ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะ เรื่อง ศาสนธรรมนาชีวติ
คานา
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชีวิต ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 ชุดท่ี 1 หลักธรรม ชดุ ที่
ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ได้จัดทาขึ้นเพ่ือเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้และส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน 1
เพื่อพัฒนาความสามารถการคิดวิเคราะห์ กระตุ้นความสนใจสร้าง การเรียนรู้ท่ีหลากหลายไม่เบื่อหน่าย ซึ่ง
ภายในชุดกิจกรรมเล่มน้ีประกอบด้วยเน้ือหาเก่ียวกับหลักธรรมศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู มีหลักธรรมคาสอนที่ หน้า
สาคัญ ดังนี้ อาศรม 4 ปรมาตมนั และโมกษะ ซ่งึ มีจดุ ม่งุ หมายสงู สดุ ของชีวิตอันเป็นความสงบสขุ ช่ัวนิรนั ดรอย่าง ก
แท้จริงคือ ความกลมกลืนเป็นอันหน่ึงอันเดียวกับพระพรหมหรือปรมาตมัน มีกิจกรรมที่ให้ทาเป็นกลุ่มรวมถึง
แบบฝึกและใบงาน ทีใ่ หฝ้ กึ ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ กรณีศกึ ษาจากขา่ วและเรื่องราวท่ีเกิดข้ึนจรงิ ในสังคม พรอ้ ม
ทัง้ มเี รอ่ื ง นา่ ร้ใู หน้ ักเรยี นได้เพมิ่ เติมความร้ใู ห้มากขน้ึ
ผู้จดั ทาหวังเป็นอยา่ งยงิ่ ว่าชุดกิจกรรมเล่มนีจ้ ะเป็นประโยชนต์ ่อการจัดการเรยี นรู้เพ่ือประยุกต์ใช้ พัฒนา
ประสบการณ์เรยี นรไู้ ดอ้ ย่างเหมาะสมทาให้นักเรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะหส์ ูงยิง่ ขึน้ และอานวยความ
สะดวกในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแก่ครูผู้สอนได้เป็นอย่างดีหากมีข้อบกพร่องประการใดขออภัยมา ณ
ที่นดี้ ้วย
สาวิณี สิทธชิ ยั
ครูวทิ ยฐานะชานาญการ
ชดุ กิจกรรมการเรยี นร้แู บบสบื เสาะ เรอื่ ง ศาสนธรรมนาชวี ิต
สารบญั หนา้ ชุดท่ี
ก 1
เรอื่ ง ข
คานา ค หนา้
สารบญั ง ข
คาช้ีแจง ฉ
คาแนะนาสาหรบั ครู ช
คาแนะนาสาหรับนกั เรยี น ซ
โครงสร้างชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ ฌ
ขน้ั ตอนการเรียนรโู้ ดยใช้ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ 1
แบบทดสอบกอ่ นเรียน 2
ผังมโนทัศน์ หลกั ธรรมศาสนาพราหมณ์ – ฮนิ ดู 5
กิจกรรมที่ 1 ผังคาถาม สงสัยจัง 12
กจิ กรรมที่ 2 ตามลา่ 15
กจิ กรรมที่ 3 จ๊ิกซอวต์ ่อความรู้ 17
กิจกรรมท่ี 4 สถานการณน์ ่ารู้ 21
กจิ กรรมท่ี 5 เจาะลกึ หาคาตอบ 24
แบบทดสอบหลงั เรยี น 25
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะ เรอ่ื ง ศาสนธรรมนาชีวติ
คาช้แี จง
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ เรื่อง ศาสนธรรมนาชีวิต สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ชดุ ท่ี
ประกอบด้วยชุดกิจกรรม จานวน 5 ชุดดงั นี้ 1
ชุดท่ี 1 หลกั ธรรมศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู หนา้
ชดุ ที่ 2 หลกั ธรรมศาสนาพทุ ธ ค
ชดุ ท่ี 3 หลักธรรมศาสนาคริสต์
ชดุ ท่ี 4 หลกั ธรรมศาสนาอิสลาม
ชดุ ท่ี 5 ความสอดคลอ้ งของศาสนธรรม
2. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ชุดน้ีเป็นชุดท่ี 1 หลักธรรมศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ใช้ประกอบแผนการจัดการ
เรียนรู้รายวชิ าสงั คมศกึ ษาพ้ืนฐาน รหสั วชิ า ส31101 มัธยมศึกษาปีที่ 4 เรอื่ ง ศาสนธรรมนาชวี ิต ช้ันมธั ยมศึกษา
ปีที่ 4 จานวน 2 แผน เวลา 4 ช่ัวโมง
3. สว่ นประกอบการเรียนร้ขู องชุดกจิ กรรมชดุ น้ีประกอบดว้ ย
3.1 คาชี้แจง
3.2 คาแนะนา การใช้ชดุ กิจกรรมการเรียนร้สู าหรบั ครู
3.3 คาแนะนา การใช้ชดุ กิจกรรมการเรียนร้สู าหรับนกั เรยี น
3.4 โครงสรา้ งชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้
3.5 ขัน้ ตอนการเรยี นรูโ้ ดยชดุ กจิ กรรมการเรียนรแู้ บบสืบเสาะ
3.6 แบบทดสอบก่อนเรยี น
3.7 ผงั มโนทศั น์
3.8 ใบกจิ กรรมที่ 1 2 3 4 และ 5
3.9 ใบความรู้
3.10 แบบฝึกหัด ท่ี 1 2 และ 3
3.11 ใบงานท่ี 1 และ 2
3.12 แบบทดสอบหลังเรียน
3.13 บรรณานกุ รม
3.14 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น – หลังเรยี น
3.15 เฉลยแบบฝึกหัด ท่ี 1 2 และ 3
3.16 เฉลยใบงานที่ 1 และ 2
3.17 กระดาษคาตอบแบบทดสอบก่อนเรียน – หลงั เรยี น
3.18 เรือ่ งนา่ รู้
4. ผู้ใชช้ ุดกจิ กรรมนี้ตอ้ งศกึ ษาคาแนะนาในการใช้ชดุ กิจกรรมให้เข้าใจก่อนใช้
ชุดกจิ กรรมการเรยี นร้แู บบสืบเสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชวี ติ
คาแนะนาสาหรบั ครู
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ เรื่อง ศาสนธรรมนาชีวิต
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 เปน็ ชุดกิจกรรมท่พี ฒั นาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ มีขนั้ ตอนในการเรยี นรู้ 5 ข้นั ตอน
คอื 1 .ขนั้ สรา้ งความสนใจ 2. ขั้นสารวจและค้นหา 3. ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป 4. ข้ันขยายความรู้
5. ข้ันประเมิน เพ่ือให้บรรลุจุดประสงค์ในการดาเนินการจัดการเรียนรู้ และมีประสิทธิภาพผู้สอนควรเตรียม ชุดท่ี
ความพร้อมและปฏบิ ตั ิตามคาแนะนาต่อไปนี้
1
1. กอ่ นการจดั การเรียนรู้
1.1 ครูเตรียมส่ือวัสดุอุปกรณ์ในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้และจัดชั้นเรยี นให้พร้อมและครบตามจานวน หนา้
ง
นกั เรียนในช้ัน
1.2 ครศู กึ ษาเน้อื หาทจี่ ะสอนและแผนการจัดการเรยี นรู้ชุดกจิ กรรมให้รอบคอบละเอยี ดและคาชแี้ จงตา่ งๆ
1.3 ก่อนสอนครูต้องเตรียมชุดกิจกรรมไว้บนโต๊ะให้เรียบร้อยและให้เพียงพอกับนักเรียนแต่ละกลุ่มให้
ไดร้ ับคนละ 1 ชุด ยกเวน้ ส่ือการสอนทีต่ อ้ งใช้ร่วมกันทั้งกลุ่ม
1.4 ครูเป็นผ้จู ัดกจิ กรรมการเรียนการสอนและวดั ผลประเมนิ ผลใหเ้ ป็นไปตามลาดับขัน้ ตอนท่ีกาหนดไว้
2. ขนั้ สอน
2.1 การสอนแบง่ ออกเป็น 5 ขนั้ ตอน คือ 1 .ข้นั สรา้ งความสนใจ 2. ขนั้ สารวจและคน้ หา 3. ขั้นอธิบาย
และลงขอ้ สรุป 4. ข้ันขยายความรู้ 5. ขน้ั ประเมิน
2.2 ก่อนสอนครูต้องชแ้ี จงให้นกั เรียนศึกษาคมู่ ือนักเรยี น การใช้ชุดกิจกรรมตัง้ แต่ใบคาส่ัง แบบทดสอบ
กอ่ นเรียน – หลงั เรียน ใบความรู้ ใบกจิ กรรม แบบฝึกหดั ใบงาน และใบเฉลยกิจกรรม
2.3 ขณะที่นักเรียนทุกกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมครูไม่ควรพูดเสียงดังหากมีอะไรจะพูดต้องพูดเป็นรายกลุ่ม
หรอื รายบคุ คล ตอ้ งไมร่ บกวนกิจกรรมของนกั เรียนกล่มุ อืน่
2.4 ขณะที่นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมครูต้องเดินดูการปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียนแต่ละกลุ่มอย่างใกล้ชิด
หากมนี ักเรียนคนใดหรอื กลมุ่ ใดมปี ัญหา ครคู วรจะเข้าไปใหค้ วามชว่ ยเหลอื จนปญั หาน้ันคล่ีคลาย
2.5 หากมนี กั เรยี นคนใดทางานชา้ เกนิ ไปครูต้องแยกออกมาทากจิ กรรมพิเศษโดยหากจิ กรรมท่ีเหมาะสม
ให้กบั นักเรียนที่เรยี นชา้
2.6 ถ้านักเรียนคนใดหรือกลุ่มใดทางานได้เร็วเกินไป ครูก็ควรให้ทาไปกิจกรรมพิเศษท่ีเตรียมไว้สาหรับ
นักเรยี นทเี่ รยี นเรว็
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะ เร่อื ง ศาสนธรรมนาชีวิต
3. ขน้ั สรุป ชุดท่ี
1
3.1 การสรปุ บทเรียนควรจะเปน็ กิจกรรมร่วมของกลุ่ม หรือตวั แทนกล่มุ รว่ มกัน
3.2 ก่อนนักเรียนทากิจกรรมให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน และเม่ือทากิจกรรมครบแล้วให้ทา
แบบทดสอบหลงั เรียนและแจง้ ใหน้ กั เรียนทราบความก้าวหนา้ ทางการเรียน
3.3 การวัดผลและประเมินผล ประเมินจากแบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียน แบบประเมินการทา
กจิ กรรมกลุ่ม แบบประเมนิ การปฏิบัติงาน ตรวจใบกจิ กรรม แบบฝกึ หดั และใบงาน
3.4 เมื่อส้ินสุดการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ครูให้นักเรียนร่วมกันตรวจสอบเก็บชุดกิจกรรมการเรียนรู้
วัสดุอปุ กรณแ์ ละส่งิ ของให้เรยี บรอ้ ย เพอื่ สะดวกในการใช้ครัง้ ต่อไป
หน้า
จ
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ เร่อื ง ศาสนธรรมนาชีวติ
คาแนะนาสาหรับนักเรยี น
บทเรียนท่ีนักเรียนใช้อยู่น้ีเรียกว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชีวิต ชุดท่ี
ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ชุดที่ 1 หลักธรรมศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู เป็นบทเรียนท่ีสร้างขึ้นเพ่ือให้นักเรียนสามารถ 1
ศึกษาได้ด้วยตนเอง โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจ และความสามารถแก้ปัญหาจากสถานการณ์ท่ี
กาหนดให้อย่างมีข้ันตอน โดยนักเรียนจะได้รับประโยชน์จาก ชุดกิจกรรมตามจุดประสงค์ท่ีต้ังไว้ ด้วยการปฏบิ ัติ หน้า
ตามคาแนะนาต่อไปน้ีอย่างเคร่งครดั ดงั นี้ ฉ
1. อ่านคาชี้แจง คาแนะนาการใช้ชุดกิจกรรม ข้ันตอนการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรม ให้เข้าใจก่อนลงมือ
ศกึ ษาชดุ กจิ กรรม
2. แบ่งกลุ่มๆ ละ 4 - 5 คน โดยในกลุ่มมีผู้เรียนคละกันท้ังนักเรียนที่เก่ง นักเรียนที่ปานกลางและ
นักเรียนท่ีอ่อน
3. ศึกษาสาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัด และจุดประสงค์การเรียนรู้ให้เข้าใจก่อนลงมือ
ศึกษาชดุ กิจกรรมการเรียนรู้
4. นักเรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรียนจานวน 10 ข้อ แลว้ ตรวจสอบคาตอบจากเฉลย
5. ชดุ กจิ กรรมนส้ี าหรบั ศึกษาด้วยตนเอง นักเรียนตอ้ งดาเนินกิจกรรมตามที่กาหนดไว้ในเอกสารสาหรับ
นักเรยี นจนครบข้นั ตอน
6. นักเรียนต้องอ่านเน้ือหาไปตามลาดับทีละหน้าต่อเน่ืองกันไปเรื่อยๆ ตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้าย
จะขา้ มหน้าใดหน้าหนง่ึ ไมไ่ ด้
7. ถ้ามีคาสง่ั คาถามหรอื แบบฝึกหดั นกั เรียนตอ้ งปฏิบตั ิตามทุกอยา่ ง
8. นักเรียนต้องซ่ือสัตย์ต่อตนเอง ไม่ดูเฉลย ก่อนที่จะใช้ความสามารถในการตอบคาถามด้วยตนเอง
เพราะถ้าทาเช่นน้นั จะไมช่ ่วยให้นักเรียนมอี งค์ความรู้ข้นึ มา
9. เม่ือศึกษาด้วยตนเองจนจบชุดกิจกรรมแล้วให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนจานวน 10 ข้อ
แล้วตรวจคาตอบจากเฉลย
10. บันทกึ ผลคะแนนที่ได้ลงในแบบบันทกึ คะแนนเพื่อตรวจสอบพัฒนาการทางการเรยี น
11. ถา้ นกั เรียนสงสยั หรอื ไม่เขา้ ใจในเนอ้ื หาใหท้ บทวนใหม่ ถ้ายงั ไม่เข้าใจอกี ให้สอบถามจากผู้สอน
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะ เรอื่ ง ศาสนธรรมนาชีวิต
โครงสรา้ งชุดกจิ กรรมการเรียนรู้
มาตรฐานการเรียนรู้
ส 1.1 รแู้ ละเขา้ ใจประวตั ิความสาคัญศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาทต่ี นนบั ถือ ชุดท่ี
และศาสนาอน่ื มีศรทั ธาท่ถี กู ต้อง ยึดม่นั และปฏบิ ัตติ ามหลักธรรมเพอื่ อยรู่ ว่ มกันอยา่ งสันติสขุ 1
ตัวช้ีวดั หน้า
ช
ส 1.1 ม.4 – 6/13 วิเคราะห์หลักธรรมในกรอบอรยิ สัจ 4 หรือหลักคาสอนของศาสนาท่ีตนนับถือ
ส 1.1 ม.4 – 6/21 วิเคราะห์หลักธรรมสาคัญในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ของศาสนาอื่นๆ
และชักชวนสนับสนุนให้บุคคลอน่ื เหน็ ความสาคัญของการทาความดตี ่อกนั
สาระสาคญั
ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู เชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดไม่สิ้นสุดจนกว่าจะหลุดพ้น โมกษะซึ่งเป็น
จุดหมายสูงสุดของชีวิต ส่วนการปฏิบัติเพื่อบรรลุโมกษะนั้น จะต้องปฏิบัติตามอาศรม 4 หลักปรมาตมัน
การปฏบิ ตั ติ นตามหลักธรรมของศาสนาท่ตี นนบั ถอื ยอ่ มทาให้อยู่รว่ มกันไดอ้ ย่างสันตสิ ุข
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. จาแนกหลกั ธรรมอาศรม 4 หลักปรมาตมนั และหลักโมกษะได้
2. บอกเป้าหมายสูงสดุ ของศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู
3. บอกความสมั พนั ธ์ของหลกั ธรรมอาศรม 4 หลักปรมาตมัน และหลักโมกษะกับสถานการณท์ กี่ าหนด ได้
สาระการเรยี นรู้
1. อาศรม 4
2. ปรมาตมัน
3. โมกษะ
ชุดกจิ กรรมการเรียนรูแ้ บบสืบเสาะ เรื่อง ศาสนธรรมนาชีวติ
ข้ันตอนการเรยี นรู้โดยใช้ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้
ชดุ ที่ 1 เร่อื ง หลกั ธรรมศาสนาพราหมณ์ – ฮนิ ดู
ศกึ ษาคาแนะนาการใช้ชุดกิจกรรม ชดุ ท่ี
1
แบบทดสอบกอ่ นเรียน
หน้า
ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการเรียนรู้ ซ
กจิ กรรมที่ 1 ผังคาถาม สงสัยจงั
กิจกรรมที่ 2 ตามล่า
กิจกรรมท่ี 3 จิก๊ ซอวต์ ่อความรู้
กจิ กรรมที่ 4 สถานการณน์ ่ารู้
กจิ กรรมท่ี 5 เจาะลึกหาคาตอบ
แบบทดสอบหลังเรียน ไม่ผา่ นเกณฑ์ รอ้ ยละ 80
ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80
ศึกษาชดุ กจิ กรรมชุดที่ 2
ชุดกจิ กรรมการเรียนรูแ้ บบสบื เสาะ เรอื่ ง ศาสนธรรมนาชีวิต
แบบทดสอบก่อนเรยี น
เรอ่ื ง หลักธรรมศาสนาพราหมณ์ – ฮนิ ดู
คาชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกต้องทสี่ ุด แลว้ ฝนคาตอบลงในกระดาษคาตอบ
1. การเรยี นรเู้ ก่ยี วกับหลกั ธรรม เรือ่ งโมกษะ ของศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ทาให้เราควรตระหนกั ในเรื่อง
ใดมากทีส่ ุด เพือ่ ให้เราบรรลุโมกษะ
ก. เล่นสนุกให้กับทุกเร่ืองเพราะเดย่ี วเรากต็ าย ชดุ ท่ี
1
ข. อยเู่ ฉยๆ เพราะเทพเจ้ากาหนดชะตาชวี ิตของเราไวแ้ ล้ว
หน้า
ค. ทาแต่ความดีแล้วเราจะได้เกดิ ในภพภมู ทิ ีด่ ีเม่ือเราตายไป ฌ
ง. เราต้องปฏบิ ตั ิตนตามหลักกรรมมรรค ชญานมรรค ภักติมรรค และราชมรรค
2. การสร้าง ชญาณโยคะ ให้เกดิ ขึน้ ตามทรรศนะของศาสนาพราหมณ์ ฮนิ ดจู ะทาได้โดยการดาเนนิ การ
ดังตอ่ ไปน้ี ยกเว้นข้อใด
ก. สละโลกียสขุ ท้งั มวล
ข. ใฝ่ฝันถึงความหลดุ พน้
ค. ปลูกศรัทธาและจงรกั ภกั ดตี ่อเทพเจา้
ง. แยกแยะใหเ้ ห็นความแตกต่างกนั ระหวา่ งสง่ิ ท่เี ป็นจริงและสิ่งทไ่ี มเ่ ป็นจรงิ
3. ถานกั เรียนนบั ถือศาสนาพราหมณ - ฮนิ ดู วยั ของนกั เรยี นจัดอยู่ในหลักอาศรม 4 ชวงใด
ก. พรหมจารี ข. คฤหัสถ์
ค. วานปรัชญ์ ง. สนั ยาสี
4. สายชลเรยี นจบการศึกษาเม่ืออายุ 25 ปี บิดาใหแ้ ต่งงานแล้วสง่ ไปคมุ โรงงานชาที่ศรลี งั กา
สายชลมชี ีวิตอยใู่ นข้ันตอนใด
ก. พรหมจารี ข. คฤหัสถ์
ค. วานปรชั ญ์ ง. สันยาสี
5. ขน้ั ตอนใดท่ีชีวติ จะหลดุ พ้นจากสงั สารวฏั ตามหลักคาสอนของศาสนาพราหมณ์ – ฮนิ ดู คอื ข้อใด
ก. พรหมจารี ข. คฤหสั ถ์
ค. วานปรชั ญ์ ง. สนั ยาสี
6. ข้อใด ไม่ตรง กับปรมาตมัน
ก. พรหมัน ข. โมกษะ
ค. ชวี าตมนั ง. วญิ ญาณสากล
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรูแ้ บบสืบเสาะ เรือ่ ง ศาสนธรรมนาชีวิต
7. “คนทข่ี ับรถให้รถไปตามทศิ ทางที่เรากาหนด” เปรียบเทียบได้กบั หลักธรรมใดของศาสนาพราหมณ์ –ฮนิ ดู
ก. ปรมาตมนั
ข. อาตมนั
ค. โมกษะ
ง. พรหม
8. ข้อใดคือความเชือ่ ในศาสนาครสิ ต์ที่ต่างจากศาสนาพราหมณ์
ก. มนษุ ยเ์ กดิ เพียงชาตเิ ดยี ว ข. มนษุ ยเ์ กดิ จากการสรา้ งของพระเจา้ ชดุ ท่ี
ค. ผู้เคารพพระเจ้าคือผู้ทาความดี ง. ผ้ทู าความดีพระเจ้าย่อมมองเห็น 1
9. ขอ้ ใดไม่ตรงกบั คาสอนของศาสนาพราหมณ์
ก. การมีบตุ รเมื่อมฐี านะพร้อม
ข. การสละบ้านเรือนออกบวชเมอ่ื แก่ชรา หน้า
ค. การเอาใจใสเ่ รียนหนังสือเมอ่ื อยูใ่ นวัยรา่ เรียน ญ
ง. การแต่งงานมีครอบครวั หลังจากผ่านวัยศึกษาเลา่ เรียนแลว้
10. ข้อใดทีก่ ลา่ วถึงลัทธิตรีมูรตขิ องศาสนาฮนิ ดูถูกต้องที่สุด
ก. พระพรหมสรา้ งสรรค์ พระวิษณบุ ารงุ เลี้ยงดู พระอคั นที าลาย
ข. พระอศิ วรสร้างสรรค์ พระพรหมบารงุ เลีย้ งดู พระศิวะทาลาย
ค. พระพรหมสร้างสรรค์ พระวิษณุบารุงเล้ยี งดู พระศวิ ะทาลาย
ง. พระพิฆเนศวรผูส้ ร้าง พระนารายณบ์ ารุงเลยี้ งดู พระกฤษณะทาลาย
******************************
ชุดกิจกรรมการเรียนรแู้ บบสืบเสาะ เรื่อง ศาสนธรรมนาชวี ติ
กระดาษคาตอบ แบบทดสอบก่อนเรยี น
คาชีแ้ จง ใช้ปากกา หรอื ดินสอ ในการฝนกระดาษคาตอบ ข้อที่ถกู ตอ้ งท่ีสุดลงในกระดาษคาตอบ
เพียงข้อเดียวหากต้องการแกไ้ ขคาตอบ สามารถใชน้ า้ ยาลบคาผดิ หรอื ยางลบ ลบได้
* กระดาษคาตอบตรวจด้วยเครอ่ื งตรวจ ห้ามทาเครือ่ งหมายหรือสญั ลกั ษณ์ใดๆ ลงในกระดาษคาตอบ
ชดุ ท่ี
1
หน้า
ฎ
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบสบื เสาะ เรื่อง ศาสนธรรมนาชวี ติ
ผงั มโนทศั น์
หลกั ธรรมศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู
ปรมาตมัน/ อาตมนั ชุดท่ี
วญิ ญาณสากล/ อาตมนั 1
อาตมนั
พรหม หนา้
1
บรรลเุ ขา้ สู่
โมกษะ ไปใช้ชีวิตตาม
หลักอาศรม 4
ปฏบิ ตั ติ นตาม
มรรค 4
ชดุ กิจกรรมการเรียนร้แู บบสบื เสาะ เร่อื ง ศาสนธรรมนาชีวิต
ชุดท่ี
1
หน้า
2
เรือ่ งนา่ รู้
พระศิวะทรงทอดกายมิให้พระแมก่ าลีกระทืบเทา้
ตำนำนกล่ำวว่ำ พระอุมำซ่ึงอยู่ในปำงอัมพิกำ พระสริ ิโฉมงดงำมเสดจ็ ส่สู นำมรบ เม่ือเหล่ำอสรู ได้เหน็ ก็
พยำยำมจะได้นำงเป็นชำยำ แต่นำงได้ต่อส้กู บั เหล่ำอสรู ด้วยควำมพิโรธ ในปำงพระแม่กำลี จนอสรู ท้งั หลำยตำยจน
เกอื บหมด เหลือเพียงมำธูอสรู ท่ีทรงสงั หำรอย่ำงไรกไ็ ม่ตำย เพรำะเคยได้รับพรจำกพระศิวะให้มีชีวิตเป็นอมตะ
หำกเลือดหยดถึงพ้ืนดินกจ็ ะเกดิ เป็นอสรู อกี มำกมำยไม่ส้นิ สดุ ร้อนถึงพระศิวะ ทรงประทำนวิธใี ห้พระแม่กำลีด่มื
เลือดอสรู ทกุ คร้งั อย่ำให้ตกถงึ ดนิ มำธอู สรู จึงถงึ แกค่ วำมตำย
หลังจำกชนะอสรู มำธู พระนำงทรงดพี ระทยั กระโดดเต้นเพ่ือฉลองชัยชนะ แต่ด้วยตบะอนั แรงกล้ำทำให้
เกดิ ควำมเดอื ดร้อน ต่อด้วยโลกธำตทุ ้งั ปวงเม่อื พระนำงกระทบื พระบำท พระศิวะจะเข้ำห้ำมปรำมกเ็ กรงควำมดุร้ำย
ของพระนำง จึงใช้อุบำยทรงทอดพระกำยลงบนพ้ืนท่พี ระนำงจะกระทืบพระบำท เม่ือพระกำลีเหน็ พระศิวะท่พี ้ืน
ด้วยปำงหน่งึ ท่เี ป็นพระปำรวตี ซ่งึ รักและภักดใี นพระศิวะย่งิ กท็ รงชะงัก และแลบล้นิ ด้วยควำมขวยเขนิ
ชดุ กิจกรรมการเรยี นร้แู บบสบื เสาะ เรือ่ ง ศาสนธรรมนาชีวิต
ข้นั ตอนการทากิจกรรม 1. ให้นักเรยี นตอบคาถามโดยทาเครอื่ งหมาย ลงใน ทนี่ กั เรยี นไม่ทราบ
หรือทาเครื่องหมาย ลงใน ในช่อง ทราบ พร้อมเขียนอธบิ าย
ประเด็นคาถามท่ีสาคญั
เปา้ หมาย ไม่ทราบ ชุดท่ี
ทราบ คือ ____________________________________ 1
สงู สุด ของศาสนา
พราหมณ์ - ฮนิ ดู หน้า
3
คอื อะไร
วธิ ีการใดทจี่ ะทาให้ ไมท่ ราบ
บรรลุเป้าหมาย ทราบ คอื ____________________________________
สาเหตุทเ่ี ราไม่บรรลเุ ป้าหมาย ไมท่ ราบ
ของศาสนา ทราบ คอื ____________________________________
____________________________________
ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ เรอ่ื ง ศาสนธรรมนาชวี ิต
เรือ่ งน่ารู้ ชุดท่ี
1
นารายณ์สิบปาง
หน้า
กำรอวตำรของพระวิษณนุ ้นั ทรงอวตำรเป็นท้งั มนุษย์และสตั ว์ และกำรอวตำรของพระองคจ์ ะเป็นไปตำม 4
ศวิ ะโองกำร (คำส่งั ของพระศิวะ) และกำรอญั เชญิ ขอร้องของหม่เู ทวดำ กำรอวตำรของพระวษิ ณบุ ้ำงกว็ ่ำมมี ำกจน
นับได้ยำก แต่ปำงท่ีมีจุดประสงค์เพ่ือมำช่วยเทวดำ และมนุษย์โลกน้ีมีท้งั หมด 25 ปำง แต่ปำงท่ถี ือเป็ นปำงท่ี
สำคญั ท่สี ดุ มี 10 ปำง ดงั น้ี
ปางที่ 1 มตั สยาวตาร (อวตารเป็นปลา) เพ่ือช่วยเหลอื มวลมนุษย์และสตั วใ์ ห้พ้นจำกนำ้ ทว่ มโลก
ปางที่ 2 กรู มาวตาร (อวตารเป็นเต่า) เพ่ือช่วยเหล่ำเทวะและอสรู กวนเกษียรสมทุ ร
ปางที่ 3 วราหาวตาร (อวตารเป็นหมปู ่ า) มสี องตำนำนหลักๆ คอื 1) เพ่ือปรำบอสรู นำม "หิรัณยำกษะ" ซ่งึ ลกั
เอำแผ่นธรณไี ปโดยกำรม้วนแล้วเหนบ็ ไว้ท่ขี ้ำงกำย และ 2) เพ่ือยุตกิ ำรประลองพลงั อำนำจกนั ระหว่ำง พระศวิ ะ
และ พระพรหม
ปางที่ 4 นรสงิ หาวตาร (อวตารเป็นนรสงิ ห)์ เพ่ือปรำบอสรู นำม "หิรณั ยกศปิ ุ" ผ้เู ป็นน้องชำยของ "หิรณั ยำกษะ"
ปางที่ 5 วามนาวตาร (อวตารเป็นพราหมณเ์ ต้ีย) เพ่ือปรำบอสรู นำม "พำลี" ผ้เู ป็นเหลนของ "หิรณั ยกศปิ ุ"
ปางที่ 6 ปรศุรามาวตาร (อวตารเป็นพราหมณผ์ ใู้ ชข้ วานเป็นอาวุธ) เพ่ือปรำบกษตั ริย์ (ผ้เู ป็นมนุษย์) นำม "พระ
เจ้ำอรชุน" หรือ "พระเจ้ำสหัสอรชุน" ผ้มู ใี บหน้ำ 1พันหน้ำ ผ้กู ่อยุคเขญ็ และทำลำยล้ำงศำสนำ
ปางที่ 7 รามาวตาร หรือ รามจนั ทราวตาร (อวตารเป็นพระราม กษตั ริยแ์ ห่งอโยธยา) เพ่ือปรำบอสรู นำม "รำวณะ"
หรอื "รำพณ"์ หรอื ท่คี นไทยร้จู ักกนั ดใี นนำม "ทศกณั ฐ์"
ปางที่ 8 กฤษณาวตาร (อวตารเป็นพระกฤษณะ) เพ่ือขบั รถม้ำให้ "พระอรชุน" และสอนวถิ ี และวธิ กี ำรดำเนินชวี ิต
ให้แกพ่ ระอรชุน
ปางที่ 9 พุทธาวตาร (อวตารเป็นพระพุทธเจา้ ) ชำวฮินดูมคี วำมเช่อื ว่ำพระนำรำยณอ์ วตำรในปำงน้เี พ่ือหลอกลวง
ให้พวกนอกรีตท่ไี ม่นบั ถอื วรรณะแยกออกไปจำกศำสนำพรำหมณ์
ปางที่ 10 กลั กยาวตาร หรือ กลั กิยาวตาร (อวตารเป็นมนุษยผ์ ขู้ มี่ า้ ขาว หรือ กลั กี) เป็นอวตำรท่ยี ังไม่เกดิ ข้นึ แต่
เป็นกำรทำนำยอนำคตไว้ว่ำ ในยำมท่เี ป็นปลำยแห่งกลยี ุค ท่ที ่เี ม่อื ผ้คู นไม่ร้จู กั ธรรมะ ไม่ร้ผู ดิ ชอบช่วั ดอี กี ต่อไป
โลกท้งั โลกต้องเผชิญกบั ยุคเขญ็ ไปทกุ หย่อมหญ้ำ จะมบี ุรษุ ข่มี ้ำปรำกฏตวั ข้นึ เพ่ือปัดเป่ ำควำมทกุ ขย์ ำก และนำ
ธรรมะกลับมำสมู่ วลมนุษย์อกี คร้งั หน่งึ
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ เรื่อง ศาสนธรรมนาชีวติ
ชุดท่ี
1
หน้า
5
เรือ่ งน่ารู้
มหากาพยร์ ามายณะ
รำมเกยี รต์ิ มที ่มี ำจำกเร่ือง รำมยณะ เช่อื ว่ำเป็นนิทำนท่เี ล่ำสบื ต่อกนั มำยำวนำนในหลำกหลำยพ้ืนท่ขี องชมพู
ทวีป กระท่งั ฤๅษีวำลมกิ ิ ชำวอนิ เดีย รวบรวมแต่งข้นึ เป็นภำษำสนั กฤต เม่อื รำว 2,400 ปี มำแล้ว และแพร่หลำยจำก
อนิ เดยี ไปยังประเทศใกล้เคียง รวมถงึ อำเซียน เช่น ไทย ลำว พม่ำ เขมร มำเลเซยี อนิ โดนีเซีย ซ่ึงแต่ละพ้ืนท่เี พ่ิมเตมิ
รำยละเอยี ดเข้ำไปจนแตกต่ำงออกไปจำกต้นฉบบั เดมิ รำมยณะเป็นปำงหน่ึงในสบิ ปำงของกำรอวตำรมำปรำบยุคเขญ็
ของพระนำรำยณ์ ท่มี ชี ่ือว่ำ รำมำวตำร โดยประพันธไ์ ว้เป็นบทร้อยกรองประเภทฉันท์ เรยี กว่ำ โศลก จำนวน 24,000
โศลก แบ่งเป็ น 7 ภำค หรือกัณฑ์ ได้แก่ พำลกัณฑ์ อโยธยำกัณฑ์ อรัณยกัณฑ์ กีษกินธกณั ฑ์ สนุ ทรกณั ฑ์ ยุทธกณั ฑ์
อตุ ตรกณั ฑ์
รำมำยณะเม่ือแพร่หลำยมำไทย คนไทยแต่งใหม่เรียกว่ำ รำมเกียรต์ิ ซ่ึงมีหลำยฉบับด้วยกัน เป็ นเร่ืองรำว
เก่ยี วกับกำรทำศึกสงครำมระหว่ำงฝ่ ำยพระรำม กับฝ่ ำยทศกัณฐ์ เพ่ือชิงตัวนำงสีดำ ทำงฝ่ ำยพระรำมมนี ้องชำย ช่ือ
พระลกั ษมณ์ และหนุมำน (ลิงเผอื ก) เป็นทหำรเอกช่วยในกำรทำศกึ รบกนั อยู่นำนท้ำยท่สี ดุ ฝ่ ำยยกั ษก์ ป็ รำชัย
ชุดกิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบสืบเสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชวี ิต
วสั ดุอุปกรณ์ 1. ใบความรูท้ ี่ 1 เรอื่ ง หลักธรรมศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ชุดท่ี
ขัน้ ตอนการทากจิ กรรม 1. นักเรยี นเข้ากลุม่ กลุ่มละ 5 คน 1
2. ศกึ ษาใบความร้ทู ี่ 1 เร่ือง หลักธรรมศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู หน้า
3. ทาแบบฝึกหดั ที่ 1 เร่ือง อักษรปริศนา หลักธรรมศาสนาพราหมณ์ – ฮนิ ดู 6
และ แบบฝึกหดั ที่ 2 เรือ่ ง เราคู่กนั หลักธรรมศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู
ชุดกิจกรรมการเรียนรแู้ บบสบื เสาะ เรือ่ ง ศาสนธรรมนาชีวติ
ใบความรู้ ท่ี 1
เรือ่ ง หลักธรรมศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู
หลกั ความเช่อื และจดุ หมายสงู สดุ
ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู เช่ือว่าพระพรหมเป็นเทพเจ้าสูงสุด ทรงเป็นผู้สร้างโลกและสรรพสิ่งตลอดท้ัง ชุดท่ี
กาหนดโชคชะตาของคนและสัตว์ เพราะฉะนั้นวิถีชีวิตของแต่ละคนจึงเป็นไปตามพรหมลิขิตแต่คนก็อาจเปลี่ยน 1
วิถีชีวิตได้ หากทาให้พระพรหมเห็นใจและโปรดปรานโดยการบวงสรวงอ้อนวอนและกระทาความดีต่อพระองค์
ผู้ท่ีพระองค์ทรงโปรดหากตายไปก็จะไปเกิดในสุคติภูมิ และถ้าหากโปรดเป็นท่ีสุด ก็จะได้ไปอยู่กับพระองค์ หน้า
ชั่วนิรันดร แต่ถ้าไม่ทรงโปรดก็จะไปเกิดในทุคติภูมิ ได้รับทุกข์เวทนาแสนสาหัส ชาวฮินดูเช่ือว่าวิญญาณเป็น 7
อมตะจึงไม่ตายตามร่างกาย ที่วา่ ตายนัน้ เปน็ เพียงวิญญาณออกจากร่างกาย เพราะรา่ งกายทรดุ โทรมจนอาศัยอยู่
ไม่ได้เท่าน้ัน วิญญาณก็จะไปถือเอาร่างใหม่ หรือท่ีเรียกว่า เกิดใหม่ ดุจคนสวมเส้ือผ้าเมื่อใช้นานไปก็เก่าครา่ ครา่
ก็ไปหาชุดใหม่สวมก็ฉันนั้น เพราะฉะนั้นวิญญาณจึงไม่มีเกิดมีตาย การเกิดตายเป็นเพียงเรื่องร่างกายเท่าน้ันเอง
วิญญาณจะไปถือเอาร่างใหม่หรือที่เรียกว่าสังสารวัฏ เวียนว่ายตายเกิดอยู่ร่าไปตราบท่ียังไม่บรรลุโมกษะ
ชาวฮินดูเช่ือว่า โมกษะเป็นจุดหมายสูงสุดของชีวิต ผู้เข้าถึงโมกษะจะไปอยู่กับพระพรหมช่ัวนิรันดร ไม่ต้องมา
เวยี นว่าย ตายเกิดอกี ต่อไป สว่ นการปฏบิ ัตเิ พ่ือบรรลุโมกษะนน้ั จะตอ้ งปฏิบัติตามหลักการ 4 ประการ คือ
1. กรรมมรรค (กรรมโยคะ) การปฏิบัติด้วยการประกอบการงานตามหน้าท่ีด้วยความขยันขันแข็งแต่
ทางานดว้ ยจิตใจสงบ ไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ผู้ปฏิบตั เิ รียก กรรมโยคิน
2. ชญานมรรค (ชญานโยคะ) การปฏบิ ัติเพือ่ ให้เกิดความรู้แจ้งเห็นจริงข้นึ มาว่า ปรมาตมัน เป็นสิ่งเดียวท่ี
มีอยู่ วิญญาณส่วนบุคคล (อาตมัน)เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับ ปรมาตมันหรือวิญญาณสากล การสร้างญาณ
ดังกล่าวใหเ้ กิดข้นึ อาจทาไดโ้ ดยการดาเนนิ ตามมรรค 4 ประการด้วยกนั คอื
2.1 แยกแยะให้เห็นความแตกต่างระหวา่ งสงิ่ ท่เี ปน็ จริงและส่งิ ทไี่ ม่เป็นความจริงทเี่ รยี กวา่ วิเวกะ
2.2 บาเพญ็ เนกขัมมะ คือ สละโลกิย สุขท้ังมวล ท่เี รียกวา่ ไวราคยะ
2.3 ปลูกฝังคุณธรรม 4 ประการ คือ ควบคุมกายและประสาททั้ง 5 ควบคุมใจยับย้ังมิให้ประสาททงั้ 5
ท่ีควบคุมได้แล้วกลับตกไปเป็นทาสของอารมณ์ต่างๆ อีก อดกลั้นอารมณ์ต่างๆ อดกลั้นทนทาน ทาจิตให้เป็น
สมาธอิ ยา่ งสมบูรณ์ และมีความจงรกั ภกั ดที ี่เรยี กว่า สลัมปตั
2.4 ใฝฝ่ ันถึงความหลดุ พน้ (โมกษะ) ท่ีเรียกว่า มมุ ุกษตุ วะ ผปู้ ฏบิ ตั เิ รยี กว่า ชญานโยคิน
3. ภักติมรรค (ภักติโยคะ) การปฏิบัติ คือการปลูกศรัทธาและความจงรักภักดีต่อ เทพเจ้าท่ีตนเคารพนับ
ถือ ผูป้ ฏบิ ตั ิเรยี กวา่ ภกั ติโยคนิ
4. ราชมรรค (ราชโยคะ) เป็นทางปฏิบัตเิ ก่ยี วกบั การฝึกทางใจ มุ่งบงั คับใจใหอ้ ยูใ่ นอานาจดว้ ยการบาเพ็ญ
โยคะกิริยา ผ้ปู ฏบิ ตั เิ รยี กว่า ราชโยคิน
ชดุ กจิ กรรมการเรียนร้แู บบสบื เสาะ เรือ่ ง ศาสนธรรมนาชีวิต
หลกั คาสอนทส่ี าคัญในศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู มอี ยู่ 3 ขอ้ ดงั ตอ่ ไปนี้
1. หลกั อาศรม 4
2. หลักปรมาตมัน
3. หลักโมกษะ
1. หลักอาศรม 4
หลักอาศรม 4 หมายถึง ขั้นตอนการดาเนินชีวิตของชาวฮินดู เฉพาะที่เป็นพราหมณ์วัยต่างๆ โดยกาหนด ชุดท่ี
เกณฑ์อายุคนไว้ 100 ปี แบ่งช่วงของการใช้ชีวิตไว้ 4 ช่วง ช่วงละ 25 ปี ช่วงชีวิตแต่ละช่วงเรียกว่า อาศรม (วัย) 1
อาศรมทงั้ 4 ช่วงมีดังนี้
หน้า
อาศรมท่ี 1 (ปฐมวัย) เรียกว่า พรหมจรรย์อาศรม เร่ิมตั้งแต่อายุ 8 - 25 ปี ผู้เข้าสู่อาศรมน้ี เรียกว่า 8
พรหมจารี ภายในชว่ งระยะเวลา 25 ปีแรกนี้ พรหมจารีผ้อู ยูใ่ นพรหมจรรย์อาศรม มหี นา้ ท่ีดงั น้ี
1. ตัง้ ใจเรียนวชิ าการในวรรณะของตน
2. เชอ่ื ฟังและปฏิบัตติ ามคาสั่งสอนของครูอาจารย์
3. ไม่ยุ่งเกย่ี วกับเรื่องเพศ
4. ไม่คบกับเพศตรงกันขา้ ม
5. เม่ือสาเร็จการศึกษาแล้วต้องทาพธิ เี กศนตสนั สกา (ตัดผม) และพธิ ีคุรุทกั ษณิ า มอบสิง่ ตอบแทน
ครอู าจารย์
ผู้ทาหน้าที่ครบท้ัง 5 ข้อ นี้แล้วถือว่าเป็นพราหมณ์โดยสมบูรณ์ จากฐานะพรหมจารีจะมีสิทธิพิเศษ 5
ประการ ดังนี้
1. ศกึ ษาคัมภรี พ์ ระเวทได้
2. สอนพระเวทแกค่ นอืน่ ได้
3. ทาพิธยี ัคนมั (เก่ยี วกับการบริจาค) ได้
4. รบั ทานจากผ้ศู รทั ธาได้
5. บริจาคทานแก่คนยากจน (ผู้อยูใ่ นวรรณะต่า) ได้
อาศรมท่ี 2 (มัชณิมวยั ) เรยี กวา่ คฤหัสถาศรม อยู่ในชว่ งอายุ 25 - 50 ปี มีหนา้ ทดี่ งั น้ี
1. ชว่ ยพอ่ แม่ทางาน
2. แต่งงานมคี รอบครัว
3. ประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครวั
อาศรมที่ 3 (ปัจฉมิ วยั ) เรยี กวา่ วานปรสั ถาศรม อยู่ในชว่ งอายุ 50 - 75 ปี มีหน้าทจี่ ะต้องปฏบิ ตั ิดังน้ี
1. มอบสมบัตใิ หบ้ ุตรธดิ า
2. บาเพญ็ ประโยชนเ์ พอื่ ส่วนรวม
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรแู้ บบสบื เสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชวี ิต
3. ออกบวชปฏบิ ตั ธิ รรมทีเ่ รียกว่า วานปรสั ถ์
4. ทาประโยชนแ์ ก่สังคมด้วยการเปน็ ครอู าจารย์
อาศรมท่ี 4 คือ สนั ยสั ตาศรม อยใู่ นช่วงอายตุ ั้งแต่ 75 ปขี ึ้นไป สาหรับผปู้ รารถนา ความหลุดพ้น (โมกษะ)
จะออกบวชเป็นสันยาสี เม่ือบวชแล้วจะสกึ ไม่ได้ บาเพ็ญสมาธแิ สวงหาความหลุดพน้ ตามหลักกรรมโยคะตอ่ ไป
2. หลกั ปรมาตมนั
คาว่า ปรมาตมัน หมายถึง ส่ิงย่ิงใหญ่อันเป็นท่ีรวมของทุกสิ่งทุกอย่างในสากลโลก ซ่ึงเรียกชื่อสิ่งน้ีว่า ชุดท่ี
“พรหม” ปรมาตมันกับพรหมจึงเป็นส่งิ เดียวกนั และมีลกั ษณะดงั ต่อไปนี้ 1
1. เป็นสิง่ ทเ่ี กิดขึ้นเอง หน้า
2. เปน็ นามธรรม สิงสถิตอยู่ในสิ่งท้งั หลายทง้ั ปวงเรียกว่าอาตมัน เปน็ ส่งิ ทม่ี องไม่เห็นด้วยตา 9
3. เป็นศูนยร์ วมแหง่ วญิ ญาณทงั้ ปวง
4. ส่งิ ทัง้ หลายทงั้ ปวงในสากลโลกล้วนเปน็ ส่วนยอ่ ยท่ีแยกออกมาจากพรหม
5. เป็นตัวความจริง (สัจธรรม) สิ่งเดียว (โลกและส่ิงอ่ืนๆ ล้วนเป็นมายา ภาพลวงท่ีมีอยู่ชั่วครั้งคราว
เท่านน้ั )
6. เปน็ ผู้ประทานญาณ ความคิดและความสนั ติ
7. เป็นส่งิ ที่ดารงอยูใ่ นสภาพเดิมตลอดกาล
วิญญาณของสัตว์โลกทั้งหลาย (อาตมัน) คือส่วนที่แยกออกมาจากวิญญาณรวมของพรหม (ปรมาตมัน)
วิญญาณย่อยแต่ละดวงเหล่านี้เมื่อแยกออกมาแล้วย่อมเข้าสิงสถิตในส่ิงมีชีวิตรูปแบบต่างๆ กัน เช่น ในร่างกาย
มนุษย์ เทวดา สัตว์และพืช มีสภาพดีบ้าง เลวบ้าง สุดแต่ผลกรรมท่ีทาไว้ ซึ่งถือว่าเป็นทุกข์ท้ังสิ้น ตราบใดที่
วิญญาณเหลา่ นี้ยังไมส่ ิ้นกรรม ยอ่ มตอ้ งเวียนว่ายตายเกดิ ผจญทุกข์อยู่ตลอดไป
3. หลกั โมกษะ
หลกั โมกษะ เปน็ หลกั ความดสี งู สดุ ดงั คาสอนของศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู สอนวา่ “ผใู้ ดรแู้ จ้งในอาตมัน
ของตนว่าเป็นหลักอาตมันของโลกพรหมแล้ว ผู้นั้นย่อมพ้นจากสังสารการเวียนว่ายตายเกิด และจะไม่ปฏิสนธิ
อีก” หลกั โมกษะประกอบดว้ ยสาระสาคญั 2 ประการ คอื
1. การนาอาตมนั เขา้ สู่ปรมาตมนั ดว้ ยการปฏบิ ตั ิธรรมใดๆ เพือ่ ให้วญิ ญาณของตนเข้ารวมกับปฐมวิญญาณ
เรียกว่า “เข้าถงึ โมกษะ” คอื ความหลดุ พน้ จากวฏั สงสารแห่งชีวิต
2. วธิ ีปฏิบัตเิ พอ่ื เข้าถึงโมกษะ ไดเ้ สนอแนะหลักปฏิบตั ิทสี่ าคัญไว้ 4 ประการ คอื กรรมมรรค (กรรมโยคะ)
ชญานมรรค (ชญานโยคะ) ภกั ติมรรค (ภกั ตโิ ยคะ) และราชมรรค (ราชโยคะ)
......................................................
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรูแ้ บบสบื เสาะ เรอ่ื ง ศาสนธรรมนาชวี ิต
แบบฝกึ หัดที่ 1 ชดุ ท่ี
เรื่อง อกั ษรปริศนา หลักธรรมศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู 1
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. จาแนกหลกั ธรรมอาศรม 4 หลกั ปรมาตมัน และหลักโมกษะได้ หน้า
10
คาชีแ้ จง : ให้นกั เรียนวงกลมตวั อักษรท่ีซ่อนอยู่ในตาราง (แนวนอน) ใหเ้ ป็นคาศัพท์หลักธรรมศาสนา
พราหมณ์ – ฮนิ ดู ใหถ้ กู ตอ้ ง
ตัวอย่าง งา พ ม ย ต ร ร ผ ค ถ 4 ย ภ ค
1 พ ก ด ระ เ อ ว ก พ ห พ ย ก ท
2 ด พ ตรี ฟ ก มู เ ร ส ส ติ ป ท ม
3 กอท า ศมซร ซ ม ง จ 4 ข
4 ส ม ป ฒ ร ม ง ย า ณ ต มั ศ น
5 โ ก ด ม ฑ ก พ ศ ห ษะ อ า ว บ
6 พ น ร ญ ห ม ส ษ จ ฎ ร ร ฮ ย์
7 บ ค ฐ ฤ ล หั ษ ส ฌ ถ์ ส ณ จ ญ
8 ฉ น ว ร บ า น ท ป รั ค ภ ส ถ์
9 สั ถ น ร ย บ อ า ฮ น สี จ บ ห
10 ส อา ซ ง ต ร ร โ มั ฏ ฤ ข บ น
ใหผ้ ้เู รยี นอธิบายความหมายของคาศพั ท์ทีค่ ้นหาได้ ตัวอยา่ ง มรรค 4 หมายถึง หนทางสู่โมกษะ
1. หมายถึง
2. หมายถึง
3. หมายถึง
4. หมายถงึ
5. หมายถงึ
6. หมายถึง
7. หมายถงึ
8. หมายถึง
9. หมายถึง
10. หมายถึง
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชีวติ
แบบฝึกหัดที่ 2
เรื่อง เราคกู่ นั หลักธรรมศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. จาแนกหลกั ธรรมอาศรม 4 หลักปรมาตมัน และหลักโมกษะได้
คาชแี้ จง : นาหมายเลขหนา้ ข้อความไปเตมิ ลงหนา้ คาตอบท่ีถกู ต้อง
ขอ้ ข้อความ ข้อ ข้อความ
1 วิญญาณทเ่ี กิดเองเปน็ ที่มาของอาตมัน 11 กฎทว่ี ่าดว้ ย บุคคลที่อยู่วรรณะใดต้องประกอบ
อาชีพนนั่ ชดุ ที่
1
2 กฎทผ่ี ู้ทจี่ ะแตง่ งานกันไดจ้ ะต้องอยู่ในวรรณะ 12 รวบรวมบทสวดมนตท์ ่ีนักบวชประเภทหน่ึง ต้อง
หนา้
เดียวกัน ท่องในการประกอบพิธีกรรม 11
3 ช่วงวยั ทีท่ าประโยชน์เพื่อสงั คม มอบสมบตั ิให้ 13 ชว่ งแสวงหาความสขุ ทางโลก มคี รอบครัว
บตุ ร และปฏบิ ัติธรรม มบี ุตรธดิ า แสวงหาทรัพยส์ มบัติ
4 วิถีแหง่ การหลุดพ้น ด้วยการรู้แจ้งในบรมสัตย์ 14 วถิ ีแห่งการหลดุ พ้น ดว้ ยการฝกึ ฝนทางจติ
5 หลกั ธรรมเก่ยี วกับการดาเนินชีวติ ของชาวฮินดู 15 กฎกาหนดว่าอะไรกินได้ หรือไมไ่ ด้ สาหรับ
ในแตล่ ะชว่ งวยั วรรณะนน้ั ๆ
6 บรรจเุ รอ่ื งราวของ การสาป - การเสก การ 16 เปน็ จดุ มุง่ หมายสูงสดุ ของศาสนา
ทอ่ งมนตท์ เี่ ป็นคาประพนั ธ์
7 วถิ แี ห่งการหลุดพ้น ด้วยการภักดี 17 รวบรวมบทสวดทีเ่ ลือกมาจากฤคเวท
ในองค์พระเป็นเจ้า
8 กฎดงั้ เดิม หา้ มไปตัง้ ถน่ิ ฐานนอกประเทอนิ เดยี 18 วถิ ีแห่งการละกรรม ที่เป็นต้นเหตุ ใหเ้ กดิ
การเวียนวา่ ยตายเกิด
9 ช่วงชวี ติ ที่ใช้ในการศกึ ษาเลา่ เรียน เพอื่ นา 19 คัมภีรท์ างศาสนาทีเ่ ก่าที่สดุ ในโลก รวบรวมเอา
ความรู้มาแสวงหาทรัพยส์ มบัตทิ างโลก บทสวดแด่เทพยดาตา่ งๆ เข้าไว้
10 วิญญาณยอ่ ยทเี่ กดิ จากปรมาตมนั 20 วยั ทม่ี งุ่ เขา้ หาโมกษะ
โมกษะ คฤหัสถถ์ าศรม กรรมมรรค อถรรพเวท
อาศรม4 วานปรัสถาศรม ชญานมรรค กฎของอาชพี
ปรมาตมนั สันยัสตาศรม ภกั ติมรรค กฎของอาหารการกนิ
อาตมนั ราชมรรค กฎของการแตง่ งาน
พรหมจรรยาศรม ฤคเวท กฎของเคหสถานทีอ่ ยู่
สามเวท ยชุรเวท
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะ เรอื่ ง ศาสนธรรมนาชวี ิต
ชดุ ที่
1
หน้า
12
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสืบเสาะ เรื่อง ศาสนธรรมนาชวี ติ
วัสดอุ ุปกรณ์ 1. ซองตวั จ๊ิกซอว์ เร่ือง หลักธรรมศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ชดุ ท่ี
2. กระดาษขาว – เทา 1 แผ่น 1
3. แบบฝึกหดั ท่ี 3 เรือ่ ง ความคดิ ของฉนั หลักธรรมศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู
หนา้
ขั้นตอนการทากิจกรรม 13
1. นกั เรียนเขา้ กลมุ่ กลุ่มละ 5 คน
2. ตอ่ ตวั จ๊ิกซอว์ เรื่อง หลักธรรมศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ในซองลงบนกระดาษขาวเทา
3. สรปุ หลกั ธรรมทไ่ี ด้จากการต่อจ๊ิกซอว์ลงในแบบฝึกหัดที่ 3 เรื่อง ความคิดของฉนั หลักธรรม
ศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะ เร่อื ง ศาสนธรรมนาชวี ิต
แบบฝกึ หัดท่ี 3
เรือ่ ง ความคิดของฉัน หลักธรรมศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. จาแนกหลักธรรมอาศรม 4 หลักปรมาตมัน และหลักโมกษะได้
คาชแ้ี จง : ให้นกั เรียนเขยี นแผนผังอธบิ ายความรู้ท่ีได้จากการตอ่ จ๊ิกซอวเ์ รื่องหลักธรรมศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู
ชดุ ที่
1
หน้า
14
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะ เรอื่ ง ศาสนธรรมนาชวี ิต
ชดุ ที่
1
หน้า
15
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชีวิต
ขนั้ ตอนการทากิจกรรม
1. นักเรยี นเขา้ กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน
2. ศกึ ษาสถานการณ์ที่กาหนดให้
………………………………
“เร่อื งราวของพระกฤษณะ” จากหนังสอื : ดวงวิญญาณ...เหมอื นเดมิ นริ ันดร ชดุ ท่ี
ตอน : ความสัมพันธ์ระหว่างรา่ งกายและดวงวิญญาณ 1
ร่างกายเปรียบเทียบเหมอื นกบั รถและดวงวญิ ญาณเป็นคนขบั ลกู หมาทไี่ รป้ ญั ญาหากมนั เห็นรถคันใหญ่ หน้า
กาลังว่ิงมาบนถนน มันอาจตกใจกลัววา่ เป็นสัตวต์ ัวใหญ่กาลังว่ิงเข้ามาด้วยส่ีลอ้ แต่คนท่ีมีความรู้จะรู้วา่ มันเป็น 16
เพยี งรถไม่มชี วี ิตซ่ึงต้องมคี นขับ รถอาจมไี ฟหนา้ เพ่ือให้เห็นถนน มนุษย์กม็ ีดวงตา รถใชแ้ ตรทาเสียง มนษุ ย์พูด
รถมีสี่ล้อ มนุษย์มีสองมือสองเท้า รถเคลื่อนที่จากที่หน่ึงไปยังอีกที่หน่ึง มนุษย์ก็ทาเช่นเดี่ยวกัน แต่ทันท่ีท่ี
คนขับออกไปจากรถ รถจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แม้แต่นิดเดียวเป็นเวลาล้านๆ ปี เช่นเดียวกันเมื่อคนตาย
รา่ งกายก็เหมอื นกบั รถท่ีไม่มคี นขับ รา่ งกายทีเ่ ราเห็นอยูน่ ี้อนั ทีจ่ รงิ มนั ตาย แตด่ เู หมือนมีชีวติ เพราะดวงวญิ ญาณ
อยู่ในร่างกาย เม่อื ดวงวญิ ญาณออกไปจากรา่ งกายมนั ก็เคลื่อนไหวไม่ได้
มีนักวิทยาศาสตร์ได้เอาศพมาแยกสารเคมีต่างๆ ออกเมื่อรวมสารเคมี ทั้งหมดนามาตีราคาได้ 110
บาท หากนาไปขายท่ีตลาด เคยคิดไหมว่าเรามีค่าเพียง 110 บาท แต่สาหรับคนที่ยังมีชีวิตอยู่เม่ือสูญเสียนิ้วมือ
ไปหรือต้องทาการเปล่ียนไต เขาต้องใช้เงินเป็นหมื่นๆ แสนๆ บาท เพื่อรักษาอวัยวะ มีอะไรในร่างท่ีทาให้มีชีวติ
อยู่จงึ ทาให้ร่างกายมีคา่ มากนัก และมสี ิ่งใดในซากศพที่ขาดหายไป ทาให้ศพไม่มีคุณคา่ คาตอบคอื ดวงวิญญาณ
ดวงวิญญาณหรือพลงั ชีวิตปรากฏอย่ใู นตน้ ไม้ ในสัตว์ และในมนุษย์ ทใ่ี ดมชี ีวติ หมายความว่าทนี่ ่ันต้อง
มีดวงวิญญาณ เพราะดวงวิญญาณคือดวงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นจุลินทรีย์ เป็นช้าง หรือเป็นมนุษย์ ดวงวิญญาณ
ปรากฏอยู่ในทกุ ๆ รา่ งท่มี ชี วี ติ
ที่มา : https://www.siamganesh.com/krishna-book-3-4.html
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะ เรอื่ ง ศาสนธรรมนาชวี ิต
ชดุ ที่
1
หน้า
17
ชุดกิจกรรมการเรียนรูแ้ บบสืบเสาะ เรอื่ ง ศาสนธรรมนาชวี ติ
ขัน้ ตอนการทากจิ กรรม ชดุ ท่ี
1. นักเรียนเขา้ กล่มุ กลุ่มละ 5 คน 1
2. ศึกษาสถานการณจ์ ากกจิ กรรมท่ี 4 สถานการณ์นา่ รู้
3. ทาใบงานท่ี 1 เร่ือง ชีวิตมนษุ ย์ และใบงานท่ี 2 เรือ่ ง เปา้ หมายสูงสุด หนา้
18
เรือ่ งนา่ รู้
พระพิฆเนศ
พระพิฆเนศ เป็นพระโอรสของ พระศวิ ะ และ พระปำรวตี มพี ระวรกำยเป็นมนุษย์
มีพระเศียรเป็นช้ำง ทุกคนเคำรพนับถือพระองค์ในฐำนะท่ีทรงเป็น "วิฆเนศ" น่ันคือ เจ้ำ
(อศิ ) แห่งอปุ สรรค (วิฆณ) เพรำะเจ้ำแห่งอุปสรรคสำมำรถปลดปล่อยอุปสรรคได้ และยงั
หมำยถงึ ทรงเป็นเทพแห่งควำมสำเรจ็ ในทกุ ศำสตรส์ รรพสง่ิ หรอื เทพแห่งกำรเร่มิ ต้นใหม่ท้งั
ปวง เม่ือพิจำรณำควำมหมำยในทำงสัญญะ พระวรกำยท่ีอ้วนพีน้ันหมำยถึงควำมอุดม
สมบูรณ์ พระเศียรท่ีเป็ นช้ำงหมำยถึงทรงมีปัญญำมำก พระเนตรท่ีเล็กคือสำมำรถมอง
แยกแยะส่ิงถูกผิด พระกรรณและพระนำสกิ ท่ใี หญ่หมำยถึงทรงมีสัมผัสพิจำรณำท่ีดีเลิศ
พระพิฆเนศทรงมีหนูเป็ นพระสหำย (บำงกว็ ่ำเป็ นพระพำหนะ) ซ่ึงอำจเปรียบได้กับ
ควำมคดิ ท่พี ่งุ พล่ำน รวดเรว็ ดงั น้ันมนุษย์จึงต้องมปี ัญญำกำกบั เป็นด่งั เจ้ำนำยในใจตน
ชุดกจิ กรรมการเรียนรแู้ บบสืบเสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชีวิต
ใบงานท่ี 1 เร่ือง ชีวิตมนษุ ย์
จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความสัมพันธ์ของหลักธรรมอาศรม 4 หลักปรมาตมัน และหลักโมกษะกับ
สถานการณ์ทกี่ าหนดได้
คาช้แี จง ให้นักเรยี นศกึ ษาสถานการณ์ เรื่อง "เรือ่ งราวของพระกฤษณะ" จากหนังสือ : ดวงวิญญาณ...
เหมอื นเดิมนริ ันดร แลว้ ตอบคาถามตอ่ ไปนี้
1. ชวี ิตมนุษยป์ ระกอบดว้ ยอะไรบา้ งและมลี ักษณะอย่างไร
ชดุ ที่
1
2. จงอธิบายความเหมือน และความแตกตา่ งของ “รถ” กับ “มนษุ ย”์ หนา้
19
3. ดวงวญิ ญาณ ในสถานการณ์คืออะไร และสามารถเปรยี บเทยี บกบั หลกั คาสอนของศาสนาพราหมณ์ –
ฮนิ ดูได้อย่างไร จงอธบิ ายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ
4. จากสถานการณ์ผเู้ ขยี นต้องการสอนเรอื่ งอะไร และมีวธิ กี ารใหไ้ ปส่จู ุดมงุ่ หมายสงู สุดของศาสนา
พราหมณ์ – ฮนิ ดู ได้อย่างไร
5. ข้อคิดท่ไี ดจ้ ากสถานการณ์ คืออะไร และสามารถนาไปใช้ในชวี ิตประจาวันได้อย่างไร
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นร้แู บบสืบเสาะ เรือ่ ง ศาสนธรรมนาชวี ติ ชดุ ท่ี
1
ใบงานท่ี 2 เรือ่ ง เป้าหมายสงู สุด
หน้า
จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกเปา้ หมายสงู สุดของศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู 20
คาชแ้ี จง ให้นักเรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี
คาถามที่ 1. เปา้ หมายสูงสุดของศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู คอื อะไร
คาตอบ
คาถามที่ 2. วธิ กี ารใดทีจ่ ะทาให้บรรลุเป้าหมายสูงสุด
คาตอบ
คาถามที่ 3. มนษุ ยต์ ามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ – ฮนิ ดู เกดิ ขึ้นมาไดอ้ ยา่ งไร
คาตอบ
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบสบื เสาะ เร่อื ง ศาสนธรรมนาชวี ติ
แบบทดสอบหลังเรยี น
เร่อื ง หลักธรรมศาสนาพราหมณ์ – ฮนิ ดู
คาช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นเลือกคาตอบท่ีถกู ต้องทีส่ ุด แล้วฝนคาตอบลงในกระดาษคาตอบท่ีแจกให้
1. ข้อใดทก่ี ล่าวถงึ ลัทธิตรมี รู ตขิ องศาสนาฮนิ ดูถกู ต้องทส่ี ดุ
ก. พระพรหมสรา้ งสรรค์ พระวษิ ณุบารงุ เล้ียงดู พระอคั นที าลาย
ข. พระอศิ วรสรา้ งสรรค์ พระพรหมบารุงเล้ยี งดู พระศิวะทาลาย ชดุ ที่
1
ค. พระพรหมสรา้ งสรรค์ พระวษิ ณบุ ารงุ เลีย้ งดู พระศิวะทาลาย
หน้า
ง. พระพิฆเนศวรผสู้ ร้าง พระนารายณบ์ ารงุ เล้ียงดู พระกฤษณะทาลาย 21
2. ขอ้ ใดไมต่ รงกบั คาสอนของศาสนาพราหมณ์
ก. การมีบตุ รเมื่อมีฐานะพร้อม
ข. การสละบา้ นเรือนออกบวชเม่ือแกช่ รา
ค. การเอาใจใส่เรยี นหนังสอื เมอ่ื อยใู่ นวัยร่าเรยี น
ง. การแตง่ งานมคี รอบครัวหลังจากผ่านวัยศึกษาเล่าเรียนแลว้
3. สายชลเรียนจบการศกึ ษาเมอื่ อายุ 25 ปี บดิ าให้แตง่ งานแลว้ ส่งไปคมุ โรงงานชาที่ศรีลงั กา
สายชลมีชีวิตอยใู่ นขน้ั ตอนใด
ก. พรหมจารี ข. คฤหัสถ์
ค. วานปรชั ญ์ ง. สนั ยาสี
4. ขอ้ ใดคอื ความเช่อื ในศาสนาครสิ ตท์ ่ีต่างจากศาสนาพราหมณ์
ก. มนุษยเ์ กิดเพียงชาติเดยี ว ข. มนษุ ยเ์ กิดจากการสร้างของพระเจา้
ค. ผู้เคารพพระเจ้าคือผู้ทาความดี ง. ผู้ทาความดีพระเจ้ายอ่ มมองเหน็
5. ขนั้ ตอนใดท่ีชวี ติ จะหลดุ พน้ จากสงั สารวฏั ตามหลักคาสอนของศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู คือข้อใด
ก. พรหมจารี ข. คฤหสั ถ์
ค. วานปรชั ญ์ ง. สนั ยาสี
6. การสรา้ งญานโยคะ (ชญานโยคะ) ใหเ้ กิดข้นึ ตามทรรศนะของศาสนาพราหมณ์ ฮินดูจะทาได้โดยการ
ดาเนินการดงั ต่อไปนี้ ยกเว้นขอ้ ใด
ก. สละโลกยี สุขทงั้ มวล
ข. ใฝฝ่ ันถงึ ความหลดุ พน้
ค. ปลกู ศรัทธาและจงรกั ภกั ดตี ่อเทพเจา้
ง. แยกแยะใหเ้ หน็ ความแตกต่างกันระหว่างสิ่งที่เปน็ จริงและส่ิงท่ไี ม่เปน็ จรงิ
ชุดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะ เรื่อง ศาสนธรรมนาชวี ิต
7. ถานกั เรยี นนบั ถือศาสนาพราหมณ - ฮินดู วยั ของนักเรยี นจดั อยูใ่ นหลักอาศรม 4 ชวงใด
ก. พรหมจารี ข. คฤหสั ถ์
ค. วานปรชั ญ์ ง. สันยาสี
8. ข้อใดไม่ตรงกบั ปรมาตมนั
ก. พรหมัน ข. โมกษะ
ค. ชีวาตมัน ง. วญิ ญาณสากล
9. “คนท่ขี ับรถให้รถไปตามทศิ ทางที่เรากาหนด” เปรียบเทียบได้กับหลกั ธรรมใดของศาสนาพราหมณ์–ฮินดู ชดุ ที่
1
ก. ปรมาตมัน ข. อาตมัน
หนา้
ค. โมกษะ ง. พรหม 22
10. การเรยี นรเู้ กยี่ วกบั หลกั ธรรม โมกษะ ของศาสนาของศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ทาให้เราควรตระหนัก
ในเรื่องใดมากทเี่ พื่อใหเ้ ราบรรลุโมกษะ
ก. เลน่ สนุกให้กบั ทุกเรอ่ื งเพราะเดี่ยวเราก็ตาย
ข. อยูเ่ ฉยๆ เพราะเทพเจา้ กาหนดชะตาชวี ติ ของเราไวแ้ ล้ว
ค. ทาแตค่ วามดแี ลว้ เราจะได้เกิดในภพภูมทิ ด่ี เี ม่ือเราตายไป
ง. เราตอ้ งปฏิบตั ติ นตามหลกั กรรมมรรค ชญานมรรค ภกั ติมรรค และราชมรรค
******************************
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะ เรอ่ื ง ศาสนธรรมนาชวี ติ
กระดาษคาตอบ แบบทดสอบหลงั เรยี น
คาชแ้ี จง ใช้ปากกา หรือดินสอ ในการฝนกระดาษคาตอบ ข้อที่ถูกต้องทส่ี ุดลงในกระดาษคาตอบ
เพียงข้อเดียวหากต้องการแก้ไขคาตอบ สามารถใชน้ า้ ยาลบคาผดิ หรอื ยางลบ ลบได้
* กระดาษคาตอบตรวจดว้ ยเครอ่ื งตรวจ ห้ามทาเครอ่ื งหมายหรือสัญลกั ษณ์ใดๆ ลงในกระดาษคาตอบ
ชดุ ที่
1
หน้า
23
ชดุ กจิ กรรมการเรียนร้แู บบสบื เสาะ เรอื่ ง ศาสนธรรมนาชวี ิต
บรรณานกุ รม
กองวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมกาย แคลิฟอรเ์ นยี . (2550). ศาสนศึกษา. ปทุมธานี : มหาวิทยาลัยธรรมกาย ชดุ ที่
แคลิฟอร์เนีย 1
กัลยาณมติ ร. (2560). ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู หลักคาสอนที่สาคญั . (ม.ป.ท.). สืบค้นเมอื่ วนั ที่ 26 ธันวาคม หน้า
2560, จาก https://kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=12545. 24
ดนยั ไชยโยธา. (2539). นานาศาสนา. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตรร์.
ดนยั ไชยโยธา. (2551). ศาสนาสากล ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 - 6 (พิมพค์ ร้งั ที่ 6). กรงุ เทพฯ : อักษรเจริญทัศน์
ทัศน์ ฟน้ื ดอกบัว. (2549). ศาสนาเปรยี บเทยี บ. (พิมพค์ รงั้ ท่ี 3). กรงุ เทพฯ : ศิลปาบรรณาคาร.