ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะ เรื่อง ศาสนธรรมนาชีวิต
คานา
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ เรื่อง ศาสนธรรมนาชีวิต ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ชุดท่ี 2 หลักธรรม ชดุ ท่ี
ศาสนาพุทธ ได้จัดทาขึ้นเพ่ือเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้และส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน พัฒนา 2
ความสามารถดา้ นการคิดวเิ คราะห์ กระตนุ้ ความสนใจเรียน สรา้ งการเรียนร้ทู ีห่ ลากหลายไม่เบื่อหน่าย ซึง่ ภายใน
ชุดกิจกรรมเล่มนี้ประกอบด้วยเน้ือหาเกี่ยวกับศาสนาพุทธ มีหลักธรรมคาสอนที่สาคัญคือ หลักอริยสัจ 4 คือ 1. หน้า
ทุกข์ (ธรรมที่ควรรู้) ประกอบด้วย ขันธ์ 5 2. สมุทัย (ธรรมที่ละ) ประกอบด้วย หลักกรรม วิตก 3 มิจฉาวณชิ ชา ก
นิวรณ์ 5 และอุปาทาน 4 3. นิโรธ (ธรรมที่ควรบรรลุ) ประกอบด้วย ภาวนา 4 วิมุตติ 5 และนิพพาน 4. มรรค
(ธรรมที่ควรเจริญ) อปริหานิยธรรม 7 พระสัทธรรม 3 สาราณียธรรม 6 ปัญญาวุฒิธรรม 4 และอริยวัฑฒิ 5
มีกิจกรรมท่ีให้ทาเป็นกลุ่มรวมถึง แบบฝึก และ ใบงาน ที่ให้ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ผ่านสถานการณ์ต่างๆ
พร้อมทงั้ มเี รือ่ งน่ารู้ และพทุ ธศาสนสุภาษติ : ขอ้ คิดที่ควรรู้ ใหน้ ักเรยี นไดเ้ พ่ิมเติมความรใู้ หม้ ากขึ้น
ผจู้ ัดทาหวังเป็นอยา่ งยิ่งวา่ ชดุ กจิ กรรมเล่มน้จี ะเป็นประโยชน์ตอ่ การจดั การเรยี นรเู้ พื่อประยุกต์ใช้ พฒั นา
ประสบการณ์เรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมทาให้นักเรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ดียิ่งข้ึนและอานวยความ
สะดวกในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแก่ครูผู้สอนได้เป็นอย่างดีหากมีข้อบกพร่องประการใดขออภัยมา ณ
ทนี่ ี้ดว้ ย
สาวิณี สิทธชิ ัย
ครูวทิ ยฐานะชานาญการ
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะ เร่อื ง ศาสนธรรมนาชีวติ
สารบญั หน้า ชุดที่
ก 2
เร่อื ง ข
คานา ค หน้า
สารบญั ง ข
คาชแี้ จง ฉ
คาแนะนาสาหรับครู ช
คาแนะนาสาหรับนกั เรยี น ซ
โครงสร้างชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ ฌ
ขน้ั ตอนการเรียนร้โู ดยใชช้ ดุ กิจกรรมการเรียนรู้ 1
แบบทดสอบก่อนเรยี น 2
ผงั มโนทศั น์ หลักธรรมศาสนาพุทธ 4
กจิ กรรมที่ 1 ผังคาถาม สงสัยจงั 22
กจิ กรรมท่ี 2 ตามลา่ 25
กจิ กรรมท่ี 3 จิ๊กซอว์ต่อความรู้ 27
กจิ กรรมท่ี 4 สถานการณน์ ่ารู้ 31
กจิ กรรมที่ 5 เจาะลึกหาคาตอบ 34
แบบทดสอบหลังเรยี น 35
บรรณานกุ รม 36
ภาคผนวก 38
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น - หลังเรียน 44
เฉลยตอบกจิ กรรม แบบฝกึ หัด และใบงาน
ประวตั ผิ ู้จดั ทา
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบสืบเสาะ เรอื่ ง ศาสนธรรมนาชวี ิต
คาชแ้ี จง ชดุ ท่ี
2
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชีวิต สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4
ประกอบด้วยชดุ กิจกรรม จานวน 5 ชดุ ดงั น้ี หน้า
ค
ชุดท่ี 1 หลกั ธรรมศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู
ชดุ ที่ 2 หลกั ธรรมศาสนาพทุ ธ
ชดุ ที่ 3 หลกั ธรรมศาสนาครสิ ต์
ชุดที่ 4 หลกั ธรรมศาสนาอิสลาม
ชุดท่ี 5 ความสอดคลอ้ งของศาสนธรรม
2. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ชุดน้ีเป็นชุดที่ 2 หลักธรรมศาสนาพุทธ ใช้ประกอบแผนการจัดการเรียนรู้
รายวชิ าสงั คมศึกษาพน้ื ฐาน รหัสวิชา ส31101 มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 เร่อื ง ศาสนธรรมนาชวี ิต ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
จานวน 3 แผน เวลา 6 ชว่ั โมง
3. ส่วนประกอบการเรยี นรขู้ องชุดกิจๆกรรมชุดนป้ี ระกอบดว้ ย
3.1 คาชี้แจง
3.2 คาแนะนา การใชช้ ุดกิจกรรมการเรยี นรู้สาหรับครู
3.3 คาแนะนา การใช้ชุดกิจกรรมการเรยี นรสู้ าหรับนกั เรียน
3.4 โครงสร้างชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้
3.5 ขัน้ ตอนการเรยี นรโู้ ดยชดุ กจิ กรรมการเรยี นร้แู บบสืบเสาะ
3.6 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
3.7 ผังมโนทัศน์
3.8 ใบกจิ กรรมที่ 1 2 3 4 และ 5
3.9 ใบความรู้
3.10 แบบฝกึ หัด ท่ี 1 2 3 4 และ 5
3.11 ใบงานที่ 1 และ 2
3.12 แบบทดสอบหลงั เรยี น
3.13 บรรณานกุ รม
3.14 เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น – หลังเรียน
3.15 เฉลยแบบฝกึ หัด ท่ี 1 2 3 4 และ 5
3.16 เฉลยใบงานท่ี 1 และ 2
3.17 กระดาษคาตอบแบบทดสอบกอ่ นเรียน – หลังเรียน
3.18 เร่ืองนา่ รู้ และพุทธศาสนสุภาษติ : ขอ้ คิดทีค่ วรรู้
4. ผ้ใู ช้ชดุ กจิ กรรมน้ตี อ้ งศกึ ษาคาแนะนาในการใช้ชดุ กิจกรรมใหเ้ ข้าใจก่อนใช้
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะ เรื่อง ศาสนธรรมนาชีวิต
คาแนะนาสาหรับครู
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชีวิต ชดุ ที่
ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นชุดกิจกรรมท่ีพัฒนาความสามารถในการการคิดวิเคราะห์ มีขั้นตอนในการเรียนรู้ 2
5 ข้ันตอน คือ 1.ขั้นสร้างความสนใจ 2. ขั้นสารวจและค้นหา 3. ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 4. ขั้นขยาย
ความรู้ 5. ขั้นประเมิน เพ่ือให้บรรลุจุดประสงค์ในการดาเนิน การจัดการเรียนรู้ และมีประสิทธิภาพผู้สอน
ควรเตรียม ความพรอ้ มและปฏบิ ตั ิตามคาแนะนาต่อไปน้ี
1. ก่อนการจัดการเรียนรู้
1.1 ครูเตรียมสื่อวัสดุอุปกรณ์ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และจัดช้ันเรียนให้พร้อมและครบตาม
จานวนนักเรยี นในชน้ั หนา้
1.2 ครูศกึ ษาเนอื้ หาทีจ่ ะสอนและแผนการจัดการเรยี นรชู้ ดุ กจิ กรรมให้รอบคอบละเอยี ดและคาชแี้ จงต่างๆ ง
1.3 ก่อนสอนครูต้องเตรียมชุดกิจกรรมไว้บนโต๊ะให้เรียบร้อยและให้เพียงพอกับนักเรียนแต่ละกลุ่ม
ให้ได้รบั คนละ 1 ชุด ยกเวน้ ส่ือการสอนทีต่ ้องใช้ร่วมกนั ท้ังกลมุ่
1.4 ครูเป็นผู้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนและวัดผลประเมินผลให้เป็นไปตามลาดับข้ันตอนที่
กาหนดไว้
2. ข้ันสอน
2.1 การสอนแบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอน คือ 1 .ขั้นสร้างความสนใจ 2. ขั้นสารวจและค้นหา
3. ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 4. ข้นั ขยายความรู้ 5. ขั้นประเมนิ
2.2 ก่อนสอนครูต้องช้ีแจงให้นักเรียนศึกษาคู่มือนักเรียน การใช้ชุดกิจกรรมตั้งแต่ใบคาสั่ง
แบบทดสอบก่อนเรียน หลงั เรียน ใบความรู้ ใบกิจกรรม แบบฝกึ หัด ใบงาน และใบเฉลยกจิ กรรม
2.3 ขณะท่นี ักเรียนทุกกลุ่มปฏบิ ัติกจิ กรรมครูไม่ควรพูดเสยี งดังหากมอี ะไรจะพดู ต้องพูดเปน็ รายกลุ่ม
หรือรายบคุ คล ต้องไมร่ บกวนกจิ กรรมของนกั เรียนกลุ่มอน่ื
2.4 ขณะที่นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมครูต้องเดินดูการปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียนแต่ละกลุ่มอย่าง
ใกล้ชดิ หากมีนกั เรียนคนใดหรอื กลมุ่ ใดมีปญั หา ครูควรจะเขา้ ไปใหค้ วามช่วยเหลอื จนปญั หานนั้ คลี่คลาย
2.5 หากมีนักเรียนคนใดทางานช้าเกินไปครูต้องแยกออกมาทากิจกรรมพิเศษโดยหากิจกรรมท่ี
เหมาะสมใหก้ บั นักเรยี นทเี่ รยี นชา้
2.6 ถ้านักเรียนคนใดหรือกลุ่มใดทางานได้เร็วเกินไป ครูก็ควรให้ทาไปกิจกรรมพิเศษที่เตรียมไว้
สาหรบั นักเรยี นท่ีเรียนเรว็
3. ขน้ั สรุป
3.1 การสรปุ บทเรียนควรจะเปน็ กจิ กรรมรว่ มของกล่มุ หรอื ตัวแทนกลุ่มร่วมกัน
3.2 กอ่ นนกั เรยี นทากิจกรรมใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น และเม่ือทากิจกรรมครบแล้วให้ทา
แบบทดสอบหลงั เรยี นและแจง้ ให้นักเรียนทราบความกา้ วหน้าทางการเรยี น
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชีวติ
3.3 การวัดผลและประเมินผล ประเมินจากแบบทดสอบก่อนเรียน หลังเรียน แบบประเมินการทา
กจิ กรรมกล่มุ แบบประเมนิ การปฏบิ ัตงิ าน ตรวจใบกิจกรรม แบบฝึกหัด และใบงาน
3.4 เมื่อส้ินสุดการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ครูให้นักเรียนร่วมกันตรวจสอบเก็บชุดกิจกรรมการ
เรยี นรู้ วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละส่งิ ของให้เรยี บร้อย เพ่อื สะดวกในการใช้ครง้ั ตอ่ ไป
ชุดท่ี
2
หนา้
จ
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะ เร่อื ง ศาสนธรรมนาชวี ติ
คาแนะนาสาหรับนักเรยี น
บทเรียนที่นักเรียนใช้อยู่น้ีเรียกว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชีวิต ชดุ ท่ี
ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ชุดท่ี 2 หลักธรรมศาสนาพุทธ เป็นบทเรียนท่ีสร้างข้ึนเพ่ือให้นักเรียนสามารถศึกษาได้ 2
ด้วยตนเอง โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจ และความสามารถแก้ปัญหาจากสถานการณ์ท่ีกาหนดให้
อย่างมีข้ันตอน โดยนักเรียนจะได้รับประโยชน์จากชุดกิจกรรมตามจุดประสงค์ที่ต้ังไว้ ด้วยการปฏิบัติตาม หน้า
คาแนะนาต่อไปนีอ้ ย่างเครง่ ครัดดังนี้ ฉ
1. อา่ นคาชี้แจงคาแนะนาการใชช้ ุดกิจกรรม ข้ันตอนการเรยี นโดยใช้ชุดกจิ กรรม ให้เข้าใจก่อนลงมือ
ศึกษาชุดกจิ กรรม
2. แบ่งกลุ่มๆ ละ 4 - 5 คน โดยในกลุ่มมีผู้เรียนคละกันท้ังนักเรียนที่เก่ง นักเรียนที่ปานกลางและ
นักเรยี นท่อี ่อน
3. ศกึ ษาสาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชวี้ ดั และจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรใู้ ห้เข้าใจก่อนลงมือ
ศึกษาชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้
4. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี นจานวน 10 ข้อ แล้วตรวจสอบคาตอบจากเฉลย
5. ชุดกิจกรรมนี้สาหรับศึกษาด้วยตนเอง นักเรียนต้องดาเนินกิจกรรมตามท่ีกาหนดไว้ในเอกสาร
สาหรับนักเรยี นจนครบขนั้ ตอน
6. นักเรียนต้องอ่านเนือ้ หาไปตามลาดับทลี ะหน้าต่อเน่ืองกนั ไปเร่ือยๆ ตง้ั แตห่ นา้ แรกจนหน้าสุดท้าย
จะข้ามหน้าใดหนา้ หนึ่งไมไ่ ด้
7. ถา้ มีคาสง่ั คาถามหรอื แบบฝกึ หัด นกั เรียนต้องปฏบิ ัตติ ามทกุ อย่าง
8. นักเรียนต้องซื่อสัตย์ต่อตนเอง ไม่ดูเฉลย ก่อนท่ีจะใช้ความสามารถในการตอบคาถามด้วยตนเอง
เพราะถา้ ทาเชน่ นนั้ จะไม่ชว่ ยให้นกั เรียนมีองค์ความรู้ข้ึนมา
9. เมื่อศึกษาด้วยตนเองจนจบชุดกิจกรรมแล้วให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนจานวน 10 ข้อ
แลว้ ตรวจคาตอบจากเฉลย
10. บันทึกผลคะแนนท่ีได้ลงในแบบบนั ทกึ คะแนนเพื่อตรวจสอบพฒั นาการทางการเรียน
11. ถ้านกั เรยี นสงสัยหรือไมเ่ ข้าใจในเน้อื หาให้ทบทวนใหม่ ถา้ ยงั ไม่เข้าใจอกี ให้สอบถามจากผูส้ อน
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรแู้ บบสบื เสาะ เรอื่ ง ศาสนธรรมนาชวี ิต
โครงสร้างชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้
มาตรฐานการเรยี นรู้
ส 1.1 รู้และเข้าใจประวตั คิ วามสาคญั ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับ ชดุ ที่
ถือและศาสนาอ่นื มีศรทั ธาที่ถกู ต้อง ยึดมัน่ และปฏิบัติตามหลกั ธรรมเพื่ออย่รู ว่ มกนั อย่างสนั ติสุข 2
ตวั ช้วี ัด หนา้
ช
ส 1.1 ม.4-6/13 วเิ คราะห์หลกั ธรรมในกรอบ อรยิ สัจ 4 หรือหลักคาสอนของศาสนาท่ีตนนับถอื
ส 1.1 ม.4-6/21 วิเคราะหห์ ลกั ธรรมสาคญั ในการอยรู่ ่วมกันอยา่ งสันติสขุ ของศาสนาอนื่ ๆ และ
ชักชวนสนับสนุนใหบ้ ุคคลอืน่ เห็นความสาคัญของการทาความดตี อ่ กัน
สาระสาคัญ
หลักธรรมในกรอบอรยิ สัจ 4 เป็นหลักสาคัญในการดาเนินชีวิตท่ีจะทาให้ผูป้ ฏิบัติพน้ ทุกข์หรอื หมด
ปญั หา ซง่ึ พุทธศาสนิกชนทกุ คนพึงสานึกในคุณคา่ และนาไปเปน็ หลกั ในการปฏิบตั ติ น
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. จาแนกหลกั ธรรมในกรอบ อริยสัจ 4 ได้แก่ ทกุ ข์ สมทุ ยั นโิ รธ และมรรคได้
2. ระบุความสัมพันธ์ของหลักธรรมในกรอบ อริยสัจ 4 ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค
กับสถานการณ์ท่กี าหนดได้
สาระการเรียนรู้
1. หลกั อรยิ สจั 4
2. ทกุ ข์ (ธรรมท่คี วรรู)้ ประกอบดว้ ย ขันธ์ 5
3. สมุทยั (ธรรมท่ีละ) ประกอบด้วย หลกั กรรม วติ ก 3 มจิ ฉาวณิชชา นิวรณ์ 5 และอุปาทาน 4
4. นโิ รธ (ธรรมทคี่ วรบรรล)ุ ประกอบด้วย ภาวนา 4 วมิ ุตติ 5 และนพิ พาน
5. มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ) อปริหานิยธรรม 7 พระสทั ธรรม 3 สาราณียธรรม 6 ปญั ญาวุฒิธรรม 4
และอริยวฑั ฒิ 5
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบสืบเสาะ เรอื่ ง ศาสนธรรมนาชวี ติ
ขน้ั ตอนการเรียนรูโ้ ดยใช้ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้
ชดุ ที่ 2 เร่ือง หลกั ธรรมศาสนาพุทธ
ศึกษาคาแนะนาการใชช้ ดุ กจิ กรรม ชุดท่ี
2
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
หน้า
ปฏิบัตกิ จิ กรรมการเรยี นรู้ ซ
กจิ กรรมท่ี 1 ผงั คาถาม สงสัยจงั
กจิ กรรมท่ี 2 ตามล่า
กิจกรรมท่ี 3 จกิ๊ ซอวต์ ่อความรู้
กิจกรรมที่ 4 สถานการณน์ ่ารู้
กิจกรรมท่ี 5 เจาะลกึ หาคาตอบ
แบบทดสอบหลงั เรียน ไม่ผา่ นเกณฑ์ ร้อยละ 80
ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80
ศึกษาชุดกจิ กรรมชุดที่ 3
6.
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชีวิต
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
เร่อื ง หลกั ธรรมศาสนาพทุ ธ
คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกต้องที่สดุ แล้วฝนคาตอบลงในกระดาษคาตอบ ชุดท่ี
-------------------------------------------------------- 2
1. “แก๊งค้าเดก็ ซ้าเตมิ สินามิ” ตามหลักพระพุทธศาสนาตรงกบั หลักธรรมข้อใด หน้า
ก. วิมตุ ติ 5 ฌ
ข. อริยวัฑฒิ 5
ค. มิจฉาวณิชชา 5
ง. อปริหานยิ ธรรม 7
2. วิมุตติ 5 เป็นหลักธรรมท่จี ัดอยใู่ นหมวดใด
ก. ทุกข์
ข. สมทุ ยั
ค. นิโรธ
ง. มรรค
3. หมคู่ ณะหรือชุมชนท่ตี ้องการความสขุ ความเจริญ และความมน่ั คงเข้มแขง็ ควรนาหลักธรรมข้อใดไปเปน็
แนวทางในการปฏิบตั ิ
ก. วมิ ุตติ 5
ข. อรยิ วัฑฒิ 5
ค. มิจฉาวณิชชา 5
ง. อปรหิ านิยธรรม 7
4. “ตราบใดท่ยี ังไมบ่ รรลสุ ่ิงท่ตี ้องการ จะไมย่ อมลุกจากทีน่ ง่ั แมเ้ น้อื และเลือดจะเหือดแห้งไปเหลอื แต่
กระดูกก็ตามท”ี นักเรยี นได้ข้อคิดอะไรจากข้อความน้ี
ก. ชวี ิตยังไม่ส้นิ ก็ดิ้นต่อไป
ข. ถ้าจะทาส่ิงใด ก็ควรทาใหจ้ รงิ จงั
ค. เพอ่ื รักษาความถูกตอ้ ง ยอมสละไดแ้ มช้ วี ิต
ง. ทาอะไรแล้ว ถา้ ไม่ไดต้ ามทีต่ ้องการเสยี เวลาเปลา่
5. หลงั จากพระพุทธเจา้ เสดจ็ ดบั ปรินิพพานไปแลว้ อะไรเป็นศาสดาแทนพระพทุ ธองค์
ก. พระสงฆ์
ข. พระพทุ ธรปู
ค. พระไตรปิฎก
ง. พระธรรมวินยั
6. คาวา่ “สังขาร” ในขนั ธ์ 5 หมายถึงอะไร
ก. ความรู้แจ้งทางประสาทสัมผสั ตา่ งๆ
ข. การกาหนดรูเ้ พ่อื แยกแยะกายและจิต
ค. รา่ งกายและพฤติกรรมทง้ั หมดของร่างกาย
ง. แรงจงู ใจทีผ่ ลกั ดันใหเ้ กิดการกระทาอย่างใดอย่างหน่งึ
ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะ เรือ่ ง ศาสนธรรมนาชวี ติ ชดุ ที่
2
7. การคา้ ขายที่ไม่ชอบธรรม ตามหลกั มิจฉาวณชิ ชา คือคา้ ขายอะไร
ก. การขายเนื้อ หน้า
ข. การขายของผ่อน ญ
ค. การขายหวยใต้ดนิ
ง. การขายเคร่อื งสาอาง
8. ขอ้ ใดคือความหมายของ “กรรม” ท่ถี ูกตอ้ ง
ก. การกระทาความดี
ข. การกระทาความช่ัว
ค. การกระทาดีหรือกระทาชัว่ โดยไมเ่ จตนา
ง. การกระทาดหี รือกระทาช่วั โดยเจตนา
9. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ความหมายของคาวา่ “นพิ พาน”
ก. ความดับสนิทแห่งกเิ ลสและกองทุกข์
ข. ความสขุ ที่เกิดจากการควบคุมกเิ ลสได้
ค. ไฟกิเลสคือ ราคะ โทสะ โมหะ จนเย็นสนิท
ง. สภาวะท่ไี ดด้ บั กเิ ลสท้ังหมดแลว้ และอย่ใู นสภาวะ ไมส่ ุข ไมท่ กุ ข์
10. หลกั ธรรมข้อใด ไม่ได้ จดั อยู่ในกลุม่ มรรค (ธรรมทคี่ วรเจริญ)
ก. วมิ ตุ ติ 5
ข. อริยวฑั ฒิ 5
ค. ปัญญาวฒุ ธิ รรม 4
ง. อปรหิ านยิ ธรรม 7
*****************************************
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชีวิต
กระดาษคาตอบ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
คำชี้แจง ใช้ปำกกำ หรือดนิ สอ ในการฝนกระดาษคาตอบ ขอ้ ท่ถี ูกต้องที่สดุ ลงในกระดาษคาตอบ
เพยี งข้อเดียวหากต้องการแก้ไขคาตอบ สามารถใชน้ ายาลบคาผิด หรอื ยางลบ ลบได้
* กระดาษคาตอบตรวจดว้ ยเครื่องตรวจ หา้ มทาเคร่ืองหมายหรอื สญั ลกั ษณ์ใดๆ ลงในกระดาษคาตอบ
ชดุ ที่
2
หนา้
ฎ
ชดุ กิจกรรมการเรียนร้แู บบสบื เสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชวี ิต
ผังมโนทศั นห์ ลักธรรมศาสนาพุทธ
นพิ พาน
นิโรธ มรรค ชดุ ที่
2
(ธรรมท่ีควรบรรล)ุ (ธรรมทคี่ วรเจรญิ )
ภาวนา 4 หน้า
วมิ ตุ ติ 5 อปรหิ านิยธรรม 7 1
นิพพาน พระสัทธรรม 3
ทกุ ข์ ปญั ญาวฒุ ิธรรม 4
สาราณียธรรม 6
(ธรรมท่คี วรรู้)
อริยวฑั ฒิ 5
ขันธ์ 5
สมทุ ัย
(ธรรมท่ีควรละ)
หลักกรรม
วิตก 3
มิจฉาวณิชชา
นวิ รณ์ ๕5
อปุ าทาน 4
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะ เร่อื ง ศาสนธรรมนาชีวิต
ชดุ ท่ี
2
หน้า
2
พุทธศาสนสภุ าษติ : ขอ้ คดิ ท่ีควรรู้
ราชา มุข มนุสสฺ าน : พระราชาเป็นประมขุ ของประชาชน
ชดุ กิจกรรมการเรียนรแู้ บบสืบเสาะ เรื่อง ศาสนธรรมนาชวี ิต
ข้นั ตอนการทากจิ กรรม 1. ใหน้ กั เรียนตอบคาถามโดยทาเครอื่ งหมาย ลงใน ที่นกั เรียนไม่ทราบ
หรอื ทาเคร่ืองหมาย ลงใน ในช่อง ทราบ พร้อมเขียนอธบิ าย
ประเด็นคาถามท่สี าคญั
เป้าหมายสูงสดุ ของศาสนาพุทธ คือ ไม่ทราบ
อะไร ทราบ คอื ____________________________________ ชุดท่ี
วธิ กี ารที่จะไปสเู่ ป้าหมายสูงสดุ 2
ของศาสนาพุทธ คืออะไร
ไม่ทราบ
ทราบ คอื ____________________________________ หน้า
3
สาเหตุของการเวยี นว่ายตายเกิด ไมท่ ราบ
ศาสนาพทุ ธ คืออะไร ทราบ คือ ____________________________________
เรื่องนา่ รู้
บัวส่เี หลา่
ความหมายของบวั สเ่ี หลา่ ตามนยั อรรถกถา
1. ดอกบัวพน้ นา้ (อุคคฏิตญั ญ)ู พวกที่มสี ตปิ ญั ญาฉลาดเฉลียว เปน็ สัมมาทฏิ ฐิ เมือ่ ไดฟ้ ังธรรมกส็ ามารถรู้ และเขา้ ใจในเวลา
อนั รวดเรว็ เปรียบเสมอื นดอกบวั ท่ีอย่พู ้นนา้ เมอื่ ต้องแสงอาทิตย์กเ็ บง่ บานทนั ที
2. ดอกบัวบัวปร่ิมน้า (วิปจติ ญั ญ)ู พวกท่มี สี ตปิ ัญญาปานกลาง เปน็ สัมมาทฏิ ฐิ เม่ือไดฟ้ ังธรรมแลว้ พจิ ารณาตามและไดร้ บั การ
อบรมฝึกฝนเพ่ิมเตมิ จะสามารถรแู้ ละเขา้ ใจได้ในเวลาอันไมช่ า้ เปรยี บเสมอื นดอกบัวท่ีอยู่ปรม่ิ นา้ ซ่งึ จะบานในวันถดั ไป
3. ดอกบัวใตน้ า้ (เนยยะ) พวกที่มีสตปิ ญั ญาน้อย แต่เป็นสมั มาทฏิ ฐิ เมอื่ ได้ฟงั ธรรมแลว้ พิจารณาตามและไดร้ บั การอบรมฝึกฝน
เพม่ิ อยเู่ สมอ มคี วามขยันหมั่นเพียรไมย่ ่อท้อ มสี ติม่ันประกอบด้วยศรัทธา ปสาทะ ในทส่ี ดุ กส็ ามารถรแู้ ละเข้าใจไดใ้ นวันหน่ึง
ข้างหนา้ เปรียบเสมอื นดอกบัวทอ่ี ยใู่ ต้นา้ ซ่งึ จะคอ่ ยๆ โผลข่ ้นึ เบ่งบานไดใ้ นวันหน่ึง
4. ดอกบวั จมนา้ (ปทปรมะ) พวกที่ไร้สติปญั ญา และยังเป็นมจิ ฉาทฏิ ฐิ แมไ้ ดฟ้ ังธรรมกไ็ ม่อาจเขา้ ใจความหมายหรอื รตู้ ามได้ ทง้ั
ยงั ขาดศรัทธาปสาทะ ไรซ้ ึ่งความเพยี ร เปรยี บเสมอื นดอกบวั ทจ่ี มอยกู่ บั โคลนตม ยังแตจ่ ะตกเปน็ อาหารของเตา่ ปลา ไมม่ ีโอกาส
โผลข่ ึ้นพ้นนา้ เพ่ือเบ่งบาน
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นร้แู บบสบื เสาะ เร่อื ง ศาสนธรรมนาชวี ติ
ชดุ ที่
2
หน้า
4
พทุ ธศาสนสุภาษิต : ข้อคดิ ที่ควรรู้
วายเมเถว ปุรโิ ส ยาว อตฺถสฺสนิปฺปทา :
เกดิ เป็นคนควรพยายามจนกวา่ จะประสบความสาเร็จ
ชดุ กิจกรรมการเรียนร้แู บบสืบเสาะ เรอื่ ง ศาสนธรรมนาชีวติ
วสั ดุอุปกรณ์ 1. ใบความรทู้ ี่ 1 2 3 และ 4 ชุดที่
2. แบบฝกึ หัดท่ี 1 2 3 และ 4 2
ข้นั ตอนการทากิจกรรม 1. นักเรียนเข้ากล่มุ กลุ่มละ 5 คน หน้า
2. ศึกษาใบความรู้ท่ี 1 เร่ือง ทุกข์ (ธรรมท่ีควรร)ู้ 5
3. ทาแบบฝึกหัดที่ 1 เร่ือง ทุกข์ (ธรรมทคี่ วรรู้)
4. ศกึ ษาใบความรู้ที่ 2 เร่ือง สมทุ ยั (ธรรมทค่ี วรละ)
5. ทาแบบฝึกหัดท่ี 2 เรือ่ ง สมทุ ัย (ธรรมที่ควรละ)
6. ศกึ ษาใบความรู้ที่ 3 เรื่อง นิโรธ (ธรรมท่ีควรบรรลุ)
7. ทาแบบฝึกหดั ท่ี 3 เรื่อง นิโรธ (ธรรมที่ควรบรรลุ)
8. ศึกษาใบความรู้ท่ี 4 เรื่อง มรรค (ธรรมทค่ี วรเจรญิ )
9. ทาแบบฝกึ หดั ท่ี 4 เร่ือง มรรค (ธรรมที่ควรเจรญิ )
********************************
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ เรื่อง ศาสนธรรมนาชีวติ
ใบความรูท้ ่ี 1
เรอื่ ง ทุกข์ (ธรรมที่ควรรู้)
ทุกข์ (ธรรมท่คี วรร)ู้
ทกุ ข์ คือ สภาพท่ีทนได้ยาก ภาวะท่ที นอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สภาพทีบ่ บี ค้นั ไดแ้ ก่ ชาติ (การเกิด) ชรา ชดุ ที่
(การแก่ การเก่า) มรณะ (การตาย การสลายไป การสูญส้ิน) การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก การพลัดพราก 2
จากสงิ่ อนั เปน็ ทีร่ ัก การปรารถนาสิ่งใดแล้วไมส่ มหวงั ในสง่ิ น้นั กล่าวโดยยอ่ ทุกข์กค็ อื อุปาทานขนั ธ์ หรอื ขนั ธ์ 5
1. ขนั ธ์ 5 หรือ เบญจขันธ์ หมายถึง กองแห่งรปู ธรรมและนามธรรม 5 หมวดทปี่ ระชมุ รวมกนั เข้าเปน็
หน่วยรวม ประกอบดว้ ย
หน้า
6
ทม่ี า https://jiab007.wordpress.com/2019/03/25/ขนั ธ์-5-2/
1.1 รูปขันธ์ หมายถึง กองรูป ส่วนท่ีเป็นรูป ร่างกาย พฤติกรรม และคุณสมบัติต่าง ๆ ของส่วนที่เป็น
ร่างกาย ส่วนประกอบฝ่ายรปู ธรรมท้ังหมด หรือสิง่ ที่เปน็ ร่างพรอ้ มทั้งคณุ และอาการ
1.2 เวทนาขันธ์ หมายถึง กองเวทนา ส่วนทเ่ี ป็นการเสวยรสอารมณ์ หรือความรู้สกึ สุข ทุกข์
1.3 สัญญาขนั ธ์ หมายถงึ กองสญั ญา สว่ นท่เี ป็นความกาหนดหมาย หรือความกาหนดได้หมายรู้ใน
อารมณ์ 6 เช่นวา่ ขาว เขียว ดา แดง เป็นตน้
1.4 สังขารขันธ์ หมายถึง กองสังขาร ส่วนที่เป็นความปรุงแต่ง สภาพที่ปรุงแต่งจิตให้ดีหรือช่วยหรือ
เปน็ กลางๆ หรอื คณุ สมบัตติ า่ งๆ ของจิต มเี จตนาเปน็ ตัวนา ท่ปี รุงแตง่ คณุ ภาพของจติ ให้เปน็ กศุ ล อกศุ ล
1.5 วิญญาณขันธ์ หมายถึง กองวิญญาณ ส่วนที่เป็นความรู้แจ้งในอารมณ์ หรือความรู้อารมณ์ทาง
อายตนะท้ัง 6 มีการเห็น การได้ยิน การดมกล่ิน การได้ลิ้มรส การได้สัมผัส และรับรู้ด้วยใจ (ตา หู จมูก ล้ิน
กาย และใจ)
ขันธ์ 5 นี้ ยอ่ ลงมาเป็น 2 คือ
1. รปู ขันธ์ จัดเป็น รูป
2. เวทนาขนั ธ์ สญั ญาขันธ์ สังขารขันธ์ วญิ ญาณขนั ธ์ จดั เป็น นาม
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบสืบเสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชวี ติ
แบบฝึกหัดท่ี 1
เร่ือง ทุกข์ (หลกั ธรรมทคี่ วรร)ู้
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. ระบุความสมั พนั ธใ์ นกรอบ อรยิ สจั 4 ได้แก่ ทุกข์ สมุทยั นโิ รธ และมรรค
กบั สถานการณ์ท่กี าหนดได้
คาช้ีแจง จงตอบคาถามต่อไปนี้
เรือ่ ง ขันธ์ 5
กรณศี ึกษาท่ี 1 ชดุ ที่
มานะ เป็นดาราที่มีรูปร่างหน้าตาอยู่ในเกณฑ์ดี จัดเข้าขั้นเป็นหนุ่มรูปหล่อ เขาได้รับบทเป็นดารานาฝ่ายชายอยู่ 2
เสมอ มีแฟนภาพยนตร์ชอบและคล่ังไคล้ในตัวเขามาก ต่อมาเขาได้รับอุบัติเหตุรถยนตพ์ ลิกคว่าทาให้ใบหน้าของเขาเสียโฉม หนา้
ทาใหผ้ กู้ ากับการแสดงต้องคัดเลือกเขาเป็นเพียงผู้แสดงประกอบ และบางครง้ั ต้องแสดงบทเปน็ ผู้ร้าย มานะได้รับความทกุ ข์ใจ 7
อย่างมากในระยะแรก แต่ต่อมาไม่นานเขาก็ทาใจได้และยอมรับสภาพการเปล่ียนแปลงทางร่างกาย และการเปล่ียนแปลง
บทบาทการแสดงจากดารานาเป็นเพียงตวั ประกอบ ซง่ึ เพราะผู้ชมการแสดงตอ้ งการชมพระเอกทีม่ ีรปู รา่ งหนา้ ตาหลอ่ มากกว่า
ผู้ท่ีหน้าตาไม่หล่อ เป็นเรอื่ งปกติของคนท่ัวไป เม่ือมานะหกั หา้ มใจไม่ให้เสียใจได้ และสามารถทาใจใหเ้ ป็นปกตไิ ดเ้ ขาจึงหาย
จากความทกุ ขใ์ จ
คาถาม อา่ นกรณศี กึ ษา แล้วตอบคาถาม
1. มานะมคี วามทกุ ขใ์ นใจเร่ืองใด สอดคลอ้ งกับขนั ธ์ 5 อย่างไร
2. มานะสามารถดบั ความทุกขไ์ ดอ้ ย่างไร จงอธบิ าย
********************************************
ชุดกิจกรรมการเรียนรแู้ บบสืบเสาะ เรือ่ ง ศาสนธรรมนาชวี ิต
ใบความรทู้ ี่ 2
สมุทยั (ธรรมท่ีควรละ)
สมทุ ยั (ธรรมทคี่ วรละ)
สมทุ ยั คือ ความจริงว่าดว้ ยเหตุแห่งทุกข์ ความทุกขห์ รือปัญหาท่ีเกิดขึน้ กบั คนน้ันย่อมเกิดจากสาเหตุ ชดุ ท่ี
บางอย่าง มใิ ช่เกดิ ขนึ้ ลอย ๆ ดงั พุทธดารสั วา่ “เมอ่ื สิ่งนม้ี ี ส่งิ นัน้ จึงมี เพราะสงิ่ นีเ้ กดิ ส่งิ นน้ั จงึ เกดิ ตวั อยา่ งเช่น 2
นี้ นักเรียนท่ีสอบตกอาจเป็นเพราะเกียจคร้านในการอ่านหนังสือ เศรษฐีท่ีหาเงินได้ยังไม่มากพอตามที่ตน
ต้องการ อาจเป็นเพราะมีความโลภจนเกินไปเป็นต้น ซ่ึงสาเหตุของความทุกข์น้ัน คือความอยากท่ีเกินพอดี หนา้
ซ่งึ เรียกวา่ ตัณหา มี 3 อยา่ งคือ กามตณั หา ภวตณั หา วิภวตณั หา 8
หมวดธรรมทวี่ ่าดว้ ย สมทุ ัย ได้แก่
1. หลักกรรม
กรรม คอื การกระทา หมายถึง การกระทาทป่ี ระกอบด้วยเจตนา คอื ตง้ั ใจหรือจงใจทา ดัง พระพทุ ธพจน์
ท่ีว่า “ภิกษุทัง้ หลาย เรากล่าววา่ เจตนาเปน็ กรรม” เชน่ การขุดหลมุ พรางดกั คน หรือสัตว์ใหต้ กลงไปตาย จัดเปน็
กรรม แต่การขุดบ่อน้าไว้กนิ สตั ว์ตกลงไปตาย ไม่จดั เป็นกรรม
กรรมตามทก่ี ล่าวมาไดแ้ ก่ การกระทาทเี่ ปน็ เหตุ เรียกชอ่ื ตามทางท่เี กิด มี 3 อยา่ ง คือ
1.1 กายกรรม การกระทาทางกาย (ทา)
1.2 วจีกรรม การกระทาทางวาจา (พูด)
1.3 มโนกรรม การกระทาทางจติ (คดิ )
การกระทาท่ีเป็นเหตุ 3 อยา่ งน้ี ถ้าเป็นฝ่ายไม่ดี เช่น ทาไมด่ ี พดู ไมด่ ี คดิ ไมด่ ี เพราะเกดิ จาก โลภะ(ความ
อยากได้) โทสะ (ความคิดประทุษร้าย) และ โมหะ (ความหลง) เรียกว่า อกุศลกรรม เป็นธรรมที่ควรละ ถ้าเป็น
ฝ่ายดี เช่น ทาดี พูดดี คิดดี เพราะเกิดจาก อโลภะ (ความไม่โลภอยากได้) อโทสะ (ความไม่คิดประทุษร้าย) และ
อโมหะ (ความไม่หลง) เรียกวา่ กุศลกรรม เปน็ ธรรมทีค่ วรเจริญ
2. วิตก 3
วิตก หมายถงึ ความคดิ ความนึกคดิ หรอื ดาริ ประกอบดว้ ย กศุ ลวติ ก 3 และอกุศลวิตก 3 ไดแ้ ก่
1.1 กศุ ลวิตก 3 หมายถงึ ความนกึ คดิ ทด่ี ีงาม ประกอบด้วย
1.1.1 เนกขัมมวิตก หมายถึง ความนกึ คดิ ในทางเสียสละ ความนกึ คดิ ท่ีปลอดจากกาม คอื ไม่ติด
ในการปรนเปรอสนองความอยากของตน
1.1.2 อพยาบาทวิตก หมายถึง ความนึกคิดท่ีปลอดจากการพยาบาท หรือความนึกคิดที่
ประกอบดว้ ยเมตตา คอื ไมค่ ดิ ขัดเคอื งหรือพยาบาทมุ่งรา้ ยบุคคลอนื่
1.1.3 อวหิ งิ สาวติ ก หมายถงึ ความนกึ คดิ ทีป่ ลอดจากการเบียดเบียน ความนกึ คดิ ทีป่ ระกอบด้วย
กรุณาไม่คิดรา้ ยหรอื ม่งุ ทาลาย
ชดุ กิจกรรมการเรียนรูแ้ บบสืบเสาะ เรอื่ ง ศาสนธรรมนาชีวติ
1.2 อกุศลวิตก 3 หมายถงึ ความนึกคดิ ในส่งิ ที่ไมด่ ี ประกอบดว้ ย ชุดที่
1.2.1 กามวิตก หมายถึง ความนึกคิดในทางกาม หรือความนึกคิดในทางแสวงหาหรือพัวพันติด 2
ขอ้ งในส่งิ ท่สี นองความอยาก หนา้
1.2.2 พยาบาทวิตก หมายถึง ความนึกคดิ ที่ประกอบด้วยความขัดเคืองหรือพยาบาทมุ่งรา้ ย 9
1.2.3 วิหงิ สาวิตก หมายถึง ความนึกคิดในทางเบียดเบยี น หรอื ความนกึ คิดในทางทาลาย มุง่ ร้าย
หรอื ก่อความเดือดร้อนแก่ผอู้ นื่
จะเห็นว่าหลักของอกุศลวิตกทั้ง 3 เป็นหลักท่ีควรละเสีย (สมุทัย) เพราะเป็นสาเหตุก่อให้เกิด
ความทกุ ข์
3. มจิ ฉาวณชิ ชา 5
มิจฉาวณิชชา คือ การค้าขายที่ผิด หรือไม่ชอบธรรม หมายถึง บุคคลไม่ควรค้าขายสิ่งเหล่านี้ ซึ่งถือว่า
เปน็ อนั ตรายต่อเพ่ือนมนุษย์ต่อสัตว์และตอ่ สภาพแวดลอ้ ม ประกอบดว้ ย
ภาพท่ี 1 : อาชพี 5 อย่างท่ีพระพทุ ธเจ้าทรงหา้ ม
ทม่ี า : https://www.kalyanamitra.org/th
3.1. สัตถวณิชชา คือ การขายอาวุธ ได้แก่ อาวุธปืน อาวุธเคมี ระเบิด นิวเคลียร์ อาวุธอื่นๆ เป็นต้น
อาวุธเหล่าน้ีหากมีเจตนาเพ่ือทาร้ายกัน จะก่อให้เกิดการทาลายล้างซ่ึงกันและกัน โลกจะไม่เกิดสันติสุข
นอกจากน้ันยงั กอ่ มลพิษตอ่ สภาพแวดลอ้ มอีกดว้ ย
3.2. สัตตวณิชชา หมายถึง การค้าขายมนุษย์ ได้แก่ การค้าขายเด็ก ตลอดจนการใช้แรงงานเด็กและ
สตรอี ย่างทารณุ
3.3. มังสวณิชชา หมายถึง การขายเนื้อสัตว์ เป็นการส่งเสริมให้ทาผิดศีลข้อที่ 1 คือการฆ่าสัตว์
ตดั ชีวติ โดยเฉพาะสัตวท์ กี่ าลังสูญพนั ธุท์ ุกชนิด
3.4. มัชชวณชิ ชา หมายถึง การค้าขายน้าเมา ตลอดจนการค้าสารเสพตดิ ทกุ ชนิด
3.5. วิสวณิชชา หมายถึง การค้าขายยาพิษ ซ่ึงเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ รวมทั้งเป็นอันตรายต่อสัตว์และ
สงิ่ แวดลอ้ มดว้ ย
4. นวิ รณ์ 5
ชดุ กิจกรรมการเรียนรูแ้ บบสบื เสาะ เรอ่ื ง ศาสนธรรมนาชวี ิต
นิวรณ์ หมายถึง ธรรมท่ีเป็นเครื่องปิดก้ันหรือขัดขวางไม่ให้บรรลุความดี ไม่เปิดโอกาสให้ทาความดี ชุดท่ี
และเป็นเครื่องก้ันความดีไว้ไม่ให้เข้าถึงจิต เป็นอุปสรรคสาคัญท่ีทาให้ผู้ปฏิบัติบรรลุธรรมไม่ได้ หรือทาให้เลิก 2
ล้มความตั้งใจปฏบิ ัติไป นิวรณม์ ี 5 อย่าง คือ
หนา้
4.1. กามฉันทะ ความพอใจ ตดิ ใจ หลงใหลใฝ่ฝัน ในกามโลกีย์ทงั้ ปวง ดุจคนหลบั อยู่ 10
4.2. พยาบาท ความไม่พอใจ จากความไม่ได้สมดังปรารถนาในโลกียะสมบัติท้ังปวง ดุจคนถูกทัณท์
ทรมานอยู่
4.3. ถนี มิทธะ ความข้ีเกียจ ทอ้ แท้ อ่อนแอ หมดอาลัย ไร้กาลังทง้ั กายใจ ไมฮ่ ึกเหิม
4.4. อทุ ธัจจะกุกกุจจะ ความคิดซัดสา่ ย ตลอดเวลา ไมส่ งบนงิ่ อยใู่ นความคิดใดๆ
4.5. วิจิกจิ ฉา ความไม่แน่ใจ ลงั เลใจ สงสัย กงั วล กลา้ ๆ กลวั ๆ ไมเ่ ตม็ ที่ ไม่ม่ันใจ
5. อุปาทาน 4
อุปาทาน หมายถึง ความยึดม่ันถือมัน่ ดว้ ยอานาจกิเลส ความยดึ ม่นั ถือมั่นอันเนื่องมาแต่ตณั หา
ความผูกพนั เอาตัวตนเปน็ ที่ตั้ง ประกอบด้วย
5.1. กามปุ าทาน คอื ความยึดมัน่ ถือมั่นในกาม คอื รปู เสียง กลิน่ รส สัมผัส และสง่ิ ที่น่ารกั ใครน่ ่าพอใจ
5.2. ทิฏฐุมาทาน คือ ความยึดม่ันถือม่ันในทิฏฐิหรือทฤษฎี หมายถึงมีการยึดม่ันในความเห็นของตน
ยดึ มนั่ ในลทั ธิหรือหลักคาสอนตา่ งๆ
5.3. สลี พั พตุปาทาน คอื ความยึดม่นั ถือมนั่ ในศีลและพรต คือ หลกั ความประพฤติ ข้อปฏิบัติ แบบแผน
ระเบียบ วธิ ีขนบธรรมเนียมประเพณี ลทั ธิพิธีต่างๆ ถอื ว่าจะต้องเป็นอยา่ งนนั้ ๆ โดยสักวา่ กระทาสบื ๆ กนั มา หรือ
ปฏิบัติตามๆ กันไปอย่างงมงาย หรือโดยนิยมว่าขลัง ว่าศักดิ์สิทธิ์ มิได้เป็นไปด้วยความรู้ความเข้าใจตามหลัก
ความสัมพนั ธ์แห่งเหตแุ ละผล
5.4. อัตตวาทุปาทาน คือ ความยึดม่ันในวาทะว่าตัวตน คือ ความถือหรือสาคัญหมายอยู่ในภายในว่า
มีตัวตน ที่จะได้ จะเป็นจะมีจะสูญสลาย ถูกบีบคั้นทาลายหรือเป็นเจ้าของ เป็นนายบังคับบัญชาส่ิงต่างๆ ได้ไม่
มองเห็นสภาวะของส่ิงท้ังปวง อันรวมทั้งตัวตนว่าเป็นแต่เพียงส่ิงท่ีประชุมประกอบกันเข้า เป็นไปตามเหตุปัจจัย
ทั้งหลายท่มี าสมั พนั ธ์กันล้วนๆ (ยดึ มน่ั ถือม่นั ในตัวตน)
************************************
ชุดกิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบสบื เสาะ เรอ่ื ง ศาสนธรรมนาชวี ติ
แบบฝกึ หัดที่ 2
เร่อื ง สมุทัย (ธรรมที่ควรละ)
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. จาแนกหลกั ธรรมในกรอบ อรยิ สัจ 4 ไดแ้ ก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรคได้
คาช้แี จง ให้นักเรียนวิเคราะห์หลกั ธรรมทก่ี าหนดให้ไปเติมหน้าข้อความให้ถูกต้อง และสมั พันธก์ ัน
หลกั กรรม วติ ก 3 มจิ ฉาวณิชชา 5 นิวรณ์ 5 อุปาทาน 4
1. ________________ หมดอาลัย ไรก้ าลงั ทง้ั กายใจ ไม่ฮึกเหมิ ชุดที่
2. ________________ ไม่คิดขัดเคืองหรอื พยาบาทมงุ่ ร้ายบุคคลอ่นื 2
3. ________________ การขดุ หลุมพรางดักคน หรอื สัตวใ์ ห้ตกลงไปตาย
4. ________________ การค้าขายเด็ก ตลอดจนการใชแ้ รงงานเดก็ และสตรีอย่างทารุณ หน้า
5. ________________ ความยึดมั่นถือมนั่ ด้วยอานาจกิเลส ความยึดมัน่ ถอื มนั่ อนั เนื่องมาแตต่ ัณหา 11
ความผูกพันเอาตวั ตนเป็นที่ตง้ั
6. ________________ หลีกเลี่ยงการประกอบอาชพี ท่ีผิดกฎหมายและศีลธรรม ทาให้ชีวติ สงบสุขไม่ทา
ผิดกฎหมายและศีลธรรม
7. ________________ มสี ตกิ าหนดรู้เทา่ ทัน เจรญิ สตใิ ห้กล้าแข็งดว้ ยสมาธิ ไมห่ มกม่นุ ในกาม ฝกึ จิตให้
มเี มตตา สร้างสติ ศึกษาธรรมใหก้ ระจ่าง ไมต่ กเปน็ ทาสของอารมณ์ฝา่ ยต่า ทาให้
การทางานต่าง ๆ สาเร็จลลุ ว่ ง ไมเ่ กดิ ปัญหาและอปุ สรรคตามมา
8. ________________ ฝึกการดาเนินสติอย่างรเู้ ท่าทนั กิเลส ไมห่ ลงไปยดึ ถือในกาม มเี หตุผลเหน็ ตาม
ความเปน็ จริง ไมต่ กเป็นทาสจากการหลงผิด ชีวิตพบความสว่างและความสุข
9. ________________ การค้าขายยาพิษ ซึ่งเปน็ อนั ตรายต่อผ้ใู ช้ รวมท้งั เป็นอนั ตรายต่อสตั วแ์ ละ
สง่ิ แวดล้อมดว้ ย
10. ________________ ทาไม่ดี พดู ไม่ดี คิดไม่ดี เพราะเกดิ จาก โลภะ (ความอยากได้) โทสะ (ความคิด
ประทุษรา้ ย) และ โมหะ (ความหลง)
พทุ ธศาสนสุภาษิต : ขอ้ คิดท่ีควรรู้
จติ ฺต ทนฺต สุขาวห : จิตท่ีฝึกดีแล้วนาสขุ มาให้
ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชีวติ
ใบความรูท้ ่ี 3
นิโรธ (ธรรมทีค่ วรบรรลุ)
นิโรธ (ธรรมทคี่ วรบรรลุ)
นิโรธ คือ ความจริงว่าด้วยความดับทุกข์ กล่าวคือ ความทุกข์น้ันเมื่อเกิดได้ก็ดับได้ เม่ือความทุกข์เกิดจาก
สาเหตุ ถา้ เราดบั สาเหตนุ นั้ เสีย ความทกุ ข์นั้นกย็ อ่ มดับไปดว้ ย ดังพุทธดารัสว่า “เมอ่ื ส่งิ น้ไี ม่มี ส่งิ นัน้ ก็ไมม่ ี เพราะส่งิ ชดุ ที่
นี้ดับ ส่ิงน้ันก็ดับ” ความทุกข์หรือปัญหาของคนเรานั้น เม่ือเกิดแล้วก็จะไม่คงอยู่อย่างนั้นเป็นนิจนิรันดร์ แต่อยู่ใน 2
วิสัย ทเี่ ราสามารถจะแก้ไขได้ไมช่ ้ากเ็ รว็ ไม่มากก็น้อย และอยู่ทีว่ า่ มีความต้งั ใจจรงิ ทจี่ ะแก้ไขหรอื ไม่
หมวดธรรมท่วี า่ ด้วยนิโรธ ได้แก่ หนา้
12
1. ภาวนา 4
ภาวนา หมายถงึ การเจริญ การทาใหเ้ ป็นใหม้ ีขึ้น การฝึกอบรม หรอื การพัฒนา ประกอบดว้ ย
1.1. กายภาวนา แปลว่า พัฒนากาย ได้แก่ การพัฒนาร่างกายให้แข็งแรง ไร้โรค มีสุขภาพดี และที่
สาคัญกค็ ือ การพฒั นาความสัมพันธ์กับส่ิงแวดล้อมทางกายภาพ เรมิ่ แตป่ จั จยั 4 เปน็ ต้นไป อย่างถกู ต้องดีงาม
ในทางที่เป็นคุณประโยชน์ เช่น สัมพันธ์กับอาหาร โดยการกินเพื่อช่วยให้ร่างกายมีกาลัง มีสุขภาพดี ไม่ใช่เพ่ือ
มุ่งความอร่อย อวดโก้ แสดงฐานะ สัมพันธ์กับโทรทัศน์ โดยดูเพ่ือติดตามข่าวสาร แสวงหาความรู้ ส่งเสริม
ปญั ญา มใิ ช่เพื่อหมกมนุ่ ในความสนกุ สนานเพลดิ เพลนิ หรอื เอาเป็นเครื่องมอื เลน่ การพนนั เปน็ ต้น
1.2. ศีลภาวนา แปลว่า พัฒนาศีล หมายถึง การพัฒนาความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทางสังคมให้
เป็นไปด้วยดี เริ่มแต่ไม่ก่อการเบียดเบียน ไม่ทาความเดือดร้อนต่อผู้อ่ืนและสังคม ประพฤติในสิ่งที่เป็น
ประโยชนเ์ ก้ือกลู ต่อผู้อื่น และตอ่ สงั คม มีระเบยี บวินยั ประกอบสมั มาชีพด้วยความขยันหม่ันเพียร ฝกึ ฝนอบรม
กายวาจาของตนให้ประณีต ปราศจากโทษ ก่อคุณประโยชน์ และเป็นเคร่ืองสนับสนุนการฝึกอบรมจิตใจย่ิงๆ
ขน้ึ ไป
1.3. จิตภาวนา แปลว่า พัฒนาจิต คือ พัฒนาจิตใจให้มีคุณสมบัติดีงามพรั่งพร้อม ซ่ึงอาจแบ่ง
ออกเป็น 3 ดา้ น ดังนี้
1.3.1. คุณภาพจิต คือ ให้มีคุณธรรมต่างๆ ที่เสริมสร้างจิตใจให้ดีงาม เป็นผู้มีจิตใจสูง
ละเอียดอ่อน เช่น มีเมตตา มีความรักความเป็นมิตร มีกรุณา อยากช่วยเหลือปลดเปลอื้ งความทุกข์ของผูอ้ ื่น มี
จาคะ คอื มนี ้าใจเผ่อื แผ่ มีคารวะ มคี วามกตัญญู รวมทง้ั มงุ่ พฒั นาบคุ คลใหม้ ีจิตที่มีคณุ ภาพ เปน็ ตน้
1.3.2. สมรรถภาพจิต คือ ให้เป็นจิตท่ีมีความสามารถ เช่น มีสติ มีวิริยะ คือ ความเพียร
มีขนั ติ คอื ความอดทน มีสมาธิ คือ จติ ต้ังมนั่ แนว่ แน่ มีสัจจะ คือความจรงิ จงั มอี ธษิ ฐาน คือ ความเดด็ เด่ยี วแน่ว
แนต่ อ่ จดุ มงุ่ หมาย เปน็ จติ ใจทีพ่ ร้อมและเหมาะทจ่ี ะใช้งานโดยเฉพาะงานทางปัญญา คอื การคดิ พจิ ารณาให้เห็น
ความจรงิ แจม่ แจง้ ชัดเจน รวมทั้งการสร้างเกราะป้องกนั โดยอาศัยหลักธรรมต่างๆ ดงั กลา่ ว
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบสืบเสาะ เรอื่ ง ศาสนธรรมนาชวี ติ
1.3.3. สุขภาพจิต คือ ให้เป็นจิตที่มีสุขภาพดี มีความสุขสดชื่น ร่าเริงเบิกบาน ปลอดโปร่ง สงบ ชุดที่
ผ่องใส พร้อมท่ีจะย้ิมแย้มได้ มีปิติ ปราโมทย์ ไม่เครียด ไม่กระวนกระวายใจ ไม่คับข้องใจ ไม่ขุ่นมัวเศร้าหมอง 2
ไม่หดหโู่ ศกเศรา้ รวมทัง้ การสรา้ งใหม้ สี ขุ ภาพจติ ท่ดี ไี ด้ เป็นต้น
หนา้
1.4. ปัญญาภาวนา แปลว่า พฒั นาปัญญา คือพัฒนาความรคู้ วามเขา้ ใจของตนเอง ให้เกิดความรู้แจ้ง 13
เห็นจริง และใช้ความรู้แก้ปัญหา ทาให้เกิดสุขได้ เร่ิมแต่รู้ เข้าใจศิลปวิทยา เรียนรู้ถูกต้องตามเป็นจริง
ไม่บิดเบือนหรือเอนเอียงด้วยอคติ (ความลาเอียง) คิดวินิจฉัยใช้ปัญญาโดยบริสุทธ์ิใจ รู้เข้าใจโลกและชีวิตตาม
เป็นจริง รู้จักแก้ไขปัญหาและทาการใหส้ าเรจ็ ตามแนวทางของเหตุปจั จยั ตลอดจนรู้เท่าทันธรรมดาของสังขาร
ถึงขน้ั ที่ทาให้มีจิตใจเปน็ อิสระหลดุ พ้นจากกิเลสและความทุกข์โดยสิน้ เชิง
หลักภาวนา 4 เป็นหลักที่ควรนามาเป็นแนวทางในการพัฒนาตนให้เจริญก้าวหน้าและมีความสุข
จงึ เป็นธรรมท่ีควรเขา้ ใจและควรบรรลุ (นิโรธ)
2. วิมุตติ 5
วิมุตติ หมายถึง ความหลุดพ้น ความเป็นอิสระ เป็นภาวะจิตท่ีสาคัญเป็นพ้ืนฐาน ภาวะความหลุดพ้น
เป็นอิสระนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญญา คือ เมื่อเห็นตามความเป็นจริง รู้เท่าทันสังขารแล้ว จิตจึงพ้นจาก
อานาจครอบงาของกเิ ลส (ความโลภ ความโกรธ ความหลง) ลกั ษณะด้านหนึ่งของความเป็นอิสระ ในเมือ่ ไม่ถูก
กิเลสครอบงา ก็คือ การไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์ที่เย้ายวนหรือย่ัวยุ อย่างที่ท่านเรียกว่า อารมณ์ เป็นที่ต้ัง
ของราคะ หรือ โลภะ โทสะ และโมหะ เพราะจิตปราศจากราคะ โทสะ โมหะแล้ว ทาให้ไม่หว่ันไหวกับสิ่ง
เหล่าน้ี ยังเป็นหลักประกันให้ประกอบการงานอย่างสุจริตด้วย สามารถเป็นนายเหนืออารมณ์ วิมุตติ
ประกอบด้วย 5 ประการ คอื
2.1. ตทังควิมุตติ คือ ความหลุดพ้นชั่วคราว หมายถึง ความหลุดพ้นจากกิเลสได้ชั่วคราว เช่น เกิด
ความเจ็บปวด หายจากความโลภ เกิดเมตตา หายโกรธ เป็นต้น แต่ความโลภ ความโกรธน้ันไม่หายทีเดียว
อาจจะกลบั มาอกี เป็นตน้
2.2. วิกขัมภนวิมุตติ คือ ความหลุดพ้นด้วยการสะกดไว้ หมายถึง ความหลุดพ้นจากกิเลสได้ด้วย
กาลงั ฌาน คอื สะกดไว้ไดด้ ้วยกาลงั ฌาน เมอื่ ฌานเส่อื มแลว้ กิเลสเกิดขึ้นได้อกี เช่น เมือ่ น่งั สมาธิสามารถสะกด
ข่มกิเลสไว้ เม่อื ออกจากสมาธิกเิ ลสก็กลับมาอกี คร้งั เปน็ ต้น
2.3. สมุจเฉทวิมุตติ คือ ความหลุดพ้นเด็ดขาด หมายถึง ความพ้นจากกิเลสด้วยอานาจอริยมรรค
(มรรคมีองค์ 8) ละกเิ ลสได้อยา่ งเดด็ ขาด ไมเ่ กิดกิเลสอีกตอ่ ไป
2.4. ปฏิปัสสัทธิวิมุตติ คือ ความหลุดพ้นด้วยความสงบ หมายถึง ความหลุดพ้นจากกิเลส
เนอื่ งมาจากอริยมรรคอรยิ ผล ไม่ต้องขวนขวายเพอ่ื ละกิเลสอกี
2.5. นิสสรณวิมุตติ คือ ความหลุดพ้นด้วยสลัดออกไป หมายถึง ความหลุดพ้นจากกิเลสนั้นได้อยา่ ง
ยัน่ ยืนตลอดไป ดับกเิ ลสเสรจ็ สิน้ แลว้ ได้แก่ นพิ พาน
ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะ เรอื่ ง ศาสนธรรมนาชวี ติ
3. นพิ พาน ชดุ ที่
นิพพาน หมายถึง ความดับสนทิ แห่งกเิ ลสและกองทุกข์ เป็นสภาพโลกตุ ระอันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดใน 2
ศาสนาพุทธ คาว่า นิพพาน เป็นคาที่ใช้กันในปรัชญาหลายระบบในอินเดีย โดยใช้ในความหมายของการหลุด หน้า
พ้น แต่การอธิบายเกี่ยวกับสภาวะของนิพพานนั้นแตกต่างกันออกไป ในปรัชญาอุปนิษัทเช่ือว่านิพพานหรือ 14
โมกษะ คือการท่ีอาตมันย่อยหรือชีวาตมันเข้ารวมเป็นเอกภาพกับพรหมัน แต่ในพระพุทธศาสนาอธิบายว่า
นิพพานคือการหลุดพ้นจากอวิชชา ตัณหา ซ่ึงแสดงออกในรูปของโลภะ โทสะ และโมหะ มิได้หมายความว่า
เป็นการหลุดพ้นของอัตตาหรือตัวตนในโลกน้ี ไปสู่สภาวะของนิพพานอย่างคาสอนอุปนิษัท แต่หมายถึงความ
ดบั สนทิ แห่งความเร่าร้อนและเครอื่ งผกู พนั ร้อยรัดทงั้ ปวง ซ่งึ เรียกว่าเปน็ ความทุกข์
แม้ชาวพุทธท่ัวไปจะมีความเชื่อว่า นิพพานมีอยู่จริง สามารถบรรลุได้จริง แต่ก็มักจะคาถามเสมอ ว่า
"นิพพานอยู่ไหน" น่ันเพราะการสอนธรรมะแบบ บุคลาธิษฐาน ทาให้คิดกันว่า นิพพานเป็นอีกโลกหน่ึง ท่ีมิใช่
โลก มนุษย์ และอยู่สูงกว่าโลกและสวรรค์ เช่นการสอนเรื่องวิบากแห่งกุศลกรรม การได้มาซ่ึงมนุษยสมบัติ
สวรรคสมบัติ และนิพพานสมบัติ การสอนว่ามนุษย์เป็นโลกๆหน่ึง สวรรค์เป็นโลกแห่งความสุขอยู่เหนือโลก
มนุษย์ และมีถึง 6 ชั้น การสอนเช่นน้ีทาให้เชื่อกันว่า นิพพานอยู่เหนือโลกมนุษย์และสวรรค์ขึ้นไปอีก จน
นิพพานกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะ บรรลุได้ ไปถึงได้ในชาตินี้ เม่ือทาบุญก็ปรารถนานิพพานเพราะเชื่อว่าเป็น
ดินแดนบรมสุข อธษิ ฐานเพยี งขอใหน้ ิพพาน ในกาลเบ้ืองหน้า
นิพพานจึงเป็นส่ิงไกลเกินฝัน คาสอนเรื่องนิพพานกลายเป็นเป็นส่ิงสูงส่ง เข้าใจยาก บุคคลท่ัวไปไม่
คู่ควร เร่ืองของนิพพานแทบจะหมดความหมาย และสิ้นหวัง กลายเป็นเร่ืองเลื่อนลอยเพ้อฝัน เพราะคาสอน
ผิดๆ น่ันเอง ท่ีทาให้เกิดความเข้าใจเช่นนั้นในประดาชาวพุทธทั้งหลาย ประเภทของนิพพานมีการแสดงไว้
หลายนัยดว้ ยกัน คอื
นัยที่ 1
นิพพานโดยสภาวะลักษณะ คือ สันติลักษณะ มีความสงบกิเลส และขันธ์ 5 เป็นหลัก ซึ่งพระอรหันต์
ทั้งหลายเม่ือเข้าสู่นิพพานแล้ว ย่อมพบกับสันติสุขด้วนกันท้ังสิ้น คือ ความส้ินไปแห่งตัณหา พ้นจากความเกิด
และความตาย
นัยที่ 2
นิพพานโดยปริยาย คือ การดับกิเลส อันได้แก่ ราคะ โทสะ โมหะ ได้เป็นคร้ังเป็นคราว หรือดับได้
เพยี งบางสว่ น
นพิ พานโดยนิปปรยิ าย คือ การดบั กิเลสได้ โดยประการทัง้ ปวงอยา่ งเดด็ ขาด
นยั ที่ 3
สอุปาทิเสสนิพพาน ได้แก่ นิพพานของพระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่ และได้ทาลายกิเลสหมดส้ินไปแล้ว
ความทุกข์อันเกิดจาก อานาจแห่งกิเลสนั้น จึงไม่เกิดกับท่าน เว้นเสียแต่ว่า ความทุกข์ท่ีเกิดขึ้นตามธรรมชาติ
ของชีวิต คือทุกข์เพราะการ บริหารขันธ์5 เช่นปวดปัสสาวะ ปวดอุจาระ หรือทุกข์เพราะร้อนหนาว และ
เจบ็ ปว่ ยโดยท่วั ไป ตลอดจนชราภาพ
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะ เร่อื ง ศาสนธรรมนาชวี ิต
อนปุ าทิเสสนิพพาน ได้แก่ นิพพานของผ้ทู ่ไี ม่มีขันธห์ รอื อปุ าทิ เหลืออยู่ คอื นิพพานของพระอรหันต์ท่ี ชดุ ที่
ส้นิ ชวี ติ ไปแลว้ 2
นัยที่ 4 หน้า
อนิมิตตนิพพาน ได้แก่ ภาวะของนิพพานน้ันไม่มีนิมิตเคร่ืองหมาย ไม่มีรูปร่าง ไม่มีสัญฐานและสีสัน 15
วรรณะใดๆ ซ่ึงหมายถึง ผู้เจริญวิปัสสนาท่ีเน้นหนักไปทาง อนิจลักษณะ คือ พิจารณาเห็นสังขารว่าเป็นของไม่
เท่ียงแท้
อปณิหิตนิพพาน ได้แก่ ภาวะของนิพพานนั้นไม่มีอารมณ์ อันเป็นท่ีน่าปรารถนา และไม่มีตัณหาอัน
เป็นตัวให้เกิด ความต้องการในอารมณ์น้ัน หมายถึงผู้ที่เจริญวิปัสสนาท่ีเน้นหนักไปทาง ทุกข์ลักษณะ คือ
พิจารณาเหน็ ว่าสงั ขาร เปน็ สิง่ ทท่ี นไดย้ ากและทนอยไู่ มไ่ ด้ ต้องเสื่อมไป
สญุ ญตนพิ พาน ได้แก่ ภาวะของนพิ พานนัน้ สูญสิน้ จากกิเลสและขนั ธ์ 5 ไม่มีอะไรเหลอื อยู่ใหเ้ ห็นเป็น
สิ่งผูกมัดกังวล หมายถึง ผู้ท่ีเจริญวิปสั สนาท่ีเน้นหนักไปทาง อนัตตลักษณะ คือ พิจารณาเห็นว่าสังขารเปน็ ส่งิ
ไมม่ ตี ัวตน ไม่มีสว่ นใดท่ี เป็นเรา หรือเป็นของเรา เพราะไมอ่ ยู่ในอานาจที่จะบงั คับบัญชาได้
***************************
ชดุ กจิ กรรมการเรียนร้แู บบสืบเสาะ เรอื่ ง ศาสนธรรมนาชีวติ
แบบฝกึ หัดที่ 3
นิโรธ (ธรรมที่ควรบรรลุ)
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. จาแนกหลกั ธรรมในกรอบ อรยิ สัจ 4 ได้แก่ ทุกข์ สมทุ ยั นโิ รธ และมรรคได้
คาชี้แจง พจิ ารณาขอ้ ความในแนวต้ัง และแนวนอนดา้ นล่าง แล้ววงลอ้ มรอบคาตอบในตารางด้านบน
ส ด อ อ พ ภ ก ไ มี ด อ ก ส ห พ ปั ชดุ ท่ี
จิ ต ภ า ว น า ภ ต ช ภ ค มุ พ วิ ญ 2
สุ วิ มุ ต ติ 5 ย ค ล ถ น พ จ จ ก ญ
ญ ป ค ค ด ย ภ จ ร ถุ ะ ก เ ข ขั า หน้า
ญ ฟ ฝ น อ ม า ช ค มอบฉ ง ม ภ 16
ต ด ง บ ภ า ว น า สี ห ข ท ก ภ า
นิ ง น ร ก พ น ไ ต น ฟ ค วิ ห น ว
พ ต จ ย เ ถ า ไ ข ว พ ท มุ ป วิ น
พ อ นิ มิ ต ต นิ พ พ า น ใ ต ฟ มุ า
า จ ช ส เ ก ใ ง ง ส ฟ ฝ ติ ไ ต พ
น จ ต ทั ง ค วิ มุ ต ติ ร ค มุ ภ ติ ง
แนวตัง้
1. การพฒั นารา่ งกายให้แขง็ แรง ไร้โรค มสี ุขภาพดี และทส่ี าคญั กค็ ือ การพฒั นาความสมั พนั ธ์กบั สง่ิ แวดล้อม
ทางกายภาพ
2. ภาวะของนิพพานน้นั สูญสน้ิ จากกเิ ลสและขนั ธ์ 5 ไม่มีอะไรเหลอื อยใู่ ห้เห็นเป็นส่ิงผูกมัดกังวล
3. ความหลดุ พน้ จากกิเลสได้ด้วยกาลังฌาน คือ สะกดไวไ้ ด้ดว้ ยกาลังฌาน เม่ือฌานเสื่อมแลว้ กเิ ลสเกิดขนึ้ ไดอ้ ีก
4. พฒั นาปัญญา คือพฒั นาความรู้ความเข้าใจของตนเอง ให้เกิดความรแู้ จง้ เห็นจริง และใชค้ วามรูแ้ กป้ ญั หา
5. ความหลุดพ้นเด็ดขาด หมายถึง ความพ้นจากกเิ ลสด้วยอานาจอริยมรรค (มรรคมีองค์ 8) ละกิเลสได้อย่าง
เด็ดขาด ไมเ่ กดิ กเิ ลสอีกต่อไป
แนวนอน
1. ความหลุดพน้ ชั่วคราว หมายถึง ความหลดุ พน้ จากกิเลสได้ชวั่ คราว เชน่ เกดิ ความเจ็บปวด หายจากความ
โลภ เกดิ เมตตา หายโกรธ
2. พัฒนาจิตใจให้มีคณุ สมบตั ิดีงามพรั่งพรอ้ ม
3. ความหลดุ พน้ ความเปน็ อสิ ระ เปน็ ภาวะจิตท่สี าคัญเปน็ พืน้ ฐาน ภาวะความหลดุ พ้นเป็นอิสระนี้เปน็ ผลสบื
เนอ่ื งมาจากปญั ญา
4. ภาวะของนิพพานนั้นไม่มีนิมิตเครื่องหมาย ไม่มรี ูปรา่ ง ไมม่ ีสญั ฐานและสีสันวรรณะใดๆ
5. การเจริญ การทาให้เปน็ ให้มีขึ้น การฝกึ อบรม หรอื การพฒั นา
***************************************
ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะ เรือ่ ง ศาสนธรรมนาชวี ติ
ใบความรูท้ ่ี 4
มรรค (ธรรมท่ีควรเจรญิ )
มรรค (ธรรมทีค่ วรเจรญิ )
มรรค คือ ข้อปฏิบัติให้ถงึ ความดับทกุ ข์ หรือหมดปัญหาต่างๆ โดยสิ้นเชงิ มอี งคป์ ระกอบ 8 ประการ ไดแ้ ก่
1. เหน็ ชอบ (สัมมาทิฏฐ)ิ คือเห็นสง่ิ ตา่ ง ๆ ตามที่เป็นจรงิ
2. ดารชิ อบ (สัมมาสังกปั ปะ) คือ ไมล่ มุ่ หลงมวั เมากับความสุขทางกาย ไม่พยาบาทและไม่คดิ ทารา้ ยผู้อ่นื ชดุ ที่
3. เจรจาชอบ (สัมมาวาจา) คอื การไม่พดู เท็จ ไมพ่ ดู ส่อเสยี ด ไม่พดู คาหยาบ และไมพ่ ดู เพ้อเจอ้ 2
4. กระทาชอบ (สัมมากัมมนั ตะ) คอื ไม่ทาลายชวี ิต ไมล่ ักขโมย ไมป่ ระพฤตผิ ดิ ทางกาม
5. เล้ียงชีวิตชอบ (สัมมาอาชีวะ) คือ การทามาหากินด้วยอาชีพที่สุจรติ ไม่คดโกง ไม่หลอกลวง ไม่ทา หนา้
กิจการในสิง่ ทีเ่ ปน็ ผลร้ายตอ่ คนทว่ั ไป 17
6. พยายามชอบ (สัมมาวายามะ) คือความพยายามท่ีจะป้องกันมิให้ความช่ัวเกิดข้ึน ความพยายามที่
จะกาจัดความช่ัวท่ีเกิดข้ึนแล้วให้หมดไป ความพยายามที่จะสร้างความดีท่ียังไม่เกิดให้เกิดขึ้นและความ
พยายามทจี่ ะรักษาความดีทเ่ี กดิ ขึน้ แล้วใหค้ งอยูต่ ลอดไป
7. ระลึกชอบ (สมั มาสติ) ความหลงไมล่ มื รู้ตัวอยูเ่ สมอวา่ กาลังเหน็ สิ่งต่าง ๆ ตามทเ่ี ป็นจริง
8. ตัง้ จิตมนั่ ชอบ (สัมมาสมาธิ) คือ การทสี่ ามารถตั้งจิตใหจ้ ดจ่ออยู่กับสงิ่ ใดสิง่ หนง่ึ ไดน้ าน
หมวดธรรมทีว่ ่าด้วยมรรค ได้แก่
1. อปริหานยิ ธรรม 7
อปริหานิยธรรม 7 อปริหานิยธรรมน้ีเป็นหลักธรรมสาหรับใชใ้ นการปกครอง เพื่อป้องกันมิให้การ
บริหารหมู่คณะเส่ือมถอย แต่กลับเสริมให้เจริญเพียงส่วนเดียว สามารถนาไปใช้ได้ทั้งหมู่ชนและผู้บริหาร
บ้านเมืองและพระภิกษุสงฆ์ ดังนี้ คือ อปริหานิยธรรมสาหรับหมู่ชนและการบริหารบ้านเมือง เป็นหลักในการ
ปกครอง โดยปฏบิ ตั ติ ามหลักการร่วมรับผดิ ชอบทีจ่ ะช่วยป้องกันความเสื่อม นาไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองโดยส่วน
เดยี ว มี 7 ประการคอื
1. หม่ันประชุมกันเนืองนิตย์ เป็นการประชุมพบปะปรึกษาหารือกิจการงานต่าง ๆ แลกเปล่ียน
ความคิดเห็นซง่ึ กนั และกัน และหาแนวทางแกไ้ ขปญั หาตา่ ง ๆ รว่ มกันโดยสมา่ เสมอ
2. พร้อมเพรียงกันประชุม เลิกประชุม และทากิจกรรมร่วมกัน เป็นการประชุมและการทา
กจิ กรรมทง้ั หลายที่พึงกระทารว่ มกัน หรอื พรอ้ มเพรียงกนั
3. ไม่บัญญัติ หรือล้มเลิกข้อบัญญัติต่าง ๆ เป็นการไม่เพิกถอน ไม่เพ่ิมเติม ไม่ละเมิดหรือวาง
ข้อกาหนดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ อันมิได้ตกลงบัญญัติไว้ และไม่เหยียบย่าล้มล้างสิ่งที่ตกลงวางบัญญัติไว้แล้ว ถือ
ปฏิบัตมิ น่ั อย่ใู นบทบัญญัติใหญท่ วี่ างไว้เป็นธรรมนญู
4. ให้ความเคารพและรับฟังความคิดเห็นของผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เป็นผู้มีประสบการณ์ยาวนาน ดังนั้นเรา
ตอ้ งให้เกียรติ ใหค้ วามเคารพนับถือ และรับฟงั ความคดิ เหน็ ของทา่ นในฐานะที่เป็นผูร้ ู้และมปี ระสบการณม์ ามาก
5. ไม่ขม่ เหงสตรี เป็นการใหเ้ กยี รตแิ ละคุ้มครองสตรี มิให้มกี ารกดขข่ี ่มเหงรงั แก
ชุดกจิ กรรมการเรยี นร้แู บบสบื เสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชีวิต
6. เคารพบชู าสักการะเจดยี ์ คอื การให้ความเคารพศาสนสถาน ปูชนียสถาน อนุสาวรยี ์ประจาชาติ ชุดท่ี
อันเป็นเคร่ืองเตือนความจา ปลุกเร้าให้เราทาความดี และเป็นที่รวมใจของหมู่ชน ไม่ละเลย พิธีเคารพบูชาอัน 2
พึงทาต่ออนสุ รณส์ ถานท่ีสาคัญเหล่านัน้ ตามประเพณที ี่ดีงาม
หน้า
7. ให้การอารักขาพระภกิ ษุสงฆ์หรอื ผู้ทรงศีล เป็นการจัดการให้ความอารักขา บารุง คุ้มครอง อัน 18
ชอบธรรม แก่บรรพชิต ผู้ทรงศีลทรงธรรมบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นหลักใจและเป็นตัวอย่างทางศีลธรรมของประชาชน
เต็มใจต้อนรบั และหวงั ให้ท่านอยู่โดยผาสกุ
2. พระสทั ธรรม 3
พระสทั ธรรม หมายถงึ ธรรมอันดี ธรรมที่แท้ ธรรมของสัตบรุ ุษ หรือหลักศาสนา ประกอบดว้ ย
1. ปรยิ ตั ตสิ ัทธรรม หมายถึง สทั ธรรมคือคาส่งั สอนอนั จะต้องเลา่ เรียน ได้แก่พุทธพจน์
2. ปฏิปัตติสัทธรรม หมายถึง สัทธรรมคือปฏิปทาอันจะต้องปฏิบัติ ได้แก่ มรรคมีองค์ 8 หรือ
ไตรสกิ ขา คอื ศลี สมาธิ ปัญญา
3. ปฏเิ วธสัทธรรม หมายถึง สทั ธรรม คอื ผลอันจะพงึ เข้าถงึ หรอื บรรลดุ ้วยการปฏิบัติ ไดแ้ ก่ มรรค
ผล และนพิ พาน
ในหลกั ของพระสทั ธรรม นั่นก็คอื ปริยตั ิ ปฏิบัติ และปฏเิ วธ ซึง่ พออธิบายโดยสงั เขปดังนี้
1. ปริยัติ ได้แก่ การศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย นับเป็นองค์ประกอบสาคัญโดยความเป็น
พ้ืนฐานของการปฏบิ ตั ิ และการศกึ ษาเล่าเรียนปรยิ ตั ธิ รรมน้นั เปน็ การศกึ ษาภาคทฤษฎี คอื การศึกษาธรรมวินัย
ใหม้ คี วามรพู้ ้นื ฐานอย่างแจ่มแจ้ง เขา้ ใจตามหลักธรรมที่ตนเองได้ศึกษา เพ่อื ใหเ้ กดิ ความกระจ่างแจ้งว่า คาสอน
ของพระพุทธองค์ที่จัดเป็นธรรมบทนั้นบทน้ีว่าด้วยเรื่องอะไร ถ้าผู้เรียนจะน้อมนาเอาธรรมคาสั่งสอนมาปฏบิ ัติ
เพ่อื เปน็ แนวทางหรือแสงประทีปแห่งชวี ิต จะทาอยา่ งไรและเมื่อปฏิบตั ิตามแล้วจะได้ผลอย่างไร เป็นตน้ ซึง่ ถือ
ว่าเป็นหลกั การเบ้ืองต้นของการศึกษาทางพระพุทธศาสนา เรียกว่า ปรยิ ัติ
2. ปฏิบัติ ได้แก่ การน้อมนาเอาหลักธรรมคาสอนที่ได้เรียนรู้ในทางภาคทฤษฎีนั้นมาสู่ภาคการ
ปฏิบัติ คือนามาประพฤติปฏิบัติจริง ๆ เพื่อเป็นการอบรม กาย วาจา และใจ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ นาเอา
หลักธรรมทเี่ รียนรูแ้ ล้วนน้ั มาเป็นแนวทางหรอื ปทฏั ฐานแห่งชวี ติ ให้เหมาะสมกับฐานะของตน เรยี กวา่ ปฏบิ ัติ
3. ปฏิเวธ ได้แก่ ผลของการปฏิบัติธรรมนั้น เช่น พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์
สาวก และพระอรยิ บุคคล เป็นตน้ ผู้ได้รบั ผลแห่งการปฏิบัติ ซึง่ ทาให้ยกฐานะจากปถุ ุชนธรรมดาขนึ้ มาเป็นพระ
อริยบุคคล การบรรลุธรรมชั้นนั้น ๆ ตามภูมิธรรมท่ีตนปฏิบัตินั้น ไม่มีใครมายกย่องหรือแต่งต้ังให้ แต่การยก
ฐานะดังกล่าวเป็นไปโดยอัตโนมัติ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือฐานะหรือตาแหน่งแห่งอริยเจ้าน้ันไม่มีการแต่งต้ัง
ให้ จะร้ไู ด้ด้วยตนเอง เรยี กวา่ ปฏิเวธ
หลักพระสัทธรรม 3 เป็นแนวทางในการประพฤติปฏบิ ตั ิตนเพื่อการดารงชีวิตท่ีดีมีความสุข จึงเปน็
หนทางแห่งความพน้ ทุกข์ (มรรค)
3. ปญั ญาวุฒิธรรม 4
ปญั ญาวุฒธิ รรม หมายถึง ธรรมเปน็ เครือ่ งเจรญิ หรอื คุณธรรมที่ก่อใหเ้ กดิ ความเจริญงอกงามแห่ง
ปัญญา เป็นธรรมท่ผี ปู้ ระพฤติปฏิบัตแิ ลว้ มคี วามเจริญกา้ วหนา้ ในชีวติ ประกอบดว้ ย
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชวี ิต
1. สัปปุริสสังเสวะ หมายถึง การคบหาสัตบุรุษ หรือเสวนาท่านผู้รู้ผู้ทรงคุณ เหมือนกับคากล่าว ชุดที่
ท่ีว่า “คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล” การท่ีคบหากับท่านผู้รู้จะทาให้มีความคิดท่ีดี ใช้สติปัญญาไปในทางท่ี 2
ชอบธรรมกจ็ ะมีความเจริญกา้ วหนา้ ในชีวติ คาวา่ สตั บุรษุ หมายถงึ คนสงบ คนดี คนมศี ีลธรรม
หน้า
2. สัทธัมมัสสวนะ หมายถึง ฟังสัทธรรม การเอาใจใส่ศึกษาเล่าเรียน การค้นหาความรู้ความจริง 19
บุคคลผทู้ าตนให้เจรญิ จะต้องมีการศึกษาเลา่ เรยี น แสวงหาความรูค้ วามจรงิ อยตู่ ลอดเวลา ไม่ยอ่ ท้อ
3. โยนิโสมนสิการ หมายถงึ การคดิ อยา่ งถูกวิธี การคิดอยา่ งแยบคาย ดังน้นั วิธคี ิดแบบ โยนิโส
มนสิการเป็นการฝึกการใช้ความคิด ให้รู้จักคิดอย่างถูกวิธี คิดอย่างมีระเบียบ รู้จักคิดวิเคราะห์ ไม่มองเห็นส่ิง
ตา่ งๆ อยา่ งตืน้ ๆ ผิวเผนิ เป็นข้ันสาคัญของการสร้างปญั ญาที่บริสุทธเิ์ ปน็ อิสระ
4. ธัมมานุธัมมปฏิบัติ หมายถึง การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม หรือการปฏิบัติธรรมให้ถูกต้อง
ตามหลัก คือ การปฏิบัติที่สอดคล้องพอดีตามขอบเขตความหมายและวัตถุประสงค์ท่ีสัมพันธ์กับธรรมข้ออ่ืน
หรือการนาสิ่งที่ได้ศึกษาเล่าเรียนและคิดพิจารณาดีแล้วหรือตริตรองเห็นแล้วไปใช้ปฏิบัติให้ถูกต้องตา มหลัก
ตามความมุ่งหมายของสิ่งน้นั ๆ
4. สาราณียธรรม 6
สาราณียธรรม 6 หมายถงึ ธรรมเป็นที่ต้ังแหง่ ความระลึกถงึ กนั ถือว่าเปน็ ธรรมที่เป็นพลงั ในการ
สรา้ ง ความสามคั คี มอี ยู่ 6 ข้อ คือ
1. กายกรรม อันประกอบด้วยเมตตา คือ การกระทาทางกายท่ีประกอบด้วยเมตตา เช่น การให้
การอนเุ คราะห์ช่วยเหลอื และเอ้อื เฟอื้ ต่อผ้อู น่ื ไมร่ ังแกทารา้ ยผู้อ่นื
2. วจีกรรม อันประกอบด้วยเมตตา คือ การมีวาจาที่ดี สุภาพ อ่อนหวาน พูดมีเหตุผล ไม่พูดให้
ร้ายผู้อน่ื ทาให้ผู้อื่นเดือดรอ้ น
3. มโนกรรม อันประกอบด้วยเมตตา คือ ความคิดที่ประกอบด้วยเมตตาท้ังต่อหน้าและลับหลัง
เปน็ การคิดดตี ่อกันไมค่ ิดอิจฉารษิ ยาหรือไม่คิดมุ่งร้ายพยาบาท หากทุกคนคดิ แลว้ ปฏบิ ัติเหมอื นกันความสามัคคี
กจ็ ะเกดิ ข้ึนในสงั คม
4. สาธารณโภคี คือ การรู้จักแบ่งสิ่งของให้กันและกันตามโอกาสอันควร เพ่ือแสดงความรัก
ความหวังดขี องผู้ท่อี ยู่ในสังคมเดียวกัน
5. สีลสามัญญตา คือ ความรักใคร่สามัคคี รักษาศีลอย่างเคร่งครัดเหมาะสมตามสถานะของตนมี
ความประพฤติสุจรติ ปฏบิ ตั ิตามกฎเกณฑ์ของหมคู่ ณะ ไมเ่ อารดั เอาเปรียบผู้อื่น
6. ทิฏฐิสามัญญตา คือ การมีความเห็นร่วมกัน ไม่เห็นแก่ตัว รู้จักเคารพและรับฟังความคิดเห็น
ของผู้อ่นื ร่วมมือรว่ มใจในการสร้างสรรคส์ งั คมให้เกิดความสงบ
ธรรม 6 ประการ ที่ผู้ใดได้ประพฤติจะเกิดความสามัคคีเป็นอันหน่ึงอันเดียวกัน เกื้อกูลกันไม่
ทะเลาะววิ าทกัน อนั จะเป็นส่ิงทีก่ อ่ ให้เกดิ ความรักความสามคั คกี นั ตลอดไป
5. อริยวัฑฒิ 5
อรยิ วฑั ฒิ คือ ความเจรญิ อยา่ งประเสรฐิ หลกั ความเจรญิ ของอารยชน หรือคนที่เจริญแล้ว คือ
1. ศรัทธา คือ ความเชอ่ื ความเชื่อท่ีถูกต้อง ความเช่อื ท่ีเป็นจริง ความเชอื่ มั่นในหลักพระพุทธศาสนา
ความเชอื่ มน่ั ในพระรตั นตรยั ความไม่งบงายในสิง่ เหนือธรรมชาติ เปน็ ตน้
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะ เรอ่ื ง ศาสนธรรมนาชีวติ
2. ศีล คือ ความประพฤติดีปฏิบัติชอบด้วยกายวาจา ความมีระเบียบวินัย การทามาหาเล้ียงชีพอย่าง
สุจริต เป็นตน้
3. สุตะ คือ การเล่าเรียนสดับตรับฟังการศึกษาหาความรู้อยู่เสมอความรู้ความเข้าใจในหลัก
พระพทุ ธศาสนาพอแกก่ ารปฏบิ ัติและสามารถแนะนาผอู้ น่ื ได้
4. จาคะ คือ การเผื่อแผ่ การแบ่งปัน ความเอ้ือเฟ้ือ ความมีน้าใจช่วยเหลือ ความเป็นคนใจกว้าง
พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นจากผู้อ่ืน และพร้อมท่ีจะให้ความร่วมมือ เป็นคนที่ไม่เห็นแก่ตัว จิตใจไม่คับแคบ เป็น
ต้น
5. ปัญญา คือ ความรอบรู้ การรู้จักคิด รู้จักการพิจารณา เข้าใจเหตุผล รู้จักการดารงชีวิตอยู่ในโลก ชดุ ท่ี
อยา่ งมีความสุข ร้แู ละเข้าใจชวี ิตตามความเปน็ จริง ทาจิตใจใหเ้ ปน็ อสิ ระได้
2
พุทธศาสนสุภาษติ : ขอ้ คดิ ที่ควรรู้ หน้า
20
นพิ ฺพาน ปรม สขุ
แปลวา่ นพิ พานเป็นสขุ อย่างยิง่
ชุดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบสืบเสาะ เรื่อง ศาสนธรรมนาชีวิต
แบบฝึกหัดท่ี 4
มรรค (ธรรมทคี่ วรเจริญ)
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. จาแนกหลักธรรมในกรอบ อริยสัจ 4 ไดแ้ ก่ ทุกข์ สมุทยั นิโรธ และมรรคได้
คาชีแ้ จง อ่านข้อความ แล้วทาเครอ่ื งหมาย ลงในตารางให้ตรงกับหลักธรรมทก่ี าหนดให้
ขอ้ ขอ้ ความ อปริหานิยธรรม 7 ชุดที่
พระสัทธรรม 3 2
1. ผู้ใดไดป้ ระพฤตจิ ะเกิดความสามคั คีเป็นอนั หนง่ึ อนั เดียวกนั ัปญญาวุ ิฒธรรม 4
เก้อื กลู กนั ไมท่ ะเลาะววิ าทกัน อันจะเป็นสง่ิ ทกี่ ่อให้เกิดความรัก สารา ีณยธรรม 6 หน้า
ความสามัคคกี ันตลอดไป อริยวัฑฒิ 5 21
2. ธรรมเปน็ เครอื่ งเจรญิ หรือคุณธรรมทีก่ ่อใหเ้ กิดความเจริญงอก
งามแห่งปัญญา เป็นธรรมท่ีผู้ประพฤตปิ ฏิบตั ิแลว้ มคี วาม
เจริญกา้ วหนา้ ในชวี ิต
3. หมูค่ ณะหรอื ชมุ ชนทต่ี ้องการความสุขความเจริญ และความม่นั คง
เขม้ แข็ง
4. หลกั ความเจริญของอารยชน หรอื คนท่เี จรญิ แล้ว
5. การคิดอยา่ งถูกวิธี การคิดอย่างแยบคาย
6. ปริยตั ิ ปฏิบตั ิ และปฏิเวธ
7. ความเชือ่ ความเชื่อท่ถี ูกต้อง ความเช่อื ท่เี ปน็ จรงิ ความเชอ่ื มั่นใน
หลักพระพทุ ธศาสนา ความเช่ือมั่นในพระรตั นตรยั ความไมง่ มงาย
ในส่ิงเหนือธรรมชาติ
8. นาเอาหลักธรรมทเ่ี รยี นรู้แล้วนนั้ มาเปน็ แนวทางหรือปทฏั ฐานแหง่
ชีวิตใหเ้ หมาะสมกบั ฐานะของตน
9. ความรักใครส่ ามคั คี รักษาศลี อย่างเคร่งครดั เหมาะสมตามสถานะ
ของตนมีความประพฤตสิ ุจริตปฏบิ ตั ิตามกฎเกณฑ์ของหม่คู ณะ ไม่
เอารดั เอาเปรยี บผู้อ่ืน
10. สมาชิกในห้องเกดิ ปัญหาความคดิ เหน็ ไมต่ รงกันและสมาชิกมาไม่
ครบในการประชมุ แตล่ ะครัง้
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรแู้ บบสบื เสาะ เรอ่ื ง ศาสนธรรมนาชีวติ
ชดุ ที่
2
หนา้
22
พุทธศาสนสุภาษิต : ขอ้ คดิ ท่ีควรรู้
ปฏริ ปู การี ธุรวา อฎุ ฐฺ าตา วินทฺ เต ธน :
คนขยันเอาการเอางาน กระทาเหมาะสม ย่อมหาทรพั ยไ์ ด้
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบสืบเสาะ เรอ่ื ง ศาสนธรรมนาชีวติ
วสั ดุอุปกรณ์ 1. ซองตัวจก๊ิ ซอว์ เร่ือง หลกั ธรรมศาสนาพุทธ ชุดที่
2. กระดาษขาว – เทา 1 แผน่ 2
3. ใบงาน
หน้า
ขน้ั ตอนการทากจิ กรรม 23
1. นกั เรยี นเข้ากล่มุ กลุ่มละ 5 คน
2. ต่อตวั จิ๊กซอว์ เร่ือง หลักธรรมศาสนาพุทธ ในซองลงบนกระดาษขาวเทา
3. สรปุ หลกั ธรรมทีไ่ ดจ้ ากการตอ่ จ๊ิกซอวล์ งในใบงาน ท่ี 1
************************************
ชุดกจิ กรรมการเรยี นร้แู บบสืบเสาะ เรอ่ื ง ศาสนธรรมนาชีวิต
แบบฝึกหดั ท่ี 5
เรือ่ ง หลักธรรมศาสนาพุทธ
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. จาแนกหลกั ธรรมในกรอบ อรยิ สัจ 4 ได้แก่ ทุกข์ สมทุ ยั นิโรธ และมรรคได้
คาชีแ้ จง : ให้นกั เรียนเขยี นแผนผงั อธิบายความรูท้ ี่ได้จากการต่อจิ๊กซอว์ เรอ่ื ง หลกั ธรรมศาสนาพทุ ธ
ชุดท่ี
2
หน้า
24
ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะ เรื่อง ศาสนธรรมนาชวี ิต
ชดุ ที่
2
หนา้
25
พทุ ธศาสนสภุ าษิต : ขอ้ คิดท่ีควรรู้
โกธ ฆตฺวา สขุ เสติ : ฆา่ ความโกรธได้ยอ่ มอยู่เปน็ สุข
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะ เรือ่ ง ศาสนธรรมนาชีวิต
ขั้นตอนการทากิจกรรม
1. นักเรียนเข้ากลุม่ กลุ่มละ 5 คน
2. ศึกษาสถานการณ์ (เพลง) ทีก่ าหนดให้
เพลง "พระพุทธเจ้า" ประกอบละครซีรีส์ พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก
คาร้อง : ประภาส ชลศรานนท์ ดนตรี : จักรพฒั น์ เอ่ียมหนนุ ชุดที่
2
ขบั รอ้ งโดย : อมรภทั ร เสรมิ ทรัพย์
หนา้
เนอ้ื เพลง 26
วันทีฟ่ ้าเรม่ิ ส่องแสง สาแดงใหเ้ ห็นเปน็ คาถาม "พระพทุ ธเจา้ "
เกดิ แก่เจบ็ ตายซ้า วนเวยี นจนเหน็ ความเปน็ ไป เพลงประกอบละครซรี สี ์
ทุกสงิ่ กาเนดิ น้ัน สถติ สถานต้งั อยไู่ ว้ พระพุทธเจา้ มหาศาสดาโลก
ถงึ วันแตกสลาย ดบั สน้ิ ไปไม่ม่นั คง
จากเจ้าชายสุขลน้ ฟ้า ทิง้ ทกุ สงิ่ มาเข้าปา่ ดง
ทง้ิ อบายแหง่ ใหลหลง บาเพ็ญทกุ รกริ ยิ า https://www.youtube.com/w
เขญ็ กายจนหวิ โหย ทรุดโทรมรว่ งโรยเวทนา atch?v=R0V6eiIrbkY
แล้วจงึ ได้รู้ว่า ไมใ่ ชห่ นทางสวา่ งเลย
พระองคท์ รงคน้ พบ การเวยี นจบของจกั รวาล
หนทางท่จี ะว่ายผ่าน วัฏสงสารอันปลดปลง
สายพณิ ที่ดีดนนั้ ถา้ ปล่อยให้มนั เร่มิ หยอ่ นลง
ละเลยและลมื หลง จะคงสาเนยี งเป็นพณิ ไหม
และสายพณิ ทีต่ งั้ ขึง ถา้ บดิ ให้ตึงจนมากไป
ถงึ คราวดีดเล่นสาย คงขาดผงึ ไปในไม่นาน
พระองคท์ รงค้นพบ การเวยี นจบของจักรวาล
หนทางทีจ่ ะว่ายผา่ น วัฏสงสารอันปลดปลง
หนทางแห่งพทุ ธะ คอื หลกี ลดละในโลภหลง
และมใิ ช่อย่างฝนุ่ ผง ที่ปลอ่ ยล่องลอยไปวนั วนั
หนทางแห่งพทุ ธะคอื ทางสายกลางอันเบิกบาน
ใหอ้ ยู่กบั คนื วัน คอื ปจั จุบันอนั ต่นื รู้
**********************
ทีม่ า : https://www.youtube.com/watch?v=R0V6eiIrbkY
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะ เรอื่ ง ศาสนธรรมนาชวี ิต
ชดุ ที่
2
หนา้
27
พทุ ธศาสนสุภาษติ : ข้อคดิ ท่ีควรรู้
สนตฺ ุฏฐี ปรม ธน : ความสนั โดษเปน็ ทรัพย์อยา่ งยง่ิ
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะ เร่อื ง ศาสนธรรมนาชวี ติ
ขัน้ ตอนการทากิจกรรม ชดุ ที่
1. นกั เรียนเขา้ กลุม่ กลุ่มละ 5 คน 2
2. ศึกษาสถานการณ์จากกิจกรรมที่ 4 สถานการณน์ า่ รู้
3. ทาใบงานท่ี 1 เร่ือง พระพทุ ธเจ้า มหาศาสดาโลก หนา้
และใบงานท่ี 2 เรื่อง เปา้ หมายสงู สดุ 28
****************************
เรื่องนา่ รู้ สงั คมศกึ ษา การ์ตูน
เร่อื ง นกขมิน้ กับลิงพาล
กฏุ ิทูสกชาดก นกขมนิ้ สอนลงิ พาล
https://youtu.be/mAW-q4H2Myg
ณ ป่าหิมพานต์ มีนกขม้ินหนุ่มตัวหน่ึง สร้างรักกัน
ลมกันฝน อยู่บนต้นไม้ใกล้ธารน้าใส วันหนึ่งเกิดพายุ ฝนตก
หนัก มีลิงอันธพาลตัวหนึ่งมาหลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้ใกล้ๆ แม้จะ
เปียกฝน ตัวสั่นด้วยความหนาว แต่ลิงก็ยังโออ้ วดว่ามมี ือมีเทา้
เหมือนกับมนุษย์นกขม้ินนั้นตัวเล็กกว่า แต่มีความมานะตั้งใจ
สรา้ งรงั ไดด้ ว้ ยตนเอง จงึ แนะนาลิงอันธพาลให้สร้างท่พี กั อาศัย
ลิงอนั ธพาลจะเลกิ นสิ ยั ทไี่ ม่ดหี รือไม่ หรือโกรธเคืองนกขม้นิ ก่อ
บาปต่อไป
ชุดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบสืบเสาะ เรอ่ื ง ศาสนธรรมนาชวี ิต
ใบงานท่ี 1 เร่ือง พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. ระบุความสัมพนั ธ์ในกรอบ อรยิ สจั 4 ได้แก่ ทกุ ข์ สมทุ ัย นโิ รธ และมรรค
กับสถานการณ์ทกี่ าหนดได้
คาช้แี จง คาชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นศึกษาสถานการณ์ “เพลง” พระพทุ ธเจ้า ประกอบละครซรี สี ์
พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก แลว้ ตอบคาถาม โดยผา่ นการวเิ คราะหต์ ามหลักอริยสจั 4 ต่อไปนี้
1. จงอธบิ าย “ทกุ ข”์ ทีป่ รากฏในเนอื้ เพลง
ตอบ
ชุดท่ี
2
2. จงอธบิ าย “สมุทัย” ทปี่ รากฏในเน้อื เพลง หน้า
ตอบ 29
3. จงอธิบาย “นโิ รธ” ที่ปรากฏในเนอ้ื เพลง
ตอบ
4. จงอธิบาย “มรรค” ที่ปรากฏในเนอื้ เพลง
ตอบ
5. ข้อคิดที่ได้จากการศึกษาสถานการณ์ “เพลง” พระพุทธเจ้า ประกอบละครซรี ีส์ พระพุทธเจา้ มหาศาสดาโลก
ตอบ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะ เร่ือง ศาสนธรรมนาชวี ิต
ใบงานที่ 2 เร่อื ง เปา้ หมายสงู สุด ชดุ ท่ี
2
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. จาแนกหลกั ธรรมในกรอบ อริยสัจ 4 ไดแ้ ก่ ทุกข์ สมุทัย นโิ รธ และมรรคได้
คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปน้ี หนา้
คาถามที่ 1. เปา้ หมายสูงสุดของศาสนาพุทธ คือ 30
คาตอบ
คาถามท่ี 2. วิธกี ารทจี่ ะไปสเู่ ป้าหมายสูงสุดของศาสนาพุทธ คืออะไร
คาตอบ
คาถามที่ 3. สาเหตุของการเวียนวา่ ยตายเกดิ ศาสนาพทุ ธ คืออะไร
คาตอบ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะ เรอ่ื ง ศาสนธรรมนาชีวิต
แบบทดสอบหลังเรียน ชดุ ที่
เร่ือง หลักธรรมศาสนาพุทธ 2
คาชแี้ จง : ให้นักเรยี นเลอื กคาตอบที่ถูกต้องทีส่ ดุ แล้วฝนคาตอบลงในกระดาษคาตอบ หน้า
-------------------------------------------------------- 31
1. คาวา่ “สงั ขาร” ในขนั ธ์ 5 หมายถงึ อะไร
ก. ความรูแ้ จง้ ทางประสาทสัมผัสต่าง ๆ
ข. การกาหนดร้เู พอ่ื แยกแยะกายและจติ
ค. รา่ งกายและพฤตกิ รรมท้งั หมดของรา่ งกาย
ง. แรงจูงใจท่ีผลกั ดันใหเ้ กดิ การกระทาอย่างใดอย่างหน่ึง
2. “ตราบใดทย่ี ังไม่บรรลสุ ่ิงท่ีต้องการ จะไมย่ อมลกุ จากท่ีนัง่ แมเ้ น้อื และเลอื ดจะเหือดแห้งไปเหลือแต่
กระดูกกต็ ามท”ี นักเรียนได้ข้อคิดอะไรจากข้อความนี้
ก. ชีวิตยงั ไม่ส้ิน กด็ น้ิ ต่อไป
ข. ถ้าจะทาสง่ิ ใด ก็ควรทาใหจ้ ริงจงั
ค. เพอ่ื รักษาความถูกตอ้ ง ยอมสละได้แมช้ วี ติ
ง. ทาอะไรแลว้ ถ้าไม่ไดต้ ามท่ตี ้องการเสียเวลาเปล่า
3. “แก๊งค้าเดก็ ซ้าเติม สนิ ามิ” ตามหลกั พระพทุ ธศาสนาตรงกับหลักธรรมข้อใด
ก. วิมุตติ 5
ข. อรยิ วฑั ฒิ 5
ค. มิจฉาวณชิ ชา 5
ง. อปริหานิยธรรม 7
4. วมิ ุตติ 5 เปน็ หลักธรรมท่จี ัดอยใู่ นหมวดใด
ก. ทุกข์
ข. สมทุ ัย
ค. นโิ รธ
ง. มรรค
5. ขอ้ ใดคอื ความหมายของ “กรรม” ท่ถี ูกตอ้ ง
ก. การกระทาความดี
ข. การกระทาความชวั่
ค. การกระทาดหี รือกระทาช่วั โดยไมเ่ จตนา
ง. การกระทาดีหรือกระทาชวั่ โดยเจตนา
ชุดกจิ กรรมการเรียนรูแ้ บบสบื เสาะ เรอ่ื ง ศาสนธรรมนาชวี ติ
6. หมู่คณะหรอื ชมุ ชนท่ีต้องการความสุขความเจริญ และความมั่นคงเข้มแข็ง ควรนาหลกั ธรรมขอ้ ใดไปเป็น ชุดท่ี
แนวทางในการปฏิบัติ 2
ก. วมิ ตุ ติ 5
ข. อรยิ วฑั ฒิ 5 หนา้
ค. มิจฉาวณิชชา 5 32
ง. อปริหานยิ ธรรม 7
7. หลกั ธรรมขอ้ ใด ไมไ่ ด้ จัดอยู่ในกล่มุ มรรค (ธรรมที่ควรเจรญิ )
ก. วมิ ุตติ 5
ข. อรยิ วฑั ฒิ 5
ค. ปัญญาวุฒธิ รรม 4
ง. อปริหานิยธรรม 7
8. หลงั จากพระพุทธเจา้ เสดจ็ ดับปรนิ พิ พานไปแลว้ อะไรเป็นศาสดาแทนพระพุทธองค์
ก. พระสงฆ์
ข. พระพุทธรปู
ค. พระไตรปฎิ ก
ง. พระธรรมวินัย
9. การค้าขายท่ีไม่ชอบธรรม ตามหลักมจิ ฉาวณิชชา คือค้าขายอะไร
ก. การขายเน้ือ
ข. การขายของผ่อน
ค. การขายหวยใตด้ นิ
ง. การขายเครือ่ งสาอาง
10. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ความหมายของคาว่า “นพิ พาน”
ก. ความดบั สนิทแหง่ กเิ ลสและกองทุกข์
ข. ความสุขทเี่ กดิ จากการควบคุมกเิ ลสได้
ค. ไฟกเิ ลสคือ ราคะ โทสะ โมหะ จนเยน็ สนิท
ง. สภาวะทไ่ี ดด้ ับกเิ ลสทง้ั หมดแล้ว และอยใู่ นสภาวะ ไมส่ ุข ไม่ทุกข์
*****************************************
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะ เรอื่ ง ศาสนธรรมนาชีวิต
กระดาษคาตอบ แบบทดสอบหลังเรยี น
คำช้ีแจง ใช้ปำกกำ หรอื ดนิ สอ ในการฝนกระดาษคาตอบ ขอ้ ทีถ่ ูกตอ้ งทส่ี ุดลงในกระดาษคาตอบ
เพียงข้อเดยี วหากตอ้ งการแก้ไขคาตอบ สามารถใช้นายาลบคาผดิ หรอื ยางลบ ลบได้
* กระดาษคาตอบตรวจดว้ ยเครอื่ งตรวจ หา้ มทาเครอ่ื งหมายหรือสัญลักษณใ์ ดๆ ลงในกระดาษคาตอบ
ชดุ ท่ี
2
หนา้
33
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะ เรอ่ื ง ศาสนธรรมนาชีวติ
บรรณานุกรม
กองวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมกาย แคลิฟอร์เนยี . (2550). ศาสนศกึ ษา. ปทมุ ธานี : มหาวิทยาลัยธรรมกาย ชดุ ที่
แคลฟิ อรเ์ นยี 2
กัลยาณมิตร. (ม.ป.ป.). ความรู้พระพุทธศาสนาเพ่ือการพัฒนาตนเอง. (ม.ป.ท.). สืบค้นเม่ือวนั ที่ 30 หนา้
ธนั วาคม 2560, จาก https://kalyanamitra.org/th/article_list.php?c=4. 34
ดนยั ไชยโยธา. (2539). นานาศาสนา. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตรร์.
ดนยั ไชยโยธา. (2551). ศาสนาสากล ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 (พิมพค์ ร้งั ที่ 6). กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์
ทศั น์.ฟื้น ดอกบวั . (2549). ศาสนาเปรียบเทียบ. (พมิ พ์ครัง้ ท่ี 3). กรุงเทพฯ : ศลิ ปาบรรณาคาร.
OBEC TV. (2559). สงั คมศึกษา การต์ นู เร่ือง นกขมน้ิ กบั ลิงพาล. (ม.ป.ท.). สืบค้นเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม
2560, จาก https://youtu.be/mAW-q4H2Myg.
WorkpointOfficial. (2558). พระพุทธเจ้า [เพลงประกอบละครซีรีส์ พระพุทธเจา้ มหาศาสดาโลก. (ม.
ป.ท.). สบื ค้นเม่ือวันที่ 28 ธันวาคม 2560, จาก https://youtu.be/R0V6eiIrbkY.