The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by arpornaom123, 2022-08-11 23:20:36

Kingdom fungi

Kingdom fungi

KINGDOM
FUNGI

อาณาจักรฟังไจ

คือ พวกเห็ด(mushroom), รา (mold) และยีสต์
(yeast) มีความใกล้ชิดกับสัตว์มากกว่าพืช เป็น
decomposer ที่สำคัญของระบบนิเวศ

สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรฟั งไจเป็นเซลล์ยูคาริโอต สร้าง
อาหารเองไม่ได้ (Heterotroph) ส่วนใหญ่ดำรงชีวิตแบบ
ภาวะย่อยสลาย (Saprophytism) โดยการปล่อยเอนไซม์
ออกมาย่อยสลายซากสิ่งมีชีวิตแล้วดูดซึมเข้าไป

ฟั งไจและสั ตว์เป็ นอาณาจั กรที่อยู่ใกล้ชิดกั นมากกว่าใกล้ชิดกั บพืช
หรือยูคาริโอตอื่น ๆ จากหลั กฐานทางสายสั มพั นธ์เชิงวิวั ฒนาการ เสนอว่า
ฟั งไจวิวั ฒนาการมาจากบรรพบุรุษที่มีแฟลเจลลา ถึงแม้ฟั งไจส่วนใหญ่จะ
ไม่มีแฟลเจลลา วิวั ฒนาการของฟั งใจที่เก่าแก่หรือมีวิวั ฒนาการต่ำที่สุดคือ
ไคทิด (CHYTRIDS) ซากดึกดำบรรพ์ของฟั งใจที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด
ประมาณ 460 ล้านปี (ในยุคออร์โดวิเชี ยน) และยั งพบซากดึกดำบรรพ์ของ
พืชที่มีท่อลำเลียงในปลายยุคซิลูเรียนที่มีหลั กฐานของไมคอร์ไรซา
(MYCORRHIZA) อยู่แสดงว่าฟั งไจมีความสั มพั นธ์แบบซิมไบโอติก
(SYMBIOTIC) อยู่กั บพืชมาตั้งแต่พืชมีท่อลำเลียงได้วิวั ฒนาการขึ้นมาอยู่
บนบก ปั จจุบั นพบฟั งใจแพร่กระจายอยู่ทั่วไปมีประมาณ 100,000 ชนิ ด

ลักษณะของสิ่่่งมีชีวิตใน
อาณาจักรฟังไจ

1. เซลล์เป็ นแบบ Eucaryotic cell มีเยื่อหุ้มนิ วเคลียส
2. ไม่มีคลอโรฟิ ลล์ ดำรงชีวิตเป็ นผู้ย่อยสลายสารอินทรีย์ที่
เน่าเปื่ อย

3. ผนั งเซลล์เป็ นสารไคตินกั บเซลลูโลส

4. มีทั้งเซลล์เดียวและเป็ นเส้นใยเล็ก เรียกว่าไฮฟา
(Hypha) รวมกลุ่ม เรียกว่าขยุ้มรา (mycelium) ลั กษณะ
ของเส้นใยแบ่งออกเป็ น 2 ชนิ ด

4.1 ) เส้นใยมีผนั งกั้น (Septate hypha)
4.2 เส้นใยที่ไม่มีผนั งกั้น (Nonseptate hypha or

coencytic hypha)

4.1 เส้นใยมีผนั งกั้น (Septate hypha) คือ เส้นใยที่มีผนั งกั้นแบ่งแต่ละเซลล์ โดยภายในเซลล์
อาจมีนิวเคลียสอันเดียว หรือมีนิวเคลียสหลายอันในแต่ละเซลล์ ผนั งที่กั้นระหว่างเซลล์เป็นผนั ง
ที่ไม่สมบูรณ์ เพราะมีรูอยู่ที่ผนั ง อาจมีรูเดียวหรือหลายรูที่ผนั ง ทำให้ไรโบโซม ไมโทคอนเดรีย
หรื อนิ วเคลียสไหลจากเซลล์หนึ่ งไปอีกเซลล์หนึ่ งได้

4.2 เส้นใยที่ไม่มีผนั งกั้น (Nonseptate hypha or coencytic hypha) คือ เส้นใยมีลักษณะเป็นท่อ
ทะลุถึงกันหมดโดยไม่มีผนั ง (Septum) กั้นซึ่งเกิดจากการแบ่งนิวเคลียสโดยไม่แบ่งไซโทพลาซึม
ทำให้ไซโทพลาซึมและนิ วเคลียสติดต่อกั นได้หมด
ส่วนยีสต์ เป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว แต่อาจมีการต่อกันเป็นสาย เรียกว่า Pseudomycelium

เส้นใยของฟั งไจอาจเปลี่ยนแปลงแปลงรูปร่างเพื่อทำหน้าที่พิเศษ ได้แก่
1.Haustorium เป็นเส้นใยที่ยื่นเข้าเซลล์โฮสต์ เพื่อดูดอาหารจากโฮสต์ พบในราที่เป็นปรสิต
2.Rhizoid มีลักษณะคล้ายรากพืชยื่นออกจากไมซีเลียม เพื่อยึดให้ติดกับผิวอาหารและช่วยดูดซึม

อาหารด้วย เช่น ราขนมปั ง

1. Fragmentation เกิดจากเส้นใยหักเป็นส่วน ๆแต่ละส่วนเรียก oidia สามารถเจริญเป็นเส้นใยใหม่ได้
2. Budding การแตกหน่อ เป็นการที่เซลล์แบ่งออกเป็นหน่อขนาดเล็กและนิวเคลียสของเซลล์แม่แบ่ง
ออกเป็นสองนิวเคลียส นิวเคลียสอันหนึ่งจะเคลื่อนย้ายไปเป็นนิวเคลียสของหน่อ เมื่อหน่อเจริญเต็มที่จะ
คอดเว้าขาดจากกัน หน่อที่หลุดออกมาจะเจริญต่อไปได้ เรียกหน่อที่ได้นี้ ว่า Blastosporeพบการสืบพันธุ์
แบบนี้ ในยีสต์ทั่วไป

3. Fission การแบ่งตัวออกเป็น 2 ส่วน แต่ละเซลล์จะคอดเว้าตรงกลางและหลุดออกจากกันเป็น 2 เซลล์
พบในยีสต์บางชนิ ดเท่านั้น

4. การสร้างสปอร์แบบไม่อาศัยเพศ เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่มีเพศที่พบมากที่สุด สปอร์แต่ละชนิดจะมีชื่อและวิธีสร้าง
ที่แตกต่างกันไป เช่น

– condiospore หรือ conidia เป็นสปอร์ที่ไม่มีสิ่งหุ้ม เกิดที่ปลายเส้นใยที่ทำหน้าที่ช สู ปอร์ (conidiophore) ที่
ปลายของเส้นใยจะมีเซลล์ที่เรียกว่า sterigma ทำหน้าที่สร้าง conidiaเช่น Aspergillus sp. และ Penicillium sp.

– sporangiospore เป็นสปอร์ที่เกิดจากปลายเส้นใยพองออกเป็นกระเปาะ แล้วต่อมามีผนั งกั้นเกิดขึ้นภายใน
กระเปาะจะมีผนั งหนาและเจริญเป็นอับสปอร์ (sporangium) นิวเคลียสภายในอับสปอร์จะมีการแบ่งตัวหลาย ๆ ครั้ง
โดยมีส่วนของโปรโตพลาสซึมและผนั งหนามาหุ้มกลายเป็นสปอร์ที่เรียกว่า sporangiospore จำนวนมากมาย

5. การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ มีการผสมมกันระหว่างเซลล์สื
บพันธุ์และมีการรวมตัวของนิวเคลียส ซึ่งรวมแล้วเป็น
diploid (2n) และมีการแบ่งตัวในขั้นตอนสุดท้ายแบบ meiosi
s เพื่อลดจำนวนโครโมโซมลงเป็น haploid (n) ตามเดิม

การสร้ างสปอร์แบบไม่อาศั ยเพศ
การสร้ างสปอร์แบบอาศั ยเพศ

plasmogamy เป็ นระยะที่ไซโตพลาสซึมของทั้งสองเซลล์มา
รวมกันทำให้นิ วเคลียสในแต่ละเซลล์มาอยู่รวมกันด้วย
นิวเคลียสในระยะนี้มีโครโมโซมเป็ น n
karyogamy เป็ นระยะที่นิวเคลียสทั้งสองมารวมกัน ในฟั งไจ
ชั้นต่ำจะเกิดการรวมตัวของนิ วเคลียสอย่างรวดเร็วในทันทีที่
มีนิวเคลียสทั้งสองทั้งสองอันอยู่ในเซลล์เดียวกัน ส่วนในฟั ง
ไจชั้นสูงจะเกิดการรวมตัวของนิวเคลียสช้ามาก ทำให้เซลล์
ระยะนี้มีสองนิวเคลียส เรียกว่า dikaryon
haploidization หรือไมโอซิส เป็ นระยะที่นิวเคลียสซึ่งมี
โครโมโซมเป็ น 2n จะแบ่งตัวแบบไมโอซิส เพื่อลดจำนวน
โครโมโซมเป็ น n

ในฟั งไจแต่ละชนิดจะมีโครงสร้างที่เรียกว่า gametangium ทำหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเพศเมีย
ที่เรียกว่า gamete เข้าผสมกัน นอกจากนี้ ยังพบว่าฟั งไจที่มี gametangium สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเพศ
เมียอยู่ในไมซิเลียมเดียวกันและสามารถผสมพันธุ์กันได้เรียกว่า monoecious แต่ฟั งไจที่มี gametangium
สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเพศเมียอยู่ต่างไมซีเลียมกัน แต่ละไมซีเลียมเรียกว่า dioecious ในการสืบพันธุ์แบบ
มีเพศของฟั งไจต่าง ๆ นี้ จะมีการสร้างสปอร์เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน สปอร์ที่ได้จากการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศมีขนาด
เล็กและจำนวนน้อยกว่า เช่น ascospore basidiospore zygospore และ oospore

● สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้ แบ่งเป็น 4 ไฟลัมคือ
1. ไฟลัมไซโกไมโคตา (Phylum Zygomycota)
2. ไฟลัมแอสโคไมโคตา (Phylum Ascomycota)
3. ไฟลัมเบสิดิโอไมโคตา (Phylum Basidiomycota)
4. ไฟลัมดิวเทดโรไมโคตา (Phylum Deuteromycota)

1. ไฟลัมไซโกไมโคตา (PHYLUM ZYGOMYCOTA)

เป็ นราที่มีวิวั ฒนาการต่ำสุด

ลั กษณะ
1. เซลล์เดี่ยวเจริญอยู่ในน้ำ บนบก และซากพืชซากสัตว์
2. เส้นใยชนิดไม่มีผนั งกั้น
3. ต้องการความชื้น
4. ดำรงชีวิตแบบปรสิต(Parasite) และผู้ย่อยสลาย (saprophyte)
5. การสืบพันธุ์

– แบบไม่อาศัยเพศ สร้างสปอร์ เรียกว่า sporangiospore
– แบบอาศัยเพศ สร้างสปอร์ เรียกว่า zygospore

ประโยชน์
1. Rhizopus oryzae ผลิตแอลกอฮอล์
2. R. nigricans ผลิตกรดฟูตริก

โทษ

ท​ ำให้
เกดิ โรคในพืชและสัตว์

การหมักแอลกอฮอล์ กระบวนการทำชีส

ลั กษณะ
1. เซลล์เดียว ได้แก่ ยีสต์ นอกนั้นเป็นพวกมีเส้นใยมีผนั งกั้นและเป็นราคล้าย

ถ้วย (cup fungi)
2. ดำรงชีวิตบนบก

3. การสืบพันธุ์
– แบบไม่อาศัยเพศ สร้างสปอร์เรียกว่า conidia ที่ปลายไฮฟา
ส่วนยีสต์จะแตกหน่อ
– แบบอาศัยเพศ สร้างสปอร์ ที่มีชื่อว่า ascospore อยู่ในถุงเรียกว่า ascus

ประโยชน์
1. Saccharomyces cerevisiae ใช้ผลิตแอลกอฮอล์ และมีโปรตีนสูง
2. Monascus sp. ใช้ผลิตข้าวแดงและเต้าหู้ยี้

โทษ

เกิดโรคกั บคนและสั ตว์

ฟรุ ตติงบอดี แบบรู ปถ้ วย
(apothecium)

3. ไฟลัมเบสิดิโอไมโคตา
(PHYLUM BASIDIOMYCOTA)

ลั กษณะ

1. เส้นใยมีผนั งกั้นและรวมตัวอัดแน่นเป็นแท่งคล้ายลำต้น เช่น ดอกเห็ด

2. การสืบพันธุ์

– แบบไม่อาศัยเพศ สร้างสปอร์เรียกว่า codiospore ใน conidia

– แบบอาศัยเพศ สร้างสปอร์ที่สร้างโดยอาศัยเพศสร้างบนอวัยวะคล้ายกระบอง

หรือเบสิเดียม (basidium) เรียกว่า แบสิดิโอสปอร์ (basidiospore)

ประโยชน์


ใช้เป็ นแหล่งอาหาร

โทษ


1. ทำให้เกิดโรคในพืช เช่น ราสนิม ราเขม่า

2. เห็ดรา มีสารพิษเข้าทำลายระบบประสาท ทางเดินอาหาร ตับ หัวใจ

เห็ดนางรม เห็ดโคน

เห็ดฟาง เห็ดเผาะ

44..ไไฟฟลลััมมดดิิววเเททดดโโรรไไมมโโคคตตาา

((PPhhyylluummDDeeuutteerroommyyccoottaa))

ลั กษณะ
1. เส้นใยมีผนั งกั้น
2. สืบพันธุ์ไม่แบบอาศัยเพศเท่านั้น โดยสร้างสปอร์ที่เรียกว่า โคนิเดีย (conidia) จึงเรียก
ราในกลุ่มนี้ ว่า Fungi Imperfecti
3. แต่หากเมื่อใดมีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศจะไปอยู่ใน Ascomycetes และ
Basidiomycetes

ประโยชน์
1. Penicillium chrysogernum ใช้ผลิตยาปฏิชีวนะเพนิซิลลิน
2. Aspergillus wendtii ใช้ผลิตเต้าเจี้ยว
3. A. oryzae ใช้ผลิตเหล้าสาเก

โทษ
1. ทำให้เกิดโรคในพืช
2. สร้างสารพิษ ทำให้เกิดโรค
3. ทำให้เกิดโรคในคน เช่น กลาก
เกลื้อน โรคเท้าเปื่ อยหรือฮ่องกงฟุต

ข้อมูลเพิ่มเติม

ฟั งใจเป็น enkaryote ที่มีเส้นใย (hypha) และกลุ่มของเส้นใย (mycelium)ซึ่งทำหน้าที่ในการกินแบบ
หลั่งน้ำ ย่อยแล้วดูดซึม หรืออาจเปลี่ยนเป็นอวัยวะกระจายสปอร์ที่เรียกว่า friting body ผนั งเชลล์เป็นสาร
chitin และสังเคราะห์ด้วยแสงไม่ได้ ดำรงชีวิตได้ทั้งแบบ saprophytism (หลั่งน้ำย่อยออกมาแล้วดูดซึม)
parasitism (เป็นปรลิต) หรือ mutualism (พึ่งพา) สร้างสปอร์ได้ 2 ชนิด คือ sexual spore โดย meiosis
กับ asexual spore โดย mitosis ซึ่งเราใช้ sexual spore เป็นเกณฑ์ในการจำแนกฟั งไจออกเป็น 4 ไฟลัม
แต่บางชนิดก็สร้างได้แต่ asexual spore เท่านั้น เรียกว่าพวก fungi imperfecti เช่น Penicillium,
Aspergillus

ข้อมูลเพิ่มเติม

1.Chytridiomycota คือพวก chytid : เป็นฟั งไจชนิดเดียว ที่เซลล์สืบพันธุ์และสปอร์มี fagellum
สันนิษฐานว่า ไชทริดิโกไมโคตา วิวัฒนาการมาจากโพรทิสต์



2.Zygomycota เช่น ราดำ (Thizopus) ที่ขึ้นอยู่บนขนมปั ง : hyphaไม่มีผนั งกั้น สร้าง
sexual spore คือ zygospore



3.Ascomycota มีจำนวนมากที่สุด เช่น ยีสต์ โมเรล ทวัฟเฟิล สร้าง sexual ราแดง : hypha มีผนั งกั้น
ascosporeในถุงเรียก ascus โดยยีสต์ เป็น unicellular spore เรียก (ไม่อาศัยเพศ)และไม่มี hypha มีการ
สืบพันธุ์โดยแตกหน่อ แมสได้ไอไม่โต้า หรือ meiosis (อาศัยเพศ)





4.Basidiomycota เช่น เห็ดต่างๆ ราสนิม ราเขม่าดำ รา mycorhiza ที่อยู่กับรากสนแบบ mutualism ช่วย
ดูดน้ำและแร่ธาตุ : hypha มีผนั งกั้น สร้าง sexual spore เรียก basidiospore ใน fruiting body ขนาด
ใหญ่ส่วนใหญ่มีความสำคั ญทางเศรษฐกิจ

ข้อมูลเพิ่มเติม

ราแดง ใช้ทำข้าวแดงและเต้าหู้ยี้,Penicillium ใช้ทำยาปฏิชีวนะ penicillin, Aspergillus
lavus มีสาร allatoxin ทำให้เกิดมะเร็งตับ, Aspergilus niger ผลิตกรดชิตริก, Rhizopus
nigricans ผลิตกรดฟูมาริก, ยีสต์สามารถหายใจแบบไม่ใช้ , ได้แอลกอฮอล์ และ CO, โดย
กระบวนการหมัก จึงใช้ยิสต์หมักไวน์ เหล้า และใส่ยีสต์เพื่อให้ขนมปั งขึ้นฟู นอกจากนี้
ผลิตภั ณฑ์จากฟั งไจยังมีซีอิ้ว เต้าเจี้ยว ถั่วหมัก

ข้อมูลเพิ่มเติม

● โรคจากฟั งไจ เช่น กลาก เกลื้อน ง่ามเท้าเปื่ อย ฯลฯ และโรคจากราสนิม ราเขม่าดำ ราน้ำค้าง

โรคใบไหม้ เป็นโรคในพืชที่เกิดจามกฟาั รง่ไวจมผจญภัยไปกับ

ชิลา มุนิซ● ไลเคนส์ (ichens) เช่น ฝอยลม ฟองหิน เป็นสิ่งมีชีวิตอีกชนิด ที่เกิดจากรา omycete)

มาอยู่ร่วมกันแบบ mutualism กับสาหร่าย (สีเขียว หรือสีเขียวแกมน้ำเงิน) โดยราให้แร่
ธาตุ CO (ascomycete หรือ basidi- และความชื้น ส่วนสาหร่ายให้อาหาร และ ไลเคนส์
เป็นสิ่งมีชีวิตบุกเบิก เพราะกร่อนหินได้ และเป็นดัชนี คือ crustose(เกาะเป็นแผ่นๆอยู่วัด
อากาศเพราะมันจะไม่ขึ้นในที่ที่อนาักกาศเรเีปย็นนพดิษีเดไ่ลนเคนส์มี 3 ประเภท บนหิน), foliose
(คล้ายใบไม้แผ่นบางๆ) และ fruticose (เป็นฝอยๆฟูๆ)

ราสนิ ม กลาก/เกลื้อน
ง่ามเท้าเปื่ อย
โรคเขม่าดำ

โรคราน้ำค้าง ไลเคนส์2
ไลเคนส์1

โรคใบไหม้

จัดทำโดย

1.น.ส.กั ลยกร นาคพริก เลขที่ 13

2.น.ส.ปั ณฑิตา เเคนดา เลขที่ 14

3.น.ส.พิมย์ลภั ทร รั ตนภั กดี เลขที่ 17

4.น.ส.กวิสรา ธงชั ย เลขที่ 21

5.น.ส.เขมิกา บุญประดิษฐ์ เลขที่ 27

6.น.ส.มนั สยา ชินโคตร เลขที่ 29

7.น.ส.อติกานต์ อำมะรา เลขที่ 31

ชั้นมั ธยมศึกษาปี ที่ 6/3

Thank you


Click to View FlipBook Version