The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อุปกรณ์ในระบบไฟฟ้ารถยนต์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by watittu Thummajong, 2019-08-25 09:55:34

อุปกรณ์ในระบบไฟฟ้ารถยนต์

อุปกรณ์ในระบบไฟฟ้ารถยนต์

หน่วยท่ี 3
เร่ือง อุปกรณ์พ้นื ฐานระบบไฟฟ้ ารถยนต์

สาระสาคญั

อุปกรณ์พ้ืนฐานระบบไฟฟ้ ารถยนต์ เป็นอุปกรณ์ท่ีรถยนตท์ ุกคนั ตอ้ งมี จึงมีความสาคญั และ
จาเป็นอยา่ งยงิ่ ท่ีช่างซ่อมระบบไฟฟ้ ารถยนต์ จะตอ้ งศึกษาและทาความเขา้ ใจ เพ่อื ใหส้ ามารถเลือกใช้
ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมกบั งาน อุปกรณ์พ้ืนฐานระบบไฟฟ้ ารถยนต์ หากศึกษาตามคู่มือซ่อมระบบ
ไฟฟ้ ารถยนตข์ องบริษทั ผผู้ ลิต จะหมายถึง ชุดแหล่งจ่ายพลงั งาน (Power Source) ซ่ึงประกอบดว้ ย
อุปกรณ์หลกั ๆ เช่น แบตเตอรี่ ฟิ วส์ สวติ ชจ์ ุดระเบิด รีเลย์ เป็นตน้

สาระการเรียนรู้

1. แบตเตอร่ีรถยนต์
2. ฟิ วส์
3. สวติ ชจ์ ุดระเบิด
4. รีเลย์
5. สายไฟในรถยนต์
6. สัญลกั ษณ์อุปกรณ์ในงานไฟฟ้ ารถยนต์

จุดประสงค์การเรียนรู้

1. นกั เรียนสามารถบอกหนา้ ที่และการนาแบตเตอรี่ไปใชง้ านไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
2. นกั เรียนสามารถตรวจเช็คแบตเตอรี่รถยนตไ์ ด้
3. นกั เรียนสามารถชาร์จไฟให้แบตเตอรี่รถยนตไ์ ดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
4. นกั เรียนสามารถอธิบายหนา้ ท่ีและความสาคญั ของฟิ วส์ได้
5. นกั เรียนสามารถตรวจสอบและเปลี่ยนฟิ วส์ได้
6. นกั เรียนสามารถตรวจสอบข้วั ของสวติ ชจ์ ุดระเบิดแบบต่างๆได้
7. นกั เรียนสามารถอธิบายโครงสร้างและการทางานของรีเลยไ์ ด้
8. นกั เรียนสามารถตรวจสอบข้วั และตอ่ รีเลยใ์ ชง้ านได้
9. นกั เรียนบอกโคด้ สีสายไฟและสัญลกั ษณ์ของอุปกรณ์ในระบบไฟฟ้ ารถยนต์ได้

แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยที่ 3 เรื่อง อุปกรณ์พ้ืนฐานระบบไฟฟ้ ารถยนต์

คาสัง่ : ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบท่ีถูกตอ้ งท่ีสุดเพยี งคาตอบเดียว โดยทาเครื่องหมาย (X) ลงใน
กระดาษคาตอบ

1. ขอ้ ใดไม่ใช่หนา้ ที่ของแบตเตอรี่ในรถยนต์

ก. จ่ายกระแสไฟฟ้ าใหก้ บั ระบบจุดระเบิดขณะสตาร์ทรถยนต์

ข. จา่ ยกระแสไฟฟ้ าใหก้ บั อุปกรณ์อานวยความสะดวก

ค. ผลิตกระแสไฟฟ้ าใชใ้ นรถยนต์

ง. เก็บพลงั งานไฟฟ้ าสาลอง

2. การถอดแบตเตอร่ีรถยนตค์ วรทาส่ิงใดเป็นลาดบั แรก

ก. ถอดข้วั แบตเตอร่ี ข. ถอดเหล็กยดึ แบตเตอร่ี

ค. ถอดข้วั บวก ง. ถอดข้วั ลบ

3. การตอ่ แบตเตอรี่เพ่ือใชง้ านในรถยนตท์ ่ีใชไ้ ฟ D.C 24V จะตอ้ งต่ออยา่ งไร

ก. ข้วั บวกลูกท่ี 1 ตอ่ กบั ข้วั ลบลูกที่ 2 ข้วั บวกลูกท่ี 2 ต่อกบั ข้วั ลบลูกที่ 1

ข. ข้วั บวกลูกท่ี 1 ต่อกบั ข้วั บวกลูกที่ 2 ข้วั ลบลูกที่ 2 ต่อกบั ข้วั ลบลูกที่ 1

ค. ข้วั บวกลูกท่ี 1 ตอ่ กบั ข้วั ลบลูกท่ี 2 ข้วั บวกลูกที่ 2 ต่อใชง้ าน และข้วั ลบลูกที่ 1 ตอ่ ลงกราวด์

ง. ต่อข้วั ลบท้งั 2 ลูกลงกราวดแ์ ละข้วั บวกท้งั 2 ลูกตอ่ ใชง้ าน

4. เม่ือแบตเตอรี่ถูกใชง้ านไปจนทาใหร้ ะดบั น้ากรดลดลง เหตุใดจึงเติมน้ากลน่ั

ก. เพือ่ รักษาระดบั ความเขม้ ขน้ ของกรดใหค้ งที่ ข. เพอ่ื รักษาระดบั น้ากรดให้ไดร้ ะดบั

ค. เพ่ือใหก้ รดเจือจางลง ง. เพอ่ื ลดอุณหภูมิใหแ้ บตเตอร่ี

5. การชาร์จไฟแบบชา้ ควรใชก้ ระแสไฟในการชาร์จเท่าใด

ก. 7 – 10 % ข. 10 – 15 %

ข. 15 – 20 % ง. 20 - 25 %

6. ฟิ วส์ที่ใชใ้ นรถยนตม์ ีหนา้ ที่

ก. ช่วยใหก้ ระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นไดส้ ะดวก ข. ควบคุมกระแสไฟฟ้ า

ค. ตดั ทางไฟฟ้ า เม่ือมีกระแสไฟเกิน ง. ตดั และตอ่ วงจรเพ่อื ควบคุมการทางาน

7. ขอ้ ใดท่ีไม่ใช่ข้วั ของสวติ ช์จุดระเบิดรถยนต์ แบบ 3 ข้วั

ก. ข้วั Acc ข. ข้วั AM

ค. ข้วั St ง. ข้วั Ig

8. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ส่วนประกอบของรีเลย์

ก. ชุดขดลวดความร้อน ข. ชุดหนา้ สัมผสั

ค. แม่เหลก็ ไฟฟ้ า ง. สปริงดึงคอนแทก

9. สายไฟมีสีพ้ืนเป็นสีดามีสีขาวเป็นแถบ ขอ้ ใดบอกโคด้ สีของสายไฟถูกตอ้ ง

ก. B - V ข. B – W

ค. V- B ง. W – B

10. รีเลย์ BOSH ที่ระบุตวั เลข 30 85 86 87 ไวท้ ี่ข้วั ข้วั คู่ใดเป็นขดลวด

ก. 30 – 85 ข. 85 - 86

ค. 86 - 87 ง. 30 - 86

หน่วยท่ี 3
อุปกรณ์พ้นื ฐานระบบไฟฟ้ ารถยนต์

อุปกรณ์พ้นื ฐานระบบไฟฟ้ ารถยนต์ จดั เป็ นอุปกรณ์หลกั สาคญั ของรถยนต์ ท่ีรถยนตท์ ุกคนั ตอ้ ง
มีเพราะเป็นอุปกรณ์ที่มีหนา้ ท่ี จา่ ยไฟใหว้ งจร ควบคุมวงจร และป้ องกนั วงจร ซ่ึงประกอบดว้ ย
1. แบตเตอรี่รถยนต์ (Battery)

แบตเตอร่ี หมายถึง อุปกรณ์ท่ีทาหนา้ ที่จดั เกบ็ พลงั งานไฟฟ้ าสารอง เพ่ือใชใ้ น ขณะท่ี
เคร่ืองยนตย์ งั ไม่ทางาน เป็ นอุปกรณ์ที่สามารถแปลงพลงั งานเคมีใหเ้ ป็ นพลงั งานไฟฟ้ าไดโ้ ดยตรง
แบตเตอร่ีเป็นอุปกรณ์ท่ีมีราคาแพงและเสียหายไดง้ ่ายหากการดูแลรักษาไม่ดีพอหรือใชง้ านผดิ วธิ ี อายุ
การใชง้ านของแบตเตอร่ีแต่ละชนิดจะแตกตา่ งกนั ข้ึนอยกู่ บั การใชง้ าน การบารุงรักษา การประจุไฟ
และอุณหภมู ิ

หนา้ ที่ของแบตเตอร่ีรถยนต์ คือ จ่ายกระแสไฟฟ้ าใหก้ บั อุปกรณ์ตา่ งๆ ในรถยนต์ เช่น
มอเตอร์สตาร์ท ระบบจุดระเบิดในขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ เพอื่ เป็ นการเริ่มตน้ การทางานของ
เครื่องยนต์ นอกจากน้ียงั ทาหนา้ ที่จ่ายกระแสไฟฟ้ าใหก้ บั อุปกรณ์เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ าอื่นๆ ในระบบไฟฟ้ า
รถยนต์ ขณะที่เครื่องยนตย์ งั ไมท่ างาน เช่น ระบบไฟส่องสวา่ ง วทิ ยุ ไฟฉุกเฉิน เป็นตน้

รูปท่ี 3.1 แบตเตอร่ีและสญั ลกั ษณ์ของแบตเตอร่ีรถยนต์

1.1 โครงสร้างและส่วนประกอบของแบตเตอร่ี
แบตเตอร่ีท่ีนิยม ใชก้ บั รถยนตท์ ว่ั ๆ ไป ซ่ึงเป็นประเภทแบบตะกว่ั - กรด โดยมีโครงสร้างท่ี

สาคญั เป็นส่วนประกอบ ดงั น้ี

ข้วั บวก (Positive terminal) ข้วั ลบ (Negative terminal)

ฝาปิ ด (Vent caps) ตวั ทาปฏิกิริยา (กรดซลั ฟลู ิก)
Electrolyte solution
สะพานไฟ (dilute sulfuric acid)
(Cell connectors)
แผน่ ธาตบุ วก (ตะกว่ั ออ๊ กไซด)์ เปลือกหมอ้
Positive electrode (Protective casing)
(lead dioxide)

แผน่ ธาตลุ บ (ตะกวั่ ) แผน่ ก้นั (Cell divider)
Negative electrode (lead)

รูปที่ 3.2 แสดงโครงสร้างส่วนประกอบของแบตเตอรี่รถยนต์

1.2 หลกั การทางานของแบตเตอรี่

แบตเตอรี่ ใชห้ ลกั การเกิดปฏิกิริยาเคมี ระหวา่ งกรดซลั ฟูลิกกบั แผน่ ธาตุในแบตเตอร่ี ซ่ึง

ประกอบดว้ ย แผน่ ธาตุบวก ทาจากตะกว่ั ออกไซด์ (PbO2) และแผน่ ธาตุลบทาจากตะกวั่ บริสุทธ์ิ
(Pb) ท้งั สองแช่อยใู่ นน้ากรดซลั ฟูลิกเจือจาง (H2SO4) ท่ีมีคา่ ความถ่วงจาเพาะระหวา่ ง 1.260 - 1.280
(ท่ีอุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส) เม่ือนาอุปกรณ์ไฟฟ้ ามาตอ่ เขา้ กบั แบตเตอร่ี กระแสไฟจะไหลออกจาก

แบตเตอรี่ ทาใหป้ ฏิกิริยาเคมีภายในแบตเตอรี่เปล่ียนไป แผน่ ธาตุบวกและแผน่ ธาตุลบจะกลาย เป็น

ตะกวั่ ซลั เฟต (PbSO4) กรดจะกลายเป็นตะกอนสีขาวไปเกาะอยกู่ บั แผน่ ธาตุท้งั สอง ทาใหก้ รดเจือจาง
ลง (มีความเป็นกรดนอ้ ย) ค่าความถ่วงจาเพาะ (Specific Gravity) จึงลดลง ขณะทาการชาร์จไฟใหก้ บั

แบตเตอร่ี กระแสไฟฟ้ าที่ถูกป้ อนเขา้ ไป จะทาใหเ้ กิดปฏิกิริยาเคมีภายในแบตเตอร่ี คือ ซลั เฟต (SO4)
ท่ีเกาะอยกู่ บั แผน่ ธาตุบวกและแผน่ ธาตุลบ จะหลุดออกมาละลายในน้า เกิดเป็นกรดกามะถนั ท่ีมีค่า
ความถ่วงจาเพาะประมาณ 1.260 - 1.280 ดงั รูปท่ี 3.3

Discharge e- Discharge e-
Charge e-
Charge e-

Pb anode PbO2 cathode

H2SO4

รูปท่ี 3.3 แสดงการเกิดปฏิกิริยาภายในแบตเตอรี่

1.3 ชนิดของแบตเตอร่ี
แบตเตอร่ีท่ีใชก้ บั รถยนต์ สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ชนิด ตามลกั ษณะโครงสร้างของแบตเตอรี่

ไดแ้ ก่
1.3.1 แบตเตอรี่ชนิดเปี ยกหรือชนิดตะกว่ั กรด เป็นชนิดท่ีนิยมใชก้ นั มาก เพราะราคาถูก

แบตเตอรี่ชนิดน้ีสามารถแบง่ ยอ่ ยตามการใชง้ าน ออกไดเ้ ป็น 2 แบบ
1.3.1.1 แบบท่ีตอ้ งเติมน้ากรดและดูแลน้ากลนั่ บอ่ ยๆ อยา่ งนอ้ ยสปั ดาห์ละ 1 คร้ัง
1.3.1.2 แบบท่ีไม่ตอ้ งดูแลบอ่ ย แบบ MF (Maintenance Free) บางทีเรียกวา่ “แบบก่ึงแหง้ ”

ซ่ึงจะมีอตั ราการระเหยของน้ากรดนอ้ ย จะมีฝาเปิ ด – ปิ ดเพ่ือใหเ้ ติมน้ากรดลงไปในคร้ังแรกได้ แต่ฝา
จะมีช่องใหก้ ๊าซหรือไอน้าระเหยออกมาไดน้ อ้ ยมาก

แบตเตอร่ีท้งั 2 แบบน้ีจะมีอายกุ ารใชง้ านโดยประมาณ 1.5 – 2 ปี ท้งั น้ีกข็ ้ึนอยกู่ บั สภาพการใช้
งาน และการดูแลรักษา ถา้ มีการดูแลรักษาดีอยสู่ ม่าเสมอ จะทาใหแ้ บตเตอร่ีรถยนต์ มีอายกุ ารใชง้ านท่ี
ยาวนาน ข้ึน อยา่ งไรกด็ ีเม่ือถึงอายกุ ารใชง้ านกค็ วรท่ีจะเปลี่ยนแบตเตอร่ีลูกใหม่

แบตเตอร่ีทว่ั ไป แบตเตอร่ีแบบ MF

รูปที่ 3.4 แบตเตอร่ีแบบเปี ยก และแบตเตอรี่แบบ MF

1.3.2 แบตเตอรี่ชนิดแหง้
แบตเตอรี่ชนิดน้ีไมต่ อ้ งเติมน้ากลน่ั มีความทนทานและมีอายกุ ารใชง้ านที่ยาวนานกวา่ แบตเตอร่ี
ชนิดตะกว่ั กรด แตม่ ีราคาสูงกวา่ อายกุ ารใชง้ านโดยประมาณ 5-10 ปี แบตเตอร่ีชนิดน้ีไมม่ ีฝาเปิ ด – ปิ ด
สาหรับเติมน้ากลนั่ หรือหากมีกจ็ ะถูกซีลทบั ฝาเปิ ด – ปิ ด เอาไว้ แต่จะมีช่องสาหรับส่องเพื่อตรวจเช็ค
ระดบั ไฟของแบตเตอรี่ (ตาแมว)

รูปท่ี 3.5 แบตเตอร่ีชนิดแหง้
ท่ีมา : http://batterybbdelivery.blogspot.com

1.4 ความจุของแบตเตอร่ี
ความจุของแบตเตอรี่ หมายถึง ความสามารถในการจดั เก็บพลงั งานของแบตเตอรี่ มีหน่วยเป็น

แอมแปร์ชว่ั โมง (Ampere-Hour หรือ Ah) เช่น แบตเตอร่ีขนาด 12V 100Ah หมายความวา่
แบตเตอร่ีมีขนาดแรงดนั 12 โวลต์ มีกระแส 100 แอมแปร์ชว่ั โมง ซ่ึงหมายถึง แบตเตอรี่จะสามารถ

จา่ ยกระแสไฟฟ้ าใหก้ บั เครื่องใชไ้ ฟฟ้ าท่ีกินกระแสไฟฟ้ า 1 แอมแปร์อยา่ งต่อเนื่องไดเ้ ป็นเวลา 100
ชว่ั โมง หรือแบตเตอร่ีสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้ าใหก้ บั เครื่องใชไ้ ฟฟ้ า ที่กินกระแสไฟฟ้ า 10 แอมแปร์
ไดอ้ ยา่ งต่อเน่ืองเป็นเวลา 10 ชว่ั โมง

1.5 การตรวจสอบแบตเตอร่ี
การตรวจสอบแบตเตอร่ีสามารถทาไดง้ ่ายๆ 2 วธิ ี คือ
1.5.1 ตรวจสอบดว้ ยสายตา เป็นการตรวจสอบสภาพทวั่ ไปของแบตเตอร่ี ไดแ้ ก่
1.5.1.1 ตรวจสอบระดบั น้ากรดในแบตเตอร่ี จะตอ้ งไมส่ ูงเกินระดบั สูงสุด (Upper Level)

และไม่ต่ากวา่ ระดบั ต่าสุด (Lower Level) โดยปกติแลว้ จะเติมใหอ้ ยใู่ นระดบั สูงสุด เพ่ือง่ายต่อการ
สังเกตการเปลี่ยนแปลง หากพบวา่ ระดบั น้ากรดในแบตเตอรี่ลดลง ใหเ้ ติมน้ากลน่ั สาหรับเติม
แบตเตอรี่

ระดบั สูงสุด
Upper level

ระดบั ต่าสุด
Lower level

รูปท่ี 3.6 แสดงเส้นบอกระดบั น้ากรดในแบตเตอร่ีชนิดเปี ยก

1.5.1.2 ตรวจสอบข้วั ของแบตเตอร่ีวา่ มีความสกปรกต่างๆ และการหลวมของข้วั แบตเตอร่ี
ท่ีจะเป็นอุปสรรคต่อการนากระแสไฟฟ้ าหรือไม่

1.5.1.3 ตรวจสอบเปลือกหมอ้ แบตเตอร่ี วา่ มีสภาพบวม บิดเบ้ียวเสียรูปทรงหรือมีรอย
แตกร้าวหรือไม่

รูปที่ 3.7 แสดงการเกิดกรดเกลือท่ีข้วั แบตเตอร่ี
ที่มา : http://bsds.nanasupplier.com

1.5.2 ตรวจสอบโดยใชเ้ ครื่องมือ
1.5.2.1 ตรวจสอบโดยใชม้ ลั ติมิเตอร์ ตรวจวดั แรงเคล่ือนไฟฟ้ าของแบตเตอร่ี (วดั โวลท)์

วธิ ีตรวจสอบ ใชม้ ลั ติมิเตอร์ปรับยา่ นการวดั ไปที่ วดั แรงเคลื่อนไฟฟ้ ากระแสตรง DCV 50 ใช้
สายวดั ดา้ นบวก (สายสีแดง) ของมลั ติมิเตอร์ต่อกบั ข้วั บวกของแบตเตอร่ีและใชส้ ายวดั ดา้ นลบ
(สายสีดา) ของมลั ติมิเตอร์ต่อกบั ข้วั ลบของแบตเตอรี่แลว้ อ่านค่าจากสเกลที่ตรงกบั เขม็ วดั

รูปที่ 3.8 แสดงการวดั แรงเคล่ือนของแบตเตอร่ี
หมายเหตุ ดูวธิ ีอา่ นคา่ เคร่ืองมือวดั จากหวั ขอ้ เคร่ืองมือวดั ทางไฟฟ้ า หน่วยที่ 2 หวั ขอ้ 2.1.1

1.5.2.2 ตรวจสอบดว้ ยไฮโดรมิเตอร์ เป็นการตรวจวดั คา่ ความถ่วงจาเพาะของน้ากรดใน
แบตเตอรี่ โดยคา่ ท่ีวดั ไดจ้ ากไฮโดรมิเตอร์จะเทียบเป็ นเปอร์เซ็นแรงเคล่ือนไฟฟ้ า ในแบตเตอรี่

ตารางท่ี 3.1 คา่ ความถ่วงจาเพาะของน้ากรดในแบตเตอร่ีตอ่ ปริมาณไฟเป็นเปอร์เซ็นต์

ความถ่วงจาเพาะ แรงดนั ไฟฟ้ า ปริมาณไฟ %

1.250 12.60 V 100 %

1.230 12.40 V 75 %

1.200 12.20 V 50 %

1.170 12.00 V 25 %

1.6 การใชง้ านแบตเตอรี่

ภายในแบตเตอรี่ ขนาดแรงเคลื่อน 12 V จะมีเซลลไ์ ฟฟ้ า ท้งั หมด 6 เซลล์ ตอ่ กนั แบบอนุกรม
โดยแตล่ ะเซลลม์ ีแรงเคล่ือนไฟฟ้ า 2 โวลต์ เซลลท์ ้งั หมดอาจบรรจุอยภู่ ายในกล่องเดียวหรือแยกกล่อง
ก็ได้ การนาแบตเตอร่ีไปใชง้ านมีความแตกตา่ งกนั ออกไป เช่น ในบางงานตอ้ งการเพม่ิ แรงเคลื่อน ใน
บางงานตอ้ งการเพิม่ กระแสหรือในบางงานตอ้ งการท้งั แรงเคลื่อนและกระแส ดงั น้นั จึงสามารถแบ่ง
การนาแบตเตอรี่ไปใชง้ านได้ ดงั น้ี

1.6.1 การพว่ งแบตเตอรี่เพ่อื เพมิ่ กระแสไฟฟ้ า
โดยการใชแ้ บตเตอรี่ 2 ลูกหรือมากกวา่ น้นั ต่อกนั แบบขนาน จนไดก้ ระแสไฟฟ้ าตามท่ี
ตอ้ งการ กระแสไฟฟ้ ารวมที่ไดจ้ ะเท่ากบั จานวนของกระแสไฟฟ้ า ของแบตเตอรี่แตล่ ะลูกรวมกนั จาก

รูปท่ี 3.9 หากแบตเตอรี่แตล่ ะลูกมีกระแสไฟฟ้ า 50 Ah กระแสไฟฟ้ ารวมท่ีไดท้ ้งั หมดจะเทา่ กบั 200
Ah แตแ่ รงเคล่ือนของแบตเตอร่ียงั คงเทา่ เดิม (12V)

FUSE

รูปที่ 3.9 แสดงการพว่ งแบตเตอรี่แบบเพ่มิ กระแสไฟฟ้ า

1.6.1.1 ลกั ษณะของการใชง้ าน
1) สาหรับรถยนตท์ ่ีมีเครื่องใชไ้ ฟฟ้ าจานวนมาก เช่น รถยนตท์ ่ีแตง่ เคร่ืองเสียง
2) สาหรับการตอ่ พว่ งเพอื่ ช่วยสตาร์ท มีข้นั ตอนปฏิบตั ิ ดงั น้ี
(1) ข้นั ตอนการต่อสายพว่ งเพอื่ ช่วยสตาร์ทมี 4 ข้นั ตอนดงั น้ี
(1.1) ตอ่ สายพว่ งสายบวก (สายสีแดง) เขา้ กบั ข้วั บวกของแบตเตอร่ีรถยนตค์ นั ที่

แบตเตอรี่มีไฟ (สายข้วั บวกจะเป็นสีแดงหรือสีเหลือง)
(1.2) นาปลายสายพว่ งสายบวก (สายสีแดง) อีกดา้ นหน่ึงต่อเขา้ กบั ข้วั บวกของ

แบตเตอรี่รถยนตค์ นั ที่แบตเตอรี่ไมม่ ีไฟ
(1.3) ต่อสายพว่ งข้วั ลบ (สายสีดา) เขา้ กบั แบตเตอร่ีข้วั ลบของรถยนตค์ นั ท่ี

แบตเตอรี่มีไฟ (สายข้วั ลบ จะเป็นสีดาหรือสีเขียว)
(1.4) ต่อสายพว่ งข้วั ลบ (สายสีดา) อีกดา้ นเขา้ กบั กราวด์หรือส่วนของรถยนตค์ นั ที่

แบตเตอรี่ไมม่ ีไฟ โดยต่อเขา้ กบั ส่วนที่แขง็ แรงและไมม่ ีสีซ่ึงส่วนมากจะเป็นน็อตของบล็อกเคร่ืองยนต์

หรือหูยกเคร่ือง
ควรหลีกเลี่ยงการต่อสายพว่ งข้วั ลบ เขา้ กบั ข้วั ลบของแบตเตอรี่โดยตรง เพอ่ื ลดโอกาสที่จะเกิด

การติดไฟเนื่องจากแก๊สท่ีออกมาจากแบตเตอรี่

ลาดบั ท่ี 2 รถคนั ที่ 2
แบตเตอร่ีมีไฟ

ลาดบั ที่ 4 ลาดบั ท่ี 1

รถคนั ที่ 1 ลาดบั ที่ 3
แบตเตอรี่ไม่มีไฟ

รูปท่ี 3.10 แสดงการพว่ งแบตเตอร่ีเพอื่ ช่วยสตาร์ท

(2) ข้นั ตอนการถอดสายพว่ งแบตเตอรี่รถยนต์
เมื่อรถคนั ท่ีแบตเตอรี่ไฟหมดสามารถติดเคร่ืองไดแ้ ลว้ ก็สามารถถอดสายพว่ งแบตเตอรี่ออกได้
โดยใหท้ าตรงขา้ มกบั การต่อสายแบตเตอรี่ (ระวงั อยา่ ใหป้ ากคีบของสายแบตเตอรี่ไปสัมผสั กนั ) โดยมี
ข้นั ขอนการปฏิบตั ิดงั น้ี

(2.1) ถอดสายพว่ งข้วั ลบ (สายสีดา) ออกจากบล็อกเครื่องยนตข์ องรถยนต์ คนั ท่ี
แบตเตอร่ีไมม่ ีไฟ ข้นั ตอนน้ีจะเป็นการตดั วงจรไฟ

(2.2) ถอดสายพว่ งข้วั ลบ (สายสีดา) จากแบตเตอรี่ของรถยนตค์ นั ที่แบตเตอรี่มีไฟ
(2.3) ถอดสายพว่ งแบตเตอรี่ข้วั บวก (สายสีแดง) ออกจากข้วั บวกของแบตเตอร่ี
รถยนตค์ นั ท่ีไม่มีไฟ
(2.4) ถอดสายข้วั บวก (สายสีแดง) จากแบตเตอร่ีของรถยนตค์ นั ท่ีแบตเตอร่ีมีไฟ
1.6.2 การพว่ งเพ่ือเพ่มิ แรงเคลื่อนไฟฟ้ า
โดยการนาแบตเตอรี่ 2 ลูกหรือมากกวา่ น้นั ต่อกนั แบบอนุกรม จนไดแ้ รงเคล่ือนไฟฟ้ าตามท่ี
ตอ้ งการ แรงเคล่ือนที่ไดจ้ ะเทา่ กบั จานวนของแรงดนั ของแบตเตอรี่แต่ละลูกรวมกนั จากรูปที่ 3.11
หากนาแบตเตอรี่แตล่ ะลูกท่ีมีขนาด 6 V5Ah มาตอ่ กนั แบบอนุกรม แรงเคล่ือนไฟฟ้ าท่ีได้ ท้งั หมดจะ
เทา่ กบั 24V แตก่ ระแสไฟฟ้ ายงั คงเทา่ เดิม คือ 5 Ah

รูปที่ 3.11 แสดงการพว่ งแบตเตอรี่แบบเพ่ิมแรงเคล่ือน

1.6.2.1 ลกั ษณะของการใชง้ าน
1) สาหรับรถยนตข์ นาดใหญ่ท่ีใชร้ ะบบไฟ DC 24 V
2) สาหรับการชาร์จประจุแบตเตอร่ีพร้อมกนั ทีละหลายๆ ลูก

1.6.3 การพว่ งแบบเพ่มิ ท้งั แรงดนั และกระแสไฟฟ้ า
นาแบตเตอร่ีต้งั แต่ 3 ลูกหรือมากกวา่ น้นั มาตอ่ กนั แบบผสมจนไดแ้ รงดนั และกระแสไฟฟ้ า
ตามท่ีตอ้ งการ แรงดนั และกระแสท่ีไดจ้ ะข้ึนอยกู่ บั จานวนชุดของการต่อ ดงั รูปที่ 3.12

รูปที่ 3.12 การพว่ งแบตเตอร่ีแบบเพ่ิมแรงเคลื่อนและกระแสไฟฟ้ า

1.6.4 การถอดและใส่ข้วั แบตเตอรี่
การถอดแบตเตอร่ีตอ้ งทาให้ถูกวธิ ี เพื่อไมใ่ หเ้ กิดความเสียหายตอ่ อุปกรณ์ไฟฟ้ าในรถยนต์
โดยเฉพาะระบบอิเลก็ ทรอนิกส์ เช่น กล่อง ECU ที่เปรียบเสมือนกบั สมองของมนุษย์ ซ่ึงจะจดจา
ขอ้ มูลล่าสุดไว้ เมื่อถอดแบตเตอร่ีออกจะเป็ นการลบความจาของกล่อง ECU และเม่ือใส่แบตเตอร่ีเขา้
ไปใหม่ กล่อง ECU จะรีเซทคา่ ใหมต่ ามค่าท่ีต้งั มาจากโรงงาน
ก่อนถอดข้วั แบตเตอร่ีทุกคร้ัง ตอ้ งดบั เครื่องยนต์ บิดสวติ ช์จุดระเบิดไปตาแหน่งปิ ด (OFF) แลว้
ถอดลูกกุญแจออกจากช่องของสวติ ชจ์ ุดระเบิด

1.6.4.1 วธิ ีถอดแบตเตอร่ี
1) คลายน๊อตยดึ ข้วั ลบแลว้ ถอดข้วั ลบออกจากแบตเตอร่ี
2) คลายน๊อตยดึ ข้วั บวกแลว้ ถอดข้วั บวกออกจากแบตเตอรี่
3) ถอดเหลก็ รัดแบตเตอรี่
4) ยกแบตเตอรี่ออกจากรถยนต์

1.6.4.2 วธิ ีใส่แบตเตอร่ี
1) ยกแบตเตอร่ีข้ึนวางบนแทน่ วางแบตเตอร่ี
2) ยดึ เหล็กรัดแบตเตอรี่
3) ใส่ข้วั บวกของแบตเตอร่ีขนั น๊อตใหแ้ น่น
4) ใส่ข้วั ลบของแบตเตอร่ีขนั น๊อตใหแ้ น่น

หลกั การจา “ ถอดลบ,ใส่บวก ” เพ่ือป้ องกนั การลดั วงจรและการเกิดประกายไฟ
1.6.5 ผลของการถอดข้วั แบตเตอร่ี

1.6.5.1 เวลาของนาฬิกาเปล่ียนไป
1.6.5.2 สถานีวทิ ยทุ ี่ลอ็ กคลื่นไว้ จะตอ้ งมีการปรับต้งั ใหม่
1.6.5.3 ระดบั โทนเสียงที่ปรับเอาไว้ จะตอ้ งมีการปรับต้งั ใหม่

1.6.5.4 การเรียนรู้ของระบบควบคุมเคร่ืองยนตจ์ ะผดิ ไปจากเดิม (เครื่องยนตไ์ มน่ ิ่ง)ในช่วง
แรก ๆ แต่ตอ่ ไป กล่อง ECU จะวเิ คราะห์ปัญหาและปรับต้งั คา่ เองโดยอตั โนมตั ิ และหากรถยนตค์ นั
น้นั มีระบบป้ องกนั กระจกหนีบ จะตอ้ งมีการปรับต้งั ใหม่

หมายเหตุ ระวงั อยา่ ใส่แบตเตอรี่สลบั ข้วั อาจทาให้อุปกรณ์ที่เป็นระบบอิเลก็ ทรอนิกส์ เสียหาย
ได้ แบตเตอรี่ขนาด ไม่เท่ากนั เช่น 6 โวลตห์ รือ 24 โวลต์ ไม่สามารถนามาพว่ งกบั แบตเตอรี่ขนาด 12
โวลตไ์ ด้ เพราะอาจทาใหแ้ บตเตอรี่เกิดการระเบิดหรืออุปกรณ์เสียหายได้

1.7 ขอ้ ควรระวงั ในการทางานกบั แบตเตอร่ี
เนื่องจากแบตเตอร่ี เป็ นอุปกรณ์ที่มีสารเคมีอยภู่ ายใน เช่น สารตะกว่ั น้ากรด ดงั น้นั ในการ

ทางานกบั แบตเตอร่ี ควรใชค้ วามระมดั ระวงั เป็นพเิ ศษ บริษทั ผผู้ ลิตจะแสดงขอ้ ควรระวงั เป็นภาพ
สัญลกั ษณ์ ไวด้ งั น้ี

1 23 4 5

8 76

รูปท่ี 3.13 แสดงเครื่องหมายบนแบตเตอรี่

1.7.1 ความหมายของสัญลกั ษณ์
1.7.1.1 หมายเลข 1 หา้ มทาใหเ้ กิดประกายไฟตา่ งๆ รวมท้งั ไฟจากการสูบบุหรี่
1.7.1.2 หมายเลข 2 ใหท้ าการสวมใส่อุปกรณ์ป้ องกนั ดวงตา
1.7.1.3 หมายเลข 3 ระวงั อยา่ ใหเ้ ด็กเขา้ ใกลน้ ้ากรด และแบตเตอรี่
1.7.1.4 หมายเลข 4 แบตเตอรี่เป็นวสั ดุที่สามารถนากลบั ไปรีไซเคิลได้
1.7.1.5 หมายเลข 5 หา้ มทิ้งแบตเตอรี่เก่าลงในถงั ขยะธรรมดาทว่ั ไป
1.7.1.6 หมายเลข 6 ใหร้ ะมดั ระวงั อนั ตรายจากแบตเตอร่ีระเบิด ในขณะที่ทาการชาร์จ
1.7.1.7 หมายเลข 7 ใหป้ ฏิบตั ิตามคาแนะนาบนแบตเตอรี่ ปฏิบตั ิตามคู่มืองานซ่อม
1.7.1.8 หมายเลข 8 ใหร้ ะวงั อนั ตรายจากน้ากรดในแบตเตอรี่ ซ่ึงเป็นสารกดั กร่อน

รุนแรงจึงควรสวมอุปกรณ์ป้ องกนั ดวงตาและถุงมือขณะที่ปฏิบตั ิงาน

1.8 การชาร์จไฟแบตเตอรี่
การชาร์จไฟใหแ้ บตเตอร่ีโดยใชเ้ คร่ืองชาร์จไฟฟ้ า มี 2 แบบ ไดแ้ ก่
1.8.1 การชาร์จไฟแบบชา้ เป็นการชาร์จไฟเขา้ แบตเตอรี่อยา่ งชา้ ๆ ใชเ้ วลานานประมาณ 5 – 10

ชวั่ โมง โดยเฉพาะในกรณีเปลี่ยนแบตเตอร่ีลูกใหม่ ท้งั น้ีเพ่ือใหแ้ บตเตอรี่มีอายกุ ารใชง้ านท่ียาวนาน
ข้ึน ปกติจะตอ้ งปรับกระแสไฟฟ้ าของเครื่องชาร์จใหอ้ ยทู่ ่ีประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ของความจุ
แบตเตอร่ี

หมายเหตุ การชาร์จไฟแบบชา้ นิยมชาร์จพร้อมกนั ทีละหลายลูกเน่ืองจากตอ้ งใชเ้ วลาในการ
ชาร์จนาน

เครื่องชาร์จ
แบตเตอรี่

รูปที่ 3.14 แสดงภาพของการชาร์จแบตเตอรี่แบบหลายลูก

1.8.2 การชาร์จไฟ แบบเร็ว เป็นการชาร์จไฟเขา้ แบตเตอรี่แบบเร่งด่วน ขอ้ เสียก็คือแบตเตอร่ี
เส่ือมสภาพเร็ว การชาร์จไฟแบบน้ีจะตอ้ งปรับกระแสไฟฟ้ าของเคร่ืองชาร์จใหอ้ ยทู่ ่ี ประมาณ 50
เปอร์เซ็นต์ ของความจุแบตเตอร่ี ใชเ้ วลาในการชาร์จประมาณ คร่ึงชว่ั โมง ถึง หน่ึงชว่ั โมง ขณะชาร์จ
ตอ้ งควบคุมอุณหภมู ิของแบตเตอรี่ไมใ่ ห้เกิน 45 องศาเซลเซียส

รูปท่ี 3.15 แสดงภาพของการชาร์จไฟเขา้ แบตเตอร่ีแบบลูกเดียว

2. ฟิ วส์ (Fuse)
ฟิ วส์ เป็นอุปกรณ์ป้ องกนั ความเสียหายท่ีจะเกิดข้ึนกบั อุปกรณ์และวงจร อนั เน่ืองมาจากการใช้

กระแสไฟฟ้ าในวงจรเกินความสามารถของอุปกรณ์หรือเกิดการลดั วงจร โดยเส้นลวดของฟิ วส์จะขาด
และตดั วงจร เมื่อมีกระแสไฟฟ้ าไหลในวงจรเกินกวา่ ค่าที่กาหนดไว้

รูปท่ี 3.16 แสดงสญั ลกั ษณ์ของฟิ วส์

2.1 ชนิดของฟิ วส์ในรถยนต์
ฟิ วส์ท่ีใชใ้ นวงจรไฟฟ้ ารถยนต์ โดยทวั่ ไปจะมี 4 แบบ คือ
2.1.1 ฟิ วส์แบบหลอดแกว้
2.1.2 ฟิ วส์แบบแผน่
2.1.3 ฟิ วส์แบบกล่อง
2.1.4 ฟิ วส์กระดูก

ฟิ วส์แบบหลอดแกว้ ฟิ วส์แบบแผน่ ฟิ วส์แบบกลอ่ ง ฟิ วส์กระดูก

รูปที่ 3.17 แสดงลกั ษณะฟิ วส์แบบตา่ งๆ ที่ใชใ้ นรถยนต์

2.2 โครงสร้างและส่วนประกอบฟิ วส์
ฟิ วส์ เป็นเส้นลวดเล็ก ๆ ทาจากตะกวั่ ผสมดีบุก มีจุดหลอมเหลวต่า มีขนาดและชนิดใหเ้ ลือก

ใชง้ านตามความเหมาะสมของวงจร ขนาดของฟิ วส์ถูกกาหนดตามความสามารถของการทนกระแส
ไฟฟ้ า มีหน่วยเป็น แอมแปร์ (A) เช่น ฟิ วส์ขนาด 10 แอมแปร์ (10A) , 20 แอมแปร์ (20A)

ฟิ วส์บางชนิดเพอื่ ใหง้ ่ายตอ่ การสงั เกตและจดจาขนาดของฟิ วส์จะกาหนดดว้ ยสี เช่น สีแดง เป็น
ฟิ วส์ ขนาด 10A หรือ สีเหลืองเป็นฟิ วส์ ขนาด 20A เป็นตน้

2.3 ขนาดของฟิ วส์
ฟิ วส์ ถูกกาหนดขนาดดว้ ยตวั เลขของการทนกระแส ไฟฟ้ ามีหน่วยเป็นแอมแปร์ (A)

ตารางท่ี 3.2 สีและขนาดของฟิ วส์

ฟิ วส์แบบแผน่ ฟิ วส์แบบกล่อง

ขนาดทนกระแส สี ขนาดทนกระแส สี

5 น้าตาลแกมเหลือง 30 ชมพู

7.5 น้าตาล 40 เขียว

10 แดง 50 แดง

15 น้าเงิน 60 เหลือง

20 เหลือง 80 ดา

25 ใส 100 น้าเงิน

30 เขียว

2.4 หลกั การทางานของฟิ วส์
ฟิ วส์จะถูกต่ออนุกรมกบั วงจร เม่ือเปิ ดวงจรกระแสไฟฟ้ าจะไหลผา่ นฟิ วส์ไปยงั อุปกรณ์ในวงจร

และลงกราวดค์ รบวงจร หากในวงจรมีการต่ออุปกรณ์เครื่องใชไ้ ฟฟ้ าเพิม่ จานวนมากหรือเกิดการ
ลดั วงจร จะทาใหก้ ระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นฟิ วส์มากข้ึน ทาใหเ้ ส้นลวดฟิ วส์ท่ีมีจุดหลอมละลายต่าเกิด
ความร้อนจนละลายขาด ตดั ไม่ใหก้ ระแสไฟฟ้ าไหล่ผา่ นไปยงั อุปกรณ์ได้ จึงเป็นการป้ องกนั ความ
เสียหายอนั อาจจะเกิดข้ึนกบั อุปกรณ์และวงจร

2.5 การตรวจสอบฟิ วส์
2.5.1 การตรวจสอบดว้ ยสายตา โดยการมองดูที่ลวดฟิ วส์วา่ ขาดหรือไม่
2.5.2 การตรวจสอบโดย ใชม้ ลั ติมิเตอร์ ปรับยา่ นการวดั ไปท่ีวดั คา่ ความตา้ นทาน R × 1 แลว้

ใชป้ ลายสายของมลั ติมิเตอร์ท้งั สองวดั ท่ีขาของฟิ วส์ท้งั สองขา้ ง หากเขม็ ของมลั ติมิเตอร์ข้ึนแสดงวา่
ฟิ วส์ไม่ขาด แต่หากเขม็ ของมลั ติมิเตอร์ไมข่ ้ึนแสดงวา่ ฟิ วส์ขาด

รูปที่ 3.18 แสดงการตรวจสอบฟิ วส์โดยใชม้ ลั ติมิเตอร์

ตารางที่ 3.3 ช่ือของฟิ วส์และการใชง้ าน

ชื่อฟิ วส์ ใชง้ านในวงจร ชื่อฟิ วส์ ใชง้ านในวงจร
HORN ระบบแตร/ไฟฉุกเฉิน
ABS ระบบเบรก ABS DOME ECU / นาฬิกา / ไฟแสงสวา่ งในรถ
4WD ระบบขบั เคล่ือน 4 ลอ้
GLOW ระบบหวั เผา ALT-S ไฟชาร์จ
DEFOG ระบบไล่ฝ้ า
ALT ระบบไฟท้งั หมดในรถ STOP ไฟเบรก
RR A/C ระบบปรับอากาศ
AM1 ไฟเขา้ สวติ ช์จุดระเบิดข้วั ท่ี 1 IGN ไฟเขา้ กล่อง ECU
WIPER ปัดน้าฝนและฉีดน้าลา้ งกระจก
AM2 ไฟเขา้ สวติ ชจ์ ุดระเบิดข้วั ที่ 2 GAUGE เกจวดั /ไฟเตือนบนหนา้ ปัด /
ไฟชาร์จ / ไฟถอย
HEATER พดั ลมระบบปรับอากาศ TURN ระบบไฟเล้ียว
POWER ระบบล็อกประตู / เล่ือนกระจก
HEAD(RH) ไฟหนา้ ดา้ นขวา

HEAD(LH) ไฟหนา้ ดา้ นซา้ ย

TAIL ไฟหร่ี ไฟถอย

STA ระบบสตาร์ท (สัญญาณสตาร์ท

เขา้ กล่อง ECU)

AC ระบบปรับอากาศ

FOG ไฟตดั หมอก

ACC ระบบไฟอุปกรณ์อานวยความ

สะดวก เครื่องเสียง

3. สวติ ช์จุดระเบิด (Ignition Switch)
สวติ ชจ์ ุดระเบิด เป็ นสิ่งที่มีความสาคญั อยา่ งมาก สาหรับผเู้ ป็นเจา้ ของรถ เนื่องจากสวติ ชจ์ ุด

ระเบิดเป็ นอุปกรณ์หลกั ที่จะต่อวงจรไฟฟ้ าไปใหร้ ะบบตา่ งๆ ในรถยนตท์ างาน

รูปท่ี 3.19 สวติ ชจ์ ุดระเบิดและสัญลกั ษณ์สวติ ช์จุดระเบิด

3.1 หนา้ ที่สวติ ช์จุดระเบิด
สวติ ช์จุดระเบิด เป็ นอุปกรณ์ควบคุมและตดั ต่อกระแสไฟฟ้ าที่จะต่อไปยงั วงจรต่างๆ ในรถยนต์

ใหส้ ามารถทางานได้ เช่น
3.1.1 วงจรไฟอุปกรณ์อานวยความสะดวก
3.1.2 วงจรไฟสญั ญาณ
3.1.3 วงจรไฟจุดระเบิด
3.1.4 วงจรไฟสตาร์ท

3.2 โครงสร้างของสวิตชจ์ ุดระเบิด
สวติ ชจ์ ุดระเบิดทางานโดยอาศยั การสัมผสั กนั ของหนา้ สมั ผสั ที่เคลื่อนที่และหนา้ สมั ผสั ที่อยกู่ บั

ที่ใหต้ รงตาแหน่งตามเงื่อนไขที่กาหนดไว้ ของสวติ ช์แตล่ ะแบบ

กญุ แจ หนา้ สมั ผสั ท่ีอยกู่ บั ที่
เคล่ือนที่ หนา้ สมั ผสั ท่ีเคล่ือนที่

อยกู่ บั ที่ สปริงดนั กลบั อตั โนมตั ิ โรเตอร์

รูปที่ 3.20 แสดงโครงสร้างภายในของสวติ ช์จุดระเบิด

3.3 หลกั การทางานของสวติ ช์จุดระเบิด
เม่ือบิดสวติ ช์จุดระเบิดจะทาใหแ้ ผน่ หนา้ สัมผสั ท่ีอยภู่ ายในของสวติ ช์เคล่ือนท่ีตามไปดว้ ย

ในขณะท่ีแผน่ หนา้ สมั ผสั เคลื่อนที่ไปกจ็ ะไปสัมผสั หนา้ สมั ผสั ท่ีอยกู่ บั ท่ีทาใหต้ อ่ วงจรไฟออกไปยงั ข้วั
ต่างๆ ตามการออกแบบไวข้ องสวติ ช์น้นั ๆ เช่น ตาแหน่ง ACC ข้วั Am จะตอ่ กบั ข้วั Acc ตาแหน่ง ON
ข้วั Am จะต่อกบั ข้วั Acc และข้วั Ig ในตาแหน่ง Start ข้วั Am จะต่อกบั ข้วั Ig และ St ส่วนข้วั Acc จะ
ถูกตดั วงจร ดงั แสดงในรูปท่ี 3.21 ตวั อยา่ งรูปตารางความสัมพนั ธ์ของสวติ ชจ์ ุดระเบิด

ข้วั / สี Am Acc Ig St
ตาแหน่ง

LOCK
ACC
ON
START

รูปที่ 3.21 แสดงความสมั พนั ธ์ของข้วั สวติ ช์จุดระเบิดในแต่ละตาแหน่ง

3.4 ชนิดของสวติ ชจ์ ุดระเบิดในรถยนต์
สวติ ช์จุดระเบิดในรถยนต์ โดยทว่ั ไปจะเรียกช่ือตามจานวนข้วั ต่อสายและจานวนตาแหน่ง

ของสวติ ช์จุดระเบิด เช่น สวติ ช์จุดระเบิดแบบ 3ข้วั 3 ตาแหน่ง สวติ ชจ์ ุดระเบิดแบบ 4 ข้วั 4 ตาแหน่ง
หรือ สวติ ช์จุดระเบิดแบบ 5 ข้วั 4 ตาแหน่ง เป็นตน้

3.5 การตรวจสอบข้วั สวติ ช์จุดระเบิด
การตรวจสอบหาข้วั ของสวติ ชจ์ ุดระเบิด เป็นส่ิงที่สาคญั เพราะการหาข้วั ของสวติ ช์ท่ีถูกตอ้ ง

จะทาใหก้ ารต่อใชง้ านอุปกรณ์ไฟฟ้ าในรถยนตเ์ ป็นไปอยา่ งถูกตอ้ งตามเงื่อนไขของการทางาน เช่น

ขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ สวติ ชจ์ ะตดั วงจรระบบไฟอานวยความสะดวก เพ่ือนาไฟไปใชใ้ นระบบ

สตาร์ทและระบบจุดระเบิด เป็นตน้ โดยมีรายละเอียดข้นั ตอนและวธิ ีตรวจสอบหาข้วั ของสวติ ชจ์ ุด
ระเบิด ดงั น้ี

3.5.1 ตรวจสอบตาแหน่งการทางานของสวติ ชจ์ ุดระเบิดน้นั ๆ วา่ มีก่ีตาแหน่ง แลว้ กาหนดช่ือ
ตาแหน่งข้ึนมา เช่น 1 , 2 , 3 , และ 4 เป็นตน้ (กรณีไมท่ ราบชื่อตาแหน่งของสวิตช์จุดระเบิด) โดยปกติ
ทวั่ ไปสวติ ช์จุดระเบิดรถยนต์ จะมีตาแหน่งการทางาน ดงั น้ี

3.5.1.1 ตาแหน่ง LOCK หมายถึง ตาแหน่งปิ ดวงจร ล๊อคคอพวงมาลยั ถอดกุญแจออกได้
3.5.1.2 ตาแหน่ง OFF หมายถึง ตาแหน่งปิ ดวงจรไฟฟ้ าในรถยนตท์ ้งั หมด

3.5.1.3 ตาแหน่ง ACC หมายถึง ตาแหน่งเปิ ดวงจรไฟฟ้ าใหก้ บั อุปกรณ์อานวยความสะดวก
เช่น เคร่ืองเสียงรถยนต์ ท่ีจุดบุหร่ี เป็ นตน้

3.5.1.4 ตาแหน่ง IG หมายถึง ตาแหน่งเปิ ดวงจรไฟฟ้ าใหก้ บั อุปกรณ์ในระบบควบคุมการ

ทางานของเครื่องยนตแ์ ละระบบไฟสัญญาณ
3.5.1.5 ตาแหน่ง ST หมายถึง ตาแหน่งเปิ ดวงจรไฟฟ้ าให้กบั มอเตอร์สตาร์ท ที่ข้วั 50 ของ

โซลินอยดม์ อเตอร์สตาร์ท
3.5.2 ตรวจสอบดูจานวนข้วั หรือสายไฟที่ออกจากสวติ ช์จุดระเบิดวา่ มีกี่ข้วั หรือกี่เส้น แลว้

สงั เกตสีของสายไฟ หรือช่ือของข้วั สายของสวติ ช์ หากสวติ ช์ไม่ระบุชื่อข้วั สายเอาไว้ ใหก้ าหนดช่ือข้วั
สายข้ึนมา เช่น A , B , C , D โดยปกติทว่ั ไปสวติ ช์จุดระเบิดรถยนต์ จะระบุข้วั สายไว้ ดงั น้ี

3.5.2.1 ข้วั B หรือ Am หมายถึง ข้วั ไฟเขา้ มาจากแบตเตอรี่ผา่ นฟิ วส์เขา้ สวติ ชจ์ ุดระเบิด
3.5.2.2 ข้วั Acc หมายถึง ข้วั ไฟที่ต่อออกไปใชใ้ นอุปกรณ์อานวยความสะดวกโดยทวั่ ไป
ข้วั ACC จะถูกตดั ขณะมอเตอร์สตาร์ททางานหากเป็นสวิตช์จุดระเบิดชนิด 3 ข้วั จะไมม่ ีข้วั Acc
3.5.2.3 ข้วั Ig หมายถึง ข้วั ไฟท่ีตอ่ ออกไปใชใ้ นระบบควบคุมการทางานของเครื่องยนต์
และ ระบบไฟสัญญาณ
3.5.2.4 ข้วั St หมายถึง ข้วั ไฟท่ีต่อออกไปที่ข้วั 50 ของโซลินอยดม์ อเตอร์สตาร์ท เพอ่ื ให้
มอเตอร์สตาร์ททางาน

3.5.3 หลงั จากตรวจสอบตามขอ้ 1 และ 2 แลว้ ใหท้ าตารางแสดงความสัมพนั ธ์ ภายในของ
สวติ ช์ โดยใหม้ ีจานวนช่องท้งั ในแนวนอนและแนวต้งั ดงั น้ี

3.5.3.1 ในแนวต้งั ใหม้ ีจานวนช่องเท่ากบั จานวนตาแหน่งของสวติ ช์แลว้ เพ่ิมอีก 1 ช่อง
3.5.3.2 ในแนวนอนใหม้ ีจานวนช่องเทา่ กบั จานวนข้วั ของสวติ ชแ์ ลว้ เพ่มิ อีก 1 ช่อง
จากน้นั ใส่ชื่อข้วั ลงในตารางในแนวนอนแถวบนสุด ชื่อตาแหน่งลงในแนวต้งั ดา้ นซา้ ยมือ ดงั ตวั อยา่ ง
ใน รูปท่ี 3.22

ข้วั / สีสาย 1 2 3 4 ข้วั / สีสาย 1 2 3 4
ตาแหน่ง ตาแหน่ง

A A

B B

C C

D D

รูปท่ี 3.22 ก รูปที่ 3.22 ข

รูปที่ 3.22 การสร้างตารางตรวจสอบวงจรภายในสวติ ช์จุดระเบิด

3.5.4 บิดสวติ ช์ไปทีละตาแหน่ง แลว้ ใชม้ ลั ติมิเตอร์วดั ค่าความตา้ นทาน (ปรับยา่ นวดั R×1)แลว้

วดั ความต่อเนื่องของข้วั สายทีละคูจ่ นครบทุกข้วั ตวั อยา่ งเช่น ตาแหน่ง A วดั สายท่ีละคู่ 1-2 , 1-3 ,
1-4 , 2-3 , 2-4 และ 3-4 สงั เกตที่เขม็ มิเตอร์วงิ่ ข้ึนแสดงวา่ วงจรภายในต่อเนื่อง แลว้ นาผลที่ได้ ไปเขียน
ในตาราง ดงั รูปที่ 3.22 ข จากน้นั บิดสวติ ชไ์ ปตาแหน่งตอ่ ไป ทาเช่นน้ีไปจนครบทุกตาแหน่ง

3.5.5 สรุปวเิ คราะห์การทางานของวงจรภายในสวติ ช์จุดระเบิดจากตารางแสดงความสัมพนั ธ์

ภายในของสวติ ช์จุดระเบิด เพ่อื ต่อใชง้ าน

จากรูปที่ 3.22 ข ข้วั ท่ีต่อร่วมกนั กบั ข้วั อ่ืน ในทุกตาแหน่งคือข้วั หมายเลข 1 แสดงวา่ เป็นข้วั ไฟ
เขา้ ข้วั ท่ีถูกตดั ไปเมื่อสวติ ช์จุดระเบิดถูกบิดไปในตาแหน่งสตาร์ทคือข้วั หมายเลข 3 แสดงวา่ ข้วั หมาย
เลข 3 เป็นข้วั Acc และข้วั ที่ต่อเพ่มิ เขา้ มาคือข้วั หมายเลข 4 แสดงวา่ เป็นข้วั สตาร์ท ส่วนข้วั 2 เป็นข้วั Ig

3.5.5.1 สวติ ช์จุดระเบิดแบบ 3 ข้วั จะมีข้วั สาหรับตอ่ วงจรดงั น้ี
1) ข้วั B หรือข้วั Am ตอ่ ไปข้วั บวก (+) ของแบตเตอร่ี
2) ข้วั Ig. ต่อไประบบจุดระเบิดและระบบไฟสญั ญาณ
3) ข้วั St. ต่อไปข้วั St.ของโซลีนอยดข์ องชุดมอเตอร์สตาร์ท

3.5.5.2 สวติ ช์จุดระเบิดแบบ 4 ข้วั จะมีข้วั ดงั น้ี
1) ข้วั B หรือข้วั Am ต่อไปข้วั บวก (+) ของแบตเตอร่ี
2) ข้วั Acc. ต่อไปยงั อุปกรณ์อานวยความสะดวกเช่น วทิ ยุ
3)ข้วั Ig. ตอ่ ไประบบจุดระเบิดและระบบอื่น ๆ
4)ข้วั St. ต่อไปข้วั St.ของโซลีนอยดข์ องชุดมอเตอร์สตาร์ท

สวติ ช์จุดระเบิดแบบ 5 ข้วั จะมีข้วั ดงั น้ี
1) ข้วั B หรือข้วั Am ต่อไปข้วั บวก (+) ของแบตเตอร่ี
2) ข้วั Acc. ตอ่ ไปยงั อุปกรณ์อานวยความสะดวกเช่น วทิ ยุ
3)ข้วั Ig. ต่อไประบบจุดระเบิดและระบบอ่ืน ๆ
4)ข้วั St1 ตอ่ ไปข้วั St.ของโซลีนอยดข์ องชุดมอเตอร์สตาร์ท
5 )ข้วั St2 ตอ่ ไประบบจุดระเบิด

สวติ ชท์ ี่มีมากกวา่ 5 ข้วั ข้วั ท่ีเพม่ิ ข้ึนมาจะไปซ้ากบั ข้วั เดิม จุดประสงค์ เพื่อใหส้ ะดวกแยก
ตอ่ ไปใชง้ าน

4. รีเลย์ (Relay)
รถยนตใ์ นปัจจุบนั ไดน้ าอุปกรณ์ไฟฟ้ ามาใชเ้ พื่อเพม่ิ ประสิทธิภาพใหก้ บั รถยนตแ์ ละอานวย

ความสะดวกใหก้ บั ผขู้ บั ขี่ ซ่ึงอุปกรณ์ไฟฟ้ าบางอยา่ งมีความตอ้ งการใชก้ ระแสไฟฟ้ าจานวนมาก แต่
ในรถยนตจ์ ากดั ดว้ ยพ้ืนที่ในการจดั วางสายไฟและติดต้งั สวติ ช์ควบคุม จึงตอ้ งลดขนาดของสายไฟ
และสวติ ช์ควบคุมหลกั ใหม้ ีขนาดเลก็ ลง ดงั น้นั รีเลย์ จึงถูกนามาใชเ้ พอื่ ลดปริมาณกระแสไฟฟ้ าท่ีจะ
ไหลผา่ นสวติ ชค์ วบคุมหลกั และสายไฟเขา้ สวติ ช์

รีเลย์
สญั ลกั ษณ์ของรีเลย์

รูปที่ 3.23 รีเลยแ์ ละสัญลกั ษณ์ของรีเลย์

4.1 หนา้ ท่ีของรีเลย์
รีเลย์ ทาหนา้ ท่ี เป็นสวติ ซ์ทางไฟฟ้ า ใชส้ าหรับ ตดั - ต่อวงจร ของอุปกรณ์ไฟฟ้ าที่ตอ้ งการ

กระแสไฟฟ้ าจานวนมาก โดยอาศยั สวติ ชค์ วบคุมหลกั เป็ นตวั ควบคุม
4.2 โครงสร้างการทางานของรีเลย์
หลกั การทางานของรีเลย์ เร่ิมจากเปิ ดสวิตช์ ควบคุมหลกั เพ่ือป้ อนกระแสไฟฟ้ าใหก้ บั ขดลวด

รีเลย์ (Coil) ท่ีพนั รอบแกนเหลก็ เมื่อมีกระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นจะทาใหเ้ กิด สนามแม่เหล็กไปดูดเหล็ก
ออ่ นที่เรียกวา่ อาร์เมเจอร์ (Armature) ใหล้ งมาติดกบั ขดลวดรีเลย์ โดยที่ปลายของอาร์เมเจอร์ดา้ นหน่ึง
ยดึ ติดกบั สปริง (Spring) และปลายอีกดา้ นหน่ึงยดึ ติดกบั หนา้ สมั ผสั (Contacts) การเคลื่อนท่ีของ
อาร์เมเจอร์ จึงเป็นการควบคุมการเคล่ือนที่ของหนา้ สัมผสั ใหแ้ ยกหรือต่อกนั กบั หนา้ สัมผสั อีกอนั
หน่ึงซ่ึงยดึ ติดอยกู่ บั ท่ี เม่ือปิ ดสวติ ช์ อาร์เมเจอร์จะกลบั สู่ตาแหน่งปกติ เราสามารถนาหลกั การน้ีไป
ควบคุมโหลด (Load) หรืออุปกรณ์ไฟฟ้ าตา่ ง ๆ ได้ ดงั รูปที่ 3.24

จุดหมนุ อาร์เมเจอร์ ฉนวน

สปริงดึงกลบั เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ า

กระแสไฟฟ้ า หนา้ สมั ผสั
ขดลวดสนามแม่เหลก็

รูปที่ 3.24 โครงสร้างการทางานของรีเลย์

4.3 การตรวจสอบหาข้วั รีเลยเ์ พ่ือต่อใชง้ าน
เน่ืองจากรีเลยม์ ีหลายรุ่น หลายยหี่ อ้ และหลายแบบ ข้วั ตอ่ ใชง้ านของรีเลยจ์ ะไมเ่ หมือนกนั จึง

ตอ้ งทาการวดั และตรวจสอบ เพอ่ื หาข้วั หรือวงจรภายในก่อนต่อใชง้ าน โดยทวั่ ไปแลว้ รีเลยม์ ี
ส่วนประกอบสาคญั อยู่ 2 ส่วน ไดแ้ ก่ ชุดขดลวดแม่เหลก็ ไฟฟ้ าและชุดหนา้ สัมผสั (Contacts)

จุดหมนุ BC
จุดหมนุ
B C ขดลวด
หนา้ สมั ผสั แม่เหลก็ ไฟฟ้ า
A
ขดลวดแมเ่ หลก็ ไฟฟ้ า D หนา้ สมั ผสั

AD

รูปท่ี 3.25 แสดงลกั ษณะโครงสร้างและสัญลกั ษณ์ของรีเลย์

4.3.1 วธิ ีการตรวจสอบหาข้วั รีเลย์
การท่ีจะนารีเลยม์ าต่อใชง้ านในวงจรไดจ้ าเป็ นอยา่ งยงิ่ ที่ จะตอ้ งทราบข้วั และโครงสร้างภายใน
รีเลยใ์ หถ้ ูกตอ้ ง ดงั น้นั การตรวจสอบเพื่อหาข้วั ของรีเลยจ์ ึงเป็นสิ่งท่ีสาคญั โดยมีข้นั ตอนในการตรวจ
สอบ ดงั น้ี

4.3.1.1 กาหนดชื่อข้วั หรือตาแหน่งของข้วั รีเลย์

CD
AB

รูปที่ 3.26 แสดงการกาหนดชื่อข้วั ของรีเลย์

4.3.1.2 จบั คู่ข้วั ของรีเลยแ์ ลว้ เขียนไวบ้ นกระดาษ

ตารางท่ี 3.4 ตวั อยา่ งการจบั คู่และวดั ข้วั ของรีเลยเ์ พ่อื ตรวจสอบวงจรภายในรีเลย์

ตาแหน่งปกติ (ยงั ไมป่ ้ อนไฟ) ตาแหน่งทางาน (ป้ อนไฟที่ขดลวด)

จบั คู่ข้วั ของรีเลย์ ผลท่ีไดจ้ ากการวดั ความ จบั คู่ข้วั ของรีเลย์ ผลท่ีไดจ้ ากการวดั ความ

ตา้ นทาน ตา้ นทาน

A และ B 74 โอห์ม A และ B ป้ อนไฟบวก และ ลบ

A และ C วดั คา่ ไมไ่ ด(้ เขม็ มิเตอร์ไม่ข้ึน) A และ C วดั ค่าไม่ได้

A และ D วดั คา่ ไมไ่ ด้ A และ D วดั ค่าไม่ได้

B และ C วดั ค่าไมไ่ ด้ B และ C วดั คา่ ไม่ได้

B และ D วดั คา่ ไม่ได้ B และ D วดั คา่ ไม่ได้

C และ D วดั คา่ ไมไ่ ด้ C และ D วดั คา่ ได้ 0 โอห์ม

หมายเหตุ หา้ มวดั ความตา้ นทานระหวา่ งข้วั ที่ป้ อนไฟใหก้ บั รีเลย์ (ข้วั A และ B)

4.3.1.3 ใชม้ ลั ติมิเตอร์ ปรับยา่ นการวดั ไปที่ วดั ค่าความตา้ นทาน (สาหรับแบบเขม็ ปรับไปที่
R×1) วดั ข้วั ของรีเลยท์ ีละคู่ แลว้ บนั ทึกค่าท่ีอ่านไดใ้ นแต่ละคูล่ งในตาราง จากตารางที่ 3.4 จะเห็นวา่
คา่ ที่วดั ไดร้ ะหวา่ ง A-B มีคา่ ความตา้ นทาน คือ 74 โอห์ม แสดงวา่ เป็นข้วั ของชุดขดลวดแม่เหล็ก

รูปท่ี 3.27 แสดงการการวดั ข้วั ของรีเลย์

4.3.1.4 ใชไ้ ฟจากแบตเตอรี่ ข้วั บวก (+) ของแบตเตอรี่ ต่อเขา้ กบั ข้วั A ส่วนข้วั ลบ (-) ของ
แบตเตอร่ี ต่อเขา้ กบั ข้วั B สังเกตจะมีเสียงการทางานของรีเลย์ จากน้นั ใชม้ ลั ติมิเตอร์วดั ข้วั ของรีเลยท์ ี
ละคู่ เหมือนขอ้ 3 ยกเวน้ คู่ของ A-B เพราะเป็นคูท่ ่ีมีกระแสไฟไหลในวงจร จะทาใหม้ ิเตอร์เสียหายได้
แลว้ บนั ทึกคา่ ท่ีอา่ นไดจ้ ากมิเตอร์ลงในตาราง จากการตรวจสอบพบวา่ ข้วั ของรีเลย์ คูข่ องข้วั C และ
D มีคา่ ความตา้ นทานนอ้ ย คือ 0 โอห์ม แสดงวา่ เป็นชุดหนา้ สัมผสั (Contacts) ดงั น้นั จากการตรวจสอบ
รีเลยต์ วั อยา่ ง จึงสรุปข้วั เพือ่ ตอ่ ใชง้ านไดด้ งั น้ี

1) ข้วั A และB เป็นข้วั ของชุดขดลวดสนามแม่เหล็ก หากเลือกข้วั A เป็นข้วั ที่ตอ่ ไฟเขา้
จากสวติ ชค์ วบคุมหลกั ข้วั B กจ็ ะเป็นข้วั ท่ีต่อลงกราวดใ์ ห้ครบวงจร

2) ข้วั C และ D เป็นข้วั ของชุดหนา้ สมั ผสั โดยที่ข้วั C และ D ตอ่ ไฟมาจากแบตเตอรี่
ข้วั บวก (+) โดยมีฟิ วส์เป็ นตวั ป้ องกนั วงจรหากตอ่ ข้วั C เป็นข้วั รับไฟมาจากแบตเตอร่ีข้วั บวก (+) ข้วั
D ก็จะเป็นข้วั ท่ีตอ่ เขา้ อุปกรณ์เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ าท่ีตอ้ งการควบคุม เช่น หลอดไฟแสงสวา่ งหนา้ รถยนต์
เป็ นตน้

หมายเหตุ
1. คู่ของข้วั รีเลยท์ ี่วดั แลว้ มีคา่ ความตา้ นทานแสดงวา่ เป็นขดลวด
2. คู่ของข้วั รีเลยท์ ่ีวดั แลว้ ไมม่ ีคา่ ความตา้ นทาน (0 Ω) แสดงวา่ หนา้ สัมผสั ต่อถึงกนั
3. คู่ของข้วั รีเลยท์ ี่วดั แลว้ เขม็ มิเตอร์ไม่ข้ึนแสดงวา่ ไมต่ ่อถึงกนั

4.3.1.5 หากเป็นรีเลยค์ วบคุมป้ัมน้ามนั เช้ือเพลิงของเครื่องยนต์ EFI เม่ือตรวจสอบข้วั ของ
รีเลยข์ ณะทางาน (ป้ อนไฟเขา้ ชุดขดลวด) ตอ้ งปรับยา่ นการวดั ของมลั ติมิเตอร์ไปที่ DC 50V เน่ืองจาก
ในชุดหนา้ สัมผสั และขดลวดบางชุดที่ต่อร่วมกนั มีกระแสไฟในวงจร

4.3.2 การตอ่ รีเลยใ์ ชง้ านในรถยนต์ มี 2 แบบ ไดแ้ ก่
4.3.2.1 ตอ่ แบบสวติ ชล์ งกราวด์ การต่อแบบน้ี สวติ ชค์ วบคุมหลกั จะทาหนา้ ท่ีตอ่ ลงกราวด์

ทาใหช้ ุดขดลวดรีเลยค์ รบวงจรเป็ นสนามแมเ่ หล็ก ดูดหนา้ สัมผสั ในรีเลยใ์ หต้ ่อหรือตดั วงจร

ฟิ วส์ รีเลย์

สวติ ช์ หลอดไฟหรืออปุ กรณ์

แบตเตอร่ี

รูปที่ 3.28 แสดงการต่อแบบสวติ ช์ลงกราวด์

4.3.2.1 ต่อแบบรีเลยล์ งกราวด์ การต่อแบบน้ีข้วั ดา้ นหน่ึงของขดลวดของรีเลยจ์ ะต่อลง
กราวดต์ ลอดเวลาและอีกข้วั อีกดา้ นหน่ึงของขดลวดจะรอรับกระแสไฟจากสวติ ชค์ วบคุมหลกั

ฟิ วส์ รีเลย์

สวติ ช์ หลอดไฟหรืออปุ กรณ์
แบตเตอร่ี

รูปที่ 3.29 แสดงการตอ่ แบบรีเลยล์ งกราวด์

5. สายไฟฟ้ า (Electric Wire)
สายไฟฟ้ า เป็นทางเดินของอิเล็กตรอนหรือกระแสไฟฟ้ า ท่ีเคล่ือนที่จากแหล่งจา่ ยไปยงั อุปกรณ์

ไฟฟ้ าเพือ่ ทาใหค้ รบวงจรทาใหอ้ ุปกรณ์ไฟฟ้ าสามารถทางานได้ การเลือกขนาดของสายไฟใหเ้ หมาะ
สมกบั การใชง้ านของวงจร นอกจากจะทาใหอ้ ุปกรณ์ไฟฟ้ าทางานไดเ้ ตม็ ประสิทธิภาพและปลอดภยั
แลว้ ยงั ทาใหป้ ระหยดั คา่ ใชจ้ ่ายอีกดว้ ย การเดินสายไฟในวงจรไฟฟ้ าแตล่ ะวงจรน้นั จะตอ้ งพิจารณา
จากองคป์ ระกอบหลายอยา่ ง เช่น กระแสไฟฟ้ า แรงเคลื่อนไฟฟ้ า และอุณหภมู ิ เป็ นตน้

5.1 ขนาดของสายไฟ
การวดั ขนาดของสายไฟ วดั จากขนาดของพ้นื ท่ีหนา้ ตดั ของตวั นา ขนาดของพ้นื ท่ีหนา้ ตดั ที่

ตา่ งกนั จะทาใหค้ ุณสมบตั ิในการใชง้ านต่างกนั ดว้ ย ดงั ตารางท่ี 3.5

ตารางที่ 3.5 รายละเอียดขนาดของสายไฟในรถยนตแ์ ละความสามารถทนกระแสไฟฟ้ า

พ้นื ที่ ตวั นา ฉนวน ความ กระแส
สูงสุด
หนา้ จานวน พ้ืนที่หนา้ ตดั ความโต ความ ความโตภายนอก ตา้ นทาน AM-
ตดั No/mm² คานวณ mm² เกลียว ตวั นา PERE
mm² mm หนา มาตรฐาน สูงสุด 200/m
mm mm mm 5
8
0.3 7/0.26 0.3715 0.80 0.5 1.7 1.85 0.0522 9
11
0.5f 20/0.18 0.5087 0.95 0.6 2.2 2.4 0.0367 12
15
0.5 7/0.32 0.5629 1.00 0.6 2.2 2.4 0.0327 15
20
0.75f 30/0.18 0.7630 1.15 0.6 2.4 2.6 0.0244 27
37
0.85 11/0.32 0.8846 1.25 0.6 2.4 2.6 0.0208 48
67
1.25f 50/0.18 1.273 1.50 0.6 2.7 2.9 0.0147 88
122
1.25 16/0.32 1.287 1.50 0.6 2.7 2.9 0.0143 139
177
2 26/0.32 2.091 1.90 0.6 3.1 3.4 0.00881 199

3 41/0.32 3.297 2.40 0.7 3.8 4.1 0.00559

5 65/0.32 5.228 3.00 0.8 4.6 4.9 0.00352

8 50/0.45 7.952 3.70 0.9 5.5 5.8 0.00232

15 84/0.45 13.36 4.80 1.1 7.0 7.4 0.00138

20 41/0.80 20.61 6.00 1.1 8.2 8.8 0.000887

30 70/0.80 35.19 7.80 1.4 10.8 11.5 0.000520

40 85/0.80 42.73 9.0 1.4 11.4 12.1 0.000428

50 108/0.8 54.29 12.80 1.6 13.0 13.8 0.000337

60 127/0.8 54.96 13.90 1.6 13.6 14.4 0.000287

85 165/0.8 63.84 16.10 2.0 16.0 17.0 0.000215 245
100 217/0.8 109.1 18.10 2.0 17.6 18.6 0.000168 291

ตารางที่ 3.6 ขนาดของสายไฟที่ใชใ้ นรถยนต์

ขนาดพ้นื ท่ีหนา้ ตดั กระแสสูงสุด การใชง้ านในวงจรไฟรถยนต์

mm² (A)

0.5 9 ไฟหร่ี , แผงหนา้ ปัทม์ , ไฟเก๋ง

0.85 12 ไฟเบรก , มอเตอร์ปัดน้าฝน

1.00 , 1.25 15 วงจรไฟจุดระเบิด

2.00 20 วงจรไฟแตร

3.00 27 วงจรไฟหนา้ รถ , วงจรไฟหวั เผา , วงจรสตาร์ท

5.00 37 วงจรไฟชาร์จ

8.00 48 สายเมนแบตเตอรี่

15.00 67 สายเมนแบตเตอรี่

5.2 สัญลกั ษณ์ของสายไฟ
การบอกสัญลกั ษณ์ของสายไฟจะกาหนดเป็นตวั เลขและอกั ษรเรียงกนั ตวั อยา่ งเช่น 0.5 GR

โดยมีความหมาย ดงั น้ี
0.5 หมายถึง พ้ืนท่ีหนา้ ตดั มีขนาด 0.5 ตร. มม.
G หมายถึง สีพ้นื ของฉนวนเป็นสีเขียว (Green)
R หมายถึง สีคาดหรือแถบเป็นสีแดง (Red)

สายไฟฟ้ าในรถยนตจ์ ะสังเกตไดว้ า่ มีสีตา่ งๆ จานวนมาก การใชส้ ีของสายไฟที่แตกตา่ งกนั
เพ่ือประโยชน์ในการแยกประเภทของวงจรและอุปกรณ์ไฟฟ้ าในรถยนตใ์ หเ้ ป็นหมวดหมู่ ทาใหง้ ่าย
ตอ่ การตรวจซ่อมและแกไ้ ขปัญหาในระบบไฟฟ้ ารถยนต์

การบอกสีของสายไฟในรถยนต์ จะบอกเป็นอกั ษรยอ่ (ภาษาองั กฤษ) ดงั จะพบไดใ้ นคู่มือ
วงจรไฟฟ้ ารถยนตห์ ากมีอกั ษรตวั เดียวหมายถึงสีพ้ืน หากมี 2 ตวั ตวั อกั ษร ตวั ที่ 2 หมายถึง สีคาด
หรือแถบ ดงั ตวั อยา่ งในรูปที่ 3.30

สีพ้นื
ตวั นา

สีคาด

รูปที่ 3.30 แสดงส่วนประกอบของสายไฟ

ตารางที่ 3.7 ตวั อยา่ งการแบง่ หมวดหมู่อุปกรณ์ตามสีของสายไฟ

สายไฟสีเดียว (สีพ้ืน) สายไฟ 2 สี (มีแถบสี)

โคด้ ของสาย ความหมาย วงจร โคด้ ของสาย ความหมาย

B ดา สตาร์ท หรือ ลงดิน B-W ดา – ขาว

W ขาว ไฟชาร์จ B-R ดา – แดง

R แดง แสงสวา่ ง B-G ดา - เขียว

G เขียว สัญญาณ W-B ขาว – ดา

Y เหลือง อุปกรณ์ W-R ขาว – แดง

L น้าเงิน W-G ขาว – เขียว

Br น้าตาล อื่นๆ W-Y ขาว – เหลือง

Lg เขียวออ่ น R-B แดง – ดา

V สีม่วง R-W แดง – ขาว

R-Y แดง – เหลือง

Y-B เหลือง – ดา

Y-W เหลือง – ขาว

Y-R เหลือง – แดง

6. สัญลกั ษณ์อุปกรณ์ในระบบไฟฟ้ ารถยนต์
การอา่ นและเขียนวงจรไฟฟ้ ารถยนต์ ที่บริษทั ผผู้ ลิตไดจ้ ดั ทาในคูม่ ือซ่อมไฟฟ้ ารถยนต์ เป็ น

ภาษาสัญลกั ษณ์ ดงั น้นั ผทู้ ่ีเรียนไฟฟ้ ารถยนตจ์ าเป็ นตอ้ งรู้ภาษาสญั ลกั ษณ์ เพื่อท่ีจะสามารถอ่านและ
แกไ้ ขปัญหาระบบไฟฟ้ ารถยนตไ์ ด้

ตารางท่ี 3.8 สัญลกั ษณ์อุปกรณ์ในระบบไฟฟ้ ารถยนต์

อุปกรณ์ สญั ลกั ษณ์ หนา้ ท่ี

แบตเตอรี่

ทาหนา้ ท่ีเกบ็ พลงั งานไฟฟ้ าสารอง อยใู่ นรูป

ปฏิกิริยาเคมีและเปล่ียนกลบั ไปเป็นพลงั งาน

ไฟฟ้ ากระแสตรงจ่ายใหว้ งจรไฟฟ้ าต่างๆใน

รถยนต์

คอนเดนเซอร์ (ตวั เกบ็ ประจุ)

เป็นหน่วยเก็บกระแสไฟฟ้ าชว่ั คราวขนาดเลก็

โดยใชห้ ลกั การของไฟฟ้ าสถิต นิยมใชเ้ ป็น

อุปกรณ์ลดความรุนแรงของกระแสไฟและ

ป้ องกนั คลื่นรบกวน

ท่ีจุดบุหร่ี

เป็นอุปกรณ์ความตา้ นทานทางไฟฟ้ าซ่ึงทาให้

เกิดความร้อน

ไดโอด
สารก่ึงตวั นาซ่ึงยอมใหก้ ระแสไฟฟ้ าไหลผา่ น

ไดเ้ พียงทิศทางเดียวทาหนา้ ที่ป้ องกนั การไหล
ยอ้ นกลบั ของกระแสไฟฟ้ า
ซีเนอร์ไดโอด

ไดโอดซ่ึงยอมใหก้ ระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นไดใ้ น
ทิศทางเดียว แต่จะก้นั กระแสยอ้ นกลบั ไดใ้ นคา่
จากดั แรงดนั ที่กาหนด ถา้ มีค่าแรงดนั สูงกวา่ คา่ ท่ี
กาหนด จะยอมใหแ้ รงดนั ส่วนเกินไหลผา่ นไปได้
ไดโอดเปล่งแสง (Light Emitting Diode : LED)
เป็นไดโอดท่ีสามารถเปล่งแสง สวา่ งออกมาเม่ือ
ไดร้ ับกระแสไฟฟ้ า ไดโอดชนิดน้ีทาหนา้ ที่
เปลี่ยนพลงั งานไฟฟ้ าใหเ้ ป็นแสง

หลอดไฟใหญ่
การไหลของกระแสเป็ นเหตุใหไ้ ส้ของหลอด

ไฟใหญเ่ กิดความร้อน และเปล่งแสงสวา่ งออกมา
หลอดไฟใหญม่ ีท้งั แบบไส้เด่ียวและแบบไส้คู่
ใชเ้ ป็นไฟหนา้ รถยนต์ สาหรับส่องใหแ้ สงสวา่ ง
ดา้ นหนา้ รถยนตใ์ นเวลากลางคืน

แตร
อุปกรณ์ไฟฟ้ าซ่ึงส่งสัญญาณออกมาเป็ นเสียง

โดยการเปล่ียนพลงั งานไฟฟ้ าเป็นพลงั งานเสียง
ใชเ้ ป็นสัญญาณเตือนแก่ผใู้ ชร้ ถ
ข้วั สายไฟ

ทาหนา้ ท่ีต่อสายไฟแบบสามารถถอดได้ โดย
ไม่เกิดความเสียหาย มีหลายแบบใหเ้ ลือกใชต้ าม
ความเหมาะสมกบั ลกั ษณะการใชง้ าน
คอยลจ์ ุดระเบิด

ทาหนา้ ท่ีเปล่ียนไฟฟ้ ากระแสตรงแรงดนั ต่า
ใหเ้ ป็นไฟฟ้ าแรงดนั สูง เพ่ือจุดระเบิดท่ีเข้ียวหวั
เทียน ในการจุดระเบิดของเครื่องยนตแ์ ก๊สโซลีน
ประกอบดว้ ย ขดลวดไฟแรงต่า (ปฐมภมู ิ)และ
ขดลวดไฟแรงสูง (ทุติยภมู ิ)
จานจ่ายแบบหน่วยรวม

อุปกรณ์จ่ายกระแสไฟฟ้ าแรงดนั สูงจากคอยล์
จุดระเบิดไปยงั หวั เทียนแต่ละสูบในชุดจานจะ
ประกอบดว้ ยอุปกรณ์หลกั จานจา่ ยและคอยลจ์ ุด
ระเบิดรวมเขา้ เป็นชุดเดียวกนั

ฟิ วส์
ทาจากโลหะเส้นบางยาวซ่ึงจะขาดออกจากกนั

เม่ือมีกระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นเกินกวา่ ค่าที่กาหนด
เพอื่ หยดุ การไหลของกระแสไฟฟ้ าและป้ องกนั
ไมใ่ หเ้ กิดความเสียหายกบั อุปกรณ์และวงจร

จุดต่อลงดิน
จุดที่สายไฟตอ่ ลงกบั ตวั ถงั หรือโครงรถเพื่อให้

กระแสไหลกลบั ไปยงั แหล่งจ่าย ลดปริมาณการ
ใชส้ ายไฟ

แอมมิเตอร์
เป็นอุปกรณ์วดั ปริมาณของกระแสไฟฟ้ าท่ี

ไหลในวงจร

หลอดไฟแสงสวา่ ง
ใหแ้ สงสวา่ งทว่ั ๆไป

มาตรวดั แบบอนาล็อก
แสดงค่าต่างๆ โดยใชเ้ ขม็ ช้ีเป็นตวั แสดงผล

เช่น เกจวดั ระดบั น้ามนั เช้ือเพลิง เกจวดั อุณหภูมิ
เครื่องยนต์ เป็นตน้
เคร่ืองกาเนิดไฟฟ้ า

อุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้ าจากพลงั งานกล
โดยใชห้ ลกั การเหน่ียวนาซ่ึงสามารถผลิตไดท้ ้งั
ไฟฟ้ ากระแสตรงและกระแสสลบั
เบรกเกอร์

อุปกรณ์ตดั – ตอ่ วงจรไฟฟ้ าเมื่อใชไ้ ฟฟ้ าเกิน
กาหนด
โวลตม์ ิเตอร์

อุปกรณ์วดั แรงเคลื่อนไฟฟ้ า

มอเตอร์
อุปกรณ์ซ่ึงเปล่ียนพลงั งานไฟฟ้ าเป็นพลงั งาน

กล มีการเคล่ือนที่แบบหมุนวน

แบบปกติปิ ด (NC) รีเลย์
แบบปกติเปิ ด (NO) แบบปกติปิ ด
เม่ือรีเลยท์ างาน หนา้ สัมผสั จะแยกออกจากกนั
แบบสองทาง เป็นการตดั วงจรไฟฟ้ า
แบบปกติเปิ ด

เมื่อรีเลยท์ างานหนา้ สัมผสั จะตอ่ ถึงกนั เป็น
การตอ่ วงจรใหก้ ระแสไฟฟ้ าไหลผา่ น
แบบสองทาง ( NO-NC )

รีเลยจ์ ะใหก้ ระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นหนา้ สมั ผสั
ชุดใดชุดหน่ึง โดยขณะท่ีรีเลยไ์ ม่ทางานสปริงจะ
ทาให้ ข้วั B ต่อกบั ข้วั NC แต่เม่ือขดลวดรีเลย์
ทางาน ข้วั B จะต่อกบั ข้วั NO แทน ทาให้
สามารถเลือกข้วั ใชง้ านได้ 2 ลกั ษณะ
หวั เทียน

อุปกรณ์ท่ีทาให้เกิดประกายไฟ เพ่ือจุดระเบิด
ในหอ้ งเผาไหมข้ องเคร่ืองยนตแ์ กส๊ โซลีน

แบบปกติเปิ ด ตวั ตา้ นทาน
แบบปกติปิ ด อุปกรณ์ทางไฟฟ้ าซ่ึงมีคุณสมบตั ิตา้ นทานการ

ไหลของกระแสไฟฟ้ า ใชต้ ิดต้งั ในวงจรเพื่อลด
แรงดนั ไฟฟ้ า ใหอ้ ยใู่ นค่าท่ีกาหนด
ตวั ตา้ นทานแบบปรับค่าได้

ตวั ตา้ นทานซ่ึงสามารถปรับเลือกระดบั ค่า
ความตา้ นทานไดต้ ามตอ้ งการ
สวติ ช์

ทาหนา้ ที่เปิ ดและปิ ดวงจร เพอื่ ควบคุมการ
ทางานของวงจร

1. แบบปกติเปิ ด ตาแหน่งปกติ สวติ ช์จะ
ไม่ตอ่ วงจรทาใหก้ ระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นไมไ่ ด้

2. แบบปกติปิ ด ตาแหน่งปกติ สวติ ชจ์ ะ
ต่อวงจรทาใหก้ ระแสไฟฟ้ าไหลผา่ น

สวติ ช์สองทาง สวติ ช์สองทาง
ตาแหน่งปกติ ข้วั B ตอ่ กบั ข้วั NC เม่ือ

เปลี่ยนตาแหน่ง ข้วั B จะต่อกบั ข้วั NO แทน ทา
ใหส้ ามารถเลือกข้วั ใชง้ านได้ 2 ลกั ษณะ
สวติ ชจ์ ุดระเบิด

เป็นอุปกรณ์ตดั –ตอ่ วงจรไฟฟ้ าหลกั ในรถยนต์
เช่น ระบบสตาร์ท ระบบจุดระเบิดเป็ นตน้

สวติ ชห์ ยดุ ใบปัดน้าฝน
ทาหนา้ ที่ใหใ้ บปัดน้าฝนกลบั ไปอยใู่ น

ตาแหน่งหยดุ โดยอตั โนมตั ิ เมื่อปิ ดสวติ ช์ปัด
น้าฝน
ชุดข้วั ต่อตวั เมีย

สาหรับต่อสายไฟแบบถอดได้ ใชก้ บั งานตอ่
สายไฟแบบรวมขอ้ ต่อหลายๆชุดเขา้ ดว้ ยกนั โดย
ข้วั เสียบตวั เมีย
ชุดข้วั ต่อตวั ผู้

สาหรับต่อสายไฟแบบถอดได้ ใชก้ บั งานตอ่
สายไฟแบบรวมขอ้ ต่อหลายๆ ชุดเขา้ ดว้ ยกนั โดย
ใชข้ ้วั เสียบตวั ผู้
โซลินอยด์

เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้ า ทางานโดยการสร้าง
แม่เหลก็ ไฟฟ้ าใหด้ ึง แกนเหล็ก(พลนั เยอร์) เพ่ือ
เปิ ด – ปิ ดอุปกรณ์ เช่น โซลินอยด์ เปิ ด –ปิ ด
น้ามนั เช่ือเพลิง โซลินอยดม์ อเตอร์สตาร์ทเป็นตน้
ขดลวดเหนี่ยวนา

เป็นขดลวดพนั รอบแกนเหล็กเม่ือมี
กระแสไฟฟ้ าไหลผา่ น จะทาใหเ้ กิดเป็น
สนามแม่เหล็กไฟฟ้ า

สายไฟพาดทบั กนั ทรานซิสเตอร์
อุปกรณ์ในรูปแบบของโซลิดสเตต ใชเ้ ป็ น
สายไฟพาด
ไมส่ ัมผสั กนั รีเลยอ์ ิเล็กทรอนิกส์ ทาหนา้ ที่ตดั – ต่อวงจรแทน
สวติ ช์ และขยายสัญญาณใหเ้ พ่มิ ข้ึน
สายไฟเช่ือมต่อกนั สายไฟ

การเขียนวงจรไฟใน คู่มือซ่อมวงจรไฟฟ้ า
รถยนตม์ กั จะเขียนเป็นเส้นตรง เน่ืองจากแตล่ ะ
วงจรมีสายไฟจานวนมาก จึงทาใหเ้ กิดการทบั กนั
ของเส้นวงจร และมีจุดบางจุดท่ีสายไฟเชื่อมตอ่
กนั ดงั น้นั เพือ่ ใหง้ ่ายต่อการอา่ นวงจรจึง
กาหนดใหม้ ีสัญลกั ษณ์ ดงั น้ี

1. เส้นพาดกนั โดยไมม่ ีจุดดา แสดงวา่ สายคู่
น้นั ไมเ่ ชื่อมต่อกนั

2. ถา้ ผา่ นแบบมีรูปโคง้ แสดงวา่ สายไฟน้นั
ขา้ มกนั โดยท่ีตวั สายไม่แตะกนั

3. ถา้ เส้นพาดกนั แลว้ มีจุดดาที่ตาแหน่งเส้น
ผา่ น แสดงวา่ สายคูน่ ้นั เชื่อมต่อกนั

รูปที่ 3.31 แสดงตวั อยา่ งสญั ลกั ษณ์ในวงจรไฟฟ้ ารถยนต์
ที่มา : วงจรไฟฟ้ า HILUX-TIGER

สรุป

อุปกรณ์พ้ืนฐานระบบไฟฟ้ ารถยนต์ เป็นอุปกรณ์ที่รถยนตท์ ุกคนั ตอ้ งมี ซ่ึงประกอบดว้ ย
1. แบตเตอรี่รถยนต์

แบตเตอร่ี หมายถึง อุปกรณ์ท่ีทาหนา้ ท่ีจดั เกบ็ พลงั งานไฟฟ้ าสารอง เพื่อใชใ้ น ขณะท่ี
เคร่ืองยนตย์ งั ไมท่ างาน ชนิดของแบตเตอรี่ แบตเตอร่ีท่ีใชก้ บั รถยนต์ สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ชนิด
แบตเตอรี่ชนิดเปี ยกและแบตเตอรี่ชนิดแหง้ แบตเตอร่ี บอกความจุ หรือขนาด เป็ น แอมแปร์ชวั่ โมง
การชาร์จไฟแบตเตอร่ี การชาร์จไฟแบบชา้ และการชาร์จไฟ แบบเร็ว
2. ฟิ วส์

ฟิ วส์ เป็นอุปกรณ์ป้ องกนั ความเสียหายท่ีจะเกิดข้ึนกบั อุปกรณ์และวงจร อนั เน่ืองมาจากการใช้
กระแสไฟฟ้ าในวงจรเกินความสามารถของอุปกรณ์หรือเกิดการลดั วงจร ฟิ วส์บอกขนาด เป็น แอมป์
3. สวติ ชจ์ ุดระเบิด

สวติ ชจ์ ุดระเบิด เป็ นอุปกรณ์ควบคุมและตดั ต่อกระแสไฟฟ้ าที่จะต่อไปยงั วงจรตา่ งๆ ในรถยนต์
ใหส้ ามารถทางานได้
4. รีเลย์

ทาหนา้ ท่ี เป็นสวิตซ์ทางไฟฟ้ า ใชส้ าหรับ ตดั - ตอ่ วงจร ของอุปกรณ์ไฟฟ้ าที่ตอ้ งการ
กระแสไฟฟ้ าจานวนมาก โดยอาศยั สวติ ช์ควบคุมหลกั เป็ นตวั ควบคุม รีเลยม์ ีส่วนประกอบที่สาคญั ได้
แก ขดลวดรีเลย์ และ ชุดหนา้ หนา้ สัมผสั
5. สายไฟฟ้ า

สายไฟฟ้ า เป็นทางเดินของอิเลก็ ตรอนหรือกระแสไฟฟ้ า ที่เคลื่อนท่ีจากแหล่งจา่ ยไปยงั อุปกรณ์
ไฟฟ้ า
6. ข้วั ตอ่ สายไฟในรถยนต์

ในการต่อวงจรไฟฟ้ ารถยนต์ มีไวเ้ พ่ือใหง้ ่ายในการบริการ แกไ้ ข ซ่อม และเปลี่ยนอุปกรณ์
7. สัญลกั ษณ์อุปกรณ์ในระบบไฟฟ้ ารถยนต์

สญั ลกั ษณ์เป็นสญั ลกั ษณ์ทางไฟฟ้ าท่ีใชเ้ ขียนแทนอุปกรณ์จริงในวงจรหรือคู่มือซ่อม

ใบงานท่ี 3.1
งานตรวจเชค็ แบตเตอร่ีรถยนต์

จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นกั เรียนสามารถเตรียมเครื่องมือและวสั ดุอุปกรณ์ในการตรวจเช็คแบตเตอร่ีได้
2. นกั เรียนสามารถตรวจเช็คแบตเตอรี่ได้
3. นกั เรียนสามารถบารุงรักษาแบตเตอร่ีได้
4. นกั เรียนสามารถปฏิบตั ิงานดว้ ยความปลอดภยั
5. นกั เรียนสามารถเกบ็ เครื่องมืออุปกรณ์ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง

เคร่ืองมอื / อุปกรณ์
1. แบตเตอรี่รถยนต์
2. มลั ติมิเตอร์
3. ไฮโดรมิเตอร์
4. เทอร์โมมิเตอร์
5. ภาชนะสาหรับใส่น้า
6. ผา้ เช็ดมือ
7. แวน่ ตา
8. ถุงมือ

ลาดบั ข้นั การปฏิบตั ิ
1. นกั เรียนศึกษาข้นั ตอนวธิ ีการตรวจสอบและบารุงรักษาแบตเตอรี่จากใบความรู้หน่วยที่ 3
2. นกั เรียนสวมใส่อุปกรณ์ป้ องกนั
3. นกั เรียนสังเกตและตรวจสอบแบตเตอร่ีดว้ ยสายตา บนั ทึกรายละเอียดที่ได้ ลงในใบงาน
4. นกั เรียนใชเ้ ทอร์โมมิเตอร์วดั อุณหภูมิของน้ากรดในแบตเตอรี่และใชไ้ ฮโดรมิเตอร์วดั คา่

ความถ่วงจาเพาะของน้ากรด บนั ทึกค่าที่ไดจ้ ากการวดั ลงในใบงาน
5. นกั เรียนใชม้ ลั ติมิเตอร์วดั แรงดนั ไฟฟ้ าท่ีข้วั ของแบตเตอร่ี แลว้ บนั ทึกค่าลงในใบงาน
6. นกั เรียนทาความสะอาดและเก็บเคร่ืองมืออุปกรณ์ในการปฏิบตั ิงาน
7. นกั เรียนช่วยกนั สรุปผลที่ไดจ้ าการวดั และตรวจสอบแบตเตอร่ีลงใบงาน

บันทกึ ผลใบงานท่ี 3.1
งานตรวจเชค็ แบตเตอร่ีรถยนต์

ผลจากการตรวจเช็คแบตเตอรี่ ผลการตรวจสอบ วธิ ีแกไ้ ข
หวั ขอ้ /รายการตรวจสอบ

1. ความสะอาดของแบตเตอร่ี
2. ระดบั น้ากรดในแบตเตอรี่
3. ฝาจุกปิ ดแบตเตอร่ี
4. ข้วั แบตเตอร่ี
5. ข้วั ตอ่ สายแบตเตอรี่
6. สภาพของเปลือกหมอ้
แบตเตอรี่

ค่าความถ่วงจาเพาะของแบตเตอร่ี

ช่องเซล 1 234 5 6 คา่ เฉลี่ย

ค่าท่ีวดั ได้

% ไฟฟ้ า

อุณหภมู ิ

แรงดนั ไฟฟ้ าที่ข้วั แบตเตอร่ี วดั ได…้ ………………โวลท์
สรุปผลที่ไดจ้ ากการตรวจสอบแบตเตอรี่และความสามารถในการนาไปใชง้ าน
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………

เกณฑ์ประเมนิ ผลการปฏิบตั ิงาน
ใบงานที่ 3.1 งานตรวจเช็คแบตเตอรี่รถยนต์

ผปู้ ฏิบตั ิงาน ชื่อ…………………………………..เลขที่……….กลุ่ม…………..

หวั ขอ้ การประเมิน ระดบั คะแนน หมายเหตุ
เตม็ ได้
1. การเตรียมเคร่ืองมืออุปกรณ์ 2 ผล/คะแนน
2. ความถูกตอ้ งของการตรวจสอบและแนวทางใน ดีมาก = 18 - 20
การแกไ้ ข 5 ปานกลาง = 15 - 17
3. สวมใส่อุปกรณ์เพอื่ ความปลอดภยั ในการ พอใช้ = 11 - 14
ปฏิบตั ิงาน 4 ปรับปรุง = 0 - 10
4. สรุปผลในใบงาน
5. ความสามคั คีในกลุ่ม 4
6. ทาความสะอาด เก็บวสั ดุอุปกรณ์และพ้ืนที่ 2
ปฏิบตั ิงาน
3
รวม
20
ครูผสู้ อน

ใบงานที่ 3.2
งานตรวจหาข้วั ของสวติ ชจ์ ุดระเบิด

จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นกั เรียนสามารถเตรียมเครื่องมือในการตรวจหาข้วั ของสวติ ชจ์ ุดระเบิดได้
2. นกั เรียนสามารถลาดบั ข้นั ตอนการหาข้วั ของสวติ ช์จุดระเบิดได้
3. นกั เรียนสามารถเขียนตารางแสดงความสมั พนั ธ์ของข้วั สวติ ช์จุดระเบิดได้
4. นกั เรียนสามารถเลือกข้วั ของสวติ ช์จุดระเบิดต่อใชง้ านได้
5. นกั เรียนสามารถเกบ็ เครื่องมืออุปกรณ์ไดถ้ ูกตอ้ ง

เครื่องมือ / อุปกรณ์
1. สวติ ชจ์ ุดระเบิดชนิด 5 ข้วั 4 ตาแหน่ง
2. มลั ติมิเตอร์

ลาดับข้นั การปฏิบตั ิ
1. ศึกษาข้นั ตอนวธิ ีการตรวจหาข้วั ของสวติ ช์จุดระเบิดจากใบความรู้ หน่วยท่ี 3
2. ตรวจสอบตาแหน่งการทางานและจานวนข้วั ของสวติ ช์จุดระเบิด
3. ทาตารางแสดงความสมั พนั ธ์ของข้วั สวติ ช์จุดระเบิด
4. จบั คูส่ ายตรวจสอบความต่อเนื่องของข้วั สวติ ชใ์ นแตล่ ะตาแหน่งแลว้ ขีดเส้นความสัมพนั ธ์

ลงในตาราง
5. สรุปและเลือกข้วั สายเพ่อื ต่อใชง้ าน

บนั ทกึ ผลใบงานที่ 3.2
งานตรวจหาข้วั ของสวติ ชจ์ ุดระเบิด

จับคู่ข้วั ของสวติ ช์จุดระเบดิ ความต่อเนื่องในตาแหน่ง START
วดั ข้วั LOCK ACC ON

เขียนตารางความสัมพนั ธ์ภายในของสวติ ช์จุดระเบดิ

ตาแหน่ง/ข้วั 12345
LOCK
ACC
ON
START

เลอื กต่อข้วั ใช้งาน

ข้วั หมายเลข 1 หมายถึงข้วั …………. ต่อไปอุปกรณ์…………………………………
ข้วั หมายเลข 2 หมายถึงข้วั …………. ตอ่ ไปอุปกรณ์…………………………………
ข้วั หมายเลข 3 หมายถึงข้วั …………. ต่อไปอุปกรณ์…………………………………
ข้วั หมายเลข 4 หมายถึงข้วั …………. ต่อไปอุปกรณ์…………………………………
ข้วั หมายเลข 5 หมายถึงข้วั …………. ต่อไปอุปกรณ์…………………………………

เกณฑ์ประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน
ใบงานท่ี 3.2 งานตรวจหาข้วั ของสวติ ชจ์ ุดระเบิด

ผปู้ ฏิบตั ิงาน ชื่อ…………………………………..เลขที่……….กลุ่ม…………..

หวั ขอ้ การประเมิน ระดบั คะแนน หมายเหตุ
เตม็ ได้
1. การเตรียมเคร่ืองมืออุปกรณ์ 2 ผล/คะแนน
2. ลาดบั ข้นั ตอนการปฏิบตั ิงาน 5 ดีมาก = 18 - 20
3. ทาตารางความสมั พนั ธ์ของสวติ ชจ์ ุดระเบิดได้ ปานกลาง = 15 - 17
5 พอใช้ = 11 - 14
ถูกตอ้ ง ปรับปรุง = 0 - 10
4. เลือกต่อข้วั ใชง้ านไดถ้ ูกตอ้ ง 3
5. ความสามคั คีในกลุ่ม 2
6. ทาความสะอาด เกบ็ วสั ดุอุปกรณ์และพ้นื ที่
3
ปฏิบตั ิงาน
รวม 20

ครูผสู้ อน

ใบงานที่ 3.3
งานตรวจสอบหาข้วั รีเลย์

จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นกั เรียนสามารถเตรียมเคร่ืองมือในการตรวจหาข้วั ของรีเลยไ์ ด้
2. นกั เรียนสามารถลาดบั ข้นั ตอนการหาข้วั ของรีเลยไ์ ด้
3. นกั เรียนสามารถเขียนวงจรภายในของรีเลยไ์ ด้
4. นกั เรียนสามารถเลือกข้วั ของรีเลยเ์ พอื่ ต่อใชง้ านได้
5. นกั เรียนสามารถเกบ็ เคร่ืองมืออุปกรณ์ไดถ้ ูกตอ้ ง

เครื่องมอื / อุปกรณ์
1. รีเลย์
2. มลั ติมิเตอร์
3. แบตเตอร่ี
4. สายไฟสาหรับทดสอบรีเลย์

ลาดับข้นั การปฏิบัติ
1. ศึกษาข้นั ตอนวธิ ีการตรวจหาข้วั ของรีเลยจ์ ากใบความรู้ หน่วยที่ 3
2. นกั เรียนเตรียมเคร่ืองมืออุปกรณ์ในงานตรวจหาข้วั ของรีเลย์
3. สเกต็ ภาพตาแหน่งของข้วั รีเลยพ์ ร้อมกาหนดชื่อข้วั ของรีเลย์
4. จบั คูข่ ้วั สายตรวจสอบหาชุดขดลวดและชุดหนา้ สัมผสั ของรีเลย์
5. เขียนวงจรภายในของรีเลย์
6. สรุปและเลือกข้วั รีเลยเ์ พื่อตอ่ ใชง้ าน

ภาพตาแหน่งข้วั ของรีเลย์ บันทกึ ผลใบงานท่ี 3.3
งานตรวจสอบหาข้วั รีเลย์

2

13

45

การวดั ข้วั ของรีเลย์ ตาแหน่งปกติ เม่ือป้ อนไฟ
ระหวา่ งข้วั รีเลย์
1-2
1-3
1-4
1-5
2-3
2-4
2-5
3-4
3-5
4-5

ลงหมายเลขตาแหน่งของรีเลย์ข้วั ทไ่ี ด้จากการตรวจสอบ

เลอื กต่อข้วั ใช้งาน
ข้วั หมายเลข 1 ต่อไปอุปกรณ์………………………….…………………….……
ข้วั หมายเลข 2 ตอ่ ไปอุปกรณ์……………………………..………………………
ข้วั หมายเลข 3 ตอ่ ไปอุปกรณ์…………………………………...………..………
ข้วั หมายเลข 4 ตอ่ ไปอุปกรณ์………………………………………………….…
ข้วั หมายเลข 5 ต่อไปอุปกรณ์………………………………………………..……

เกณฑ์ประเมนิ ผลการปฏบิ ัตงิ าน
ใบงานท่ี 3.3 งานตรวจสอบหาข้วั รีเลย์

ผปู้ ฏิบตั ิงาน ชื่อ…………………………………..เลขท่ี……….กลุ่ม…………..

หวั ขอ้ การประเมิน ระดบั คะแนน หมายเหตุ
เตม็ ได้
1. การเตรียมเคร่ืองมืออุปกรณ์ 2 ผล/คะแนน
2. ลาดบั ข้นั ตอนการปฏิบตั ิงาน 2 ดีมาก = 18 - 20
3. วดั ข้วั ของรีเลยต์ าแหน่งปกติ 3 ปานกลาง = 15 - 17
4. วดั ข้วั รีเลยข์ ณะทางาน (ป้ อนไฟเขา้ ขดลวด) 3 พอใช้ = 11 - 14
5. เขียนวงจรภายในของรีเลย์ 4 ปรับปรุง = 0 - 10
6. ความปลอดภยั ในการใชม้ ลั ติมิเตอร์ 2
7. ความสามคั คีในกลุ่ม 2
8. ทาความสะอาด เก็บวสั ดุอุปกรณ์และพ้ืนที่
2
ปฏิบตั ิงาน
รวม 20

ครูผสู้ อน

แบบทดสอบหลงั เรียน
หน่วยที่ 3 เรื่อง อุปกรณ์พ้ืนฐานระบบไฟฟ้ ารถยนต์

คาสัง่ : ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบท่ีถูกตอ้ งที่สุดเพยี งคาตอบเดียว โดยทาเคร่ืองหมาย (X) ลงใน
กระดาษคาตอบ

1. ขอ้ ใดไม่ใช่หนา้ ท่ีของแบตเตอรี่ในรถยนต์

ก. จา่ ยกระแสไฟฟ้ าใหก้ บั ระบบจุดระเบิดขณะสตาร์ทรถยนต์

ข. จา่ ยกระแสไฟฟ้ าใหก้ บั อุปกรณ์อานวยความสะดวก

ค. เก็บพลงั งานไฟฟ้ าสาลอง

ง. ผลิตกระแสไฟฟ้ าใชใ้ นรถยนต์

2. การถอดแบตเตอร่ีรถยนตค์ วรทาสิ่งใดเป็นลาดบั แรก

ก. ถอดข้วั บวก ข. ถอดข้วั ลบ

ค. ถอดเหลก็ ยดึ แบตเตอร่ี ง. ถอดข้วั แบตเตอร่ี

3. ขอ้ ใดเป็นสีของ ฟิ วส์รถยนตแ์ บบแผน่ ขนาด 7.5 A

ก. สีน้าตาล ข. สีน้าตาลแกมเหลือง

ค. สีแดง ง. สีเหลือง

4. เมื่อแบตเตอร่ีถูกใชง้ านไปจนทาใหร้ ะดบั น้ากรดลดลง เหตุใดจึงเติมน้ากลนั่

ก. เพื่อรักษาระดบั ความเขม้ ขน้ ของกรดใหค้ งท่ี ข. เพ่ือรักษาระดบั น้ากรดใหไ้ ดร้ ะดบั

ค. เพอื่ ใหก้ รดเจือจางลง ง. เพ่ือลดอุณหภูมิใหแ้ บตเตอร่ี

5. การชาร์จไฟแบบชา้ ควรใชก้ ระแสในการชาร์จเทา่ ใด

ก. 7 – 10 % ข. 10 – 15 %

ค. 15 – 20 % ง. 20 – 25 %

6. ฟิ วส์ท่ีใชใ้ นรถยนตม์ ีหนา้ ที่

ก. ช่วยใหก้ ระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นไดส้ ะดวก ข. ตดั และต่อวงจรเพอ่ื ควบคุมการทางาน

ค. ตดั ทางไฟฟ้ า เมื่อมีกระแสไฟเกิน ง. ควบคุมกระแสไฟฟ้ า

7. ขอ้ ใดที่ไม่ใช่ข้วั ของสวติ ช์จุดระเบิดรถยนตแ์ บบ 3 ข้วั

ก. ข้วั Acc ข. ข้วั AM

ค. ข้วั St ง. ข้วั Ig


Click to View FlipBook Version