แผนการจดั การเรียนรู้
วชิ า วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว16101
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 แสงและเงา
ระดบั ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 6 โรงเรียนเทศบาล 1 หนองใส
นางสาวสิริยากร แก้ววเิ ศษ
รหัสประจาตัวนักศึกษา 61100143116
นักศึกษาฝึ กประสบการณ์วชิ าชีพ สาขาวชิ าวทิ ยาศาสตร์
การฝึ กปฏบิ ตั กิ ารสอนในสถานศึกษา 1
รหัสวชิ า ED18501
(INTERNSHIP IN SCHOOL 1)
คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี
ภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2565
แผนการจดั การเรียนรู้
วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว16101
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 เรื่อง แสงและเงา
ระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 โรงเรียนเทศบาล 1 หนองใส
นางสาวสริ ิยากร แก้ววเิ ศษ
รหสั ประจาตวั นกั ศึกษา 61100143116
นกั ศึกษาฝกึ ประสบการณว์ ชิ าชีพครู สาขาวชิ าวทิ ยาศาสตร์
การฝกึ ปฏิบัตกิ ารสอนในสถานศกึ ษา 1
รหสั วิชา ED18501 (INTERNSHIP IN SCHOOL 1)
คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอุดรธานี
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
คานา
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 ช้ันประถมศึกษาปีท่ี
6 น้ี จัดทาขึ้นเพ่ือเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ และให้นักเรียนบรรลุตาม
มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ที่กาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับ
ปรับปรุง 2560) ผู้จดั ทาจึงศกึ ษาสาระการเรยี นรู้ เทคนคิ วธิ กี ารสอน การวัดและประเมินผล มาจัดทาแผนการ
จดั การเรยี นรคู้ รง้ั นี้
แผนการจดั การเรยี นรูใ้ นเลม่ 4 น้ี ประกอบไปดว้ ย แผนการจัดการเรยี นรูห้ น่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 เร่อื ง
แสงและเงา เพื่อให้ผู้เรียนบรรลุมาตรฐานการเรยี นรูไ้ ดเ้ ตม็ ศักยภาพอย่างแทจ้ รงิ
จึงหวงั เป็นอยา่ งยิ่งวา่ แผนการจัดการเรยี นรู้ฉบับนี้ จะสามารถนาไปใชป้ ระกอบการจัดการ
เรยี นการสอนรายวิชาวทิ ยาศาสตร์ นาไปสู่การพัฒนาท่ีถูกต้องและเกดิ ผลแก่ผ้เู รยี นเปน็ อย่างดี
สริ ิยากร แก้ววเิ ศษ
10 ตุลาคม 2565
1
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 20
กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 แสงและเงา เวลา 7 ชั่วโมง
เร่ือง เงามืดและเงามัว เวลา 3 ชัว่ โมง
ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 สอนโดย นางสาวสริ ยิ ากร แก้ววิเศษ
วันท่.ี ............ เดือน ................................. พ.ศ. ..................
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด
มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลยี่ นแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏิสัมพันธร์ ะหว่าง
สสารและพลังงาน พลงั งานในชวี ิตประจาวนั ธรรมชาติ ของคลน่ื ปรากฏการณท์ ีเ่ กี่ยวข้องกบั เสียง แสง และ
คลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทง้ั นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวชวี้ ัด
ว 2.3 ป.6/7 อธิบายการเกิดเงามืดเงามัวจากหลักฐานเชงิ ประจักษ์
2. สาระสาคญั
เมื่อนาวัตถุทึบแสงมากัน้ แสงจะเกิดเงาบนฉากรบั แสงท่ีอยู่ดา้ นหลงั วตั ถุ โดยเงามีรปู รา่ งคลา้ ยวตั ถุท่ที า
ให้เกดิ เงา โดยเงาที่เกดิ ขึ้นมี 2 ลักษณะ ไดแ้ ก่ เงามวั คือ เงาของวัตถุในบรเิ วณที่มีแสงบางสว่ นตกลงบนฉาก
จงึ ทาให้บริเวณนัน้ มืดไมส่ นทิ และเงามืด คือ เงาของวัตถใุ นบริเวณท่ีไม่มแี สงตกลงบนฉากเลย จึงทาให้บริเวณ
น้นั มดื สนิท ซ่งึ การเกิดเงาสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้ เชน่ ใชแ้ สดงละครเงาหรือเลน่ หนังตะลุง ใช้หาวิธี
ป้องกนั แสงแดด
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. ดา้ นความรู้ (K)
1. อธบิ ายการเกิดเงามดื เงามัวได้ (K)
2. ดา้ นทักษะ/กระบวนการคิด (P)
1. สงั เกตเงามืดเงามวั จากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ได้ (P)
3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)
1. ยกตัวอย่างการใชป้ ระโยชนจ์ ากความรู้ เรื่อง การเกดิ เงามืดและเงามวั ได้ (A)
4. สาระการเรียนรู้
- การเกิดเงามืดและเงามวั
- ประโยชนข์ องเงา
2
5. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีวนิ ยั
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มุง่ มนั่ ในการทางาน
7. กจิ กรรมการเรียนรู้แบบ 5E
ชว่ั โมงที่ 1
ครูให้นักเรียนแต่ละคนทาแบบทดสอบก่อนเรียนหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 แสงและเงา ขอ้ สอบ
แบบปรนยั 4 ตวั เลอื ก จานวน 10 ข้อ เวลา 20 นาที เพอื่ วดั ความเขา้ ใจระดบั ความรู้เดิมของนักเรยี นก่อนเขา้
สู่กจิ กรรม
ขน้ั ที่ 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement)
1.1 ครชู แี้ จงจดุ ประสงค์
1.2 ครูตรวจสอบความรู้พืน้ ฐานเก่ยี วกบั เงา โดยครใู ห้นักเรียนสงั เกตภาพแลว้ ตอบคาถาม
กระตุ้นคิด
- จากภาพนกั เรียนสงั เกตเห็นอะไรบา้ ง (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)
- เงาเกดิ ขน้ึ ได้อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เชน่ เกดิ จากวัตถุ
ทึบแสงขวางทางเดินของแสงไว)้
3
- เงามีลักษณะเหมือนหรอื แตกต่างจากวัตถุท่ีทาให้เกิดเงาอย่างไร (นกั เรยี นตอบ
ตามความเข้าใจของตนเอง เช่น เงา มีรปู รา่ งคล้ายกับวัตถุที่กั้นแสง และทศิ ตรงข้ามกับแหลง่ กาเนดิ แสงเสมอ)
ขัน้ ที่ 2 ข้นั สารวจและค้นหา (Exploration)
2.1 ครูใชเ้ ทคนคิ การเรยี นรว่ มกนั (Learning Together) มาจัดกระบวนการเรยี นรู้ โดยให้
นักเรยี น แบ่งกลุ่มกลุ่มละ 4 คน
2.2 ครกู าหนดใหส้ มาชิกแต่ละคนภายในกลมุ่ มบี ทบาทหน้าท่ขี องตนเอง ดงั นี้
สมาชิกคนท่ี 1 : ทาหน้าทเ่ี ตรยี มอุปกรณต์ า่ ง ๆ
สมาชกิ คนท่ี 2 : ทาหนา้ ท่ีอา่ นขนั้ ตอนการทา ทาความเข้าใจ และนามาอธบิ ายให้
สมาชิกภายในกลมุ่ ฟัง
สมาชิกคนที่ 3 : ทาหน้าที่บนั ทกึ ผลการทากจิ กรรม
สมาชกิ คนท่ี 4 : ทาหน้าท่ีนาเสนอผลการทากิจกรรม
2.3 แต่ละกลมุ่ ชว่ ยกันทากิจกรรมท่ี 1 เรอื่ ง ขนาดของเงามืดและเงามวั ดังน้ี
1) สมาชิกคนท่ี 1 เตรียมและตรวจสอบอุปกรณท์ งั้ หมดท่ใี ช้ในการทากิจกรรมท่ี 1 เรื่อง
ขนาดของเงามืดและเงามัว
2) สมาชกิ คนที่ 2 อธบิ ายวธิ ีทากิจกรรมใหเ้ พื่อนภายในกลุ่มฟงั เพ่ือให้ปฏิบัตติ ามได้
ถูกต้อง
ชว่ั โมงที่ 2
ขั้นท่ี 2 ขน้ั สารวจและค้นหา (Exploration)
2.4 แตล่ ะกลมุ่ ช่วยกนั ทากจิ กรรมท่ี 1 เรอื่ ง ขนาดของเงามืดและเงามัว ดังน้ี
1) สมาชิกทุกคนในกลมุ่ ช่วยกันทากจิ กรรมที่ 1 เรื่อง ขนาดของเงามืดและเงามวั
โดยให้นกั เรยี นระดมสมองเพื่อตั้งสมมตฐิ านของกล่มุ ตนเอง จากน้นั สมาชิกคนท่ี 3 บนั ทึกผลการตั้งสมมติฐาน
ลงในใบกจิ กรรม
2) จากน้ันทากจิ กรรมตามกจิ กรรมท่ี 1 เรื่อง ขนาดของเงามดื และเงามวั ดังนี้
- แบง่ กลมุ่ จากนัน้ ช่วยกนั ทาฉากรบั แสงโดยใช้ตวั หนีบสดี า 2 อัน หนีบท่ี
มุมกระดาษแข็งด้านละ 1 อนั แล้วต้ังไว้บนโตะ๊
- ตง้ั ไฟฉายกับฉากรับแสงให้ห่างกันประมาณ 30 ซม.
- ปั้นดินน้ามันเป็นฐาน แล้วนามะนาววางไว้ด้านบน จากนั้นทาใหห้ อ้ งเรียน
มืดสนิทและปฏิบัติการทดลองตามวิธกี ารที่อยูใ่ นตาราง เพ่ือสงั เกตการเกดิ เงามดื และเงามวั
- สงั เกต แลว้ ให้สมาชิกคนท่ี 3 บันทึกผลการทากจิ กรรมท่ี 1 เรือ่ ง ขนาด
ของเงามืดและเงามวั
4
2.5 นกั เรียนแต่ละกลุ่มอาจศึกษาข้อมลู เพ่มิ เติมจากหนังสือเรยี นชดุ แม่บทมาตรฐาน
วิทยาศาสตร์ ป.6 หนา้ 121-123 อนิ เทอร์เนต็ หรือแหล่งข้อมลู อนื่ ๆ
ขน้ั ท่ี 3 ข้นั อธบิ ายและหาขอ้ สรุป (Explanation)
3.1 นักเรียนแต่ละกลมุ่ ช่วยกันอภิปรายและสรุปผลการทากิจกรรมร่วมกันภายในกลุม่
จากนนั้ ให้สมาชิกคนท่ี 3 บนั ทกึ สรุปผลลงในใบกจิ กรรมที่ 1 เรอ่ื ง ขนาดของเงามืดและเงามวั
3.2 นักเรยี นแต่ละกล่มุ ออกมาช่วยกนั นาเสนอผลการทดลอง หน้าชน้ั เรยี น แล้วครูให้
นักเรียนร่วมกันอภปิ รายจนได้ข้อสรปุ วา่
แนวทางการอภปิ ราย : จากการทดลอง พบว่า เม่ือนาวตั ถุทึบแสงมากั้นแสง
ไฟฉายจะทาใหเ้ กิดเงาขนึ้ บนฉาก ซ่ึงบริเวณท่แี สงไม่สามารถผ่านไปตกกระทบบนฉากไดเ้ ลยจะทาใหเ้ กดิ
เงามดื สว่ นบรเิ วณที่มแี สงไปตกกระทบบนฉากได้บางสว่ นจะทาให้เกิดเงามัว โดยลกั ษณะและขนาดของเงา
ทมี่ ีการเปล่ยี นแปลงจะขึ้นอยู่กบั ระยะหา่ งระหวา่ งวตั ถุกบั แหลง่ กาเนดิ แสง และระยะหา่ งระหวา่ งวัตถุกบั
ฉาก
3.3 ครูเปดิ โอกาสให้นักเรียนซักถามในสิ่งที่อยากรูเ้ พิม่ เตมิ เกย่ี วกบั เงามืดเงามวั
ชั่วโมงที่ 3
ขน้ั ท่ี 4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration)
4.1 ครูทบทวนความรเู้ ดิมเกี่ยวกับเงามืดและเงามวั ให้นกั เรียนวา่ เมือ่ เรานาวัตถุท่มี ีรปู รา่ ง 2
มติ ิ หรือ 3 มิติ มาก้ันแสง ขนาดของเงามืดและเงามวั จะสามารถเปลย่ี นแปลงได้ โดยขึ้นอยูก่ ับระยะหา่ ง
ระหวา่ งแหล่งกาเนิดแสงกับวัตถุ และระยะห่างระหว่างวัตถกุ ับฉากรับแสง เช่น
- หากเลื่อนวตั ถเุ ข้าใกล้แหลง่ กาเนิดแสง โดยอยู่ห่างจากฉาก (เงามดื จะมีขนาดเล็ก
ลง สว่ นเงามวั จะมีขนาดใหญ่ข้ึน)
- หากเล่อื นวัตถเุ ขา้ ใกล้ฉาก โดยอยู่ห่างจากแหล่งกาเนิดแสง (เงามืดจะมขี นาดใหญ่
ขน้ึ ส่วนเงามวั จะมขี นาดเลก็ ลง)
- หากแหลง่ กาเนิดแสงและวัตถุมีขนาดเทา่ กนั จะทาให้เกดิ (เงามืดทมี่ ขี นาดใหญ่
เท่ากบั ขนาดของวัตถเุ สมอ)
4.2 ครูใชค้ าถามเพื่อขยายความรูใ้ หแ้ กน่ ักเรยี น ดงั น้ี
- ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากเงามปี รากฏการณ์ อะไรบ้าง (สรุ ยิ ปุ ราคา
,จนั ทรปุ ราคา)
- การเกดิ ขา้ งข้ึนขา้ งแรมเป็นปรากฏการณ์ท่ีเกิดจากเงาใช่หรือไม่ ( เกิดจากดวง
จันทรม์ รี ูปร่างเป็นทรงกลม ไมม่ แี สงในตวั เอง ด้านสวา่ งได้รบั แสงจากดวงอาทิตย์ สว่ นด้านตรงขา้ มไม่ไดร้ ับ
แสงจากดวงอาทติ ย์ การโคจรของดวงจันทรร์ อบโลกทาใหม้ ุมระหวา่ งดวงอาทติ ย์ ดวงจนั ทร์ และโลก เปลี่ยน
5
เปล่ียนแปลงไป เมื่อมองดดู วงจนั ทร์จากพน้ื โลก เราจงึ มองเหน็ เสยี้ วของดวงจันทร์มีขนาดเปลีย่ นไปเป็นวงรอบ
โดยเราเรียกว่า ขา้ งข้ึน และข้างแรม)
4.2 นักเรียนแบ่งกลุ่มช่วยกันศึกษาข้ันตอนการทากิจกรรมพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
ในหนังสือเรียนชุดแม่บทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.6 หน้า 127 เพ่ือสร้างผลงานในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แสดง
ละครเงา สร้างแบบจาลองนาฬิกาแดด เล่านิทานหุ่นมือ เร่ือง การใช้ประโยชน์จากการเกิดเงา จากนั้นปฏิบัติ
กิจกรรมตามทส่ี มาชิกร่วมกันเลอื ก แลว้ นาเสนอผลงานทห่ี นา้ ชน้ั เรียนใหมค่ วามน่าสนใจ
ขน้ั ที่ 5 ขน้ั ประเมนิ ผล (Evaluation)
5.1 ครูตรวจสอบใบบนั ทึกกิจกรรม เรือ่ ง ขนาดของเงามืดและเงามวั
5.2 ผลงาน/ชิน้ งาน เชน่ แสดงละครเงา แบบจาลองนาฬิกาแดด เลา่ นิทานหุ่นมือ ความรู้
การใชป้ ระโยชน์จากการเกดิ เงา
5.3 ครสู ังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล
5.4 ครสู ังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม
8. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้
8.1 สื่อการเรยี นรู้
1. หนงั สือเรียนชดุ แม่บทมาตรฐานวิทยาศาสตร์ ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 แสงและเงา
2. วสั ดุ-อุปกรณ์การทดลองในกจิ กรรมท่ี 1 เชน่ มะนาว ตัวหนบี สีดาขนาดใหญก่ ระดาษแข็งสขี าว
แผ่นใหญ่ ไฟฉายพร้อมถา่ น
3. PowerPoint เรือ่ ง การเกิดเงามดื และเงามัว
4. กระดาษแขง็ สขี าวแผ่นใหญ่
5. แบบทดสอบก่อนเรยี น
6. ใบกจิ กรรมที่ 1 เรื่อง ขนาดของเงามืดและเงามวั
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1. ห้องสมุด
2. อินเทอร์เนต็
6
9.การวดั ประเมินผล
จดุ ประสงค์ วธิ ีการวัด/เคร่อื งมือวัด เกณฑ์การประเมนิ
ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ 70 ข้ึนไป
ดา้ นความรู้ (K)
ไดค้ ะแนนในระดบั 3 (ดี) ข้นึ ไป
1. อธิบายการเกดิ เงามืดเงามัวได้ -การตอบคาถาม
ได้คะแนนในระดบั 3 (ดี) ขึน้ ไป
-การนาเสนอหน้าชน้ั เรียน
ดา้ นทักษะ/กระบวนการคดิ (P)
1. สังเกตเงามืดเงามัวจากหลักฐาน -การตอบคาถาม
เชงิ ประจกั ษ์ได้ -ใบกจิ กรรมท่ี 1
ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)
1. ยกตวั อยา่ งการใชป้ ระโยชน์จาก -ผลงาน/ชน้ิ งาน
ความรู้ เร่ือง การเกดิ เงามดื และเงามัว -การนาเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น
ได้
7
8
9
ภาคผนวก
10
จุดประสงค์ : อธบิ ายการเกดิ เงามืดและเงาเมาได้
ระบปุ ญั หา : ขนาดของเงามืดและเงามัวข้ึนอยู่กับสง่ิ ใด
สมมติฐาน : ………………………………………………………………………………………………………………………………………
อปุ กรณต์ อ้ งใช้
1. ดินนา้ มนั 1 กอ้ น 2. มะนาว 1 ลูก
3. กระดาษแขง็ สขี าวแผ่นใหญ่ 1 แผน่ 4. ไฟฉายพรอ้ มถ่าน 1 กระบอก
5. ตัวหนีบสีดาขนาดใหญ่ 2 อนั
ขน้ั ตอนการทา
1. แบง่ กลุ่ม จากนน้ั ช่วยกันทาฉากรับแสงโดยใช้ตัวหนีบสดี า 2 อนั หนบี ทีม่ ุมกระดาษแข็งด้านละ 1
อัน แล้วตั้งไว้บนโต๊ะ
2. ตง้ั ไฟฉายกับฉากรับแสงให้ห่างกันประมาณ 30 เซนตเิ มตร
3. ปน้ั ดินนา้ มนั เป็นฐาน แลว้ นามะนาววางไว้ดา้ นบน จากนัน้ ทาใหห้ ้องเรยี นมืดสนทิ และปฏบิ ตั ิการ
ทดลองตามวิธกี ารที่อยใู่ นตาราง เพ่ือสงั เกตการเกดิ เงามดื และเงามัว
4. สงั เกตและบนั ทึกผล
บนั ทกึ ผล ภาพที่ปรากฏบนฉาก 11
การทดลอง ผลการสังเกต
1.วางมะนาวไวก้ ง่ึ กลางระหว่างไฟ
ฉายกับฉาก
2. เลือ่ นมะนาวจากกง่ึ กลางเข้า
ใกลไ้ ฟฉาย 10 เซนติเมตร
(เลอ่ื นออกห่างจากฉาก)
3. เลือ่ นมะนาวจากจุดกงึ่ กลาง
เข้าใกลฉ้ าก 10 เซนตเิ มตร
(เล่ือนเข้าใกลฉ้ าก)
สรปุ ผล
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
12
จุดประสงค์ : อธิบายการเกิดเงามืดและเงาเมาได้
ระบปุ ัญหา : ขนาดของเงามืดและเงามัวขึ้นอยู่กบั ส่งิ ใด
สมมติฐาน : (แนวคาตอบ) ขนาดของเงามืดและเงามวั ขึน้ อยู่กบั ระยะหา่ งของวัตถุกบั แหลง่ กาเนดิ แสงและ
ระยะหา่ งของวัตถกุ บั ฉากรบั แสง
อปุ กรณต์ อ้ งใช้
1. ดินน้ามนั 1 ก้อน 2. มะนาว 1 ลูก
3. กระดาษแข็งสีขาวแผ่นใหญ่ 1 แผน่ 4. ไฟฉายพร้อมถา่ น 1 กระบอก
5. ตัวหนบี สีดาขนาดใหญ่ 2 อัน
ขนั้ ตอนการทา
1. แบง่ กลมุ่ จากนั้นช่วยกันทาฉากรบั แสงโดยใชต้ ัวหนีบสีดา 2 อนั หนบี ท่ีมุมกระดาษแข็งดา้ นละ 1
อนั แลว้ ต้ังไวบ้ นโต๊ะ
2. ต้ังไฟฉายกับฉากรับแสงใหห้ ่างกันประมาณ 30 เซนตเิ มตร
3. ปั้นดินน้ามนั เป็นฐาน แลว้ นามะนาววางไว้ด้านบน จากนน้ั ทาใหห้ ้องเรียนมดื สนทิ และปฏิบัตกิ าร
ทดลองตามวธิ กี ารที่อยใู่ นตาราง เพือ่ สังเกตการเกดิ เงามืดและเงามัว
4. สงั เกตและบนั ทึกผล
13
บันทกึ ผล (ผลขึ้นอยกู่ ับการสังเกตของนักเรียน)
การทดลอง ภาพที่ปรากฏบนฉาก ผลการสงั เกต
1.วางมะนาวไว้ก่ึงกลางระหวา่ งไฟ
ฉายกบั ฉาก
2. เล่ือนมะนาวจากกงึ่ กลางเข้า
ใกลไ้ ฟฉาย 10 เซนติเมตร
(เล่ือนออกห่างจากฉาก)
3. เลื่อนมะนาวจากจุดกงึ่ กลาง
เขา้ ใกลฉ้ าก 10 เซนตเิ มตร
(เลื่อนเขา้ ใกลฉ้ าก)
สรุปผล
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
14
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 21
กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 4 แสงและเงา เวลา 7 ชั่วโมง
เรื่อง การเขยี นแผนภาพรังสีเงามืดเงามัว เวลา 3 ช่ัวโมง
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 สอนโดย นางสาวสริ ยิ ากร แก้ววิเศษ
วนั ท.่ี ............ เดอื น ................................. พ.ศ. ..................
1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้ีวดั
มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง
สสารและพลงั งาน พลงั งานในชีวติ ประจาวัน ธรรมชาติ ของคลื่น ปรากฏการณ์ทเี่ ก่ียวข้องกับเสียง แสง และ
คลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมทง้ั นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ตวั ช้วี ดั
ว 2.3 ป.6/8 เขยี นแผนภาพรงั สขี องแสงแสดงการเกิดเงามืดเงามวั
2. สาระสาคัญ
เขียนแผนภาพรงั สีของแสงแสดงการเกิดเงามืดเงามวั
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. ด้านความรู้ (K)
1. อธบิ ายการเขียนแผนภาพรังสีของแสงแสดงการเกิดเงามืดเงามัว (K)
2. ด้านทกั ษะ/กระบวนการคิด (P)
1. เขยี นแผนภาพรงั สขี องแสงแสดงการเกิดเงามืดเงามวั (P)
3. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
1. นักเรยี นแสดงความอยากรู้อยากเหน็ และมคี วามรบั ผดิ ชอบต่องานท่ีได้รบั มอบหมาย (A)
4. สาระการเรียนรู้
เขยี นแผนภาพรงั สขี องแสงแสดงการเกิดเงามดื เงามัว
5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
15
6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
1. มีวนิ ัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน
7. กจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบ 5E
ช่ัวโมงท่ี 1
ขน้ั ท่ี 1 ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement)
1.1 ครทู บทวนความรู้เดิมเกย่ี วกับการเกิดเงามืดเงามวั จากชัว่ โมงทแี่ ลว้ โดยใช้คาถามดงั นี้
- เงา เกดิ ขึน้ ไดอ้ ยา่ งไร (แนวตอบ เมื่อนำวตั ถุทึบแสงมำกั้นแสงจะเกิดเงำบนฉำก
รับแสงทีอ่ ยดู่ ำ้ นหลงั วัตถโุ ดยเงำมรี ูปรำ่ งคล้ำยวัตถทุ ที่ ำใหเ้ กิดเงำ)
- เงามกี ป่ี ระเภท อะไรบ้าง (แนวตอบ เงำมี 2 ประเภท คือ เงำมดื และเงำมัว)
- เงามดื และ เงามัว เกดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร (แนวตอบ เงำมดื เกิดเม่ือ เงำที่ปรำกฏบน
ฉำกเปน็ บรเิ วณทไ่ี ม่มแี สงตกกระทบทำใหเ้ งำมืดจะมสี ดี ำ และเงำมวั เกิดเมอ่ื เงำที่ปรำกฏบนฉำกเปน็ บริเวณท่ี
มีแสงบำงสว่ นตกกระทบทำให้เงำมวั มสี เี ทำ)
1.2 นกั เรียนสงั เกตภาพ ดงั น้ี
1.3 จากนั้นครูใช้คาถามกระตุ้นคิด เพ่ือเช่ือมโยงสูก่ จิ กรรมข้ันตอ่ ไป ดังนี้
- เขียนแนวรงั สขี องแสงท่ีตกกระทบผนงั ทั้งสองดา้ นได้อย่างไร (นกั เรยี นตอบตำม
ควำมเข้ำใจของตนเอง)
- จะเกิดเงาขึน้ ท่ีผนังด้านใดและเกิดขนึ้ ทีบ่ รเิ วณใด (นกั เรยี นตอบตำมควำมเข้ำใจ
ของตนเอง)
ข้ันท่ี 2 ขน้ั สารวจและคน้ หา (Exploration)
2.1 นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ครูแจกใบกิจกรรม และใบบันทึกผลการทดลอง
2.2 นกั เรยี นปฏิบัติกิจกรรมการทดลองโดยมีขน้ั ตอน ดังนี้
16
ขนั้ ตอนการทากิจกรรม
1. ต้งั ฉากเพือ่ รับเงาไว้บนตาแหนง่ ที่ 1
2. เสยี บมะนาวเขา้ กับไมเ้ สียบลกู ชิน้ ท่ีนามากน้ั แสง ไว้ในตาแหนง่ ท่ี 2
3. นาแหล่งกาเนดิ แสงท่ีมีขนาคเป็นจุดมาส่อง โดยถือไวใ้ นตาแหน่งที่ 3
4. ให้นกั เรียนเขยี นแผนภาพรังสขี องแสงแสดงการเกดิ เงามืดเงามวั
5. ให้เปลย่ี นแหล่งกาเนดิ แสงขนาคเลก็ /เท่ากับวตั ถุ และทาการทดลองข้อ 3 อีกครัง้
6. ให้นักเรียนเขียนแผนภาพรังสขี องแสงแสดงการเกดิ เงามือเงามวั
7. ใหเ้ ปล่ยี นแหลง่ กาเนิดแสงขนาดใหญ่ และทาการทคลองซ้าข้อ 3 อีกคร้ัง
8. ให้นกั เรยี นเขยี นแผนภาพรังสขี องแสงแสดงการเกดิ เงามืดเงามวั
ช่ัวโมงท่ี 2
ขั้นท่ี 3 ข้ันอธิบายและหาขอ้ สรปุ (Explanation)
3.1 แต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลจากการทากิจกรรมหน้าชนั้ เรยี น
3.2 นกั เรียนตอบคาถามต่อไปนี้
- นักเรียนเปรียบเทียบการเขียนแผนภาพแสดงรังสีของแสงแสดงการเกิดเงามืดเงา
มัวของกลุ่มตนเองกับกลุ่มของเพื่อนว่าเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (นักเรียนตอบตำมควำมเข้ำใจของ
ตนเอง)
- จากการทาใบกิจกรรมรูปแบบในการเขียนแผนภาพรังสขี องแสงแสดงการเกดิ เงา
มืดเงามัวมีกร่ี ูปแบบ อะไรบ้าง (แนวตอบ 3 รูปแบบคือ 1. แหล่งกำเนดิ แสงมีขนำดเปน็ จุด 2. แหลง่ กำเนดิ แสง
มีขนำดเลก็ หรือเทำ่ กบั วตั ถุ 3. แหลง่ กำเนิดแสงมีขนำดใหญ่กว่ำวัตถ)ุ
- แหล่งกาเนิดแสงท้ัง 3 รูปแบบ มีลักษณะเงามืดเงามัวจะเป็นอย่างไร (แนวตอบ
เป็นจดุ จะเกดิ เงำมัวล้อมเงำมืด เล็กหรือเทำ่ กับวตั ถุ จะเกิดเงำมัวล้อมเงำมืด และขนำดใหญ่ จะเกดิ เฉพำะเงำ
มวั เท่ำน้นั เพรำะเงำมลี กั ษณะเปน็ จดุ )
- การเขียนรังสีของแสงแสดงการเกิดเงามืดเงามัวของแหล่งกาเนิดแสงทั้ง 3 รปู แบบ
มลี ักษณะ เหมอื นหรือแตกต่างกนั อย่างไร
17
- อธิบายการเขียนแผนภาพรังสขี องแสงที่แสดงการเกิดเงามืดเงามัว (แนวตอบ วำด
เสน้ รังสขี องแสงออกจำกแหลง่ กำเนดิ แสง 2 จุด คือ
เสน้ ท่ี 1 : ลำกจำกจดุ บนของแหลง่ กำเนดิ แสงไปยังผวิ บนของวตั ถุจนถึงฉำกรบั แสง
เส้นที่ 2 : ลำกจำกจดุ ล่ำงของแหลง่ กำเนิดแสงไปยงั ผิวล่ำงของวตั ถุจนถึงฉำกรับแสง
เสน้ ที่ 3 : ลำกจำกจดุ บนของแหลง่ กำเนดิ แสงไปยงั ผิวล่ำงของวตั ถุจนถึงฉำกรบั แสง
เส้นที่ 4 : ลำกจำกจดุ ล่ำงของแหล่งกำเนดิ แสงไปยงั ผวิ บนของวตั ถุจนถึงฉำกรบั แสง
ยกเว้น แหล่งกำเนดิ แสงเป็นจุด จะลำกเพยี งเส้นที่ 1 และเสน้ ที่ 2)
- เพราะเหตุใดในการเขยี นแผนภาพแสดง การเกดิ เงาจึงใช้การวาดเส้น รังสีของแสง
เพยี ง 4 เส้น (แนวตอบ เพ่ือทาใหส้ ะดวก และรวดเร็วขึ้น โดยละเสน้ รงั สีอน่ื ไว้ไม่ต้องเขียน)
3.3 ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อธิบายและสรปุ องคค์ วามรู้ในกิจกรรม
ขน้ั ท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration)
4.1 ครสู นทนากับนักเรียนวา่ เราสามารถนาความรูเ้ ร่ืองการเกิดเงามาใชป้ ระโยชนไ์ ด้หรือไม่
(แนวตอบ : ได)้
4.2 นักเรยี นยกตวั อยา่ งประโยชน์ของการเกิดเงาในชวี ติ ประจาวนั (นักเรียนยกตัวอย่ำงตำม
ควำมคดิ ของตนเอง) ครอู ธิบายประโยชน์ทนี่ กั เรียนยกตวั อย่างเพม่ิ เติม
4.3 จากนนั้ ครูใชค้ าถามวา่ เราจะเขยี นเส้นรงั สีของแสงทีน่ ักเรียนยกตวั อยา่ งนี้ได้อย่างไร
4.4 ครใู หน้ กั เรยี นทาใบงาน เรอ่ื ง เขียนแผนภาพรังสีของแสงแสดงการเกิดเงามืดเงามวั ให้สง่
ในชวั่ โมงถัดไป
ข้นั ท่ี 5 ขัน้ ประเมนิ ผล (Evaluation)
5.1 ครูตรวจสอบใบบันทึกกจิ กรรมที่ 2 เร่ือง การเขยี นแผนภาพรังสีเงามดื และเงามวั
5.2 ครตู รวจสอบใบงานท่ี 2 การเขยี นแผนภาพรงั สีเงามดื และเงามัว
5.3 ครสู งั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล
5.4 ครสู ังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม
5.5 ครสู ังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม
8. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้
8.1 ส่ือการเรยี นรู้
1. วัสดุ-อปุ กรณ์ในการทากจิ กรรมท่ี 2 เช่น ไฟฉาย มะนาวหรอื วัสดทุ รงกลมทบึ แสงกระดาษ
กระดาษแข็งทึบ ไมเ้ สยี บลูกชิ้น
2. ปากกา ดินสอ สี ไมบ้ รรทัด
3. ใบกจิ กรรมท่ี 2 เรื่อง การเขยี นแผนภาพรังสีเงามดื และเงามวั
4. ใบงานที่ 2 การเขียนแผนภาพรังสีเงามืดและเงามัว
5. Power point
18
9.การวดั ประเมนิ ผล วธิ ีการวดั /เครอื่ งมือวัด เกณฑ์การประเมิน
จดุ ประสงค์ ได้คะแนนรอ้ ยละ 70 ข้นึ ไป
-การตอบคาถาม
ด้านความรู้ (K) -การนาเสนอหนา้ ช้นั เรยี น ได้คะแนนในระดับ 3 (ดี) ขึน้ ไป
1. อธบิ ายการเขยี นแผนภาพรังสีของ
แสงแสดงการเกดิ เงามดื เงามัว -ใบบนั ทึกกจิ กรรมท่ี 2
ด้านทกั ษะ/กระบวนการคดิ (P) -ใบงานท่ี 2
1. เขยี นแผนภาพรังสีของแสงแสดง
การเกดิ เงามดื เงามัว
ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) ได้คะแนนในระดับ 3 (ดี) ข้ึนไป
1. นกั เรยี นแสดงความอยากรู้อยาก
เห็น และมคี วามรับผดิ ชอบต่องานท่ี -สงั เกตพฤติกรรม
ไดร้ บั มอบหมาย -แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั
พึงประสงค์
19
20
21
ภาคผนวก
22
อุปกรณต์ อ้ งใช้
1. ไฟฉายขนาดเลก็ ใหญ่ 4. มะนาว หรือวสั ดุทรงกลมทึบแสง
2. กระดาษ 5. ฐาน
3. กะดาษแขง็ ทึบ 6. ไมเ้ สียบลูกชิน้
ขัน้ ตอนการทา
1. ต้งั ฉากเพ่ือรับเงาไวบ้ นตาแหน่งท่ี 1
2. เสียบมะนาวเข้ากับไม้เสยี บลกู ช้ิน ท่นี ามากน้ั แสง ไวใ้ นตาแหน่งท่ี 2
3. นาแหลง่ กาเนดิ แสงที่มีขนาคเปน็ จุดมาส่อง โดยถือไว้ในตาแหนง่ ท่ี 3
4. ใหน้ กั เรียนเขียนแผนภาพรังสีของแสงแสดงการเกิดเงามืดเงามวั
5. ใหเ้ ปลี่ยนแหล่งกาเนิดแสงขนาคเลก็ /เท่ากับวัตถุ และทาการทดลองข้อ 3 อีกคร้งั
6. ใหน้ ักเรยี นเขียนแผนภาพรังสีของแสงแสดงการเกิดเงามือเงามวั
7. ใหเ้ ปลยี่ นแหลง่ กาเนดิ แสงขนาดใหญ่ และทาการทคลองซา้ ข้อ 3 อกี คร้ัง
8. ให้นักเรยี นเขยี นแผนภาพรังสีของแสงแสดงการเกดิ เงามืดเงามัว
23
บันทกึ ผล เขียนแผนภาพรังสขี องแสง
แสดงการเงามืดเงามวั
ขนาดของแหล่ง
กาเนดิ แสง
แหลง่ กาเนิดแสงท่มี ี
ขนาดเล็กเป็นจุด
แหล่งกาเนดิ แสงทีม่ ี
ขนาดเล็ก
แหล่งกาเนดิ แสงท่มี ี
ขนาดใหญ่กวา่ วัตถุ
24
สรุปผล
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
25
คาช้แี จง : .ให้นกั เรียนเขยี นแผนภาพรงั สขี องแสงแสดงการเกดิ เงามืดเงามัว พร้อมวาดเงาท่ีเกดิ ขนึ้ บนฉาก
26
อธิบายการเขยี นแผนภาพรังสีของแสงทีแ่ สดงการเกดิ เงามดื เงามวั
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
แบบประเมนิ ผลการทาใบงาน/ช้ินงาน/สมุดรายบุคคล
คาช้แี จง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียน แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ งที่ตรงกับระดับ
คะแนน
รายการประเมิน
การปฏิบัตติ าม ผลงานมขี อ้ มลู ผลงานมีความ การส่งงานตรง
เลขท่ี ชื่อ-สกุล กระบวนการ/ ถูกตอ้ ง เรียบร้อย เวลา รวม
แกป้ ญั หา ครบถ้วน สะอาด
สมบูรณ์ ตาม
จุดประสงค์
321321321321
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยครงั้
ลงชอื่ ...........................................
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ( ................................................ )
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ผ้ปู ระเมนิ
9 – 12 ดี
5 – 8 พอใช้
1 – 4 ปรบั ปรงุ
เกณฑก์ ารประเมินการทาใบงาน/ชิ้นงาน/สมดุ รายบุคคล
ประเดน็ การประเมิน 3 (ดี) ระดับคุณภาพ 1 (ปรับปรุง)
นักเรยี นลงมือปฏบิ ัติท่าใบ 2 (พอใช้) นักเรยี นลงมือปฏิบตั ิท่าใบ
1. การปฏิบัติตาม งาน/ช้ินงาน/สมดุ ตาม นกั เรียนลงมอื ปฏบิ ตั ิทา่ ใบ งาน/ชิน้ งาน/สมดุ ตาม
กระบวนการ/แก้ปญั หา กระบวนการได้อยา่ ง งาน/ชน้ิ งาน/สมดุ ตาม กระบวนการไม่ได้
ถกู ต้อง กระบวนการได้บางส่วน
2. ผลงานมขี อ้ มลู ถูกต้อง นักเรยี นตอบคา่ ถามได้
ครบถว้ น สมบูรณ์ ตาม อย่างถูกต้องครบถว้ น นกั เรียนตอบคา่ ถามได้อย่าง นักเรียนตอบคา่ ถามได้ไม่
จุดประสงค์ สมบรู ณ์ ตามจดุ ประสงค์
3. ผลงานมีความ นักเรียนท่างานได้อย่าง ถูกต้องครบถว้ น สมบูรณ์ ถูกต้องและไม่ครบถว้ น
เรียบรอ้ ย สะอาด เรียบรอ้ ย สะอาด ไม่มีการ
แกไ้ ขงานเลอะ ตามจุดประสงค์ในบางส่วน สมบูรณ์ ตามจุดประสงค์
4. การส่งงานตรงเวลา นกั เรียนสง่ งานตรงเวลา
ตามที่ครูก่าหนด นกั เรยี นทา่ งานไม่ค่อย นกั เรยี นท่างานได้ไม่
เรียบร้อย ไม่ค่อยสะอาด มี เรยี บรอ้ ย ไมส่ ะอาด มีการ
การแก้ไขงานจนเลอะ แก้ไขงานเลอะ
นักเรียนสง่ งานไม่ตรงเวลา นกั เรยี นสง่ งานไม่ตรงเวลา
ตามท่คี รูกา่ หนด มีความ ตามท่คี รูกา่ หนด มีความ
ลา่ ช้ากวา่ เวลาปกติ แตไ่ ม่ ล่าช้ากวา่ เวลาปกติ เป็น
เกิน 2 ชว่ั โมงหลงั จากเวลาที่ เวลามากกวา่ 2 ชั่วโมง
ครูก่าหนด หลังจากเวลาท่คี รกู า่ หนด
แบบประเมนิ พฤติกรรมรายบคุ คล คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
วชิ า/เร่อื ง...................................................ชั้น..............วนั ท่ี..............เดอื น.......................พ.ศ. ...................
คาช้แี จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดบั
คะแนน
รายการประเมนิ
มวี ินยั ในการเรียน มคี วามมุง่ มน่ั ใน รวม เกณฑ์
เลขที่ ชือ่ -สกลุ วทิ ยาศาสตร์ การท่างาน
3 21321
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 1 คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้
เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ลงช่ือ...........................................
( ................................................ )
ผู้ประเมนิ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
7 – 9 3 = ดี
4 – 6 2 = พอใช้
1 – 3 1 = ปรบั ปรุง
เกณฑ์การให้คะแนนพฤติกรรมรายบคุ คล คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ที่ ประเดน็ 3 เกณฑก์ ารให้คะแนน 1
พฤติกรรม 2
1 มีวนิ ัย - ส่งงานตรงตามก่าหนดเวลาที่ - สง่ งานตรงตาม - สง่ งานไม่ตรงตาม
ครูก่าหนด กา่ หนดเวลาพอสมควร ก่าหนดเวลา
- รับผดิ ชอบในการท่างานท่ี - รับผิดชอบในการทา่ งานท่ี - ไมร่ บั ผิดชอบในการท่างาน
ไดร้ บั มอบหมาย ได้รับมอบหมายน้อย ท่ีได้รบั มอบหมาย
- เขา้ หอ้ งเรียนตรงเวลา - เข้าห้องเรียนไมค่ ่อยตรง - เข้าหอ้ งเรียนไมต่ รงเวลา
- แต่งกายถูกตอ้ งตามระเบียบ เวลา - แต่งกายไม่ถกู ต้องตาม
- แต่งกายถูกตอ้ งตาม ระเบียบ
ระเบยี บบางคร้งั
2 มุ่งมัน่ ในการ - นักเรยี นมีความมุ่งมั่นในการ - นักเรียนไม่ค่อยมุ่งมนั่ ใน - นกั เรียนไม่สนใจและไม่มี
ทา่ งาน ท่างานในการเรยี นวชิ า การทา่ งานในการเรียนวชิ า ความม่งุ มัน่ ในการทา่ งาน
วทิ ยาศาสตรอ์ ยา่ งเต็มท่ี วทิ ยาศาสตรอ์ ยา่ งเต็มท่ี ในการเรยี นวิชา
วิทยาศาสตร์
แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม
คาชแ้ี จง ใหท้ ่าเครื่องหมาย / หนา้ ชอ่ งให้ตรงกบั ความเป็นจริง
ลาดับท่ี รายการพฤตกิ รรม คณุ ภาพการปฏบิ ตั ิ
321
1 มีการวางแผนรว่ มกัน
2 การแบ่งงานรับผดิ ชอบ
3 มกี ารใหค้ วามชว่ ยเหลือกนั
4 การรับฟงั ความคิดเหน็ และแก้ปญั หาร่วมกัน
5 สามารถใหค้ ่าแนะน่ากลุม่ อนื่ ได้
6 ปฏบิ ตั ิการท่ากจิ กรรมตามข้นั ตอนที่ก่าหนดไว้
7 ร่วมกันอภิปรายและสรุปผลงานของกลมุ่
8 ร่วมกันปรบั ปรงุ ผลงานของกล่มุ
รวม
ลงชือ่ ..................................................................ผ้ปู ระเมิน
..……/……………./…………
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัติชัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัตชิ ดั เจนและบ่อยครงั้ ให้ 2 คะแนน
พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติบางคร้ัง ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
24-30 3 = ดี
17-23 2 = พอใช้
10-16 1 = ปรบั ปรงุ
หมายเหตุ : ประเมินเปน็ กลุ่ม
เกณฑก์ ารประเมนิ การให้คะแนนแบบประเมินการทางานกลุ่ม
ประเดน็ การ ระดับคณุ ภาพ
ประเมนิ 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
1. มีการวางแผนร่วมกัน สมาชิกส่วนใหญไ่ ด้ สมาชกิ ทุกคนในกลุ่มมี สมาชิกสว่ นใหญไ่ ด้
วางแผนร่วมกันก่อนการ การวางแผนรว่ มกันกอ่ น วางแผนรว่ มกันก่อนการ
ท่ากจิ กรรมและมีการ การทา่ กิจกรรมและมีการ ท่ากจิ กรรมและมกี าร
ออกแบบการบันทึกผลได้ ออกแบบการบนั ทึกผลยัง ออกแบบการบันทึกผลยงั
อยา่ งเหมาะสม ไม่ค่อยเหมาะสม ไมเ่ หมาะสม
2. การแบ่งงานรับผิดชอบ สมาชิกส่วนใหญ่ได้มีการ สมาชกิ ทกุ คนในกลุ่มมี สมาชิกสว่ นใหญไ่ ด้มีการ
แบ่งงานรบั ผิดชอบได้ การแบง่ งานรับผดิ ชอบยงั แบ่งงานรบั ผิดชอบยงั ไม่
อยา่ งเหมาะสม ไม่ค่อยเหมาะสม เหมาะสม
3. มีการใหค้ วาม สมาชิกสว่ นใหญ่มกี ารให้ สมาชิกทุกคนในกลุ่มมี สมาชิกสว่ นใหญ่มกี ารให้
ชว่ ยเหลอื กัน ความชว่ ยเหลือกันได้ การใหค้ วามช่วยเหลือกนั ความช่วยเหลอื กนั ยงั ไม่
อย่างเหมาะสม ยังไม่ค่อยเหมาะสม เหมาะสม
4.การรบั ฟังความคดิ เหน็ สมาชกิ ส่วนใหญม่ กี ารรบั สมาชิกทกุ คนในกลุ่มการ สมาชกิ สว่ นใหญ่มกี ารรับ
และแกป้ ัญหาร่วมกัน ฟงั ความคดิ เห็นและ รบั ฟงั ความคิดเห็นและ ฟงั ความคดิ เห็นและ
แก้ปัญหาร่วมกันได้อยา่ ง แก้ปญั หาร่วมกันยังไม่ แก้ปญั หาร่วมกันยงั ไม่
เหมาะสม คอ่ ยเหมาะสม เหมาะสม
5. สามารถใหค้ า่ แนะนา่ สมาชิกสว่ นใหญส่ ามารถ สมาชกิ ทกุ คนในกลุ่ม สมาชิกสว่ นใหญส่ ามารถ
กลมุ่ อืน่ ได้ ใหค้ า่ แนะนา่ กลุ่มอน่ื ได้ สามารถใหค้ า่ แนะน่ากลมุ่ ให้ค่าแนะนา่ กลมุ่ อ่ืนไม่
อยา่ งเหมาะสม อน่ื ยงั ไมค่ ่อยเหมาะสม เหมาะสม
6. ปฏบิ ตั ิการทา่ กจิ กรรม สมาชกิ สว่ นใหญ่สามารถ สมาชิกทุกคนในกลุ่ม สมาชกิ สว่ นใหญส่ ามารถ
ตามขั้นตอนที่ก่าหนดให้ ปฏิบัตกิ ารท่ากจิ กรรม สามารถปฏบิ ัติการทา่ ปฏิบตั กิ ารทา่ กิจกรรม
ตามขนั้ ตอนที่ก่าหนดให้ กิจกรรมตามข้นั ตอนท่ี ตามข้ันตอนท่ีกา่ หนดให้
ได้ถูกต้องและเหมาะสม กา่ หนดให้ไมค่ ่อยถูกต้อง ไม่ถูกตอ้ งและเหมาะสม
และเหมาะสม
7. รว่ มกันอภิปรายและ สมาชกิ ส่วนใหญ่ร่วมกัน สมาชิกทุกคนในกลุ่ม สมาชิกส่วนใหญ่ไม่
สรุปผลงานของกลุ่ม อภปิ รายและสรุปผลงาน รว่ มกนั อภปิ รายและสรปุ ร่วมกนั อภิปรายและสรุป
ของกลมุ่ ได้อยา่ ง ผลงานของกลุ่มไมค่ ่อย ผลงาน
เหมาะสม เหมาะสม
8. ร่วมกนั ปรับปรุงผลงาน สมาชิกสว่ นใหญ่รว่ มกัน สมาชกิ ทุกคนในกลุ่ม สมาชิกส่วนใหญ่ไม่
ของกลุม่ ปรับปรุงผลงานของกลมุ่ รว่ มกนั ปรับปรุงผลงาน ร่วมกนั ปรับปรงุ ผลงาน
ได้อยา่ งเหมาะสม ของกลมุ่ ไมค่ ่อยเหมาะสม ของกลุ่ม
แบบประเมนิ การตอบคาถาม
ที่ ช่อื -สกุล ตอบค่าถาม เสนอตนเอง ชว่ ยผูอ้ น่ื ใน ผลการ
ไดถ้ ูกต้อง ในการตอบ การตอบ ประเมิน
คา่ ถาม คา่ ถาม
32 1 321321
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑ์การประเมิน มี 3 ระดับ คอื เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ
3 หมายถงึ ดี
2 หมายถึง พอใช้ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
3 หมายถึง ปรับปรุง
8-9 ดีมาก
6-7 ดี
4-5 พอใช้
3 ปรบั ปรงุ
ลงชอ่ื ...................................................
(......................................................)
ผูป้ ระเมนิ
เกณฑ์ประเมินการตอบคาถาม
ที่ รายการประเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน 1
32
1 ตอบค่าถามไดถ้ ูกต้อง ถกู ต้อง สมบรู ณ์ ตรง ถูกต้อง 80%-50% ถูกต้อง ต่า50% ยัง
ประเด็น ยังไมต่ รงประเด็น ไม่ตรงประเดน็
ท้งั หมด ท้งั หมด
2 เสนอตนเองในการตอบ ยกมือเสนอตนเองใน ยกมอื เสนอตนเองใน ไม่เสนอตนเองใน
คา่ ถาม การตอบค่าถามเปน็ การตอบค่าถามบา้ ง การตอบคา่ ถาม
ประจา่
3 ช่วยผ้อู ่นื ในการตอบ ใหค้ วามช่วยเหลือผ้อู ่นื ให้ความช่วยเหลือ ทา่ งานเพยี งลา่ พังผู้
คา่ ถาม ไดด้ ี ให้คา่ แนะนา่ และ ผ้อู ่ืนบ้าง ในบางเวลา เดยี ว
เป็นท่ีพึ่งของเพ่ือนๆได้
แบบประเมนิ การอภิปราย
คาชีแ้ จง ใหท้ ่าเครื่องหมาย / หนา้ ช่องใหต้ รงกบั ความเปน็ จริง
การออกเสยี ง การนา่ เสนอ บุคลิกภาพความ ผลการประเมนิ
กลมุ่ ท่ี คล่องแคล่ว
3 2 1 3 2 1321
1
2
3
4
5
6
7
8
9
เกณฑก์ ารประเมิน มี 3 ระดับ คอื เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
3 หมายถงึ ดี
2 หมายถงึ พอใช้ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
3 หมายถึง ปรับปรงุ
8-9 ดีมาก
6-7 ดี
4-5 พอใช้
3 ปรับปรุง
ลงช่อื ...................................................
(........................................................)
ผู้ประเมนิ
เกณฑก์ ารให้ระดับคะแนนการอภปิ ราย
ที่ รายการการ เกณฑ์การให้ระดบั คะแนน
ประเมิน ดี พอใช้ ปรับปรุง
1 การออกเสียง 1. ออกเสยี งอกั ขระ 1. ออกเสียงอักขระไม่ 1. ออกเสยี งอักขระไม่
ถูกต้องชดั เจน ชดั เจนในบางคา่ ถกู ต้อง
2. ใชร้ ะดับภาษาได้ 2. ใชภ้ าษาไม่ถูกตอ้ ง 2. ใช้ภาษาไมถ่ ูกต้อง
ถูกต้องเหมาะสม เหมาะสมในบางคา่ เหมาะสม
3. มีความมนั่ ใจ 3. ออกเสยี งเบา 3. ออกเสียงเบาขาด
เสยี งดงั ฟังชดั ความมน่ั ใจ
2 การนา่ เสนอ 1. น่าเสนอไดอ้ ย่าง 1. นา่ เสนอได้ดี 1. ขาดขั้นตอนในกา
น่าสนใจ ตามลา่ ดบั ขน้ั ตอน นา่ เสนอ
2. เสนอเรือ่ งตาม
ลา่ ดบั ขั้นตอน
3 บุคลิกภาพความ 1. พดู ได้ต่อเนอ่ื งไม่ 1. พูดได้ต่อเนอื่ งไม่ 1. พดู ไม่ต่อเนื่อง
คล่องแคล่ว ติดขัด ตดิ ขดั ในบางคา่ ติดขัด เปน็ ส่วน
ตะกุกตะกัก 2. กม้ หนา้ อ่านเนื้อหา ใหญ่
2. ก้มหนา้ อ่าน บา้ ง 2. กม้ หน้าอ่าน
เนื้อหาน้อยมาก เนือ้ หาตลอด