The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Template E-book อบรมCBMC_25-31-1-2565 ทัศนีย์ รัตตะฤทธิ์ ห้อง 8

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pairin119, 2022-02-03 09:28:21

Template E-book อบรมCBMC_25-31-1-2565 ทัศนีย์ รัตตะฤทธิ์ ห้อง 8

Template E-book อบรมCBMC_25-31-1-2565 ทัศนีย์ รัตตะฤทธิ์ ห้อง 8

แผนธุรกจิ เพ่ือชุมชนสําหรบั ผลติ ภัณฑ/์ สินคา้ :
ฐานโมเดล และแปรรปู ไมจ้ ากไมพ้ าเลท

ชอ่ื เจ้าของแผนธรุ กิจเพอ่ื ชมุ ชน:
นางทัศนีย์ รัตตะฤทธิ์

ท่ีอยปู่ จั จบุ ัน 79/1 หมู่11 ตําบล สีค้ิว อําเภอสคี ้ิว จังหวัดนครราชสีมา 30240

หลักสูตร การจดั ทาํ แผนธุรกิจเพื่อชุมชน
(Community Business Model Canvas: CBMC)

ระหวา่ งวนั ที่ 25 – 30 มกราคม 2565

การเตรียมตัวก่อนเรียน “เราจะมีความเปน็ เอกภาพบนความหลากหลาย”
1. ศึกษากําหนดการ อย่างละเอยี ด
2. เตรียมสินค้าของท่าน ตัวท่ีคิดว่าโดดเด่นท่ีสุดไว้ประกอบการเรียน เป็นสินค้าตัวเอกของท่านเพียงตัว
เดยี วก่อนส่วนสินคา้ ตวั อ่นื ๆทุกตัวของทา่ นจะถูกนาํ มาใช้ในวนั ท่ี 2 ของการเรยี น
3. การเรียนการสอนออนไลน์ผ่านกลุ่มไลน์ใช้ “ห้องเรียน CBMC รุ่น U2T อีสาน”เป็นห้องเรียนกลาง
การเรียนเน้นที่การอ่านคําบรรยายพร้อมโจทย์การบ้านของแต่ละวัน ได้ตั้งแต่ 6-8 โมงเช้าที่ห้องเรียน
กลาง หลังจากน้ัน ท่านสะดวกเวลาไหน ก็เขียนคําตอบส่งเข้าในห้องเรียนย่อยของท่าน โดยจะมีพี่
เล้ียงคอยอยู่ดูแล และให้คําแนะนําท่านตลอดท้ังวัน และท่านจะมีเพ่ือน 40 กว่าท่านในห้อง มีครูพ่ี
เล้ยี งประจํากลุม่ ประมาณ 3-5 ทา่ น
ท่านต้องเข้าห้องเรียนกลาง เพื่อทําความรู้จักมักคุ้นทําความเข้าใจวิธีเรียน ตารางการเรียน ให้เสร็จ

อย่างช้า ตอนเย็นกอ่ นวนั เรยี น 1 วัน ทกุ คนต้องเข้ากลุม่ อา่ นกติกา ทาํ ความเขา้ ใจ หลกั สตู ร พรอ้ มเรียนในเชา้
วนั ท่ี 25 มกราคม 2565
บรรยาย 1.1 "แผน ลดรายจ่าย เพ่ิมรายได้ ขยายกจิ การ คอื อะไร?"

ลูกค้าคือผู้จ่ายตังค์ ลูกค้าคือผู้ท่ีทําให้เราได้ตังค์ เราทําของมาขาย ก็คงอยากขายได้เยอะๆ ขายได้
สม่ําเสมอ ขายได้ตลอดไป จะขายได้เยอะๆ ก็ต้องมีลูกค้าเยอะๆ จะขายได้สมํ่าเสมอก็ต้องมีลูกค้าประจํา จะ
ขายได้ตลอดไป ก็ต้องมี 'ลูกค้าประจําเยอะๆ' ลูกค้าประจําเยอะๆน่ีแหละ คือ (heart) หัวใจของการ "เพิ่ม
รายได้ ขยายกิจการ" แล้วเราจะหาลูกค้าประจําเยอะๆได้อย่างไร? วิธีง่ายๆก็คือ ลองย้อนดูตัวเราเองเรา "ติดใจ
"สินค้า หรือบริการของร้านใดร้านหน่ึง เราก็มักกลับไป "ซื้อซ้ํา" สินค้า หรือบริการของร้านนี้เท่าน้ันยังไม่พอ
เรายังช่วย 'บอกต่อ' ให้คนอื่นมาซ้ืออีกด้วย! เรา 'ติดใจ' เรา 'ซ้ือซ้ํา' เรา 'บอกต่อ' = เราเป็นลูกค้าประจํา
#ของร้านน้ี ในทางกลับกัน เม่ือเราเป็นคนขาย ถ้าทําให้ ลูกค้า "ติดใจ ซ้ือซ้ํา บอกต่อได้ " ก็เท่ากับ เราหา
ลูกค้าประจําได้แล้ว(!) ลูกค้าประจํา เม่ือเขาติดใจ หรือ ประทับใจเรา เรามีสินค้าอ่ืนๆ เขาก็มักจะเลือกซื้อ
สินค้าตัวดังกล่าว จากร้านเราก่อนร้านอ่ืน ดังน้ัน ถ้าเรามีแผนท่ีดีในการที่จะทําให้เกิดกลุ่มลูกค้าประจําเพิ่มขึ้น
เร่ือยๆ นอกจากเราจะขายสินค้าตัวเอกได้มากข้ึนเร่ือยๆแล้ว สินค้าตัวอื่นๆของเราก็ยังจะขายให้ลูกค้าประจํา
กลุ่มนี้ได้อีก แผนที่ว่านี้ จึงทําให้เรามีรายได้เพ่ิมข้ึนเร่ือยๆ เพ่ิมเป็นทวีคูณ และยาวนาน ตราบเท่าที่เรารักษา
ลูกค้าประจําไว้ได้อย่างดี แผน 9 ข้อ 5 ช่อง ก็คือแผนการเพิ่มลูกค้าประจํานั่นเอง การที่เรา "ลงเงิน" ตํ่าแต่
ผลิตสินค้าคุณภาพดี เป็นอีกหัวใจ(heart) ที่ทําให้เราขายสินค้าคุณภาพดีในราคาที่แข่งขันได้ เป็นอีกจุดหน่ึงท่ี
ทําให้ใครๆก็อยากซื้อ อยากมาเป็นลูกค้าประจําของเรา แผน 9 ข้อ 5 ช่อง ก็จึงเป็นท้ัง แผนลดรายจ่าย และ
แผนเพ่ิมรายได้ ขยายกิจการ ในแผนเดียวกัน งั้นมาทําความรู้จัก แผน 9 ข้อ กับ 5 ช่องกันดีกว่าว่ามันเป็น
อย่างไร 9 ข้อ คือ แนวความคิดหรือแนวทาง ในการเพิ่มลูกค้าประจํา มีอยู่ 9 เรื่อง เรียกสั้นๆว่า 9 ข้อ แบ่ง
ออกเป็น 2 ชุด 5 ข้อแรก เรียกว่า แนวทางการตลาด บันได4ขั้น (cbmc ข้อท่ี 1 - 4 ) และแนวทางการเพ่ิม
รายได้ ขยายกิจการ (cbmc ข้อท่ี 5) 4 ข้อหลัง เรียกว่า แนวทางการจัดทําแผนดําเนินงาน 6 เดือน/1ปี/3ปี
ประกอบด้วย cbmc ข้อที่ 6 คือ กิจกรรมหมวดสําคัญๆที่ต้องทําให้เกิดรายได้ ขยายกิจการและกิจกรรมย่อย
เพ่ือจัดทําแผน 5 ช่อง (แผน 3 เดือน 6 เดือน) cbmc ข้อที่ 7-9 คือ กิจกรรมการบริหารทุนให้ใช้เงินน้อยที่สุด
เพื่อลดรายจ่ายอย่างได้คุณภาพ คําว่า "5 ช่อง" คือตารางที่บอกว่า ต้องทําอะไร ใครรับผิดชอบ เสร็จเม่ือไร

บริหารทุนอย่างไร เรียกเป็นภาษาธุรกิจว่า แผนดําเนินงาน แผน 9 ข้อ 5 ช่องนี้ เรียกว่า แผนธุรกิจเพื่อชุมชน
ภาษาอังกฤษคือ Community Business Model Canvas ; ชื่อย่อคือ CBMC นั่นเอง ดู ภาพ 9 ข้อ 5 ช่อง
ประกอบ ท้ายบรรยาย ลักษณะเฉพาะของ cbmc 1) ชาวบ้านทําได้ ใช้เป็น 2) ใช้สิ่งรอบตัวมาเป็นสินค้าและ
บริการ เพื่อเพ่ิมรายได้ขยายกิจการ (cbmc ข้อ 5 7 และ 8) 3) ใช้โทรศัพท์มือถือ ให้เกิดประโยชน์ (cbmc ข้อ
1-4) 4) ใช้หน่ึงสมองสองมือ การร่วมแรงร่วมใจ เป็นการลดรายจ่าย ขยายกิจการ (cbmc ข้อ 7 และ 8) 5) มี
แผน5 ช่อง เป็นตัวกํากับ ให้เกิดการบริหารแบบมืออาชีพ 6) เหมาะสําหรับคนที่ เอาจริง ไม่ผลัดวันประกัน
พรุ่ง ไม่ท้อแท้ ไม่กลัวการเปล่ียนแปลง ใส่ใจความผาสุกร่วมกันถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน และ7) ท้ัง 9 ข้อ กับ 5 ช่อง
ทุกขอ้ ล้วนสัมพนั ธ์กันอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ถา้ ตดิ กระดุมเม็ดแรกผดิ กจ็ ะเหมือนรถไฟตกราง
บรรยาย 1.2 แนวทางการตลาด บันได 4 ขัน้ สู่ "ติดใจ ซอ้ื ซํา้ บอกต่อ" (cbmc ขอ้ 1-4)

เร่ืองเล่าก่อนเข้าเรื่อง การเป็นสาวคู่แฝดหน้าตาดีไปไหนใครเห็นก็โดดเด่นสะดุดตาคนพี่นิสัยออก
หวานๆเรียบร้อย คนน้องออกไปทางสาวเปร้ียว คนพี่มี 'ความอ่อนหวาน' เป็นเสน่ห์ คนน้องมี 'ความเปรี้ยว'
เป็นเสน่ห์ ความมีเสน่ห์ท่ี "แตกต่าง" กันน้ีเอง ย่อม 'โดนใจ' ชายหนุ่มที่มี 'รสนิยมต่างกัน' กลุ่มหนึ่ง ชอบสาว
หวาน อีกกลุ่มชอบสาวเปรี้ยวผู้ชายกลุ่มท่ีชอบสาวหวาน ก็มีสเปค (spec) แบบหนึ่ง เช่น ทํางานoffice ชอบ
อ่านหนังสือ เป็น family man อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับสาวหวาน ฯลฯ ผู้ชายที่ชอบสาวเปร้ียวก็มีสเปค
เป็นอีกแบบหน่ึง เช่น ชอบเที่ยว ชอบดนตรี แต่งตัวตามแฟช่ัน ออกเจ้าชู้ อายุ 20 - 60 (เฒ่าหัวงู) ฯลฯ จะเห็น
ว่า 1) สองสาวโดดเด่นเหมือนกัน 2) แต่เสน่ห์ 'แตกต่าง' กันชัดเจน 3) จึง 'โดนใจ'กลุ่มเป้าหมาย ท่ีมีรสนิยม
ต่างกัน ความมีเสน่ห์ที่แตกต่างกําหนด 'ความโดนใจ' ต่อกลุ่มชายหนุ่มที่มีรสนิยมแตกต่างกันตามไปด้วย ถ้า
เป็นสินค้า ก็เรียกว่า 'กลุ่มลูกค้าเป้าหมายคนละกลุ่มกัน' ถ้าเราค้นหาจนเจอว่า สินค้าตัวเด่นหรือตัวเอกของเรา
มีเสน่ห์ที่แตกต่างจากสินค้าแบบเดียวกันของร้านอื่นอย่างไร และเราค้นจนเจอความแตกต่างน้ันอย่างละเอียด
เท่ากับ เราได้ลํ้าหน้าคู่แข่งไปก้าวหน่ึง โอกาสที่ลูกค้าจะสนใจเรามากกว่าร้านอ่ืนจึงสูง แต่..แต่ ! ถ้าลืมนึกว่า
เสน่ห์คนละแบบย่อม โดนใจกลุ่มลูกค้า คนละกลุ่ม ถ้าเผลอเอาสินค้าเสน่ห์สาวหวาน ไปขายให้กลุ่มลูกค้าที่
ชอบเสน่ห์แบบสาวเปรี้ยว แบบนี้ก็คงตกม้าตาย แต่ถ้าเอาสินค้าเสน่ห์สาวเปร้ียวเสนอขายกลุ่มลูกค้าท่ีชอบ
เสน่ห์สาวเปร้ียว แบบน้ี เจอปุ๊บ ซื้อป๊ับแน่นอน การค้นหา เสน่ห์ที่แตกต่างของสินค้า 'อย่างละเอียด' และการ
ค้นหารสนิยมเฉพาะ 'อย่างละเอียด' ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จึงเป็นสองจุดเร่ิมต้นของความสําเร็จที่สําคัญ
ของกิจการเล็กๆแบบบ้านนอกอย่างเราเรา

เข้าเรื่องแนวทางการตลาด cbmc มีบันได 4 ข้ันเพื่อผูกใจให้เกิดกลุ่มลูกค้าประจําเพ่ิมขึ้นๆๆ ข้ันที่ 1
ค้นหาเสน่ห์สินค้าตัวเอกของเรา เพ่ือดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมาเป็นลูกค้าประจํา (cbmc ข้อที่ 1) ข้ันที่ 2
ค้นหาสเปคของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อเจอปุ๊บซื้อป๊ับ (cbmc ข้อท่ี 2) ขั้นท่ี 3 ช่องทางส่ือสารถึงกลุ่มลูกค้า
เป้าหมายให้สนใจเสน่ห์สินค้าตัวเอก เปิดการขาย ปิดการขาย (cbmc ข้อท่ี3) ขั้นท่ี 4 บริการประทับใจ ก่อน
และหลังการขาย เพื่อได้ใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ให้มาเป็นลูกค้าประจําหรือแฟนคลับแบบ 'ติดใจ ซื้อซํ้า บอก
ต่อ' (cbmc ขอ้ ที่ 4)

ข้อคิดชวนคุย 1 กลยุทธ์การตลาดสําหรับปลาเล็ก วันน้ี เราลงมือทําแนวทางการตลาด 4 ข้ันกัน
เราลองมาทบทวนชีวิตจริงของเราดูกันไหน (???) ว่า ทําไมเราขายอะไรมันก็ไม่รุ่ง พอหน่วยงานมาสนับสนุน ก็
พอขายได้ พอเขาถอนตัวเราก็ 'ร่วง' หน่ึงในความไม่รุ่งของพวกเรา คือคําว่า "ตลาดหรือเปล่า?" เราคงคุ้นกับ

เสียงบ่น "ไม่มีตลาดๆ...." หน่วยงานก็ออกเงินออกทองให้เรา ขนของไปขายท่ีโน่นท่ีน่ี พอกลับมาบ้านก็ได้ยิน
เสียงเดิม ไม่มีตลาดๆๆ .... ของก็กองอยู่เต็มบ้าน หรือแท้จริง ตลาดมันมี แต่ไม่ใช่ตลาดของธุรกิจเพ่ือชุมชน
อย่างเราเรา เอาละ (!) ลองอ่านต่อไปดูครับ อาจมีคําตอบ! ตลาดมี 2 แบบ 1) ขายให้กับคนทั่วไป เอาปริมาณ
มากๆไว้ก่อน เรียกว่า mass market หรือกลุ่มลูกค้าท่ัวไป การตลาดแบบนี้ ธุรกิจเอกชนทั่วไปเก่ง ชาวบ้าน
อย่างพวกเราก็คุ้นชิน ถ้านึกถึงคําว่า 'ตลาด' เราก็จะนึกว่า ตลาดมีแบบนี้แบบเดียว อีกอย่างเราก็ถูกสอนให้ทํา
ตลาดแบบน้ีมาตลอด (?) Mass market ภาคเอกชนใหญ่เขาจะรู้ว่า คนส่วนใหญ่ต้องการอะไรก็ผลิตทีละมาก
ๆมาขาย ต้นทุนเขาก็ถูก ราคาก็จูงใจกว่าพวกเราชาวบ้านเบ้ียน้อยหอยน้อย แต่อยากรวยก็ทําตามผลิตตาม
ขายตาม "เห็นช้างขี้ ก็ข้ีตามช้าง" อะไรทํานองน้ันก็แพ้แน่นอน และแพ้พังมาตลอด เช่น ทํายาสระผม สบู่
น้ํายาล้างจาน ฯลฯ มารู้จักตลาดอีกแบบ 2) ตลาดอีกแบบ เรียกว่า "ตลาดเฉพาะกลุ่ม" เรียกว่า Niche
Market 'ตลาดลูกค้าเฉพาะกลุ่มตามรสนิยม' คือรู้ว่า ลูกค้ากลุ่มนี้มีรสนิยมแบบไหน ชอบอะไร เราก็ผลิตสินค้า
ที่มีเสน่ห์ตรงกับความต้องการตามรสนิยมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเหมือนที่เรากําลังฝึกทํากันอยู่วันนี้ ไม่ต้อง
ผลิตจํานวน มากๆ ไม่ต้องยิงปืนทําตลาดแบบสะเปะสะปะ คือ ยิงนัดเดียวเข้าเป้าเลย กิจการเล็กๆแบบ
ชาวบ้าน มีลักษณะเฉพาะถ่ิน (heart shaped box)ทําให้สินค้ามีความโดดเด่นแตกต่างตามไปด้วย บ้านนอกมี
อัธยาศัยไมตรี ทําให้ เด่นเร่ืองการบริการ เม่ือนําภูมิปัญญาพื้นถิ่น ซึ่งแน่นอนว่าต่างจากถิ่นอื่นมาใช้ ก็สามารถ
สร้างความแตกต่าง เฉพาะลงไปได้อีก มีโทรศัพท์มือถือ นําความรู้สากลมาเพ่ิมเสน่ห์ สินค้าพื้นถ่ินได้ มี
หน่วยงานมากมายมาส่งเสริมด้านเทคนิควิทยาการที่หลากหลายเหล่านี้ คือจุดแข็งของบ้านนอกตลาดเฉพาะ
กลุ่มจึงเป็นช่องทางชนะของธุรกิจเพื่อชุมชน cbmc จึงเน้น ผลิตสินค้าที่ "เราถนัดขายให้กับกลุ่มลูกค้าขา
ประจําเป็นสําคัญ " โดยเน้นเสน่ห์ท่ีตอบโจทย์ตอบใจรสนิยมเฉพาะของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งลูกค้าปัจจุบัน
และลกู ค้าท่ีจะเพิม่ เตมิ มาในอนาคตนใ่ี ชท่ างรอด ทางรวยของบ้านนอกใช่หรือเปลา่ (!)

ข้อคิดชวนคุย 2 เสน่ห์ของสินค้าในสายตาลูกค้า ย่อมต่างจากสายตาคนขายลูกค้าจะซ้ือสินค้าหรือ
บริการท่ีโดนใจรู้สึกคุ้มค่าจึงยอมจ่ายผู้ขายมักเข้าข้างตัวเองว่าของเราดีอย่างโน้น ดีอย่างนั้น คนซ้ือต้องซื้อแน่ๆ
เพราะของฉัน เจ๋ง การหลงตนเอง มักจะพาเจ๊ง! การจะค้นหาเสน่ห์ของสินค้าและบริการของเรา ต้อง มองจาก
ผู้ซ้ือแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา คือ ถ้าเราเป็นเขา (ลูกค้า) เราจะซื้อไหม! ถ้าตอบว่าน่าจะซ้ือน่าจะซ้ือเพราะ
อะไร จุดไหน (จดไว้ แสดงว่า สินค้าเรามีจุดเด่นบางส่วนแล้ว) ถ้าตอบว่า น่าจะไม่ซ้ือ จุดไหนตรงไหนท่ีทําให้ไม่
น่าซื้อ(จดไว้ เพ่ือแก้ไข) ถ้าทําแบบน้ีได้ โอกาสจะโดนใจผู้ซื้อ ก็มีสูงกว่าการเข้าข้างตัวเอง ขณะเดียวกัน สินค้า
แบบเดียวกับเราก็มีมากมาย ผู้ซ้ือมีทางเลือกซ้ือสินค้าหรือบริการท่ีแตกต่างกว่าสินค้าของเจ้าอ่ืนๆ การสร้าง
ความแตกต่าง จะช่วยให้เรานําหน้าคู่แข่ง ขายได้ ขายดี ดังนั้น เสน่ห์ของสินค้าเราจึงต้องโดดเด่น "ในสายตาผู้
ซอื้ " "แตกต่างจากคูแ่ ข่ง" ลูกคา้ จงึ จะรู้สึกคมุ้ คา่ นา่ ตดิ ใจ ซ้ือซา้ํ บอกตอ่

การบ้าน 1 (25 มกราคม 2565)
การบ้าน 1.1 เสน่หส์ นิ ค้าตวั เอก คอื
การบา้ น 1.2 กลุม่ เป้าหมายลกู ค้าทชี่ ดั เจน (แฟนคลับ)
การบ้าน 1.3 ชอ่ งทางส่อื สารถึงลกู ค้าเป้าหมาย (ยงิ ตรงถึงแฟนคลบั )
การบ้าน 1.4 วธิ ีการสรา้ งความประทบั ใจใหล้ ูกค้าประจําให้ "ติดใจ ซอื้ ซา้ํ และบอกต่อ"

แนวทางการตอบการบ้าน 1 ให้ทา่ นดาํ เนนิ การตามขนั้ ตอนต่อไปนี้
ขั้นท่ี 1 เริม่ ท่ี แนวทางการตลาดข้อท่ี 1 ค้นหาเสนห่ ์สินคา้ ตวั เอกของเรา วิธีการ
1. นําสินค้าตัวเอกของเรา ย้ํา! ตัวเอกตัวเดียว มาดู สมมุติ สินค้าตัวเอกเป็นหญิงสาว และสมมุติ

ตัวเองเป็นชายหนุม่ ลองมองหาเสน่หข์ องสาวตัวเอกซิวา่ โดดเดน่ อยา่ งไร?แตกต่าง อย่างไร? จดไว้
2. ค้นหาว่า เสน่หแ์ บบนี้ เหมาะกบั คนแบบไหน? จดไว้
3. เขยี นใหเ้ พ่ือนๆ และครูพีเ่ ล้ียงอ่าน
4. นํามาสรุปสน้ั ๆ
ข้ันท่ี 2 แนวทางการตลาดข้อที่ 2 ค้นหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจน หรือ ค้นหาสเปกกลุ่มคน

เป้าหมายที่ 'เห็นปุ๊บซอื้ ป๊ับ' วิธีการ
1. ย้อนไปดู "ค้นหาว่า เสน่ห์แบบน้ี เหมาะกับคนแบบไหน?" ที่จดไว้จากบันไดข้ันที่ 1 มาพิจารณา

อย่างละเอียด เพอ่ื "ยงิ ใหถ้ ูกตวั "
2. เขียนให้เพ่อื นๆอา่ น
3. เขยี นสรุป
ขัน้ ที่ 3 แนวทางการตลาด ข้อที่ 3 ชอ่ งทางส่ือสารถงึ ลูกคา้ เปา้ หมาย วิธีการ
1. ตอบคาํ ถาม พวกเขาอยทู่ ี่ไหนได้บา้ ง?
2. จะหาพวกเขาเจอได้อยา่ งไร?
3. เจอแล้วจะแนะนาํ ให้รจู้ ักเสนห่ ์สนิ คา้ ของเราได้อยา่ งไร
ขั้นที่ 4 แนวทางการตลาดข้อท่ี 4 (แบรนด์) สรา้ งความประทบั ใจ ให้ติดใจ ซอื้ ซํา้ บอกตอ่ วิธีการ
1. ส่งของอยา่ งไรใหป้ ระทับใจ
2. จ่ายเงนิ อยา่ งไรใหส้ ะดวกสบาย
3. บรกิ ารหลงั การขายอยา่ งไรให้ประทับใจ

ทาํ ครบทัง้ 4 ขน้ั เราจะไดแ้ นวทางการหากลุม่ ลกู คา้ ประจาํ ท่ี เพ่มิ ขึน้ ด้วย 3 คํา “ตดิ ใจ ซื้อซ้าํ บอกต่อ”
การบ้านวนั ที่25
ชื่อ นางทัศนยี ์ รตั ตะฤทธ์ิ ตาํ บลสคี วิ้
สนิ ค้าตัวเอกชดุ โตะ๊ ไม้แปรรปู จากไมพ้ าเลท
การบา้ น1.
เสน่ห์สนิ ค้าคือความทนทานใชไ้ ด้นานหลายปี นําไมเ้ หลือใช้มาแปรรปู ไมเ้ กา่ ไมพ้ าเลท
2.กลมุ่ ลกู คา้ เปน็ กลมุ่ พ่อบา้ นแม่บ้านครอบครัวทวั่ ไป นกั ศึกษามหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ราชม
มงคลอีสาน
3.ช่องทางการสอื สาร ลงโฆษณาในไลน์ ในเฟส ประชาสัมพันธ์รุน่ พ่บี อกรุ่นน้อง
4.สรา้ งความประทบั ใจ มลี ดราคา มแี จกแถมราคาไม่แพงสําหรบั โมเดลของนกั ศกึ ษาต้องทาํ ทุกปี
คิดไมแ่ พงสงสารนอ้ งบางคนพอ่ แม่ไม่มตี งั ค์

ข้อคิดชวนคุย 3 เศรษฐกิจชุมชนกับเศรษฐกิจคนเมือง เศรษฐกิจชุมชน เป็นเศรษฐกิจท่ีพ่ึงพา
ธรรมชาติเป็นสําคัญ จึงทํามาหากินพึ่งพาตนเองได้ดีกว่า เศรษฐกิจคนเมือง พ่ึงพา"เงิน"เป็นสําคัญ ไม่มีเงิน "อด
ตายจริงๆ" ต้องใช้เงินต่อเงิน ไม่ค้าขายก็เป็นมนุษย์เงินเดือน เพราะไม่มีธรรมชาติเป็นหลังพิง ยามเกิดวิกฤต
บ้านนอกอยู่ได้ คนเมืองลําบากท่ีชีวิตในเมืองดูทันสมัยสะดวกสบาย เพราะเมือง ดูดเอามูลค่าส่วนเกินจากบ้าน
นอกมาเลี้ยงคนเมือง (ส่วนต่างของราคาสินค้าเกษตรท่ีต้นทางราคาถูก แต่ผู้บริโภคในเมืองซื้อราคาแพง) ในยุค
social media บ้านนอกที่เคยขายราคาถูกกับผู้บริโภคในเมืองที่ซื้อราคาแพง มีช่องทางติดต่อกันเองได้แบบไม่
ต้องผ่านคนกลาง ถ้าบ้านนอกได้ขายของดีได้ราคาสูงข้ึน คนเมืองได้ซ้ือของดีราคาลดลงย่อมสมประโยชน์กัน
ท้ังสองฝ่าย ตัวอย่างเช่น ปลาร้าบ่อง เราขายกระปุกละ 60 บาท คนในเมืองซื้อกระปุกละ 150 บาท ส่วนต่าง
90 บาท หักเป็นค่าขนส่งและอื่นๆ 30 บาท ที่เหลือคือมูลค่าส่วนเกิน 60 บาท 30 บาท เป็นต้นทุนค่า
การตลาด ค่าขนส่ง เป็นต้นทุนของจริง ส่วนเกิน 60 บาท คือ ค่าตอบแทนคนกลาง และ กําไร ถ้าเราผู้ขาย
จัดการตลาดเอง ส่งของเอง ต้นทุนส่วนนี้ คือ 30 บาท (อาจจะสูงกว่า 30 บาทนิดหน่อยเพราะปริมาณเช่น
logistic น้อย ราคาขนส่งต่อหน่วยจึงแพงกว่า) บวกราคาขายหน้าสวน 10 บาท = 40 - 50 บาท คนบ้านนอก
อย่างเราก็จะได้ส่วนที่เคยเป็นค่าตอบแทนคนกลางและกําไรซ่ึงเป็นมูลค่าส่วนเกินท่ีหายไป คืนมาอยู่ในมือ 50
บาท ถ้าได้แบบน้ี เราจึงสามารถทําของดี ราคาดี มีรายได้เพิ่ม ขณะที่คนในเมืองก็ซื้อของดี ราคาถูกลง
เศรษฐกิจบ้านนอกก็จะดีขึ้น เข้มแข็งขึ้น ยั่งยืนข้ึน ดังนั้น 9 ข้อ 5 ช่อง หรือแผนธุรกิจเพื่อชุมชน (cbmc) ถูก
พัฒนาขึ้นมา เพื่อให้ชาวชุมชนทํามาหากินทํามาค้าขาย บนฐานของธรรมชาติ โดยนําภูมิปัญญาเฉพาะถ่ิน
ผสานปัญญา 5G และวิถีความร่วมมือร่วมใจของชาวชุมชน มาเป็นหัวใจของการประกอบการโดยต้องเปล่ียน
วิถีการทําตลาด จากแบบขายเยอะๆท่ีเราสู้เขาไม่ได้แน่ๆ (mass market) หรือการขายส่งซ่ึงเสร็จพ่อค้าคน
กลางหมด มาเน้นการขายสินค้ากับกลุ่มลูกค้ารสนิยมเฉพาะ (niche market) ที่เราต้องมีแผนบันได 4 ขั้น
การตลาดมาดึงดูดให้เกิดลูกค้าประจํา "ติดใจซื้อซํ้าบอกต่อ" หรือสร้างแฟนคลับนั่นเองเพียงใช้ 9 ข้อ 5 ช่องให้
เป็นและเก่ง ก็สามารถ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายกิจการได้ เศรษฐกิจชุมชนจะเป็นฐานที่ยั่งยืนของประเทศ
ได้จริง เปน็ แหลง่ สร้างความผาสุกรว่ มกนั ถึงรุ่นลูกรนุ่ หลานได้ตอ่ ไปดว้ ยมอื ของพวกเรา
บรรยาย 2 แนวทางการเพิม่ รายได้ขยายกิจการ

กิจการเล็กๆแบบชาวบ้าน มีลักษณะเฉพาะถ่ิน ทําให้สินค้ามีความโดดเด่นแตกต่างตามไปด้วย บ้าน
นอกมีอัธยาศัยไมตรี ทําให้ เด่นเรื่องการบริการ เมื่อนําภูมิปัญญาพ้ืนถ่ิน ซ่ึงแน่นอนว่าต่างจากถิ่นอื่นมาใช้ ก็
สามารถสร้างความแตกต่าง เฉพาะลงไปได้อีกมีโทรศัพท์มือถือ นําความรู้สากลมาเพิ่มเสน่ห์ สินค้าพื้นถ่ินได้ มี
หน่วยงานมากมายมาส่งเสริมด้านเทคนิควิทยาการที่หลากหลาย เหล่านี้ คือจุดแข็งของบ้านนอก ตลาดเฉพาะ
กลุ่มจึงเป็นช่องทางชนะของธุรกิจเพื่อชุมชน cbmc จึงเน้น ผลิตสินค้าที่ "เราถนัด ขายให้กับกลุ่มลูกค้าขา
ประจําเป็นสําคัญ " โดยเน้นเสน่ห์ที่ตอบโจทย์ตอบใจรสนิยมเฉพาะของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ท้ังลูกค้าปัจจุบัน
และลูกค้าที่จะเพ่ิมเติมมาในอนาคต" "เพ่ิมรายได้ ขยายกิจการ ด้วยการเพิ่มลูกค้าประจําให้มากข้ึนๆ
และลดรายจ่ายด้วยการใช้จุดแข็งของบ้านนอกอย่างประสิทธิภาพ" น่ีคือหัวใจของ cbmc และการมีลูกค้า
ประจําเพ่ิมข้ึนเร่ือยๆ เป็นหัวใจของการเพิ่มรายได้ขยายกิจการ การทําบันได 4 ข้ันการตลาด เป็นการใช้เสน่ห์
ของสินค้าตัวเอก เพ่ือดึงดูดลูกค้าเป้าหมายให้มาติดใจซื้อซํ้าบอกต่อเพื่อเพ่ิมลูกค้าประจําข้ึนเรื่อยๆ รายได้ก็จะ
เพิ่มข้ึนเรอื่ ยๆเป็นเงาตามตวั

การจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเร่ือยๆ คําถามต่อไปน้ีสําคัญ 1) สินค้าเราโดดเด่น แตกต่าง โดนใจดีพอหรือยัง?
คู่แข่งของเรา เขาจะสร้างความแตกต่าง หนีเราไปอีก เราจะทําอย่างไร!" คําตอบ คือต้องพัฒนาสินค้าตัวเอก
ของเรา ให้ยิ่งโดดเด่น แตกต่าง โดนใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายย่ิงข้ึน เพ่ือนําหน้าคู่แข่ง 2) คนติดใจ สินค้าของเรา
ซ้ือซํ้า บอกต่อคึกคักแล้ว เราควรทําอะไรต่อดี?" คําตอบ 2.1 พัฒนาสินค้าตัวอ่ืนๆท่ีเรามีอยู่มาขายลูกค้ากลุ่มนี้
2.2 ถ้าไม่มีสินค้า แต่รู้ว่าลูกค้าอยากซื้ออะไร และเราผลิตได้ เราก็ผลิตสินค้าตัวใหม่ข้ึนมาตอบโจทย์ตอบใจ
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายกลุ่มน้ี และ 2.3 หรือถ้าเราผลิตไม่ได้ เราก็สามารถหาสินค้าของเพื่อนๆที่เราม่ันใจว่า เรา
นํามาช่วยขายแล้ว เราจะไม่เสียลูกค้า มาขาย และ3) ทําอย่างไร ถ้าการตลาดดี แต่ไม่มีของขาย หรือส่งของไม่
ทัน" คําตอบคือ จัดระบบหลังร้านให้ดี จะพบว่า ถ้าเราทําข้อ 1 ได้ดี รายได้ก็เพิ่มข้ึน ถ้าเราทําข้อ 2 รายได้ก็
เพ่ิมข้ึนอีก ถ้าเราทําข้อ 3 รายได้ก็ยิ่งเพิ่ม ถ้าเราทําข้อ 4 รายได้ก็ย่ิงเพ่ิม พร้อมจะเพ่ิมรายได้ขยายกิจการหรือ
ยังครบั ?
การบ้าน 2 (วนั ที่ 26 มกราคม 2565)
การเพม่ิ รายไดข้ ยายกจิ การ

2.1 จะทําสินคา้ ตวั เอกใหโ้ ดดเดน่ แตกตา่ งโดนใจย่ิงขน้ึ ไดอ้ ย่างไร
2.2 เมื่อลูกค้าเช่ือถือสินค้าตัวเอกและบริการของเราแล้วเราจะทําให้ลูกค้ากลุ่มนี้ซื้อสินค้าตัวอื่นของ
เราท่มี อี ยู่
2.3 เรารูร้ สนิยมลูกค้ากลุ่มนี้แล้วว่าชอบสินคา้ แบบไหนเราจะทาํ สนิ ค้าตัวใหม่มาขายดีไหม
2.4 เมื่อรู้ว่าลูกค้าประจําต้องการสินค้าตัวอ่ืนที่เรายังไม่มีขาย และเราไม่สามารถทําออกมาขายได้ เรา
จะนําสินค้าดดี ีของเพอื่ นมาขาย เราจะตอ้ งทําอย่างไรบา้ ง
การบา้ นวันท2่ี 6 ช่อื นางทัศนยี ์ รัตตะฤทธิ์ ตําบลสีคิ้ว
สินค้าตัวเอก ถาดโมเดล ชดุ ขาตง้ั ตน้ ไม้
โจทย์การเพิ่มรายได้
2.1ทาํ สนิ ค้าโดดเด่นแตกต่างโดนใจอยา่ งไร
ตอบ เพิ่มออกแบบใหมเ่ สมําเสมอไม่เหมือนตลาดท่วั ไป ให้ทันสมยั ตลอดเวลา
2.2เมอื่ ลูกคา้ ชื่อถือ
ตอบ รกั ษาคุณภาพสนิ ค้ามสี นิ คา้ ตัวใหมม่ าเสนอให้ลกู คา้ วา่ งโชว์ และหาลูกค้าหน้าใหม่
ประชาสมั พนั ธโ์ ชว์ในไลนแ์ ละเฟส
2.3 รู้รสนยิ มลูกคา้ กลมุ่ นี้ชอบอะไร
ตอบ ตอนนี้ลกู คา้ กําลงั ชอบต้นไม้ฟอกอากาศในบา้ นคอนโด จดั ทําโต๊ะว่างต้นไม้ขาตงั้ โต๊ะ
คอมพิวเตอร์ โตะ๊ โนต๊ บุ๊ค แทบ็ เลต็ และแนะนําสินคา้ ตัวอ่นื ๆใหล้ กู ประจํา
2.4 เมอื่ ลูกค้าขยายผลเช่อื มเพ่อื นนาํ สินค้ามาเสนอใหล้ ูกคา้ เพม่ิ รายได้
ตอบ สร้างฯเคลยื ข่ายประสารนาํ สินคา้ ในชุม่ ชนแนะนาํ ใหล้ ูกคา้ มสี นิ คา้ ลงไลน์ขายของหารายได้เพ่มิ

ข้อคิดชวนคุย 4 ทําไมต้องมีแผนธุรกิจเฉพาะสําหรับชาวบ้าน? จําเป็นด้วยหรือ? เราขายแบบบ้านๆก็
สบายอยู่แล้ว ใช่หรือไม่? วันนี้เป็นวันท่ี 2 ของการเรียน สินค้าของเรามีมากมายเลยจากการที่แต่ละห้องส่งรูป
มาอวดกัน ถ้าจะกล่าวว่า...ทุกวันน้ี เราขายผัก ขายสินค้า หรือผลผลิตตามฤดูกาล เราก็อยู่ได้ และสบายด้วย
ไม่ต้องแกร่งแย่งแข่งขัน อย่างนี้คงไม่ผิด ลองมาพิจารณาระหว่างธุรกิจชุมชน กับธุรกิจเอกชน เหมือนหรือ
ต่างกันอย่างไร ธุรกิจชุมชน ต่างกับธุรกิจเอกชน อย่างไร? ธุรกิจชุมชนคือการทํามาหากินทํามาค้าขายแบบเก่ง
คิดเก่งทํา เก่งร่วมมือ โดยใช้จุดแข็งของบ้านนอกเป็นฐาน ธุรกิจเพื่อชุมชนมีเป้าหมาย เพื่อความผาสุกร่วมกัน
ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานโดยจําเป็นต้องลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายกิจการ จึงจะลืมตาอ้าปากได้ ธุรกิจเอกชน มุ่ง
กําไรสูงสุด ใช้เงินต่อเงิน มีการประกอบการอย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ ใช้เงินเป็นตัวต้ัง ใช้เงินซื้อปัจจัย
ทางการผลิต 4 M คือ ซ้ือวัตถุดิบ เคร่ืองจักร เทคโน โลยี จ้างแรงงาน จ้างมืออาชีพมา บริหารจัดการ กู้เงิน
มาลงทุน เรียกว่า ไม่มีเงินทําไม่ได้ จะเห็นว่าภาคเอกชน ต้องพึ่งพา บ้านนอก โดยการซ้ือวัตถุดิบราคาถูก จ้าง
แรงงานราคาถูก แล้วขายสินค้าราคาแพง ซึ่งบ้านนอกก็ต้องซื้อราคาแพงเท่าคนเมือง เป็นการดูดเอามูลค่า
ส่วนเกินจากบ้านนอก ไปเล้ียงดูความม่ังค่ังให้คนเมือง ในชนบทมีจุดแข็งคือ มีธรรมชาติ ภูมิปัญญา มีมือถือให้
นําปัญญา 5 G มาใช้ มีโครงการของรัฐมากมายมาสนับสนุน ท่ีสําคัญ มีวิถีความร่วมคิดร่วมทําของชาวบ้าน ถ้า
ชุมชนใช้ แผน 9 ข้อ 5 ช่องได้เก่ง นําจุดแข็งของชุมชนมาใช้ก็สามารถพลิกฟ้ืนเศรษฐกิจครัวเรือน เศรษฐกิจ
ชุมชน ให้เป็นฐานคํ้ายันเศรษฐกิจประเทศให้ม่ันคงยั่งยืน ก็จะเกิดความผาสุกร่วมกันถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน น่ีคือ
ความต่างระหว่างธุรกิจชุมชน กับธุรกิจเอกชน แต่ในภาวะการณ์ท่ีโรคโควิด-19 กลับมาอีกรอบ ภาวะปัญหาเ
ศรฐกิจแนวโน้มจะรุนแรง ของทุกอย่างขึ้นราคา เนื้อหมูราคากิโลเกิน200บาท นํ้ามันขึ้นเกือยทุกอาทิตย์ ภัย
ธรรมชาติมีแนวโน้มมาแน่นอนเช่นกัน แห้งแล้ง หมอกควัน ฯลฯ ถามว่า ธุรกิจชุมชน หรือธุรกิจเอกชน จะเป็น
อย่างไร ธุรกิจชุมชน จะอยู่รอด หรือยํ่าแย่ ธุรกิจเอกชน จุงรุ่งเรือง หรือยํ่าแย่เช่นกัน "ใคร หยุด ใคร ไม่เปล่ียน
ตาย...." คําพูดนี้ท้ัง 2 กลุ่มธุรกิจคงได้ยินเช่นกัน อีกน่ันแหละ "เรา" นักธุรกิจชุมชน จะ หยุด หรือเปล่ียนดี
คําตอบน้ีคงไม่มีจากบทเรียน แต่เปน็ คาํ ตอบท่ที ุกคนทศี่ กึ ษาบทเรียน จะมีคําตอบในใจตนเอง.....

ข้อคิดชวนคุย 5 คําว่า "แผน(plan) ภาพลักษณ์ (brand) และตราผลิตภัณฑ์ (logo)" ทางรอดทางรุ่ง
ของธุรกิจเพื่อชุมชน คือ การสร้างและขยายลูกค้าประจํา (แฟนคลับ) ท้ังในพ้ืนที่ออกไปจนถึงระดับโลกตามแต่
ความสามารถหรือเรียกว่า ตลาดลูกค้ารสนิยมเฉพาะกลุ่ม (niche market) ด้วยว่า สินค้าชุมชนมีอัตลักษณ์
เฉพาะตัวเฉพาะถิ่น จึงมีเสน่ห์เฉพาะตัว โดนใจลูกค้าเฉพาะกลุ่ม การใช้ภูมิปัญญาซึ่งมีติดตัวคนในพ้ืนท่ีอยู่แล้ว
อันมีความละเอียดอ่อนละเมียดละไม ด้วยหนึ่งสมองสองมือ หรือ มักใช้คําว่า handmade มาผสานเข้ากับ
ปัญญาสากลผ่านยุคมือถือเฟื่องฟู ย่อมสร้างเส้นทางเชื่อมระหว่างคนที่ชอบแบบนี้ที่มีในโลกกับอัตลักษณ์ของ
สินค้าและบริการได้เป็น'คร้ังแรกด้วยมือของหมู่ชาวบ้านเอง' เส้นทางเดินน้ีจําเป็นต้องมีแผนมารองรับจึงจะไป
ถึงฝันแบบ "ตามองดาวเท้าติดดิน"ได้แผนจึงหมายถึง "การมองไปข้างหน้าอย่างมีเป้าหมายและข้ันมีตอนในการ
เดินไปสู่เป้าหมาย เรามาเรียน 6 วันน้ี เพ่ือ จัดทํา"เส้นทางนําสินค้าและบริการของเราท่ีมีเสน่ห์เฉพาะตัว
เฉพาะถ่ินตามภูมิปัญญา เดินทางสู่กลุ่มคนเป้าหมายที่มีรสนิยมชมชอบเสน่ห์แบบเราอย่างมีข้ันมีตอน" ก็คือ 9
ข้อ 5 ช่อง การจะมีแฟนคลับ ก็ต้องใช้บันได 4 ข้ันการตลาดให้เกิด ลูกค้าท่ีติดใจซ้ือซ้ําบอกต่อ ด้วยสินค้าตัว
เอกของเรา ดังน้ัน สินค้าตัวเอกท่ีสามารถดึงดูดให้เกิดกลุ่มลูกค้าท่ีติดใจซื้อซ้ําบอกต่อได้ จึงเป็นตัวสร้าง
ภาพลักษณ์หรือสร้าง brand นั่นเอง การทําบันได 4 ขั้นการตลาดที่เพื่อนๆได้เขียนตอบเมื่อวานก็คือการสร้าง

brand ของสินค้าของเพื่อนสําหรับ niche market นั่นเอง Brand จึงเป็นจุดเร่ิมต้นที่สําคัญของการทําแผน
ธุรกิจชุมชน อย่างไร? เอาละ! มาดูของจริงจาก การบ้านวันท่ี 2 นี้ เราเริ่มที่ ข้อท่ี 1จะเพิ่มเสน่ห์สินค้าตัวเอก
อย่างไรให้แฟนคลับหลงไหลซื้อซํ้าบอกต่อตลอดไป พอข้อที่ 2 ความหลงไหลของแฟนคลับทําให้เราขายสินค้า
ตัวอ่ืนที่เรามีอยู่ ข้อท่ี 3 เรารู้ว่า แฟนคลับชอบอะไรใน style แบบเรา เราก็ผลิตสินค้าตัวใหม่เพิ่มความหลง
ไหลเข้าไปอีก ข้อที่ 4 ถ้าเราทําไม่ไหวก็เอาของดีดีของเพ่ือนมาขาย จะเห็นว่า เราตอกย้ําให้แฟนคลับติดใจไม่
หนีไปไหนและช่วยขยายวงเพิ่มแฟนคลับออกไปจากการบอกต่อด้วยการเพิ่มสินค้าและบริการตามท่ีลูกค้า
ต้องการท่ีเป็น stlyeของเราหรือ brand ของเรานั่นเอง ทีน้ี แฟนคลับเยอะขึ้น ขยายวงอิกไปมากขึ้น การมี
สัญลักษณ์หรือตราสินค้า (logo)เพ่ืง่ายต่อการจดจําและส่ือสารแทนภาพลักษณ์(brand)ก็อาจจะจําเป็น ตรา
ผลิตภัณฑ์ เรียกว่า โลโก้ (logo) ภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ เรียกว่า แบรนด์(Brand) ภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ เกิด
จาก ความรู้สึกของผู้บริโภคที่มีต่อตัวสินค้าหรือบริการของกิจการน้ันๆว่า ตอบโจทย์ โดนใจ ใช่เลยไหม? ติด
ใจ ซื้อซํ้า บอกต่อดีไหม? หรือเฉยๆ หรือติดลบ เม่ือผู้บริโภครู้สึกต่อภาพลักษณ์อย่างไรก็จะแสดงออกไปใน
ทิศทางน้ันๆ ถ้าสินค้าหรือกิจการมีช่ือร้าน หรือตราสัญญลักษณ์ (logo) ก็จะแสดงออกต่อ logo แบบ ชอบ
เฉย หรือชัง ดังนั้น (ลูกศร)logo จะมีหรือไม่มีก็ได้ แล้วแต่ว่าถึงเวลาต้องใช้หรือไม่ แต่ภาพลักษณ์สินค้าและ
กิจการควรจะต้องบริหารให้ได้ใจ ลูกค้ายิ่งข้ึนเสมอ คําว่า ติดใจซ้ือซํ้า บอกต่อ ก็คือ คําท่ีแทนใจลูกค้าประจํา
หรือ Fanclub ท่ีมีต่อภาพลักษณ์ทางบวก หรอื brand ของสินคา้ และกจิ การนัน่ เอง!

ข้อคิดชวนคุย 6 "ถอยหลังหนึ่งก้าว เพ่ือที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างม่ันคง” วันนี้เป็นวันที่ 2 ของ
การเรียนรู้ ฝึกจัดทําแผน ทํามาหากินทํามาค้าขายของเรา เม่ือวาน เราฝึกทํา 4 ขั้นการตลาด ด้วยสินค้าหรือ
บริการตัวเด่นของเราเอง เพื่อสร้าง ลูกค้าแบบ "แฟนคลับ" วันน้ี เรากําลังฝึกคิด "แนวทางการเพ่ิมรายได้ขยาย
กิจการ" เป็นการต่อยอดมาจาก 4 ขั้นการตลาดเมื่อวาน เม่ือวานเราเริ่มคิดออกแล้วละว่า สินค้าและบริการ
อันมีเสน่ห์ของเรานั้นจะดึงดูดลูกค้าเป้าหมายมา "ติดใจ ซื้อซ้ํา บอกต่อ ได้อย่างไร" หรือจะเรียกว่า เราคิดออก
แล้วว่าจะสร้าง "แฟนคลับ" ของเราอย่างไร เม่ือได้แฟนคลับ เราก็จะขายสินค้าอื่นๆ ให้กลุ่มแฟนคลับน้ีได้อีก
มากมายตามการบ้านวันนี้ ได้อ่านการบ้านวันนี้ของทุกคนแล้ว พบว่า มาถูกทางแล้วทุกการบ้านที่ส่งมาให้อ่าน
ถูกทางแล้ว..! อ้าว!แล้วทําไมต้อง ชวนคิดชวนคุยให้ ถอยหนึ่งก้าวด้วยละ? เท่าที่ได้อ่าน และบอกว่ามาถูกทาง
แล้วน้ัน จะดีกว่าน้ีได้อีกมาก ถ้า 1) ทุกคนได้ ย้อนไปอ่าน บรรยาย 1.1 และ 1.2 อีกรอบ 2) ทุกคนได้ ย้อนไป
อ่าน ชวนคิดชวนคุย 1-5 อีกรอบ (ส่องกระจกบานที่ 4) 3) ทุกคนได้ อาจเลือกสินค้าและบริการตัวใหม่ ท่ีตัว
เรารู้สึก ป๊ิง!กว่าตัวที่ส่งมา 4) ทุกคนได้ ได้อ่าน คําตอบการบ้านของเพ่ือนๆ ในห้อง(ส่องกระจกบานที่ 2) 5)
ทุกคนได้ ลองนําข้อแนะนําของพี่เล้ียง (กระจกบานที่ 3) ลอง ถอยไปทําตาม 4 ข้อ ข้างต้น แล้วจะรู้สึกได้เอง
วา่ ถอยหนง่ึ กา้ วจะทําใหต้ วั เราเองกา้ วไปขา้ งหนา้ ได้อยา่ งมนั่ คงอยา่ งไร
บรรยาย 3 จากแนวคิดสกู่ ิจกรรมเพื่อทําแผน (cbmc ขอ้ ที่ 6)

ชวนท่านลองทบทวนความคิด เร่ืองการทํามาหากินทํามาค้าขาย 2 วันท่ีผ่านมาของตัวท่าน เป็น
คล้ายๆแบบน้ีไหม? ก่อนมาเรียน cbmc "คิด"อะไรได้ก็ทําไปตามนั้น แบบมวยวัด จบเรียนวันแรก เร่ิม"คิด"เป็น
ขั้นเป็นตอน จับต้นชนปลายเร่ืองบันได 4 ขั้นการตลาดได้ เรียนวันท่ี สอง ก็ได้คิดเป็นขั้นเป็นตอนยิ่งขึ้นว่า จะ
ค้าจะขายมีรายได้เพิ่ม มีกิจการท่ีขยายตัวออกไป ต้อง"คิด" ทํา 4 เร่ือง จะสังเกตเห็นการ "คิด"ของตัวเรา ก่อน
เรียน "คิด" แบบหน่ึง เรียนวันแรก "คิด" เป็นข้ันเป็นตอน เรียนวันที่ สอง "คิด"เป็นข้ันเป็นตอนยิ่งขึ้น จะพบว่า

วันที่ 1 ก็เป็น"ความคิด" วันที 2 ก็เป็น "ความคิด") เอาละ! วันนี้ เราจะมาแปลงความคิดให้ ออกมาเป็น ตัว
กิจกรรมกัน เพื่อท่ีเราจะจับต้องได้มากข้ึน นําไปปฏิบัติได้ง่ายข้ึน จากความคิดวันแรกและวันที่สอง เราจัดเป็น
หมวดหมู่กิจกรรมได้ 5 หมวด คือ กิจกรรมการตลาด "ใช้เสน่ห์ดึงดูดใจให้เกิดลูกค้าประจําเพิ่ม" กิจกรรมการ
เพ่ิมเสน่ห์สินค้าตัวเอก "ให้ลูกค้ายิ่งติดใจซื้อซ้ําบอกต่อ" กิจกรรมการขายสินค้าตัวรอง "ให้กับลูกค้าประจํา"
กิจกรรมการทําสินค้าใหม่มาขาย "ตามรสนิยมลูกค้าประจํา" กิจกรรมการนําสินค้าดีดีของเพ่ือนมาขาย"ตาม
รสนิยมของลูกค้าประจํา" ถึงตอนนี้ เราก็ได้กิจกรรมสําคัญ 5 หมวดแล้ว ลองจินตนาการตามนะครับ น้ํามี 3
สถานะ หรือ 3 หมวดคือ ไอนํ้า น้ํา น้ําแข็ง คิดก่อนเรียน "เหมือนเมฆหมอกละอองน้ํา" สัมผัสได้แต่จับต้อง
ไม่ได้ เรียนวันที่ 1 เริ่มจับต้องได้เหมือนหยดนํ้า เรียนวันท่ี 2 จับต้องได้มากขึ้น เหมือนนํ้าใน โอ่ง วันนี้ นํ้าจาก
5 โอ่ง ถูกทําเป็นนํ้าแข็ง 5 ก้อนได้แล้วข้างต้น และท่านกําลังจะนําน้ําแข็งแต่ละก้อน มาทุบย่อยให้พอดีคํา
เพ่ือกินได้ง่ายข้ึน ต่อไปน้ี เชิญแต่ละท่านมาทํานํ้าแข็ง พอดีคํากันครับทําอย่างไร(?) เพียงตอบคําถามว่า
กิจกรรมหมวดที่ 1 ต้องทํากิจกรรมย่อยอะไรบ้าง กิจกรรมหมวดท่ี 2-5 ต้องทํากิจกรรมย่อยอะไรบ้าง น่ีคือ
กจิ กรรมของวนั น้ี
การบา้ น 3 (วันท2ี่ 7มกราคม2565)
แปลงแนวคดิ เปน็ กิจกรรม เพอ่ื ทําแผน

1. กิจกรรมการตลาด ต้องทํากจิ กรรมยอ่ ยๆ อะไรบ้าง?
2. กจิ กรรมการเพม่ิ เสน่ห์สินค้าตวั เอก ต้องทํากจิ กรรมยอ่ ยๆอะไรบ้าง?
3. กิจกรรมการนําสินค้าตัวรองๆที่เราทําขายอยู่แล้ว มาเสนอขายกับกลุ่มลูกค้าประจํา ต้องทํา
กจิ กรรมยอ่ ยๆอะไรบ้าง?
4. กิจกรรม ผลิตสินค้าตัวใหม่ท่ีเรารู้ใจลูกค้าขาประจําว่า ถ้าทําขึ้นมาแล้ว ซื้อแน่ๆ ต้องทํากิจกรรม
ยอ่ ย ๆ อะไรบ้าง?
5. กิจกรรม หาสนิ คา้ ดีดีจากเพือ่ นเครอื ข่ายมาขายลกู ค้าประจําของเรา ต้องทาํ อะไรบ้าง?

การบ้านวันท2่ี 7 ชื่อนางทศั นีย์ รตั ตะฤทธ์ิ ตาํ บลสีค้ิว
สินคา้ ตัวเอก ฐานรองโมเดล และท่ีตง้ั กระถางตน้ ไม้ ขารองต้นไม้
แปลแนวคิดเป็นกจิ กรรมเพื่อทาํ แผน
1.กจิ กรรมการตลาด ตอ้ งทาํ กิจกรรมยอ่ ยอะไรบ้าง
1.1ตามสั่งของลกู ค้า และนักศึกษาแต่ละรุน่
1.2ลกู ค้าส่ังตามแบบ
1.3 ขายตามตลาดนดั
2 กจิ กรรมการเพิ่ม เสน่ห์สินคา้ ตวั เอตอ้ ทํากิจกรรมยอ่ ยอะไรบา้ ง
2.1 ทาํ หลากหลายแบบ

2.2ทําละเอียดสวยงามเรียมร้อย
2.3 ทําแบบแปลกใหม่ตลอดเวลา
3 กิจกรรมนาํ สนิ คา้ ตัวรองทเ่ี ราทาํ อยแู่ ลว้ มาเสนอขายกบั ลูกค้าประจาํ ตอ้ งทาํ กจิ กรรมย่อยอะไรบ้าง
ตอบ
3.1สอบถามความตอ้ งการของลกู คา้
3.2, จัดโปรโมช่นั พิเศษ
3.2ให้ลูกคา้ ตชิ มไดเ้ ลยเพือ่ นําไปแก้ไข
4กจิ กรรม ผลิตสนิ ค้าตัวใหม่ท่ีเรารู้ใจลกู คา้ ขาประจําว่า ถ้าทําขึ้นมาแล้วซื้อแนๆ่ ต้องทํากจิ กรรมย่อยๆ
อะไรบ้าง
ตอบ4.1หาความแตกตา่ ง และราคาจับต้องได้กับลูกทุกระดบั
4.2ตอ้ งมีมัดจํา50เปอร์เช็น
ข้อคิดชวนคุย 7 "หัวใจนักปราชญ์" สุ จิ ปุ ลิ ฟัง คิด อ่าน เขียน "พูดไม่คิด" เรามักจะได้ยินคําน้ีบ่อย
มาก ฟังไม่คิด น่ีก็บ่อย อ่านไม่คิด นี่น่าจะน้อยกว่า เขียนไม่คิดน่าจะน้อยท่ีสุด การอ่าน มีเวลาอยู่กับตัวเอง
มากกว่าการฟัง จึงมีเวลาคิดและไตร่ตรองมากกว่า การเขียนก็เช่นเดียวกับการอ่านคือมีเวลาคิด เวลาไตร่ตรอง
มากกว่าการพูด การอ่านและการเขียนจึงให้อิสระ ปลดปล่อยมากกว่า การฟังบรรยายและการพูด "cbmc"
เป็นกระบวนการเรียนรู้เพื่อให้ชาวบ้านนอกได้ปรับเปล่ียนความคิดและพฤติกรรม (mindset) การทํามาหากิน
ทํามาค้าขายท่ีเคยทําแบบวัดให้มาเป็นแบบมวยอาชีพ การคิด การไตร่ตรอง จึงสําคัญดังน้ัน การอ่านและการ
เขียน จึงเป็นเครื่องมือท่ี เอื้อต่อผู้เรียนให้ทํา แผน 9 ข้อ 5 ช่องได้ใน 6 วัน การเรียนรู้คร้ังนี้ (วันท่ี 25-31
มกราคม 2565) จึงเน้น "สุ จิ ปุ ลิ" เป็นหัวใจ การได้คิดได้ไตร่ตรองเอง การได้มีโอกาสเลือกหยิบจับ
ประสบการณ์ของเพื่อนๆท่ีเหมาะกับตนเองมาปรับใช้ การได้เขียนเองจากสินค้าของตัวเอง ย่อมนําไปใช้ได้จริง
เพราะเป็นเรื่องปากเร่ืองท้องที่ดีกว่าเดิมของครอบครัว ของกลุ่มตนเอง ของบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง
เรียกว่า เรียนคร้ังนี้มุ่งทําได้ ใช้เป็น เห็นผล cbmc จึงเขียนบรรยายให้อ่านตอน 6 โมงเช้า และฝากคําถามเป็น
การบ้านไว้แต่เช้า ผู้เรียนสะดวกเวลาไหน ก็คิดก็ไตร่ตรอง ได้ทั้งวัน เมื่อได้คําตอบท่ีพอใจก็ลงมือเขียน ส่ิงท่ีได้
ผ่านการไตร่ตรองนั้นส่งให้เพื่อนอ่านในกลุ่ม เขียนแล้วก็ยังมีโอกาสได้เลือกอ่าน กระจกบานท่ี (two) ของ
เพ่ือนๆ อ่านข้อแนะนําของพ่ีเลี้ยง (บานท่ี 3) อ่านข้อคิดชวนคุย (บานที่ 4) ก็ย่ิงได้ไตร่ตรองให้รอบครอบรอบ
ด้านข้ึนอีก ค่ําๆก็ให้มาคุยความรู้สึก นึกคิดกันสัก ครึ่ง - หนึ่งช่ัวโมง เพื่อคลายใจ นี่คือคําตอบว่า ทําไม cbmc
จึงใช้ 'หัวใจนักปราชญ์ ' ในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ ให้ชาวบ้านนอกทําแผนลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ขยาย
กิจการด้วยตัวคนบา้ นนอกเอง
ข้อคิดชวนคุย 8 ทําฝันให้เป็นจริง "คิดได้ ทําไม่ได้ คิดร้อย ทําได้สิบ" ในชีวิตจริง เราพบกับเรื่องราว
ทํานองนี้บ่อยๆใช่หรือไม่ คงมีปัจจัยหลากหลายที่ทําให้ ช่องว่างระหว่างคิดกับทําห่างถี่กันท่ีนี้จะไม่ไปพิจารณา
ถึงขนาดนั้น เราเอาเฉพาะเรื่อง การเรียน 6 วัน วันนี้ เป็นวันท่ี 3 ของการเรียน เช่ือว่าแต่ละท่านคงรู้สึกว่า "

ความคิดเร่ืองการตลาดกับเรื่องเพ่ิมรายได้ขยายกิจการ" ท่ีท่านเขียนการบ้านมัน "โดนใจ ใช่เลย" นั่นก็สุขใจไป
ส่วนหน่ึงที่คิดได้ทะลุข้ึน ถ้าเราจบแค่การตลาด 4 ข้ัน และการเพ่ิมรายได้ขยายกิจการ ก็น่าจะได้ประโยชน์แล้ว
เรื่องคิดใหัทะลุนั้นจะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย แต่เรื่องท่ียากกว่า คือการทําความคิดให้เป็นจริง เราจึงต้องมี
วันนี้ และ อีก 2 วัน เพ่ือ แปลงฝันให้เป็นจริง หรือ แปลงความคิดให้เป็นตังค์ ความคิดมันฝุ้ง เหมือนหมอกท่ี
เห็นได้ จางๆ สัมผัสได้ แต่จับต้องไม่ได้ ถ้าจะทําให้ความคิดจับต้องได้ ต้องแปลงความคิดเป็นกิจกรรมให้ได้
ก่อน คล้ายๆทําให้หมอก กลั่นตัวเป็นหยดน้ําให้ได้ก่อน เมื่อเป็นหยดน้ํา เราก็จับต้องได้ง่ายขึ้น ตักมาใช้ได้
กิจกรรมก็คล้ายๆหยดน้ํา ถ้านํามาใส่ในตุ่ม เราก็จะตักมาใช้ได้ง่ายข้ึน การตักน้ําก็=การตักความคิดที่ตกผลึก
แต่ดิ้นได้ เราเอามาทําเป็นก้อนนํ้าแข็งซะเลย จะได้ไม่ดิ้น เวลาจะใช้ก็ทุบให้เป็นก้อนเล็กๆตามต้องการ=เอา
ความคิดมาเป็นนํ้าแข็งก้อนใหญ่ มันใช้ง่ายกว่าตอนที่เป็นละอองหมอก เมื่อเราทําความคิดให้จับต้องได้ เราก็
ลงมือทําความคิดให้เกิดเป็นตังค์ได้ง่ายขึ้นน่ันเอง การบ้านวันน้ี เป็นการแปลงความคิด จินตนาการ จากฐาน
ความจริงท่ีได้ลงมือทํา ทําแบบ คิดได้ลงมือทํา ไม่มีการไตร่ตรงใคร่ครวญ เหมือนมวยวัด หรือคิดๆๆๆๆ แต่
ไม่ได้ลงมือทํา คิด100 ทํา1 หรือคิดแต่ไม่ลงมือทําเลย และที่ลงมือทําไม่ได้คิด เห็นคนอ่ืนทํา ดี ก็ลงมือทําตาม
วันนี้เราจะแปลงความคิดเป็นกิจกรรม อย่างเป็นขั้นเป็นตอน สู่เป้าหมาย "เพ่ิมรายได้ ขยายกิจการ" อย่างมือ
อาชพี แบบมวยมีค่าย พรอ้ มลุยไปแบบมีแผนแลว้ หรอื ยงั ครบั

ชวนคิดชวนคุย 9 ภาพรวมสองวันที่ผ่านมานี้ 1) ผู้เรียนทุกท่านท่ีทําการบ้านส่ง ทําข้ันตอน
การตลาดได้ทั้ง 4 ข้ัน ถือว่าเป็นความสําเร็จเบื้องต้น แต่จุดอ่อนที่สําคัญคือ บางส่วนไม่ได้อ่าน บรรยาย
รวมท้ังอ่านโจทย์ไม่ละเอียด แต่ถ้าได้อ่าน (กระจกบานที่ 4) ข้อคิดชวนคุย "กลยุทธ์การตลาด ของปลาเล็ก"
ข้อคิดชวนคุย "เสน่ห์ของสินค้า มองแบบคนขาย แพ้ มองจากมุมคนซ้ือ ชนะ" ข้อคิดชวนคุย "เศรษฐกิจบ้าน
นอก เศรษฐกิจคนเมือง" อ่านแล้วนํากลับไปย้อนทบทวนท่ีเราเขียนมา (กระจกบานที่1) เราจะปรับ เสน่ห์ ของ
สินค้าเราให้ โดดเด่น แตกต่าง และโดนใจได้ดีขึ้นแน่นอน ถ้าจะเปล่ียนจาก "ขายเยอะกําไรน้อย เป็นขายน้อย
กําไรเยอะ" ต้องเพิ่มความพิถีพิถัน การค้าการขายเปรียบได้กับกีฬา พลาดนิดเดียวถึงแพ้ได้ เช่นมวย ฟุตบอล
ว่ิง 100 เมตร ฯลฯ ดังนั้นความพิถีพิถัน ในแต่ละขั้นตอนจึงสําคัญ cbmc ข้อท่ี 1 เสน่ห์ของสินค้า ผู้ตอบ
ส่วนใหญ่ เขียนจากมุมมองของคนขาย เช่น รสชาดอร่อย ปลอดสาร เป็นของดี ตั้งใจทํา ฯลฯ ถ้าตอบแบบ
นี้ ผมเป็นคนซ้ือ ก็จะบอกว่า "คุณป้าครับผมไม่เคยเห็นมีแม่ค้าเจ้าไหนบอกว่า สินค้าฉันไม่อร่อย ไม่ดี สักราย"
แบบน้ี ขายเยอะกําไรน้อย แต่ถ้าบอกว่า รสเปร้ียวจากมะนาว มะพร้าวคั้นเอง พริกจากไร่ไม่ใช้เคมี เป็นสูตร
เฉพาะของคุณย่า ฯลฯ แบบน้ีเรียกว่า "อร่อยแบบแตกต่าง" แบบนี้ ok. เป็นการมองจากหัวจิตหัวใจของคนซ้ือ
แบบนี้ ขายน้อยกําไรเยอะเป็นไปได้ cbmc ข้อที่ 2 หา สเปคลูกค้า แบบ "เห็นปุ๊บ ซื้อป๊ับ" เพ่ือขยายลูกค้า
ประจํา ให้เป็นแบบ ตลาด สินค้ารสนิยมเฉพาะกลุ่ม เราจะขายได้ราคาดีกับคนกลุ่มนี้ ถ้าเขาติดใจ เขาจะซ้ือซ้ํา
ซ้ือสินค้าทุกตัวที่เขาชอบ จากร้านเรา และเขาก็จะพากันบอกต่อให้คนรสนิยมเดียวกันในแวดวงของเขา มา
เป็นลูกค้าประจําของเราเพิ่มขึ้นๆ ข้อน้ีบางส่วนตอบแบบกว้างๆ เหมือนทอดแหในทะเล เช่น ลูกค้าท่ัวไป
แม่บ้าน ฯลฯ แบบนี้คงจะหา " ลูกค้ารสนิยมเฉพาะกลุ่มมาเป็นลูกค้าประจําได้ลําบาก " (niche market) ลอง
พิถีพิถันเร่ือง สเปค ลูกค้าขึ้นอีกจะดีมากๆครับ คล้ายๆ ทําให้สินค้าเราควรมี "Fanclub" อะไรประมาณน้ัน 2)
กิจการเล็กๆ อย่างเรา ใช้อัตลักษณ์เฉพาะถิ่น สร้างความแตกต่าง ได้มากมาย ค้นหาให้เจอ เช่น บุรีรัมภ์ เป็น
จังหวัดเดียวที่มีดินภูเขาไฟมากที่สุด จุดนี้เป็นความแตกต่างสามารถนํามาใช้เพิ่มfanclub ได้แน่นอน 3) ครูพ่ี
เล้ียงไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องสินค้าของเรา และต้องอ่านของทุกคน ไม่สามารถแนะนําได้ละเอียด ทําได้แค่เป็น "

ความเห็นหนึ่ง" คล้ายๆท่ีเพ่ือนๆแต่ละคนเขียน ก็เป็นอีกหลากความเห็น เราจึงเรียกว่า ครูพี่เลี้ยงเป็นกระจก
บานที่ 3 เพ่ือนๆเป็นกระจกบานท่ี 2 ท่านต้องพึ่งตนเองโดยการอ่านของเพ่ือน (กระจกบานท่ี 2) ให้มากๆ อ่าน
บรรยาย อ่านข้อคิดชวนคุย แล้วนํามาปรับปรุงคําตอบให้คมชัดลึกขึ้น เพราะมันคือแผนที่ท่านทําข้ึนมาเพื่อ
การลดรายจ่ายเพ่มิ รายได้ ขยายกจิ การของท่านเอง
วันท่ีสอง "แนวทางการเพิ่มรายได้ ขยายกิจการ" ส่วนใหญ่ผู้เรียนทําทั้ง 4 หมวด ได้ดีและชัดเจน จนเกิด
แนวคิดการสร้าง เครือข่ายการตลาด cbmc (ชวนคิดชวนคุย 6) และได้มีการริเริ่มหารือระหว่างผู้เรียนระหว่าง
กลุ่มและพ่ีเล้ียงระหว่างภาค เพื่อทําให้ข้อเสนอข้างต้นถูกนําไปทําให้เป็นจริง พรุ่งน้ี เราจะต่อ ยอดจากสอง
วันน้ี ด้วยการ"แปลงแนวคิด (การตลาดและการเพ่ิมรายได้ขยายกิจการ) เป็นกิจกรรมเพ่ือเตรียมจัดทําแผน
ดาํ เนนิ งาน 5 ช่อง ถ้าการบา้ นสองวนั แรกของท่านนไ้ี ม่คม ชดั ลกึ พรงุ่ น้อี าจออกทะเลได้ เพราะ cbmc เชอื่ ม
ร้อยกันเป็นลูกโช่ กระดุมเม็ดแรกผิด ก็พากันผิดยกแผงมีเวลาขอให้ทบทวน ข้อ 1 เสน่ห์ ข้อ 2 สเปคให้คมชัด
ลึก โดยอา่ นบรรยายและขอ้ คิดขวนคุย ไตร่ตรอง แล้วเขียนใหมใ่ ห้ดีที่สุด เพ่ือพรงุ่ น้ีที่งดงามครบั
บรรยาย 4 การจดั ทําตารางแผนดาํ เนินงาน 5 ช่อง (Operation Plan)

เม่ือวาน เราได้ย่อยักษ์ ลงมาเป็นก้อนนํ้าแข็งได้แล้ว ยักษ์คือ การบ้านท่ีท่านทําในวันที่ 1 และ 2 ของ
การเรยี น (25,26 มกราคม2565) ได้แก่แนวทางการตลาดกับแนวทางการเพิ่มรายได้ขยายกจิ การ มี 5 ขอ้ ข้อ1
ค้นหาเสน่ห์สินค้า ข้อ2 ค้นหากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ข้อ3 สร้างช่องทางการส่ือสาร ข้อ4 บริการก่อนและหลัง
การขาย ข้อ5 ทําแนวทางการเพิ่มรายได้ขยายกิจการ ก้อนน้ําแข็งคือ การบ้านที่ท่านทําเมื่อวาน เรียกว่า
กิจกรรมสําคัญท่ีต้องทํา (cbmc ข้อ 6) มี 5 ก้อนหรือ5 หมวดได้แก่ กิจกรรมการตลาด กิจกรรมเพ่ิมเสน่ห์
กิจกรรมขายตัวรอง กิจกรรมทําตัวใหม่ และกิจกรรมนําของดีจากเพื่อนมาขาย เมื่อวานก็ได้ย่อยกิจกรรมสําคัญ
ทั้ง 5 หมวดเป็นกิจกรรมย่อยๆเพื่อพร้อมให้นําไปใส่ในตะเกียงวิเศษแล้ว วันนี้ เราจะนํายักษ์ที่ย่อลงมาเป็น
นํ้าแข็ง ใส่ลงในตะเกียงวิเศษ ตะเกียงวิเศษ มี 2 ช้ืนส่วน หรือ 2 ตาราง 1) ตารางแผนดําเนินงาน มี 5 ช่อง
คือการบ้านวันน้ี (Operation Plan) 2) ตารางแบบจําลองธุรกิจท่ีเราทํา (Business Model) มี 9 ข้อ ท่านจะ
ได้ทําพรุ่งนี้ เราจึงมักเรียกตะเกียงวิเศษน้ีว่า 9 ข้อ 5 ช่อง หรือแผนลดรายจ่าย เพ่ิมรายได้ขยายกิจการ ช่ือจริง
คือ แผนธุรกิจเพ่ือชุมชน ชื่อฝร่ัง คือ Community Business Model Canvas เรียกย่อๆว่า cbmc นั่นเอง
ตาราง 5 ช่อง เป็นเหมือนเลขาส่วนตัวของท่านหรือเลขาประจํากลุ่มของท่าน คอยเตือนว่า วันนี้ต้องทําอะไร
ให้เสร็จ ถ้าไม่เสร็จจะต้องแก้ไขอย่างไร ใครรับผิดชอบ อันไหนเราทําเอง ใช้เงินเท่าไร ร่วมมือกับหน่วยงาน
ไหนอย่างไร ถ้าท่านทําตามแผน 5 ช่องน้ีอย่างมีวินัยก็เหมือนข้ึนบันไดไปถึงเป้าหมายใน 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี
3 ปีตามที่ตั้งไว้ ตาราง 9 ข้อเป็นเหมือนแผนที่ลายแทงและเข็มทิศของกิจการของท่าน ถ้าท่านเดินตามแผน 5
ช่องแล้วหลงทาง ท่านก็ดูลายแทง 9 ข้อว่า ตรงไหนท่ีมันเพ้ียนไม่สอดคล้องกับเส้นทาง ท่านก็ปรับเส้นทางใน
5 ช่อง ท่านก็จะเดินต่อไปสู่เป้าหมายได้อย่างไม่หลงทาง ตะเกียงวิเศษ เป็นแผนที่รายแทงการทําธุรกิจท่ีมีข้ันมี
ตอนกํากับจนบรรลุเป้าหมายนั่นเอง ถึงเวลานี้ ท่านเห็นหรือยังว่า ท่านกําลังจะมียักษ์ในตะเกียงวิเศษคอยช่วย
ท่านทํามาหากินทํามาค้าขาย ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ขยายกิจการ ในวันนี้และพรุ่งนี้ ท่านอยากเห็นตะเกียง
วิเศษของท่านหรือยัง! เรามาทาํ ตะเกยี งวเิ ศษเริม่ จากตาราง5 ช่องกันวันน้เี ลยครบั (!)

การบ้าน 4 (วันที่ 28 มกราคม 2565)
ทําตาราง 5 ช่อง กิจการของท่าน วิธีการ ดูตัวอย่างตาราง 5 ช่องตามท่ีส่งมา กดคําว่า คัดลอกที่แผ่น

ตาราง 5 ช่องด้านล่าง เพ่ือนํามา กรอกข้อความ กรอกคําว่า กิจกรรมการตลาดในช่องท่ี 1 กรอกกิจกรรมย่อย
การตลาดจากการบ้านที่ท่านทําไว้เม่ือวาน ลงในช่องที่ 2 เรียงทีละข้อๆ จนครบ ใส่ช่ือผู้รับผิดชอบในช่องที่ 3
ล้อกับกิจกรรมย่อยจนครบ ใส่ วันท่ี เดือน ปี ท่ีกําหนดเสร็จ ล้อกับกิจกรรมย่อยจนครบ อ่านบรรยาย 4.1 เพ่ือ
ทําความเข้าใจ เรื่องทุน และใส่เลข 7 8 หรือ 9 ในช่องท่ี 5 ล้อกับกิจกรรมย่อยจนครบ ย้อนกลับมาช่องที่ 1
ดําเนนิ การกจิ กรรมหมวดท่ี 2 ถงึ 5 ตามข้นั ตอนจนครบไดต้ ะเกยี งวิเศษที่มยี ักษ์บรรจอุ ยู่ครงึ่ หนง่ึ แล้ว

บรรยาย 4.1 การบริหารทนุ
การบริหารทุน ประกอบการจัดทํา "แผน 5 ช่อง" cbmc แบ่งทุนเป็น 3 หมวด 1) ทุนท่ีเราทําเองได้

ด้วย (รัก)หนึ่งสมองสองมือของเรา หรือการร่วมแรงร่วมใจของคนในชุมชน ไม่ต้องจ่ายตังค์ (รัก)เป็นการลด
รายจา่ ย ดว้ ยการรูจ้ ักใช้จดุ แขง็ บา้ นนอกของเราใหเ้ กิดความผาสกุ รว่ มกนั ในการลงตาราง แทนทนุ น้ีดว้ ยเลข 7
2) ทุนที่เรียกว่า "ทุนความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีรัฐ วิชาการ เอกชน NGOs" น่ีก็ไม่ต้องจ่ายตังค์ ทุนความ
ร่วมมือน้ี จะช่วยให้เราขยายกิจการได้ง่ายขึ้น เช่น งานวิจัยสินค้า เครื่องจักรอุปกรณ์ วิชาความรู้เฉพาะเรื่องที่
เกี่ยวกับสินค้าของเรา ฯลฯ แทนด้วยเลข 8 การมีตาราง 9 ข้อ 5 ช่อง ช่วยให้เราใช้บริการของรัฐ วิชาการ
เอกชน NGOs ได้อย่างถูกเรื่อง ถูกที่ ถูกเวลา 3) ทุนที่เป็นตัวเงิน แทนด้วยเลข 9 ท้ังที่เป็นเงินเก็บ เงินกู้ หรือ
เงินที่เป็นภาระการลงทุนกับสินค้าของเรา (ซ่ึงทุนเลข 9 น้ีเราจะพิจารณาใช้ให้น้อยที่สุดและจะพิจารณาเป็น
ตัวสุดท้ายจําเป็นท่ีต้องใช้เท่าน้ันจึงจะใช้) ก่อนหน้าน้ีเราลงตาราง 5 ช่อง ไปได้ 4 ช่องแล้ว เหลือช่องที่ 5 ท่ี
เขียนว่า 'ทุนท่ีใช้ ' (ใส่เลข 7 8 หรือ9 และกรณีเป็นทุนเลข 8 จะใส่หน่วยงานน้ันด้วยก็ได้ วิธีใส่ทุนในตาราง ดู
ช่องที่ 2 "กิจกรรมย่อย" ว่าต้องใช้ทุนเลข 7 หรือ 8 หรือ 9 เราก็ใส่เลขนั้นๆล้อไปกับตารางช่องท่ี 2 จนครบ
เราก็จะรู้ทันทีว่า ใน 3 เดือน 6 เดือน เราต้องใช้ตังค์เท่าไร ต้องร่วมมือกับหน่วยงานไหนบ้าง และอะไรท่ีเราทํา
กันเองเพ่ือลดรายจ่าย

ข้อคิดชวนคุย 10 "ไม่ใช่ตลาดไม่ม"ี คงมีคําถามในใจ บ้านนอกเรามีของดีดีมีคุณค่ามากมาย ทําไมจึง
ขายไม่ได้ราคามาอ่านเร่ืองราวในอดีต อาจได้คําตอบ "เลมอนฟาร์ม” ร้านจําหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ ที่ก่อต้ัง
มาเมื่อปี 2542 ด้วยโมเดลกิจการเพื่อสังคมในเชิงธุรกิจ และเข้าไปทําคอนแทร็กต์ฟาร์มม่ิงกับกลุ่มเกษตรกร
เริ่มตั้งแต่การพัฒนาให้ความรู้แก่กลุ่มเกษตรกร ในการดูแลผลผลิตตั้งแต่ต้นน้ํา กลางนํ้า ไปจนถึงปลายน้ํา "
ที่มาของเลม่อนฟาร์ม มาจากผู้บริหารที่ริเร่ิม ได้คลุกคลีกับเครือข่ายปราชญ์ชาวบ้าน ท้ังขอบเขตประเทศ
ปราชญ์แต่ละท่านก็มีเครือข่ายองค์กรชุมชนที่เข้มแข็งจํานวนมากและขยายตัวตลอดเวลา ผู้บริหารท่านนั้นได้
เห็นสินค้าดีดีมากมาย แต่ขายได้ราคาถูกมาก จึงเห็นว่า ปั้มนํ้ามัน กระจัดกระจายครอบคลุมทั้งประเทศ ควร
นําสินค้าชุมชนมาขายท่ีป้ัมนํ้ามัน ช่วยให้เกษตรกรในเครือข่ายที่เข้มแข็ง เหล่านี้ ขายสินค้าดี ในราคาท่ี
เหมาะสมไม่ต้องถูกหักหัวคิวจากคนกลาง กิจการรุ่งเรือง ฮือฮา มีผู้บริโภคไปใช้บริการคึกคัก ได้ของดี ราคา
เหมาะสม ผ่านไป 3 -5 ปีกิจการก็ค่อยๆทยอยปิดตัวลง ด้วยเหตุหลายประการ แต่เหตุสําคัญคือ "เกษตรกรไม่
มาตามนัด" คือ ส่งของได้ไม่สมํ่าเสมอ ทั้งปริมาณและคุณภาพ จนลูกค้าขาดความเช่ือม่ัน ถอยห่าง และร้างลา
กันไป "เกษตรกรไม่มาตามนัด" ไม่ใช่เป็นความต้ังใจ แต่มาจากวิถีการประกอบการแบบมวยวัด ขององค์กร
ชุมชน และเครือข่าย ปัจจุบัน ถ้าเดินเข้าไปใน 7-11 จะพบสินค้าของชุมชนวางขายในราคาท่ีสูง แต่ ชาวบ้านก็
ยังขายสินค้าตัวเดียวกันน้ัน ในราคาที่ตํ่ากว่าใน 7-11 มาก ยิ่งในร้านสุขภาพ เช่น golden place Foodland
villa market ฯลฯ ราคายิ่งสูงลิบล่ิว แต่คนก็ยังรุมซ้ือ แสดงว่า ไม่ใช่ไม่มีตลาด แต่ ตลาดยังไม่เช่ือวิถีการ
ประกอบการของชาวบ้านนอกอย่างพวกเราหรือเปล่า? เพื่อนๆ เรียน cbmc มา เป็นวันท่ี 4 แล้ว วันนี้ เริ่มทํา
ตาราง 5 ช่องกันได้แล้ว เห็นความแตกต่าง ของวิถีการผลิต ก่อนเรียน กับ หลังเรียน บ้างไหมครับ? สมมุติ
2542 เครือข่ายองค์กรชุมชน ขณะน้ัน แต่ละกลุ่มแต่ละคน รู้จักใช้ cbmc กันถ้วนหน้า ผลจะเป็นอย่างไร? อีก
ตัวอย่าง เครือข่ายองค์กรชุมชน พอช. มีครอบคลุมทุกตําบลทุกอําเภอท้ัง5ภาค เคยมีการทําโครงการ
แลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างภาค เช่น ปลาน้ําจืดจากภาคกลาง ขายให้ภาคใต้ ปลาน้ําเค็มจากใต้ ขายเหนืออีสาน
ฯลฯ เกิดมานับครั้งไม่ถ้วน ตลอดย่ีสิบปีที่ผ่านมาล้วนไม่สําเร็จ จะบอกว่า ต้นเหตุน่าจะมาจาก สมาชิกใน

เครือข่ายองค์กรชุมชนยังมีวิถีการผลิต แบบมวยวัด จะพอได้ไหม? ถ้าสมาชิกองค์กรชุมชน ในสภาองค์กร
ชุมชนที่มีอยู่ทุกตําบลทั้งประเทศ ได้มีวิถีการผลิต และวิถีการประกอบการแบบ cbmc หรือคนแบบcbmc
ขยายตัวออกไปท้ังประเทศ น่าจะเป็นอย่างไร? และอีกตัวอย่าง นักขายออนไลน์ ไลฟ์สดขายของออนไลน์ มี
อะไรขายได้หมด บางคนรับของชาวบ้านราคาถูกๆแต่ไปขายออนไลน์ ไลฟ์สด ขายได้ราคาแพงๆ มีเท่าไหร่ก็
หมด น่ันแสดงว่า ปัญหาไม่ใช่ตลาดใช่หรือไม่ ราคาไม่ใช่ปัญหาใช่หรือไม่ อีกตัวอย่าง ดราม่า กาแฟ แก้วละ
900 ก็ยังมีคนซ้ือ และขายได้ แสดงว่า ราคาไม่ใช่ปัญหาใช่หรือไม่ หรือกรณี ยอดขายของ “อาลีบาบา” ยักษ์
ใหญ่อี-คอมเมิร์ซจีน ในงานช็อปป้ิง 24 ชั่วโมงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ณ วัน (จันทร์) ที่ 11 เดือน 11 ซึ่งเรียกขาน
กันว่า “วันคนโสด” สามารถพุ่งทะลุหลัก 1,000 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียง 68 วินาที แล้วอะไรคือปัญหา
"การจดั การใช่หรอื ไม่" cbmc 4 วนั ทีเ่ ราเรยี นมาพอจะเป็นแนวทางของการจดั การไดห้ รือไม่

ข้อคิดชวนคุย 11 "ขายได้ขายดีถ้ามีแผน" ขายอย่างไร? 1) ขายให้แฟนคลับ 2) ขายได้ถ้าไม่ใช่มวย
วัดขายให้แฟนคลับ อันนี้เราได้เรียนกันมาแล้วตามการบ้าน วันท่ี 1 และ 2 ขายตัวเอก ขายตัวรอง ขายตัวใหม่
ขายของเพ่ือนขายได้ถ้าไม่ใช่มวยวัดหัวข้อน้ี มีความเก่ียวเน่ืองกับ ข้อคิดชวนคุย 10 จึงขอย้อนสาระสําคัญจาก
ข้อคิดชวนคุย 10 หัวข้อ "ไม่ใช่ตลาดไม่มี" ดังนี้ ลูกค้าท่ีอยากได้สินค้าดีมีคุณภาพจากบ้านนอก มีจํานวนมาก
และเพิ่มข้ึนตลอด จึงเกิด goldenplace lemon green villa market และมุมสินค้าดีจากบ้านนอกใน
ห้างสรรพสินค้า รวมทั้ง 7-11 เรียกว่า demand (ความต้องการซ้ือ) มากกว่า supply (สินค้าท่ีมีขาย) ทําให้ผู้
ซื้อยอมจ่ายด้วยราคาแพง กล้วยหอมบ้านเราหวีละ 30 บาทมี 16-18 ลูก 7-11 นําไปใสถุงขายลูกละ 9บาท
ตกหวีละ 162 บาท ขณะเดียวกัน สินค้าตัวเดียวกัน กับในห้างใหญ่ๆเหล่านั้น แปลกจัง! ที่บ้านนอกเรามี
มากมาย ขายไม่ค่อยออก ขายไม่ได้ราคา แสดงว่าสินค้าตัวน้ันยังมีอยู่อย่างเหลือเฟือท่ีบ้านนอกเราพอพ่อค้ามา
กว้านซ้ือไปในราคาถูก แป๊บเดียวก็ไปวางในช้ันตากแอร์ในห้าง ขายแพงมีคนมาแย่งซ้ือ แสดงว่า คนอยากได้
ยอมจ่ายแพง (demand) ขณะเดียวกันที่บ้านนอกเรามีเยอะ (supply) ขายไม่ออกขายไม่ได้ราคา จึงเกิดรวม
ค้ารวมขายในรูปแบบต่างๆ เช่น เป็นสหกรณ์บ้าง รวมขายกับป้ัมบางจาก ท่ัวประเทศ (เช่น lemon farm
กระแสแรงคึกคัก สําเร็จ 2542-2546 แล้วก็ร้างลา) จัดระบบเครือข่ายแลกเปล่ียนสินค้าข้ามภาค (พอช.ทํา
บ่อยมากในรอบ20ปี แต่แทบไม่เคยสําเร็จ) Demandหรือคนอยากซื้อมี ชาวบ้านดีใจ แต่ชาวบ้านก็ยังทํามาหา
กินแบบไม่มีแผน ลูกค้าอยากได้ แต่เราก็อยากขายแบบตามมีตามเกิดตามใจเรา แม้ลูกค้าจะรู้ว่าของเราดี ของ
เราอร่อยถูกปาก ติดใจ อยากซ้ือซํ้า แต่พอมาถึงร้านปิด ของหมด เขาก็คงเบ่ือ ไม่อยากมา แล้วก็บ่นให้คนอื่น
ฟัง อร่อยอย่างไร ดีอย่างไร ก็คงรอดยาก เหมือนเส้นผมบังภูเขา ถ้าชาวบ้านเปลี่ยนจากทําตามมีตามเกิด
ตามใจตามอารมณ์ เปลี่ยนมาทําตามแผน 5 ช่องโดยมีตาราง 9 ข้อคอยกํากับทิศทาง ไม่ว่าเราจะขายตรงให้
แฟนคลับหรือขายส่ง lemond farm ขายเป็นเครือข่ายข้ามภาค ขายเป็นเครือข่าย cbmc หรืออะไรก็แล้วแต่
Demand กับ supply จะมาตามนัดแล้ว ลูกค้าถูกใจจ่ายแพงน้อยลง ชาวบ้านดีใจขายน้อยราคาดี สม
ประโยชน์ท้ังสองฝ่าย เม่ือลูกค้าได้ของดีราคาย่อมเยา ย่อมติดใจ ซ้ือซ้ําบอกต่อ ขายตรงมีแผนก็สําเร็จ ขาย
ฝาก มีแผนก็สําเร็จ ที่สําคัญแผน9 ข้อ 5 ช่องยังช่วยลดรายจ่าย ด้วยทุนข้อ 7 และ ข้อ 8 ทําให้ราคาของเรา
แข่งขันได้สบายๆ ให้ยักษ์ในตะเกียงวิเศษเป็นเพ่ือนคู่คิดมิตรคู่เรือนในการทํามาหากินทํามาค้าขายแบบมีแผน
กันเถิดครับ ตลาด ... มี ตามข้อคิดชวนคุย 10 เพียงชาวบ้านนอกค้าขายแบบมีแผนตามข้อคิดชวนคุย 11 ก็จะ
ขายได้ขายดี ขายไดข้ ายดถี ้ามแี ผน

บรรยาย 5 Community Business Model Canvas: cbmc (แบบจําลองธุรกจิ บ้านนอก 9ขอ้ )
เป็นการย่อการบ้านต้ังแต่วันแรกถึงเมื่อวานท้ังหมดมาใส่ในตาราง 9 ข้อ หรือพายักษ์เข้าตะเกียงวิเศษ

ตัวอย่าง การบ้านวันแรก ข้อท่ี 1 เสน่ห์สินค้า ให้ท่านคิด ประโยคหรือวลีส้ันๆ ที่คนอ่านปุ๊บ รู้ป๊ับว่า น่ีแหละ
เสน่ห์สินค้าของเรา เช่น หิวเม่ือไรก็แวะมา เราจะนึกถึง 7-11 ความสุขที่ดื่มได้ จะนึกถึงเบียร์ยี่ห้อหน่ึง รีเจนซ่ี
บร่ันดีไทย จะนึกถึง บร่ันดีไทยย่ีห้อหน่ึง ทุเรียนภูเขาไฟ คุ้มค่า..ทุกนาที...ดูทีวี ช่องไหนครับ ฯลฯ สร้างคําสั้นๆ
กระชับจับใส่ลงในตารางข้อท่ี 1 หรือวันที่ 4 คือเม่ือวาน วิธีการการนําทุนท่ีใช้จากตาราง ช่องท่ี 5 ทุนทําเอง
(ข้อ 7) ทุนร่วมมือภาคี (ข้อ 8) ทุนเงิน (ข้อ 9) ให้ท่าน รวบรวมกิจกรรมที่เป็นเลข 7 ทั้งหมดมาใส่ตาราง "ทํา
เอง" รวบรวมกิจกรรมท่ีเป็นเลข 8 ทั้งหมดมาใส่ตาราง "ร่วมมือภาคี" พร้อมช่ือย่อ หน่วยงาน ดูเลข 9 รวบรวม
กจิ กรรมและตัวเงนิ ทใ่ี ชท้ ง้ั หมด มาใส่ตาราง "ใชเ้ งนิ ลงทุน" ท่านกจ็ ะเห็น 1) กิจกรรมทั้งหมดทีเ่ ราทาํ เอง

2) กิจกรรมท่ีต้องร่วมมือกับหน่วยงาน และร่วมมือกับหน่วยงานไหนบ้าง 3) ใช้ตังค์ท้ังหมดเท่าไร นี่
คือการบริหารทุนเพื่อลดรายจ่าย ใช้เงินน้อย คือจุดเด่นทํามาหากินทํามาค้าขายแบบ 9 ข้อ 5 ช่อง ใช้เงินน้อย
ความเส่ียงก็น้อย ใช้เงินน้อย เราก็ขายของคุณภาพดี ราคาสู้คู่แข่งได้ ของดีราคาถูกใจ บริการประทับใจ เราก็
จะมี แฟนคลับ หรือลูกค้าประจําที่ติดใจ ซื้อซํ้า บอกต่อ เมื่อมีแฟนคลับเราก็ขายได้ตลอด ขายสินค้ารองได้
ขายสินค้าตัวใหม่ถูกใจลูกค้าได้ ขายสินค้าดีดีของเพ่ือนได้ แบบนี้แหละ "ขายน้อยได้มาก" แบบน้ีแหละ ความ
ผาสุกของครอบครัว ชุมชนบา้ นนอกเราจะอยคู่ ่ลู ูกคูห่ ลาน แบบน้แี หละที่ เรยี กว่า ธุรกิจเพ่ือชุมชน

ลงตารางเสร็จ ท่านก็จะได้ Community Business Model Canvas; cbmc คล้ายๆได้โฉนดหรือ
แผนท่ี บอกขอบเขต ขนาดของกิจการของเรา ใช้สําหรับกํากับทิศทางการทํามาหากินทํามาค้าขายของเรา ให้
ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายกิจการได้จริง ไม่ต้องหลงทางเข้าสู่วงจรอุบาท ขายมากได้เงินน้อย มีของแต่ขาย
ไม่ได้ เหนื่อยแทบตายได้หน้ีท่วมตัว การได้ตาราง 9 ข้อและตาราง 5 ช่องก็เหมือนว่า ท่านได้สร้างตะเกียง
วิเศษท่ีมียักษ์ใจดีแอบอยู่ในตะเกียง คอยช่วยท่านทํามาหากินทํามาค้าขายแบบมืออาชีพได้ด้วยตัวท่านเอง
นั่นเอง แบบน้ีแหละท่ีแผนธุรกิจเพ่ือชุมชน 9 ข้อ 5 ช่อง ช่วยให้บ้านนอกยังคงเป็นสวรรค์บนดินได้ต่อไป เรา
มาสรา้ งตะเกียงวเิ ศษตอ่ จากเมือ่ วานกนั เถอะ ...(!)
การบ้าน 5 แบบจําลองธุรกิจบ้านนอกทเี่ ราทํา (Business Model)

เป็นการนําการบ้านทั้งหมด ต้ังแต่วันแรกถึงเมื่อวาน มาสรุปเป็น 9 ข้อแบบกระชับ ใส่ลงใน กระดาษ
แผ่นเดียว วิธีการ ดูตัวอย่าง กดfileตาราง 9 ข้อ ย่อเรื่องราวการบ้านของท่าน ตาม 9 ข้อต่อไปนี้ให้สั้นท่ีสุด ได้
ใจความที่สดุ

1. เสน่ห์สินค้า
2. กลุ่มลกู ค้าที่ชดั เจน
3. ชอ่ งทางสื่อสาร
4. บริการกอ่ นและหลงั การขาย
5. เพ่มิ รายไดข้ ยายกจิ การ
6. กิจกรรมสาํ คัญ
7. ทุน เราทําเอง ระบุกจิ กรรม
8. ทนุ ร่วมมือภาคีระบกุ ิจกรรม
9. ทนุ เงนิ ระบกุ จิ กรรมและจํานวนเงนิ
เขียนลงในตาราง สาํ เร็จเปน็ แบบการบริหารธุรกิจชมุ ชน

ข้อคิดชวนคุย 12 "เก่งไม่เก่งไม่รู้ แต่ชาวบ้านอย่างตู ก็ทําได้แบบบริษัทใหญ่ๆ" ถีงเวลาน้ี มีผู้ส่ง
การบ้านครบทุกข้อแล้ว บางท่านคงแปลกใจ เมื่อ 4 วันก่อน เข้ามาวันแรก งง งง ถึงวันน้ี เรื่องราวของสินค้า
เราท้ังหมด ถูกบรรจุลงในกระดาษแผ่นเดียว 9 ข้อ เรียกว่า business model แถมยังมีเลขาส่วนตัวอีก 1
แผ่น 5 ช่อง เรียกว่า business plan ในบริษัทเอกชน ก็มี 2 แผ่นนี้เหมือนกัน แผ่นแรก คือ business
model ก็มีแผ่นเดียวเหมือนกัน แต่แผ่นท่ี 2 อาจจะซับซ้อนกว่าน้ีมาก เพราะกิจการใหญ่ คนเยอะ ใช้ตังค์มาก

ในภาคเอกชน เขาก็จะเดินตาม operation plan โดยมี business model คอยกํากับ ถึงตอนน้ี เพื่อนๆพ่ีๆ
ครอบครัว cbmc ทุกคน ก็มียักษ์ในตะเกียงวิเศษเหมือนธุรกิจใหญ่แล้ว ที่เหลือคือ การลงมือทําตามแผน 3
เดือน 6 เดือน เราก็จะรู้แล้วละ ว่าจะลดรายจ่ายเพ่ิมรายได้ ขยายกิจการได้จริงแค่ไหนอย่างไร ลองพิจารณา
ข้อความของคุณประภาพร เฒ่าฝั้น ที่ยกตาราง 9 ช่องเป็นตัวอย่าง "ทุกส่ิงทุกอย่างมีอยู่ในเนื้อในตัวเราแล้ว
ครับ เป็นส่ิงที่เราทําเป็นประจําเพียงแต่เรานึกไม่ถึงไม่เคยได้ส่ือออกมา พอได้คิดได้เขียนได้อ่านของเพื่อน มีพี่
เล้ียงคอยเสริมให้ เหมือนยืนอยู่หน้ากระจก ถ้าไม่มีกระจกเราก็ไม่รู้ว่าเราสวยเราหล่อแค่ไหน "และถ้าย้อนนึก
ทบทวนตั้งแต่เรียนวันแรก จนถึงวันน้ี ดีดี เป็นไปได้ไหมว่า ตลอด 5 วัน ตัวเราได้นําสิ่งที่เรารู้เราทํามาแล้ว มา
จัดใหม่ให้เป็นระบบ แทบจะไม่มีเรื่องอะไรที่ใหม่เลย เพียงแต่ก่อนหน้านั้นเรายังคิดไม่ถึง ยังไม่ได้จัดให้มันเป็น
ระบบการเรียน 5 วันเป็นการค่อยๆนําประสบการณ์เดิมของเรามาจัดเป็นระบบจนออกมาอยู่ในตาราง 9 ข้อ
และ 5 ช่อง ถ้าไม่มีกระจก 4 บาน ส่ิงเหล่าน้ีก็วนเวียนสะเปะสะปะอยู่ในหัวเราตลอดเวลา คําถามคือ เราเขียน
ตาราง 9 ข้อ ตาราง 5 ช่อง ให้ใคร? ถ้าเขียนให้ตัวเอง หรือกลุ่มของตัวเอง ก็ต้องเขียนให้ตรงที่สุด ดีท่ีสุด ผล
อีก 3 เดือน 6 เดือน ก็จะดีตามมา แต่ถ้าเขียนแบบขอไปที ผลท่ีออกมาก็เป็นแบบขอไปทีนั่นเอง ทําอย่างไรได้
อย่างน้ัน ถึงตอนนี้ เราเขียนเองคนเดียวที่บ้านก็ได้นี่! คําตอบคือ ได้แน่นอน หลังจากนี้ไปท่านเขียนเองได้
แล้วแต่ถ้า 5 วันที่ผ่านมา ไม่มีกระจก 4 บาน เราเขียนเองก็น่าจะไม่ได้อย่างวันนี้ กระจกท้ัง 4 บานจึงล้วนแต่
เป็นครูของกันและกัน ขอบคุณ ที่ลงมือจับยักษ์ใส่ในตะเกียงวิเศษ จนสําเร็จ ใช่ครับเย็นนี้ เราจะได้มาทดสอบ
ความเข้าใจการใช้แผนกัน กับ #จากข้อคิดชวนคุย 12 ขายได้ขายดีถ้ามีแผน# และวันพรุ่งนี้จะมีสอบ โดยมี
ข้อสอบ 7 ข้อ แถมนิดนึง แต่เห็นช้างขี้ อย่าข้ีตามช้างก็แล้วกัน ความผาสุกร่วมกันของครอบครัวเรา ชุมชนเรา
บา้ นนอกเรา ลกู หลานเรา คอื เป้าหมายทีไ่ ด้ทั้งชวี ติ ทีด่ ี และมีความสขุ ต่อไปครับ
ข้อสอบ มี 3 ขอ้

ให้ทา่ นตอบจากใจ ตรงไปตรงมา เขยี นออกมาใหม้ ากท่ีสุดไมม่ ถี ูกไม่มผี ดิ
ข้อท่ี (1) ท่านรู้สึกได้อะไรจากการเรียน 5 วันที่ผ่านมาบ้าง? และรู้สึกอย่างไรหลังจับยักษ์ใส่ตะเกียง
วเิ ศษได้แลว้
ขอ้ ที่ (2) ทา่ นรู้สึกอย่างไรกับการค้าขายแบบ มีแฟนคลบั ?
ข้อที่ (3) อ่านบรรยาย โลกกําลังใสใจการพัฒนาเศรษฐกิจแนวใหม่ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ
Bioeconomy(B)คือการต่อยอดทรัพยากรพืชและสัตว์ด้วยเทคโนโลยีท่ีช่วยให้เกิดการพัฒนาผลผลิตทาง
การเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น เศรษฐกิจหมุนเวียน Circular Economy(C) คือการใช้ทรัพยากรให้เกิดความคุ้มค่า
มากที่สุด มีการหมุนเวียนใช้ซ้ํานํากลับมาใช้ใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดของเหลือท้ิง ไม่เกิดขยะทุกกระบวนการ ลด
ปริมาณของเสียให้เป็นศูนย์ เศรษฐกิจสีเขียว Green Economy(G) คือการพัฒนาเศรษฐกิจท่ีไม่ได้สนใจเพียง
รายไดเ้ ท่าน้ัน แตย่ ังตอ้ งใส่ใจส่ิงแวดล้อม มลพิษ และความยงั่ ยืน อาทิ การไม่ใชส้ ารเคมี
เรียกย่อๆรวมกันว่า BCG BCG เป็นแนวทางการพัฒนาท่ีสอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ย่ังยืน(SDGs)ของ
สหประชาชาติ 5 เป้าหมาย ได้แก่ การผลิตและบริโภคท่ีย่ังยืน การรับมือการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การอนุรักษ์ความหลากหลาย ความร่วมมือการพัฒนาที่ย่ังยืน และการลดความเหลี่อมล้ําอีกทั้งสอดรับกับ
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งเป็นหลักสําคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย BCG เป็นการ

เปลี่ยนรูปแบบจากการ "ผลิตมากแต่สร้างรายได้น้อย (More for Less)" ไปสู่การผลิตที่ "ผลิตสินค้าน้อยแต่
สรา้ งรายไดม้ าก (Less for More)"

ข้อสอบ (3) ทา่ นร้สู ึกวา่ CBMC มีสว่ นคลา้ ยกับ BCG บ้างหรือไม่ อยา่ งไร ?
ข้อคิดชวนคุย(พิเศษ) 5ปี cbmc ครอบครัวcbmcคือพลังท่ีคว้าดาวมาเคียงดิน ปัญญาน่าจะเป็นส่ิง
สําคัญลําดับต้นๆของมนุษย์ cbmc สร้างกระบวนการเรียนรู้ ให้คนเล็กคนน้อยโดยเฉพาะคนบ้านนอก ได้"ขุด
ปัญญา" ในตัวเองออกมาใช้อย่างสร้างสรรค์ เพื่อชีวิตท่ีดีกว่าของตนเอง คนรอบข้าง และโลก 5 ปีที่ปรากฎตัว
จนถึง การใช้ online ผ่านกลุ่มline ขยายวงได้อย่างเป็นคานงัด กับหลักสูตร 6 วัน + หลักสูตร พ่ีเล้ียง 1 วัน
พร้อมฝึกงาน + หลักสูตร TBMC ที่กําลังจะจบเป็นรุ่นแรกเร็วๆนี้ ได้ก่อเกิดเครือข่ายธรรมชาติ ของคนจิต
สาธารณะขึ้นมาเครือข่ายหนึ่ง ที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ ร่วมสร้างความผาสุกร่วมกันถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ที่ยืน
อยู่บน หลักการสําคัญคือ การจัดการตนเองได้ด้วยการนําจุดแข็งของบ้านนอกซ่ึงมี ภูมิปัญญาท้องถ่ินเป็นฐาน
ผสานการใช้ปัญญาสากลมาเป็นเคร่ืองมือ ทําให้เกิด ชุมชน online ที่มีลักษณะ "ตามองดาวเท้าติดดิน และ
สามารถปีนบันไดไปถึงดาวได้" เครือข่ายน้ันคือ ครอบครัว cbmc ตัวแปรสําคัญ โลกยุคdigital ได้ disrupted
หรือ ถอดร้ือแล้ววิถีเดิมๆแล้วประกอบใหม่ เป็นวิถีใหม่ ท่ีรุนแรงและรวดเร็ว อดีตเราจะสําผัสการเปลี่ยนแปลง
เป็นยุคๆ จากยุค คนถํ้า สู่ยุคเกษตร ใช้เวลานับหม่ืนปี จากยุคเกษตรสู่ยุคอุตสาหกรรม ก็เป็นร้อยๆปี จากยุค
อุตสาหกรรมแบบ อนาลอค สู่digital เรานับเป็น ช่วงๆ ช่วงละ 10 ปี หรือทศตวรรษ แต่ในยุค digital ท่ีทําให้
โลกเร่ิมไร้พรมแดน หรือ globalization อัตราเร่งของการเปล่ียนแปลง เราต้องนับกันเร็วขึ้นคือ นับกันปีต่อปี
เม่ือ technology blockchain ปรากฎตัว การเปลี่ยนแปลงจะเร็วขึ้นอีกเรียกว่าต้องนับว่าจะเห็นการ
เปลี่ยนแปลงเป็นรายเดือน ตัวอย่าง app เป๋าตังส์ มีชาวบ้านเข้าใช้ เกือบครึ่งประเทศแล้ว น่ันหมายถึงอะไร
หมายถึงคนไทยมีมือถือแบบ smart phone เฉลี่ย คนละ 1 เครื่องข้ึนไป และใช้ digital เป็น lifestlye หรือ
ค่อยๆกลายเป็นชาวดิจิตอลแบบไม่รู้ตัวไปแล้วกว่าครึ่งประเทศ ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทยกําลังจะใช้ เทค
โนโลย่ีท่ีลํ้าสมัยสุดคือ ควอลต้ัมคอมพิวติ้ง ซึ่งก้าวหน้ากว่า blockchain หลายพันเท่า ให้ระบบการเงินของ
ไทย เป็น แบบ digital money ต้ังแต่ต้นปี 2565 เป๋นต้นไป เงินเหรียญ เงินธนบัตร ธนาคารแบบเดิมจะค่อย
ๆหายไปโดยไว เรียกว่า 2565 จะเกิดการถอดร้ือประกอบใหม่ ระบบการใช้จ่าย ใหม่ทั้งระบบ การ
เปลี่ยนแปลงหลังจากนี้ เราอาจต้องนับกันเป็นสัปดาห์ แทนที่จะนับเป็นยุค เช่นยุคหิน ยุคเกษตร ยุค
อุตสาหกรรม ยุค 60 ยุค 70 เหมือนท่ีเคยชินมาตลอดชีวิต ตัวแปร สําคัญนี้ จะมีส่วนสําคัญ กับ การ เปล่ียน
บ้านนอก ให้เป็น ทาสยิ่งขึ้น หรือเป็นโอกาสท่ีสําคัญยิ่งในการพลิกจากทาส (=เป็นฝ่ายถูกกระทําดังที่ผ่านมา ;
passive =ถูกกดทับ)ให้เป็น นายหรือฝ่ายกระทํา active ; จัดการตนเองได้ คือเป็นได้ท้ังข้าศึก และเป็นโอกาส
ก็ข้ึนอยู่กับเราจะใช้โอกาสน้ีเป็นไหม ง่ายๆก็คือ เป็นโอกาสให้เราเปล่ียนเป็นบ้านนอกที่เข้มแข็งจัดการตนเอง
ได้อย่างยั่งยืนนั่นเอง ถ้าเราใช้โอกาสน้ีเป็น และทันกาล TBMC = เครือข่าย CBMC ฐานบ้านนอก (ข้อ 1-7) +
ทีมวิจัย +U2T + Young smart farmer+ digital technology (ข้อ 8) + digital money (ข้อ 9) คือ
คําตอบ ของเครือข่าย cbmc ท่ีเรียกว่า ครอบครัว cbmc หรือไม่ คลอลตั้มคอมพิวต้ิง = internet
Blockchain= internet เครือข่าย cbmc= internet แต่ควอลต้ัมและ blockchain เป็น technology
internet ครอบครัว cbmc เป็น คนจิตสาธารณะที่เช่ือมต่อกันเป็นเครือข่ายทางปัญญา เพื่อใช้จุดแข็งของ
บ้านนอกเป็นฐานก่อการด้วยการใช้ปัญญาสากล (technology ที่กําลัง disrupted วิถีเดิมให้เป็น วิถีใหม่ หรือ
new normal) สร้างบ้านนอกยุคใหม่ที่คว้าดาวมาเคียงดิน!? เครือข่ายทางปัญญาของคนจิตสาธารณะ cbmc

ท่ีมีจุดแข็งของบ้านนอกเป็นฐาน ก่อการทํามาหากินทํามาค้าขายบนจุดแข็งของอัตลักษ์เสน่ห์บ้านนอก ค้าขาย
แบบแฟนคลับ โดยปรับ เอา technology disruption มาเป็นเคร่ืองมือ = เรามีแหล่งของกินของใช้ของ
ชาวโลกอยู่ในมือ(จุดแข็งของบ้านนอก) และใช้ 9 ข้อ 5 ช่อง บริหาร มีข้อ 8 หรือ Technogym disruption
เปน็ เครื่องมือ สร้าง บา้ นนอกวถิ ีใหม(่ new normal) ทีจ่ ัดการตนเองได้ จะเป็นไปได้ไหม?
แชร์ประสบการ และความรูค้ วามเขา้ ใจใหแ้ ตล่ ะหอ้ งส่งตัวแทน 3 คนนําเสนอ

1.1.พวกเราได้อะไร
1.2 การตลาดแบบ แฟนคลับ เหมาะกับ ชาวcbmc อย่างไร
1.3 BCG กับ CBMC
ข้อคิดชวนคุย 13 "จบแต่ไม่จาก" 6 วันท่ี "ครอบครัว cbmc" รุ่น u2t อีสาน ที่สมัครเข้ามาในระบบ
390 กว่าคน ถึงวันนี้ท่ีเราส่งการบ้านและพร้อมทําข้อสอบเพื่อจบนั้นยังไม่ชัดว่าจะมีกี่คน แต่ท่ีแน่ๆทุกห้องได้
แลกเปล่ียน ได้พูดคุย ได้คุ้นเคยกับครูพ่ีเลี้ยงที่มาจากทั่วประเทศ "แบบรู้ใจซึ่งกันและกัน" กิจกรรมการอบรม
แบบนี้คงไม่ใช่เร่ืองง่ายที่จะมีโอกาสเช่นน้ี เมื่อเป็นความคุ้นเคยที่มีคุณค่าและหาได้ยาก การรักษาคุณค่านี้ไว้
อย่างเป็นธรรมชาติและเอ้ือประโยชย์ซ่ึงกันและกัน รวมท้ังได้เอื้อประโยชน์ต่อส่วนรวมตามจริง ย่อมดีงามต่อ
ชีวิต cbmc 9 ข้อ 5 ช่อง ได้เปิดช่องทางที่เอ้ือต่อคุณค่าดังกล่าวคือ 1) ข้อท่ี 8 ทุนความร่วมมือ เป็นช่องทาง
ให้แต่ละคนนํา"จุดแข็งท่ีแตกต่างหลากหลาย"ของแต่ละคน ไป เติมเต็มเพ่ือนๆ แบบ "เพื่อนช่วยเพ่ือน" 2) ข้อท่ี
5 นําสินค้าดีดีของเพื่อนมาขาย 3) ข้อท่ี 3 ช่องทางการสื่อสารถึงลูกค้าเป้าหมาย ความเชี่ยวชาญในยุค digital
ของคนต่าง gen (Generation)จะช่วยเติมเต็มกันได้ เช่น blockchain ที่คนรุ่นใหม่เป็น คุ้นชิน(native) แต่
คนรุ่นพี่ป้าน้าอา (ล้ม) อ่อนด้อย การเก้ือหนุนจึงมีคุณค่า ขณะท่ี ข้อที่ 1 เสน่ห์ของสินค้า ท่ีต้องการความ
แตกต่าง อันเป็นอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น คนรุ่นพ่ีป้าน้าอา จะคุ้นเคย และค้นหามาให้คนรุ่นใหม่ ใช้ digital
/blockchain เพ่ิมคุณค่สและมูลค่าได้ ข้างต้นแค่เป็นตัวอย่างที่ 6 วันนี้จัดก่อประโยชน์ระยะยาวได้ย่ิงข้ึน ถ้า
เรา "จบแลว้ ไมจ่ าก"
วันท่ี 30 มกราคม 2565 ชอ่ื …ทัศนีย์ รตั ตะฤทธ์ิ……… …………หอ้ ง...……8………………………..
ข้อท่ี (1) ทา่ นรู้สกึ ไดอ้ ะไรจากการเรยี น 5 วันท่ผี า่ นมาบา้ ง?
ตอบ..…รจู้ กั ตวั เองมากขน้ึ กว่าเดมิ รู้ว่าเราคอื ใคร สนิ ค้าเราเปน็ ประเภทไหน จะหาลกู ค้าทมี่ าซ้อื ซ้ําบอกตอ่
อย่างไร กลุ่มไหนเป็นลูกคา้ เฉพาะและประจาํ รู้จักการบรหิ าร.เสนห่ ์ของ สินค้าเรา และcbmc
สามารถใหค้ นไดเ้ รยี นรู้วิธีการจัดการกับธรุ กจิ ของตวั เองและชมุ ชน มองเห็นตวั ตนรากเหงา้ ของตัวเองและทมี่ ี
อยใู่ นชุมชน และวางแผนจดั การธรุ กิจอยา่ งมรี ะบบ
และรสู้ ึกอยา่ งไรหลงั จบั ยกั ษใ์ ส่ตะเกียงวิเศษไดแ้ ล้ว
ตอบ......แผนทเ่ี รยี นมามขี นั้ ตอนการปฏิบตั ทิ ่ีชดั เจน เร่มิ ตั้งแตค่ ้นหาสินคา้ ตัวเอก หาความมีเสน่ห์ของสนิ คา้
ความโดดเดน่ ความแตกตา่ ง การค้นหาเป้าหมาย กลุ่มลูกคา้ ปจั จุบัน อนาคต เทคนคิ การเพิ่มรายได้ ขยาย
กิจการ และมกี ิจกรรมเพอ่ื ทําการตลาด สามารถปรับมาทาํ ปฏิทนิ และมีกระบวนการท่ีใช้ทุนชุมชนทาํ เองและมี
ภาคีพฒั นาสินค้าผลิตภัณฑ์ รวมท้งั ใชท้ ุนตวั เองใหน้ ้อยทส่ี ุด เปน็ แผนจําลองทใี่ หพ้ เี่ ลีย้ งชวนชุมชนคิดและทํา
พร้อมมคี าํ แนะนาํ ไปด้วยกัน

ข้อท่ี (2) ท่านรู้สกึ อย่างไรกับการค้าขายแบบ มีแฟนคลับ?
ตอบ........ทําให้เรามีลูกคา้ ประจาํ ท่ีมีรสนิยมชอบสนิ คา้ เรา ซ้อื ซ้าํ และบอกต่อ พรอ้ มสร้างเครอื ขา่ ยทาง
การตลาดใหส้ ามารรถเพิ่มรายได้ขยายกิจการไดอ้ ีกดว้ ย งา่ ยในการประชาสมั พันธืสินคา้ ของเราและของเพ่อื น
ขอ้ สอบ (3) ท่านรสู้ กึ วา่ CBMC มสี ่วนคล้ายกบั BCG บ้างหรือไม่ อยา่ งไร ?
ตอบ.......มคี วามคลา้ ย แบบอนื่ มงุ่ เน้นทําตลาดและยอดขายผลิตน้อยแตส่ ร้างรายได้มาก เปน็ ธรุ กจิ เพ่ือนฝูง
เครอื ขา่ ย
แตc่ bmc เป็นธุรกิจเพ่ือชมุ ชน เพอ่ื คนเลก็ คนนอ้ ย คนบ้านนอก ที่ไม่มคี วามรู้แต่ มกี ระบวนการค้นหาตัวตน
มีพ่เี ลยี้ งประคอง มีเครื่องมอื ใช้ในการทาํ ธุรกิจไมอ่ อกนอกเส้นทาง

ภาคผนวก


Click to View FlipBook Version