The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชุดที่ 9 การนำเสนอผลการวิจัย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by CSNP Journal, 2022-05-11 00:10:25

ชุดที่ 9 การนำเสนอผลการวิจัย

ชุดที่ 9 การนำเสนอผลการวิจัย

คำนำ

การจัดการเรียนการสอนด้านอาชีวศึกษา มุ่งเน้นให้ผู้เรียนคิดเป็น ทาเป็น แก้ปัญหาเป็น
ซ่ึงสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้กาหนดนโยบายปรับวิธีเรียน เปล่ียนวิธีสอน และปฏิรูป
วธิ สี อบ เพอื่ ให้ผู้เรยี นสายอาชีวศึกษาสามารถนาเอาความรู้ในสาขาวิชาตา่ งๆทีตนเองศึกษาอยู่ มาบรู ณา
การสรา้ งเปน็ ชิน้ งาน หรอื ทาเปน็ โครงการทก่ี ่อให้เกดิ ประโยชนต์ ่อผู้เรยี น สถานศึกษา ชุมชนและสงั คม

แบบฝึกทักษะการทาโครงการวิชาชีพเพื่อพัฒนาผู้เรียน วิชาโครงการ 1 รหัสวิชา 3101-8502
จัดทาขึ้นเพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนด้านอาชีวศึกษามีความรู้และมีทักษะในการทาโครงงาน วิชาชีพด้วย
กระบวนการวจิ ยั แบบฝกึ ทักษะนป้ี ระกอบด้วยแบบฝึกท้ังหมด 9 ชุดประกอบดว้ ย

ชดุ ที่ 1 แนวคิดเบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดทาโครงการวชิ าชพี ดว้ ยกระบวนการวิจยั
ชดุ ท่ี 2 การคดิ และเลือกหวั ขอ้ โครงการวิชาชพี
ชดุ ที่ 3 การเขยี นโครงการวจิ ยั
ชดุ ที่ 4 การสร้างสือ่ นาเสนอผลงาน
ชดุ ที่ 5 การเตรียมขอ้ มลู เพือ่ ดาเนนิ การวิจยั
ชุดที่ 6 การสรา้ งเคร่อื งมอื วจิ ัยเพ่อื เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
ชุดที่ 7 การวิเคราะหแ์ ละสรปุ ผลการวจิ ยั
ชุดที่ 8 การเขยี นและจดั ทารปู เล่มรายงานวจิ ัย
ชุดที่ 9 การนาเสนอผลการวจิ ัย
ชุดฝึกทั้ง 9 ชุดจะช่วยให้ผู้เรียนได้มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับขั้นตอนในการทาโครงงาน
วิชาชีพ วางแผนการจัดทาโครงงานวิชาชีพ เขียนโครงการวิชาชีพ จัดทาโครงงานวิชาชีพ และนาเสนอ
โครงงานวิชาชีพ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้โครงงานวิชาชีพท่ีผู้เรียนจัดทามีคุณภาพมากขึ้น
กวา่ เดมิ
กิจกรรมในแต่ละกิจกรรมจะใช้หลักการของการมีส่วนร่วมซ่ึงทาให้ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้
สามารถปรับตัวให้เข้ากบั คนอ่ืนได้ และยอมรับความคิดเห็นของผู้อ่ืน รวมทั้งผู้เรียนสามารถนาความรู้ที่
ได้จาการปฏิบตั ิไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวันได้

ธวชั ไชย ลิ้มสุวรรณ
ผูจ้ ดั ทา

แบบฝกึ ทกั ษะการทาโครงงานวชิ าชีพเพื่อพัฒนาผู้เรียนวิชาโครงการ 1 รหสั วิชา 3101-8502

สำรบัญ หนา้

คาคาช้ีแจงการใช้แบบฝึกชุดที่ 9 1
หวั ขอ้ เรอื่ ง 2
สาระสาคัญ 2
จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม 2
แบบทดสอบกอ่ นเรยี นชดุ ท่ี 9 3
ใบเนื้อหา ชุดที่ 9 เร่ือง การนาเสนอผลการวจิ ัย 5
5
รูปแบบการเสนอผลงานวิจัย 7
การสร้างส่อื ในการนาเสนอผลการวจิ ัย 14
แบบฝึกทกั ษะท่ี 9-1 15
แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 9-2 16
แบบทดสอบหลงั เรียน ชดุ ที่ 9 18
บรรณานุกรม 19
ภาคผนวก 20
แบบเฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน 21
แบบประเมินสาหรบั แบบฝึกทักษะที่ 9-1 22
แบบประเมินสาหรบั แบบฝกึ ทักษะท่ี 9-2

แบบฝกึ ทักษะการทาโครงงานวิชาชีพเพ่ือพัฒนาผูเ้ รยี นวิชาโครงการ 1 รหัสวิชา 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวิจยั 1

คำชแ้ี จงกำรใชแ้ บบฝึกชดุ ท่ี 9

แบบฝึกทักษะการทาโครงการวิชาชีพ วิชาโครงการ 1 รหสั วิชา 3101-8502 ชดุ ท่ี 9 เร่ือง การ
นาเสนอผลการวิจัย ท่ีผู้เรียนกาลังศึกษาอยู่ในขณะน้ีมีจุดมุ่งหมายเพ่ือให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติกิจกรรม
โครงการวิชาชีพ โดยการลงมือปฏิบัติด้วยตนเองในรูปของกระบวนการกลุ่ม และมีครูคอยให้คาแนะนา
ในขณะทาแบบฝึกทักษะการทาโครงการวิชาชีพ ผู้เรียนสามารถปรึกษากับเพ่ือนในกลุ่ม หรือสอบถาม
ข้อสงสยั จากครู การทาแบบฝึกทักษะการทาโครงการวชิ าชพี แตล่ ะชดุ ใหผ้ ้เู รียนปฏิบตั ติ ามขนั้ ตอนดังนี้

1. ผเู้ รียนแต่ละคนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เม่อื เสร็จแลว้ สง่ ใหค้ รูตรวจและบนั ทึกผลคะแนน
2. ผ้เู รยี นแบ่งกลุม่ ๆละ 3-4 คน
3. ผู้เรียนอ่านรายละเอียดของกิจกรรม คาชี้แจงของแต่ละกิจกรรมอย่างละเอียดก่อนลงมือ

ปฏบิ ัติทุกครั้ง
4. ผเู้ รยี นปฏิบัตติ ามคาชแี้ จงของแต่ละกิจกรรม
5. เมื่อเสร็จแต่ละกิจกรรมแล้วร่วมกับเพื่อน ครู เฉลยและอภปิ รายเกี่ยวกับคาตอบในแบบฝึก

ทุกคร้งั
6. ผู้เรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน เม่ือทาเสร็จแล้วส่งให้ครูตรวจ บันทึกคะแนนที่ได้และ

เปรยี บเทยี บความกา้ วหนา้ ในการเรียนรู้
7. ผ้เู รยี นรว่ มกับเพ่ือน ครู เฉลยคาตอบของแบบทดสอบหลงั เรียน
8. เวลาท่ีใช้ในการศึกษาแบบฝกึ ทกั ษะชดุ ที่ 9 จานวน 4 ช่วั โมง

กาหนดการจัดการเรยี นรูแ้ บบฝึกทักษะ ชุดท่ี 9

ครัง้ ท่ี เนื้อหา/กจิ กรรม เวลา (ชว่ั โมง )

17 ทดสอบก่อนเรยี นชุดที่ 9 2

ใบเนอื้ หาท่ี 9 การนาเสนอผลการวิจยั หวั ขอ้ 1และ 2

แบบฝึกทักษะที่ 9-1 การนาเสนอผลการวิจัยในรูปแบบสื่อ

เพาเวอร์พอยต์

18 ใบเนอ้ื หาที่ 9 การนาเสนอผลการวิจยั หัวขอ้ 3 2
แบบฝกึ ทักษะท่ี 9-2 การเขียนบทความวจิ ัย
ทดสอบหลงั เรยี นชดุ ท่ี 9

แบบฝกึ ทักษะการทาโครงการสาหรบั การจดั การเรยี นการสอนวิชาโครงการ 1 รหสั วิชา 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวิจยั 2

ชดุ ท่ี 9 กำรนำเสนอผลกำรวิจัย


หวั ข้อเรื่อง
1. รปู แบบการจดั ทาสื่อเพื่อนาเสนอ
2. การนาเสนอผลการวิจยั
3. การเขียนบทความวจิ ัย

สำระสำคญั
การนาเสนอผลงานเป็นการแสดงออกถึงความคิด ความเพียรพยายามในการทากิจกรรมท่ีต้อง

ใชท้ ักษะ มีขั้นตอนและมีความต่อเนอื่ ง เป็นการนาผลงานท่ีไดจ้ ากการศึกษาค้นควา้ เสนอต่อผู้อนื่ ให้รับรู้
และเข้าใจถึงความสาเร็จของผลงานน้ันๆ รวมท้ังนาเสนอผลงานตอ่ คณะกรรมการและอาจารยท์ ี่ปรึกษา
เพื่อขอรับการประเมินผล

ทั้งนี้บุคคลที่จะทาหน้าที่นาเสนอผลงาน ควรมีความเหมาะสมในด้ านบุคลิกภาพ
ความสามารถในการพูดต่อหน้าชุมชน และความเข้าใจในเน้อื หาสาระและทักษะกระบวนการทางวิจัยที่
ได้ศกึ ษาค้นคว้าและการสร้างผลงานหรอื สิ่งประดิษฐ์อย่างชัดเจน ซึ่งรปู แบบของการนาเสนอผลงานน้ัน
ส่วนใหญ่จะนาเสนอโดยการจดั แสดงนิทรรศการด้วยบอร์ด และการนาเสนอด้วยส่ือ PowerPoint เป็น
ตน้

จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม
1. สามารถสร้างสื่อในการนาเสนอผลงานได้
2. สามาถนาเสนอผลงานในรปู แบบ PowerPoint ได้
3. มคี วามมน่ั ใจในตนเอง นาเสนอผลงานภายในเวลาทกี่ าหนดได้
4. สามารถเขยี นบทความวิจัยได้

แบบฝึกทักษะการทาโครงการสาหรับการจดั การเรียนการสอนวิชาโครงการ 1 รหสั วชิ า 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวิจยั 3

แบบทดสอบก่อนเรียน ชุดท่ี 9
กำรเขยี นรำยงำนกำรวจิ ยั

คำชแ้ี จง
1. แบบทดสอบเร่ืองการนาเสนอผลการวิจัย เป็นแบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ
4 ตัวเลือก จานวน 10 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน 10 นาที
2. แต่ละข้อมีคาตอบที่ถูกที่สุดเพียงคาตอบเดียว แล้วกาเครื่องหมายกากบาท (X) ลงใน
ช่อง  ในกระดาษคาตอบ

1. ขอ้ ใดคอื รปู แบบการนาเสนอผลการวจิ ัยโดยใชแ้ ผน่ ภาพประมาณ 1 ตารางเมตรเปน็ สอื่
ก. การนาเสนอโปสเตอร์ (Poster Presentation)
ข. การนาเสนอด้วยวาจา (Oral Presentation)
ค. การนาเสนอผลงานวจิ ัยดว้ ยการตีพิมพ์
ง. การนาเสนอผลงานวิจยั ผ่านเครอื ข่ายอินเตอร์เนต็

2. ข้อใดคือรูปแบบการนาเสนอผลการวจิ ยั โดยใช้บทความวิจยั ในวารสารวิชาการ
ก. การนาเสนอโปสเตอร์ (Poster Presentation)
ข. การนาเสนอด้วยวาจา (Oral Presentation)
ค. การนาเสนอผลงานวจิ ัยด้วยการตพี ิมพ์
ง. การนาเสนอผลงานวิจัยผา่ นเครือข่ายอินเตอรเ์ นต็

3. ขอ้ ใดคือรูปแบบการนาเสนอผลการวิจัยโดยการนาเสนอผลงานตอ่ ทป่ี ระชมุ โดยมกี ารซักถาม
และให้ข้อเสนอแนะเพิม่ เติม
ก. การนาเสนอโปสเตอร์ (Poster Presentation)
ข. การนาเสนอดว้ ยวาจา (Oral Presentation)
ค. การนาเสนอผลงานวจิ ัยดว้ ยการตพี ิมพ์
ง. การนาเสนอผลงานวิจัยผ่านเครือขา่ ยอินเตอร์เน็ต

4. การนาเสนอผลงานวิจยั ด้วยโปรแกรมเพาเวอร์พอยต์ตอ่ อาจารยท์ ปี่ รึกษาโครงการเปน็ การ
นาเสนอรูปแบบใด
ก. การนาเสนอโปสเตอร์ (Poster Presentation)
ข. การนาเสนอด้วยวาจา (Oral Presentation)
ค. การนาเสนอผลงานวจิ ัยด้วยการตพี ิมพ์
ง. การนาเสนอผลงานวิจัยแบบไมเ่ ปน็ ทางการ

แบบฝึกทักษะการทาโครงการสาหรับการจดั การเรียนการสอนวิชาโครงการ 1 รหสั วิชา 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวจิ ยั 4

5. ขอ้ ใดคือความหมายของบทความวจิ ัย
ก. รายงานวิจยั 5 ฉบับสมบูรณ์
ข. บทความทีเ่ ขียนขน้ึ จากองค์ความรู้ทางวิชาการ
ค. บทความท่มี ีเฉพาะบทคัดยอ่
ง. บทความสรปุ ผลการศึกษาทีเ่ ขียนข้นึ จากรายงานวจิ ยั

6. ขอ้ ใดมิใช่องค์ประกอบของบทความวิจยั
ก. ส่วนหวั บทความวจิ ัย
ข. เอกสารอ้างอิง
ค. ส่วนสารบัญ
ง. บทคัดย่อและคาสาคญั

7. ขอ้ ใดคอื องค์ประกอบของบทความทแี่ สดงชื่อหรือหนว่ ยงานผู้วจิ ัย
ก. สว่ นหวั บทความวิจยั
ข. เอกสารอ้างอิง
ค. ส่วนสารบญั
ง. บทคัดย่อและคาสาคญั

8. ข้อใดคอื คือองคป์ ระกอบของบทความแสดงแหล่งทีใ่ ช้ค้นควา้ วจิ ัย
ก. สว่ นหัวบทความวจิ ยั
ข. เอกสารอ้างองิ
ค. สว่ นสารบัญ
ง. บทคัดย่อและคาสาคัญ

9. ขอ้ ใดคอื คอื องคป์ ระกอบของบทความที่แสดงระบวุ ธิ ีดาเนินการวจิ ยั
ก. สว่ นหวั บทความวิจัย
ข. สว่ นเน้อื หางานวจิ ยั
ค. สว่ นบทสรุป
ง. ส่วนทา้ ยวิจัย

10. ข้อใดคอื หลักในการเขยี นบทความวจิ ัย
ก. ระบุสารบัญภาพ สารบญั ตารางให้ครบถ้วน
ข. เขยี นตามรูปแบบท่กี าหนดไมน่ อ้ ยกวา่ 50 หน้า
ค. ไมต่ อ้ งมีการแสดงข้อเสนอแนะเน่ืองจากผลการวิจยั ประสบผลสาเรจ็ แล้ว
ง. ใส่หมายเลขหลังนามสกลุ ของผู้วจิ ยั ในส่วนหัวบทความวจิ ัย เพอื่ บอกสถานภาพนกั วิจยั

แบบฝึกทักษะการทาโครงการสาหรับการจดั การเรียนการสอนวิชาโครงการ 1 รหสั วชิ า 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวจิ ัย 5

ใบเน้อื หำ
ชดุ ท่ี 9 เรื่อง กำรนำเสนอผลกำรวจิ ยั

การนาเสนอผลงานวิจัยเป็นพันธกิจท่ีสาคัญอย่างหน่ึงท่ีนักวิจัยทุกคนควรต้องทา เมื่อเสร็จสิ้น
การวิจัย และจัดทารายงานวิจัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว นักวิจัยควรถือว่าการนาเสนอผลงานวิจัยเป็นหน้าที่
นักวิจัยอาจนาเสนอผลงานวิจัยได้หลายแบบ แบบที่ใช้กันมาก คือ การนาเสนอผลงานวิจัยด้วยวาจา
ก า ร น า เส น อ แ บ บ โ ป ส เต อ ร์ แ ล ะ ก า ร น า เส น อ ผ ล ง า น วิ จั ย ใ น รู ป บ ท ค ว า ม วิ จั ย พิ ม พ์ เผ ย แ พ ร่ ใ น
วารสารวิชาการ สาหรับในขั้นต้นของนักศึกษาในระดับนี้จะเน้นการน้าเสนอด้วยวาจาต่อหน้าครูท่ี
ปรกึ ษาและคณะกรรมการประเมนิ ผลโดยใช้สอื่ PowerPoint เป็นส่ือประกอบในการนาเสนอ

1. รูปแบบกำรเสนอผลงำนวจิ ัย
การเสนอผลงานวิจัย คือ กระบวนหลังจากดาเนินการวิจัยและเขียนรายงานการวิจัยแล้ว เป็น

การนาเสนอผลการค้นพบหรือประเด็นที่ได้ศึกษา โดยเน้ือหาที่เก่ียวข้องกับการนาเสนอผลงานวิจัย จะ
ประกอบไปด้วยวิธีการในการนาเสนอในรายวิชาโครงการรวมถึงรูปแบบและวิธีการในการนาเสนอ
ผลงานวิชาการทั่วๆเพอ่ื เป็นแนวทางในการนาไปใชค้ วบคู่กัน

การนาเสนอผลงานวจิ ัยในการประชุมวชิ าการมีความสาคญั ไมย่ ิ่งหย่อนกว่าการวจิ ัย ดว้ ยเหตุผล
ท่ีว่านักวิจัยอาจผลิตงานวิจัยที่มีคุณภาพดี แต่ถ้าไม่สามารถนาเสนอผลงานวจิ ัยให้ผู้ฟังเข้าใจได้ นักวิจัย
ไม่ได้รับการยอมรับในเชิงวิชาการ ซึ่งนักวิชาการได้กล่าวว่า ความสาเร็จในการนาเสนอผลงานวิจัย
ข้ึนอยู่กับวิธีการนาเสนอ ถ้านักวิจัยนาเสนอผลงานวิจัยด้วยท่าทีไม่น่าสนใจ เสียงส่ัน มือสั่น ยอมทาให้
คณุ คา่ ของผลงานวจิ ัยลดลง ด้ังนน้ั นกั วจิ ัยควร ใชเ้ วลาในการเตรียมตวั เสนอผลงานวจิ ัยดว้ ย

เทคนิคในการนาเสนอผลงานวิจัยแยกได้ตามรูปแบบการนาเสนอผลงานในที่ประชุมวิชาการ
เป็น 3 แบบ คือ การนาเสนอโปสเตอร์ การนาเสนอด้วยวาจาและการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยใน
วารสารวิชาการ ท้ังสองแบบมีเทคนิคแตกต่างกันดังสาระสรุปจากเอกสารของ Correli (2006) Jackson
(1998) และ Newcastle University (2008) (อ้างองิ ใน ดร.นงลักษณ์ วริ ชั ชัย)ดังต่อไปน้ี

1.1 การนาเสนอโปสเตอร์ (Poster Presentation)
โปสเตอร์เป็น สื่อประเภทไม่มีการเคล่ือนไหว สาหรับการนาเสนอ “สาร” ทาด้วย

กระดาษแข็งหรือไม้ สาหรับ ติดตั้งข้อเขียนสรุป /บทคัดย่อ ภาพ/แผนภูมิ ประกอบสารที่นาเสนอ มี
ขนาดประมาณ 1 ตารางเมตร การนาเสนอผลงานวิจัยดัวยโปสเตอร์ แตกต่างจากการนาเสนอ
ผลงานวิจัยด้วยวาจา ตรงที่การนาเสนอผลงานวิจัยด้วยโปสเตอร์น้ันนักวิจัยให้โปสเตอร์ ทาหน้าที่บอก
เรื่องราวของผลงานวิจัย นักวิจัยมีหน้าท่ีรออยู่ใกล้ๆ โปสเตอร์และคอยตอบคาถามหรือให้คาอธิบาย
เพิ่มเติมแก่ผู้ชม รูปแบบโปสเตอร์ผลงานวิจัย ท่ีนักวิจัยนาเสนอผลงานวิจัยด้วยโปสเตอร์ มี
องคป์ ระกอบ 5 สว่ น ดงั นี้

แบบฝึกทกั ษะการทาโครงการสาหรับการจดั การเรยี นการสอนวิชาโครงการ 1 รหสั วชิ า 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวจิ ัย 6

ก) ชื่อเรื่อง (title) ชื่อเรือ่ งงานวิจยั เปน็ ข้อความระบุวตั ถุประสงค์หลักของการวจิ ัย ตัว
แปรในการวิจัย และบริบทของงานวิจัย ในกรณีงานวิจยั เชิงปริมาณ และเป็นวลีสั้นๆ ท่ีระบุวัตถปุ ระสงค์
หลกั และประเดน็ วิจยั หลัก โดยมกี ารเล่นคาสัมผัสได้ในกรณงี านวจิ ยั เชิงคุณภาพ

ข) บทคัดย่อ (Summary) บทคัดย่อเป็นเนื้อหาสาระสรุปของงานวิจัย โดยมากนิยม
เขียนเพียง 3 ประโยค คือ วัตถุประสงค์การวิจัย วิธีการวิจัย และผลการวิจัย เพ่ือให้ผู้อ่านเห็นภาพรวม
ของงานวจิ ัยทั้งเร่อื ง

ค) บทนาและเอกสารที่เก่ียวข้อง (Introduction and related literature) บทนา
และเอกสารท่ีเกยี่ วข้องกับการวิจัย เป็นขอ้ ความท่ีอธิบายถึงความเปน็ มาของปญั หาวิจัย ความสาคญั ของ
งานวิจัย ทฤษฎีและผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ซ่ึงนักวิจัยสังเคราะห์สรุปสร้างเป็นกรอบแนวคิด และ
สมมุติฐานวิจัย ทั้งนี้นักวิจัยต้องพิจารณาคัดสรรส่วนสาคัญท่ีสุดไปจัดทาโปสเตอร์ และออกแบบให้
นา่ สนใจ

ง) วิธีดาเนินการวิจัย (Research methods) สาระสรุปเกี่ยวกับวิธีดาเนินการวิจัย
กรณี ประกอบด้วย ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ตัวแปรและเครอื่ งมือวิจัย วิธีการรวบรวมและวิเคราะห์
ขอ้ มลู และเคร่อื งมอื ท่ใี ช้ในการรวบรวมข้อมลู และการวิเคราะห์ขอ้ มูล

จ) ผลการวิจัย (Research results) ผลการวิจัย เป็นการเสนอสาระส่วนท่ีเป็น สรุป
ผลการวิจยั และการอภปิ รายผลการวิจยั รวมทง้ั ขอ้ เสนอแนะ

ภาพท่ี 9-1 การนาเสนอผลงานวจิ ัยดว้ ยโปสเตอร์

จากภาพที่ 9-1 เป็นการนาเสนอผลงานวจิ ยั ดว้ ยโปสเตอร์ โดยผนู้ าเสนอผลงานวิจัยจะนาตดิ
บอรด์ แสดงผลงานและคอยตอบคาถามหรือให้คาอธิบายเพ่ิมเติมแกผ่ ชู้ ม

1.2 การนาเสนอด้วยวาจา (Oral Presentation)
โดยทั่วไป การเสนอผลงานวิจัยดว้ ยวาจา มเี วลาจากดั มาก นักวจิ ัยมเี วลาประมาณ 10-20
นาที ในการนาเสนอสาระสรุปของผลงานวิจัย และมีเวลา 5-10 นาที สาหรับการซักถามและให้
ขอ้ เสนอแนะ การนาเสนอผลงานด้วยวาจาต่างจากการนาเสนอโปสเตอร์ผลงานวิจยั เพราะนักวจิ ัยต้อง
ทาหน้าที่เสนอผลงานตอ่ หนา้ ผูเ้ ข้าร่วมประชมุ ต้องมกี ารเตรยี มทงั้ เอกสารและเตรียมความพรอ้ มของตัว
นักวจิ ยั เองในการนาเสนอผลงานด้วย ส่งิ ท่นี กั วจิ ยั ต้องเตรยี มในการนาเสนอผลงานวจิ ัยด้วยวาจา คอื

ก) รายงานวิจัยในรูปบทความวิจัยที่มีความยาว และรูปแบบการพิมพ์ตามข้อกาหนด
ของการประชมุ ทางวชิ าการ

แบบฝกึ ทกั ษะการทาโครงการสาหรบั การจดั การเรยี นการสอนวิชาโครงการ 1 รหสั วชิ า 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวิจัย 7

ข) สไลด์หรือ Power Point สาหรับใช้ประกอบการนาเสนอผลงานวิจัยด้วยวาจา โดย
สไลด์ประกอบการนาเสนอผลงานวิจยั ด้วยวาจา ในช่วงระยะเวลาประมาณ 10-20 นาที ไม่ควรมจี านวน
สไลด์มากเกินไป จานวนสไลด์ที่ใช้กันโดยมากประมาณ 6-8 แผ่น ดังน้ันนักวิจัยต้องตัดสินใจว่าจะเลือก
เน้ือหาสาระจากผลงานวิจัยมานาเสนอ โดยท่ัวไปสไลด์ผลงานวิจัยท่ีใช้ประกอบการนาเสนอควร
ประกอบด้วยสไลด์ 7 หวั ขอ้ ดังน้ี 1) ชอื่ ผลงานและช่ือนักวจิ ยั 2) ปญั หาวิจัยและความสาคญั /ประโยชน์
ของผลงานวิจัย 3) ความเก่ียวข้องระหว่างงานวิจัยและเอกสารท่ีเก่ียวข้อง 4) วัตถุประสงค์รวมท้ัง
สมมุติฐานวิจัย 5) แบบแผนวิจัย ตัวแปร เครื่องมือวัดและคุณภาพเคร่ืองมือ การรวบรวมและวิเคราะห์
ข้อมูล 6) ผลการวิจัยท่ีสาคัญ 7) สรุปผลงานวิจัย และ 8) ข้อเสนอแนะ ทั้งน้ีอาจปรับเปล่ียนเพิ่มเติม
รายละเอียดตามความเหมาะสม แตใ่ หเ้ หมาะสมกบั เวลาในการนาเสนอ

ภาพที่ 9-2 การนาเสนอผลงานวิจยั ดว้ ยด้วยวาจา

ภาพท่ี 9-2 เป็นการนาเสนอผลงานวิจัยด้วยด้วยวาจาต่อหน้าครูท่ีปรึกษาและคณะกรรมการ
ประเมินผล หรือในที่ประชุมสัมมนาทางวิชาการ โดยผู้วิจัยนาเสนอผลงานรวมถึงผู้วิจัยตอบข้อซักถาม
ตอ่ หน้าผู้เขา้ ร่วมประชุม

1.3การนาเสนอผลงานวจิ ัยด้วยการตพี ิมพ์เผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยในวารสารวชิ าการ

การตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัย หมายถึงระบบที่ถือกันว่าเป็นความจาเป็นที่จะต้องให้
นักวิชาการผู้มีความรู้เสมอกันทาการทบทวนผลงาน (Peer Review) ก่อนที่จะเผยแพร่แก่ผู้อ่านในวง
กว้าง ผลงานทางวิชาการสว่ นใหญ่ตีพิมพ์เป็นบทความในวารสารวิชาการ หรือในรูปของหนังสือ ในแวด
วง โดยผู้ท่ีต้องการตีพิมพ์ผลงานวิจัยจะต้องจัดทาบทความวิจัยท่ีมีรูปแบบตามท่ีหน่วยงานกาหนด
จัดส่งไปให้กองบรรณาธิการ/ฝ่ายจัดการวารสาร และหากได้รับตอบรับจากกองบรรณาธิการ/ฝ่าย
จัดการวารสารจึงจะไดร้ บั ตีพิมพ์ในวารสารวชิ าการต่อไป

2. กำรสร้ำงสือ่ ในกำรนำเสนอผลกำรวิจัย
ในการนาเสนองานวิจัยด้วยวาจาต่ออาจารย์ประจาวิชา และคณะกรรมการพิจารณา

ประเมนิ ผลวิชาโครงการ ส่ิงสาคัญที่ผู้วจิ ัยจะต้องดาเนินการจัดทาส่ือคอมพิวเตอร์เพาเวอร์พอยต์ โดยมี
หัวข้อและหลกั การสรา้ งส่อื ในการนาเสนอผลการวิจยั ดงั นี้

แบบฝกึ ทกั ษะการทาโครงการสาหรบั การจดั การเรียนการสอนวิชาโครงการ 1 รหสั วิชา 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวจิ ัย 8

2.1 องค์ประกอบของส่ือในการนาเสนอผลการวิจัย
องค์ประกอบของสื่อคอมพิวเตอร์เพาเวอร์พอยต์ในการนาเสนอผลการวิจัย ต้อง

ประกอบดว้ ยหัวขอ้ หลักดังน้ี
ก) ช่อื ผลงานและชือ่ นักวจิ ัย เป็นการแสดงชอ่ื ผลงานงานวิจยั รวมถึงรายช่อื นกั วจิ ัย

หรอื คณะผู้วิจัย ซงึ่ แสดงเป็นหน้าแรกของสไลด์
ข) ปัญหาวจิ ยั และความสาคญั ของผลงานวจิ ยั เปน็ การบ่งบอกความเปน็ มาของปญั หา

ในการดาเนนิ การวจิ ยั ซ่งึ ควรนาเสนอดว้ ยขอ้ ความร่วมกับรูปภาพ ตารางหรอื กราฟ เพ่ือเพ่มิ ความ
นา่ สนใจและแสดงรายละเอยี ดได้ชดั เจนมากขน้ึ

ค) ความเกีย่ วข้องระหวา่ งงานวจิ ยั และเอกสารท่เี ก่ยี วข้อง เป็นส่วนแสดงขอ้ มลู และ
เอกสารท่ีไดส้ ืบคน้ จากรายงานการวิจัยบทที่ 2 เพอื่ เชอื่ มโยงกบั กับงานวิจยั ท่ไี ดด้ าเนินการศกึ ษา

ง) วตั ถุประสงคร์ วมทงั้ สมมตุ ิฐานวจิ ยั เปน็ สว่ นสาคญั ทแี่ สดงวตั ถปุ ระสงค์การวิจยั และ
สมมุตฐิ านการวิจัย ซง่ึ ควรแสดงรายละเอยี ดเป็นข้อๆ

จ) แบบแผนวิจัย ตัวแปร เครื่องมือวัดและคุณภาพเคร่ืองมือ การรวบรวมแล ะ
วิเคราะห์ข้อมูล เป็นการแสดงรายละเอียดของข้อมูลในบทท่ี 3 การดาเนินการวิจัย ซ่ึงอธิบาย
กระบวนการในการสร้างนวัตกรรม ตัวแปร ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือวิจัยและวิธีการ
รวบรวมและวเิ คราะห์ข้อมลู

ฉ) ผลการวจิ ยั ทส่ี าคญั เป็นสว่ นแสดงรายละเอยี ดผลการวิจยั ตามรายงานวิจัยบทท่ี 4
ซงึ่ ควรนาเสนอผลการวิจัยโดยพจิ ารณาหวั ข้อทีส่ าคัญและครอบคลุมหวั ขอ้ วตั ถุประสงค์การวิจัย
สมมตุ ิฐานการวจิ ยั และขอบเขตการวิจยั

ช) สรุปผลงานวิจยั เปน็ สว่ นแสดงรายละเอยี ดผลการวิจยั ตามรายงานวจิ ยั บทท่ี 5 ซง่ึ
ควรเลอื กสรุปผลและอภปิ รายผลการวจิ ัยในบางประเดน็ การค้นพบทีส่ าคัญเทา่ น้ัน

ซ) ขอ้ เสนอแนะ เป็นสว่ นแสดงรายละเอียดข้อเสนอแนะการวิจยั ตามรายงานวิจัยบท
ท่ี 5 เพอื่ ผู้อา่ นวิจัยสามารถนาผลการวิจัยไปใช้งานได้ถกู ต้องหรอื สามารถนาผลการวิจยั ต่อยอดเพมิ่ เตมิ
ตอ่ ไป

2.2 หลักการสร้างส่ือในการนาเสนอผลการวิจัย นอกจากจะสร้างตามท่ีได้ศึกษาไปแล้ว
นอกจากน้ันอาจมีรายละเอยี ดเพ่มิ เติม ดังนี้

ก) เลือกเลือกรูปแบบ (Template) ที่เหมาะสมกับผู้เข้ารับฟัง สไลด์ทางวิชาการไม่
นิยมมีรปู การ์ตนู

ข) ออกแบบสไลด์ให้มจี านวนเหมาะสม
ค) ใช้ภาพเคล่ือนไหว สีและรูปแบบพิเศษ เฉพาะบางสไลด์ เพ่ือดึงดดู ความสนใจ แตไ่ ม่
ควรใช้ทุกแผน่ เพราะจะทาใหผ้ เู้ ขา้ ประชุมเบือ่
ง) ใช้สีพอเหมาะ ไม่มากไม่น้อยเกินไป และใช้โทนสีไม่ขัดกัน สีพื้นหลังและสีของภาพ
ควรเสรมิ ให้ภาพเดน่ ชดั

แบบฝกึ ทักษะการทาโครงการสาหรบั การจดั การเรียนการสอนวิชาโครงการ 1 รหัสวชิ า 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวจิ ัย 9

จ) เลือกชนิด (Font) และขนาดของตัวอักษร เหมาะสมกับตาแหน่งท่ีผู้เข้าประชุมจะ
เห็นขอ้ ความในสไลด์ได้ชดั เจน

ฉ) ควรมกี ารตรวจทานการสะกดคาในสไลดท์ ุกแผ่น
ช) ส่วนแนวทางการเตรียมตัวผู้เสนอผลงานวิจัย ประกอบด้วย 3 ช่วง คือ ช่วงก่อน
นาเสนอ ชว่ งระหวา่ งการนาเสนอ และ ช่วงหลงั การนาเสนอ โดยมแี นวทางการปฏบิ ตั ดิ ังนี้

1) ชว่ งก่อนนาเสนอ
1.1) ผู้นาการนาเสนอผลงานควรซ้อม จับเวลาในการนาเสนอให้อยู่ในกรอบ

เวลาทีก่ าหนดควรฝึกท่าทางการการนาเสนอหน้ากระจกเงา หรือใหเ้ พอ่ื นช่วยวิพากษ์จดุ บกพร่อง
1.2) ก่อนวันเสนอผลงานควรพักผ่อนใหเ้ ตม็ ท่ี

2) ช่วงระหวา่ งการนาเสนอ
2.1) ควรมีสติ และสร้างความม่ันใจ ปรับอารมณ์ให้เย็นและม่ันคง ไม่เครียด

และสรา้ งความกดดนั ให้ตัวเอง
2.2) หากร้สู กึ ตนื่ เตน้ ให้หายใจเขาออกยาวๆ จะช่วยใหผ้ อ่ นคลาย
2.3) ตลอดเวลาการนาเสนอผลงาน ควรรวบรวมสมาธิจดจ่อกับผู้ฟัง พูดช้าๆ

ชดั เจน พูดอย่าเร็วมากเกินไป อย่าอา่ นจากข้อความ อาจเหลือบดูบันทึกได้บ้าง และควรสบตามองหน้า
ผูฟ้ ังเพ่ือดูการตอบสนองจากผฟู้ ัง

2.4) หากมีผู้ฟังแสดงท่าทางไม่เข้าใจ ควรอธิบายเพ่ิมเติม เม่ือเสร็จส้ินการ
เสนอผลงาน มกี ารซักถาม ควรตัง้ ใจฟงั และตอบคาถามใหต้ รงประเดน็

2.5) เมอ่ื จบการเสนอผลงาน ควรกลา่ วขอบคณุ
3) ช่วงหลังการนาเสนอ อาจมีผู้ฟังบางคนสนใจซักถามต่อเน่ือง ควรให้เวลาและ
ตอบคาถาม

3. บทควำมวิจยั
3.1 ความหมายของบทความวิจยั
นงลักษณ์ วิรัชชัย (2541) กล่าวว่าบทความวิจัยเป็นการเขียนเอกสารทางวิชาการประเภท

เดียวกันกบั รายงานการวจิ ัย แตม่ ีความแตกตา่ งกับการเขียนรายงานการวจิ ัยอยู่ 3 ประการหลักๆ คอื 1.
บทความวิจัยมีความยาวจากัด จานวนหน้าน้อยกว่ารายงานการวิจัย จัดทาข้ึนเพ่ือนาเสนอในวารสาร
หรือสื่อสิ่งพิมพ์ 2. บทความวิจัยน้ันจะมีความเป็นปัจจุบันมากกว่ารายงานการวิจัย ทันต่อเหตุการณ์
เพราะบทความวิจัยอาจนาเนื้อหาบางส่วนมาจากรายงานการวิจัย บทความวิจัยมีการตรวจสอบเน้ือหา
สาระ และรูปแบบการจัดพิมพ์ให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานของวารสารหรือคณะกรรมการประชุม 3.
บทความวิจัยจึงค่อนข้างมีความเป็นมาตรฐานกว่ารายงานการวิจัย เน่ืองจากการพิมพ์เผยแพร่บทความ
วิจัยต้องผ่านการตรวจสอบเนื้อหาสาระ และรูปแบบการจัดพิมพ์ บทความวิจัยจึงถือได้ว่ามีคุณค่า
สาหรบั นกั วิชาการทกุ คน

แบบฝกึ ทักษะการทาโครงการสาหรบั การจดั การเรยี นการสอนวิชาโครงการ 1 รหสั วชิ า 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวิจยั 10

สมบูรณ์ บุญฤทธ์ิ กล่าวว่า บทความวิจัย เป็นรูปแบบของความเรียงชนิดหน่ึงท่ีนาเอาองค์
ความรู้ท่ไี ด้จากการวิจัย มาเขียนใหม่ในประเด็นท่ผี ู้เขียนต้องการนาเสนอ โดยผู้เขยี นบทความวิจัย อาจ
เป็นเจ้าของผลงานวิจัยในเรื่องน้ันๆ หรือเป็นผู้อ่านงานวิจัยในเร่อื งนั้นๆ แล้วพบประเด็นท่ีน่าสนใจจาก
งานวิจยั ทอี่ ่าน แล้วนาประเด็นที่สนใจนัน้ มาเขียนเป็นบทความวิจัยให้อ่านและเข้าใจไดง้ ่าย เพอื่ เผยแพร่
องคค์ วามรู้นน้ั ใหแ้ พร่หลายออกไป

จากการให้ความหมายของนักวิชาสามารถสรุปความหมายของ บทความวิจัย หมายถึง
บทความสรปุ ผลการศกึ ษาทเี่ ขยี นขึ้นจากรายงานวจิ ยั

3.2 องคป์ ระกอบของบทความวิจัย

องคข์ องบทความวจิ ัย ประกอบดว้ ย 5 ส่วนดังน้ี
ก) ส่วนหัวบทความวิจยั
ส่วนหัว (Heading) ของบทความวิจัยจะระบุช่ือเร่ืองงานวิจัย จะเป็นภาษาไทย

เพียงอย่างเดยี วหรือช่อื เร่อื งภาษาอังกฤษด้วยกจ็ ะสมบูรณ์มากข้นึ ถดั จากชอื่ หัวข้อเร่ืองงานวจิ ัย ให้ระบุ
ชื่อและนามสกุลผู้วิจัย โดยเขียนเฉพาะช่ือและนามสกุลเท่านั้น หากมีผู้วิจัยร่วมให้พิมพ์ต่อในบรรทัด
เดียวกัน และให้ใส่หมายเลขหลังนามสกุลของผู้วิจัยแต่ละคน เพ่ือบอกสถานศึกษาหรือสถานที่ทางาน
ตรงสว่ นทา้ ยบทความวิจัย

ภาพท่ี 9-3 ตวั อยา่ งส่วนหวั ของบทความวิจัย

จากภาพท่ี 9-3 เป็นตัวอย่างส่วนหัวของบทความวิจัยเร่ืองการพัฒนาชุดสับจ่ายฟิวส์สารอง
อัตโนมัติสาหรับระบบจาหน่ายไฟฟ้าแรงสูงโดยมีตัวเลขแสดงท้ายรายช่ือเพ่ือเป็นการบอกสถานภาพ
และหนว่ ยงานของผู้ดาเนินการจดั ทาบทความวิจัย

ข) บทคดั ย่อและคาสาคัญ
1) บทคัดย่อ (Abstract) เป็นส่วนสรุปย่องานวิจัยท้ังหมดไว้ในท่ีเดียวกัน (อาจมี

ความยาวไม่เกินคร่ึงหน้า A4) แต่ยังคงรายละเอียดที่สาคัญ ๆ ไว้ เช่น ปัญหา วัตถุประสงค์ เครื่องมือ
การทดลอง การวิเคราะหผ์ ล และการสรปุ ผล ผสู้ นใจอ่านบทคัดยอ่ แลว้ มองเห็นภาพรวมของงานวิจยั ได้

2) คาสาคญั (Keywords) เป็นการระบุคาท่ีใชเ้ พ่ือเปน็ สื่อสืบคน้ หรือเขา้ ถึง
บทความวิจยั ชุดนั้น ๆ คาสาคัญอาจเปน็ คาในชอ่ื เรอื่ งงานวจิ ยั หรอื สว่ นใดสว่ นหน่งึ งานวิจยั ซงึ่ อาจ
กาหนดไว้ 1-3 คากไ็ ด้

แบบฝกึ ทักษะการทาโครงการสาหรับการจดั การเรยี นการสอนวิชาโครงการ 1 รหัสวชิ า 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวิจยั 11

ภาษาไทยและ
ภาษาองั กฤษ

ภาพท่ี 9-4 ตวั อยา่ งบทคดั ย่อและคาสาคญั ของบทความวจิ ัย

จากภาพที่ 9-4 เป็นตัวอย่างบทคัดย่อและคาสาคัญของบทความของบทความวิจัยเรื่องการ
พัฒนาชุดสับจ่ายฟิวส์สารองอัตโนมัติสาหรับระบบจาหน่ายไฟฟ้าแรงสูงโดยประกอบด้วยบทคัดย่อ
ภาษาไทยและบรรทัดสุดท้ายเปน็ คาสาคญั เพ่อื การสบื ค้น หรอื เข้าถึงบทความวจิ ยั

ค) สว่ นเนือ้ หางานวจิ ัย
สว่ นเน้ือหางานวิจยั ท่ีจะเขยี นไวใ้ นบทความวิจยั มีอยู่ 3-4 ส่วนประกอบ เช่น บท

นา ทฤษฎีและงานวิจัยท่ีเกย่ี วขอ้ ง วธิ ดี าเนินการวิจยั โดยในแต่ละส่วนประกอบของเน้ือหางานวิจยั มี
หลักและวิธกี ารเขียนดังนี้

1) บทนา
ส่วนทีเ่ ปน็ บทนาจะกลา่ วถึงโดยย่อเพื่อใหเ้ ห็นภาพของความเป็นมาของปญั หา

หรือของงานวิจยั ท่จี ดั ทาขึ้นว่ามคี วามเป็นมาเป็นไปอย่างไร ในสว่ นท้ายของบทนาควรที่จะหรอื ควรจะ
สรปุ ทีว่ ่างานวิจยั น้ันทาเพื่ออะไรหรือมวี ตั ถุประสงค์อยา่ งไร

2) ทฤษฎีและงานวิจยั ทเ่ี กยี่ วข้อง
ทฤษฎีหรือเนื้อหาเร่ืองราวในส่ิงท่ีดาเนินการวิจัยมีอะไรบ้าง โดยสรุปให้เห็น

เฉพาะทฤษฎีท่ีเกี่ยวข้อง โดยอาจแยกออกเป็นหัวข้อย่อย ๆ ก็ได้ การเขียนจะต้องชี้ให้เห็นว่ามีความ
เก่ียวข้องอย่างไรกับเรื่องราวท่ีทาการวิจัย ส่วนงานวิจัยที่เก่ียวข้องน้ัน เป็นการศึกษาเพ่ือยืนยันให้เห็น
แนวทางการวจิ ัยน้ีวา่ เป็นไปในนาวทางที่ถูกต้องนา่ เช่อื ถือ

แบบฝึกทกั ษะการทาโครงการสาหรับการจดั การเรยี นการสอนวิชาโครงการ 1 รหสั วิชา 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวจิ ัย 12

3) วิธดี าเนินการวจิ ยั
เนื้อหาส่วนน้ีจะเป็นส่วนหลักส่วนหน่ึงก็ว่าได้ เพราะเป็นส่วนที่จะต้องให้

รายละเอียดที่ชดั เจน โดยจะกล่าวถงึ เครื่องมือทใี่ ช้ในการวิจัย แบบแผนการทดลองว่าดาเนนิ การอยา่ งไร
กลุ่มตัวอย่างเป็นอย่างไร เก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างไร ผลการวิเคราะห์ข้อมูลหรือในข้ันตอน
ตา่ ง ๆ ในการสรา้ งเครอ่ื งมอื การทดลองอาจใช้แผนภมู ิ กราฟ ตาราง ช่วยในการอธิบายก็ได้

ภาพท่ี 9-5 ตวั อยา่ งสว่ นเน้ือหางานวจิ ยั ของบทความวจิ ัย
จากภาพที่ 9-5 เป็นตัวอย่างส่วนเนื้อหางานวิจัยของบทความวิจัยวิจัยเรื่องการพัฒนาชุดสับ
จ่ายฟิวส์สารองอัตโนมัติสาหรับระบบจาหน่ายไฟฟา้ แรงสงู โดยรายละเอยี ดเน้อื หานิยมแบ่งหน้าออกเป็น
2 คอลมั น์

ง) บทสรุป
บทสรุปเป็นการสรุปผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ที่ได้กาหนดไว้ บทสรุปอาจ

แยกเป็นสรุปผลการวิจัย อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ เช่นเดียวกับรูปแบบวิทยานิพนธ์ก็ได้ ท่ีสาคัญ
ส่วนบทสรุปนีจ้ ะชว่ ยแกป้ ญั หา ชว่ ยในการพัฒนา หรือไดอ้ งคค์ วามรตู้ ามอา้ งในบทนาหรือไม่

แบบฝึกทักษะการทาโครงการสาหรบั การจดั การเรยี นการสอนวิชาโครงการ 1 รหัสวิชา 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวจิ ัย 13

ภาพที่ 9-6 ตวั อย่างบทสรปุ ของบทความวิจยั
จากภาพที่ 9-6 เปน็ ตัวอยา่ งส่วนบทสรุปของบทความวิจยั เรอื่ งการพฒั นาชุดสับจา่ ยฟิวส์สารอง
อัตโนมัติสาหรับระบบจาหน่ายไฟฟ้าแรงสูงโดยรายละเอียดของบทสรุปนิยมแบ่งหน้าออกเป็น 2
คอลัมนเ์ ช่นเดียวกับสว่ นเน้ือหา

จ) เอกสารอ้างอิง
การอ้างอิงเอกสารงานวิจัย หรือสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ให้ดาเนินการตามรูปแบบใด

รูปแบบหน่ึง เพ่ือการทาความเข้าใจได้ง่าย หรือเป็นไปตามข้อกาหนดของวารสารวิชาการฉบับนั้น ที่
กาหนดรปู แบบและวธิ กี ารอ้างอิงเอาไว้

ภาพที่ 9-7 ตัวอยา่ งการเขียนเอกสารอา้ งองิ ของบทความวจิ ัย
จากภาพท่ี 9-7 เป็นตัวอยา่ งการเขยี นเอกสารอา้ งอิง ของบทความวิจัยเรอ่ื งการพฒั นาชุดสับ
จา่ ยฟวิ ส์สารองอัตโนมัติสาหรับระบบจาหน่ายไฟฟา้ แรงสูงโดยรายละเอยี ดของรูแบบของการอ้างอิงให้
ยดึ ตามรปู แบบทห่ี น่วยงานกาหนดสว่ นการเขียน นิยมแบง่ หนา้ ออกเปน็ 2 คอลมั น์

แบบฝึกทักษะการทาโครงการสาหรบั การจดั การเรียนการสอนวิชาโครงการ 1 รหัสวิชา 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวิจัย 14

แบบฝกึ ทักษะท่ี 9-1

คำส่ัง ให้นักศึกษานาเสนอผลการวิจัยในรูปแบบสื่อเพาเวอร์พอยต์ (ที่ได้มอบหมายให้ไปทานอกชั้น
เรียนล่วงหน้า) ให้ครบตามหัวข้อที่กาหนดและเหมาะสมกับเวลาและนาเสนอหน้าช้ันเรียนกลุ่ม
ละ 15 นาทีเรียน และให้เพ่ือนร่วมประเมินผลการนาเสนอและร่วมกันสรุปผลพร้อมให้
ขอ้ เสนอแนะ

แบบฝึกทักษะการทาโครงการสาหรับการจดั การเรยี นการสอนวิชาโครงการ 1 รหัสวิชา 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวจิ ยั 15

แบบฝกึ ทกั ษะที่ 9-2

คำสั่ง ให้นักศึกษาฝึกเขียนบทความวิจัยจากรายงานการวิจัยที่จัดทาในแบบฝึกที่ 8-1 และสรุปหน้าชั้น
เรียน และใหเ้ พ่อื นรว่ มประเมนิ ผลการนาเสนอและรว่ มกนั สรุปผลพรอ้ มใหข้ ้อเสนอแนะ

แบบฝกึ ทกั ษะการทาโครงการสาหรบั การจดั การเรียนการสอนวิชาโครงการ 1 รหัสวชิ า 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวิจัย 16

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ชดุ ท่ี 9
กำรเขียนรำยงำนกำรวิจัย

คำช้แี จง
1. แบบทดสอบเรื่องการนาเสนอผลการวิจัย เป็นแบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ
4 ตัวเลอื ก จานวน 10 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน 10 นาที
2. แต่ละข้อมีคาตอบที่ถูกท่ีสุดเพียงคาตอบเดียว แล้วกาเคร่ืองหมายกากบาท (X) ลงใน
ช่อง  ในกระดาษคาตอบ

1. การนาเสนอผลงานวิจัยดว้ ยโปรแกรมเพาเวอร์พอยต์ตอ่ อาจารยท์ ี่ปรึกษาโครงการเปน็ การ
นาเสนอรูปแบบใด
ก. การนาเสนอโปสเตอร์ (Poster Presentation)
ข. การนาเสนอดว้ ยวาจา (Oral Presentation)
ค. การนาเสนอผลงานวิจัยด้วยการตีพิมพ์
ง. การนาเสนอผลงานวิจยั แบบไมเ่ ป็นทางการ

2. ข้อใดคอื รปู แบบการนาเสนอผลการวิจัยโดยใชแ้ ผน่ ภาพประมาณ 1 ตารางเมตรเปน็ สอ่ื
ก. การนาเสนอโปสเตอร์ (Poster Presentation)
ข. การนาเสนอดว้ ยวาจา (Oral Presentation)
ค. การนาเสนอผลงานวจิ ยั ดว้ ยการตพี ิมพ์
ง. การนาเสนอผลงานวิจัยผ่านเครือข่ายอินเตอรเ์ น็ต

3. ขอ้ ใดคือหลักในการเขยี นบทความวจิ ยั
ก. ระบสุ ารบัญภาพ สารบญั ตารางใหค้ รบถ้วน
ข. เขียนตามรูปแบบทีก่ าหนดไม่น้อยกวา่ 50 หนา้
ค. ไม่ต้องมกี ารแสดงขอ้ เสนอแนะเน่ืองจากผลการวจิ ัยประสบผลสาเรจ็ แล้ว
ง. ใสห่ มายเลขหลงั นามสกุลของผวู้ จิ ยั ในส่วนหัวบทความวิจัย เพื่อบอกสถานภาพนักวิจัย

4. ข้อใดคอื รปู แบบการนาเสนอผลการวิจยั โดยใช้บทความวิจัยในวารสารวชิ าการ
ก. การนาเสนอโปสเตอร์ (Poster Presentation)
ข. การนาเสนอดว้ ยวาจา (Oral Presentation)
ค. การนาเสนอผลงานวิจยั ดว้ ยการตีพิมพ์
ง. การนาเสนอผลงานวจิ ยั ผา่ นเครือข่ายอินเตอรเ์ นต็

แบบฝึกทกั ษะการทาโครงการสาหรบั การจดั การเรียนการสอนวิชาโครงการ 1 รหสั วชิ า 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวิจยั 17

5. ขอ้ ใดคือรปู แบบการนาเสนอผลการวิจยั โดยการนาเสนอผลงานตอ่ ท่ปี ระชมุ โดยมีการซักถาม
และให้ข้อเสนอแนะเพมิ่ เติม
ก. การนาเสนอโปสเตอร์ (Poster Presentation)
ข. การนาเสนอด้วยวาจา (Oral Presentation)
ค. การนาเสนอผลงานวิจัยดว้ ยการตีพิมพ์
ง. การนาเสนอผลงานวิจยั ผ่านเครือขา่ ยอินเตอรเ์ น็ต

6. ข้อใดคอื ความหมายของบทความวจิ ยั
ก. รายงานวจิ ยั 5 ฉบับสมบรู ณ์
ข. บทความทีเ่ ขียนข้ึนจากองค์ความรู้ทางวชิ าการ
ค. บทความทีม่ เี ฉพาะบทคัดย่อ
ง. บทความสรุปผลการศกึ ษาท่เี ขยี นขึ้นจากรายงานวิจัย

7. ขอ้ ใดคือคือองค์ประกอบของบทความแสดงแหล่งทีใ่ ชค้ น้ ควา้ วิจัย
ก. สว่ นหวั บทความวจิ ยั
ข. เอกสารอา้ งองิ
ค. สว่ นสารบัญ
ง. บทคดั ย่อและคาสาคัญ

8. ขอ้ ใดมใิ ชอ่ งคป์ ระกอบของบทความวิจัย
ก. ส่วนหัวบทความวิจยั
ข. เอกสารอ้างองิ
ค. สว่ นสารบัญ
ง. บทคัดย่อและคาสาคญั

9. ข้อใดคือองคป์ ระกอบของบทความท่แี สดงช่ือหรือหน่วยงานผูว้ ิจยั
ก. ส่วนหวั บทความวิจยั
ข. เอกสารอา้ งองิ
ค. สว่ นสารบัญ
ง. บทคดั ย่อและคาสาคัญ

10. ขอ้ ใดคอื คือองค์ประกอบของบทความที่แสดงระบุวธิ ดี าเนินการวจิ ัย
ก. ส่วนหัวบทความวจิ ัย
ข. ส่วนเน้ือหางานวิจยั
ค. ส่วนบทสรุป
ง. ส่วนท้ายวิจยั

แบบฝกึ ทักษะการทาโครงการสาหรบั การจดั การเรยี นการสอนวิชาโครงการ 1 รหัสวชิ า 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวิจยั 18

บรรณำนกุ รม

ยุพา วรี ะไวทยะ และปรยี า นพคณุ . สอนวทิ ยำศำสตรแ์ บบมอื อำชีพ. กรงุ เทพมหานคร :
มูลนธิ สิ ดศรสี ฤษดิ์วงศ์, 2544.

ลัดดาวลั ย์ เพชรโรจน์ และอจั ฉรา ชานิประศาสน.์ ระเบียบวิธีกำรวิจัย. กรงุ เทพมหานคร : พมิ พ์
ดีการพมิ พจ์ ากัด, 2547.

วรรณทิพา รอดแรงคา้ . กำรสอนวิทยำศำสตรท์ ีเ่ ปน็ ทักษะกระบวนกำร. กรงุ เทพมหานคร : สถาบนั
พัฒนาคณุ ภาพวิชาการ, 2540.

วรรณทพิ า รอดแรงคา้ และพมิ พนั ธ์ เดชะคุปต.์ กำรพฒั นำกำรคิดของครดู ว้ ยกจิ กรรมทกั ษะ
กระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์. พมิ พ์ครั้งท่ี 2. กรุงเทพมหานคร : บริษัทเดอะมาสเตอร์กรปุ๊
แมนเนเจอรจ์ ากัด, 2542.

วมิ ลศรี สุวรรณรัตน์ และมาฆะ ทิพยศริ ิ. โครงงำนวิทยำศำสตร์. กรุงเทพมหานคร : สถาบนั พัฒนา
คุณภาพวชิ าการ, 2542.

นายศุภชัย สาราญ และคณะ. โครงงำนวทิ ยำศำสตร์ขำตั้งนริ ภัย. สุราษฎร์ธานี : วิทยาลยั เทคนิค
สุราษฎรธ์ าน,ี 2551.

สมจิตร รตั นฤทยั . คู่มอื กำรนเิ ทศเชิงปฏบิ ัตกิ ำรกำรสอนโครงงำนวทิ ยำศำสตรต์ ำมแนวคิด
Constructivism. หน่วยศึกษานิเทศก,์ กรมอาชวี ศึกษา, ม.ป.ป.

สวุ ทิ ย์ มูลคา และอรทัย มูลคา. 20 วิธีกำรจดั กำรเรียนรู้. พิมพค์ รั้งที่ 3. กรงุ เทพมหานคร :
ห้างห้นุ ส่วนจากดั ภาพพิมพ์, 2545.

แบบฝกึ ทักษะการทาโครงการสาหรบั การจดั การเรียนการสอนวิชาโครงการ 1 รหสั วชิ า 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวิจยั 19

ภำคผนวก

แบบฝึกทกั ษะการทาโครงการสาหรบั การจดั การเรยี นการสอนวิชาโครงการ 1 รหสั วชิ า 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวิจยั 20

แบบเฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรยี น

ก่อนเรียน หลังเรียน

ขอ้ ท่ี คาตอบ ข้อที่ คาตอบ
1ก 1ข
2ค 2ก
3ข 3ง
4ข 4ค
5ง 5ข
6ค 6ง
7ก 7ข
8ข 8ค
9ข 9ก
10 ง 10 ข

แบบฝึกทักษะการทาโครงการสาหรบั การจดั การเรยี นการสอนวิชาโครงการ 1 รหัสวชิ า 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวิจยั 21

แบบประเมิน
สำหรบั แบบฝึกทักษะที่ 9-1

คำช้แี จง คะแนนเตม็ 10 คะแนน
เกณฑ์การให้คะแนนพิจารณาจาก
1. ทกุ คนในกลุม่ มีส่วนร่วมในการทากิจกรรม
2. ส่อื เพาเวอร์พอยต์มีความสวยงาม/ตวั หนังสือ/ภาพเคล่อื นไหวเหมาะสม
3. บคุ ลิกภาพและวธิ ีการนาเสนอเหมาะสม
4. เวลาในการนาเสนอเปน็ ไปตามทกี่ าหนด
5. ส่งงานภายในเวลาทกี่ าหนด

กลุ่มท.่ี ..........สมาชิกในกลมุ่ 1………………………………………………2…………………………………………………
3…………………………….…………………..4……………………………………………….

คะแนน เกณฑ์การพิจารณา ผลการประเมิน หมายเหตุ
9 - 10 มีครบสมบรู ณ์ทั้ง 5 รายการ
7 - 8 มีครบสมบรู ณ์ 4 รายการ
5 - 6 มคี รบสมบรู ณ์ 3 รายการ
3 - 4 มีครบสมบูรณ์ 2 รายการ
1 - 2 มีครบสมบูรณ์ 1 รายการ

0 ไมจ่ ัดทา ไมม่ ีงานส่ง

สรปุ คะแนนที่ได.้ .........................คะแนน ลงชอ่ื ผู้ประเมิน.............................................................

แบบฝกึ ทักษะการทาโครงการสาหรับการจดั การเรยี นการสอนวิชาโครงการ 1 รหสั วชิ า 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวิจัย 22

แบบประเมิน
สำหรบั แบบฝกึ ทกั ษะที่ 9-2

คำช้แี จง คะแนนเตม็ 10 คะแนน
เกณฑ์การให้คะแนนพิจารณาจาก
1. ทุกคนในกลุ่มมสี ว่ นรว่ มในการทากจิ กรรม
2. ขอ้ มลู ครบถว้ นตามท่กี าหนด
3. รูปแบบการจัดทาเป็นไปตามทกี่ าหนด
4. รายละเอยี ดขอ้ มลู แต่ละส่วนมคี วามถูกต้อง
5. สง่ งานภายในเวลาท่ีกาหนด

กลมุ่ ท.่ี ..........สมาชกิ ในกลุ่ม 1………………………………………………2…………………………………………………
3…………………………….…………………..4……………………………………………….

คะแนน เกณฑ์การพจิ ารณา ผลการประเมิน หมายเหตุ
9 - 10 มคี รบสมบรู ณ์ทั้ง 5 รายการ
7 - 8 มคี รบสมบรู ณ์ 4 รายการ
5 - 6 มคี รบสมบรู ณ์ 3 รายการ
3 - 4 มีครบสมบรู ณ์ 2 รายการ
1 - 2 มีครบสมบูรณ์ 1 รายการ

0 ไม่จดั ทา ไมม่ ีงานสง่

สรุป คะแนนที่ได.้ .........................คะแนน ลงช่อื ผูป้ ระเมนิ .............................................................

แบบฝึกทกั ษะการทาโครงการสาหรบั การจดั การเรียนการสอนวิชาโครงการ 1 รหสั วิชา 3101-8502

9 การนาเสนอผลการวิจยั 23

แบบสังเกตพฤตกิ รรมแตล่ ะแบบฝึก
เกณฑ์การให้คะแนนพฤตกิ รรมคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 12 คะแนน
ช่ือ......................................................................ห้อง......................กลุ่มท.่ี ................

รายการประเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน
1. ความมมี นษุ ยส์ ัมพนั ธ์ 3 = มคี รบทงั้ 3 รายการ
2 = มี 2 รายการ
ก. ใหค้ วามร่วมมือในการทางาน 1 = มี 1 รายการ
ข. แสดงความคดิ เหน็ 0 = ไมม่ ีทกุ รายการ
ค. ยอมรับฟงั ความคดิ เหน็ ของคนอ่ืน

2. ความรบั ผิดชอบ 3 = มคี รบทั้ง 3 รายการ

ก. ทางานตามที่ไดร้ บั มอบหมาย 2 = มี 2 รายการ

ข. เก็บรกั ษาวสั ดุ อุปกรณ์เปน็ ระเบียบ 1 = มี 1 รายการ

ค. ทางานเสรจ็ ตามที่กาหนดและส่งงานตรงเวลา 0 = ไมม่ ีทุกรายการ

3. ความสนใจใฝ่รู้ 3 = มคี รบทง้ั 3 รายการ
ก. มคี วามกระตือรือรน้ คลอ่ งแคล่วในการทา 2 = มี 2 รายการ
กจิ กรรม 1 = มี 1 รายการ
ข. สนใจศึกษาเนื้อหาใบความรทู้ แ่ี จกให้ 0 = ไม่มที ุกรายการ
ค. ซักถามขอ้ สงสัยตา่ งๆ

4. ความคดิ สรา้ งสรรค์ 3 = มีครบทง้ั 3 รายการ
ก. อภิปรายผลการทดลองอยา่ งสร้างสรรค์ 2 = มี 2 รายการ
ข. แสดงความคดิ เหน็ ทเี่ ปน็ ประโยชน์ 1 = มี 1 รายการ
ค. มีวิธีการในการแกป้ ญั หาที่เกดิ ขึ้นขณะทา 0 = ไมม่ ที กุ รายการ
กิจกรรม

แบบฝกึ ทักษะการทาโครงการสาหรบั การจดั การเรียนการสอนวิชาโครงการ 1 รหสั วิชา 3101-8502


Click to View FlipBook Version