The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การเป็นผู้ประกอบการ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by watittu Thummajong, 2019-10-16 02:02:56

การเป็นผู้ประกอบการ

การเป็นผู้ประกอบการ

1

ธุรกจิ และการเป็ นผู้ประกอบการ

ข้อที่ 1 ความหมายของธุรกจิ (คะแนน 1)

ธุรกิจ (Business) หมายถึง กระบวนการนาํ ทรัพยากรธรรมชาติมาผ่านกรรมวิธีการผลิตดว้ ย
แรงงานหรือเคร่ืองจกั ร เพ่อื แปรสภาพให้เป็ นสินคา้ ก่ึงสาํ เร็จรูปหรือสินคา้ สําเร็จรูปเพื่อจาํ หน่าย รวมท้งั
กิจกรรมบริการต่าง ๆ ดว้ ย โดยมี วตั ถุประสงคเ์ พ่อื มุง่ คา้ หรือแสวงหากาํ ไร

ข้อสังเกต 1. กิจกรรมบริการต่าง ๆ เช่น โรงแรม สายการบิน ธนาคาร ฯลฯ
2. ธุรกิจจะตอ้ งมีวตั ถุประสงคเ์ พอื่ มุง่ คา้ หรือแสวงหากาํ ไร จึงจะเขา้ ความหมายของคาํ

วา่ “ธุรกิจ” แต่ถา้ กระทาํ เพอ่ื บริจาค หรือกระทาํ เพือ่ แจกจ่ายก็จะไม่เขา้ ความหมายของคาํ วา่ ธุรกิจ

ข้อที่ 2 รูปแบบขององค์กร (คะแนน 1)

มนุษยไ์ ม่สามารถผลิต สร้างหรือจดั ทาํ สิ่งต่าง ๆ ได้ เพื่อตอบสนองความตอ้ งการของตนเองได้
ท้งั หมด จึงจาํ เป็ นตอ้ งอาศยั ผูอ้ ่ืนจดั ทาํ หรือบริการให้ เรียกว่า “องค์กรทางธุรกิจ” ซ่ึงอาจเป็ นผผู้ ลิต ผู้
จาํ หน่าย หรือผใู้ หบ้ ริการกไ็ ด้ จึงจาํ แนกรูปแบบขององคก์ รทางธุรกิจไดด้ งั น้ี

2.1 ธุรกิจแบบเจ้าของคนเดียว (Sole Proprietorships) ธุรกิจเจา้ ของคนเดียว คือ เจ้าของ
กิจการหรือเจา้ ของธุรกิจซ่ึงเป็นบุคคลธรรมดา

ข้อดี ข้อเสีย

1. ไดร้ ับผลกาํ ไรแตเ่ พียงผเู้ ดียว 1. รับภาระหน้ีสินและผลขาดทุนแต่เพยี งผเู้ ดียว
2. เกบ็ ความลบั ไดด้ ี บางกิจการอาจมีสูตร 2. การขยายกิจการคอ่ นขา้ งยาก เพราะมีเงินทุน

การผลิต หรือเคลด็ ลบั ท่ีตอ้ งการปิ ดบงั มิให้ จาํ กดั การกเู้ งินจากสถาบนั การเงินขาดความ
บุคคลอื่นรู้ เชื่อถือ
3. การจดั ต้งั หรือเลิกกิจการทาํ ไดง้ ่าย เพราะ 3. เมื่อเจา้ ของกิจการชรา เสียชีวติ หรือมี
กฎหมายควบคุมนอ้ ยกวา่ องคก์ รธุรกิจ ประสบการณ์นอ้ ย อาจมีการเลิกกิจการไดง้ ่าย
แบบอื่น ๆ
4. มีอิสระในการดาํ เนินงานและยดื หยนุ่ ไดม้ าก

** ธุรกจิ แบบเจ้าของคนเดียวจะเสียภาษเี งนิ ได้แบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
2.2 ธุรกจิ แบบห้างหุ้นส่วน (Partnership)

2

ธุรกิจแบบหา้ งหุน้ ส่วน แบ่งออกเป็น 3 ประเภท
1) หา้ งหุน้ ส่วนสามญั (Ordinary Partnership)
2) หา้ งหุน้ ส่วนสามญั นิติบุคคล (Registered Ordinary Partnership)
3) หา้ งหุน้ ส่วนจาํ กดั (Limited Partnership)
หลกั ของธุรกิจแบบหา้ งหุน้ ส่วนท้งั 3 ประเภท ท่ีมีลกั ษณะเหมือนกนั คือ
1. จดั ต้งั จากบุคคลต้งั แต่ 2 คนข้ึนไป
2. ตกลงทาํ สัญญาท่ีจะร่วมทุนหรือประกอบกิจการคา้ ร่วมกนั
3. มีวตั ถุประสงค์เพื่อแบ่งปันผลกําไรที่ได้รับจากการดําเนินกิจการของห้าง
หุน้ ส่วนน้นั
** เรี ยกหุ้นส่ วนท่ีมีอํานาจจัดการว่า “หุ้นส่ วนผู้จัดการ” ผู้ร่วมลงทุนเรี ยกว่า
“หุน้ ส่วน”
ลกั ษณะทแี่ ตกต่างกนั ของธุรกจิ แบบห้างหุ้นส่วนท้งั 3 ประเภท คือ

ห้างหุ้นส่ วนสามญั ห้ างหุ้นส่ วนสามัญนิติบุคคล ห้ างหุ้นส่ วนจํากดั
1. ไม่ตอ้ งจดทะเบียนพาณิชย์ 1. ตอ้ งจดทะเบียนพาณิชย์
2. ใชค้ าํ นาํ หนา้ วา่ “หา้ ง 2. ใชค้ าํ นาํ หนา้ วา่ “หา้ ง 1. ตอ้ งจดทะเบียนพาณิชย์
หุน้ ส่วนสามญั ” หุน้ ส่วนสามญั นิติบุคคล” 2. ใชค้ าํ นาํ หนา้ วา่ “หา้ ง
3. มีหุน้ ส่วนประเภทไมจ่ าํ กดั 3. มีหุน้ ส่วนประเภทไมจ่ าํ กดั หุน้ ส่วนจาํ กดั ”
ความรับผดิ เทา่ น้นั ความรับผดิ เท่าน้นั 3. มีหุน้ ส่วน 2 ประเภท คือ
3.1 หุน้ ส่วนประเภทจาํ กดั
4. หุน้ ส่วนทุกคนมีอาํ นาจใน 4. หุน้ ส่วนทุกคนมีอาํ นาจใน ความรับผดิ (รับผิดไม่เกิน
การบริหารหรือจดั การหา้ งฯ การบริหารหรือจดั การหา้ งฯ จาํ นวนเงินท่ีลงทุน)
เท่าเทียมกนั เทา่ เทียมกนั 3.2 หุน้ ส่วนประเภทไมจ่ าํ กดั
ความรับผดิ (รับผิดไม่จาํ กดั
จาํ นวนหน้ี)
4. หุน้ ส่วนประเภทไมจ่ าํ กดั
ความรับผดิ เทา่ น้นั ท่ีมีอาํ นาจ
ในการบริหารหรือจดั การ งาน
ของหา้ งฯ

3

ห้างหุ้นส่ วนสามัญ ห้างหุ้นส่วนสามญั นิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจํากดั

5. ลงทุนดว้ ยเงินสด ทรัพยส์ ิน 5. ลงทุนดว้ ยเงินสด ทรัพยส์ ิน 5. - หุน้ ส่วนประเภทจาํ กดั
หรือแรงงานกไ็ ด้ หรือแรงงานก็ได้
ความรับผดิ ลงทุนดว้ ยเงินสด

ทรัพยส์ ินจะลงทุนดว้ ยแรงงาน
ไม่ได้
- หุน้ ส่วนประเภทไมจ่ าํ กดั

ความรับผดิ ลงทุนดว้ ยเงินสด

ทรัพยส์ ินแรงงาน
6. หุน้ ส่วนทุกคนตอ้ งรับผดิ ใน 6. หุน้ ส่วนทุกคนตอ้ งรับผดิ ใน 6. – หุน้ ส่วนประเภทจาํ กดั
หน้ีสินร่วมกนั โดยเจา้ หน้ี หน้ีสินร่วมกนั โดยเจา้ หน้ี ความรับผดิ รับผดิ ในหน้ีสิน
สามารถไล่เบ้ียใหห้ ุน้ ส่วนคน สามารถไล่เบ้ียใหห้ ุน้ ส่วนคน เป็นจาํ นวนเงินเท่าท่ีคา้ งชาํ ระ
ใดคนหน่ึงชาํ ระหน้ีจนครบได้ ใดคนหน่ึงชาํ ระหน้ีจนครบได้ แก่หา้ งฯ
- หุน้ ส่วนประเภทไม่จาํ กดั

ความรับผดิ ตอ้ งรับผดิ ชอบใน
หน้ีสินไม่จาํ กดั จาํ นวน
7. มีความน่าเชื่อถือกวา่ กิจการ 7. มีความน่าเชื่อถือกวา่ กิจการ 7. มีความน่าเชื่อถือกวา่ กิจการ
เจา้ ของคนเดียว, หา้ งหุน้ ส่วน เจา้ ของคนเดียว, หา้ งหุน้ ส่วน
เจา้ ของคนเดียว สามญั สามญั หา้ งหุน้ ส่วนสามญั

8. ถา้ ตอ้ งการเลิกกิจการ 8. ถา้ ตอ้ งการเลิกกิจการ นิติบุคคล
8. เม่ือหุน้ ส่วนคนใดเสียชีวติ

สามารถเลิกไดท้ นั ที สามารถเลิกไดท้ นั ที โดยแจง้ ลาออกหรือลม้ ละลาย เป็นเหตุ
เลิกกิจการ ใหเ้ ลิกประกอบกิจการ จะตอ้ ง
แจง้ เลิกกิจการและชาํ ระบญั ชี

ใหเ้ รียบร้อยดว้ ย

9. เสียภาษีแบบภาษีเงินได้ 9. เสียภาษีแบบภาษีเงินได้ 9. เสียภาษีแบบภาษีเงินได้

บุคคลธรรมดา นิติบุคคล นิติบุคคล

4

2.3 ธุรกจิ แบบบริษัท
หลกั การของธุรกจิ แบบบริษัท
1. จัดต้ังข้ึนโดยการแบ่งทุนเป็ นหุ้น ๆ ละเท่า ๆ กัน ตามจาํ นวนทุนจด
ทะเบียน
2. ผถู้ ือหุน้ แตล่ ะคนจะรับผดิ ชอบเฉพาะจาํ นวนหุน้ ที่ตนถืออยเู่ ทา่ น้นั
3. ผูถ้ ือหุ้นมีส่วนเป็ นเจา้ ของกิจการดว้ ย แต่ไม่จาํ เป็ นตอ้ งมีบทบาทในการ
บริหารกิจการบริษทั

บริษทั จํากดั Limited Company บริษัทมหาชนจํากดั Public Company

1. จดั ต้งั ข้ึนโดยบุคคลต้งั แต่ 7 คนข้ึนไป 1. จดั ต้งั ข้ึนโดยบุคคลต้งั แต่ 15 คนข้ึนไป
2. ใชค้ าํ นาํ หนา้ วา่ “บริษทั ” และคาํ วา่ “จาํ กดั ” 2. ใช้คํานําหน้าว่า “บริ ษัท” และคําว่า “จํากัด
ต่อทา้ ยชื่อ เช่น บริษทั ดุสิตจาํ กดั (มหาชน)ต่อทา้ ย เช่น บริษทั ดุสิตจาํ กดั (มหาชน)
3. เสนอขายหุน้ ใหก้ บั สมาชิกในบริษทั ตน 3. เสนอขายหุน้ ใหก้ บั ประชาชน
4. ระดมทุนโดยกาํ หนดทุนออกเป็ นหุ้น รวมถึง 4. ระดมทุนเพ่ือใชใ้ นกิจการ โดยการออกหุ้น แต่

กาํ หนดมูลค่าหุ้นไวด้ ว้ ย ชาํ ระค่าหุ้นคร้ังแรกอยา่ ง ละหุ้นมีมูลค่าเท่ากนั และตอ้ งชาํ ระค่าหุ้นคร้ังเดียว
นอ้ ย 25% ของหุน้ ที่ถือไว้ เตม็ มูลค่า

ข้อดขี องธุรกจิ แบบบริษัท ข้อเสียของธุรกจิ แบบบริษทั

1. สามารถระดมทุนได้มาก เพ่ิมทุนโดยการออก 1. มีข้นั ตอนในการจดั ต้งั ยงุ่ ยาก มีกฎเกณฑ์บงั คบั
หุน้ และนาํ มาขายเพ่มิ มาก
2. มีความมน่ั คงกวา่ กิจการเจา้ ของคนเดียวและ 2. มีอิสระในการดําเนินกิจการน้อยกว่าองค์กร
ธุรกิจแบบหา้ งหุน้ ส่วน ธุ รกิ จรู ป แ บ บ อ่ื น เม่ื อ ต้อ งก ารแ ก้ไข ห รื อ
3. สามารถเปล่ียนเจา้ ของได้ง่าย โดยการเข้าซ้ือ เปล่ียนแปลงเก่ียวกับบริษัท จะต้องหารือในที่
หุน้ ในตลาดหลกั ทรัพย์ ประชุม และการเปล่ียนแปลงบางประการจะตอ้ ง
4. มีการแข่งงานกนั ทาํ ตามหน้าที่ การทาํ งานเป็ น แจง้ ต่อสํานกั งานพาณิชยจ์ งั หวดั หรือกรมพฒั นา
ระบบ ธุรกิจการคา้ ดว้ ย
5. ผถู้ ือหุน้ รับผดิ ชอบจาํ กดั ในหน้ีสินของบริษทั

5

2.4 ระบบสหกรณ์ (CO-operative)
หลกั ของสหกรณ์ 1. เกิดจากกลุ่มบุคคลที่มีความตอ้ งการคลา้ ยคลึงกนั

2. จดั ต้งั จากผทู้ ่ีบรรลุนิติภาวะแลว้ ต้งั แต่ 10 คนข้ึนไป
3. ตอ้ งขอจดทะเบียนต่อสาํ นกั งานสหกรณ์ทอ้ งถ่ิน
4. มีวตั ถุประสงคเ์ พ่อื ส่วนรวม เป็นการช่วยเหลือสมาชิกโดยมิไดม้ ุง่

หากาํ ไรเพ่ือแบ่งปันกนั
5. ระดมทุนโดยการจาํ หน่ายหุน้ ใหแ้ ก่สมาชิก
6. การซ้ือขายหุน้ สหกรณ์จะเป็นหุน้ ลกั ษณะเปิ ด สมาชิก 1 คน จะ

ซ้ือหุน้ สหกรณ์กี่หุน้ ก็ได้
7. สมาชิก 1 คน ออกเสียงไดเ้ พยี ง 1 เสียงเท่าน้นั
8. สมาชิกได้รับผลตอบแทนจากการถือหุ้นตามสัดส่วนของหุ้นท่ีซ้ือเรียกว่า
“เงินปันผล”

สหกรณ์ จําแนกออกเป็ น 6 ประเภท
1. สหกรณ์การเกษตรจดั ต้งั ข้ึนจากกลุ่มเกษตรกร มีวตั ถุประสงคแ์ กไ้ ขปัญหาแก่

สมาชิก อาจรับฝากเงินและใหส้ ินเชื่อแก่สมาชิก เช่น ธกส.
2. สหกรณ์ประมงจดั ต้งั ข้ึนจากกลุ่มประมงหรือผมู้ ีอาชีพเก่ียวกบั ประมง
3. สหกรณ์นิคมจดั ต้งั ข้ึนเพื่อจดั สรรที่ดินทาํ กินให้กบั ประชาชน จากท่ีดินท่ีรกร้างวา่ ง

เปล่าหรือที่ดินที่ไดร้ ับอนุมตั ิจากรัฐบาล
4. สหกรณ์ร้านคา้ จดั ต้งั ข้ึนจากกลุ่มผบู้ ริโภคที่มีความตอ้ งการร่วมกนั จาํ หน่าย

สินคา้ อุปโภคบริโภค
5. สหกรณ์ออมทรัพยจ์ ดั ต้งั ข้ึนเพื่อช่วยเหลือสมาชิกดา้ นการเงิน เช่น ส่งเสริมการออม

ใหก้ ยู้ มื ในอตั ราดอกเบ้ียต่าํ
6. สหกรณ์บริการจดั ต้งั ข้ึนจากกลุ่มผใู้ หบ้ ริการตา่ ง ๆ หรือผตู้ อ้ งการรับบริการ

เช่น สหกรณ์เดินรถ

6

ข้อดี ข้อเสีย

1. สมาชิกจะได้ซ้ือสินค้าราคาถูก และจาํ หน่าย 1. การระดมทุนทาํ ไดย้ าก สมาชิกส่วนใหญ่มกั มี
สินคา้ ของสมาชิกโดยมิตอ้ งผา่ นพอ่ คา้ คนกลาง เงินทุนจาํ กดั
2. สมาชิกไดร้ ับความรู้และไดร้ ับการสนบั สนุนใน 2. การจ่ายค่าตอบแทนใหแ้ ก่ผเู้ ขา้ มาดาํ เนินงานใน
สหกรณ์มีจาํ กดั จึงทาํ ให้ประสบปัญหาดา้ นการจดั
การประกอบอาชีพ

คนท่ีมีประสบการณ์เขา้ มาบริหารจดั การ

3. ได้รับ ก ารยก เว้น ไม่ ต้องเสี ยภ าษี เงิน ได้ 3. เลิกกิจการไดง้ ่าย ถา้ สมาชิกไม่ให้ความร่วมมือ
ตลอดจนเงินปันผลที่สมาชิกไดร้ ับก็ไม่ตอ้ งเสียภาษี กนั อยา่ งจริงจงั

เงินได้

2.4 รัฐวสิ าหกจิ (State Enterprise)
รัฐวสิ าหกิจเป็ นองคก์ รที่รัฐบาลเป็นเจา้ ของ รวมถึงนิติบุคคลต่าง ๆ ที่มีส่วนราชการเขา้
ไปถือหุน้ เกินกวา่ ร้อยละ 50 กาํ หนดนโยบายโดยการแต่งต้งั ขา้ ราชการหรือนกั การเมืองเขา้ ไปควบคุมการ
ดาํ เนินงานรัฐวสิ าหกิจ จาํ แนกออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. รัฐวสิ าหกิจท่ีเป็นนิติบุคคล เช่น ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคาร
สงเคราะห์
2. รัฐวสิ าหกิจที่ไม่เป็นนิติบุคคล เป็นหน่วยงานท่ีต้งั ข้ึนโดยใชท้ ุนรัฐบาลในการ
ดาํ เนินงานสังกดั หน่วยราชการท่ีเป็ นผกู้ ่อต้งั แต่ไม่มีสภาพเป็ นนิติบุคคล เช่น สํานกั งานสลากกินแบ่ง
รัฐบาล โรงงานยาสูบปัจจุบนั รัฐบาลมีนโยบายแปรสภาพรัฐวสิ าหกิจ เพ่ือใหม้ ีประสิทธิภาพเทา่ เทียมกบั
เอกชน เช่น การส่ือสารแห่งประเทศไทย ไดม้ ีการแปรสภาพและแยกกิจการเป็ น 2 บริษทั คือ บริษทั
ไปรษณียไ์ ทย จาํ กดั และ บริษทั กสท. โทรคมนาคม จาํ กดั (มหาชน)

ข้อท่ี 3 หน้าทข่ี ององค์กรธุรกจิ (คะแนน 1)

สงั คมปัจจุบนั เป็นสงั คมมนุษยท์ ี่มีความตอ้ งการสินคา้ และบริการ รวมถึงสิ่งอาํ นวยความสะดวก
ต่าง ๆ จึงเกิดองค์กรธุรกิจที่ทาํ หน้าที่จาํ หน่ายสินคา้ และบริการข้ึน เพ่ือตอบสนองความตอ้ งการของ
มนุษยซ์ ่ึงเป็นผอู้ ุปโภคบริโภค ในการเลือกสรรสินคา้ หรือบริการท่ีตนพึงพอใจมากที่สุด ในขณะเดียวกนั
องค์กรธุรกิจก็มุ่งหวงั ผลกาํ ไรที่จะไดร้ ับ ภายใตก้ ารแข่งขนั ซ่ึงกนั และกนั เพื่อส่วนแบ่งทางการตลาดท่ี
มากท่ีสุด องคก์ รธุรกิจเหล่าน้ีจึงมีหนา้ ท่ีแตกต่างกนั ไป คือ

3.1 หนา้ ท่ีผลิต เป็ นกระบวนการนาํ เอาวตั ถุดิบหรือทรัพยากรธรรมชาติมาแปรสภาพ เพื่อสร้าง
มูลค่าหรือประโยชน์ท่ีสูงข้ึน ผผู้ ลิตจะเลือกสินคา้ ที่ตนถนดั และมีความชาํ นาญ ทาํ ให้สินคา้ มีมาตรฐาน
และไดใ้ ชท้ รัพยากรอยา่ งประหยดั และไดป้ ระโยชน์สูงสุด

7

3.2 ทาํ หนา้ ที่การจดั จาํ หน่าย คือ การขายสินคา้ หรือบริการ เป็ นการนาํ ผลผลิตไปสู่ผบู้ ริโภค
อาจกระทาํ โดยผผู้ ลิตไปสู่ผบู้ ริโภคโดยตรง หรือมีคนกลางเป็ นผจู้ ดั จาํ หน่ายระหวา่ งผผู้ ลิตกบั ผบู้ ริโภคก็
ได้ ซ่ึงเรียกวา่ ผคู้ า้ ส่งและผคู้ า้ ปลีก

3.3 ทาํ หน้าที่การกระจายรายได้ เมื่อมีการผลิต ก็จะต้องมีการจา้ งงาน ทาํ ให้ประชาชนมี
โอกาสทํางานมีรายได้ รายได้โดยรวมจะถูกจัดสรรไปยงั ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ส่งผลให้รายได้
ประชาชาติสูงข้ึน รัฐบาลก็มีรายไดจ้ ากภาษีอากร ซ่ึงทาํ ใหม้ ีเงินมาพฒั นาประเทศ เป็ นประโยชนต์ ่อการ
พฒั นาเศรษฐกิจและสังคมโดยส่วนรวม

ข้อท่ี 4 บทบาทขององค์กรธุรกจิ (คะแนน 1)

4.1 ยกมาตรฐานการครองชีพให้สูงข้ึน องคก์ รธุรกิจทาํ ให้เกิดการกระจายรายได้ ประชาชนมี
งานทาํ ทาํ ใหเ้ กิดการกินดีอยดู่ ี มีคุณภาพชีวติ ที่สูงข้ึน

4.2 เทคโนโลยี องคก์ รธุรกิจจึงเปิ ดรับเทคโนโลยี วทิ ยาการใหม่ เขา้ มาพฒั นาสินคา้ หรือบริการ
ของตนใหเ้ หนือกวา่ คู่แข่ง และยงั ลดตน้ ทุนการผลิตอีกดว้ ย

4.3 รัฐบาลมีรายได้เพียงพอต่อการนําไปบริหารประเทศ จากเงินภาษีอากรที่ได้จดั เก็บจาก
องคก์ รธุรกิจต่าง ๆ

4.4 ช่วยเหลือสงั คม เช่น นาํ เงินกาํ ไรจากการประกอบกิจการมาสร้างสะพานลอยสาธารณะ
4.5 เศรษฐกิจเติบโตเจริญกา้ วหนา้ มีเงินหมุนเวยี นในระบบเศรษฐกิจ ทาํ ให้เกิดการจา้ งแรงงาน
รายไดป้ ระชาชาติสูงข้ึน ระบบเศรษฐกิจมนั่ คง
4.6 ส่งเสริมค่านิยมอนั ดี การสร้างภาพลกั ษณ์ให้แก่สินคา้ หรือบริการ เป็ นการสร้างรสนิยมใน
การอุปโภคบริโภค

ข้อท่ี 5 แนวคดิ ของผู้ประกอบการ (คะแนน 1)

5.1 ซ่ือสัตยส์ ุจริต คือ มีความซ่ือสัตยท์ ้งั ต่อตนเอง กิจการ ลูกคา้ สินคา้ ไม่ผลิตหรือจาํ หน่าย
สินคา้ ดอ้ ยคุณภาพ สินคา้ ปลอมปน ไม่ละเมิดลิขสิทธ์ิ

5.2 ขยนั หมัน่ เพียร ผูป้ ระกอบการต้องมีความมานะ อดทน ขยนั หมั่นเพียร ไม่ย่อท้อต่อ
อุปสรรคใด ๆ ก็จะทาํ ใหธ้ ุรกิจดาํ เนินตอ่ ไปได้

5.3 ความรอบรู้ ผูป้ ระกอบการท่ีมีความรอบรู้ มีประสบการณ์ ไหวพริบ รู้ธุรกิจ รู้สินคา้ รู้
ลูกคา้ รู้จกั คู่แข่งขนั จะเป็นส่วนช่วยสนบั สนุนใหธ้ ุรกิจประสบความสาํ เร็จ

5.4 ความสามารถในการบริหาร ตอ้ งรู้จกั วางแผน จดั องคก์ ร บุคลากรและความสามารถในการ
วนิ ิจฉยั สั่งการ

8

5.5 ความเช่ือมนั่ จะตอ้ งเชื่อมนั่ ในตนเอง กลา้ เสี่ยง กลา้ คิด กลา้ ทาํ กลา้ ตดั สินใจ
5.6 ประกอบธุรกิจถูกกฎหมายและไมข่ ดั ตอ่ ศีลธรรม

ข้อท่ี 6 ปรัชญาในการเป็ นผู้ประกอบการ (คะแนน 1)

ปรัชญาในการดาํ เนินธุรกิจ หมายถึง ความคิดรวบยอดหรือความเช่ือท่ีเป็ นหลักใน การ
ดาํ เนินธุรกิจอยา่ งมีจุดมุง่ หมาย ดงั น้นั การมีปรัชญาในการดาํ เนินธุรกิจ จึงเปรียบเสมือนเสาหลกั สาํ หรับ
ยดึ เป็ นแนวทางในการดาํ เนินธุรกิจให้ประสบผลสาํ เร็จ เช่น การบินไทยรักคุณเท่าฟ้ า, คุม้ ค่าทุกนาที ดู
ทีวสี ีช่อง 3

ข้อที่ 7 ความหมายของระบบเศรษฐกจิ (คะแนน 1)

ระบบเศรษฐกิจ” (Economic System) หมายถึง กิจกรรมต่างในการนาํ ทรัพยากรที่มีอยมู่ า
ใชแ้ กป้ ัญหาทางเศรษฐกิจโดยมีองคก์ รธุรกิจหรือสถาบนั ทางเศรษฐกิจทาํ หนา้ ท่ีดาํ เนินกิจกรรมวา่ จะผลิต
อะไร ผลิตอยา่ งไร ผลิตเพอื่ ใคร มีใครเป็นผผู้ ลิตและควบคุม

ข้อที่ 8 ปัจจัยการผลติ (คะแนน 1)
ปัจจยั การผลิต (Factor of Production) คือ ทรัพยากรท่ีนาํ มาผา่ นกระบวนการผลิตแลว้

แปรสภาพเป็นสินคา้ หรือบริการ สามารถแบ่งปัจจยั การผลิตออกเป็น 4 ประเภท คือ
1. ท่ีดิน (Land) หมายถึง ที่ดิน สิ่งท่ีเกิดข้ึนบนดิน อาจเป็ นแหล่งท่ีต้งั ของกิจการ สํานักงาน

สถานท่ีเก็บสินคา้ และหมายความรวมถึงทรัพยากร หรือวตั ถุดิบบนพ้ืนผิวดิน ใตด้ ิน ในอากาศ ในน้าํ
เช่น แร่ธาตุ น้าํ มนั ป่ าไมท้ ่ีดิน ผลตอบแทนคือ ค่าเช่า

2. ทุน (Capital) หมายถึง เงินหรือทรัพยส์ ินท่ีใชใ้ นการดาํ เนินกิจการ และเป็นส่วนสร้าง
ผลผลิต เช่น เครื่องมือ เครื่องจกั ร อุปกรณ์สาํ นกั งาน โรงงานผลตอบแทนคือดอกเบ้ีย

3. แรงงาน (Labor) หมายถึง การใชก้ าํ ลงั แรงกาย สมอง เป็ นส่วนร่วมเพ่ือให้เกิดการผลิตและ
การจดั จาํ หน่าย แรงงาน ผลตอบแทนคือ คา่ จา้ ง

4. ผปู้ ระกอบการหมายถึง ผทู้ ่ีนาํ เอาปัจจยั การผลิตมาแปรสภาพใหเ้ ป็นสินคา้ หรือบริการ
(Entrepreneur)โดยเป็นผวู้ างแผน ตดั สินใจ ควบคุมใหธ้ ุรกิจดาํ เนินไปอยา่ งมี

ประสิทธิภาพ ผลตอบแทนคือกาํ ไร

9

ปัจจยั การผลติ กระบวนการผลติ ผลผลติ
- ท่ีดิน นาํ ปัจจยั การผลิตมา - สินคา้
- ทุน แปรสภาพ - บริการ
- แรงงาน
- ผปู้ ระกอบการ

ข้อท่ี 9 คุณสมบตั ิของผู้ประกอบการ (คะแนน 1)

9.1 ซื่อสัตยส์ ุจริต คือ มีความซ่ือสัตยท์ ้งั ต่อตนเอง กิจการ ลูกคา้ สินคา้ ไม่ผลิตหรือจาํ หน่าย
สินคา้ ดอ้ ยคุณภาพ สินคา้ ปลอมปน ไมล่ ะเมิดลิขสิทธ์ิ

9.2 ขยนั หมั่นเพียร ผูป้ ระกอบการต้องมีความมานะ อดทน ขยนั หมั่นเพียร ไม่ย่อท้อต่อ
อุปสรรคใด ๆ ก็จะทาํ ใหธ้ ุรกิจดาํ เนินต่อไปได้

9.3 ความรอบรู้ ผูป้ ระกอบการที่มีความรอบรู้ มีประสบการณ์ ไหวพริบ รู้ธุรกิจ รู้สินคา้ รู้
ลูกคา้ รู้จกั คูแ่ ขง่ ขนั จะเป็นส่วนช่วยสนบั สนุนใหธ้ ุรกิจประสบความสาํ เร็จ

9.4 ความสามารถในการบริหาร ตอ้ งรู้จกั วางแผน จดั องคก์ ร บุคลากรและความสามารถในการ
วนิ ิจฉยั สัง่ การ

9.5 ความเชื่อมนั่ จะตอ้ งเช่ือมนั่ ในตนเอง กลา้ เสี่ยง กลา้ คิด กลา้ ทาํ กลา้ ตดั สินใจ
9.6 ประกอบธุรกิจถูกกฎหมายและไม่ขดั ต่อศีลธรรม

ข้อท่ี 10 วงจร PDCA ปัจจัยเสี่ยงในการดําเนินธุรกจิ (คะแนน 1)
PDCA คือ วงจรการบริหารงานคุณภาพ ประกอบดว้ ย
P = Planคือ การวางแผนงานจากวตั ถุประสงค์ และเป้ าหมายท่ีไดก้ าํ หนดข้ึน
D = Do คือ การปฏิบตั ิตามข้นั ตอนในแผนงานที่ไดเ้ ขียนไวอ้ ยา่ งเป็นระบบ

และ มีความ ตอ่ เนื่อง
C = Check คือ การตรวจสอบผลการดาํ เนินงานในแตล่ ะข้นั ตอนของแผนงานวา่
มีปัญหาอะไรเกิดข้ึน จาํ เป็นตอ้ งเปลี่ยนแปลงแกไ้ ขแผนงานในข้นั ตอนใด
A = Action คือ การปรับปรุงแกไ้ ขส่วนตวั ที่มีปัญหา หรือถา้ ไมม่ ีปัญหาใด ๆ ก็

ยอมรับแนวทางปฏิบตั ิตามแผนงานทีไดส้ าํ เร็จ เพอ่ื ใชใ้ นการทาํ งานคร้ัง
ต่อไป
การนาํ PDCA มาใช้กบั ปัจจยั เสี่ยงในการดาํ เนินธุรกิจ จะเร่ิมจากเมื่อได้วางแผนงาน (P) นาํ ไป
ปฏิบตั ิ (D) ระหวา่ งการปฏิบตั ิก็ดาํ เนินการตรวจสอบ (C) พบปัญหาก็ทาํ การแกไ้ ขหรือปรับปรุง (A) การ

10

ปรับปรุงก็เริ่มจากการวางแผนก่อน วนไปไดเ้ รื่อยๆ จึงเรียกวา่ วงจร PDCA เพราะปัจจยั เสี่ยงเป็ นสิ่งท่ีอาจ
เกิดข้ึนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แมธ้ ุรกิจจะได้มีการวางแผนเพ่ือให้ การดาํ เนินงานเป็ นไปอย่าง
ราบรื่น แต่เม่ือเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ข้ึน จาํ เป็ นตอ้ งมีการแกไ้ ขปรับปรุง ซ่ึงการใช้วงจร PDCA มาช่วยใน
การแกป้ ัญหาน้ี เป็นที่รู้จกั และนิยมกนั อยา่ งแพร่หลาย

ข้อที 11 ปัจจัยเสี่ยงในการดําเนินธุรกจิ (คะแนน 1)

ความเส่ียงในการดาํ เนินธุรกิจ เกิดจากหลายปัจจยั ดงั ต่อไปน้ี
1. ปัจจยั จากภายนอก ส่งผลต่อธุรกิจโดยตรง ไดแ้ ก่

- สภาพเศรษฐกิจ การกระจายรายไดไ้ ม่ทวั่ ถึง ผบู้ ริโภคไม่มีกาํ ลงั ซ้ือ
- สภาพสงั คม การตกงาน มีรายไดต้ ่าํ กวา่ จา่ ยเกิดสภาพหน้ีนอกระบบ
- การเมือง เม่ือเกิดความขดั แยง้ ของพรรคการเมือง การชุมนุมของกลุ่มที่มีความเห็น

ไมต่ รงกนั
- ภยั ธรรมชาติหรือภยั พิบตั ิต่างๆ เช่น น้าํ ท่วม แผน่ ดินไหว อคั คีภยั
- อื่น ๆ
2. ปัจจยั จากภายใน
- การวางแผนเก่ียวกบั ผลิตภณั ฑ์
- การกาํ หนดราคาเพอ่ื การแข่งขนั
- การเลือกช่องทางการจดั จาํ หน่ายท่ีเหมาะสม
- นโยบายส่งเสริมการขาย
- อ่ืน ๆ

ข้อท่ี 12 ความสัมพนั ธ์ระหว่างหน่วยเศรษฐกจิ (คะแนน 1)

“หน่วยเศรษฐกิจ” หมายถึง หน่วยงานหรือสถาบนั ทางเศรษฐกิจที่ทาํ หนา้ ท่ีดาํ เนินการหรือดาํ เนิน
กิจกรรมทางเศรษฐกิจ เริ่มต้งั แต่การผลิต การจดั จาํ หน่าย ซ้ือขายแลกเปล่ียน การขนส่งสินค้า หน่วย
เศรษฐกิจหลาย ๆ หน่วยรวมกนั เป็นระบบเศรษฐกิจ ประกอบดว้ ย

1. หน่วยครัวเรือน (Household)
เป็ นหน่วยเศรษฐกิจที่ประกอบดว้ ยบุคคล กลุ่มบุคคลซ่ึงอย่รู วมกนั เป็ นครอบครัว หน่ึง

ในสมาชิกของครองครัวอาจเป็ นผปู้ ระกอบการ เจา้ ของปัจจยั การผลิต ลูกจา้ ง หรืออาจเป็ นผบู้ ริหารก็ได้
สมาชิกในครัวเรือนจึงแสวงหาผลตอบแทนจากปัจจยั การผลิตที่มีอยซู่ ่ึงอาจไดร้ ับค่าตอบแทนเป็ นค่าเช่า

11

กาํ ไร เงินเดือนหรือค่าแรง เพื่อนาํ มาซ้ือสินคา้ หรือบริการ โดยขายใหแ้ ก่หน่วยธุรกิจที่ตอ้ งการจากหน่วย
ธุรกิจ รายไดส้ ่วนหน่ึงตอ้ งเสียภาษีใหก้ บั รัฐบาล

2. หน่วยธุรกิจ (Business)
คือบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่นาํ ทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีอยมู่ าแปรสภาพให้เป็ นสินคา้ หรือ

บริการ โดยซ้ือปัจจยั การผลิตจากหน่วยงานครัวเรือน เพื่อจาํ หน่ายให้แก่ผบู้ ริโภค โดยมุ่งหวงั ท่ีจะไดร้ ับ
กาํ ไรสูงสุด และผลกาํ ไรตอ้ งเสียภาษีใหก้ บั รัฐบาล

3. องคก์ ารรัฐบาล (Government Agency)
ไดแ้ ก่ ส่วนราชการ หน่วยงาน หรือองคก์ รต่าง ๆ ของรัฐ เป็นหน่วยท่ีทาํ หนา้ ที่ใหบ้ ริการ

หรือสร้างความสัมพนั ธ์ให้เกิดข้ึนระหว่างหน่วยเศรษฐกิจ เช่น เก็บภาษีจากหน่วยครัวเรือนและหน่วย
ธุรกิจแลว้ นาํ เงินภาษีมาบริหารจดั การใหเ้ กิดประโยชน์ต่อหน่วยครัวเรือนและหน่วยธุรกิจ เป็นตน้

ข้อท่ี 13 ระบบเศรษฐกจิ (คะแนน 1)

หน่วยเศรษฐกิจและหน่วยธุรกิจรวมตวั กนั เพ่ือดาํ เนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ภายใต้
รูปแบบของการปกครอง จารีต ประเพณี สงั คม วฒั นธรรมของแต่ละประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะช่วย
ตดั สินปัญหาพ้ืนฐานของระบบเศรษฐกิจทุกระบบให้บรรลุเป้ าหมาย ซ่ึงเป็ นหนา้ ที่โดยตรงของรัฐบาล
จะตอ้ งกาํ หนดรูปแบบทางเศรษฐกิจ ออกระเบียบขอ้ บงั คบั และมีวธิ ีการควบคุมการ ดาํ เนินกิจกรรมทาง
เศรษฐกิจใหเ้ หมาะสม และเป็นผลดีตอ่ ประเทศ

ปัจจุบนั ระบบเศรษฐกิจโดยทวั่ ไปมี 4 รูปแบบ คือ
1) ระบบเสรีนิยมหรือทุนนิยม (Free Enterprise Economic System)
2) ระบบสังคมนิยม (Socialism)
3) ระบบคอมมิวนิสต์ (Communism)
4) ระบบเศรษฐกิจแบบผสม (Mix Economy)

1. ระบบเสรีนิยมหรือทุนนิยม (Free Enterprise Economic System) กรรมสิทธ์ิในทรัพย์สิน
ความเป็นเจา้ ของในทรัพยส์ ินและทรัพยากรตา่ ง ๆ เป็นของเอกชนซ่ึงอาจเป็นบุคคล กลุ่มคนหรือ

- นิติบุคคลก็ได้ ทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพในการนาํ ทรัพยส์ ินหรือทรัพยากรต่าง ๆ ไป
แจกจา่ ยหรือนาํ มาใชล้ งทุน เพือ่ แสวงหาผลกาํ ไรไดอ้ ยา่ งเสรีโดยไม่ขดั ต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอนั ดี

- เสรีภาพทางธุรกิจ เอกชนมีเสรีภาพในการประกอบอาชีพ สามารถเลือกอาชีพท่ีตนพอใจ
หรือไดร้ ับผลตอบแทนมากท่ีสุด เอกชนสามารถแข่งขนั กนั ไดอ้ ยา่ งเต็มท่ี โดยรัฐบาลจะเขา้ ไปแทรกแซง
นอ้ ยท่ีสุด

12

- ระบบราคา การทาํ งานของราคาหรือกลไกราคาเป็ นไปอยา่ งอตั โนมตั ิ กล่าวคือ สินคา้ ท่ี
ประชาชนมีความตอ้ งการมาก ราคาก็จะสูง ดงั น้นั ผผู้ ลิตก็จะเลือกผลิตสินคา้ น้นั แต่ถา้ สินคา้ ท่ีประชาชนมี
ความตอ้ งการนอ้ ย ราคากจ็ ะลดต่าํ ลง ผผู้ ลิตอาจไมเ่ ลือกผลิตสินคา้ น้นั หรือผลิตในปริมาณนอ้ ย

- การแข่งขนั การให้สิทธิเสรีภาพในการแข่งขนั จะช่วยลดการผกู ขาดสินคา้ เมื่อมีคู่แข่ง
มากข้ึนผผู้ ลิตต่างมุ่งหวงั ให้ผบู้ ริโภคซ้ือสินคา้ หรือบริการของตน จึงตอ้ งผลิตสินคา้ ที่มีคุณภาพ หรือเพิ่ม
ปริมาณสินคา้ หรือลดราคาสินคา้ ให้ต่าํ กว่าคู่แข่ง ทาํ ให้ผูบ้ ริโภคได้รับผลประโยชน์สามารถเลือกซ้ือ
สินคา้ ท่ีมีคุณภาพราคาประหยดั และอาจไดป้ ริมาณที่มากข้ึนอีกดว้ ย

2. ระบบสงั คมนิยม (Socialism) กิจการท่ีสาํ คญั ๆ หรือกิจการขนาดใหญ่จะถูกโอนเป็น
ของรัฐบาล รัฐบาลจึงเป็ นเจา้ ของปัจจยั การผลิตและเป็ นผวู้ างแผนวา่ จะผลิตอะไร ผลิตอยา่ งไร จะเห็นได้
วา่ ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมจะอยกู่ ่ึงกลางระหวา่ งระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมและระบบเศรษฐกิจ
แบบคอมมิวนิสต์

3. ระบบคอมมิวนิสต์ (Communism)
- เป็นระบบเผด็จการทางเศรษฐกิจ
- รัฐบาลเป็ นเจา้ ของทรัพยส์ ินและปัจจยั การผลิตทุกอยา่ ง และเป็ นผวู้ างแผนการผลิตวา่ จะ

ผลิตอะไร ใครเป็ นผดู้ าํ เนินการ กิจกรรมทางเศรษฐกิจดาํ เนินโดยรัฐบาลอยา่ งสิ้นเชิง เอกชนไม่มีสิทธิ
ดาํ เนินกิจกรรมการผลิต

4. ระบบเศรษฐกิจแบบผสม (Mixed Economy)
- รัฐบาลเป็นเจา้ ของปัจจยั การผลิตพ้ืนฐาน และมีเอกชนเป็นเจา้ ของปัจจยั การ

ผลิตบางชนิดหรือเป็นเจา้ ของร่วมกนั

ข้อที่ 14 ระบบตลาด (คะแนน 1)
ตลาด หมายถึง สถานท่ีในการเคล่ือนยา้ ยสินคา้ หรือบริการจากผผู้ ลิตสู่ผบู้ ริโภค ดว้ ยการเจรจา

ตกลงซ้ือขายแลกเปลี่ยนสินคา้ หรือบริการ เพือ่ ตอ้ งการตอบสนองความตอ้ งการของผบู้ ริโภคและบรรลุ
วตั ถุประสงคข์ ององคก์ รธุรกิจ

ระบบเศรษฐกิจ แบง่ ตามลกั ษณะการแขง่ ขนั
1. ตลาดที่มีการแข่งขนั สมบรู ณ์
- ผซู้ ้ือ และผขู้ ายในตลาดมีจาํ นวนมาก มีความรู้ในตวั สินคา้ และตลาดเป็น

อยา่ งดี
- สินคา้ หรือบริการมีลกั ษณะเหมือนกนั ทุกประการ คุณภาพและมาตรฐาน

ใกลเ้ คียงกนั มาก ดงั น้นั การต้งั ราคาตอ้ งกาํ หนดตามราคาตลาด
- ผซู้ ้ือ ผขู้ ายสามารถเคล่ือนยา้ ยสินคา้ หรือบริการไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่ โดยไม่ทาํ ใหม้ ี

ผลกระทบตอ่ ราคา

13

2. ตลาดท่ีมีการแขง่ ขนั ไมส่ มบรู ณ์
2.1 ตลาดผกู ขาด เป็ นตลาดที่มีผผู้ ลิตหรือผขู้ ายเพยี งรายเดียว สินคา้ ท่ีผลิตไม่

เหมือนกบั สินคา้ ของผผู้ ลิตรายอ่ืน ผผู้ ลิต หรือผขู้ ายจึงสามารถกาํ หนดราคาหรือปริมาณที่ตอ้ งการขายได้
เอง เพราะไมม่ ีคูแ่ ข่งขนั

2.2 ตลาดที่มีผขู้ ายนอ้ ยราย ตลาดลกั ษณะน้ีจะมีผผู้ ลิตหรือผขู้ ายจาํ นวนนอ้ ย
ทาํ ใหต้ ลาดตกอยใู่ นลกั ษณะผกู ขาด เมื่อผขู้ ายรายใดข้ึนราคาหรือลดราคาจะมีผลกระทบต่อผผู้ ลิตหรือ
ผขู้ ายรายอื่น

2.3 ตลาดก่ึงแข่งขนั ก่ึงผกู ขาด เป็นตลาดท่ีมีผขู้ ายจาํ นวนมาก ผซู้ ้ือจะซ้ือสินคา้
หรือบริการท่ีตนพอใจ ในขณะท่ีผขู้ ายก็มีอิสระในการขาย สินคา้ อาจคลา้ ยคลึงกนั แต่แตกต่าง ดา้ น
คุณภาพ มาตรฐาน ปริมาณ น้าํ หนกั เป็นตน้

ข้อที่ 15 วงจรธุรกจิ (Business Cycle) (คะแนน 1)

คือ การหมุนเวยี นของภาวะเศรษฐกิจ ซ่ึงอาจมีข้ึนหรือลงเป็ นช่วง ๆ วงจรธุรกิจหน่ึง ๆ ในแต่ละ
วงจรมีระยะเวลาไม่เท่ากนั และมีการเปล่ียนแปลงลงสูงต่าํ ไม่เท่ากนั ดว้ ยบางวงจรอาจมีระยะเวลา 1-5 ปี
และบางวงจรอาจเกินเวลาถึง 10 ปี ก็ได้ วงจรธุรกิจสามารถแบ่งไดเ้ ป็น 4 ช่วง ดงั น้ี

1. ช่วงขยายตวั (Expansion) เป็ นช่วงของความเจริญของเศรษฐกิจ มีการขยายตวั ของธุรกิจ เกิด
การวา่ จา้ งแรงงานเพ่มิ ข้ึน ช่วงน้ีเป็นช่วงเร่ิมตน้ ของภาวะเงินเฟ้ อ

2. ช่วงเจริญรุ่งเรืองสูงสุด (Peak) ช่วงน้ีจะมีการลงทุนอยา่ งเตม็ ท่ี จนอาจทาํ ให้ราคาปัจจยั การผลิต
เพิ่มสูงข้ึน ส่งผลให้ตน้ ทุนการผลิตสูงข้ึนตามไปดว้ ยจนทาํ ให้ระดบั ราคาสินคา้ และบริการเพ่ิมสูงข้ึนเรื่อย
ๆ จึงเกิดภาวะเงินเฟ้ อ การดาํ เนินธุรกิจในช่วงน้ีจดั วา่ อยใู่ นภาวะเส่ียง

3. ช่วงหดตวั (Contraction) หลงั จากผ่านช่วงเจริญรุ่งเรือง จะส่งผลให้เศรษฐกิจเกิดการปรับตวั
ลดลงหรือเรียกวา่ “เศรษฐกิจถดถอย” การผลิตเร่ิมลดลงสืบเนื่องมาจากการใชป้ ัจจยั การผลิตอยา่ งเต็มที่
ตน้ ทุนจากผลิตสูง จึงตอ้ งลดการจา้ งแรงงาน ราคาสินคา้ หรือบริการลดลงเรื่อย ๆ ในขณะที่ตน้ ทุนการ
ผลิตยงั คงสูงอยู่ ผปู้ ระกอบการไดก้ าํ ไรนอ้ ยลง ช่วงน้ีหน่วยธุรกิจจะลดการผลิตและการลงทุน

4. ช่วงตกต่าํ (Depression) สืบเน่ืองจากช่วงหดตวั ในระยะน้ี ผูป้ ระกอบการจะลดการลงทุนเป็ น
อยา่ งมาก การผลิตลดลงจนอาจไม่มีการผลิตเลยก็ได้ อตั ราการวา่ งงานสูง ประชาชนไมม่ ีงานทาํ ในขณะที่
ราคาสินค้าและบริการสูง ประชาชนจึงไม่มีอาํ นาจซ้ือ หรือมีอํานาจซ้ือต่ํา ทําให้เกิดภาวะเงินฝื ด
ผูป้ ระกอบการขายสินค้าหรือบริการได้น้อย กาํ ไรน้อยหรือไม่มีกําไรอาจถึงข้ันประสบผลขาดทุน
ผปู้ ระกอบการหลายอยา่ งบางรายตอ้ งลม้ เลิกกิจการไป ผปู้ ระกอบการรายใหญ่ท่ีพอดาํ เนินธุรกิจต่อไปได้
อาจสร้างผลประโยชนไ์ ดใ้ นระยะยาว

14

นักธุ รกิ จท่ี เข้าใจวงจรธุ รกิ จจะสาม ารถเตรี ยมพ ร้อมรับส ถานการณ์ เปลี่ ยนแป ลงที่ เกิ ดข้ ึนได้
ตลอดเวลาเพราะเมื่อสินคา้ หรือบริการราคาสูงข้ึนแลว้ ก็ตอ้ งลดลงไดต้ ามวงจร จึงตอ้ งรู้จกั โอกาสในการ
ดาํ เนินธุรกิจผทู้ ่ีเขา้ ใจวงจรธุรกิจจึงไดเ้ ปรียบกวา่ เพราะสามารถปรับแผนการทาํ งานให้สามารถบรรลุ
เป้ าหมายที่วางไวไ้ ดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ

ข้อท่ี 16 การจดทะเบียนพาณชิ ย์ (คะแนน 1)

ผู้มีหน้าทจ่ี ดทะเบียนพาณชิ ย์ คือ
1. กิจการเจา้ ของคนเดียว
2. หา้ งหุน้ ส่วน
3. บริษทั
กจิ การทไี่ ด้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบยี นพาณชิ ย์ คือ
1. กิจการหาบเร่ แผงลอย
2. กิจการเพอื่ การบาํ รุงศาสนาหรือเพือ่ การกุศล
3. กิจการของกระทรวง ทบวง กรม
4. กิจการของมลู นิธิ สมาคม สหกรณ์
เอกสาร / หลกั ฐานทใี่ ช้ในการจดทะเบียนพาณชิ ย์
1. แบบคาํ ขอจดทะเบียนพาณิชย์
2. หลกั ฐานประกอบคาํ ขอจดทะเบียนพาณิชย์ เช่น บตั รประชาชนของเจา้ ของกิจการหรือห้าง
หุน้ ส่วนผจู้ ดั การ หรือหนงั สือมอบอาํ นาจ
3. นิติบุคคลต่างประเทศ ใชส้ ําเนาหนังสือแต่งต้งั ผูร้ ับผิดชอบดาํ เนินกิจการในประเทศ และ
ใบอนุญาตทาํ งาน
4. ผูป้ ระกอบกิจการประเภทขายหรือให้เช่าแผ่นซีดี ดีวีดี เฉพาะที่เก่ียวกบั การบนั เทิง ให้
แนบแผนที่ต้งั สถานประกอบการ และสาํ เนาหนงั สืออนุญาตหรือหนงั สือรับรองใหเ้ ป็นผจู้ าํ หน่าย
5. ผูป้ ระกอบการอญั มณี เพิ่มสัญญาเช่าสถานประกอบการหรือหนังสือยินยอมให้ใช้สถาน
ประกอบการและบุคคลธรรมดา ตอ้ งทาํ หนงั สือช้ีแจงแนบหลกั ฐานเงินลงทุน ส่วนนิติบุคคล ทาํ หนงั สือ
ช้ีแจงวา่ ผขู้ อจดทะเบียนเป็นหุน้ ส่วนผจู้ ดั การ หรือกรรมการผจู้ ดั การ

เมื่อจดทะเบียนพาณชิ ย์แล้ว ผปู้ ระกอบการตอ้ งปฏิบตั ิ ดงั น้ี
1. แสดงใบทะเบียนพาณิชย์ หรือใบแทนใบทะเบียนพาณิชยไ์ ว้ ณ สถานประกอบการท่ีเปิ ดเผย
พบเห็นไดง้ ่าย

15

2. ติดต้งั ป้ ายชื่อสาํ หรับใชใ้ นการประกอบกิจการ ณ สาํ นกั งานใหญ่ หรือสาํ นกั งานสาขา แสดง
ไวใ้ น 30 วนั นบั แต่วนั ที่จดทะเบียนพาณิชย์ กรณีสาขาตอ้ งมีคาํ วา่ “สาขา” ดว้ ย

3. เม่ือมีการเปล่ียนแปลงรายการในทะเบียน ตอ้ งย่ืนคาํ ขอจดทะเบียนเปล่ียนแปลงรายการ
ภายใน 30 วนั นบั แต่วนั ท่ีมีการเปล่ียนแปลง

4. เมื่อต้องการเลิกกิจการ ต้องยื่นคําขอจดทะเบียนเลิก ภายใน 30 วนั นับแต่วนั ท่ีเลิก
ประกอบการ

สถานทจี่ ดทะเบียนพาณชิ ย์
1. กทม. สํานักงานบริการจดทะเบียนธุรกิจ 1 – 7 ส่วนจดทะเบียนกลาง กรมพฒั นาธุรกิจ

การคา้
2. ต่างจงั หวดั องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั

ข้อที่ 17 มาตรฐาน ISO (คะแนน 1)

ISO เป็นคาํ ภาษากรีก มาจากคาํ วา่ ISOS แปลวา่ เทา่ กบั
ISO 9000 คือ ระบบบริหารการประกนั คุณภาพข้นั พ้ืนฐาน มีความมุ่งหมายเพ่ือให้
มีระบบคุณภาพที่เทา่ เทียมกนั ระหวา่ งบริษทั ต่าง ๆ และประเทศต่าง ๆ ดว้ ย
ประวตั ิความเป็ นมาของระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9000
มนุษยร์ ู้จกั คาํ วา่ “คุณภาพ” และ “มาตรฐาน” มานานแลว้ ต้งั แต่ยุคที่ใชร้ ะบบการแลกเปลี่ยน
ของต่อของ (Barter Systems) จนมี ค.ศ. 1798 Eli Whi Tney เป็ นผคู้ ิดระบบ Standardization of Part
ซ่ึงเป็ นการเสนอแนวความคิดให้ใช้ชิ้นส่วนต่างๆ ท่ีเป็ นมาตรฐานเดียวกนั ดงั ท่ีกล่าวถึงแนวคิดเร่ือง
คุณภาพเป็ นเร่ืองที่ปฏิบตั ิกนั มานานแลว้ แต่ยงั ไม่มีการจดั ทาํ ให้เป็ นระบบ ประเทศองั กฤษเป็ นประเทศ
แรกที่นาํ แนวปฏิบตั ิดา้ นการประกนั คุณภาพมาใช้ และประกาศใชเ้ ป็ นมาตรฐานในปี 1979 ซ่ึงเป็นที่รู้จกั
กนั ดี คือ ระบบ BS 5750 โดยกล่าว ถึงเรื่องการจดั การรักษาระบบคุณภาพสินคา้ และการใหบ้ ริการจาก
ผผู้ ลิตที่มีหลากหลายและมีการใชร้ ะบบที่แตกต่างกนั ใหม้ าอยใู่ นระบบเดียวกนั มีการรวบรวมแนวคิดท่ี
ใชป้ ฏิบตั ิในขณะน้นั ซ่ึงมีความแตกต่างกนั มากาํ หนดให้เป็ นหลกั เกณฑ์ภายใตม้ าตรฐานเดียวกนั เพ่ือให้
สอดคลอ้ งและการนาํ ไปใชป้ ฏิบตั ิ ภายหลงั จากที่ประเทศองั กฤษมีหลกั เกณฑใ์ นการปฏิบตั ิใหอ้ ยใู่ นระบบ
เดียวกนั หมดก็สามารถลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการตรวจสอบคุณภาพสินค้าซ้ําออกไปได้มาก ทาํ ให้
แนวคิดเรื่องระบบคุณภาพน้ีไดข้ ยายออกไปทว่ั ประเทศ

จากการที่มีการใช้ระบบคุณภาพกันอย่างแพร่หลายน้ี ประกอบกับมีการรวมตวั ของ
ประเทศในยโุ รปเป็ นตลาดร่วมยโุ รป (EC) มีการกาํ หนดคุณภาพของสินคา้ ที่จะนาํ ไปขายในประชาคม
ยโุ รป และพฒั นามาเป็ นสหภาพยโุ รปในปัจจุบนั โดยเฉพาะสินคา้ ที่จะมีผลต่อความปลอดภยั สุขอนามยั

16

และสิ่งแวดลอ้ ม ส่งผลใหอ้ ุตสาหกรรมท่ีตอ้ งเช่ือมโยงกบั อุตสาหกรรมในประเทศแถบยโุ รป จาํ เป็ นตอ้ ง
ปรับตวั เองใหเ้ ขา้ กบั ระบบดงั กล่าว จึงเกิดเป็ นความตอ้ งการที่จะมีระบบคุณภาพที่เป็ นมาตรฐานสากลให้
เป็ นมาตรฐานเดียวกนั ท่วั โลก ดังน้ันในปี ค.ศ.1946 ได้มีการจดั ต้งั “องค์การระหว่างประเทศว่าด้วย
มาตรฐาน (International Organization for Standardization : ISO)

หลงั จากใช้ ISO ฉบบั ปี ค.ศ. 1994 มาระยะหน่ึง จึงมีการเร่ิมปรับปรุงมาตรฐานน้ีเป็ น
คร้ังที่ 2 ในปี ค.ศ. 1996 และได้แก้ไขเพื่อประกาศใช้เป็ นฉบับที่ 3 (หรือ Version/Edition3) ซ่ึงได้
ประกาศใช้อย่างเป็ นทางการแล้วเมื่อวนั ที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) ถือเป็ น ISO 9000 :
2000

ประเทศไทยกบั ISO 9000
เนื่องจากประชาคมยุโรป สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ป่ ุน ออสเตรเลีย เป็ นประเทศคู่คา้

ที่สําคญั ของไทย เมื่อประเทศเหล่าน้ีนาํ ระบบบริหารคุณภาพ ISO 9000 ไปใช้ ประเทศไทยจึงจาํ เป็ นตอ้ ง
มีการเคลื่อนไหว เช่นกนั กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสํานักงานมาตรฐานผลิตภณั ฑ์ อุตสาหกรรม
(สมอ.) ไดม้ ีข้นั ตอนการดาํ เนินการต่าง ๆ เพื่อรองรับระบบ ISO ดงั น้ี

1. รับมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพ ISO 9000 มาเป็ นมาตรฐานของประเทศ โดยให้หมายเลข
มอก. ISO 9000 ซ่ึงมีความเหมือนกนั ทุกประการกบั ISO 9000 โดยประกาศใชเ้ ม่ือปี พ.ศ. 2534 (ลอก
และแปลมาท้งั หมด)

2. คณะรัฐมนตรีมีมติ เม่ือวนั ที่ 10 กนั ยายน 2534 ใหส้ ํานกั งานมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม
เป็ นหน่วยงานท่ีรับผิดชอบในการดาํ เนินการรับรองคุณภาพของประเทศ โดยมีคณะกรรมการแห่งชาติวา่
ดว้ ยการรับรองระบบคุณภาพเป็นผกู้ าํ กบั ดูแล

3. เปิ ดบริการรับรองระบบคุณภาพ โดยจดั ต้งั หน่วยงานใน สมอ. ข้ึนเพื่อดาํ เนินการ โดยไดร้ ับ
ความช่วยเหลือจากสหภาพยโุ รป ส่งผเู้ ช่ียวชาญมาจดั ระบบ และฝึ กอบรมเจา้ หนา้ ท่ี ให้มีคุณสมบตั ิดา้ น
การตรวจประเมินโรงงานตามมาตรฐานสากล

4. ส่งเสริมให้ภาครัฐและเอกชนได้มีความรู้เกี่ยวกบั มาตรฐานระบบบริหารคุณภาพ รวมท้งั
สนบั สนุนใหม้ ีการนาํ มาตรฐานดงั กล่าวไปใช้

ความสําคญั ของระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9000
ระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9000 เป็ นระบบท่ีประเทศต่าง ๆ ท่ัวโลกกว่า 90

ประเทศไดน้ าํ ไปใช้ ท้งั น้ีเพอื่ พฒั นาระบบคุณภาพของภาคอุตสาหกรรมการผลิต การบริการ และพาณิช
ยกรรมในประเทศของตน ให้ทดั เทียมและเป็ นท่ียอมรับของนานาประเทศ และที่สําคญั ระบบน้ีได้
กลายเป็นเง่ือนไข หรือ ขอ้ กาํ หนดทางการคา้ ระหวา่ งประเทศในปัจจุบนั

17

ประโยชน์ของระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9000
การที่หน่วยธุรกิจสามารถเขา้ สู่ระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9000 ได้ จะก่อให้เกิดประโยชน์

ต่าง ๆ มากมาย คือ
1. เป็นการเพิม่ ขีดความสามารถในการแข่งขนั ท้งั ตลาดในประเทศและในตลาดโลก
2. ทาํ ใหไ้ ดส้ ินคา้ หรือบริการท่ีมีคุณภาพมาตรฐานสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของลูกคา้

และสร้าง ความมนั่ ใจในคุณภาพของสินคา้ หรือบริการ
3. สะดวก ประหยดั ลดค่าใชจ้ ่าย ลดการทาํ งานซ้าํ
4. ช่วยพฒั นา การจดั องคก์ ร การบริหารงาน การผลิต ตลอดจนการใหบ้ ริการอยา่ งมี

ระบบเกิดประสิทธิภาพ
5. เป็นการขจดั ปัญหา ขอ้ โตแ้ ยง้ และลดขอ้ คิดกนั ทางการคา้ ระหวา่ งประเทศ
6. เป็ นการสร้างภาพลกั ษณ์ของบริษทั สร้างความน่าเชื่อถือและ ชื่อเสียง ซ่ึงเป็ นส่ิงจาํ เป็ น

สาํ หรับธุรกิจส่งออกในตลาดโลก

เนือ้ หาหลกั ของ ISO 9000
เน้ือหาหลกั ของ ISO 9000 คือขอ้ กาํ หนดต่างๆ ท่ีเนน้ ให้มีการจดั ทาํ ข้นั ตอนการดาํ เนินงาน และ

หลกั เกณฑต์ ่าง ๆ ที่จะทาํ ใหส้ ินคา้ และบริการเป็ นไปตามความตอ้ งการของลูกคา้ ต้งั แต่คร้ังแรกที่ไดร้ ับ
และสม่าํ เสมอ ทุกคร้ังตลอดเวลา ISO 9000 จึงมีคุณลกั ษณะเฉพาะหลายประการ ไดแ้ ก่

1. เป็นมาตรฐาน ท่ีมีลกั ษณะยดึ หยนุ่ มุ่งที่กระบวนการประกนั คุณภาพ
2. ประยกุ ตใ์ ชก้ บั อุตสาหกรรมทุกประเภท และบริษทั ที่ใหบ้ ริการ
3. ทุก ๆ แผนก และทุก ๆ คนในองคก์ รจะตอ้ งมีส่วนร่วมในกิจกรรม ISO 9000
4. เป็นระบบมาตรฐานที่ตอ้ งมีการทบทวนแกไ้ ขอยา่ งนอ้ ยทุก ๆ 5 ปี
5. เป็นระบบบริหารคุณภาพท่ีนานาชาติรับรอง

18

ข้อท่ี 18 การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน / บริษทั (คะแนน 1)

เนือ้ หา การจดทะเบยี นห้างหุ้นส่วน การจดทะเบยี นบริษัท
1. ผู้มหี น้าทจี่ ดทะเบียน
2. ข้นั ตอนการจดทะเบียน 1. ห้างหุ้นส่วนสามญั (เมื่อต้องการ
จดทะเบียนเป็ นห้างหุน้ ส่วนสามญั นิติ
2. ข้นั ตอนการจดทะเบียน
บุคคล)
2. หา้ งหุน้ ส่วนจาํ กดั

1. ตรวจสอบชื่อท่ีจะใช้ว่ามีการซ้ํา 1. ผูเ้ ริ่มก่อต้งั 7 คนข้ึนไปเขา้ ช่ือกนั เพื่อ
หรือไม่ และขอจองชื่อไดแ้ ลว้ ตอ้ งจด ทาํ หนงั สือบริคณห์สนธิ

ทะเบียนภายใน 30 วนั 2. เม่ือผจู้ องเขา้ หุน้ จนครบแลว้
จดั การประชุมผูจ้ องหุ้นเก่ียวกบั การจดั ต้งั
2. ยน่ื คาํ ขอจดทะเบียน
3. ชาํ ระคา่ ธรรมเนียมและรับ บริษทั โดยตอ้ งส่งคาํ บอกกล่าวให้ผูจ้ อง
หุ้นทราบอยา่ งน้อย 7 วนั ก่อนวนั ประชุม
ใบสาํ คญั แสดงการจดทะเบียน เพ่ือแต่งต้งั กรรมการบริษทั

1. ตรวจสอบชื่อท่ีจะใช้ว่ามีการซ้ํา 1. ผูเ้ ริ่มก่อต้งั 7 คนข้ึนไปเขา้ ช่ือกนั เพื่อ
หรือไม่ และขอจองชื่อไดแ้ ลว้ ตอ้ งจด ทาํ หนงั สือบริคณห์สนธิ

ทะเบียนภายใน 30 วนั 2. เมื่อผจู้ องเขา้ หุน้ จนครบแลว้
จดั การประชุมผจู้ องหุ้นเก่ียวกบั การจดั ต้งั
2. ยนื่ คาํ ขอจดทะเบียน
3. ชาํ ระค่าธรรมเนียมและรับ บริษทั โดยตอ้ งส่งคาํ บอกกล่าวให้ผูจ้ อง
หุ้นทราบอย่างน้อย 7 วนั ก่อนวนั ประชุม
ใบสาํ คญั แสดงการจดทะเบียน เพือ่ แต่งต้งั กรรมการบริษทั

3. กรรมการบริษทั เรียกผเู้ ร่ิมก่อต้งั และผู้
จองหุ้นชาํ ระค่าหุ้นอย่างน้อย 25% ของ
มูลค่าหุ้นโดยกาํ หนดมูลค่าหุ้นไม่ต่าํ กว่า

หุ้นละ 5 บาท แล้วจดทะเบียนภายใน 3

เดือน หลงั จากจดั ประชุมบริษทั

19

เนือ้ หา การจดทะเบยี นห้างหุ้นส่วน การจดทะเบยี นบริษัท
3. เอกสาร /
หลกั ฐานทใี่ ช้ 4. ตรวจสอบชื่อว่าซ้ําหรือคล้ายหรือไม่
4. หน้าทข่ี องห้างหุ้นส่วน โดยขอจองชื่อ จากน้ันขอจดทะเบียน
หนงั สือบริคณห์สนธิภายใน 30 วนั

5. จดั ทําคาํ ขอจดทะเบียนและเอกสาร
ประกอบคาํ ขอยื่นต่อนายทะเบียน พร้อม

ชําระค่าธรรมเนียม จะได้รับใบสําคัญ

แสดงการจดทะเบียนและหนงั สือรับรอง

รายการจดทะเบียน

1. คําขอ หส.1 และหน้าหนังสื อ 1. แบบ บอจ.1, 2, 3, 5

รับรอง 2. แบบ ว.

2. แบบ หส.2 3. แบบจองชื่อนิติบุคคล
4. สําเนาบตั รประจาํ ตวั ของผเู้ ริ่มก่อการที่
3. แบบ ว.

4. แบบ สสช.1 ลงช่ือในคาํ ขอจดทะเบียน

5. แบบจองชื่อนิติบุคคล 5. แบบ ก.
6. บตั รประจาํ ตวั หุน้ ส่วนผจู้ ดั การ 6. แบบ ส.สช.1
7. หลกั ฐานการชาํ ระค่าหุน้
7. สาํ เนาบตั รทนายความ

8. สาํ เนาหนงั สือนดั ประชุมต้งั บริษทั
และรายงานการประชุมต้งั บริษทั
9. สาํ เนาบตั รทนายความ

1. จดั ทาํ งบการเงินประจาํ ปี ไม่วา่ จะ 1. จัดทํางบการเงินอย่างน้อยหน่ึงคร้ัง
มีการประกอบกิจการหรือไม่ ภายใน และใหผ้ สู้ อบบญั ชีอยา่ งนอ้ ยหน่ึงคน (ไม่
5 เดือนนบั แต่วนั ปิ ดรอบบญั ชี ว่าจะดาํ เนินกิจการหรือไม่) ทุกรอบ 12
2. เม่ือมีการเปลี่ยนแปลงรายการ เดือน ภายใน 1 เดือนนบั แต่วนั อนุมตั ิงบ

นอกเหนือจากที่จดทะเบียนไว้ ต้อง การเงิน มิฉะน้ันมีความผิดระวางโทษ
ดําเนิ น ก ารจดท ะเบี ยน ขอแก้ไข ปรับไม่เกิน 50,000 บาท

เพิ่มเติมรายการ 2. จดั ทาํ บัญชีรายชื่อผูถ้ ือหุ้นภายใน 14
3. เมื่อตอ้ งการเลิกกิจการ ตอ้ งยน่ื ขอ วัน นับจากวันท่ีประชุ ม มิฉะน้ันมี
จดทะเบียนเลิกภายใน 14 วนั นบั แต่ ความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน
วนั ที่เลิก และชาํ ระบญั ชีภายใน 14 10,000 บาท

20

เนือ้ หา การจดทะเบยี นห้างหุ้นส่วน การจดทะเบยี นบริษัท
5. ค่าธรรมเนียม
6. สถานทจี่ ดทะเบียน วนั นบั แตว่ นั ท่ีมีการลงมติที่ประชุม 3. จัดประชุมใหญ่สามัญภายหลัง 6
เดือน นับแต่วนั จดทะเบียน และจัด
ประชุมคร้ังต่อไปอยา่ งนอ้ ย 1 คร้ัง ทุก
ระยะเวลา 12 เดือน

4. จัดทําสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของ
บริษัทถ้าไม่ได้ทาํ ไวม้ ีความผิดระวาง
โทษปรับไมเ่ กิน 20,000 บาท
5. จัดทําใบหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นของ
บริษทั ถ้าไม่ได้ทาํ ไวม้ ีความผิดระวาง
โทษปรับไมเ่ กิน 10,000 บาท

1. จดทะเบียนหา้ งหุน้ ส่วน ทุกเงินทุน 1. จดทะเบียนหนงั สือบริคณห์สนธิทุก

100,000 บาท คิด 100 บาท (เศษของ เงินทุน 100,000 บาท คิด 50 บาท (เศษ

100,000 คิดเป็น 100,000 บาท) ของ 100,000 คิดเป็น 100,000 บาท)
- ค่าธรรมเนียมข้นั ต่าํ 1,000 บาท - ค่าธรรมเนียมข้นั ต่าํ 500 บาท
- ค่าธรรมเนียมรวมไม่เกิน 5,000 - คา่ ธรรมเนียมรวมไมเ่ กิน 25,000 บาท
บาท 2. จดทะเบียนบริษทั จาํ กัดทุกเงินทุน

2. จดทะเบียนเลิก 400 บาท 100,000 บาท คิด 500 บาท (เศษของ

100,000 บาท คิดเป็น 100,000 บาท)
- คา่ ธรรมเนียมข้นั ต่าํ 5,000 บาท
- ค่าธรรมเนียมรวมไม่เกิน 250,000

บาท

3. จดทะเบียนเลิก 400 บาท

1. ห้างหุ้นส่วนที่มีสํานกั งานใหญ่อยู่ 1. บริษทั ที่มีสํานักงานใหญ่อยู่ในเขต

ในเขตกรุ งเทพฯ ย่ืนที่สํานักงาน กรุ งเทพฯ ยื่นจดทะเบียนที่ สํานัก
บริหารจดทะเบียนธุรกิจ 1-7 หรือ บริหารจดทะเบียนธุรกิจ 1-7 หรือส่วน
ส่วนจดทะเบียนกลาง กรมพัฒนา จดทะเบียนกลาง กรมพัฒนาธุรกิจ
ธุรกิจการคา้
การคา้ หรือ www.dbd.go.th
2. หา้ งหุน้ ส่วนที่มีสาํ นกั งานใหญ่อยู่ 2. บริษทั ท่ีมีสาํ นกั งานใหญอ่ ยู่

21

เนือ้ หา การจดทะเบียนห้ างหุ้นส่ วน การจดทะเบียนบริษัท

ต่างจงั หวดั ยนื่ ที่สาํ นกั งานพฒั นา ตา่ งจงั หวดั ยน่ื คาํ ขอจดทะเบียนที่
ธุ ร กิ จ ก า ร ค้ า จัง ห วัด ที่ ส ถ า น สํานักงานพฒั นาธุรกิจการคา้ จงั หวดั ที่
ประกอบการต้งั อยู่ สถานประกอบการต้งั อยู่ ยกเวน้ จงั หวดั
3. ห้างหุน้ ส่วนที่มีสํานกั งานต้งั อยใู่ น นนทบุรี
เขตกรุ งเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี

และสมุทราปราการ เลือกจดได้ทาง

อินเตอร์เน็ต www.dbd.go.th

ข้อที่ 19 กจิ กรรม 5 ส (คะแนน 1)

5 ส หรือ 5 S คือ เทคนิคหรือวธิ ีการจดั หรือปรับปรุงสถานที่ทาํ งาน หรือ สภาพการ
ทาํ งานให้เกิดความสะดวก ความเป็ นระเบียบเรียบร้อย สะอาด เพื่อเอ้ืออาํ นวยให้เกิดประสิทธิภาพในการ
ทาํ งาน ความปลอดภยั และคุณภาพของงานอนั เป็นพ้นื ฐานในการเพม่ิ ผลผลิต

5 ส หรือ 5 S มาจากภาษาญ่ีป่ ุน ซ่ึงเป็นตวั อกั ษรตวั แรกของคาํ ไดแ้ ก่
1. SEIRI = สะสาง
2. SEITON = สะดวก
3. SEISO = สะอาด
4. SEIKETSU = สุขลกั ษณะ
5. SHITSUKE = สร้างนิสัย

สะสาง คือ การสาํ รวจและแยกใหช้ ดั เจนวา่ ของส่ิงใดไมจ่ าํ เป็นและส่ิงใดจาํ เป็นในการใชง้ าน
แลว้ ขจดั ของที่ไม่จาํ เป็นออกไปจากพ้นื ท่ีรับผดิ ชอบ

สะดวก คือ การจดั วางของท่ีจาํ เป็ นในการทาํ งานใหเ้ ป็นระบบระเบียบและง่ายหรือสะดวกใน
การนาํ ไป ใชง้ าน

สะอาด คือ การดูแลรักษาหรือปัดกวาดเช็ดถู ทาํ ความสะอาดสถานที่ อุปกรณ์เครื่องมือ
เครื่องใช้ ใหส้ ะอาดและพร้อมในการปฏิบตั ิงานเสมอ

22

สุขลกั ษณะ คือ การรักษา และปรับปรุงการปฏิบตั ิ 3 ส. แรก โดยกาํ หนดเป็ นมาตรฐานและ
ปฏิบตั ิใหด้ ีข้ึน และรักษาใหด้ ีตลอดไป

สร้างนิสัย คือ การปฏิบตั ิอยา่ งต่อเน่ืองจนเกิดจิตสาํ นึก หรือ ความเคยชินเป็นนิสัย
กิจกรรม 5 ส อาจแยกพิจารณาไดเ้ ป็ น 2 ส่วน คือ 3ส แรกเป็ นเรื่องเก่ียวกบั วตั ถุหรือสถานที่
และระบบงานเป็นหลกั ส่วน 2 ส หลงั เป็นเรื่องเก่ียวกบั การปลูกจิตสาํ นึกในการทาํ งาน

ข้ันตอนการดาํ เนินกจิ กรรม 5 ส
1. ประกาศนโยบายของหน่วยงาน หรือต้งั เป้ าหมายร่วมกนั
2. สร้างความเขา้ ใจ เร่ือง 5 ส ใหท้ ุกคนในหน่วยงาน รวมท้งั ประชาสมั พนั ธ์ใหท้ ราบทว่ั กนั
3. แต่งต้งั คณะกรรมการ 5 ส เพ่อื ติดตามและประเมินผล
4. สาํ รวจพ้ืนที่ กาํ หนดแนวทางปรับปรุง และลงมือทาํ งานร่วมกนั เป็นกลุ่ม
5. ประเมินผลการปฏิบตั ิและทาํ การปรับปรุงแกไ้ ขในเบ้ืองตน้
6. ร่วมกนั กาํ หนดมาตรฐาน 5 ส เพ่ือเป็ นกรอบแนวทางปฏิบตั ิร่วมกนั
7. รายงานผลการดาํ เนินการ รวมท้งั ประชาสมั พนั ธ์เผยแพร่ ทุกคนในหน่วยงานทราบ
8. กาํ หนดเป้ าหมายใหม่ เพื่อยกระดบั กิจกรรม 5 ส ใหด้ ียงิ่ ข้ึนและตอ่ เนื่องตอ่ ไป

ประโยชน์ของการทาํ กจิ กรรม 5 ส
1. สามารถทาํ งานไดอ้ ยา่ งสะดวก รวดเร็วยง่ิ ข้ึน เพ่มิ ประสิทธิภาพในการทาํ งาน
2. พนกั งานมีส่วนร่วมในการปรับปรุงสถานที่ทาํ งาน จิตใจแจม่ ใส ขวญั และกาํ ลงั ใจดี
3. ลดการสูญเสีย และความสิ้นเปลือง ผรู้ ับบริการใหค้ วามเช่ือถือและมน่ั ใจ
4. เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและสร้างผลงาน

ข้อท่ี 20 ภาษเี งนิ ได้บุคคลธรรมดา (คะแนน 1)

ภาษีอากร คือ เงินที่รัฐบงั คบั เกบ็ จากประชาชน เพ่อื นาํ ไปใชใ้ นการพฒั นาประเทศ
ผู้มีหน้าทเ่ี สียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
1. บุคคลธรรมดา
2. ผทู้ ่ีถึงแก่ความตายในระหวา่ งปี ภาษี
3. หา้ งหุน้ ส่วนสามญั หรือคณะบุคคลท่ีมิใช่นิติบุคคล
4. กองมรดกที่ยงั ไมไ่ ดแ้ บ่ง
เงินไดพ้ งึ ประเมิน แบ่งออกเป็น 8 ประเภท (มาตรา 40(1) – (8))
ประเภท 1 เงินเดือน คา่ จา้ ง เบ้ียเล้ียง โบนสั เบ้ียหวดั บาํ เหน็จ บาํ นาญ

23

ประเภท 2 ค่าธรรมเนียม คา่ นายหนา้ คา่ ส่วนลด เงินอุดหนุนในงานที่ทาํ เบ้ียประชุม
ประเภท 3 ค่าแห่งกู๊ดวลิ ล์ ค่าแห่งลิขสิทธ์ิ สิทธิอยา่ งอ่ืน เงินปี เงินไดอ้ นั มีลกั ษณะเป็ นเงินราย
ปี อนั ไดม้ าจากพนิ ยั กรรม
ประเภท 4 ดอกเบ้ียพนั ธบตั ร ดอกเบ้ียหุ้นกู้ ดอกเบ้ียตว๋ั เงิน เงินปันผล เงินส่วนแบ่งกาํ ไรท่ีได้
จากบริษทั หรือหา้ งหุน้ ส่วนนิติบุคคล เงินโบนสั ที่จ่ายใหแ้ ก่ผถู้ ือหุน้
ประเภท 5 เงินไดจ้ ากการใหเ้ ช่าทรัพยส์ ิน การผิดสัญญาเช่าซ้ือทรัพยส์ ิน การผิดสัญญาซ้ือขาย
เงินผอ่ น
ประเภท 6 เงินไดจ้ ากวชิ าชีพอิสระ คือ กฎหมาย ประกอบโรคศิลปะ วศิ วกรรม สถาปัตยกรรม
บญั ชี ประณีตศิลปกรรม และวชิ าชีพอิสระอื่น ๆ
ประเภท 7 เงินไดจ้ ากการรับเหมา ท่ีผูร้ ับเหมาตอ้ งลงทุนดว้ ยการจดั หาสัมภาระในส่วนสําคญั
นอกจากเครื่องมือ
ประเภท 8 เงินได้จากธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่งอ่ืน ๆ
นอกจากขอ้ 1 – 7

การหักค่าใช้จ่ายเงนิ ได้พงึ ประเมิน
1. เงินไดป้ ระเภท 1 และ 2 หกั ค่าใชจ้ ่ายเป็นการเหมาไดร้ ้อยละ 40 แตร่ วมกนั ตอ้ งไมเ่ กิน

60,000 บาทเงินไดป้ ระเภท 1 และ 2 ถา้ เป็ นเงินที่นายจา้ งจ่ายให้คร้ังเดียว เพราะเหตุออกจากงาน ใหห้ กั
คา่ ใชจ้ า่ ย ดงั น้ี

7,000 × จาํ นวนปี ท่ีทาํ งาน แตไ่ มเ่ กินบาํ เหน็จที่ไดร้ ับ เหลือเทา่ ใดหกั ค่าใชจ้ ่าย
ไดอ้ ีกร้อยละ 50 ของเงินส่วนท่ีเหลือ

กรณีท่ีนายจา้ งจ่ายใหค้ ร้ังเดียวเพราะเหตุออกจากงาน จา่ ยท้งั บาํ เหน็จและบาํ นาญ
เฉพาะส่วนท่ีเป็นบาํ เหน็จ ใหห้ กั คา่ ใชจ้ ่าย ดงั น้ี

3,500 × จาํ นวนปี ที่ทาํ งาน แตไ่ มเ่ กินบาํ เหน็จที่ไดร้ ับ เหลือเทา่ ใดหกั คา่ ใชจ้ า่ ยได้
อีกร้อยละ 5 ของเงินส่วนท่ีเหลือ

2. ประเภท 3 ใหห้ กั คา่ ใชจ้ ่ายเฉพาะคา่ ลิขสิทธ์ิไดร้ ้อยละ 40 แต่ไมเ่ กิน 60,000 บาท นอกน้นั
ไมใ่ หห้ กั ค่าใชจ้ ่าย

3. ประเภท 4 ไม่ใหห้ กั ค่าใชจ้ ่าย
4. ประเภท 5 หกั คา่ ใชจ้ า่ ย ดงั น้ี

- บา้ น โรงเรือน สิ่งปลูกสร้างอยา่ งอ่ืน หรือแพ หกั คา่ ใชจ้ า่ ยไดร้ ้อยละ 30
- ที่ดินที่มิไดใ้ ชใ้ นการเกษตรกรรม หกั คา่ ใชจ้ า่ ยไดร้ ้อยละ 15
- ท่ีดินท่ีใชใ้ นการเกษตรกรรม หกั ค่าใชจ้ า่ ยไดร้ ้อยละ 20
- ยานพาหนะ หกั ค่าใชจ้ า่ ยไดร้ ้อยละ 30

24

- ทรัพยส์ ินอยา่ งอ่ืน หกั ค่าใชจ้ ่ายไดร้ ้อยละ 10
- การผิดสัญญาเช่าซ้ือทรัพยส์ ิน การผิดสัญญาซ้ือขายเงินผอ่ น หกั ค่าใช้จ่ายไดร้ ้อยละ
20
5. ประเภท 6 ใหห้ กั ค่าใชจ้ า่ ย ดงั น้ี
- ประกอบโรคศิลปะ หกั เป็นการเหมาไดร้ ้อยละ 60
- วชิ าชีพอิสระอื่น ๆ หกั เป็นการเหมาไดร้ ้อยละ 30
6. ประเภท 7 หกั เป็นการเหมาไดร้ ้อยละ 70
7. ประเภท 8 ใหห้ กั คา่ ใชจ้ ่ายตามมาตรา 40(8) มี 43 รายการตามประมวลรัษฎากร

การหกั ลดหย่อน 30,000 บาท
1. หกั ลดหยอ่ นส่วนบุคคล 30,000 บาท
- หกั ลดหยอ่ นผมู้ ีเงินได้ 15,000 บาท
- หกั ลดหยอ่ นคู่สมรส
- หกั ลดหยอ่ นบุตรไดค้ นละ (หกั ไดไ้ ม่เกิน 3 คน)

หลกั เกณฑ์ในการหกั ลดหย่อนบุตร
- บุตรอายุ 20 – 25 ปี ตอ้ งศึกษาในระดบั อุดมศึกษา หรือมหาวทิ ยาลยั
- บุตรผเู้ ยาว์ คนวกิ ลจริต อายคุ รบ 20 ปี แลว้ หกั ลดหยอ่ นไมไ่ ด้
- คนไร้ความสามารถ, คนเสมือนไร้ความสามารถ หกั ลดหยอ่ นไดไ้ ม่จาํ กดั อายุ คนละ 15,000

บาท
- บุตรตอ้ งอยใู่ นความอุปการะของผมู้ ีเงินได้
- บุตรตอ้ งไม่มีเงินได้ของตนเองต้งั แต่ 15,000 บาทข้ึนไป และเงินไดน้ ้นั ตอ้ งไม่เขา้ ลกั ษณะ

ไดร้ ับยกเวน้ ภาษี
- บุตรศึกษาในประเทศไทย หกั ลดหยอ่ นเพ่อื การศึกษาไดอ้ ีกคนละ 2,000 บาท

2. หกั ลดหยอ่ นเบ้ียประกนั ชีวติ มีหลกั เกณฑ์ ดงั น้ี
- กรมธรรมป์ ระกนั ชีวติ มีกาํ หนดต้งั แต่ 10 ปี ข้ึนไป
- ผรู้ ับประกนั ตอ้ งประกอบกิจการในราชอาณาจกั รไทย
- ผมู้ ีเงินได้ ทาํ ประกนั ชีวติ ไวใ้ หห้ กั ไดเ้ ท่าท่ีจ่ายจริง แตไ่ ม่เกิน 100,000 บาท
- คูส่ มรสมีเงินได้ ทาํ ประกนั ชีวติ ไวใ้ หห้ กั ไดเ้ ทา่ ที่จา่ ยจริง แต่ไมเ่ กิน 100,000 บาท
- คู่สมรสไมม่ ีเงินได้ ทาํ ประกนั ชีวติ ไวใ้ หห้ กั ไดเ้ ท่าที่จ่ายจริง แตไ่ มเ่ กิน 10,000 บาท

3. หกั ลดหยอ่ นเงินสะสมเขา้ กองทุนสาํ รองเล้ียงชีพ ใหห้ กั ไดเ้ ทา่ ที่จ่ายจริง แตไ่ มเ่ กิน 10,000 บาท
4. หกั ลดหยอ่ นดอกเบ้ียเงินกเู้ พ่ือท่ีอยอู่ าศยั ใหห้ กั ไดเ้ ท่าท่ีจา่ ยจริง แตไ่ มเ่ กิน 100,000 บาท

25

5. หกั ลดหยอ่ นเงินสมทบเขา้ กองทุนประกนั สังคม ใหห้ กั ไดเ้ ทา่ ที่จ่ายจริง
6. หกั ลดหยอ่ นเงินบริจาคให้สถานสาธารณกุศล ใหห้ กั ไดเ้ ท่าท่ีจ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินที่
เหลือหลงั จากหกั ลดหยอ่ นอ่ืน ๆ แลว้

ตารางบญั ชีอตั ราภาษเี งนิ ได้บุคคลธรรม

เงนิ ได้สุทธิ ช่วงเงนิ ได้ อตั ราภาษี ภาษใี นแต่ละ ภาษสี ะสม
ข้ันเงินได้
1 – 150,000 150,000 ยกเวน้ ภาษี -
150,001 – 500,000 350,000 10 - 35,000
500,001 – 1,000,000 500,000 20 35,000 135,000
1,000,001 – 4,000,000 3,000,000 30 100,000 1,035,000
4,000,001 บาทข้ึนไป 37
900,000

การชําระภาษีเป็ นงวด ผมู้ ีเงินไดจ้ ะตอ้ งเสียภาษีในปี น้นั ๆ เป็ นเงินต้งั แต่ 3,000 บาทข้ึนไปมี
สิทธิขอผอ่ นชาํ ระภาษีเป็นงวดได้ 3 งวด ๆ ละเทา่ ๆ กนั และตอ้ งเสียเงินเพ่มิ ตาม
มาตรา 27 สาํ หรับงวดที่ไมช่ าํ ระและงวดต่อ ๆ ไป

แบบแสดงรายการภาษีเงนิ ได้บุคคลธรรมดา
1. แบบ ภ.ง.ด. 90 สาํ หรับผมู้ ีเงินไดก้ รณีทวั่ ไป ผถู้ ึงแก่ความตายระหวา่ งปี ภาษี กองมรดกท่ี

ยงั ไมไ่ ดแ้ บ่ง ห้างหุน้ ส่วนสามญั หรือคณะบุคคลท่ีมิใช่นิติบุคคลที่มีเงินไดต้ าม
มาตรา 40(1) – (8)
2. แบบ ภ.ง.ด. 91 สาํ หรับผมู้ ีเงินไดป้ ระเภท 1 อยา่ งเดียว ตามมาตรา 40(1)
3. แบบ ภ.ง.ด. 92 สาํ หรับผมู้ ีเงินไดป้ ระเภท 1 อยา่ งเดียว ตามมาตรา 40(1) ที่ยนื่ แบบแสดง
รายการดว้ ยขอ้ มูลในระบบคอมพิวเตอร์
4. แบบ ภ.ง.ด. 93 สาํ หรับยนื่ รายการภาษีเงินไดบ้ ุคคลธรรมดาก่อนถึงกาํ หนดเวลายน่ื แบบ
แสดงรายการตามมาตรา 52 ทวิ
5. แบบ ภ.ง.ด. 94 สาํ หรับผมู้ ีเงินไดต้ ามมาตรา 40(5) (6) (7) หรือ (8)
6. แบบ ภ.ง.ด. 95 สําหรับคนต่างด้าวที่มีเงินได้จากการจ้างแรงงาน ของสํานักงานปฏิบตั ิการ
ภูมิภาคการขอคืนภาษีที่ชะรําไวเ้ กิน ตอ้ งยื่นคาํ ร้องต่อเจา้ พนักงานประเมิน
ภายใน 3 ปี นบั แตว่ นั สุดทา้ ยแห่งปี ที่ถูกหกั ภาษีเกินไป

26

การยนื่ ชําระภาษี
1. ผมู้ ีเงินไดต้ ามมาตรา 40(1) (2) (3) (4) จะตอ้ งยนื่ ชาํ ระภาษีภายในวนั ที่ 31 มีนาคม ปี ถดั ไป

2. ผมู้ ีเงินไดต้ ามมาตรา 40(5) (6) (7) (8) จะตอ้ งยนื่ ชาํ ระภาษีปี ละ 2 คร้ัง
คร้ังที่ 1 ยนื่ ชาํ ระภาษีภายในวนั ที่ 30 กนั ยายน ปี เดียวกนั

คร้ังที่ 2 ยน่ื ชาํ ระภาษีภายในวนั ท่ี 31 มีนาคม ปี ถดั ไป

บทกาํ หนดโทษ
มาตรา 37 บญั ญตั ิวา่ “ผใู้ ด

(1) โดยรู้อยแู่ ลว้ หรือจงใจแจง้ ความเทจ็ หรือใหถ้ อ้ ยคาํ เทจ็ หรือตอบคาํ ถามดว้ ยถอ้ ยคาํ อนั เป็ นเทจ็
หรือนาํ พยานหลกั ฐานเทจ็ มาแสดง เพอ่ื หลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรตามลกั ษณะน้ี หรือ

(2) โดยความเท็จ โดยฉ้อโกง หรืออุบาย หรือโดยวิธีการอ่ืนใด ทาํ นองเดียวกนั หลีกเลี่ยง หรือ
พยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรตามลกั ษณะน้ีตอ้ งระวางโทษจาํ คุกต้งั แต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และ
ปรับต้งั แต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท
มาตรา 37 ทวิ บญั ญตั ิวา่ “ผใู้ ดเจตนาละเลย ไม่ยนื่ รายการที่ตอ้ งยื่นตามลกั ษณะน้ี เพื่อ

หลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ตอ้ งระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือจาํ คุกไม่
เกิน 6 เดือน หรือท้งั จาํ ท้งั ปรับ”

* - กรณียน่ื ชาํ ระภาษีเกินกาํ หนดเวลา ใหเ้ สียเงินเพิม่ อีกร้อยละ 1.5 ตอ่ เดือน
- กรณีผปู้ ระกอบไม่ย่นื แบบแสดงรายการ หรือยน่ื เกินกาํ หนดเวลา ตอ้ งรับโทษปรับทางอาญา
ไม่เกิน 2,000 บาท

ข้อท่ี 21 ลกั ษณะของกจิ การวสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม (คะแนน 1)

กิจการท่ีมีลกั ษณะเป็ นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ไดแ้ ก่ บริษทั หรือห้างหุ้นส่วนนิติ
บุคคลท่ีมีมูลค่าข้นั สูงของสินทรัพยถ์ าวรซ่ึงไม่รวมท่ีดิน สําหรับการประกอบกิจกรรมดา้ น การผลิต
หรือการใหบ้ ริการไม่เกิน 200 ลา้ นบาท และมีการจา้ งแรงงานไม่เกิน 200 คน

ประโยชนท์ างภาษีอากรที่วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มไดร้ ับ
1. การปรับลดอตั ราภาษีเงินไดน้ ิติบุคคล
2. การใหห้ กั ค่าเส่ือมราคาในอตั ราเบ้ืองตน้ ในราคาพเิ ศษ
3. การใหส้ ิทธิประโยชนท์ างภาษีสาํ หรับธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital : VC)

27

สิทธิประโยชน์ทางภาษีสําหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
สิทธิประโยชน์ ผู้ประกอบการ

1. ล ดอัตราภาษี เงิน ได้นิ ติ บุ คคล สําห รับ 1. เป็ นนิติบุคคลไทยท่ีมีทุนจดทะเบียนชาํ ระ
ผปู้ ระกอบการขนาดยอ่ ม แล้วในวนั สุดท้ายของรอบระยะเวลาบญั ชีไม่
- ร้อยละ 20 สําหรับกาํ ไรสุทธิไมเ่ กิน 1 ลา้ น เกิน 2 ลา้ นบาท
บาท 2. ตอ้ งเป็ นกาํ ไรสุทธิท่ีเกิดข้ึนในรอบระยะเวลา
- ร้อยละ 25 สําหรับกาํ ไรสุทธิที่เกิน 1 ลา้ น บญั ชีที่เร่ิมในหรือหลงั วนั ที่ 1 มกราคม 2545
บาท แต่ไม่เกิน 3 ลา้ นบาท และสําหรับกาํ ไร
สุทธิในส่วนท่ีเกินกวา่ 3 ลา้ นบาทให้เสียภาษีใน

อตั ราร้อยละ 30

2. ให้ผูป้ ระกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม 1. เป็ นนิติบุคคลไทย ท่ีมีสินทรัพยถ์ าวรไมร่ วม
หักค่าเส่ือมราคาเบ้ืองต้นในวนั ท่ีได้ทรัพย์สิน ท่ีดินไม่เกิน 200 ลา้ นบาท และจา้ งแรงงานไม่
ประเภทคอมพิวเตอร์ อาคารและเคร่ืองจกั ร เกิน 200 คน

ดงั น้ี 2. ใชส้ าํ หรับทรัพยส์ ินไดม้ าภายในหรือหลงั 31
- ค อ ม พิ วเต อ ร์ แ ล ะ อุ ป ก รณ์ (ไม่ รว ม มกราคม 2545
โปรแกรม คอมพิวเตอร์) ให้หักค่าเส่ือมราคา

เบ้ืองตน้ ร้อยละ

สิทธิประโยชน์ ผู้ประกอบการ

40 ในวนั ที่ได้ทรัพย์สิ นมา ส่วนที่เหลือให้
ทยอยหักตามอัตราที่กฎหมายกําหนด โดย
สามารถหักค่าเส่ือมภายในเวลาไม่น้อยกว่า 3
รอบระยะเวลา
บญั ชี

- อาคาร โรงงาน ให้หักค่าเส่ื อมราคา
เบ้ืองตน้ ร้อยละ25 ในวนั ท่ีไดท้ รัพยส์ ินมา ส่วน
ท่ีเหลือใหท้ ยอยหักตามอตั ราท่ีกฎหมายกาํ หนด
โดยสามารถหักค่าเส่ือมภายในเวลาไม่นอ้ ยกว่า
20 รอบระยะเวลาบญั ชี

- เครื่องจกั รและอุปกรณ์เคร่ืองจกั ร ใหห้ กั
คา่ เสื่อมราคาเบ้ืองตน้ ร้อยละ 40 ในวนั ท่ีได้

28

ทรัพยส์ ินมา ส่วนที่เหลือใหท้ ยอยหกั ตามอตั รา
ท่ีกฎหมายกาํ หนด โดยสามารถหกั คา่ เส่ือม
ภายในเวลาไม่นอ้ ยกวา่ 5 รอบระยะเวลาบญั ชี
3. ยกเวน้ เงินปันผล หรือผลประโยชน์ท่ีไดจ้ าก 1. วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มท่ี VC เขา้
การโอนหุ้นที่นิติบุคคลร่วมลงทุน (VC) ไดร้ ับ ไปลงทุนหมายถึง นิติบุคคลไทยท่ีมีสินทรัพย์
จากการถือหุ้นในวสิ าหกิจขนาดกลางและขนาด ถาวรไม่รวมท่ีดินไม่เกิน 200 ลา้ นบาท และจา้ ง
ยอ่ ม แรงงานไม่เกิน 200 คน2. นิติบุคคลร่วมลงทุน

(VC) ตอ้ งเป็ นนิติบุคคลตามกฎหมายไทยตาม
ประกาศกระทรวงการคลงั ท่ีประกอบธุรกิจเงิน
ร่วมลงทุน โดยมีทุนจดทะเบียนไม่นอ้ ยกวา่ 200
ลา้ นบาท และมีการชาํ ระคา่ หุ้นคร้ังแรก ไม่นอ้ ย
กวา่ ...... ของทุนจดทะเบียน และชาํ ระค่าหุ้นท่ี
เหลือท้งั หมดภายใน 3 ปี นับแต่วนั จดทะเบียน
(โดย VC สามารถลดทุนจดทะเบียนไดห้ ากถือ
หุน้ ใน SMEs ติดตอ่ กนั นานกวา่ 7 ปี )

สิทธิประโยชน์ ผู้ประกอบการ

3. ต้องได้รับการข้ึนทะเบียนกับสํานักงาน
ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร กํา กับ ห ลัก ท รั พ ย์แ ล ะ ต ล า ด
หลกั ทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายใน3 ปี นับแต่วนั ท่ี 31

มกราคม 2545
4. VC ต้องมีสัดส่วนหุ้นใน SMEs ต่อทุนจด
ทะเบียนชาํ ระแลว้ ดงั น้ี

- 20% สาํ หรับรอบระยะเวลาบญั ชีปี ท่ี 1
- 40% สาํ หรับรอบระยะเวลาบญั ชีปี ท่ี 2
- 60% สาํ หรับรอบระยะเวลาบญั ชีปี ที่ 3
- 80% สาํ หรับรอบระยะเวลาบญั ชีปี ท่ี 4
5. ตอ้ งถือหุ้นใน SMEs อยา่ งนอ้ ย 7 ปี ติดตอ่ กนั
เวน้ แตS่ MEs น้นั จะสามารถเขา้ ไปจดทะเบียน
6. ตอ้ งมอบหมายใหผ้ ไู้ ดร้ ับใบอนุญาตประกอบ
ธุ รกิ จห ลัก ท รั พ ย์ป ระ เภ ท ก ารจัด ก ารเงิ น ร่ วม
ลงทุนเป็นผจู้ ดั การ VC ใน SMEs

29

4. ยกเวน้ เงินปันผลและผลประโยชน์จากการ ผูถ้ ือหุ้นใน VC หากได้รับเงินปันผลหรือ
โอนหุ้นท่ีให้แก่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ผลประโยชน์จากการโอนหุ้น จะได้รับการ
เงินได้ท่ีไดร้ ับจาก VC ท่ีได้รับจากการยกเวน้ ยกเวน้ ภาษีโดยไม่จาํ เป็ น ตอ้ งกาํ หนดระยะเวลา

ภาษีตามขอ้ 3 ในการถือครองหุ้นใน VC ตามหลักเกณฑ์ที่

กาํ หนดในขอ้ 3

ข้อท่ี 22 การยนื่ ชําระภาษี (คะแนน 1)

1. ผูม้ ีเงินไดต้ ามมาตรา 40(1) (2) (3) (4) จะตอ้ งยื่นชาํ ระภาษีภายในวนั ที่ 31 มีนาคม ปี
ถดั ไป

2. ผมู้ ีเงินไดต้ ามมาตรา 40(5) (6) (7) (8) จะตอ้ งยน่ื ชาํ ระภาษีปี ละ 2 คร้ัง
คร้ังท่ี 1 ยนื่ ชาํ ระภาษีภายในวนั ที่ 30 กนั ยายน ปี เดียวกนั
คร้ังท่ี 2 ยน่ื ชาํ ระภาษีภายในวนั ท่ี 31 มีนาคม ปี ถดั ไป

ข้อท่ี 23 บทกาํ หนดโทษภาษีทางตรง (คะแนน 1)

มาตรา 37 บญั ญตั ิวา่ “ผใู้ ด
(3) โดยรู้อยแู่ ลว้ หรือจงใจแจง้ ความเทจ็ หรือใหถ้ อ้ ยคาํ เทจ็ หรือตอบคาํ ถามดว้ ยถอ้ ยคาํ อนั เป็ นเท็จ

หรือนาํ พยานหลกั ฐานเทจ็ มาแสดง เพอ่ื หลีกเล่ียงการเสียภาษีอากรตามลกั ษณะน้ี หรือ
(4) โดยความเท็จ โดยฉ้อโกง หรืออุบาย หรือโดยวิธีการอ่ืนใด ทาํ นองเดียวกนั หลีกเล่ียง หรือ

พยายามหลีกเล่ียงการเสียภาษีอากรตามลกั ษณะน้ีตอ้ งระวางโทษจาํ คุกต้งั แต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และ
ปรับต้งั แต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท

มาตรา 37 ทวิ บญั ญตั ิวา่ “ผใู้ ดเจตนาละเลย ไม่ยน่ื รายการท่ีตอ้ งยน่ื ตามลกั ษณะน้ี เพ่ือหลีกเลี่ยง
หรือพยายามหลีกเล่ียงการเสียภาษีอากร ตอ้ งระวางโทษปรับไมเ่ กิน 5,000 บาท หรือจาํ คุกไม่เกิน 6 เดือน
หรือท้งั จาํ ท้งั ปรับ”

* - กรณียนื่ ชาํ ระภาษีเกินกาํ หนดเวลา ใหเ้ สียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน
- กรณีผปู้ ระกอบไมย่ ่นื แบบแสดงรายการ หรือยน่ื เกินกาํ หนดเวลา ตอ้ งรับโทษปรับทางอาญา
ไม่เกิน 2,000 บาท

30

ข้อท่ี 24 ภาษมี ูลค่าเพม่ิ (คะแนน 1)

ภาษีมูลค่าเพ่ิม คือ ภาษีท่ีเกบ็ จากมูลค่าของสินคา้ หรือบริการส่วนที่เพ่ิมข้ึนในแต่ละข้นั ตอนของ
การผลิต และการจาํ หน่ายสินคา้ หรือบริการชนิดต่าง ๆ

ผู้มีหน้าทเี่ สียภาษีมูลค่าเพม่ิ
1. ผปู้ ระกอบการ (มาตรา 77/1 (5))
2. ผนู้ าํ
3. ผทู้ ่ีกฎหมายกาํ หนดใหม้ ีหนา้ ท่ีเสียภาษีมลู ค่าเพ่มิ (ตามมาตรา 82/1 แห่งประมวลรัษฎากร)
อตั ราภาษีมูลค่าเพม่ิ
อตั ราร้อยละ 7 สาํ หรับการประกอบกิจการ (อตั ราร้อยละ 0 สาํ หรับเงินไดต้ ามมาตรา 80/1)
1. การขายสินคา้
2. การใหบ้ ริการ

3. การนาํ เขา้

การคาํ นวณภาษีมูลค่าเพ่มิ ท่ีตอ้ งชาํ ระในแตล่ ะเดือน จะเป็นดงั น้ี
ภาษีที่ตอ้ งชาํ ระ = ภาษีขาย – ภาษีซ้ือ

การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพม่ิ
ผมู้ ีหนา้ ที่จดทะเบียนภาษีมลู ค่าเพ่ิม ไดแ้ ก่ ผปู้ ระกอบการท่ีขายสินคา้ หรือใหบ้ ริการในทางธุรกิจ

หรือวชิ าชีพ มีดงั น้ี
1. ผปู้ ระกอบการจากการขายสินคา้ หรือใหบ้ ริการเกินกวา่ 1,800,000 บาทต่อปี
2. ผปู้ ระกอบการท่ีมีรายรับไม่เกิน 1,800,000 บาทต่อปี แต่มีความประสงคจ์ ะขอจดทะเบียน
ภาษีมูลค่าเพม่ิ
3. ผปู้ ระกอบการท่ีอยนู่ อกราชอาณาจกั ร แต่ไดข้ ายสินคา้ หรือให้บริการในราชอาณาจกั รเป็ น
ปกติธุระ
- แบบคาํ ขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่มิ ไดแ้ ก่ แบบ ภ.พ.01
- ใบกาํ กบั ภาษี คือ เอกสารสําคญั ซ่ึงผูป้ ระกอบการจดทะเบียนในระบบภาษีมูลค่าเพ่ิมจะตอ้ ง

ออกใหก้ บั ผซู้ ้ือทุกคร้ังที่มีการขายสินคา้ หรือใหบ้ ริการ

ข้อท่ี 25 และ 26 ให้ดูข้อมูลจากข้อ 2 รูปแบบขององค์กร (คะแนน 2)

31

ข้อท่ี 27 บทกาํ หนดโทษภาษีทางอ้อม (คะแนน 1)
1. เงินเพม่ิ กรณียน่ื แบบและชาํ ระภาษีเพิ่มเติมเกินกาํ หนดเวลา หรือยน่ื เกินกาํ หนดเวลา

ตอ้ งรับผิดเงินเพิ่มอตั ราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ของเงินภาษีที่ตอ้ งชําระ (เศษของเดือนให้นับเป็ นหน่ึง
เดือน)

2. เบ้ียปรับ กรณีย่ืนแบบแสดงรายการไวไ้ ม่ถูกต้องเป็ นเหตุให้การคาํ นวนภาษี
คลาดเคลื่อนหรือย่ืนเกินกาํ หนดเวลา ตอ้ งรับผิดชาํ ระเบ้ียปรับ 1 เท่า หรือ 2 เท่า ของเงินภาษีแลว้ แต่
กรณี แต่สามารถลดเบ้ียปรับไดต้ ามระเบียบที่อธิบดีกาํ หนด

3. โทษอาญา กรณีผปู้ ระกอบการไม่ยนื่ แบบแสดงรายการหรือยื่นแต่เกินกาํ หนดเวลา
หรือฝ่ าฝื นไม่ปฏิบตั ิตามบญั ญตั ิต่าง ๆ ตอ้ งไดร้ ับโทษปรับทางอาญาตามแต่ลกั ษณะของความผิด ต้งั แต่
โทษปรับ จาํ คุก หรือ ท้งั จาํ ท้งั ปรับ

ข้อท่ี 28 กฎหมายประกนั สังคม (คะแนน 1)

พระราชบญั ญตั ิประกนั สังคม พ.ศ.2533 แกไ้ ขเพ่ิมเติม พ.ศ.2542 เก่ียวขอ้ งกบั นายจา้ งและลูกจา้ ง
เป็ นการประกนั ความเป็ นอยขู่ องลูกจา้ ง ให้สามารถดาํ รงชีวิตอยู่ไดโ้ ดยปกติสุข ในยามประสบอนั ตราย
หรือเจบ็ ป่ วยท่ีไม่เกี่ยวกบั การทาํ งาน การคลอดบุตร ทุพพลภาพ สงเคราะห์บุตร ชราภาพ การวา่ งงาน และ
ตาย โดยกาํ หนดสิทธิและหนา้ ท่ีของรัฐบาล นายจา้ ง และลูกจา้ ง

ผูป้ ระกนั ตน หมายความว่า ลูกจา้ งหรือผูป้ ระกนั ตน ซ่ึงจ่ายเงินสมทบท่ีก่อให้เกิดสิทธิได้รับ
ประโยชน์ทดแทน ตอ้ งมีอายไุ ม่ต่าํ กวา่ 15 ปี บริบูรณ์ และไม่เกิน 60 ปี บริบูรณ์ผปู้ ระกนั ตนมี 3 ประเภท
คือ

1. ผปู้ ระกนั ตนทีอยใู่ นขา่ ยบงั คบั ของกฎหมายท่ีทาํ งานอยใู่ นสถานประกอบการที่มีลูกจา้ งต้งั แต่
1 คนข้ึนไป

2. ผปู้ ระกนั ตนโดยสมคั รใจ คือผทู้ ี่พน้ สภาพการเป็นลูกจา้ งและไดส้ มคั รเป็นผปู้ ระกนั ตนต่อไป
3. ผปู้ ระกนั ตนซ่ึงไมใ่ ช่ลูกจา้ ง คือผทู้ ่ีประกอบอาชีพอิสระท่ีสมคั รเป็นผปู้ ระกนั ตน

ผปู้ ระกนั ตนตอ้ งจ่ายเงินสมบทเขา้ กองทุนประกนั สังคมท้งั หมดทุกประเภทรวมกนั ในอตั ราร้อย
ละ 5 ของค่าจา้ งรายเดือน ลูกจา้ งที่มีอตั ราค่าจา้ งต่าํ กวา่ เดือนละ 1,650 บาท ไม่ตอ้ งส่งเงินสมทบ (ต่าํ สุด

เดือน 1,650 สูงสุดเดือนละ 15,000 บาท)
เงินสมทบร้อยละ 5 แบง่ เป็น

1. กรณีเจบ็ ป่ วยหรือประสบอนั ตราย ร้อยละ 1.5

2. กรณีชราภาพ ร้อยละ 3.0
3. กรณีวา่ งงาน
ร้อยละ 0.5

32

การนาํ ส่งเงินสมทบ ให้นายจา้ งหักค่าจา้ งของผปู้ ระกนั ตนตามจาํ นวนท่ีตอ้ งนาํ ส่งรวม
กบั ส่วนของนายจา้ งส่งให้แก่สํานกั งานประกนั สังคมภายในวนั ที่ 15 ของเดือนถดั ไป พร้อมท้งั ย่ืนแบบ
แสดงรายการส่งเงินสมทบ

ประโยชน์ทดแทน หมายถึง ประโยชน์ที่ผูป้ ระกนั ตนจะได้รับตามสิทธิจากกองทุน
ประกนั สงั คม มี 7 ประเภท

1. กรณีประสบอนั ตรายหรือเจบ็ ป่ วย
2. การณีคลอดบุตร
3. กรณีทุพพลภาพ
4. กรณีตาย
5. กรณีสงเคราะห์บุตร
6. กรณีชราภาพ
7. กรณีวา่ งงาน

ข้อท่ี 29 กฎหมายเงินทดแทน (คะแนน 1)

พ.ร.บ. เงินทดแทน พ.ศ.2537 เป็ นกฎหมายคุม้ ครองลูกจา้ งหรือผทู้ ี่เป็นทายาท หรืออยใู่ นอุปการะ
ของลูกจา้ ง กาํ หนดใหน้ ายจา้ งจา่ ยเงินใหแ้ ก่บุคคลดงั กล่าว เป็นการใหค้ วามช่วยเหลือเยยี วยาความเสียหาย
ที่เกิดข้ึน เน่ืองจากลูกจา้ งไดร้ ับภยั อนั ตรายหรือเจ็บป่ วยหรือตาย อนั เนื่องมาจากการทาํ งานให้นายจา้ ง
โดยไมต่ อ้ งพิสูจน์วา่ เป็นความประมาทเลินเล่อของใคร

เหตุแห่งการจ่ายเงินทดแทน เม่ือลูกจา้ งประสบอนั ตราย เจ็บป่ วย หรือตายหรือสูญเสีย ลูกจา้ ง
หรือทายาทมีสิทธิไดร้ ับผลประโยชนด์ งั น้ี

1. กรณีเจบ็ ป่ วยหรือประสบอนั ตราย
- ไดร้ ับค่ารักษาพยาบาลเท่าท่ีจา่ ยจริง แตไ่ ม่เกิน 35,000 บาท ถา้ บาดเจบ็ ข้นั รุนแรงมีสิทธิ
ได้รับเพิ่มอีก 50,000 บาท ในกรณีเจ็บป่ วยข้นั รุนแรงและเร้ือรังมีสิทธิไดร้ ับเพิ่มอีกไม่

เกิน 200,000 บาท
- ไดร้ ับคา่ ทดแทนร้อยละ 60 ของค่าจา้ งรายเดือน แตส่ ูงสุดไมเ่ กินเดือนละ12,000บาท

2. กรณีการสูญเสียอวยั วะ
- ได้รับค่าทดแทนร้อยละ 60 ของค่าจ้างรายเดือนไม่เกิน 10 ปี ตามประเภทของการ

สูญเสียอวยั วะ
- ไดร้ ับการฟ้ื นฟดู า้ นการแพทยแ์ ละอาชีพตามความจาํ เป็น แตไ่ มเ่ กิน 20,000 บาท
- ไดร้ ับค่าผา่ ตดั ฟ้ื นฟูสมรรถภาพเท่าที่จ่ายจริงแตไ่ มเ่ กิน 20,000 บาท

33

3. กรณีทุพพลภาพ
- ไดร้ ับค่าทดแทนรายเดือนร้อยละ 60 คา่ จา้ งรายเดือน เป็นเวลา 15 ปี

4. กรณีตายหรือสูญเสียอวยั วะ
- ไดร้ ับคา่ ทาํ ศพ 100 เท่าของ อตั ราสูงสุดของค่าจา้ งข้นั ต่าํ รายวนั ตามกฎหมาย
- จา่ ยคา่ ทดแทนใหแ้ ก่ทายาทร้อยละ 60 ของค่าจา้ งเป็นเวลา 8 ปี

ข้อท่ี 30 กฎหมายคุ้มครองแรงงาน (คะแนน 1)

พ.ร.บ.คุม้ ครองแรงงาน พ.ศ.2541 เป็ นกฎหมายที่บญั ญตั ิถึงสิทธิและหนา้ ท่ีระหวา่ งนายจา้ งกบั
ลูกจา้ ง โดยกาํ หนดมาตรฐานข้นั ต่าํ ในการจา้ ง การใชแ้ รงงาน การจดั สถานที่ และอุปกรณ์ในการทาํ งาน
เพื่อให้ผูท้ าํ งานมีสุขภาพอนามยั ที่ดี มีความปลอดภยั ในชีวิตและร่างกาย และได้รับค่าตอบแทนตาม
สมควร

1. กาํ หนดเวลาทาํ งาน ใหล้ ูกจา้ งทาํ งานวนั หน่ึงไม่เกิน 8 ชว่ั โมง และไม่เกิน 48 ชว่ั โมงต่อ
สัปดาห์(งานท่ีอาจเป็ นอนั ตรายต่อสุขภาพและความปลอดภยั ของลูกจา้ งไมเ่ กิน 7 ชวั่ โมงตอ่ วนั และไมเ่ กิน
42 ชวั่ โมงต่อสปั ดาห์)

2. เวลาพกั ผอ่ น ตอ้ งจดั ใหล้ ูกจา้ งมีเวลาพกั อยา่ งนอ้ ยวนั ละ 1 ชว่ั โมง
3. วนั หยดุ ประจาํ สัปดาห์ ใหห้ ยดุ ไม่นอ้ ยกวา่ สปั ดาห์ละ 1 วนั และมีระยะห่างไมเ่ กิน 6 วนั
4. วนั หยุดตามประเพณี ตอ้ งจดั ให้มีวนั หยุดตามประเพณีอย่างน้อยปี ละ 13 วนั และลูกจา้ งยงั มี
สิทธิไดร้ ับคา่ จา้ งในวนั หยดุ ตามประเพณี
5. วนั หยดุ พกั ผ่อนประจาํ ปี ลูกจา้ งที่ทาํ งานครบ 1 ปี มีสิทธิลาพกั ผอ่ นไดไ้ ม่นอ้ ยกว่า 6 วนั ต่อปี
และลูกจา้ งยงั มีสิทธิไดร้ ับค่าจา้ งในวนั หยดุ พกั ผอ่ นประจาํ ปี ได้ (นายจา้ งกบั ลูกจา้ งอาจตกลงกนั ล่วงหนา้
ในการสะสมวนั หยดุ พกั ผอ่ นประจาํ ปี ไปรวมหยดุ ในปี ถดั ไปได)้

6. วนั ลา
- ลาป่ วย ลูกจา้ งลาป่ วยไดต้ ามที่ป่ วยจริงแต่ไมเ่ กินปี ละ30วนั และมีสิทธิไดร้ ับค่าจา้ งตามปกติ
- ลาคลอด ลาคลอดไดไ้ ม่เกิน 90 วนั แต่มีสิทธิไดร้ ับค่าจา้ งไม่เกิน 45 วนั
- ลากิจ กฎหมายไม่ไดก้ าํ หนดวนั ลากิจไว้ ลูกจา้ งจึงไม่มีสิทธิไดร้ ับค่าจา้ งในวนั ลากิจ
- ลาฝึ กอบรม ลูกจ้างมีสิ ทธิลาฝึ กอบรมตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีกําหนดใน

กฎกระทรวง แตไ่ มไ่ ดร้ ับคา่ จา้ งระหวา่ งท่ีลา

- ลาเพ่ือรับราชการทหาร ลาได้ตามจาํ นวนวนั ทางการทหารเรียก และได้รับค่าจา้ ง
ระหวา่ งท่ีลาไม่เกิน 60 วนั

7. คา่ จา้ งและการทาํ งานล่วงเวลา ลูกจา้ งจะตอ้ งไดร้ ับค่าจา้ งไมน่ อ้ ยกวา่ อตั ราค่าจา้ งข้นั ต่าํ ท่ี

34

กฎหมายกาํ หนด
- ทาํ งานเกินเวลาในวนั ทาํ งานปกติ ตอ้ งจ่ายค่าล่วงเวลาไม่น้อยกวา่ 1 เท่า คร่ึงต่อ 1 ชม.

ในวนั ทาํ งาน
- ทาํ งานวนั หยดุ เวลาทาํ งานปกติ ตอ้ งจ่ายค่าล่วงเวลาอีก 1 เทา่ ของคา่ จา้ ง
- ทาํ งานวนั หยดุ เกินเวลาทาํ งานปกติ ตอ้ งจา่ ยคา่ ล่วงเวลาไม่นอ้ ยกวา่ 3 เทา่ ขอ

อตั ราคา่ จา้ งตอ่ 1 ชม.ในวนั ทาํ งาน
8. สวัสดิการ ในสถานประกอบการท่ีมีลูกจ้างต้ังแต่ 50 คนข้ึนไป ให้นายจ้างจัดให้มี

คณะกรรมการสวสั ดิการในสถานประกอบการ ประกอบดว้ ยผแู้ ทนฝ่ ายลูกจา้ งอยา่ งนอ้ ย 5 คน ร่วมหารือ
กบั นายจา้ งเพื่อจดั สวสั ดิการ ตรวจตรา ควบคุม ดูแล ใหค้ าํ ปรึกษาเสนอขอ้ คิดเห็น และแนวทางในการจดั
สวสั ดิการท่ีเป็นประโยชนก์ บั ลูกจา้ งตอ่ คณะกรรมการสวสั ดิการแรงงาน

9. ค่าชดเชย ในกรณีนายจา้ งเลิกจา้ งโดยลูกจา้ งไม่มีความผิด ให้นายจา้ งจ่ายค่าชดเชยตามหลกั
เกณฑด์ งั น้ี

1. ลูกจา้ งทาํ งานครบ 120 วนั แตไ่ มค่ รบ1ปี ไดร้ ับค่าชดเชยเท่ากบั ค่าจา้ งอตั ราสุดทา้ ย30 วนั
2. ลูกจา้ งทาํ งานครบ 1 ปี แตไ่ มค่ รบ 3 ปี ไดร้ ับค่าชดเชยเท่ากบั คา่ จา้ งอตั ราสุดทา้ ย 90 วนั
3. ลูกจา้ งทาํ งานครบ 3 ปี แตไ่ มค่ รบ 6 ปี ไดร้ ับคา่ ชดเชยเทา่ กบั คา่ จา้ งอตั ราสุดทา้ ย180วนั
4. ลูกจา้ งทาํ งานครบ 6 ปี แตไ่ มค่ รบ 10 ปี ไดร้ ับค่าชดเชยเท่ากบั คา่ จา้ งอตั ราสุดทา้ ย240วนั
5. ลูกจา้ งทาํ งานครบ 10 ปี ข้ึนไป ไดร้ ับค่าชดเชยเทา่ กบั ค่าจา้ งอตั ราสุดทา้ ย 300 วนั

ข้อยกเว้นทน่ี ายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
1. ทุจริตต่อหนา้ ที่หรือกระทาํ ความผดิ อาญาโดยเจตนาแก่นายจา้ ง
2. จงใจทาํ ใหน้ ายจา้ งไดร้ ับความเสียหาย
3. ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุใหน้ ายจา้ งไดร้ ับความเสียหายอยา่ งร้ายแรง
4. ฝ่ าฝื นขอ้ บงั คบั เกี่ยวกบั การทาํ งานหรือระเบียบหรือคาํ สั่งอนั ชอบดว้ ยกฎหมายของนายจา้ ง
และนายจา้ งไดต้ กั เตือนเป็นหนงั สือแลว้
5. ละทิ้งหนา้ ที่เป็ นเวลาสามวนั ติดต่อกนั โดยไม่มีเหตุผลอนั สมควร (จะมีวนั หยดุ คน่ั หรือไม่ก็
ตาม)
6. ไดร้ ับโทษจาํ คุกตามคาํ พิพากษาถึงที่สุดใหจ้ าํ คุก

ข้อ 31 ภาษีป้ าย
ป้ ายที่ตอ้ งเสียภาษี ไดแ้ ก่ ป้ ายที่แสดงช่ือ ยี่ห้อหรือเครื่องหมายท่ีใชใ้ นการประกอบกิจการคา้

โฆษณาทางการคา้ หรือประกอบกิจการอยา่ งอ่ืนเพอ่ื หารายได้ โดยการเขียนสลกั จารึกหรือใชว้ ธิ ีการอ่ืน
เพือ่ เป็นการแสดงขอ้ ความ ภาพหรือเครื่องหมายสาํ หรับใชป้ ระกอบกิจการ

35

ผูม้ ีหน้าที่เสียภาษีป้ าย คือ เจ้าของป้ ายซ่ึงแสดงป้ ายช่ือ ย่ีห้อหรือเคร่ืองหมายที่ใช้ในการ
ประกอบกิจการคา้ หรือประกอบกิจการอ่ืน โดยมีเจตนาเพื่อหารายได้ หรือโฆษณาการคา้ หรือกิจการ
อ่ืนเพ่ือหารายได้ ไม่ว่าจะได้แสดงหรือโฆษณาไวท้ ่ีวตั ถุใด ๆ หรือทาํ ให้ปรากฏด้วยวิธีใด ๆ ก็ตาม
เจา้ ของป้ ายจะตอ้ งเสียภาษีเป็นรายปี

อตั ราภาษปี ้ าย
1. ป้ ายที่มีอกั ษรไทยลว้ น ใหค้ ิดอตั รา 3 บาทต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
2. ป้ ายท่ีมีอกั ษรไทยปนกบั อกั ษรต่างประเทศ และ หรือปนกบั ภาพ และเคร่ืองหมายอื่น ให้คิด
อตั รา 20 บาท ตอ่ 500 ตารางเซนติเมตร
3. ป้ ายดงั ต่อไปน้ี ใหค้ ิดอตั รา 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
- ป้ ายท่ีไมม่ ีอกั ษรไทย
- ป้ ายที่มีอกั ษรไทยบางส่วนหรือท้งั หมด อยใู่ ตห้ รือต่าํ กวา่ อกั ษรตา่ งประเทศ
4. เมื่อคาํ นวณพ้ืนท่ีป้ ายแลว้ ถา้ มีเศษเกิน 250 ตารางเซนติเมตร ใหค้ ิดเป็น 500 ตารางเซนติเมตร
5. เม่ือคาํ นวณพ้ืนท่ีป้ ายแลว้ เสียภาษีต่าํ กวา่ ป้ ายละ 200 บาท ใหเ้ สียภาษีป้ ายละ 200 บาท
การยนื่ แบบแสดงรายการภาษีป้ าย เจา้ ของป้ ายตอ้ งยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ ายตามแบบ ภ.ป.1

ภายในเดือนมีนาคมของทุกปี
การขอคืนเงินภาษีป้ าย กรณีเสียภาษีป้ ายโดยไม่มีหนา้ ท่ีตอ้ งเสีย หรือเสียเกินกวา่ ความเป็ นจริง

ตอ้ งยน่ื คาํ ร้องขอเงินภาษีคืน ภายใน 1 ปี นบั แตว่ นั ท่ีเสียภาษี

โทษในทางแพ่ง
(1) กรณีไมย่ นื่ แบบแสดงรายการภาษีป้ ายในเวลาที่กาํ หนด ตอ้ งเสียเงินเพ่มิ อีกร้อยละ 10

ของจาํ นวนเงินท่ีตอ้ งเสียภาษีป้ าย เวน้ แต่เจา้ ของป้ ายไดย้ ่ืนแบบแสดงรายการก่อนท่ีพนักงานเจา้ หน้าที่
จะแจง้ ใหท้ ราบถึงการละเวน้ ใหเ้ สียเงินเพม่ิ ร้อยละ 5 ของจาํ นวนเงินที่ตอ้ งเสียภาษีป้ าย

(2) กรณียนื่ แบบแสดงรายการภาษีป้ ายไม่ถูกตอ้ ง ทาํ ใหเ้ สียภาษีป้ ายนอ้ ยลง ตอ้ งเสียเงิน
เพิม่ ร้อยละ 10 ของภาษีป้ ายที่ประเมินเพม่ิ เติม

โทษในทางอาญา
(1) ผใู้ ดจงใจไม่ยน่ื แบบแสดงรายการภาษีป้ าย ตอ้ งระวางโทษปรับต้งั แต่ 5,000 บาท

ถึง 50,000 บาท
(2) ผใู้ ดรู้อยแู่ ลว้ หรือโดยจงใจแจง้ ขอ้ ความเป็นเทจ็ ใหถ้ อ้ ยคาํ เทจ็ ตอบคาํ ถามดว้ ย

ถอ้ ยคาํ อนั เป็ นเท็จ หรือนาํ พยานหลกั ฐานเท็จมาแสดง เพื่อหลีกเล่ียงหรือพยายามหลีกเล่ียงการเสียภาษี
ป้ าย ตอ้ งระวางโทษจาํ คุกไมเ่ กิน 1 ปี หรือปรับต้งั แต่ 5,000 บาท ถึง 50,000 บาท หรือท้งั จาํ ท้งั ปรับ

36

(3) ไมช่ าํ ระภาษีป้ ายภายในเวลาท่ีกาํ หนด ใหเ้ สียเงินเพม่ิ ร้อยละ 2 ตอ่ เดือน ของจาํ นวน
เงินที่ตอ้ งเสียภาษีป้ าย

(4) ป้ ายที่ติดต้งั บนอสังหาริมทรัพยข์ องผอู้ ่ืน ไม่มีชื่อและท่ีอยขู่ องเจา้ ของป้ าย ตอ้ งระวาง
โทษปรับวนั ละ 100 บาท ตลอดระยะเวลาท่ีกระทาํ ความผดิ

(5) ผใู้ ดไมแ่ จง้ การรับโอนป้ าย หรือไมแ่ สดงรายการเสียภาษีป้ ายไว้ ณ ท่ีเปิ ดเผย ตอ้ ง
ระวางโทษปรับต้งั แต่ 1,000 บาท ถึง 10,000 บาท

(6) ผใู้ ดขดั ขวางการปฏิบตั ิการของพนกั งานเจา้ หนา้ ที่เกี่ยวกบั ภาษีป้ าย หรือไมป่ ฏิบตั ิตาม
คาํ สั่งของเจา้ พนกั งาน ตอ้ งระวางโทษจาํ คุกต้งั แต่ 6 เดือน หรือปรับต้งั แต่ 1,000 บาท ถึง 20,000 บาท
หรือท้งั จาํ ท้งั ปรับ

ข้อท่ี 32 ความหมายของการวางแผนธุรกจิ (คะแนน 1)
การวางแผน (Plan) หมายถึง การกาํ หนดวตั ถุประสงคห์ รือเป้ าหมายเพ่ือหาแนวทางปฏิบตั ิหรือ

ตดั สินใจไวล้ ่วงหนา้ สาํ หรับใชด้ าํ เนินกิจการใหบ้ รรลุเป้ าหมายท่ีไดก้ าํ หนดไว้
การวางแผนธุรกิจ (Business Plan) คือ แนวทางหรือรายละเอียดในการดาํ เนินงานสําหรับธุรกิจ

ที่จะทาํ การวางแผนธุรกิจ จึงเป็ นเครื่องมือสําคญั สาํ หรับผทู้ ี่มีความต้งั ใจจะเร่ิมตน้ ประกอบกิจการ และผู้
ท่ีตอ้ งการขยายกิจการเพื่อระดมทุนจากผรู้ ่วมลงทุนหรือกเู้ งินจากสถาบนั การเงิน และยงั เป็นเคร่ืองมือใน
การช้ีนาํ ผปู้ ระกอบการใหก้ า้ วไปสู่ความสาํ เร็จ องคก์ รธุรกิจจะประสบความสาํ เร็จหรือไม่ก็ข้ึนอยกู่ บั การ
วางแผนที่ดี ดงั น้นั ก่อนเร่ิมดาํ เนินธุรกิจควรมีการวางแผนไวล้ ่วงหนา้ เพ่อื เป็นการรวบรวมกระบวนการ
พิจารณาตดั สินใจใหเ้ กิดโอกาสทางธุรกิจ

ข้อท่ี 33 ความสําคัญของการจัดทาํ แผนธุรกจิ (คะแนน 1)

1. เป็นเครื่องมือควบคุมการทาํ งานใหม้ ีประสิทธิภาพ ลดข้นั ตอนการทาํ งานซ้าํ ซอ้ น อีก
ท้งั ยงั ประหยดั เงินทุนและเวลาอีกดว้ ย

2. เป็นเครื่องมือในการแสวงหาเงินทุนจากแหล่งเงินทุนต่าง ๆ เช่น สถาบนั การเงิน ผู้
ร่วมลงทุน เป็นตน้

3. แผนธุรกิจทาํ ใหม้ ีเป้ าหมายชดั เจน จึงเป็นเครื่องมือในการประสานการทาํ งานระหวา่ ง
บุคคลในองคก์ รใหม้ ีความพยายามทาํ ใหธ้ ุรกิจประสบผลสาํ เร็จตามเป้ าหมาย

4. แผนธุรกิจสามารถวดั ผลสาํ เร็จได้ หากพบขอ้ ผดิ พลาดเกิดข้ึนกส็ ามารถนาํ ไปแกไ้ ข
ปรับปรุงได้ หรือใชเ้ ป็นขอ้ มลู ในการวางแผนตดั สินใจสาํ หรับการปฏิบตั ิงานต่อเนื่องไปในอนาคต

37

ข้อท่ี 34 องค์ประกอบของแผนธุรกจิ (คะแนน 1)
1. บทสรุปสาํ หรับผบู้ ริหาร
2. ประวตั ิยอ่ ของกิจการ
3. การวเิ คราะห์สถานการณ์ (SWOT Analysis)
4. วตั ถุประสงคแ์ ละเป้ าหมายทางธุรกิจ
5. แผนการตลาด
6. แผนกาํ ลงั คน
7. แผนการผลิต
8. แผนการเงิน

9. แผนการดาํ เนินงาน
10. แผนฉุกเฉินหรือแผนสาํ รอง

ข้อท่ี 35 การจัดทาํ แผนธุรกจิ (คะแนน 1)

องค์ประกอบท่ี 1 บทสรุปสําหรับผู้บริหาร
ส่วนน้ีจดั เป็ นส่วนแรกที่ผูร้ ่วมลงทุนจะอ่าน ดงั น้ันจึงเขียนสรุปใจความสําคญั ของแผนธุรกิจ
ความยาวไม่เกิน 1 – 2 หนา้ ใชถ้ อ้ ยคาํ ท่ีหนกั แน่นในการบรรยาย เม่ืออา่ นแลว้ ดูน่าเช่ือถือ เพอ่ื เป็นการจูง
ใจให้ผอู้ ่านเกิดความรู้สึกอยากอ่านรายละเอียดในแผนตอ่ ไป ควรมุง่ เนน้ ใหเ้ ห็นวา่ เม่ือร่วมลงทุนในธุรกิจ
ท่ีจะทาํ แลว้ จะมีโอกาสทางการตลาดจริง เน้ือหาส่วนน้ีประกอบดว้ ย
1. แนวคิดในการประกอบธุรกิจ อธิบายวา่ จะทาํ ธุรกิจใด จะเริ่มก่อต้งั เมื่อไร ลกั ษณะเด่นหรือ
ความพิเศษของผลิตภณั ฑ์เหนือกวา่ คู่แข่งอยา่ งไร ถา้ ดาํ เนินธุรกิจมาระยะหน่ึง ธุรกิจ กิจการมีขนาดใด

และเจริญเติบโตมากข้ึนเพยี งใด
2. กลยุทธ์ในการดําเนินธุรกิจ บอกยุทธวิธีท่ีจะสร้างโอกาสความสําเร็จโดยนําเสนอภาพ

ขอ้ เทจ็ จริงของตลาด แสดงใหเ้ ห็นวา่ กาํ ลงั มีโอกาสทางการคา้
3. กลุ่มลูกคา้ เป้ าหมาย เป็นการคาดคะเนวา่ ผลิตภณั ฑ์มุ่งหวงั ลูกคา้ กลุ่มใด และทาํ อยา่ งไรจึงจะ

สามารถเขา้ ถึงกลุ่มลูกคา้ อตั ราการเจริญเติบโตของลูกคา้ ยอดขายและส่วนแบ่งทางการตลาดที่คาดวา่ จะ
ไดร้ ับ

4. ความได้เปรียบเชิงแข่งขันของธุรกิจ บรรยายให้เห็นข้อได้เปรียบกว่าคู่แข่งขัน เช่น
ผลิตภณั ฑอ์ อกสู่ตลาดเป็นเจา้ แรก ความพิเศษของผลิตภณั ฑท์ ี่เหนือกวา่ คู่แขง่

5. ความคุม้ ค่าทางเศรษฐกิจและความสามารถในการทาํ กาํ ไร สรุปใหเ้ ห็นถึงความคุม้ ค่าจากการ
ลงทุน เช่น ผลกาํ ไรท่ีจะไดร้ ับ การคาดคะเนสดั ส่วนผลตอบแทนท่ีไดล้ งทุน ระยะเวลาที่จะถึงจุดคุม้ ทุน

38

6. ทีมบริหาร บอกความสําเร็จในอดีต ความสามารถในการทาํ กาํ ไร ประสบการณ์และทกั ษะที่
ผา่ นมาของผบู้ ริหารหลกั ทีมงานหรือทีมบริการอยา่ งยอ่

7. ข้อเสนอผลตอบแทน ระบุให้เห็นว่าเงินที่จะลงทุนของผูร้ ่วมลงทุนหรือเงินกู้จะนําไป
ดาํ เนินการอยา่ งไรบา้ ง ผลตอบแทนท่ีจะไดร้ ับของผรู้ ่วมลงทุนหรือเจา้ ของเงินทุน

องค์ประกอบที่ 2 ประวตั โิ ดยย่อของกจิ การ (Company Summary)
สรุปประวตั ิของกิจการอยา่ งยอ่ เขา้ ใจง่ายโดยกล่าวถึง
1. ประวตั ิความเป็นมาต้งั แต่เร่ิมก่อต้งั กิจการ การจดทะเบียน รูปแบบขององคก์ รท่ีจดั ต้งั
2. ทุนจดทะเบียน เงินลงทุน ทรัพยส์ ินถาวร ประวตั ิการเพม่ิ ทุน
3. สินคา้ หรือบริการที่จาํ หน่ายมีอะไรบา้ ง การพฒั นาสินคา้ หรือบริการตรงตามความตอ้ งการ
ของลูกคา้ เป้ าหมายอยา่ งไร

องค์ประกอบท่ี 3 การวเิ คราะห์สถานการณ์ (SWOT Analysis)
เป็ นการวเิ คราะห์สถานการณ์จากปัจจยั ภายในและปัจจยั ภายนอกขององคก์ รเพ่ือใชเ้ ป็ นขอ้ มูลใน
การกาํ หนดกลยทุ ธ์ท่ีจะสร้างความสาํ เร็จใหแ้ ก่กิจการ

1. การวเิ คราะห์ปัจจัยภายใน
เป็นการตรวจสอบความสามารถ ความพร้อมของกิจการในดา้ นต่าง ๆ ท่ีเป็ นจุดแขง็ (Strengths)
และจุดอ่อน (Weaknesses) ของกิจการ เป็ นการศึกษาวิเคราะห์ปัจจยั ที่เกิดข้ึนจาก การกระทาํ ของ
กิจการเอง ซ่ึงได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการดาํ เนินงานท้งั ในด้านบวก เรียกว่าจุดแข็ง หรือด้านลบ
เรียกวา่ จุดอ่อน เป็ นปัจจยั ที่กิจการสามารถควบคุมได้ เน่ืองจากทราบปัญหาที่เกิดข้ึนเป็ นอยา่ งดี หากมี
การวางแผนบริหารจดั การท่ีเป็ นระบบและมีประสิทธิภาพ ก็จะสามารถเสริมสร้างความเขม้ แข็งของ
ธุรกิจได้ ประกอบดว้ ย

1. สินคา้ และบริการ
2. ราคา
3. ช่องทางการจดั จาํ หน่าย
4. การส่งเสริมการตลาด
5. สถานภาพดา้ นการเงิน
6. การบริหารจดั การ
7. การจดั การดา้ นพนกั งาน
8. การวจิ ยั และพฒั นาผลิตภณั ฑ์

39

2. การวเิ คราะห์ปัจจัยภายนอก
1. เป็ นการวเิ คราะห์สภาพแวดลอ้ มภายนอกขององคก์ ร ซ่ึงองค์กรไม่สามารถควบคุม

ได้ จึงตอ้ งวิเคราะห์แนวโน้มการเปล่ียนแปลงในอนาคตของสภาพแวดล้อมด้วยว่าจะสร้างโอกาส
(Opportunities) หรืออุปสรรค (Threats) ต่อการดาํ เนินธุรกิจ ผลกระทบในแง่บวกจดั เป็ น “โอกาส”
ผลกระทบในแง่ลบจึงจดั เป็น “อุปสรรค” ประกอบดว้ ย

2. แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจ เช่น อัตราดอกเบ้ีย ภาวะเงินเฟ้ อ อํานาจในการซ้ือ
ผบู้ ริโภค การเพิ่มข้ึนของรายไดป้ ระชาชาติ จะส่งผลต่อปริมาณการบริโภคสินคา้ หรือบริการอยา่ งไร
เป็ นตน้

3. แนวโนม้ สภาพแวดลอ้ มทางกฎหมาย กฎหมายหรือขอ้ บงั คบั ท่ีก่อใหเ้ กิดอุปสรรคต่อ
การดาํ เนินธุรกิจ หรือเอ้ือประโยชนต์ ่อการดาํ เนินธุรกิจอยา่ งไร

4. แนวโน้มทางด้านเทคโนโลยี ได้แก่ เทคโนโลยีในการพฒั นาผลิตภณั ฑ์ การ
ตรวจสอบหรือควบคุมคุณภาพ ตรงตามความตอ้ งการของลูกคา้ อยา่ งไร มีอุปสรรคหรือสร้างโอกาส
ใหแ้ ก่ธุรกิจ

5. แนวโน้มทางการเมือง อุตสาหกรรมบางประเภทอาจไดร้ ับผลกระทบต่อนโยบาย
ของรัฐบาล ธุรกิจจึงตอ้ งวิเคราะห์แนวโน้มวา่ ส่งผลต่อการสร้างโอกาสทางธุรกิจหรือก่อให้เกิดปัญหา
อุปสรรค

6. แนวโนม้ ดา้ นสังคมและวฒั นธรรม ทศั นคติ ค่านิยมหรือความพอใจในการบริโภค
ของประชาชนในสังคม วฒั นธรรมในการบริโภค การเปล่ียนแปลงของสังคมและวฒั นธรรมจะส่งผล
กระทบต่อธุรกิจอยา่ งไร

7. แนวโนม้ ดา้ นประชากรศาสตร์ เนื่องจากลูกคา้ ของธุรกิจไม่ใช่ประชากรท้งั หมด แต่
เป็ นเพียงบางกลุ่มเท่าน้ัน ซ่ึงเราเรียกว่ากลุ่มลูกค้าเป้ าหมาย แนวโน้มในการเพ่ิมข้ึนหรือลดลงของ
ประชาชนจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจในแง่ใด เช่น แนวโน้มการเพ่ิมข้ึนของทารกแรกเกิดมากถึง 30
เปอร์เซ็นตข์ องประชากรที่มีอยู่ ส่งผลกระทบในแง่บวกแก่ผปู้ ระกอบการที่มีกลุ่มลูกคา้ เป้ าหมายเป็ นเด็ก
ทารก จึงสร้างโอกาสแก่กลุ่มผลิตภณั ฑน์ มผง เส้ือผา้ หรือเคร่ืองใชส้ าํ หรับทารก เป็นตน้

องค์ประกอบท่ี 4 วตั ถุประสงค์ / เป้ าหมายทางธุรกจิ
เพื่อเป็ นการกําหนดทิศทางให้แก่องค์กรธุรกิจ องค์กรจะต้องกําหนดทิศทางหรือ

เป้ าหมาย ดงั น้ี
1. วสิ ัยทศั น์ (Vision) คือ ความตอ้ งการขององคก์ ร สิ่งที่พึงปรารถนาเพื่อใหเ้ กิดส่ิงที่ดี

ท่ีสุดหรือยอดเยย่ี มท่ีสุดซ่ึงอาจหมายถึง สินคา้ บริการ บุคลากร การดาํ เนินงาน ฯลฯ โดยมิไดก้ าํ หนด

40

ข้นั ตอนหรือวิธีการท่ีจะนําไปสู่ส่ิงท่ีพึงปรารถนาน้ัน ดังน้ัน การกาํ หนดวิสัยทศั น์จึงเป็ นการระบุ
เป้ าหมายกวา้ ง ๆ ของธุรกิจ วา่ มุ่งมน่ั ที่จะทาํ ส่ิงใด มีจุดยนื อยา่ งไร

2. ภารกิจหรือพนั ธกิจ (Mission) คือ แนวคิดหลกั ขององค์กรซ่ึงอาจมีมากกวา่ หน่ึง
ประการ เพ่ือกาํ หนดทิศทางระยะยาวที่ชดั เจนของธุรกิจ เช่น ปรัชญาในการดาํ เนินธุรกิจ ภาพลกั ษณ์ของ
ผลิตภณั ฑ์ ภาพพจน์ขององคก์ ร เป็นตน้ การกาํ หนดภารกิจตอ้ งสัมพนั ธ์กบั วิสัยทศั น์ เนื่องจากวสิ ัยทศั น์
เป็ นการกาํ หนดเป้ าหมายกวา้ ง ๆ จึงตอ้ งระบุความชัดเจนซ่ึงเรียกว่า “ภารกิจ” อาจใช้ประโยคส้ัน ๆ
เพยี งประโยคเดียวหรือหลายประโยควา่ ปัจจุบนั องคก์ รเป็นอยา่ งไร ในอนาคตจะเป็นอยา่ งไร

3. วตั ถุประสงค์ / เป้ าหมาย (Objective / Goals) การกาํ หนดภารกิจจดั เป็น
เป้ าหมายระยะยาว จึงต้องกําหนดวตั ถุประสงค์หรือเป้ าหมายที่องค์กรคาดหวงั หรือมีจุดมุ่งหมายที่
ตอ้ งการไดร้ ับเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาท่ีกาํ หนดไวใ้ นแผนตามลกั ษณะดงั น้ี

1. ควรกําหนดวตั ถุประสงค์หรือเป้ าหมายให้สอดคล้องอยู่ในกรอบของ
วสิ ัยทศั นแ์ ละภารกิจท่ีกาํ หนดไว้ มีความชดั เจน เขา้ ใจง่ายและเป็นไปในทิศทางเดียวกนั

2. คาํ นึงถึงความเป็นไปไดท้ ่ีธุรกิจจะมีโอกาสประสบความสาํ เร็จตามเป้ าหมาย
3. สามารถวดั ผลไดอ้ ย่างเป็ นรูปธรรมดว้ ยการกาํ หนดระยะเวลาที่แน่นอนว่า
เมื่อใดกิจการจึงจะบรรลุเป้ าหมาย

องค์ประกอบท่ี 5 แผนการตลาด
เป็ นการกําหนดแนวทางการดําเนินงานด้านการตลาด โดยวิเคราะห์สถานการณ์ (SWOT
Analysis) ร่วมกบั วตั ถุประสงค์และเป้ าหมายทางธุรกิจ แลว้ ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดและวิธีการดาํ เนิน
กิจกรรมทางการตลาด โดยกล่าวถึง
1. เป้ าหมายทางการตลาด เป็ นการกาํ หนดเป้ าหมายที่ตอ้ งการทางการตลาดในลกั ษณะเชิง
ปริมาณ หรือเชิงคุณภาพ โดยสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคข์ องธุรกิจ เป้ าหมายเชิงปริมาณ เช่น ยอดขาย
ต่อปี กาํ ไรสุทธิต่อปี เปอร์เซ็นตส์ ่วนครองตลาด กาํ ไรจากยอดขาย เป็ นตน้ เป้ าหมายเชิงคุณภาพ เช่น
การยอมรับในตราสินคา้ ภาพลกั ษณ์ของผผู้ ลิต ความภกั ดีในตรายหี่ อ้ เป็นตน้
2. การแบ่งส่วนตลาด เป็ นการแบ่งตลาดออกเป็ นส่วนย่อย ๆ ในแต่ละส่วนย่อยเป็ นกลุ่ม
ผบู้ ริโภคท่ีมีลกั ษณะคลา้ ยคลึงกนั เพื่อเลือกใช้ส่วนประสมทางการตลาดให้เหมาะสมกบั ตลาดยอ่ ย เช่น
แบ่งตามประชากรศาสตร์ ตามภูมิศาสตร์ แบ่งตามจิตวทิ ยา แบ่งตามหลกั ปริมาณ แบ่งตามพฤติกรรม
ผบู้ ริโภค เป็นตน้
3. การเลือกตลาดเป้ าหมาย กลุ่มลูกคา้ เป้ าหมายหลกั และกลุ่มลูกคา้ เป้ าหมายรองที่คาดวา่ จะเป็ น
ลูกคา้ ในอนาคตวา่ มีลกั ษณะการบริโภคอยา่ งไร พฤติกรรมในการบริโภคอยา่ งไร เป็นตน้
4. กลยุทธ์และกิจกรรมทางการตลาด ได้แก่ ความได้เปรียบในการแข่งขนั การเติบโตทาง
การตลาด การวางตาํ แหน่งผลิตภณั ฑใ์ นตลาด การใชก้ ลยทุ ธ์ส่วนประสมทางการตลาดประกอบดว้ ย

41

1) ผลิตภณั ฑ์ (Product) บอกลกั ษณะของสินคา้ หรือบริการ ลกั ษณะเด่นหรือความ
พิเศษของสินคา้ การพฒั นาผลิตภณั ฑ์ให้ตรงตามความตอ้ งการของผบู้ ริโภค รวมถึงหีบห่อ ฉลากหรือ
บรรจุภณั ฑด์ ว้ ย

2) ราคา (Price) เป็ นการต้งั ราคาสินคา้ หรือบริการที่จาํ หน่าย ยอดขายและปริมาณการ
ขายท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ

3) ช่องทางการจาํ หน่าย (Place) เป็ นการวางแผนในการกระจายสิ นค้าให้ถึงมือ
ผบู้ ริโภค

4) การส่งเสริมการจดั จาํ หน่าย (Promotion) เป็ นกิจกรรมส่งเสริมให้ขายสินคา้ ไดม้ าก
ข้ึน เช่น การโฆษณา ประชาสมั พนั ธ์ การลด แลก แจก แถม เป็นตน้

5. การควบคุมและประเมินผลทางการตลาด เมื่อกาํ หนดแผนการตลาดแลว้ จะตอ้ งมีการควบคุม
การบริหารงานอยา่ งมีประสิทธิภาพ และติดตามผลหรือประเมินผลในการปฏิบตั ิงานวา่ เป็ นไปตามแผนท่ี
ไดว้ างแผนหรือไมต่ ามข้นั ตอนดงั น้ี

1) กาํ หนดมาตรฐานหรือขอบเขตการปฏิบตั ิงาน เป็ นการกาํ หนดขอบเขตของงานที่
สามารถวดั คา่ ได้ เช่น กาํ หนดมาตรฐานของยอดขาย 100,000 บาทต่อเดือน

2) การวดั ผลหรือเปรียบเทียบผลการปฏิบตั ิงาน โดยการนาํ มาตรฐานท่ีกาํ หนดไวม้ า
เปรียบเทียบวา่ สามารถปฏิบตั ิไดจ้ ริงตามมาตรฐานท่ีกาํ หนดไวห้ รือไม่ สูง ต่าํ ใกลเ้ คียงกบั มาตรฐานที่
กาํ หนดอย่างไร เช่น ตามตวั อย่างขอ้ 1) ถ้ามียอดขาย 80,000 บาทต่อเดือน จดั ว่าต่าํ กว่ามาตรฐานท่ี
กาํ หนด เป็นตน้

3) วเิ คราะห์สาเหตุ ขอ้ บกพร่องของการปฏิบตั ิงานวา่ การดาํ เนินงานต่าํ กวา่ มาตรฐานท่ี
กาํ หนดเพราะเหตุใด

4) ดาํ เนินการแกไ้ ข เม่ือพบสาเหตุท่ีทาํ ให้การดาํ เนินงานต่าํ กวา่ มาตรฐานท่ีกาํ หนด ก็
ตอ้ งดาํ เนินการแก้ไขให้ตรงกับสาเหตุ และนํามาใช้เป็ นแนวทางสําหรับแก้ไขปรับปรุงการวางแผน
การตลาดไดต้ ่อไปในอนาคต

แผนกาํ ลงั คนเป็ นการจดั สมรรถภาพของคนให้เพียงพอกบั หน่วยงาน จดั สรรคนให้
เหมาะกบั งานโดยกล่าวถึงประวตั ิความเป็ นมาของทีมผูบ้ ริหาร คณะกรรมการเป็ นรายบุคคลโดยระบุ
ความรับผิดชอบของแต่ละคน ภาพรวมในการจดั สรรอาํ นาจหน้าท่ี การแบ่งสายบงั คบั บญั ชาท่ีชดั เจน
แลว้ กาํ หนดโครงสร้างองคก์ รแสดงเป็นแผงผงั ไดแ้ ก่

1. รวบรวมหนา้ ที่ต่าง ๆ ตามที่กาํ หนดไวโ้ ดยจดั ประเภทของงานท่ีคลา้ ยกนั อยใู่ นแผนก
เดียวกนั ระบุตาํ แหน่งงานหลกั ขององคก์ รวา่ มีความรู้ความชาํ นาญดา้ นใด ประวตั ิของทีมบริหารอาจ
กล่าวถึงความสาํ เร็จท่ีผา่ นมา

2. ผลประโยชน์หรือค่าตอบแทนท่ีผู้บริหารจะได้รับซ่ึงอาจเป็ นเงินเดือน หรื อ
ผลตอบแทนตามสัดส่วนของผถู้ ือหุน้

อยา่ งไร 42

3. ระบุผรู้ ่วมลงทุนหรือผถู้ ือหุน้ อาจแสดงเป็นสัดส่วนร้อยละ
4. ระบุคุณสมบัติของกรรมการบริษทั หรือหุ้นส่วนว่าจะเป็ นประโยชน์ต่อองค์กร

กรรมการผ้จู ดั การ

ทปี่ รึกษาด้านกฎหมาย

ผ้จู ดั การฝ่ ายผลติ ผ้จู ดั การฝ่ ายการตลาด ผ้จู ดั การฝ่ ายการเงนิ ผ้จู ดั การฝ่ ายบุคคล

สาระน่ารู้
“โครงสร้างองค์กร” (Organization Structure) คือ การแบ่งหน่วยงานแลว้ แสดงความสัมพนั ธ์
ของหน่วยงาน ตาํ แหน่งและอาํ นาจหน้าที่ ความรับผิดชอบ สายการบงั คบั บญั ชาแสดงเป็ น
แผนผงั องค์กรโครงสร้างองค์กรจึงเป็ นเคร่ืองมือสําคัญสําหรับวางแผนกําลังคนได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ

องค์ประกอบที่ 7 แผนการผลติ
กล่าวถึงความสามารถในการผลิตหรือกาํ ลงั การผลิตโดยอธิบายเกี่ยวกบั

1) สถานท่ี บอกที่ต้งั สถานที่สาํ หรับใชใ้ นการผลิตหรือโรงงาน
2) กระบวนการผลิตสินคา้ บอกข้นั ตอนและกระบวนการผลิตสินคา้
3) ศกั ยภาพในการผลิต ไดแ้ ก่ กาํ ลงั หรือความสามารถสูงสุดที่จะผลิตได้
4) การควบคุมสินคา้ คงคลงั กล่าวถึงระบบควบคุมสินคา้ กระบวนการจดั ส่งสินคา้ วา่
เป็นอยา่ งไร
องค์ประกอบที่ 8 แผนการเงนิ
การวางแผนการเงินเป็ นการวิเคราะห์ฐานะทางการเงินกบั จุดคุม้ ทุน และเป็ น การ
ตรวจสอบฐานะรายไดเ้ พื่อให้เห็นสัดส่วนของกาํ ไรกบั ยอดขาย ค่าใช้จ่ายจากการดาํ เนินงาน เงินทุน
หมุนเวียน เพ่ือเป็ นการวดั ความสามารถในการทํากาํ ไรของธุรกิจว่าเป็ นไปตามวตั ถุประสงค์หรือ
เป้ าหมายหรือไม่ โดยการแสดงข้อมูลทางการบญั ชีออกมาเป็ น “งบการเงิน” (Financial Statements)

43

สาํ หรับรอบระยะเวลาใดเวลาหน่ึงที่ผา่ นมา ถา้ เป็ นธุรกิจที่เริ่มตน้ ดาํ เนินกิจการให้ใชว้ ธิ ีการประมาณการ
ประกอบดว้ ย
1) งบดุล แสดงฐานะทางการเงิน มูลค่าทรัพยส์ ิน หน้ีสินและส่วนของเจา้ ของหรือ
ส่วนของผถู้ ือหุน้ เช่น ทุนเรือนหุน้ หรือกาํ ไรสะสม เป็นตน้
2) งบกาํ ไรขาดทุน แสดงกาํ ไรหรือขาดทุนจากการดาํ เนินกิจการ

3) งบกระแสเงินสด แสดงการเคลื่อนไหวของเงินสด การไดม้ าและการใชไ้ ปของเงิน
สดจากกิจกรรมดาํ เนินงาน การลงทุนและการจดั หา

4) นโยบายบญั ชี คือ หลกั การหรือวธิ ีการที่องคก์ รใช้เป็ นเกณฑ์การทาํ บญั ชีเพราะใน
การทาํ บญั ชีอาจเลือกใช้ไดห้ ลายวิธี แต่ละวิธีจะมีผลต่องบการเงินแตกต่างกนั ไป เช่น วิธีรับรู้รายได้
การคิดค่าเสื่อมราคา ค่าเผอ่ื หน้ีสูญและหน้ีสงสยั จะสูญ การตีราคาสินคา้ คงเหลือเป็นตน้
องค์ประกอบที่ 9 แผนการดําเนินงาน
แผนการดาํ เนินงานเป็ นการนาํ แผนดา้ นการตลาด การจดั แผนคน การผลิตและแผน การเงินมา
จดั ทาํ รายละเอียดโดยกาํ หนดกลยุทธ์ที่เหมาะสมกบั แผนแต่ละด้านให้เป็ นรูปธรรมอยา่ งชดั เจน ควร
กาํ หนดระยะเวลาในการดาํ เนินงานเป็ นรายสัปดาห์หรือรายเดือนแลว้ แต่ ความเหมาะสมกบั แผน
แต่ละดา้ นอาจจดั ทาํ เป็นแผนภาพหรือตารางก็ได้
องค์ประกอบท่ี 10 แผนฉุกเฉินหรือแผนสํารอง
บางคร้ังการดาํ เนินกิจการกไ็ มอ่ าจเป็นไปอยา่ งราบร่ืนหรือไมเ่ ป็นไปตามแผนท่ีไดว้ างไว้ อาจเกิด
เหตุการณ์ที่เป็ นอุปสรรคต่อผลสําเร็จของกิจการหรือเหตุการณ์ที่มิไดค้ าดคิดเกิดข้ึนจนส่งผลให้ธุรกิจอยู่
ในภาวะเสี่ยง ดงั น้นั เพ่ือเป็ นการเตรียมความพร้อมจึงตอ้ งจดั เตรียมแผนฉุกเฉินหรือแผนสาํ รอง เมื่อเกิด
เหตุการณ์ท่ีส่งผลในแง่ลบต่อธุรกิจ เช่น ความเสี่ยงจากคู่แข่งขนั ในตลาด ธนาคารไม่ปล่อยเงินกูข้ าด
แคลนวตั ถุดิบ ขาดสภาพคล่องทางการเงิน เป็นตน้

44

1. บทสรุปสําหรับผ้บู ริหาร
2. ประวตั ยิ ่อของกจิ การ
3. วเิ คราะห์สถานการณ์

วเิ คราะห์ปัจจยั ภายใน วเิ คราะห์ปัจจยั ภายนอก
- จุดแขง็ (Strengths) - โอกาส (Opportunities)
- จุดออ่ น (Weaknesses) - อุปสรรค (Threats)

4. กาํ หนดวตั ถุประสงค์และเป้ าหมาย
- จุดแขง็ (Strengths)
- จุดออ่ น (Weaknesses)

5. แผนการตลาด 6. แผนกาํ ลงั คน 7. แผนการผลติ 8. แผนการเงนิ

9. แผนการดาํ เนนิ งาน

10. แผนฉุกเฉินหรือแผนสํารอง
(เมื่อธุรกิจประสบภาวะเส่ียง)

ภาพแสดงองค์ประกอบในการจัดทาํ แผนธุรกจิ


Click to View FlipBook Version