง เดิม ฮัจ ยีดาฮัง ฮัจยีดือเร๊ะ ตามล�ำดับ แล้วต่อมาก็ย้ายไปอยู่ ที่ปัจจุบัน ฮัจยียะโก๊ะ กาเต๊ะ เป็นอิหม่าม อาคารที่ สร้างหลังแรกนั้นหลังคามุงด้วยจาก โดยมีนายบราเฮง ซึ่งเป็นคนต่างถิ่น (คนจีนที่นับถือศาสนาอิสลาม) เป็น นายช่างตัดไม้ ปรับปรุงเขียนแปลนท�ำเสาด้วยไม้เหลี่ยม หลังคาท�ำด้วยไม้กระดาน ต่อมานายบราเฮงก็ถึงแก่กรรม ที่หมู่บ้านกูนุงจอนองจากนั้นต่อมาท่านฮัจยียะโก๊ะ ก็ได้การบูรณะดัดแปลงเป็นหลังคาสังกะสี โดยโครง อาคารยังคงเดิม เปลี่ยนพื้นซีเมนต์ ผู้รับเหมาครั้งนั้นได้ ช่างจีนมาจากโกร๊ะ ประเทศมาเลเซียเป็นจีนไหลหล�ำ ในสมัยญี่ปุ่นเข้ามาท�ำสงครามโลกครั้งที่ 2 จีน ได้ท�ำลายโดยเอาไม้กระดานท�ำฟืน (ส่วนต�ำราศาสนา คัมภีร์อัลกุรอ่านญี่ปุ่นเผาหมดเหลือแต่โครงสร้างของ อาคารเท่านั้น แต่ก็ยังท�ำเป็นที่ปฏิบัติศาสนกิจได้ซึ่ง ตอนนั้นตรงกับสมัยฮัจยีรานิง ดาเด๊ะ เป็นอิหม่าม ได้ เดินทางกลับจากเมืองมักกะ ท ่านได้แลเห็นสภาพ 58 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง


เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 59 แต ่ยังไม ่สมบูรณ์นายอ�ำเภอคนต ่อมาสมัยนาย จ�ำรัส สิทธิพงศ์ท่านได้ท�ำพุ่มเงินเพื่อหาทุนสมทบ นายอ�ำเภอท่านนี้เป็นนายอ�ำเภออยู่ประมาณ 10 ปี จึงย้ายไป จนกระทั่งส�ำเร็จเสร็จสิ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2534 ใช้เวลาในการก่อสร้างราว 40 ปีด้วยกัน หมู่ที่ 1 ต�ำบลเบตง อ�ำเภอเบตง จังหวัดยะลา สังกัด คณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินวัดเนื้อที่ 23 ไร่ 3 งาน 308 ตารางวา พื้นที่ตั้งวัดเป็นเนินเขาสูงเอียงลาดลงไป ทางทิศเหนือ จัดแบ่งพื้นที่วัดออกเป็นชั้นรวม 5 ชั้น อาคารเสนาสนะต่างๆ มีอุโบสถกว้าง 8 เมตร ยาว 22 เมตร สร้าง พ.ศ.2508 โครงสร้างคอนกรีตเสริม เหล็ก หลังคา 3 ชั้น มุงกระเบื้องดินเผาเคลือบสีพื้น หินขัด พระประธานประจ�ำอุโบสถสร้างเป็นรูปเหมือน หลวงพ ่อทวดเหยียบน�้ำทะเลจืดขนาดเท ่าองค์จริง ต ่อมามีการสร้างพระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรม ประกาศขึ้นอีก 1 หลังเป็นศิลปะแบบศรีวิชัยประยุกต์ มีความสวยงามและใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ขนาดความ กว้าง 39 เมตร สูง 39.9 เมตร หรือขนาดความสูง เทียบเท่าตึก 13 ชั้น เป็นมหาธาตุเจดีย์ที่สวยงามและ ใหญ่ที่สุดในภาคใต้โดยในองค์มหาธาตุเจดีย์บรรจุ พระบรมสารีริกธาตุ มหาธาตุเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นจาก ความคิดและการด�ำเนินการของอดีตประธานศาลฎีกา นายสวัสดิ์ โชติพานิช เพื่อเฉลิมฉลองและถวายแด่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ สิริกิตติ์พระบรมราชินีนาถ เนื่อง ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา วัดพุทธาธิวาสเป็นแหล่งศิลปกรรมสร้างใหม่แต่เป็น สุดยอดแห ่งศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม ทั้งองค์ พระธาตุเจดีย์ อุโบสถ วิหารพระพุทธรูปองค์ใหญ่ และ จิตรกรรมต่างๆ ล้วนประณีตสวยงาม มีการจัดวางให้ ลดหลั่นกันไปตามเนินเขาที่ดูโดดเด่นสง่างาม มีความ ตั้งใจที่จะจัดวางสิ่งก่อสร้างให้เหมาะสมสอดคล้องกับ สภาพธรรมชาติรอบๆ ด้าน วัดพุทธาธิวาส (พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธ ธรรมประกาศ) วัดพุทธาธิวาสเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู ่บ้านคู ่เมือง ของอ�ำเภอเบตง ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ วันที่13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2496 ตั้งอยู่เลขที่ 65 ถนนรัฐกิจ เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 59


60 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง ปัจจุบันทางจังหวัดยะลา ได้พัฒนาให้เป็น แหล่งท่องเที่ยว อีกที่หนึ่งของจังหวัด โดยทางจังหวัด ยะลาได้รับงบประมาณ จากนายกองค์การบริหารส่วน จังหวัดยะลา ในการพัฒนาให้บ่อน�้ำร้อนเบตง เป็น แหล ่งท ่องเที่ยว ที่ส�ำคัญของจังหวัด มีการจัดและ ปรับปรุง พื้นที่บริเวณรอบๆ ทางภูมิทัศน์ ให้มีความ สวยงาม แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติเพื่อให้เหมาะ ส�ำหรับ การเดินทาง มาพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อสุขภาพอีกด้วย ทั้งนี้ก็ เพื่อให้บ่อน�้ำร้อนเบตง เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ทั้งนักท่องเที่ยว ชาวไทย และนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติ โดยนักท่องเที่ยวที่ชอบการท่องเที่ยว เพื่อสุขภาพ การเดินทางมาท่องเที่ยวที่ บ่อน�้ำร้อนเบตง นอกจากจะได้เที่ยวแล้ว การอาบน�้ำแร่ที่ บ่อน�้ำร้อน ยังเป็น การรักษาโรคผิวหนังได้อีกด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นการท่องเที่ยวที่ คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง บ่อน�้ำพุร้อน อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวชือดังแห่งเมืองเบตง ซึ่งเหมาะแก ่การพักผ ่อนหย ่อนใจและส�ำหรับคนรัก สุขภาพนั้นคือ บ ่อน�้ำร้อนเบตง เป็นปรากฏการณ์ ธรรมชาติอย่างหนึ่งของเบตงที่มีน�้ำพุเดือดขึ้นมาจาก พื้นดินในหมู่บ้านจะเราะปะไร ต�ำบลตาเนาะแมเราะ ก ่อนถึงตัวอ�ำเภอเบตง 5 กิโลเมตร บนทางหลวง หมายเลข 410 มีทางแยกขวาไปอีก 8 กิโลเมตร ตรง จุดบริเวณที่น�้ำเดือดสามารถต้มไข่สุกภายใน 7 นาที มีบริการห้องอาบน�้ำแร่ ซึ่งเชื่อกันว่าน�้ำแร่จากบ่อน�้ำ ร้อนสามารถบรรเทาอาการปวดเมื่อยและรักษาโรค ผิวหนัง ลักษณะน�้ำร้อนเบตง เดิมเป็นบ่อน�้ำร้อนธรรมชาติ ขนาดใหญ่ เป็นบ ่อน�้ำร้อนที่ประกอบไปด้วยแร ่ธาตุ มากมายมีอาณาบริเวณประมาณ 7 ไร่ ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน บ่อน�้ำร้อน ต�ำบลตาเนาะแม่เราะ อ�ำเภอเบตง จังหวัด ยะลา ห่างจากตัวเมืองเบตงไปทางเส้นทางหมายเลข 410 (ยะลา-เบตง) ประมาณกิโลเมตรที่4และแยกเข้าไป ตามเส้นทางแอลฟัลท์คอนกรีตอีกเกือบ 7 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นเส้นทางสัญจร ที่มีความสะดวกและปลอดภัยเป็นอย่างมาก บ่อน�้ำพุ ร้อนจะมีน�้ำร้อนผุดขึ้นมาจากใต้ดิน อุณหภูมิของน�้ำ ประมาณ 80 องศาเซลเซียส สามารถลวกไข่ให้สุก ภายใน 10 นาทีและมีสระน�้ำขนาดใหญ่ไว้กักน�้ำจาก น�้ำพุร้อนเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ใช้อาบ และแช่เท้าเล่น ซึ่งเชื่อว่าน�้ำแร่ในน�้ำพุร้อนสามารถรักษา โรคภัยได้เป็นอย่างดีเช่น โรคผิวหนัง โรคปวดเมื่อย โรคเหน็บชา เป็นต้น 60 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง


เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 61 ชาติไทย หรืออดีตกลุ่มโจรคอมมิวนิสต์มลายา (จคม.) สร้างขึ้นเป็นฐานของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา เขต 2 เมื่อปีพ.ศ. 2519 ในปัจจุบันได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว เปิดบริการให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.00 - 16.30 น. การ ท่องเที่ยวอุโมงค์ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง มีการติด ตั้งไฟฟ้าตลอดแนวอุโมงค์อากาศภายในเย็นสบายไม่ อึดอัด บริเวณทางเข้าสองข้างทางเต็มไปด้วยพรรณไม้ นานาพันธุ์และมีแอ่งน�้ำที่ไหลมาจากภูเขา ด้านนอก อุโมงค์ซึ่งเคยเป็นลานฝึกทหารจัดให้มีนิทรรศการแสดง ภาพและเรื่องราวประวัติศาสตร์รวมถึงวิถีการด�ำเนิน ชีวิตในป่า นอกจากนี้ยังมีร้านจ�ำหน่ายอาหาร ร้านขายของที่ ระลึก รวมทั้งผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ได้จากธรรมชาติเช่น เห็ดหลินจือ ยาสมุนไพร ส�ำหรับถนนที่จะเดินไปชม อุโมงค์ปิยะมิตรจะเป็นทางเท้าที่ผ่านล�ำน�้ำเล็กๆ มีร่มเงา ของพรรณไม้ก�ำบังแดดได้เป็นอย ่างดีส�ำหรับที่พัก เนื่องจากใกล้อ�ำเภอเบตงงจึงมักจะไปค้างคืนที่เบตง หรือกลับไปค้างคืนที่จังหวัดยะลาก็ได้ ส�ำหรับการเดินทางจากจังหวัดยะลาไปอ�ำเภอ เบตงตามเส้นทางหมายเลข 410 ถึงต�ำบลตาเนาะแม เราะ เป็นระยะทางประมาณ 141 กิโลเมตร แล้วแยก ไปตามทางลาดยางผ่านบ่อน�้ำร้อน ถึง’อุโมงค์ปิยะมิตร ประมาณ 11 กิโลเมตร เท่านั้น อุโมงค์ปิยะมิตร หนึ่งในร่องรอยทางระวัติศาสตร์ของการต่อสู้ บนวิถีความเชื่อและสถานที่ทางประวัติที่น่าสนใจของ ทั้งไทยและมาเลเซีย อุโมงค์ปิยะมิตร เป็นฝีมือของ กลุ่มขบวนการโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา เมื่อปีพ.ศ. 2519 มีวัตถุประสงค์ในการก่อสร้าง เพื่อใช้เป็นฐาน ปฏิบัติการเพื่อหลบภัยทางอากาศ และสะสมเสบียง ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ล้อมรอบด้วยป่าทึบ ภายในอุโมงค์ มีความกว้างพอคนเดินได้มีความยาวของอุโมงค์ประมาณ 1 กิโลเมตร ในอดีตมีททางเข้า-ออก 9 ทาง แต่ปัจจุบัน เหลือ 6 ทาง โดยปัจจุบันยังคงมีกลิ่นอาย และร่องรอย ของการด�ำรงชีวิตที่หลงเหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ที่มีเตียงดินเหนียว ก่อติดกับผนังถ�้ำ อุปกรณ์ในการสู้รบ อุปกรณ์ในการเดินป่า ห้องบัญชาการรบ ซึ่งจุคนได้ถึง 200 คน ภายนอกอุโมงค์ยังมีลานส�ำหรับฝึกก�ำลังพล โดยอุโมงค์ปิยะมิตร ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 บ้านปิยะ มิตร 1 ต�ำบลตะเนาะแมเราะ อ�ำเภอเบตง จังหวัดยะลา เข้าทางเดียวกับบ่อน�้ำร้อนเบตงและน�้ำตกอินทสร อยู่ เลยบ่อน�้ำร้อนอีก 3 กิโลเมตร เป็นอุโมงค์ที่ผู้ร่วมพัฒนา เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 61


62 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง อาศัยบริเวณปากคลองฮาราและชายขอบป่าสิริกิตติ์ น�้ำตกหินขาว น�้ำตกที่รอการพัฒนา น�้ำตกหินขาวยัง เป็นน�้ำตกที่บริสุทธิ์ตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.8 บ้านอัยเยอร์ควีน ต.อัยเยอร์เวง คงต้องรออีกนิดเพื่อจะได้พิสูจน์ว่าสวย แค่ไหน น�้ำตกเฉลิมฯ ร.9 วังใหม่ น�้ำตกริมทาง น�้ำตก เฉลิมพระเกียรติร.9 วังใหม่ เป็นน�้ำตกริมทางถนนสาย โธยา เบตง- ยะลา กลางหมู่บ้าน วังใหม่ ต.อัยเยอร์เวง เพียง 800 เมตร มีแอ่งน�้ำส�ำหรับเด็กๆ และผู้เดินทางแวะ เล ่นน�้ำเพื่อคลายร้อน น�้ำตกเฉลิมพระเกียรติร.9 น�้ำตกที่สูงและสวยที่สุดในเบตง น�้ำตกเฉลิมพระกียรติร.9 เป็นน�้ำตกแห่งใหม่ที่ พัฒนาในปี42 จุดที่สวยงามมี ความสูงกว่า 30 เมตร สามารถเข้าไปเที่ยวได้โดย เข้าไป ทางบริเวณถนนทางหลวง 410 กม.33 ระยะทาง 3.5 กม. หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 10 หมู่บ้านอดีตพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา ต�ำนานมี ชีวิต หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 10 หมู่บ้านประวัติศาสตร์ ของอดีดพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา ผู้ร่วมพัฒนาชาติ ไทย มีประวัติศาสตร์การต่อสู้ที่น่าศึกษา จากการที่ พรรคคอมมิวนิสต์มาลายา ได้ยุติการต่อสู้ด้วยอาวุธและ สลายกองทัพมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ตามข้อตกลง นามสัญญาสันติภาพ 3 ฝ่าย(รัฐบาลไทย /รัฐบาลประเทศ มาเลเซีย/พรรคคอมมิวนิสต์มาลายา) เมื่อวันที่2ธันวาคม 2532 ณ โรงแรมลีการ์เดนส์อ�ำเภอหาดใหญ่ จังหวัด สงขลา กองทัพภาคที่ 4 โดยพลทหารราบที่ 5 ได้จัดท�ำ โครงการรับผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยขึ้นเพื่อรองรับผู้ร่วม พัฒนาชาติไทย โดยมีระยะเวลาโครงการ 6 ปีตั้งแต่ ปีงบประมาณ 2533-2538 โดยจัดตั้งเป็นหมู่บ้านขึ้นมา เรียกว่า “หมู่บ้านรัตนกิตติ2” ต่อมาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ วลัยลักษณ์อัคราชกุมารีองค์ประธานสถาบันวิจัย จุฬาภรณ์ ทรงมีพระราชประสงค์จะท�ำการพัฒนา โครงการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและชีวิตความเป็นอยู่ของ ราษฎรในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานีนราธิวาส เพื่อให้ เกิดความมั่นคงภายในพื้นที่แนวชายแดนจึงได้โปรดเกล้า โปรดกระหม่อมทรงรับหมู่บ้าน “รัตนกิตติ2” เข้าร่วม โครงการของสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์และทรงพระราชทาน ชื่อหมู่บ้านใหม่เป็น “หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 10” เมื่อ วันที่ 28 มิถุนายน 2536 ต่อมา “หมู่บ้านจุฬาภรณ์ พัฒนา 10” ได้แยกออกจาก หมู่ที่ 8 ต�ำบลอัยเยอร์เวง โดยได้จัดตั้งเป็น “หมู่ที่ 10 ต�ำบลอัยเยอร์เวง อ�ำเภอ เบตง จังหวัดยะลา” ในปัจจุบัน จุดเด่นที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ธรรมชาติที่สวยงาม มีสมุนไพรป่า ยาซาไก ต้นไม้ยักษ์(ที่สุดของภาคใต้) อนุสรณ์สถาน และพิพิทธภัณฑ์ มีรีสอร์ทบริการ สะดวกสบาย ห่างจากเบตง 25 กิโลเมตรเหมาะแก่ การเข้าค่ายศึกษาธรรมชาติและพักผ่อนกับครอบครัว ชนเผ่าอัสรี(ซาไก) ในป่าฮาราฯ เป็นชนเผ่าพื้นเมือง ที่อาศัยอยู่ในป่าฮาราแบบวิถีชีวิตดั่งเดิมจริงๆ ปัจจุบัน 62 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง


เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 63 น�้ำตกจุฬาภรณ์ฯ10 น�้ำตกหมู่บ้านประวัติศาสตร์ น�้ำตกจุฬาภรณ์10ตั้งอยู่บนรอยต่อ ต.อัยเยอร์เวง กับ ต.ยะรม อยู่ติดถนนสาย เข้าจุฬาภรณ์เพียง 1,000 ม. น�้ำตกละอองรุ้ง น�้ำตกใหญ่ที่ใกล้เส้นทาง 410 เพียง 500 ม. น�้ำตกละอองรุ้งเป็นน�้ำตกที่แบ่ง อ.เบตง กับ อ. ธารโต อยู่ในเขตอุทยานบางลาง มีน�้ำมากตลอดปี มีแอ่งน�้ำส�ำหรับเล่นได้หลายระดับ อยู่ตรงบริเวณ กม. 40 ทะเลสาปบางลาง ทะเลสาปบนภูเขา หนึ่งเดียวใน ภาคใต้ทะเลสาปบางลาง เกิดจากการสร้างเขื่อนผลิต ไฟฟ้าบางลาง ครอบคลุม 3 อ�ำเภอในจังหวัดยะลา ปัจจุบันได้ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติบางลาง ผู้สนใจท่องเที่ยวสามารถติดต่อที่สนง.อุทยานแห่งชาติ บางลาง หรือ กฟผ.เขื่อยบางลาง ทะเทหมอกเขาไมโคร ทะเลหมอกแดนใต้บนเขาสูง 2,000 ฟุต ยอดสูงกว่า 2,000 ฟุต ท�ำให้สามารถชมทะเลหมอกในยามเช้า ปีละ 8 เดือน โดยสามารถเข้าไปทางแยก กม. 33 เส้นทาง 410 บนถนนลาดยางไต่เขาเข้าไปประมาณ 7 กม. ตั้งอยู่ ระหว่าง ม.4 และหมู่ที่ 6 ต.อัยเยอร์เวง แหล่งชมนก เงือก อยู่ในพื้นที่ หมู ่บ้านอัยเยอร์ควีนของ ต�ำบลอัย เยอร์เวง อยู่แนวชายแดนป่า บาลา-ฮาลา จะมีนกเงือก หรือนกกระหักบินเป็นฝูง และมีสัตว์ป่ามากมาย เช่น ฝูงชะนี หมูป่า นกแปลกฯลฯ เหมาะส�ำหรับผู้อยาก เสี่ยงภัย และอยากดูสัตว์ป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบา ลา-ฮาลา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป ่าบาลา-ฮาลา เขต รักษาพันธุ์สัตว์ป่าบาลา-ฮาลา ต้นไม้ใหญ่ที่สุดในภาค ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ต้นไม้ใหญ่ที่สุดในภาค ใต้เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่มาก อยู่ในพื้นที่หมู่ 10 บ้าน จุฬาภรณ์พัฒนา 10 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา สวนหมื่นบุปผา สถานที่สวยงามแห่งนี้เป็นโครงการในพระราชด�ำริ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ความสวยงามของดอกไม้ที่ปลูกเรียงรายเป็นทิวแถว เย้ายวนให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมและสัมผัสกับ สภาพภูมิอากาศที่มีอุณภูมิต�่ำกว่าพื้นที่อื่นของภาคใต้ สวนหมื่นบุปผา ตั้งอยู่ห่างจากตัวอ�ำเภอเบตง เพียงแค่ 3 กิโลเมตรกว่าๆ มาถึงทางแยกเลี้ยวซ้ายเข้าสองช่อง จราจรเล็กๆที่มีถนนลัดเลาะผ่านหมู่บ้าน ชุมชนเล็กๆ แห่งนี้ที่ทุกคนในพื้นที่อ�ำเภอเบตงเรียกว่าชุมชนบ้าน บ่อน�้ำร้อน ซึ่งมีบ้านเรือนที่อยู่ติดกันตลอดสองข้างทาง ที่คดโค้งตามสายน�้ำที่ไหลมาจาก ยอดเขาสันกาลาคีรี ขณะที่สองข้างทางมีสวนยางพาราและสวนส้มโชกุน ให้เห็นตลอดสองฝั่งข้างทาง ตามเส้นทางที่เริ่มสูงชัน ขึ้นเรื่อยๆท�ำให้รถยนต์ต้องค่อยๆ คืบคลานไปอย่าช้าๆ เพื่อไปให้ถึงปลายทาง ที่หมู่บ้านปิยะมิตร 2 ต. ตาเนาะ แมเราะ อ�ำเภอเบตง จ.ยะลา ซึ่งครั้งหนึ่งในอดีตเคยเป็น พื้นที่เคลื่อนไหวของจคม.ที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ เดิมชาวบ้านในหมู ่บ้านแห ่งนี้ปลูกยางพารา เป็นพืชหลัก แต่ไม่ได้ผลเป็นเพราะเราไม่มีความช�ำนาญ เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 63


64 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง ในเรื่องการปลูกยางจึงท�ำให้ไม่ได้ผล ดังนั้นสมาชิก ในหมู่บ้านก็มีการหารือกันว่าจะปลูกอะไรกันดีก่อน เริ่ม โครงการไม้ดอกเมืองหนาว ในขณะนั้นยังไม่มี การปลูกพืชหลักที่แน่นอน มีเพียงการปลูกพืชผัก ซึ่ง มีกรรมวิธีในการดูแลรักษาใกล้เคียงกับการปลูกไม้ ดอกไม้ประดับ จนกระทั่งสมาชิกทุกคนได้ลงความ เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะให้สมาชิกในหมู่บ้านปลูก ไม้ดอกไม้ประดับให้ประสบความส�ำเร็จได้เป็นอย่างดี และเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์2553 ประชาชน ชาวอ�ำเภอเบตงได้มีโอกาสรับเสด็จสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเสด็จพระราช ด�ำเนินไปยังโครงการทดลองปลูกไม้ดอกเมืองหนาว บ้านปิยะมิตร 2 ต�ำบลตาเนาะแมเราะ อ�ำเภอเบตง จังหวัดยะลา ทรงติดตามผลการด�ำเนินงาน ที่ได้ พระราชทานพระราชด�ำริให้ทดลองปลูกไม้ดอกไม้ ประดับบนพื้นที่สูง ตั้งแต่ปี2537 ในระยะแรก กรมวิชา การเกษตรได้เตรียมพื้นที่และน�ำพันธุ์ไม้ดอกเมืองหนาว จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ มาทดลองปลูก ในพื้นที่บ้านปิยะมิตร 2 ซึ่งมีสภาพอากาศที่เหมาะสม เนื่องจากอุณหภูมิเฉลี่ยคงที่ระหว่าง 12-18 องศาเซลเซียส แบ่งเป็นแปลงปลูกไม้ดอกกลางแจ้ง เช่น แกลดิโอลัส บานไม่รู้โรย ดาวเรือง และรักเร่ส่วนไม้ดอกในโรงเรือน ได้แก่ เบญจมาศ กุหลาบ ลิลลี่ และหน้าวัว จากการ ทดลองในระยะแรกพบว ่าไม้ดอกทุกชนิดมีคุณภาพ ดอกสูง เหมาะที่จะส่งเสริมให้มีการผลิต ในเชิงพาณิชย์ เพื่อลดการน�ำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากนี้ยังได้ทดลองปลูกหน้าวัวลูกผสมสาย พันธุ์กรมวิชาการเกษตร พบว่าให้สีสด ทนต่อสภาพ แวดล้อม และมีการแตกกอให้ราษฎรน�ำไปขยายพันธุ์ได้ ปัจจุบันมีราษฎรเข้าร่วมโครงการเพิ่มจาก 12 ครัวเรือน เป็น 28 ครัวเรือน มีการรวมกลุ่มที่เข้มแข็ง หมั่นดูแล แปลงปลูกเป็นอย่างดี ทั้งยังใช้ประโยชน์จากพื้นที่บาง ส่วนในการเพาะปลูกพืชผักและไม้ผล ส่งจ�ำหน่ายสร้าง รายได้รวม ปีละกว่า 3 ล้าน 5 แสนบาท ในอนาคตจะ พัฒนาพื้นที่ฯ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ เพื่อ ดึงดูดนักท ่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่นิยมเดินทางมา ท่องเที่ยวในลักษณะครอบครัวเพิ่มมากขึ้น ในการนี้ ทรงส่งเสริมให้บุตรหลานของราษฎร เข้าไปมีส่วนร่วม ในการดูแลพันธุ์ไม้ต่างๆ เพื่อปลูกฝังจิตส�ำนึกรักบ้าน เกิดและแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงาน ส�ำหรับการเดินทางมาท่องเที่ยวที่สวนดอกไม้ เมืองหนาว หรือ สวนหมื่นบุปผาแห่งนี้คือ ขับรถจาก จ.ยะลา ไปตามเส้นทางสาย410 (ยะลา-เบตง) ประมาณ 140 กิโลเมตร ก่อนเข้าเมืองเบตง ที่ กม.4 เลี้ยวขวา เข้าไปตามเส้นทางอีกประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร ก็จะ ได้สัมผัสและดื่มด�่ำกับธรรมชาติท่ามกลางม่านหมอก แห่งธรรมชาติได้อย่างอิ่มเอม 64 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง


เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 65 ตู้ไปรษณีย์กลาง หนึ่งในสถานที่ส�ำคัญของเมืองเบตงที่ใคร มาแล้วไม่ได้มาเยี่ยมเยือน หรือไม่ได้ถ่ายรูปคู่กลับ ไปถือว่ายังมาไม่ถึงเมืองใต้สุดแดนสยามแห่งนี้ โดยตู้ไปปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่อ�ำเภอเบตงในเขตเทศบาล มุมถนนสุขยางค์ สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2467 โดยคุณสงวน จิระจินดา อดีต นายไปรษณีย์โทรเลขอ�ำเภอเบตง เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ ของอ�ำเภอเบตงในเรื่องการติดต่อ สื่อสารลักษณะของ ตู้เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นรูปกลมทรงกระบอก แยก วัดโพธิ์สัตโตเจ้าแม่กวนอิมเบตง (วัดกวนอิม) ศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยเชื้อสายจีนแห่งอ�ำเภอ เบตง จังหวัดยะลาแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1966 โดยได้รวบรวมเงนจากผู้มีจิตศรัทธาช่วยกันบริจาค เพื่อสร้างวัดกวนอิมแห่งนี้โดยวัดกวนอมแห่งนี้ก่อสร้าง อย่างโดดเด่นบริเวณบริเวณเนินเขาของสวนสุดสยาม ดึงดูดทุกสายตาด้วยเจดีย์7 ชั้น ที่ออกแบบก่อสร้าง อย่างงดงาม วัดแห่งนี้ยังป็นสถานศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่ตั้ง ของศาลเจ้าซึ่งเป็นที่ประดิษฐานขององค์เทพส�ำคัญๆ หลายองค์อาทิเจ้าแม่กวนอิม ท่านแป๊ะกง ท่านกวงกง เจ้าแม่จิวหวังเหย่ยี่หวังตี้หวาโถ่วเซียนซื่อ ขงจื้อ เป็นต้น มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและมาเลเซียเลื่อมใสศรัทธา เดินทางมาสักการะขอพรเป็นจ�ำนวนมาก ส่วนมากจะ ขอพรด้านการมีบุตรและโชคลาภ วัดแห่งนี้ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ เมื่อปีพ.ศ. 2508 จากภายในบริเวณวัดซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา สามารถมอง เห็นทัศนียภาพอันงดงามของเมืองเบตงได้อีกด้วย เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 65


66 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง หอนาฬิกา ตั้งอยู่บริเวณจุดตัดระหว่างถนนสุข ยางค์กับถนนรัตนกิจ เป็นสิ่งก่อสร้างอันเก่าแก่ ที่อยู่ เคียงคู่กับเมืองเบตงมายาวนาน เปรียบเป็นสัญลักษณ์ ที่ตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของเมือง ท�ำการก่อสร้างด้วย หินอ่อนอันเลื่องชื่อจากยะลา ซึ่งได้รับการยอมรับใน เรื่องของความแข็งแรง สวยงามและคงทนส่วนความ เป็นหนึ่งของหอนาฬิกาเบตง คงอยู่ที่การมีนกนางแอ่น นับหมื่นตัวจากไซบีเรียมาเกาะอยู่รอบๆ หอนาฬิกา จน กลายมาเป็นสัญลักษณ์คู่หอนาฬิกา และคู่เมืองเบตง ในยามค�่ำคืนและด้วยความมีจิตใจโอบอ้อมอารีของ ผู้คนชาวเบตง ที่ไม่รบกวนความเป็นอยู่ของมัน เหล่า นกนางแอ่นจึงอยู่คู่เบตงให้นักท่องเที่ยวชมจนทุกวันนี้ ได้เป็น ๒ ส่วน คือส่วนฐาน และส่วนตัวตู้ส่วนสูงของตู้ คือ 290 เซนติเมตร นับจากฐานขึ้นไปรวมความสูงของ ตู้ด้วย วัดได้320 เซนติเมตร ปัจจุบันตู้ไปรษณีย์ใบนี้ ยังใช้งานอยู่ ตู้เดิมตั้งอยู่ที่บริเวณสี่แยกหอนาฬิกาใจกลางเมือง เบตงสร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2467ตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลก ครั้งที่สอง จุดประสงค์ที่สร้างไว้ในครั้งแรกเพื่อใช้เป็น ที่กระจายข่าวสารบ้านเมืองให้ชาวเมืองเบตงได้รับฟัง จากวิทยุที่ฝังอยู่ส่วนบนของตู้และใช้เป็นตู้ไปรษณีย์ มาจนทุกวันนี้ ปัจจุบันได้มีการสร้างตู้ไปรษณีย์ขึ้นใหม่ ใหญ่กว่าเดิมที่บริเวณศาลาประชาคม ถนนสุขยางค์ มีความสูงประมาณ 9 เมตร ถือเป็นจุดเด่นที่นักท่องเที่ยว นิยมแวะมาถ่ายรูปที่ระลึกและในปัจจุบันตู้ไปรษณีย์ก็ ยังคงใช้งานอยู่เหมือนกับตู้ไปรษณีย์อื่นๆ โดยทั่วไป หอนาฬิกา “......คงไม่มีใครปฏิเสธปฏิมากรรมรูปสัตว์ใน เทพนิยายไทย ที่สลักด้วยหินอ่อนอันงดงาม เคียงตระหง่านคู่หอนาฬิกาเมืองเบตง ซึ่งเป็น สิ่งก่อสร้างส�ำคัญที่ผ่านการสร้างบ้านแปลงเมือง จากอดีตจนถึงปัจจุบัน......” ศาลเจ้าโต๊ะนิ โต๊ะนิ หมายถึง เจ้านายผู้เฒ่า ที่มีเชื้อสาย เจ้านายราชตระกูล ซึ่งได้รับการเคารพ นับถือ จากชาวบ้านว่าเป็นคนดี มีอิทธิปาฏิหาริย์ สามารถปัดเป่าความเดือดร้อนได้ และเป็น ที่ยึดถือกราบไหว้บูชาในฐานะที่เป็นบุคคล ศักดิ์สิทธิ์สืบทอดกันมา 66 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง


เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 67 โต๊ะนิที่ได้รับการยกย่องนับถือจากผู้คนตลอด ตั้งแต่เมืองรามันห์จนถึงต�ำบลโก๊ะระ รัฐเปรัค ประเทศ มาเลเซียในปัจจุบันว่า ท่านเป็นบุคคลที่เป็นผู้ปกครอง ที่ดี มีวิชาอาคม มีอิทธิฤทธิ์สามารถแสดงปาฏิหาริย์ ช่วยเหลือ ปัดเป่าความทุกข์ยาก ความเดือดร้อนของ ชาวบ้าน การเจ็บไข้ได้ป่วย จนเป็นที่เลื่องลือในสมัยนั้น จนกระทั่งท่านได้จากโลกไป ผู้คนในท้องถิ่น ทั้งชาว มาลายูชาวไทยพุธ และชาวไทยจีน โดยเฉพาะชาว ไทยพุธ และชาวไทยจีนได้สร้างศาลตรงกอไผ่ ที่เป็น จุดบ้านของท่านในอดีต เพื่อยึดถือและกราบไหว้บูชา ในฐานะ “เจ้าพ่อโต๊ะนิ”เป็นสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ประจ�ำท้องถิ่น สืบทอดกันมาผู้คนที่ประสบปัญหา ทั้งทางธุรกิจ เจ็บไข้ ได้ป่วย หรือถูกคุณไสย จะมาบนบานศาลกล่าว โดย จะน�ำโกปี้(กาแฟโบราณ ไม่ใส่นม) กับข้าวเหนียวห่อ ใบตองเพื่อไปแก้บน ชาวเบตงได้ปลูกสร้างศาลขึ้น ตรงที่ตั้งบ้านเดิม ของท่าน เรียกว ่า ศาลเจ้าโต๊ะนิอยู ่ในบริเวณของ โรงเรียนเบตง วีระราษฎร์ประสาน โดยศาลเจ้าโต๊ะนิ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปท�ำมิดีมิร้าย แสดงการลบหลู่ และมักจะเข้าฝันปรากฏกายให้คน เห็นเรื่องราว ความศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าโต๊ะนิอยู่เสมอ ชาวเบตง และชาวจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนชาวมาเลเซีย จะพากันไปบวงสรวงกราบไหว้บูชา บนบานศาลกล่าว มิได้ขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเทศกาลสารทจีนและมี การจัดงานสมโภชขึ้นทุกปี สนามกีฬากลางหุบเขา สวนสุดสยาม ถึงแม้อ�ำเภอเบตงจะไม่ใช่เมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่อง ของการกีฬา แต่อ�ำเภอใต้สุดแดนสยามแห่งนี้กลับมี สนามกีฬากลางหุบเขาที่โดดเด่น และไม่เหมือนใคร ในด้านสถานปัตยกรรมและการจัดวางองค์ประกอบที่ ท�ำให้น่ามาเที่ยวและมาออกก�ำลังกายเป็นอย่างยิ่ง สนามกีฬากลางหุบเขาของทางเทศบาลเมืองเบตง แห่งนี้เป็นสนามที่มีมาตรฐานระดับประเทศดังจะเห็น ที่ผ่านมาทางเทศบาลเมืองเบตง มักจะได้รับเกียรติให้ เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาระดับประเทศ ต่างๆ หลายรายการอย่างสม�่ำเสมอ เช่น การแข่งขัน กีฬากรีฑานักศึกษาแห่งประเทศไทย การแข่งขันกีฬา ราชภัฎทั่วประเทศ การแข ่งขันกีฬากรีฑาเทศบาล ภาคใต้การแข่งขันว่ายน�้ำชิงแชมป์ภาคใต้การแข่งขัน กีฬาชายแดนไทย-มาเลเซียที่มีการแข่งขันเป็นประเพณี เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ไมตรีเป็นประจ�ำทุกปีทาง เทศบาลเมืองเบตง ที่ผ่านมายังได้รับเกียรติจากจังหวัด ยะลา ให้มีส่วนร่วมในการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชน แห่งชาติครั้งที่ 15 ที่ผ่านมา ด้วย ซึ่งมีนักกีฬาและเจ้า หน้าที่จากทั่วประเทศเข้าร่วมท�ำการแข่งขัน โดยองค์ประกอบนั้น มีสนามฟุตบอลและลู่วิ่ง ยางสังเคราะห์มาตรฐานขนาด 8 ลู่วิ่งอัฒจันทร์ประธาน เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 67


68 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง อัฒจันทร์แปรอักษร อัฒจันทร์สกอร์บอร์ดและอัฒจันทร์ คอนกรีตสลับหญ้า สระว่ายน�้ำขนาด 25 เมตรและ ขนาดมาตรฐาน 50 เมตร อาคารแข่งขันกีฬาเทเบิล เทนนิส อาคารที่พักนักกีฬาขนาดความจุ 100 เตียง ศูนย์เสริมสุขภาพ ศูนย์การกีฬาซึ่งประกอบด้วยสนาม เทนนิสมาตรฐาน 2 สนาม สนามบาสเก็ตบอล 1 สนาม สนามวอลเล่ย์บอล 2 สนาม สนามเซปัคตระกร้อ 2 สนาม สนามเปตอง 2 สนามโรงพลศึกษาขนาดจุคนได้ประมาณ 2,500 ที่นั่ง ซึ่งมีลักษณะเป็นโรงฝึกกีฬา และจัดการ แข่งขันได้หลายชนิด อาทิเช่น บาสเก็ตบอล ตะกร้อ วอลเลย์บอล เทเบิลเทนนิส ฯลฯ ใช้เป็นสนามแข่งขัน กีฬามาตรฐาน รวมทั้งเป็นสถานที่ประกอบกิจกรรม อเนกประสงค์ โรงแบดมินตัน 4 คอร์ดขนาดกว้าง 26.50 เมตร ยาว 62.40 เมตร โดยได้งบประมาณการ สนับสนุนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ส�ำคัญของ เมืองรวมทั้งในการที่มีการจัดการแข ่งขันกีฬาระดับ ประเทศต่างๆ ที่จัดขึ้นก็สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้ง ชาวไทยและต่างประเทศเข้ามาเที่ยวชม ที่ผ่านมาสามารถ ดึงดูดเงินตราได้เป็นจ�ำนวนมาก ส่งผลให้เศรษฐกิจของ เมืองเบตง อยู่ในระดับที่ดีและประชาชนเยาวชนมี สุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงเกิดความรักสามัคคีทุก เชื้อชาติศาสนา อีกทั้งสามารถแก้ปัญหาสังคมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ส่วนหนึ่งจนท�ำให้เมืองเบตงอยู่ อย่างสงบที่เห็นในปัจจุบัน และในบริเวณใกล้เคียงยังมีอีกหนึ่งสถานที่นั้น คือ สวนสาธารณะแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 120 ไร่ ตั้งอยู่ บนเนินเขากลางเมืองเบตง เป็นจุดชมทัศนียภาพมุม กว้างของเมืองเบตง ภายในสวนร่มรื่นไปด้วยไม้ยืนต้น ไม้ดอกนานาพันธุ์มีพิพิธภัณฑ์เมืองเบตง มีสวนสุขภาพ และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนในเขต เทศบาลเมืองเบตง ปากบางล่องแก่ง ปากบางล่องแก่ง สายน�้ำอันเย็นฉ�่ำเสมือนมีชีวิต ที่รอให้ผู้ซึ่งรักการผจญภัยทางน�้ำมาสัมผัส และท้าทาย ทุกชีวิตที่รักในความเร็ว เสมือนการกระตุ้นจิตวิญญาณ แห่งความเป็นตัวตน ปากบางล่องแก่ง อยู่ที่บ้านปากบาง ต.ตาเนาะแมเราะ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 15 กิโลเมตร ใกล้กับหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 6 เป็นสถานที่ส�ำหรับ นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัยทางล�ำน�้ำ มีแก่งหิน และน�้ำตก ทกธรรมชาติรังสรรค์ไว้อย่างงดงาม ซึ่งจัด ว่าเป็นการล่องแก่งที่มีความยากอยู่ในระดับหนึ่งถึงสอง มีทั้งจุดที่น�้ำเชี่ยว และน�้ำไหลเร็ว นักท่องเที่ยวจะได้ สัมผัสทั้งความงดงามของธรรมชาติผสมผสานกับความ สนุกตื่นเต้น นอกจากนี้ปากบางล่องแก่งยังมีกิจกรรม ที่น่าสนใจให้ผู้รักการผจญภัยได้สัมผัสอีกมากมาย อาทิ การปีนหน้าผา การตกปลา พักแรม และยังมีร้านอาหาร ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอีกมากมาย โดยปากบางล่องแก่งก็จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางน�้ำอีกแห่งหนึ่งของอ�ำเภอเบตงที่มีความงดงามมาก ท�ำให้เราได้ชมธรรมชาติของทั้งสองฝั่งล�ำคลอง ที่แสน 68 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง


เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 69 ด่านศุลกากรเบตง อยู่ติดกับชายแดนประเทศ มาเลเซีย ด้านกิ่งอ�ำเภอปึงกาลันฮูลูรัฐเปรัค มีพื้นที่รับ ผิดชอบ 4 อ�ำเภอ 1 กิ่งอ�ำเภอ คือ อ�ำเภอเบตง, อ�ำเภอ บันนังสตา, อ�ำเภอธารโต, อ�ำเภอกาบัง และกิ่งอ�ำเภอ กรงปีนัง ปัจจุบันมีนายอัสนีเรืองบุญ สารวัตรศุลกากร 8 เป็นนายด่านศุลกากรเบตง ล�ำดับที่ 29 อาคารมูลนิธิเบตง อาคารมูลนิธิอ�ำเภอเบตง ตั้งอยู่เลขที่ 89 ถนน รัตนกิจอ�ำเภอเบตงจังหวัดยะลา มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ ตัวอาคารมูลนิธิเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ซึ่งก่อสร้างเมื่อ ปีพ.ศ.2505 โดยมีนายเสี่ยง จ�ำรัสรังษีเป็นผู้อ�ำนวย การก่อสร้างและนายซุนกุยแซ่ตั้งเป็นผู้สร้าง ประกอบ ด้วย อาคาร 2 หลัง หลังแรกเป็นโครงสร้างแบบศาล เจ้าจีน ภายในห้องโถงใช้เป็นสถานที่ตั้งพระบูชาของจีน ฝาผนังมีภาพวาดเทพนิยายจีนวิจิตรงดงาม บรรยากาศ เข้มขลัง เหมาะแก่การประกอบพิธีกรรมเป็นอย่างยิ่ง ส ่วนอีกอาคารหนึ่งเป็นห้องโถงขนาดใหญ ่ส�ำหรับ ประกอบกิจกรรมต่างๆ ของมูลนิธิฝาผนังภายในมี จิตรกรรมเรื่องราวของนรก สวรรค์และเรื่องราวเชิง วรรณกรรม และแนวคิดตามปรัชญาจีน จะสวยงาม นักท่องเที่ยวทุกคนก็จะสนุกสนานตั้งแต่ต้น คลองจนสุดปลายทางที่ได้เตรียมเอาไว้ จะท�ำการล่อง อยู่บนผืนแผ่นน�้ำที่มีการไหลเชี่ยว ผ่านโขดหินที่ถูกลบ เหลี่ยมโดยสายน�้ำที่พัดผ่านมานานแสนนาน จากนั้น ก็จะมีเจ้าหน้าที่น�ำรถมารับกลับไปยังจุดตั้งต้น นอกจากกิจกรรมล่องแพแล้วสถานที่ท่องเที่ยว แห่งนี้ก็ยังมีกิจกรรมส�ำหรับนักผจญภัยอีกมากมาย ทั้ง การปีนหน้าผา ตกปลา และการพักแรมปากบางล่องแก่ง ตั้งอยู่ ณ บ้านปากบาง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 15 กิโลเมตร ใกล้กับบ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 6 เปิดครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2544 ผู้สนใจสามารถโทรศัพท์ติดต่อมาได้ที่ 0-7320-1774 อัตราค่าล่องแก่งมี3 อัตรา คือ 500, 800 และ 1,000 บาท ด่านพรมแดนเบตง บริเวณด่านพรมแดนมีป้าย “ใต้สุดสยาม” ซึ่ง เป็นแลนมาร์คแห่งหนึ่งของอ�ำเภอเบตง และ นอกจากนี้ยังมีก�ำแพงกั้นระหว่างไทย - มาเลเซีย ซึ่งเป็นก�ำแพงปูนมีความสูงประมาณ 2 - 3 เมตร เลียบถนนชายแดนไท-มาเลเซียซึ่งเป็นเส้นทาง ที่มีความสวยงามเส้นทางหนึ่ง โดยแต่เดิมนั้นด่านพรมแดนเบตงเป็นด่านพรมแดน ของท่ากรุงเทพ จัดตั้งขึ้น ตามกฎเสนาบดีกระทรวง พระคลังมหาสมบัติลงวันที่3 กุมภาพันธ์2474 (75 ปีที่ ผ่านมา) เดิมเป็นอาคารไม้ชั้นเดียว ทรงปั้นหยา สร้าง ขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2481 ใช้งบประมาณ 78,375.- บาท บน เนื้อที่ 4 ไร่ เป็นที่ราชพัสดุแปลง เลขที่ ยล 63 บริเวณ บ้านกาแป๊ะฮูลู ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา ต่อมากรม ศุลกากร ได้ก่อสร้างอาคารที่ท�ำการด่านพรมแดนขึ้น มาใหม่ เพื่อทดแทนอาคารเดิม ซึ่งได้ช�ำรุดทรุดโทรม ไปมาก ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 25,720,000.00 บาท โดยได้ท�ำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2537 มีนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ได้ ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารด่านพรมแดน หลังใหม่ และใช้มาจนถึงปัจจุบัน เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 69


70 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ตั้งอยู่ ณ บริเวณถนน อมรฤทธิ์ตัดกับถนนภักดีด�ำรง เป็นอุโมงค์รถยนต์ลอด ภูเขาแห่งแรกของประเทศไทย สร้างขึ้นเพื่อรองรับปัญหา การจราจร และการขนส่งระหว่างชุมชนเมืองในปัจจุบัน กับชุมชนเมืองใหม่ บริเวณถนนอัยเยอร์เบอร์จัง ก่อสร้าง ด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก มีความยาว 273 เมตร กว้าง 9 เมตรสูง 7 เมตร ผิวการจราจรคู่กว้าง 7 เมตร รถวิ่งได้ ด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีทางเดินเท้า ข้างละ 1 เมตร มีรางระบายน�้ำทั้งสองข้างถนน มีการ ติดตั้งไฟฟ้าให้แสงสว ่างตลอดตัวอุโมงค์เพื่อความ ปลอดภัย พร้อมระบบระบายอากาศตามหลักวิศวกรรม สากลใช้งบประมาณในการก่อสร้างจ�ำนวน 182,000,000 บาท พร้อมงบสนับสนุนจากรัฐบาล พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ รวบรวมเอาข้อมูล วัตถุ และสิ่งของต่างๆ มา รวมกันไว้ให้ผู้ที่สนใจเรื่องราวในอดีตได้ศึกษา ความเป็นมาที่รุ่งเรืองในอดีต รวมทั้งได้เข้าใจ ราเหง้าที่ส�ำคัญของเมืองแห่งม่านหมอกอย่าง เบตง ที่เก็บรวบรวมไว้ที่พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง ส�ำหรับพิพิธภัณฑ์เมืองเบตงแห่งนี้ถูกจัดแบ่งออก เป็น 2 ชั้น ตั้วอาคารเป็นสถาปัตยกรรมท้องถิ่นซึ่งแฝง ไว้ถึงความซับซ้อนของชนชาติและชาติพันธุ์ที่หลากหลาย ดูแปลกตา โดยชั้นล่างถูกจัดวางแสดงศิลปวัตถุข้าว ของเครื่องใช้ในอดีต เช่น ถ้วยชาม เครื่องเคลือบ โต๊ะ ตู้เตียงเก่า กี่ท่อผ้า และอุปกรณ์ปั่นฝ้าย ส่วนชั้นที่สอง เป็นการจัดแสดงรูปภาพในอดีต ของอ�ำเภอเบตง ประวัติความเป็นมาในยุคเริ่มแรก ยุคบุกเบิก และสิ่งก่อสร้างต่างๆ รวมทั้งข้อมูลของแหล่ง ท่องเที่ยวที่นาสนใจรวมทั้งภาพเพื่อเป็นแนวทางในการ ตัดสินใจวางแผนเดินทางท่องเที่ยว รวมทั้งอาหารที่ ขึ้นชื่อด้วย นอกจากนี้จุดไคลแมกของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็คือ จุดชมวิวซึ่งสามารถมองเห็นเมืองเบตงได้อย่างชัดเจน โดยพิพิธภัณฑ์เมืองเบตงตั้งอยู่ที่ ถนนรัตนกิจ ก่อนถึงที่ ว่าการอ�ำเภอเบตง สามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้ จ่ายใดๆ 70 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง


เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 71 ส�ำหรับอุโมงค์แห่งนี้การใช้วิศกรรมชั้นสูง ในการ ก่อสร้างเป็นจุดเด่นแห่งอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ อุโมงค์ รถยนต์ลอดที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุด สวยที่สุด และเป็นหนึ่ง ในประเทศไทย ที่ตระหง่านอยู่กลางความภาคภูมิใจ ของชาวเบตง และชาวไทยทุกคน ป้ายใต้สุดแดนสยาม ป้ายใต้สุดแดนสยาม จุดเขตแดนส�ำคัญเพียง ระยะทางแค่ 1 กิโลเมตร ที่แบ่งคั่นประเทศมาเลเซีย เมืองพี่เมืองน้องของประเทศไทย จากอดีตสู่ปัจจุบัน และเป็นจุดยุทธศาสตร์ส�ำคัญที่กล่าวขานกันว่าเป็นจุด ใต้สุดของประเทศไทย หลักเขตป้ายใต้สุดสยาม ตั้งอยู่ บริเวณชายแดนปลายสุดถนนสุขยางค์ตามทางหลวง หมายเลข 410 ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นแนวเขตแดนระหว่างอ�ำเภอเบตง กับรัฐเปรัค ประเทศ มาเลเซีย ความเป็นที่สุดของสถานที่นี้คือ ป้ายที่มี ข้อความว่า “ใต้สุดสยาม” และรูปแผนที่ประเทศไทย สีทองซึ่งสลักบนหินอ่อน เพื่อการันตีว่าเป็นจุดสุดท้าย ของฝืนแผ่นดินไทย ทางตอนใต้ท�ำให้นักท่องเที่ยวผู้มา เยือนเบตงอดใจไม่ได้ที่จะต้องถ่ายรูปกับป้ายนี้เพื่อเก็บ ไว้เป็นที่ระลึกว่า เคยมาสัมผัสดินแดนที่ได้ชื่อว่าอยู่ใต้ สุดของประเทศมาแล้ว และนอกจากจะเป็นแนวเขต ส�ำคัญ พื้นที่บริเวณนี้ยังเป็นที่ส�ำคัญซึ่งเทศบาลได้ตกแต่ง สวนหย่อมไว้อย่างสวยงาม เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบาลา-ฮาลา (สวนป่าพระนามาภิไธยภาคใต้) เกิดจากพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงเล็งเห็นถึงพื้นที่ป่า อันเป็นแหล่งต้นน�้ำล�ำธารและแหล่งที่อยู่อาศัย ของสัตว์ป่าทางภาคใต้ถูกท�ำลายไปเป็นจ�ำนวน มากถ้าาไม่มีการหยุดยั้งการบุกรุกท�ำลายป่า ต่อไปในอนาคตจะเกิดความเสียสมดุลทาง ธรรมชาติ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ได้จัดท�ำโครงการอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่าสวนป่า พระนามาภิไธยภาคใต้ขึ้น เพื่อสนองพระราชปณิธาน เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 71


72 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องใน วโรกาสที่จะทรงมีพระชนมพรรษา ครบ 5 รอบ ในปี 2535 โดยในส่วนของอ�ำเภอเบตงนักท่องเที่ยวสามารถ ล่องเรือชมธรรมชาติของขุนเขา ป่าไม้และแม่น�้ำล�ำธาร อันอุดมสมบูรณ์ได้ โดยผ่านทางการติดต่อและดูแล ของกองร้อยต�ำรวจตระเวนชายแดนที่ 445 ถนนสุข ยางค์อ�ำเภอเบตง จังหวัดยะลา น�้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ส�ำคัญอีกแห่งหนึ่งของ ต�ำบลอัยเยอร์เวง เพราะมีธรรมชาติที่สวยงาม ตั้งอยู่ริม ถนนทางหลวงสาย 410 ยะลา-เบตง บริเวณ กิโลเมตรที่ 33 บ้าน กม.32ส�ำหรับชั้นที่ 1,2 และ ส่วนชั้นที่ 4 และ 5 อยู่ในเขต ม.5บ้านวังใหม่ 5 ปัจจุบันได้รับการพัฒนา จนสามารถรองรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ โรงเรียนเบตงวีระราษฎร์ประสาน โรงเรียนเบตงวีระราษฎร์ประสาน ถือได้ว่าเป็น อีกหนึ่งโรงเรียนในอ�ำเภอเบตง จังหวัดยะลา ที่มีประวัติ ความเป็นมายาวนาน รวมทั้งสร้างบุคลากรที่ส�ำคัญออก มาช่วยสร้างและพัฒนาเมืองเบตงแห่งนี้ให้ก้าวไกลมา จนถึงปัจจุบัน โดยแต่เดิมนั้นอ�ำเภอเบตงยังไม่มีโรงเรียนมัธยม วิสามัญมาก่อน ท�ำให้ในปีพ.ศ 2499 ทางอ�ำเภอเบตง ได้ขอความร่วมมือจากคุณวีระ ตัณฑ์ปุตตะ คหบดีแห่ง เบตงเพื่อขอที่ดินหนึ่งแปลง เนื้อที่ประมาณ 11 ไร่เศษ เพื่อสร้างโรงเรียน ซึ่งคุณวีระเองก็ได้กรุณาบริจาคที่ดิน โดยไม่คิดมูลค่าตอบแทนใดๆ หลังจากนั้นในปีพ.ศ 2500 กระทรวงศึกษาธิการ ได้อนุมัติให้อ�ำเภอเบตงเปิดท�ำการเรียนการสอนขึ้น ณ โรงเรียนเบตง(มัธยมสามัญศึกษา) ไปก่อนเนื่องจาก ยังไม่มีอาคารเรียน จนกระทั่ง ม.ล.ปิ่น มาลากุลรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการในสมัยนั้นพร้อมคณะได้เดินทาง ลงมาดูสถานที่ด้วยตัวเองพร้อมทั้งอนุมัติเงินจ�ำนวนหนึ่ง ในการจัดสร้างอาคารเรียนในปีพ.ศ. 2501 ได้งบประมาณ จากกรมวิสามัญศึกษาจ�ำนวน 100,000 บาท สร้างอาคาร เรียน 2 ชั้น 4 ห้องเรียน ซึ่งที่ดินที่สร้างโรงเรียนนั้น ได้รับบริจาคจาก นายวีระ ตัณฑปุตตะ เนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ 2 งาน 75 ตารางวา (ปัจจุบันเหลือที่ 9 ไร่ 1 งาน 93 ตารางวา) และให้มีชื่อผู้บริจาคเป็นมงคลนามแก่ โรงเรียนว่า โรงเรียนเบตง “วีระราษฎร์ประสาน” พร้อม ทั้งได้ย้ายนักเรียนวิสามัญศึกษาจากโรงเรียนมัธยมศึกษา (ย.ล.6) มาเรียนที่นี่ นอกจากนี้ภายในบริเวณโรงเรียน ยังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพบูชาทั้งกับนักเรียน บุคลากร ประชากรในพื้นที่ รวมทั้งชาวมาเลเซียด้วย นั้นคือ ศาลเจ้าโต๊ะนิที่ได้กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยปัจจุบันโรงเรียนเบตง วีระราษฎณ์ประสาน ตั้งอยู่ ณ ตั้งอยู่เลขที่ 19 ถนนรวมวิทย์อ�ำเภอเบตง จังหวัดยะลา


เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 73 โรงเรียนจงฝามูลนิธิ ถึงแม้ว่าพื้นที่แอ่งกระทะที่โอบล้อมด้านแนวเขา สันกาลาคีรีอย่างเมืองเบตงจะเป็นศูนย์รวมและความ เจริญด้านการค้ามาแต่ดั้งเดิม โดยการร่วมมือร่วมใจ กันก่อร่างสร้างเมืองของบุคคลหลายเชื้อชาติแต่มีสถานที่ อยู่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานศึกษาอันเพาะบ่มรากกล้าแห่ง ความยั่งยืนในด้านการศึกษาให้แก่ลูกหลานชาวจีน โพ้นทะเลที่เข้ามาสร้างตัวเองในเมืองแห่งเมฆหมอก กลางหุบเขานี้ รวมถึงในปัจจุบันยังได้ขยายทั้งสถานที่ และโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กนักเรียนชาวเบตงโดย ไม่มีการก�ำแพงแห่งการแบ่งแยกใดๆ ทั้งสิ้น แต่เดิมนั้นชนชาวจีนที่เข้ามาในพื้นที่เบตงผ่าน ทางฝั่งมลายู(ประเทศมาเลเซียในปัจจุบัน) มีอยู่ด้วย กันหลายเชื้อสายไม่ว่าจะเป็น กวางไส, ฮกเกี้ยน, แต้จิ๋ว หรือแม้แต่ กวางตุ้งก็ตามทีแต่ชาวจีนทุกกลุ่มก็ยังคง สมัครสมานสามัคคีกันดีรวมทั้งยังคงเอกลักษณ์ความ เป็นปัจเจกของเชื้อชาติตนได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยนแต่ ประการใด การหลอมรวมหลากหลายมูลนิธิของชาวจีนทั้ง 5 องค์กรเปรียบเสมือนกับมังกร 5 หัวที่คงความสง่า งามและเผชิญกับกาลเวลาอย่างยาวนาน ซึ่งทั้งหมดได้ ผูกร้อยรวมกันเป็นหนึ่งเเดียวภายใต้ชื่อมูลนิธิเบตง แต่ละ สมาคมหรือมูลนิธิจะส่งตัวแทนซึ่งอาจจะเป็นประธาน หรือนายกสมาคมเข้าร่วมกันเป็นคณะกรรมการบริหาร มูลนิธิคราวละ 2 ปีตามวาระ สืบทอดกันมาอย่าง ยาวนานกว่า 48 ปี นอกจากนี้การแสดงออกทางวัฒนธรรมการด�ำรง อยู่รากเหง้าถูกสะท้อนออกทางมิติทางการศึกษาด้วย การก่อตั้งโรงเรียน “จงฝามูลนิธิ”ขึ้นมาโดยเจตนารมณ์ อันแรงกล้าของกลุ่มพ่อค้าชาวจีนเบตงที่อยากให้ลูก หลานรุ่นต่อๆ ไป ได้ร�่ำเรียนภาษาจีนอันเป็นเอกลักษณ์ ของตน แต่เดิมแรกเริ่มนั้นเปิดท�ำการเรียนการสอนใน บริเวณถนนสุขยางค์ซึ่งถือเป็นแหล่งการค้าที่ส�ำคัญของ เบตงในสมัยนั้น ใช้อาคารไม้2ชั้นในการเรียนการสอน พิธีเปิดอย่างเป็นทางการมีขึ้นเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2466ซึ่งตรงกับวันชาติจีนอันเป็นวันมงคลมหาฤกษ์ ส�ำหรับลูกหลานมังกรโพ้นทะเล มีนักเรียนเข้าเรียน ในขณะนั้นเพียง 50 กว่าคนเท่านั้น ในขณะเดียวกัน โรงเรียนแห่งนี้มีเหตุจ�ำเป็นให้ต้องยุติการเรียนการสอน ชั่วคราวเนื่องด้วยสงครามมหาเอเชียบูรพา(สงครามโลก ครั้งที่ 2) อุบัติขึ้นในปีพ.ศ. 2484 จนกระทั้งสงคราม สงบลง โรงเรียนแห่งนี้จึงเปิดท�ำการอีกครั้งในปีพ.ศ. 2489 ปีพ.ศ.2493 ด้วยนักเรียนมีจ�ำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี อาคารหลังเดิมไม่อาจรองรับได้อย่างเพียงพอเนื่องจาก บริเวณโรงเรียนมีขนาดจ�ำกัด ไม่สามารถขยายได้


74 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง ประกอบกับเมืองเบตงมีความเจิรญรุจหน้าอย่างมาก ประชากรหนาแน่นขึ้นท�ำให้สิ่งแวดล้อมไม่เงียบสงบ อันซึ่งจะส ่งเสริมสมาธิและความมุ ่งมั่นแก ่การเรียน การสอนได้อีกต่อไป ท�ำให้คณะผู้บริหารในสมัยนั้นต้อง ท�ำงานกันอย่างหนัก ประชุมกันหลายครั้งจนมีมติให้ ย้ายโรงเรียน พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการก่อสร้าง โรงเรียนแห่งใหม่ขึ้น โดยพิจารณาในหลักการต่างๆ อย่างรอบด้าน กระทั่งตัดสินใจซื้อที่ดินจ�ำนวน 22 ไร่ บริเวณถนนรัตนกิจ ห่างจากตัวเมืองเบตง 1 กิโลเมตร เพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ ขณะนั้นเอง คุณหวัง เหวิน จ้วน เมื่อได้ทราบเรื่องดังกล่าว ได้มอบ ที่ดินบริจาคจ�ำนวน 25 ไร่ ให้กับทางโรงเรียนเพื่อขยาย พื้นที่ให้มากขึ้น ตามมาด้วยคุณเฉิน ซื่อ ฮั่น, คุณหวัง จิน อัน, คุณหลุยเหมียนหลอ ร่วมกันบริจาคที่ดินอีก จ�ำนวน 25 ไร่ รวมเป็นที่ดินทั้งหมดกว่า 72 ไร่ด้วยกัน ความเป็นสากลในยุคโลกาภิวัตน์และโลกแห่ง ข่าวสาร เศรษฐกิจของประเทศจีนได้ก้าวขึ้นมาสู ่ มหาอ�ำนาจอันดับต้นๆ ของโลก ท�ำให้ภาษาจีนเป็นภาษา ที่ส�ำคัญและได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา โดยประเทศไทยได้เปิดการเรียนการสอน ภาษาจีน ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2546-2554 มากถึง 3,006 แห่ง มีนักเรียนที่สนใจกว่า 800,000 คน นั้นแสดงให้เห็น ถึงกระแสที่เพิ่มขึ้นมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถึง แม้ว่าโรงเรียนจงฝาจะด�ำเนินการเรียนการสอนภาษา จีนมาอย่างยาวนานกว่า 90 ปีแต่การสอนสมัยใหม่ นั้นจ�ำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องไม่หยุดนิ่ง ก้าวให้ทันโลก ผู้บริหารต้องปรับเปลี่ยนแนวทางให้ทันสมัยอยู่เสมอ ดั่งสัญลักษณ์ของโรงเรียนที่เป็นรูป คบเพลิง รัศมีและ วงกลม อันหมายถึง คบเพลิง คือ ฐานแห่งความเจริญรุ่งเรือง ของชีวิต รัศมี คือ ความเป็นผู้มีปัญญาอันกว้างไกล เพื่อพัฒนาตัวเองและสังคม วงกลม คือ ความสามัคคี เป็นน�้ำหนึ่งใจ เดียวกันของชาวจงฝาทุกคน ดังนั้นเพื่อเป็นการบูรณาการทางการศึกษาที่มี ประสิทธิภาพผู้บริหารชุดปัจจุบันได้น�ำเอาเทคโนโลยี ที่ทันสมัยเข้ามา เพื่อสร้างแรงจูงใจกระตุ้นให้ผู้เรียน ได้ฝึกทักษะที่ส�ำคัญทั้งการพูด ฟัง อ่าน เขียน กล้า แสดงออกเป็นปกติวิสัย อีกทั้งเพิ่มพูนหลักสูตรในหลาย ด้านทั้งการสอนดนตรีจีน ศิลปะการป้องกันตัวกังฟู นาฏศิลป์การร้องเพลงจีนการเขียนพู่กันจีนประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์วัฒนธรรม และการละเล่นเข้าสู่กิจกรรม ต่างๆ เพื่อสร้างความสนใจ มีความสุขต่อการเรียน พร้อม ทั้งสนับสนุนให้คณะครูเข้าร ่วมสัมมนาแลกเปลี่ยน ความรู้เทคนิคการสอนกับเจ้าของภาษา เพื่อยกระดับ การมาตรฐานครูสอนภาษาจีน โดยได้เชิญครูอาสา สมัครจากประเทศจีนมาสอนนักเรียน ตลอดจนจัด โครงการทัศนศึกษา โครงการแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ผู้บริหารและคณะครูจึงได้ร่วมกันวางนโยบาย หลักสูตรการสอนภาษาจีนตลอดจนร่วมวางแผนการ จัดการเรียนรู้ การติดตามนิเทศการสอน น�ำการวัด ประเมินผลที่เป็นมาตรฐานสากลมาใช้เป็นตัวชี้วัด นักเรียน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ซึ่งหัวใจส�ำคัญในการจัดการศึกษาคือ การจัดวิชาการ ควบคู่ไปกับหลักคุณธรรม จริยธรรมตามปรัชญาของ โรงเรียนจงฝาที่ว่า “ภาษาเด่น เน้นคุณธรรมคู่วิชาการ”


เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 75 หมู่บ้านซาไก ตามรอยชนเผ่าในต�ำนานที่มีประวัติเล่าขานว่าเป็นชน เผ่าพื้นเพที่อาศัยอยู่ในเบตงมาเป็นระยะเวลายาวนาน กว่าร้อยปีอย่าง “ชนเผ่าซาไก” ส�ำหรับหมู่บ้านซาไกตั้งอยู่ ณ หมู่ที่ 3 ต�ำบลบ้านแหร ห่างจากตัวจังหวัดยะลาไปทางเบตงประมาณ 80 กิโลเมตร ด้านขวามือ มีทางเข้าไปยังหมู่บ้านที่อาศัยของชนเผ่าซึ่ง เป็นที่รู้จักกันในนาม “เงาะซาไก” เดิมด�ำรงชีวิตอยู่ด้วยการ หาของป่า มีความช�ำนาญในด้านสมุนไพรและเป่าลูกดอก ล่าสัตว์บ้านเรือนของซาไกเดิมสร้างด้วยไม้ไผ่ มุงหลังคาจาก ต่อมา กรมประชาสงเคราะห์ได้พัฒนาหมู่บ้านแห่งนี้ โดย รวบรวมชาวซาไกมาอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน และให้มีอาชีพ ท�ำสวนยางและได้กราบบังคมทูลสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนีขอใช้ค�ำว่า“ศรีธารโต” ให้ทุกคนใช้เป็นนามสกุล ปัจจุบันมีชนเผ่าซาไกที่ยังคงอาศัยอยู่บ้าง แต่บางส่วนได้ แยกย้ายไปท�ำงานที่อื่น ถึงแม้ว่าชาวซาไกจะมีภาษาพูดเป็นของตัวเอง แต่การ จารึกเป็นลายลักษณ์อักษรนั้นไม่มีเหมือนภาษาอื่น ท�ำให้มี การเลอะเลือน เคลื่อนย้ายทางวัฒนธรรมอย่างน่าเสียดาย จนในปัจจุบันต้องยืมเอาค�ำจากภาษาอื่นมาใช้ลักษณะของ ค�ำที่ซาไกใช้อยู ่บางค�ำยืมไปจากภาษามลายู โดยน�ำไป ดัดแปลงเสียง คงไว้บ้าง ลักษณะของค�ำภาษาซาไก มี ลักษณะค�ำพูดโดยมากจะออกเสียงเลียนธรรมชาติกล่าวคือ ค�ำพูดยืมไปจากภาษามลายูมีการน�ำไปดัดแปลงเสียง บ้าง ก็คงไว้ลักษณะเสียงออกจากล�ำคอ ลักษณะบางค�ำก็มีเสียง ขึ้นจมูก ส่วนที่อยู่อาศัยนั้นใช้ชีวิตกันอยู่ในบริเวณเทือกเขา สันการาคีรีซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติซึ่งแนว เขาดังกล่าวจะทอดยาวไปจากพื้นที่ภาคใต้ของ ไปจนถึงเขตพื้นที่ประเทศมาเลเซีย โดยในเขต พื้นที่อ�ำเภอเบตง และจังหวัดยะลาสามารถพบเห็น ชนเผ่านี้ได้ในเขตป่าที่ไม่ลึกมากนักในปัจจุบัน บ้านคอกช้าง เดิมชื่อว่า “บ้านบ่ออ่าง” อยู่ทางทิศตะวัน ตกของเทศบาลต�ำบลคอกช้าง และอีกส่วน หนึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดต่อ ม.11 บ้านตาพะเยา เดิมชื่อบ้านโต โดยค�ำว่าบ่ออ่าง มาจากชื่อของคนที่มา อาศัยในพื้นที่นี้เป็นคนแรกที่ชื่อบ่ออ่าง เดิมเป็น คนย้ายถิ่นฐานมาจาก เบตง เป็นคนเชื้อสายจีน มาถ่างป่าตรงพื้นที่นี้เป็นคนแรก ทุกคนที่นี้รู้จัก พื้นที่ว่าเป็นสวนของบ่ออ่าง ก็เลยเรียกติดปาก ปัจจุบันเขาได้ย้ายมาอาศัยใน ม.5 ฆอแย อายุ 47 ปีกว่าแล้ว อาศัยอยู่กับภรรยา ที่มาของเขต บ่ออ่าง เนื่องจากได้แบ่งเขตออกจากเทศบาล คอกช้าง ปัจจุบันพื้นที่นอกเขตก็อาศัยศูนย์ราชการ ต่างๆ ของเขตเทศบาลทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น โรงเรียน ศูนย์เด็ก สนามกีฬา วัด มัสยิด สถานีอนามัยฯลฯ พื้นที่อีกส่วนหนึ่ง คือ สายกาปา ก็เป็นเขตนอก เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 75


76 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง เทศบาล เช่นกัน ค�ำว่ากาปา มาจากเมื่อก่อนบริเวณนี้ มีดีบุก เครื่องจักรร่อยดีบุก ภาษามลายู เรียก กาปา ก็เลยมีชื่อนี้ ผู้ก ่อตั้งชุมชน ไทยพุทธ อิสลาม จีน ประมาณ 200 กว่าครัวเรือน การตั้งถิ่นฐานบ้านเรือน ตั้งเป็นปึกแผ่นเป็นกลุ่มเป็นก้อนแบ่งออกเป็นหมู่บ้าน และตลาดส่วนอิสลามส่วนใหญ่อยู่รอบนอก ผู้น�ำชุมชน ก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้านบุคคลที่ชาวบ้านยกย่องนับถือเลือก ขึ้นมาเพี่อดูแลและประสานงานของหมู่บ้าน ของพระบาทสมเด็จพระนางเจ้าฯ อีกด้วย นอกจากนี้บริเวณโดยรอบยังมีการปรับภูมิทัศน์ ให้ดูร่มรื่นงดงามด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ประติมากรรม ปูนปั้นซึ่งยึดเอาวรรณคดีไทยมาเป็นแนวทางในการท�ำ และหากมีโอกาสมาเยือนในช่วงเช้าจะสามารถสัมผัส กับทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองเบตงผ ่านหมอก ในบรรยากาศที่ชดชื่นอีกด้วย น�้ำตกอินทสร แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในเขตอ�ำเภอเบตง นั้นมีอยู่อย่างมากมาย โดยเฉพาะน�้ำตกซึ่งหนึ่ง ในนั้นคือน�้ำตกอินทสร ที่เล่าลือกันว่ามีความ งดงามมากที่สุดอีกแห่งในภาตใต้ ส�ำหรับน�้ำตกแห่งนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองเบตง 15 กิโลเมตร หรือเลยจากบ่อน�้ำร้อนเบตงไปอีก 2 กิโลเมตร เป็นน�้ำตกขนาดเล็กที่เกิดจากภูเขา รอบ บริเวณปกคลุมด้วยป่าไม้ร่มรื่น และมีแอ่งน�้ำสามารถ ว่ายน�้ำเล่นและพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ส่วนบริเวณโดยรอบรายล้อมไปด้วยต้นไม้สูง ใหญ่ บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายเหมาะแก่การพา ครอบครัวมานั่งชมบรรยากาศอันสดชื่น เงียบสงบ รวมทั้งมีร้านค้าคอยบริการนักท่องเที่ยวอยู่ตลอด ทั้งปี ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจส�ำหรับผู้แวะ มาเยือนอ�ำเภอเบตงแห่งนี้ ศาลาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา อาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา สร้างขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ แม่ผู้ซึ่งเป็นที่เคารพรักของ ชาวไทยทั่วประเทศ ซึ่งความโดดเด่นของตัวอาคาร คือ การออกแบบรูปทรงเป็นศาลาไทยโบราณที่เป็น เอกลักษณ์นั้นเอง ส�ำหรับผู้ออกแบบในครั้งนี้คือ หม่อมราชวงศ์ มิตรากุณ เกษมศรีศิลปินแห่งชาติสาขาสถาปัตยกรรม ไทย ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ในการออกแบบอาคารต่างๆ มานับไม่ถ้วน อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ได้มีโอกาส รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทเป็นเวลายาวนานกว่า 3 ทศวรรษ เสน่ห์ของสถานที่แห่งนี้นอกจากตัวโครงสร้าง ภายนอกแล้ว ภายในตัวอาคารยังเป็นที่เก็บรวบรวม โบราณวัตถุอันล�้ำค่าไว้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องปั้นดินเผา ศิลปหัตถกรรม รวมทั้งอุตสาหกรรม พื้นบ้านอันสอดคล้องกับแนวทางพระราชกรณียกิจ 76 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง


เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 77 คอมมิวนิสต์มาลายา (จคม.)ซึ่งเเผ่ขยายการปกครอง ท�ำให้ไม่มีบุคคลภายนอกกล้าเข้ามาบุกรุกหรือเเผ้วถาง พื้นที่บริเวณแห่งนี้ได้ ส ่วนในปัจจุบันด้วยความร ่วมมือร ่วมใจของ ประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งหน่วยงานราชการได้ช่วยกัน ดูแลรักษาต้นสมพงยักษ์แห่งนี้ไม้โดยบูรณาการให้เป็น สถานที่ท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน รวมทั้ง ได้ช่วยเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแลรักษาป่าให้ มีความอุดมสมบูรณ์ตราบจนชั่วลูกชั่วหลาน ต่อไป ตกกระทบกับแอ ่งน�้ำเบื้องล ่าง ส�ำหรับข้อแนะน�ำนักท่องเที่ยวที่ ต้องระมัดระวังในการลงเล่นน�้ำ ก็คือ ไม่ควรลงเล่นน�้ำในบริเวณ แอ่งน�้ำที่มีน�้ำตกมาจากชั้นบนสุด เนื่องจากบริเวณตรงนั้นจะมี ความลึกมากกว ่าส ่วนอื่น และ กระแสน�้ำหมุนวนอยู่ตลอดเวลา สามารถท�ำอันตรายถึงชีวิตได้ ต้นไม้ยักษ์ (ต้นสมพงษ์) อีกหนึ่งความเป็นที่สุดของอ�ำเภอเบตงซึ่งหาจาก ที่ไหนไม่ได้นั้นคือ ต้นไม้ยักษ์ที่อยู่ในเขตพื้นที่ ของหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 10 โดยต้องอาศัย การเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 500 เมตร ส�ำหรับต้นไม้ยักษ์ที่พูดถึงคือ “ต้นสมพงษ์” แต่ ในบางพื้นที่ของประเทศไทยเรียกว่า กะปุง กะพง พงงุ้น ปึง ขี้พร้า โป่งสาว สมพุง สมิงค�ำราม สะพุง ก้านไม้ขีด อีพุง เป็นต้น ลักลักษณะโดยทั่วไปเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มาก สูงประมาณ 20-40 เมตร เป็นไม้ผลัดใบ ล�ำต้นเปลา ตรง โคนเป็นพูพอนขนาดใหญ่อาจสูงถึงประมาณ 2เมตร ส่วนความพิเศษของต้นสมพงในเขตพื้นที่หมู่บ้าน จุฬาภรณ์พัฒนาฯ อ�ำเภอเบตงแห่งนี้คือ เป็นต้นไม้ที่ ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ฐานรากใหญ่มาก วัดโดยรอบได้ เกือบ 50 คนโอบ สาเหตุที่ต้นไม้แห่งนี้ยังอยู่ได้อย่าง ยาวนานถึงทุกวันนี้เนื่องจากในสมัยก่อนพื้นที่บริเวณ ดังกล ่าวอยู ่ภายใต้การควบคุมของกลุ ่มกองโจรจีน น�้ำตกละอองรุ้ง เป็นน�้ำตกที่ตั้งอยู่ในเขตรอยต่อระหว่างอ�ำเภอธารโต และอ�ำเภอเบตง ห่างจากตัวเมืองไปตามถนน สายยะลา-เบตง ประมาณ 90 กิโลเมตร และ อยู่ห่างจากตัวเมืองเบตง 40 กิโลเมตร โดยน�้ำตกแห่งนี้เกิดจากสายน�้ำที่ ไหลแรงจากยอดเขาตกกระทบก้อนหินที่อยู่เบื้องล่าง เกิดเป็นละอองน�้ำ กระจายชุ่มชื้นไปทั่วบริเวณโดยรอบ และจะยิ่งสวยงามมากหากต้องแสงแดด และเกิดเป็นประกายรุ้ง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อน�้ำตกนั่นเอง ลักษณะทั่วไปจะมีชั้นของหินอยู่ทั้งหมด 4 ชั้น โดยชั้นบนสุดเป็นน�้ำตก ที่มีความสวยงามสุด สายน�้ำตกจะมีความสูงประมาณ 50 เมตร ไหลลงมา เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 77


78 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง คุณเจริญชัย แซ่ชั้น บทที่ 6 บุคคลท้ายเล่ม ประธานบริษัท ช.เจริญกรุ๊ป(2005) จ�ำกัด และประธานห้างหุ้นส่วนจ�ำกัด ช.เจริญค้าของเก่า ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมกวางสี (ประเทศไทย) รองนายกสมาคมศิษย์เก่าจงฝา เบตง-กรุงเทพ รองประธานจัดงานโรงเรียนเบตงวีระราษฎร์ประสาน


เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 79 คุณเจริญชัยแซ่ชั้น 陳宏錦 คือหนึ่งในลูก หลานชาวเบตงที่ประสบความส�ำเร็จในหน้าที่การงาน จนกระทั่งสามารถตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเกิด อย่างสุดความสามารถ รวมทั้งเป็นผู้ที่ให้ก�ำเนิด แนวคิดการจัดพิมพ์หนังสือ “เยือนเมืองในหมอก... ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง” ซึ่งกว่าจะมาเป็น อยู ่อย ่างทุกวันนี้ชีวิตไม ่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่อุปสรรคขวากหนามตามทางเดินชีวิตคือหนึ่ง ในบททดสอบส�ำคัญที่คุณเจริญชัย ได้บอกเล่า เรื่องราวชีวิตไว้อย่างน่าศึกษาในท้ายเล่มนี้ คุณเจริญชัย แซ่ชั้น สนทนากับลูกหลานชาวเบตงโดยก�ำเนิด ผู้ที่ประสบความส�ำเร็จด้านธุรกิจและครอบครัวแล้ว “ด้วยส�ำนึกรักบ้านเกิด” ได้อุทิศตัวเพื่อทดแทนบุญคุณแผ่นดินเกิด ด้วยการกลับมาสร้างประโยชน์เกิดกับอ�ำเภอเบตง ท่านเป็นผู้ริเริ่มจัดพิมพ์หนังสือ “เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง” เพื่อประชาสัมพันธ์ภาพพจน์ที่ดีของการเป็นเมืองท่องเที่ยวและเมืองเศรษฐกิจ การค้าชายแดนที่ก�ำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน หนึ่งชีวิตลูกผู้ชายนอกจากการ ประสบความส�ำเร็จในชีวิตแล้ว การตอบแทนสังคมและถิ่นฐาน บ้านเกิดคืออีกหนึ่งสิ่งควรท�ำใน ชั่วชีวิตนี้ เช่นเดียวกันกับบุคคล ท่านหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกหลาน เชื้อสายมังกรซึ่งถือก�ำเนิดและ เติบโตภายในเมืองกลางหุบเขา ที่ห้อมล้อมไปด้วยม่านหมอกและ บรรยากาศทางธรรมชาติที่อุดม สมบูรณ์อย่างเมืองใต้สุดแดน สยามนาม “เบตง” บทที่ 6 บุคคลท้ายเล่ม เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 79


80 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง ยางเป็นแล้วเก่งมาก พอเราได้ยินแบบนี้ก็ดีใจกรีดใหญ่ เลย ท�ำให้ถึงเวลากรีดยางดึกๆ พ่อแม่ก็ให้เราไปกรีด เลย เท่ากับว่าเราได้ท�ำงานหนักตั้งแต่เด็กเลย เช้าก็ ต้องไปเก็บน�้ำยางแล้วกลับมาอาบน�้ำไปโรงเรียน เรียน ก็หลับๆ ตื่นๆ เพราะมันเหนื่อย ผมจ�ำได้ว่าตอนประมาณ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ด้วยความที่เราเป็นลูกสวนยาง กรีดยางดึกๆ พอตอนเรียนชอบง่วงในห้องครูก็พยายาม เรียกชื่อเจริญชัย เราสะดุ้งตื่น พอย้อนนึกกลับไปเมื่อไร ก็กลายเป็นเรื่องข�ำกันทุกที” แน่นอนความด้วยเชื้อสายที่มาจากประเทศจีน ย่อมสามารถพูดได้ทั้งภาษาไทยและจีนอยู่แล้ว ไม่ว่า จะเป็นจีนกลางแต้จิ๋วฮกเกี้ยน จีนแคะเป็นเรื่องที่สบาย มากส�ำหรับลูกหลานชาวจีนโพ้นทะเล “ภาษาจีนผมก็ ยังสามารถพูด ฟัง อ่าน เขียนได้เป็นอย่างดีถึงแม้ว่า หลังจากจบ ป.4 จากโรงเรียนจงฝามูลนิธิแล้วแทบจะ เรียกได้ว่าทิ้งไปเลย แต่ก็ได้ใช้ในชีวิตประจ�ำวัน ไม่ว่า จะเป็นภาษาจีนกลางใช้พูดกับภรรยา หรือช่วงที่ท�ำงาน สมัยหนุ่มๆ ก็ยังมีโอกาสได้ใช้ในการท�ำงานอยู่บ้าง พ ่อผมชื่อยิว แซ ่ชั้น 陳耀 มาจากมณฑล กวางสีตั้งแต่อายุ 16 ปีแล้วพอดีมีเพื่อนย้ายมาท�ำมา หากินแถวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความเป็นอยู่ดีกว่าที่ เมืองจีน ท�ำให้พ่อตัดสินใจอพยพมา โดยลงเรือเข้ามาที่ ปีนังแล้วก็มาถึงเบตงเพราะอย่างที่ทราบสมัยก่อนไม่มี ด ่านพรมแดน ไม่มีจุดตรวจอะไรเดินทางไปมาสะดวก พออยู ่ได้สักพักก็กลับไปพาปู ่ พาญาติเข้ามาอยู ่ที่นี่ ด้วยกัน ซึ่งสมัยก่อนใช้เวลาเดินทางบนเรือน่าจะประมาณ 30 กว ่าวัน แล้วหลังจากนั้นพ ่อก็ได้แต ่งงานกับแม ่ ชื่อ กูสามมุ้ย 古三妹 แม่เองก็เป็นคนจีนเหมือนกัน แต่เป็นจีนกวางตุ้งที่เกิดในมาเลเซียเป็นลูกคนท�ำเหมืองแร่ ผมมีพี่น้องทั้งหมด 8 คน มีพี่สาว 5 คน พี่ชาย 1 คน น้องสาว 1 คน ผมเป็นคนรองสุดท้อง คนที่ 7 ฐานะทางบ้านสมัยก่อนถือว่าไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะ ยางพาราสมัยนั้นราคากิโลกรัมละแค่ 3-4 บาท แล้ว พ่อแม่ก็มีสวนเพียง 30 กว่าไร่ อย่างพี่ๆ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ เรียนหนังสือเลย จะเริ่มได้เรียนก็พี่ชายผมคนที่ 6 กับ ผม แล้วก็น้องสาวคนสุดท้องที่ได้มีโอกาสเรียนที่โรงเรียน จงฝามูลนิธิ สมัยเด็กหลังจากที่บรรดาพี่สาวแต่งงานออกเรือน ไปผมก็ต้องไปช่วยพ่อกรีดยางในสวน โดยเริ่มจากหัด กรีดยางที่ล้ม แต่ยังไม่ตาย พ่อแม่ก็จะให้ลองไปกรีดดู ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ท�ำให้กรีดยางเป็นตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ เข้าไปในตลาดคุยใหญ่เลยว่าลูกอายุแค่เจ็ดขวบก็กรีด 80 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง ต�ำนานชีวิตเด็กกรีดยาง เริ่มกรีดยางเป็นตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ชีวิตในวัยเด็กของเด็กชายเจริญชัยเกิดและเติบโตในครอบครัว ชาวจีนอพยพ แม้ฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวจะไม่ค่อยดีนัก แต่วิถีชีวิตของนักสู้สายเลือดมังกรที่มีต้นก�ำเนิดมาจากมณฑล กวางสี(กวางไส) ต่างย�้ำเตือนให้รู้ว่าชีวิตคือการต่อสู้การใช้ ชีวิตเป็นลูกสวนยาง เริ่มกรีดยางได้ตั้งแต่ 7 ขวบคือสิ่งหนึ่งที่เขา ภาคภูมิเป็นอย่างยิ่ง ท่านเริ่มเล่าประวัติของท่านว่า


ส�ำหรับจีนเชื้อสายกวางสีมาจากมณฑลกวางสี ซึ่งมณฑลนั้นก็มีภาษาถิ่นอีกหลายสิบภาษา แต่ที่ผมใช้ เรียกว่าภาษา หย่งเซี้ยน แต่จริงๆ ผมสามารถพูดได้ หลายภาษาทั้งกวางสีกวางตุ้ง ฮกเกี้ยน แต้จิ๋วได้บ้าง จีนกลาง ภาษาแคะ ทั้งนี้อาจจะเพราะด้วยผมเกิดที่ เบตง แล้วตรงนั้นมีชนชาติจีนมาอยู่รวมกันหลายภาษา ก็เหมือนกับเราซึมซับโดยไม่จ�ำเป็นต้องเรียน อย่างภาษา จีนแคะบังเอิญว่าใกล้ๆ สวนยางพาราของพ่อผมมีคน จีนแคะย้ายมาอยู่หลังบ้าน แล้วเขามีลูกรุ่นราวคราว เดียวกันท�ำให้เราพูดได้โดยปริยายซึ่งต่างจากสมัยปัจจุบัน ที่เหมือนเราเรียนภาษาอังกฤษที่เราต้องท่องต้องฝึกฝน อย่างรุ่นผมถ้าบอกว่าพูดภาษาจีนไม่ได้ถือว่าผิดปกติ แล้ว (หัวเราะ) แต่ขนาดเดียวกันถึงแม้ว่าจะเกิดทาง ภาคใต้แต่ภาษาใต้กลับพูดไม่ได้” คุณเจริญชัย เผยอย่าง อารมณ์ดี เด็กเรียนดีสอบได้ที่ 1 มาตลอด ในวัยเด็กของ ด.ช.เจริญชัยแม้จะเป็นเด็กเรียบร้อย ไม่ค่อยกล้าแสดงออกเท่าไร แต่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งใน หัวกะทิของอ�ำเภอเบตงเลยก็ว่าได้ โดยมีวิชาที่ชอบคือ วิชาคณิตฯ และวิทยาศาสตร์ส่วนด้านการท่องจ�ำเช่น วิชาสังคมดูไม ่จะค ่อยถูกโฉลกมากนัก ท�ำให้พลาด ต�ำแหน่งเรียนดีอันดับหนึ่งของอ�ำเภอไปอย่างเฉียดฉิว แม้ว่าฐานะทางบ้านจะไม่ค่อยดีเท่าไร แต่เขาก็ยังมุ่งมั่น ที่จะให้เราเข้าเรียนในโรงเรียนจงฝาให้ได้เพราะตอนนั้น เด็กเยอะต้องใช้วิธีจับสลากเข้าเรียน ซึ่งตอน 7-8 ขวบ จับสลากไม่ได้แต่เขามีกฎอยู่ว่า ถ้าจับสลากไม่ได้9ขวบ ถึงจะได้เข้าเรียนอัตโนมัติกลายเป็นว่าผมได้เริ่มเรียน ตอน 9 ขวบ 14 ขวบถึงจะจบป.4 จากนั้น ป.5 ถึง ป.7 ผมก็ไปเรียนต่อที่โรงเรียนธีระวิทยา ซึ่งตอนนั้นอยากได้ มอเตอร์ไซค์แม่ก็ซื้อให้จ�ำได้เลยว่าราคา 1,900 บาท ยี่ห้อฮอนด้า 50 ซีซีมือสอง แล้วไม่กี่เดือนต่อมาก็รบเร้า แม่ให้ซื้อคันใหม่เป็นรุ่น 90 ซีซีตอนนั้นเพื่อนรุ่นเดียวกัน ไม่มีใครมีเหมือนผมเลยสักคนถึงแม้จะฐานะดีกว่า เพราะ พ่อแม่คงรักเรามาก ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเราพูดง่ายแล้ว เรียนเก่งด้วย ตอนอยู่โรงเรียนธีระวิทยาผมสอบได้ล�ำดับ ต้นๆ ตลอด มีแต่ที่ 1 กับที่ 2 สมัยก่อนพอถึง ป.7 จะมี การจัดอันดับว่าใครเรียนเก่งที่สุดในอ�ำเภอ แล้วในตอน นั้นคะแนนวิชาคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์ผมสูงสุดในอ�ำเภอ เพื่อนก็บอกว่าเจริญชัยคงได้ที่ 1 ของอ�ำเภอแน่นอน แต่ผมรู้ว่าคะแนนวิชาภาษาไทยกับสังคม ที่ต้องท่องจ�ำ ผมไม่ชอบ ผมก็รู้เลยว่าไม่ใช่กลายเป็นเพื่อนอีกคนที่อยู่ อีกห้องนึงได้เป็นที่ 1 ของอ�ำเภอไป ส่วนเราเป็นแค่ที่ 1 ในห้อง เพราะคะแนนรวมเขาเยอะกว่า เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 81


ส่วนสาเหตุที่ชอบวิชาคณิตฯ กับวิทยาศาสตร์ เพราะไม่ต้องใช้การจ�ำ อย่างวิชาคณิตศาสตร์เราสามารถ หาค�ำตอบได้จากโจทย์โดยใช้เทคนิคการหาค�ำตอบ แต่วิชาสังคมประวัติศาสตร์ต้องใช้การท่องจ�ำซึ่งผม ไม่ชอบเลย อย่างมีวิชาหนึ่งที่ต้องท่องจ�ำผมยอมได้ ศูนย์คะแนนเลย ผมไม่เอาขี้เกียจท่องแต่วิชาวิทยาศาสตร์ มันเป็นเหตุเป็นผล มันเรียนง ่ายไม ่ต้องท ่อง ท�ำให้ ตอนมาเรียนต ่อที่โรงเรียนเบตงวีระราษฎร์ประสาน ผมได้อยู่ห้องคิงตลอด ซึ่งคัดเลือกมาจากคนที่สอบเข้า ได้อันดับที่ 1 - 40 แล้วหลังจากจบ ม.ศ 3 ผมก็ไปสมัคร เรียนต่อที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา แต่น่า เสียดายที่อายุผมเกินเกณฑ์ไปเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ถ้าผมอายุไม ่เกินก็จะได้เข้าเรียนโดยไม ่ต้องสอบ เพราะคะแนนผมถึงเกณฑ์อยู ่แล้ว ก็เลยท�ำให้ไม่ได้ เรียนสายวิทย์” หลังจากที่สมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ ไม่ได้ ความฝันของเด็กหนุ่มจากเบตงก็เปลี่ยนไป เริ่ม อยากเผชิญกับโลกกว้าง เขาจึงเดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ โดยหวังว่าจะเริ่มประกอบอาชีพเพื่อหาเงินเลี้ยง ครอบครัว แต่ด้วยความคิดถึงบ้านท�ำให้ต้องกลับเริ่มต้น เรียนอีกครั้งโดยหมุนเข็มทิศชีวิตไปที่การฝึกหัดเป็น แม่พิมพ์ของชาติที่วิทยาลัยครูยะลา “ผมก็เข้ามากรุงเทพฯ มาอยู่กับเพื่อคนหนึ่งชื่อ ศุภชัย แถวบางหว้าเพื่อมาท�ำงาน พอดีมีเพื่อนอีกคน ชื่อกิตติชัย บอกว่า ลัคกี้เท็คซ์ (ไทย) ต้องการรับ สมัครคนที่พูดภาษาจีนได้ซึ่งผมก็ไปสมัคร จากนั้น ไม่นานเขาก็เรียกตัวผมไปท�ำงาน แต่ตอนนั้นเราคิดถึง บ้าน เพราะตั้งแต ่เด็กจนโตไม ่เคยห ่างบ้านมาไกล ขนาดนี้ก็เลยคิดว่าไม่ท�ำแล้ว กลับบ้านดีกว่า พอกลับไปเบตงเหลืออยู่ที่เดียวที่ยังเปิดรับคือ วิทยาลัยครูยะลา แต่ในความเป็นจริงแล้วผมไม่ชอบ การเป็นครูเลยเพราะขัดกับบุคลิกผมมาก แต่ไหนๆ มันไม่มีที่ให้เรียน ก็เลยต้องเรียนครูที่วิทยาลัยครูยะลา (ป.กศ.ต้น) 2 ปีจนจบซึ่งถ้าพูดจริงๆ จุดผกผันที่ท�ำ ให้เราไม ่ได้เป็นครูมันมีอยู ่หลายอย ่างตอนเรียนอยู ่ ปีที่ 2 ก็จะต้องมีการฝึกสอนผมได้ฝึกสอนที่โรงเรียน บ้านลิมุดในยะลาระดับชั้นอนุบาล แล้วเผอิญมีเด็กอยู่ คนหนึ่งเก่ง ฉลาด น่ารักด้วย แต่ซนมาก เราบอกอะไร แล้วเด็กไม่ค่อยฟัง ผมโมโหเผลอตีทีเดียว รุ่งเช้าเป็นเรื่องเลย พ่อ เด็กตามมาเอาเรื่องถึงโรงเรียน มาไม่ได้มามือเปล่าถือปืน มาจะยิงเราด้วย แต่ยังดีที่ครูใหญ่ช่วยเคลียร์ปัญหา ท�ำให้ปกติเราไม่อยากเป็นครูอยู่แล้ว พอมาเจอเหตุการณ์ อย่างนี้ด้วยก็เลยไม่ชอบเข้าไปใหญ่” 82 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง


เดินทางเข้ากรุงเทพฯผจญภัยในโลกกว้าง หลังจากลองผิดลองถูกกับชีวิตอยู่ถึง 3 ปีชีวิต ของคุณเจริญชัยก็เริ่มผกผันอีกครั้ง เมื่อมีโอกาสติด สอยห้อยตามพี่สาวและพี่เขยเข้ามาในกรุงเทพฯ รวมทั้ง ภรรยาซึ่งในขณะนั้นยังเป็นเพียงแค่แฟน เข้ามาเผชิญโชค แต่เพียงแค่ไม่กี่วันโชคชะตาก็เล่นตลกกับคุณเจริญชัย และพี่น้องอีกครั้ง “หลังจากนั้นพอจบ 2 ปีแล้ว จะมีประกาศว่า คนที่มีคะแนนสามารถเรียนต่อใน ปกศ ชั้นสูงโดยไม่ ต้องสอบ รุ่นผมมีเกือบ 700 คน พอมาดูก็เห็นชื่อตัวเอง อยู่บนเส้นแดงพอดี (หัวเราะ) ก็เลยคิดว่าในเมื่อเขา ให้เรียนต่อก็เรียน แต่พอเรียนได้1 ปีเพื่อนพี่สาวผม ชวนมาหุ้นกันขายบะหมี่ที่กรุงเทพฯ ผมก็เลยตามไป ด้วยเพราะมีทุนจากการขายจักรยานคันที่พี่เขยยกให้ ซึ่งตอนนั้นผมเช่าบ้านอยู่ ข้างบ้านมีแม่ม่ายคนหนึ่งเขา มาชอบผม แต่ผมไม่คิดในทางชู้สาวด้วย เขาได้ยินจาก เพื่อนว่าผมจะขายจักรยาน จึงถามว่าจะขายเท่าไหร่ ผมพูดกับเพื่อนเล่นๆ ว่า1,000 บาท ทั้งที่ราคาจักรยาน คันนั้นแค่ 200 - 300 บาท แต่พอผู้หญิงคนนี้รู้เขาก็ซื้อ จักรยานของผมทันทีด้วยเงิน 1,000 บาท ซึ่งเป็นเงิน ที่เยอะมากในสมัยนั้น ผมถือว่าเงินนี้เป็นจุดเปลี่ยนของ ชีวิตผมเลยทีเดียว เพราะมันท�ำให้ผมมีเงินค่ารถเข้า มาเผชิญชีวิตในกรุงเทพ แต ่พอมาถึงกรุงเทพฯ แล้วหุ้นส ่วนของพี่สาว กลับบอกว่าไม่ให้ขายด้วย เพราะเขาคงเห็นว่าฝ่ายเรา มากันหลายคน เพราะตอนนั้นก็มีพี่เขย พี่สาว ผมกับ แฟน (ภรรยา) เป็น 4 คน เหมือนกับว่าเราเป็นคนท�ำให้ พี่เขยเดือดร้อน ซึ่งจะหนีกลับเบตงเลยก็คงไม่ได้ที่นี้ อุปกรณ์ในการท�ำบะหมี่ของพี่สาวก็ไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหน เงินไม่ได้มีมากมายอะไร บ้านก็ไม่มีเลยอาศัยวิธีไปอยู่ ชั้นดาดฟ้าตามตึกแถวในซอยสุขุมวิท 95 ที่เขาสร้าง ใหม่ๆ แต่ยังไม่มีคนอยู่ แต่พอมีคนจะย้ายเข้ามาอยู่ เราก็ต้องขยับไปหลังอื่นที่ยังว่างอยู่ ชีวิตเป็นอย่างนี้อยู่ สักพัก จนกระทั่งเหลือเงินในกระเป๋าอยู่17 บาท แม้แต่ ข้าวแกงจานละ 2-3 บาทก็ไม ่กล้าซื้อกิน ต้องซื้อ มะม่วงแก้ว 3 กิโล 5 บาทกินแทนข้าวอยู่หลายวัน” หลังต้องเจอกับภาวะคับขันอยู่ไม่กี่วันเพื่อนสนิท สมัยเรียนที่เบตงได้เอ่ยปากเชิญชวน ไปสมัครท�ำงาน ที่โรงแรมมิราม่า ซึ่งเพื่อนบอกว่าเงินค่อนข้างดีเราก็ ไม่ได้สนใจอะไรหรอกตอนนั้น ก็ไปกัน 5 คน แต่มี เพื่อนแค่ 3 คนที่ตั้งใจไปสมัครงานส่วนผมกับเพื่อนอีก คนพ่วงไปเที่ยวเฉยๆ ไม่ได้สนใจอะไร แต่กลับเป็นว่า มีเพื่อนคนหนึ่งไม่ท�ำ แล้วโรงแรมก�ำลังสนใจอยากจะ รับคนที่พูดภาษาจีนได้ เขาก็เลยรับผมโดยให้เงินเดือน เริ่มต้นที่สี่ร้อยบาท ซึ่งพอเข้าไปท�ำงานวันแรกได้ทิปสี่ สิบบาท คิดในใจว่ารอดแล้ว คิดดูสิว่าผมได้เงินเดือน สี่ร้อยบาท คิดเป็นวันละ 13 บาท แต่แค่วันแรกผม ก็ได้ทิปตั้ง 40 บาท ดีใจจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไรถูก ครั้นเมื่อเริ่มตั้งตัวได้พร้อมกับเงินเก็บอีกก้อน คุณเจริญชัยก็ต้องเจอกับบทเรียนแรกของชีวิตในการ ท�ำธุรกิจซื่อขายที่ดิน แต่กระนั้นก็ผ่านมาด้วยความ อดทนอดกลั้น พร้อมทั้งเก็บเอาค�ำพูดต่างๆ ในทางไม่ดี มาแปรเปลี่ยนเป็นก�ำลังใจในการสู้ชีวิต “หลังจากท�ำงาน เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 83


84 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง อยู่ที่โรงแรมได้3 ปีผมมีเงินเก็บอยู่ประมาณสามหมื่น กว่าบาท แล้วเผอิญได้รู้จักกับคนยะลาซื่อคุณไพรัช พงษ์สุวรรณศิริเป็นแขกที่มาพักที่โรงแรมเขาแนะน�ำ ให้เราลองซื้อที่เก็งก�ำไร ซึ่งตอนนั้นเราไม่รู้เลยว่าการ ซื้อที่ได้เงินเพิ่มยังไง แต่เขาก็พูดคุยหว่านล้อมชักชวน จนเราเริ่มเชื่อวันหนึ่งพาเราไปดูที่บางกะปิเสร็จแล้วท�ำ สัญญาซื้อตอนนั้นเลย คล้ายๆ กับว่าเขาบังคับเราซื้อ โดยอัตโนมัติก็เลยจ�ำใจท�ำสัญญาซื้อที่ 61 ราคาตารางวา ละ 600 บาท เป็นเงิน สามหมื่นกว่าบาท เขาบอกว่าไม่ ต้องจ่ายตอนนี้ก็ได้ให้เวลาอีกเกือบปีค่อยจ่ายเงิน แต่พอ ท�ำสัญญาไม่กี่เดือน กลับมาบอกว่าให้โอนกรรมสิทธิ์เลย กลายเป็นว่าจากมีเวลาแค่ไม่กี่เดือน ต้องหาเงินมาจ่าย ซ�้ำร้ายกว่านั้นคือในสัญญาซื้อขาย 61 ตารางวา แต่ใน โฉนดเป็น 161 ตารางวา ต้องจ่ายเพิ่มอีกหกหมื่นบาท ซึ่งตอนนั้นผมไม่มีเงินมากขนาดนั้น ที่นี่ก็ต้องมาตั้งหน้า ตั้งหน้าท�ำงานให้หนักขึ้น แต่โชคดีภายในสองเดือนผม หาเงินเพิ่มได้อีกหกหมื่นบาท พอส�ำหรับจ่ายค่าที่ แล้ว หลังจากนั้นผมก็ไม่กล้าซื้อที่อีกเลย (หัวเราะ) ต้อนหลัง ปี2539 ที่ดินเปล่า 161 ตารางวานี้ผมขายไปได้เงิน 4-5 ล้านบาท ทีนี้พออยู่มานานๆ เข้าเราก็เริ่มรู้ช่องทางในการ ท�ำงานจากเป็นแค่พนักงานโรงแรมธรรมดาก็เริ่มเป็นไกด์ พาแขกเที่ยวโดยเฉพาะพวกมาเลย์ฮ่องกง อินโดฯ ที่ มีเชื้อสายจีน ซึ่งจุดที่ท�ำให้แขกติดใจอาจจะเป็นเพราะ การพูดจาของเรา ท�ำให้แขกรู้สึกเอ็นดูเป็นพิเศษ มีการ บอกต่อแนะน�ำเพื่อนไปเรื่อย ๆ ช่วงที่ท�ำงานที่โรงแรม จะท�ำงานหนักมาก ท�ำงานประจ�ำตั้งแต่ 7 โมงถึง 1 ทุ่ม แล้วก็พาแขกไปเที่ยว พอเก็บเงินได้ก็ซื้อรถมินิบัสไว้ กลางคืนก็มาขับรถมินิบัสจนถึง 6 โมงเช้า แล้วก็กลับ มาอาบน�้ำไปท�ำงาน ก็จะอาศัยนอนเวลาพัก หรือเวลา ที่ไม่ค่อยมีแขก สาเหตุที่ท�ำงานเยอะท�ำงานหนักขนาดนี้ ก็เพราะว่าเรา อยากมีเงินเก็บเยอะๆ จนกระทั่งมีเงิน ซื้อบ้านได้4-5 หลัง ได้รถมินิบัส รถเก๋ง รถกระบะ กับ ที่ดินอีก 1 แปลง ในช่วงเวลาแค่ 17 ปีครึ่ง ผมแต่งงานกับภรรยา คือ คุณสุภาวรรณ แซ่ชั้น มีลูกด้วยกัน 4 คน ชื่อ นภาพร(ลูกสาว),อัศวิน (ลูกชาย), อัศพล (ลูกชาย) และนภาทิพย์(ลูกสาว) ผมพาพ่อแม่ จากเบตงมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ เมื่อก่อนผมท�ำแต่ งานจน จนเพื่อนบางคนด่าเราว่าไม่เอาเพื่อนฝูง ไม่คบค้า สมาคม ไปเที่ยวสังสรรค์กันบ้าง เราก็ให้เพื่อนมันด่าไป เพราะคิดว่า ถ้าจะเอาเงินไปเที่ยวสู้เอามาเลี้ยงลูกเมีย ดีกว่า และเรื่องที่ตลกกว่านั้นคือ หลังจากนั้นไม่กี่ปี ผมพาลูกไปเที่ยวที่พัทยา แล้วเห็นเพื่อนคนที่ด่าผมใน ตอนนั้นนั่งขายกิ๊ฟช็อปอยู่ ซึ่งร้านก็ไม่ใช่ของเขาเอง แต่เป็นของ พี่ชายที่จ้างมาขายแทนได้แค่ค่าแรงวันละ 200 บาท ตรงนั้นผมก็ได้เอามาสอนลูกได้ว่าวันนี้ถึงเรา จะล�ำบากขนาดไหน แต่สิ่งส�ำคัญคือการวางแผนเรื่อง เงิน ต้องรู้จักเก็บ อดออมอนาคตถึงจะสบาย” ปักธงความส�ำเร็จชีวิต เริ่มต้นเมื่ออายุ 40 ปี จากการที่ท�ำเงินเป็นกอบเป็นก�ำสร้างความมั่นคง ให้กับครอบครัวมากว่า 17 ปีแต่แล้ว วันหนึ่งก็มาถึง จุดเปลี่ยนครั้งส�ำคัญของชีวิต เมื่อคุณเจริญชัยและภรรยา ได้หันหลังให้กับงานที่เป็นรายได้หลักเพื่อสู้กับงาน 84 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง


เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 85 ใหม่ ที่ยังไม่มีหลักประกันใดๆ ในชีวิต ต่อสู้กับค�ำดูถูก ของหุ้นส่วนเก่าที่บอกลากันไปก่อนหน้านี้ พร้อมด้วย ปณิธานที่แน่วแน่ว่า เมื่ออายุ40 ปีจะไม่ยอมเป็นลูกจ้าง อีกเด็ดขาด เพราะช่วงที่ท�ำงานอยู่ก็มีการวางแผนไว้ หลายอย่างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซื้อรถมินิบัสมาขับ ซื้อ ตึกแถวไว้ค้าขาย แต่มีเหตุบังเอิญว่าพี่เขยซึ่งท�ำงานอยู่ แถวบางปูบอกว่า อาชีพรับซื้อของเก่าเป็นอาชีพที่พอ ไปได้ แล้วเราเองอยู่ในช่วงปลายของการท�ำงานโรงแรม ก็เลยมาท�ำรับซื้อของเก่า โดยเเบ่งเวลาตั้งแต่ 9 โมงเช้า มาท�ำงานที่โรงงานรับซื้อของเก่า โดยเริ่มแรกมีหุ้นส่วน อยู่ 5 คน คนละห้าหมื่น บาท แต่คนที่ท�ำงานจริงแค่ 3 คน ส่วนหุ้นส่วนพี่เขยกับน้องเขย ผมอีก 2 คน แค่เอาเงิน มาหุ้นเฉยๆ ไม่ได้ลงแรงด้วย เพราะสองคนนั้นท�ำงาน ประจ�ำอยู่ พอเริ่มท�ำตอนแรกก็เกิดปัญหาความไม่เข้าใจ กันเพราะผมยังท�ำงานที่โรงแรมกลางคืนที่กรุงเทพฯ และเช้ามาท�ำงานรับซื้อของเก่าที่บางปู ท�ำให้ตอนเช้า มาท�ำงานสาย ห้าโมงเย็นต้องขับรถกลับไปท�ำงานต่อ กลายเป็นว่าผมมาสายกลับเร็ว หุ้นส่วนอีก 2 คน ไม่พอใจ และได้ถอนหุ้นไปแถมยังพูดว่าจะปล่อยให้ผมท�ำไป คนเดียวก่อน เขาจะรอให้ผมท�ำไม่ได้และเจ๋งไปก่อนถึง กลับมาท�ำต่อ ผมได้ฟังดังนั้นจริงๆ ก็ท้อและไม่อยากท�ำ แล้วกลับบ้านปรึกษาภรรยา แล้วก็ไม่อยากท�ำต่อแล้ว ความรู้ด้านนี้ก็ไม่มี แต่แฟนก็เป็นก�ำลังใจที่ดีบอกว่า จะปิดร้านเสริมสวยที่ท�ำอยู ่แล้วมาลุยธุรกิจรับซื้อ ของเก่าด้วยกัน ซึ่งต้องยอมรับนะว่าออกมาก็เคว้งเหมือน กันเพราะรายได้จากงานโรงแรม ณ ตอนนั้นเดือน หนึ่งเป็นแสน รวมทั้งร้านเสริมสวยแฟนก�ำลังไปได้ดี มาท�ำรับซื้อของเก ่าก�ำไรเดือนหนึ่งแค ่สี่ห้าพันบาท เราก็ออกมาลองผิดลองถูกอยู่หลายปีเหมือนกัน เดิมที จากที่เคยมีหุ้นส่วนพาตระเวนตามโรงงานรับซื้อของเก่า ก็ต้องออกไปซื้อเองและซื้อยังไงที่ไหนก็ยังไม่รู้จนมี เหตุบังเอิญว่าวันหนึ่งเข้าไปในนิคมอุตสาหกรรมบางปู แล้วก็ไปกลับรถหน้าโรงงานผลิตหลอดไฟฟิลิปส์แล้ว ยามถามว่า จะมารับซื้อของเก่าเหรอ ฝ่ายลุกน้องผม เป็นคนค่อนข้างกะล่อนหน่อย ก็เลยตอบกลับไปทันที ว่าใช่ยามเขาก็เลยให้เราไปพบกับฝ่ายจัดซื้อ ทั้งที่เรา ไม่ได้นัดเขาไว้พอเข้าไปพบจริงๆ ก็เลยบอกเขาไปตรงๆ ว่าเราซื้อไม่เป็นหรอก เขาเห็นว่าเราซื่อสัตย์พูดตรงไป ตรงมาดีก็เลยบอกว่า ข้างหลังมีเหล็ก 3 ตันกว่า เขาขาย ให้ผม และชี้แนะว่าจะไปขายต่อที่ไหน ท�ำให้ขายได้ ก�ำไร สามพันกว่าบาท ซึ่งถือว่าเยอะมากในตอนนั้น เลยเป็นตัวจุดประกายในการท�ำอาชีพรับซื้อของเก่า และเริ่มเห็นช่องทางมากขึ้นด้วย รวมถึงมีโรงงานคน ไต้หวันที่เขามาตั้งโรงงานในละแวกใกล้เคียง ซึ่งตอน แรกถ้ามีคนมารับซื้อของเก่าเขาต้องมีคนมาคอยคุม แต่กับเราเขามาคุยแค่ไม่กี่ครั้งหลังจากนั้นก็ไม่ ส่งคนมาคุมอีกเลย มารู้ทีหลังว่าเขาแปลก ใจที่เราไม่มีการโกงหรือลักเล็กขโมยน้อย ท�ำให้เกิดการเชื่อใจในตัวเรากับ ลูกน้อง ซึ่งเป็นเครดิตที่ดี ภายหลังเขาก็ “อย่าไปซ�้ำเติมใคร อย่าไปไล่เขา จนตรอกและอย่าไปดูถูกคนอื่น” เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 85


แนะน�ำเพื่อนของเขาให้เราด้วย เพราะเราเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่โกงใคร ตรงนี้คือสิ่งที่เขาเน้นเป็นอย่างมากในการ ท�ำธุรกิจ จากตอนแรกที่เขาขายเส้นลวดสายไมค์ให้ผม แค่ไม่กี่ร้อยบาทปัจจุบันเฉพาะกลุ่มของเขามาการค้า กับผมอยู่เกือบสิบล้านบาทไม่ว่าจะเป็นโรงงานที่แหลม ฉบัง เพชรบุรีนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ก็ได้รับการแนะน�ำ จากเขาทั้งนั้น ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคบกันอยู่” มองโลกด้านดีคิดบวกเปลี่ยนค�ำดูถูกเป็นพลัง สู้ชีวิต ประสบการณ์ที่ผ่านใช่ว่าจะหาซื้อได้ตามร้านค้า ทั่วไป แต่มาจากทุกย่างก้าวและหยาดเหงื่อที่ประสบ พบเจอมา คุณเจริญชัยได้เผยถึงเคล็ดไม่ลับที่ท�ำให้ ตัวเองประสบความส�ำเร็จในอาชีพการงานคือความ ซื่อสัตย์และ มองมุมบวกด้วยการแปรเปลี่ยนค�ำดูถูก นินทา ให้กลายเป็นพลังในการต่อสู่ชีวิตในวันข้างหน้า ต่อไป “สิ่งที่ผมคิดอยู่ตลอดคือ อย่าไปซ�้ำเติมใคร อย่า ไปไล่เขาจนจนตรอกและอย่าไปดูถูกคนอื่น เหมือนกับ ตอนที่ผมท�ำงานโรงแรมแล้วมีแขกสิงคโปร์ที่เป็นลูกค้า ประจ�ำมาพักทีไรเจอผมจะบอกว่า“เฮ้ย....มึงอยู่ที่นี่รอ วันตายเหรอ” ในความเป็นจริงคือคนนี้เขาให้ก�ำลังใจ เรานะ แต่ตอนแรก ผมได้ยินก็โมโหผมคิดในใจว่าเขา ไม่รู้หรอกว่ารายได้ผมเดือนละเท่าไร เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ผมได้เดือนละหกหมื่นบาทแล้วมาดูถูกเรา ถามว่าผม รอวันตายที่ไหน แต่มาคิดจริงๆ แล้วไม่ใช่เลย ความ หมายคือเขาพยายามจะบอกว่าคนอย่างผมไม่ควรจะ อยู่ในสถานที่คับแคบแบบนี้ควรจะไปได้ไกลออกไปสู่ โลกที่กว้างกว่านี้ ความเป็นจริงเหมือนเราอยู่แต่ในกะลา รายได้แค่ห้าหกหมื่นบาทคิดว่าดีแล้วทั้งที่ในความเป็น จริงข้างนอกยังมีอีกมากที่เรายังไม่รู้ มาคิดได้ทีหลังก็ ไม่โกรธแล้วที่เขาว่าเราแบบนั้น หรืออย่างเรื่องประสบการณ์ซื้อที่ได้จากคนยะลา ด้วยที่พูดไปแล้วก่อนหน้านี้แล้วก็อีกคนเป็นคนฮ่องกง อย่างเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ผมซื้อบ้านที่เอาไว้รองรับหลัง อายุ 40 ปีแล้วจะมาท�ำจับห ่วย (ร้านขายของช�ำ) ตอนนั้นผ่อนเดือนละสามพันบาทซึ่งคนฮ่องกงก็บอก ผมว่า “ตอนนี้ผ่อนเดือนละสามพันคุณคิดว่าหนักใช่ เผยเคล็ดลัยความส�ำเร็จในชีวิต คือ “ท�ำงานด้วยความซื่อสัตย์และ มองมุมบวกเปลี่ยนค�ำดูถูก ให้กลายเป็นพลังในการต่อสู้ชีวิต” 86 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง


ไหม แต่เวลาผ่านไปสามพันมันเงินนิดเดียวนะ” พูดจริงๆ ว่าตอนนั้นเราไม่ค่อยเชื่อเขาเท่าไร แต่ก็ท�ำตามแล้วมัน ก็จริงอย่างที่พูดเงินมันเล็กลง อย่างตอนนี้เงินล้านอาจ จะหายากนะ แต่ถ้าไปสักห้าปีเงินล้านกลายเป็นเรื่อง จิ๊บจ๊อยนั้นเท่ากับทรัพย์สินของเราจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เงิน เราจะถูกลง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดีว่าปัจจุบันอย่าไปกลัว ล�ำบาก” ถึงแม้ว่าช่วงชีวิตในวัยเด็กจะไม่ได้สุขสบายเหมือน อย่างครอบครัวอื่นๆ ทั่วไป แต่ถึงอย่างไรคุณเจริญชัย ก็ไม่คิดย่อท้อหรือน้อยใจแต่อย่างใด ในทางกลับกันสิ่ง ที่พ่อแม่สอน และท�ำเป็นตัวอย่าง คือสิ่งที่ยึดถือเป็น แบบอย่างรวมทั้งน้อมน�ำมาเป็นหลักในการอบรมลูก หลานให้เป็นคนดีซื่อสัตย์และไม่คดโกงใครให้เสื่อม เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล “ค�ำพูดที่พ่อแม่สอนไว้คือกิน ของอย่าให้เหลือ ข้าวสักเม็ดก็อย่าทิ้ง และอีกค�ำหนึ่ง ก็คือ ในช่วงวัยเด็กด้วยความที่ครอบครัวเราจนพ่อแม่ ต้องแยกกันอยู่ แต่เราก็อยากให้ครอบครัวอยู่กันพร้อม หน้า พ่อจะคอยปลอบผมเสมอว่า บ้านเราจนนะ ไม่ จ�ำเป็นต้องอยู่ด้วยกันไว้มีโอกาสค่อยอยู่กันพร้อมหน้า ผมก็จ�ำได้จนถึงทุกวันนี้แม้แต่ตอนผมเข้ามากรุงเทพฯ ก็อยากให้เขามาอยู่ด้วยแต่พ่อแม่ผมก็บอกว่า ไม่เป็นไร บ้านเรามันฐานะไม่ดีไม่จ�ำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน นานๆ ถึงจะเข้ามากรุงเทพฯสักครั้ง แม่เคยบอกว่าพ่อเป็นคนซื่อ ถึงแม้เขาจะไม่ค่อย มีทรัพย์สมบัติแต่ก็จะไม่ยึดถืออะไร ไม่เคยคดโกงใคร ซึ่งผมก็ยึดถือเอาค�ำของพ่อแม่มาสั่งสอนลูกๆ ด้วย ว่า ให้ซื่อสัตย์อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ลูกชายคนโตเคยถามผม ว่าท�ำไมบางคนท�ำกิจการค้าขายสามปีรวย มีรถเบนซ์ ขับ ผมก็บอกลูกว่าเขาท�ำสามปีรวยไม่เป็นไร แต่เราใช้ เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง 87 เวลา 20 ปีรวยก็ไม่ใช้ปัญหา รวยอยู่ได้ถึงลูกถึงหลาน ไม่ต้องรีบรวยแค่ขอให้ไม่คดโกงใครก็เท่านั้นเอง” ส�ำนึกรักบ้านเกิดกลับมาทดแทนบุญคุณแผ่นดิน เกิด ปัจจุบันในวัยที่ล่วงเลยมามาก มีความสุขในกิจการ งานที่ท�ำ มีความสุขกับชีวิตส่วนตัวครอบครัวที่อบอุ่น เป็นคุณตาที่ใจดีของหลานๆ และยังนิยมในเทคโนโลยี อย่างไม่ตกยุค คุณเจริญได้มีโอกาสกลับไปช่วยเหลือ งานในด้านสังคมสงเคราะห์อยู่บ่อยครั้งในบ้านเกิดที่ อ�ำเภอเบตง จังหวัดยะลาทุกครั้งที่โอกาสอ�ำนวย รวม ทั้งพยายามช่วยประชาสัมพันธ์กิจกรรม ภาพลักษณ์ ที่ดีๆ ไปสู่สายตาคนภายนอกให้หันมาเที่ยวอ�ำเภอใน ม่านหมอกแห่งนี้ได้อย่างสบายใจและปลอดภัยหายห่วง “ผมได้อุทิศตัวตอบแทนสังคมและบ้านเกิดใน หลายลักษณะตัวอย่างเช่นไปช่วยงานสังคมในนามของ สมาคมกวางสี เคยด�ำรงต�ำแหน่งอุปนายกสมาคมกวางสี (ประเทศไทย) อยู่เป็นสิบปีและอุปนายกสมาคมชาวยะลา


88 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง เรื่องราวชีวิตเพียงเสี้ยวส่วนหนึ่งของบุคคลที่มีความมุมานะ อดทนต่อ อุปสรรคและผลักดันตัวเองโดยการเปลี่ยนค�ำดูถูกให้กลายเป็นพลังเพื่อเติม เชื้อไฟในชีวิตอย่างคุณเจริญชัย แซ่ชั้น นับเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่น่าศึกษา รวมทั้งในแง่มุมของการตอบแทนบ้านเกิดที่อ�ำเภอเบตง จังหวัดยะลา ซึ่ง ไม่หวังว่าจะเป็นส่วนที่มากเกินไป แต่อย่างน้อยก็น่าจะเป็นส่วนส�ำคัญใน การช่วยประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบุคคลภายนอกได้รับรู้ และเข้า มาสัมผัสกับประสบการณ์ดีๆ ที่รออยู่ ณ เมืองใต้สุดแดนสยามแห่งนี้ อีกหลายปีและตอนนี้ก็ด�ำรงต�ำแหน่งที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมกวางสี และอุปนายกสมาคมศิษย์เก่าจงฝา เบตงกรุงเทพ ซึ่งก็ให้ความช่วยเหลือและให้การสนับสนุน อยู่ประจ�ำ เพราะผมลืมก�ำพืดตัวเองไม่ได้ แล้วก็เป็น รองประธานจัดงานโรงเรียนเบตงวีระราษฎร์ประสาน ซึ่งจะจัดงานในวันที่ 24 มกราคม 58 ผมก็ช่วยประสาน กับเพื่อนๆ รวมทั้งจัดท�ำหนังสือฉบับนี้ด้วย เพราะอยาก จะท�ำอะไรให้เบตงได้บ้าง อยากจะท�ำหนังสือให้คน รุ่นหลังรู้ว่า เบตงมีของดีอะไรบ้าง และเป็นอีกทางหนึ่ง ในการประชาสัมพันธ์ให้คนภายนอก ได้รับทราบด้วย เช่นกัน โดยเฉพาะปีนี้ผมกลับไปเบตง 10 กว่าครั้ง อย่างล่าสุดหลังเหตุการณ์ระเบิดที่เบตงเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 57 ผมก็มีโอกาสพาเพื่อน พานายต�ำรวจ ที่รู้จักไปให้ก�ำลังใจกับผู้ประสบภัยถึงมันจะไม่ได้มากมาย อะไร แต่ก็อยากช่วยในส่วนที่เราท�ำได้ ยิ่งเราเป็นคนเบตง ถ้าไม่กล้ามาแล้วใครจะกล้า แล้วได้เจอท่านรองผู้ว่าฯ รวมถึงสื่อมวลชนก็มีโอกาสประชาสัมพันธ์ให้คนภายนอก ได้รับทราบและสร้างความมั่นใจไปด้วยในตัว รวมถึง อนาคต ถ้าสนามบินเบตงสร้างเสร็จจะยิ่งช่วยให้การ ท่องเที่ยวคึกคักและการเดินทางสบายมากขึ้นด้วย”


ภัตตาคารต้าเหยิน ไทย-จีน 073-230-461 ภัตตาคารนิวซี้อี้ไทย-จีน 073-231-344 บัวหลวง ไทย-จีน 073-230-046 ใบหยก 073-230-763 ฮาลาลฟู้ด 073-215-762 เฮง เฮง แต๋เตี๊ยม เบตง 0824823972 รวงข้าว 073-234361 ครัวฮาลาล 073-234685 ภัตตาคารเชียงการีล่า(เบตง) 087 323 0014 บ่อน�้ำร้อนรีสอร์ทแอนด์สปา 073232220 Three Bar 089 488 4827 สถานที่พักเมืองเบตง โรงแรมโมเดิร์นไทยโฮเต็ล 073-235-139-42 โรงแรมแกรนด์วิว 073-245-510 โรงแรมเบตงซิตี้พลาซ่า 073-230-441-3 โรงแรมสวีทโฮม 073-231-396 โรงแรมริเวอร์อิน รีสอร์ท เบตง 073-234-175-6 โรงแรมบัตเตอร์ฟลายปริ้นเซส 073-236-071 โรงแรมไนซ์รีสอร์ท 073-245-621, 073-245-623 โรงแรมคาเธ่ย์เบตง 073-230-996-9 โรงแรมเบตงเมอร์ลิน 073-230-222 , 073-230-223, 073-230-224 โรงแรมแกรนด์แมนดารินเบตง 073-235-777 โรงแรมการ์เด้นวิว เบตง 073-246-222 โรงแรมฮอลิเดย์ฮิลล์ 073-231-278, 073-231-180 ซัมไทม์รีสอร์ท 073-245-611, 073-245-612 โรงแรมศรีเบตง 073-245-840-4 โรงแรมแจ็คกี้ชาน 073-230-710 โรงแรมฟ้าอันรุ่ง 073-231-403 โรงแรมมายเฮาส์ 073-230-525 โรงแรมแสงฟ้า 073-231-195, 073-231-367 โรงแรมเมโทร 073-230-741 โรงแรมเบตงโฮเต็ล 073-231-231 โรงแรมเพนท์เฮาส์รีสอร์ท 073-231-501 ร้านอาหารแนะน�า


Tip: • ยานพาหนะและรถยนต์ทุกชนิดต้องติดป้ายเป็น ภาษาอังกฤษ ส�ำหรับรถยนต์ป้ายแดงรัฐบาล มาเลเซียไม่อนุญาตให้ผ่านแดน • ใบรับรองการจดทะเบียน ด้วยภาษามาเลย์หรือภาษาอังกฤษ • นักท่องเที่ยวจะต้องซื้อประกันภัย บุคคลที่ 3 ของประเทศมาเลเซีย • รถยนต์ส่วนบุคคลจะติดฟิมล์กรองแสงสีด�ำได้ ไม่เกิน 50 % ของแสง • ใบอนุญาตขับขี่ต้องแปลเป็นภาษามาเลย์หรือ ภาษาอังกฤษ • รถยนต์ทุกชนิดต้องติดเข็มขัดนิรภัย • รถยนต์ทุกชนิดต้องมีไฟเบรคที่ 3 • รถตู้โดยสาร คิวเบตง : (วีระกร) โทร. เบตง) 073-230-193, (หาดใหญ่) 074-235-799, 086-296-1919 เวลาเดินรถ : 07.00 น., 08.30 น., 10.00 น., 11.30 น., 12.30 น. , 14.00 น. คิวเบตงทัวร์ : • เบตง : โทร. 073-230-287, 073-234-359 • หาดใหญ่ - เบตง (ทางไทย) : โทร. 086-962-7575 เวลาเดินรถ: 08.00 น. , 10.00 น. , 12.00 น., 13.00 น. และ 14.30 น. • หาดใหญ่ - เบตง (ผ่านมาเลเซีย): โทร. 074-230-905 , 074-223-398, 095-632-0331 เวลาเดินรถ : 07.00 น., 09.00 น., 12.30 น., 13.00 น. และ 14.30 น. • เครื่องบิน สามารถใช้บริการเที่ยวบิน กรุงเทพฯ-หาดใหญ่และเดินทางต่อไปยัง อ�ำเภอเบตงได้โดยรถแท็กซี่หรือรถตู้ปรับ อากาศ หรืออาจใช้Air Asia ลงสนามบิน ปีนัง ภาพประกอบจาก : travel.thaiza.com, www.pnylink.com, www.oknation.net, maps.pnylink.com www.stormclub.com, www.cityvariety.com จัดท�ำโดย บริษัท อินฟอร์มีเดีย แอนด์พับลิเคชั่น จ�ำกัด โทร. 02-279-1411-2 02-279-1706 แฟกซ์02-279-1410 E-mail : [email protected] ผู้เรียบเรียง : ประชา กลมลี, เปมิกา พึ่งเทียร รูปเล่ม : ธนัญธร เจริญลาภ ที่ปรึกษา : วาริณ ลีมะวัฒนา นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางโดยรถยนต์ไปยังอ�ำเภอ เบตงผ่านเส้นทางประเทศมาเลเซีย โดยใช้เส้นทางหลัก ดังนี้(ทั้งนี้กรุณาเตรียมหนังสือเดินทางให้พร้อม) ด่านตรวจ คนเข้าเมือง อ.สะเดา จ.สงขลา เปิดท�ำการตั้งแต่ เวลา 05.00 น.-23.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ พอผ่านด่าน อ.สะเดา เข้าด่านมาเลเซียสามารถขอ แผนที่ที่ด่านได้เลยมีบริการแจกฟรีหรือให้ขับเข้า “เปรัค” แล้วจะมีป้ายบอกทางไป “Gerlik” จาก “Gerlik” ก็จะเข้าทาง Barling หรือ Penkalan Hulu ก็คือเมืองติดชายแดนเบตง นั่นเองจากตรงนั้นเข้าเบตงอีก 5-6 กิโลเมตร ด ่านตรวจคนเข้าเมือง อ.นาทวีจ.สงขลา เปิด ท�ำการตั้งแต ่เวลา 05.00 น.-22.00 น. ทุกวันไม ่เว้นวัน หยุดราชการ ด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา เปิด ท�ำการตั้งแต่เวลา 05.00 - 22.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุด ราชการ ส�ำนักงานตรวจคนเข้าเมือง www.immigration.go.th สมุดทะเบียนรถยนต์ นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อ ฝ่ายทะเบียน เพื่อแปลสมุดทะเบียนรถยนต์ โดยมีเอกสารที่ ต้องน�ำไปมีดังนี้ • สมุดทะเบียนรถยนต์ตัวจริง (ส�ำเนาหน้าแรก และ หน้าวันหมดอายุ) (Hand Book Of Car) • ส�ำเนาบัตรประชาชน • ส�ำเนาทะเบียนบ้าน • ส�ำเนาหนังสือเดินทาง • ค่าธรรมเนียม 25 บาท รอรับได้ภายใน 3 วัน ในการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนบุคคลไปยังประเทศ มาเลเซีย มีกฎข้อบังคับของกรมขนส่งของประเทศมาเลเซีย ที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดตามกฎหมายของรัฐบาล มาเลเซียที่ส�ำคัญและต้องค�ำนึงถึง •รถยนต์จะต้องเป็นรถที่จดทะเบียนในประเทศไทย เท่านั้น


888/8 หมู่ที่ 7 ซ.เทศบาลบางปู 71 ต�าบลบางปูใหม่ อ�าเภอเมือง จ.สมุทรปราการ 10280 Tel. 02-709-1771 Fax. 02-709-1881 มือถือ 089-888-9888, 089-888-7888, 089-888-9886, 081-516-0101 E-mail : [email protected] 本公司大量現金收購各式廢五金及廢塑料, 歡迎來電咨詢與指敎。 รับซื้อและขายเศษวัสดุ เหลือใช้ทุกชนิด บริษัท ช.เจริญ กรุ๊ป (2005) จ�ากัด


92 เยือนเมืองในหมอก...ดอกไม้งาม...ใต้สุดสยามที่เบตง àÂ×͹àÁ×ͧã¹ËÁÍ¡...´Í¡äÁŒ§ÒÁ... ãµŒÊØ´ÊÂÒÁ·Õè


Click to View FlipBook Version