The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โฮงฮอมผญ๋า โฮงยาหมอเมืองล้านนา
ภูมิปัญญาการรักษาโรคด้วยสมุนไพร มีดังนี้
1. การย่างสมุนไพร
2. การตอกเส้น
3. การอบสมุนไพร
4. การประคบสมุนไพร
5. การเช็ดแหก
6. การแช่เท้าสมุนไพร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

โฮงฮอมผญ๋า โฮงยาหมอเมืองล้านนา

โฮงฮอมผญ๋า โฮงยาหมอเมืองล้านนา
ภูมิปัญญาการรักษาโรคด้วยสมุนไพร มีดังนี้
1. การย่างสมุนไพร
2. การตอกเส้น
3. การอบสมุนไพร
4. การประคบสมุนไพร
5. การเช็ดแหก
6. การแช่เท้าสมุนไพร

โฮงฮอมผญา๋
โฮงยาหมอเมอื งล้านนา

บ้านป่ารวก ตาบลนางแล จงั หวดั เชียงราย

โฮงฮอมพญา๋ โฮงยาหมอเมืองล้านนาเชียงราย

โฮงฮอมพญ๋าโฮงยาหมอเมืองล้านนาเชียงราย หรือ ศูนย์เรียนรู้ชุมชน
ตาบลนางแล ก่อต้ังในปี พ.ศ. 2560 ตั้งอยู่ภายในวัดพระธาตุดอยโอ่ง
ก่อต้ังข้ึนเพื่ออนุรักษ์และสืบสานศาสตร์ล้านนา และเป็นการเผยแพร่
ความรู้ด้านต่าง ๆ ภายในศูนย์มีกิจกรรมเผยแพร่วิชาแพทย์ทางเลือก
แห่งล้านนาโบราณ โดยพระอาจารย์ เมธาวินทร์- ชยธัมฺโม แสนธิ
เป็นผู้ฝึกสอน วิชาแพทย์ทางเลือกแห่งล้านนาโบราณ โดยใช้พืช
สมุนไพรในการรักษา ท้ังการตอกเส้น การย่าขาง การนอนย่าง
สมุนไพร แช่เท้าสมุนไพร สปาสุ่มไก่ การเช็ดใบไม้ และการแหกเขา
ควายฟ้าผ่า เป็นสถานท่ีรองรับการรักษาโดยใช้การแพทย์แบบพื้นบ้าน
ล้านนาโบราณ ท่ีนาพืชสมุนไพรมาใช้ในการบาบัดร่างกายผ่าน
กรรมวิธีพ้นื บ้านหลากหลายรูปแบบ

สถานที่ตัง้ แหลง่ การเรยี นรู้

ศูนยเ์ รยี นรูช้ ุมชนตาบลนางแล วดั พระธาตดุ อยโอง่ บ้านป่ารวก หมทู่ ่ี 8 ตาบลนางแลอาเภอเมอื ง จงั หวดั เชยี งราย

เปิดให้บรกิ ารทุกวนั
เวลา 08.30 – 16.30 น.

แหลง่ ท่มี าของภมู ิปญั ญา

พระอาจารย์ เร่ิมจากการท่ี พระอาจารย์ เมธาวินทร์- ชยธัมโม แสนธิ มีความรู้และสนใจในการ
เมธาวนิ ทร์- ชยธมั โม แสนธิ นวดโดยใช้สมุนไพร จึงได้ไปเรียนรู้วิธีการนวดและการใช้สมุนไพรต่าง ๆ ในการ
รักษาโรคจากจังหวัดเชียงใหม่ และอยากท่ีจะส่งเสริมการใช้สมุนไพรและการสร้าง
อาชีพให้แก่คนในชุมชน จึงได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ โฮงฮอมผญ๋า โฮงยาหมอเมือง
ล้านนา ขึ้นมา โดยเริ่มแรกได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้านในการปรับพ้ืนท่ีในการ
จัดต้ังศูนย์ดังกล่าว ต่อมาเร่ิมมีหน่วยงานรัฐเข้ามาสนับสนุนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิง
วฒั นธรรม จึงทาให้ศนู ยก์ ารเรียนรแู้ หง่ นกี้ ลายเป็นทีร่ ู้จกั อยา่ งกวา้ งขวางมากขึ้น

แหล่งท่มี าของสมนุ ไพร

ศูนยก์ ารเรยี นรู้ โฮงฮอมผญา๋ โฮงยาหมอเมืองลา้ นนา มีการปลูกพืช
สมุนไพรเองในพื้นท่ีของศนู ย์การเรียนรู้ และบางชนิดคนในชุมชนได้
นามาถวายแกพ่ ระอาจารย์ เมธาวินทร์ เพ่ือใช้ในการรักษาโรค และ
นอกจากนยี้ ังมกี ารส่งั ชอ้ื พืชสมุนไพร เนือ่ งจากมีผู้เขา้ มาใช้บริการเป็น
จานวนมาก ทาให้มีสมุนไพรไม่เพียงพอต่อการให้บริการ จึงได้มี
การสัง่ ช้ือผ่านชอ่ งทางออนไลน์เขา้ มา

➢ การยา่ งสมุนไพร
➢ การตอกเส้น
➢ การอบสมนุ ไพร
➢ การประคบสมุนไพร
➢ การเช็ดแหก
➢ การแช่เท้าสมุนไพร

การยา่ งสมุนไพร

การย่างสมุนไพร เป็นการช่วยปรับสมดุลของร่างกาย
ช่วยขับเหง่ือ ลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย อาการ
ปวดไมเกรน สมานบาดแผลอาการบวมที่เกิดจาก
อุบัติเหตุต่าง ๆ เช่น หกล้ม ตกต้นไม หรือดูแล
มารดาหลงั คลอดบุตร การย่างสมุนไพรนอกจากจะใช้
ความร้อนแล้ว ยังมีไอของสมุนไพรท่ีเป็นยาอยู่ด้วย
โดยไอความร้อนและไอของสมุนไพรจะช่วยกระจาย
เลือดลม ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดในร่างกายดี
ขึ้น ช่วยให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และผิวพรรณ
งดงามเปลง่ ปลั่งอกี ดว้ ย

อปุ กรณใ์ นการยา่ งสมนุ ไพร

1. แครไ่ มไ้ ผ่
2. สมุนไพรต่างๆ
3. ผ้าหม่ ชุบน้าหมาด
4. หมอน
5. เตาอั้งโล่

สมุนไพรที่ใชใ้ นการยา่ งสมุนไพร

ว่านสาวหลง ใบพลบั พลงึ เถาเอน็ อ่อน ใบหนาด

แต่งกลน่ิ ทาใหส้ ดชน่ื ผ่อนคลาย รักษาฝีไดท้ ุกชนดิ แก้อาการ แก้ปวดเม่ือย แก้เสน้ ตงึ ให้การไหลเวยี นของเลอื ดดี
ปวดเมอื่ ยตามข้อ บารุงเสน้ เอน็ แก้บวม ขับลม แกป้ วดศีรษะ

ขัน้ ตอนในการยา่ งสมุนไพร

1. ทาการสระผม (สระแบบนวดหวั )
2. แชเ่ ท้าในนา้ สมุนไพรพร้อมนวดเทา้ ไปด้วย
3. นาสมนุ ไพรมาปบู นแครท่ เี่ ตรยี มไวใ้ หท้ ัว่ แคร่
4. ตั้งไฟไว้ใต้แคร่ความร้อนที่ใช้ขึ้นกับความสูงของแคร่ถ้าสูง
มากกใ็ ชไ้ ฟแรงตามความเหมาะสม
5. ขึ้นนอนบนแคร่ไม้ไผ่ท่ีปูด้วยสมุนไพร คลุมด้วยผา้ ห่มชุบน้า
หมาด เพ่ืออบไอร้อนเอาไว้ หลังจากอบประมาณครึ่งช่ัวโมง
สามารถทาการนวดและประคบสมนุ ไพรได้
6. ผู้เป็นหมอพ้ืนบ้านจะดูแลเร่ืองความร้อนของไฟให้อยู่ใน
ระดับที่พอดีตลอดการให้บริการ และช่วยนวดไประหว่างการ
นอนยา่ งบนแคร่สมนุ ไพร

ขอ้ ห้ามและขอ้ ควรปฏบิ ัตสิ าหรบั การย่างสมนุ ไพร

1. ไม่ควรด่มื น้าเย็นขณะทาการย่างสมุนไพร
2. ตอ้ งคอยสอบถามอาการผรู้ ับบริการอย่างต่อเนือ่ ง
3. ไม่ควรทาในรายทม่ี ีไข้ อ่อนเพลยี และผทู้ ี่มีประจาเดือน
4. ควรทาหลังรบั ประทานอาหารแลว้ ประมาณ 1 ชัว่ โมง
5. ผทู้ มี่ โี รคประจาตัว เชน่ โรคความดนั โลหิต โรคหวั ใจ โรคมะเรง็
ควรระมัดระวงั และดแู ลอย่างใกลช้ ดิ

การตอกเส้น

เป็นภูมิปัญญาในการดแู ลรกั ษาสุขภาพของชุมชนในแถบ
ภาคเหนือ เป็นอีกหนงึ่ ภูมิปญั ญาทเ่ี ป็นอัตลักษณใ์ นระบบ
การแพทยพ์ น้ื บา้ นล้านนา เป็นวิธีบาบดั รักษาท่ีพัฒนามา
จากการเช็ด เป่า แหก เพ่ือผ่อนคลายอาการปวดเม่ือย
รวมท้ังรักษาโรคเก่ียวกับกระดูกและข้อ กล้ามเนื้อ และ
เส้นเอ็นต่าง ๆ ซ่ึงคลายเส้นได้เร็วกว่าการนวดไทย
เพราะเน้นการกระตุ้นจุดหรือเส้นที่สาคัญในร่างกาย
การตอกเส้นต้องมีความชานาญและฝึกฝนจึงจะสามารถ
ทาการตอกได้ดี และต้องมีความรู้เกี่ยวกับกายวิภาค
ศาสตร์สาหรบั การนวดตอกเสน้ ด้วย

วธิ กี ารนวดตอกเสน้

การนวดตอกเส้น จะใช้วิธีการนวดโดยใช้ไม้ลิ่มวาง
บนร่างกายรองรับแรงที่ตอกจากค้อนลงมา โดยล่ิมและ
ค้อนตอกเส้นจะมีรูปทรงและน้าหนักท่ีพอเหมาะในการจับ
เพ่ือตีหรือตอกลงไปบนอุปกรณ์อีกช้ินหน่ึงที่วางลงบน
ร่างกาย เพือ่ ผอ่ นคลายความตงึ ของกลา้ มเนื้อและเส้นเอ็น

หมอนวดตอกเส้น จะทาน้ามันงาลงบนผิวหนังใน
บรเิ วณท่ีจะตอกเสน้ ก่อน และทาน้ามันงาบนลิ่มและค้อนที่
วางบนรา่ งกายด้วย

ข้ันตอนการรักษาด้วยการนวดตอกเส้น

1. ซักประวัติ ตรวจคนไข้ เพื่อรวบรวมข้อมูลเพ่ือวินิจฉัย
ว่าเป็นโรคอะไร สามารถรักษาด้วยการนวดตอกเส้นได้
หรอื ไม่ หรอื ตอ้ งรักษาดว้ ยวิธีอน่ื
2. คนไข้ใส่ขนั ครเู พ่ือบูชาครู
3. หมอผู้รักษาทาวธิ ีไหวค้ รดู ้วยการบริกรรมคาถาไหว้ครู
นวดตอกเส้น เพราะเช่ือว่าจะเกิดความศักดิ์สิทธิ์ ช่วย
ป้องกันโรคของคนไข้ท่จี ะสะทอ้ นเขา้ หาหมอผรู้ ักษาได้
4. สลูปหัวค้อน (กากับหัวค้อน) ด้วยการบริกรรมคาถา
ก่อนการตอกเส้นรักษาคนไข้ เพราะเช่ือว่าผิวหนังของ
คนไข้หลังการรกั ษาจะไม่มรี อยฟกชา้ บวม

ข้นั ตอนการรกั ษาดว้ ยการนวดตอกเส้น

5. หมอผู้รักษาทาน้ามันงาบริเวณท่ีจะตอกเส้น เพ่ือเส้นเอ็น
กล้ามเนือ้ เกิดการคลายตวั ทาใหก้ ารรกั ษามีประสิทธภิ าพมากขึ้น
6. ทาการนวดตอกเสน้ เร่ิมจากตอกเบาๆ เพ่ือให้เส้นเอ็นได้ปรับตัว
และออ่ นตวั ลง จากน้นั จะนวดตอกเสน้ เนน้ เฉพาะจดุ ที่ปวด
7. ประเมินผลโดยการใช้มือสัมผัสกับคนไข้ โดยการนวดคลึง
เพ่ือจะได้วินิจฉัยและทาการรักษาต่อ หากอาการท่ีมารับการรักษา
ไม่คลายตัว หมอผู้รักษาควรนวดตอกเส้นต่อไปสักพักแล้ว
ประเมินผลอกี ครง้ั

ข้อหา้ มสาหรับคนไขท้ ม่ี ารับการรกั ษา

คนไข้ควรปฏิบัติตามคาแนะนาของหมออย่างเคร่งครัด เช่น หมออาจแนะนาการรับประทานยาให้ตรงเวลา
เพราะอาการของโรคจะได้หายเร็วขึน้ โรคบางโรคคนไข้จะต้องงดของแสลงบางประเภท เช่น เครอ่ื งใน
ทุกชนดิ เน้ือสัตว์ ปลาดกุ หน่อไม้ อาหารทะเล ของหมักดองและสุรา เป็นตน้

ประโยชนข์ องการตอกเส้น

ทาให้เส้นเอน็ ยดื ไดด้ ี เพ่มิ ความยดื หยนุ่ ของเสน้ เลือดและผวิ หนงั

การอบสมุนไพร

เป็นวิธีการบาบัดรักษาโรคโดยใช้หลักการอบ
สมุนไพร คือ ต้มสมุนไพรหลายๆ ชนิดรวมกัน
ซึ่งประกอบด้วยสมุนไพรท่ีมีน้ามันหอมระเหย และ
สมุนไพรรักษาตามอาการ การรักษาดว้ ยการอบนั้น
สมุนไพรจะซึมผ่านผิวหนัง และเข้าไปกับลมหายใจ
ช่วยทาให้ระบบการหายใจดีขึ้น เพิ่มการไหลเวียน
ของโลหิต คลายความตงึ เครียด ผ่อนคลายกล้ามเน้ือ
และเส้นเอ็น ทาสบายตัว ลดอาการปวดศีรษะ บารุง
ผวิ พรรณ บรรเทาอาการผดผืน่ คนั เป็นต้น

สมุนไพรทใี่ ช้ในการอบสมุนไพร

กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ 2 กล่มุ ท่ี 3 กลุ่มที่ 4
สมุนไพรท่ีมกี ล่ินหอม สมนุ ไพรที่มรี สเปรีย้ ว เปน็ สารประกอบท่ี สมนุ ไพรท่ใี ช้รักษา
ระเหดิ ไดเ้ มอ่ื ถูกความ
ช่วยรักษาโรคต่าง ๆ เชน่ ช่ ว ย ช ะ ล้ า ง ส่ิ ง ส ก ป ร ก รอ้ นและมีกลิน่ หอม เฉพาะโรค
โรคผวิ หนงั ปวดเมื่อย และเพิ่มความต้านทาน
หวัด คัดจมกู โรคให้กับผิวหนัง การบูร เช่น ต้องการรักษาโรค
พิมเสน ผวิ หนงั ผ่นื คัน ใชเ้ หงือก
ไพล ขม้นิ ชนั ใบมะขาม ปลาหมอ เปน็ ต้น
ตะไคร้ มะกรดู ฝักสม้ ป่อย

ข้ันตอนในการใหบ้ ริการอบไอน้าสมุนไพร

1. อาบนา้ เพือ่ ชาระสิ่งสกปรกตามร่างกาย
2. เข้าอบตวั ในห้องอบสมนุ ไพร ซง่ึ มีการควบคุมอณุ หภมู ิ 42-45 องศา โดยใชเ้ วลา
ในการอบ 2 ครัง้ ครั้งละ 15 นาที
3. หลงั การอบครบตามเวลา ใหน้ ง่ั พกั 3-5 นาที แลว้ จึงอาบนา้ อกี คร้ัง
4. รับบริการอบ อย่างน้อย 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ หรือ วันเว้นวัน ข้ึนอยู่กับความ
เหมาะสมของแตล่ ะราย
5. ประเมินผลการรักษา

- การตรวจร่างกาย ช่ังน้าหนัก วดั ความดนั และซักประวตั ิอาการของผปู้ ่วย
- บนั ทกึ ประวัติการเจ็บปว่ ยโดยสังเขปและการบาบัดรกั ษาไว้ เพื่อประโยชน์ใน
การรักษาตอ่ เน่อื งต่อไป

การประคบสมุนไพร

เ ป็ น ก า ร ใ ช้ ส มุ น ไ พ ร ห ล า ย อ ย่ า ง ม า ห่ อ ร ว ม กั น
โดยส่วนใหญ่จะเป็นสมุนไพรท่ีมีน้ามันหอมระเหย
นามาน่ึงให้ร้อน แล้วนาไปประคบบริเวณที่ปวดหรือ
เคลด็ ขัดยอก ซึ่งน้ามันหอมระเหยเมื่อถูกความร้อนจะ
ระเหยออกมา ความร้อนจากลูกประคบ จะช่วย
กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น และยังมีสาร
สาคัญจากสมุนไพรบางชนิดที่สามารถซึมเข้าทาง
ผิวหนงั ได้ ซ่ึงช่วยในรักษาอาการเคล็ด ขัด ยอก และ
ลดปวดได้



อปุ กรณท์ ่ีใช้

1. หม้อดินใส่น้าคร่ึงหนึ่งตั้งบนเตา
ไฟจนมไี อน้าร้อน
2. จานรองลูกประคบ
3. ลูกประคบ 2 ลกู ลูกหนึ่ง
วางไวบ้ นปากหมอ้ ดนิ ท่ีมีไอนา้ รอ้ น
อีกลกู วางไวท้ ี่จานรองลูกประคบ

ข้นั ตอนวิธีการประคบ

1. จัดท่าคนไข้ให้เหมาะสม เช่น นอนหงาย นั่ง นอนตะแคง ขึ้นอยู่กับ
ตาแหน่งทีจ่ ะทาการประคบสมนุ ไพร
2. นาลูกประคบที่ได้รับความร้อนได้ที่แล้วมาประคบบริเวณที่ต้องการ
ประคบ (การทดสอบความร้อนของลกู ประคบคือแตะท่ีทอ้ งแขนหรอื หลงั มอื )
3. ในการวางลูกประคบบนผิวหนังคนไข้โดยตรงในช่วงแรก ๆ ต้องทา
ด้วยความเรว็ ไม่วางแช่นาน ๆ เพราะคนไข้จะทนความรอ้ นไม่ได้มาก
4. เม่ือลูกประคบคลายความร้อนลงก็สามารถเปล่ียนลูกประคบอีกลูกหนึ่ง
แทน (นาลูกเดิมไปนงึ่ ต่อ) ทาซ้าตามขอ้ 2, 3

ประโยชน์ของการประคบสมนุ ไพร

ชว่ ยบรรเทาอาการปวดเม่ือยกล้ามเน้ือ ช่วยลด
อาการบวมของกล้ามเนื้อ ลดอาการเกร็งของ
กลา้ มเนือ้ ชว่ ยเพม่ิ การไหลเวียนของโลหิต

การเชด็ แหก

คาว่า “แหก” เป็นภาษาพื้นบ้านล้านนา แปลว่า ขูด
หรือ ถู ซึ่งหมายถึงการใช้อุปกรณ์ หรือ สมุนไพร เช่น
ใบไม้ ไพร มีดหมอ เขาสัตว์ เหรียญ ฯลฯ ขูดหรือถูไป
ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่มีอาการเจ็บปวดหรือมี
อาการไมส่ บาย

เช็ดแหก เป็นการนวดชนิดหนึ่งเรียกว่า นวดเสียดสี
ทาให้คลายกล้ามเนื้อ ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีข้ึนเลือดดี
ไล่เลือดเสีย น้าเหลืองไหลเวียนดีข้ึน เพิ่มออกซิเจนเข้าสู่
เนื้อเย่ือร่างกาย เปิดรูขุมขนขับของเสียออกจากร่างกาย
กระตุ้นความร้อนทาให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญดีข้ึน
และยงั ช่วยปรับรา่ งกายใหอ้ ยู่ในภาวะสมดุล

ตวั ยาสมุนไพรทใี่ ชใ้ นการเชด็ แหก
ใบพลู ใบผกั ดดี

ใบรางจืด หัวปเู ลย
(ไพล)

อุปกรณ์ที่ใช้

1. ไม้ที่โดนฟ้าผ่าตายมาทาเป็นมีดไม้ เขี้ยว
สัตว์ เช่น เขี้ยวเสือ เขี้ยวหมูป่า หรือ เขาสัตว์
เชน่ เขาควายทช่ี นกันหัก หรือ ฟา้ ผา่ ตาย
2. ใบสมุนไพร
3. น้ามนต์ , นา้ แชส่ ้มป่อย

ข้ันตอนวิธีการเชด็ แหก

1. หมอพืน้ บา้ นจะถามอาการเจบ็ ปว่ ยของผ้เู ข้ารบั การรกั ษา
2. จากน้ันหมอพ้ืนบ้านจะนาเอามีดแหก (ซึ่งอาจเป็นชิ้นส่วนของเขา
ควาย หรืออาจเป็นเขี้ยวสัตว์ หรือไม้ที่โดนฟ้าผ่ามาทาเป็นมีดแหก)
มาทาพิธีชุบน้าส้มป่อยและเสกคาถาลงในมีดแหกนั้น และใช้มีดแหก
สับบริเวณท่เี จ็บป่วยดงั กล่าว
3. ในการเชด็ แหกหมอที่ทาการรักษามักจะท่องคาถา เสกเป่าบริเวณ
ท่ีเช็ดแหกตลอดเวลา ในลักษณะคล้ายจะเป็นการขับไล่อาการเจ็บไข้
ให้หายไปดว้ ย
4. จากนั้นหมอพ้ืนบ้านจะนาเอาใบสมุนไพร เช่น ใบพลู ใบรางจืด
ใบผักดีด หัวปูเลย มาชุบน้าส้มป่อยพร้อมกับเสกคาถา แล้วนาไปเช็ด
หรือลูบไล้ตามร่างกายของผู้ป่วยที่มีอาการของโรคในลักษณะเช็ด
ออก โดยจะเช็ดจานวน 3 รอบ หรือเช็ดจนกว่าใบสมุนไพรแหลก
เป็นอันเสรจ็ พธิ ี

การแชเ่ ท้าสมนุ ไพร

ร่างกายมีธรรมชาติของการระบายพลังงานที่เป็นพิษ
จานวนมากออกทางมือเท้าอยู่แล้ว จะเห็นได้ว่าแพทย์
โบราณหลายประเทศมีการกดจุด หรือขูดระบายพิษจาก
มือและเท้า เม่ือคนเราใช้มือและเท้าในกิจวัตรประจาวัน
กล้ามเน้ือเส้นเอ็นท่ีมือและเท้า ก็จะเกิดสภาพแข็งเกร็ง
ทาให้ขวางเส้นทางการระบายพิษจากร่างกาย โดยการ
แช่เท้าในน้าอุ่นจะช่วยให้กล้ามเนื้อเส้นเอ็นที่แข็งเกร็ง
ค้างคลายตัว พลังงานท่ีเป็นพิษในร่างกายจึงจะระบาย
ออกได้ดี ทาให้สขุ ภาพดขี ้ึน



ประโยชนข์ องการแช่เทา้ สมุนไพร

แก้กล้ามเนื้อเส้นเอ็นที่มือและเท้า ท่ีอยู่ในสภาพแข็งเกร็งค้างจากการใช้
งานในชีวิตประจาวัน การแช่ในน้าอุ่นจะช่วยให้กล้ามเน้ือเส้นเอ็นที่แข็ง
เกรง็ ค้างคลายตัว พลังงานที่เป็นพิษในร่างกายจึงจะระบายออกได้ดี ทา
ให้สุขภาพดีข้ึน นอกจากน้ีนิยมใช้เสริมการการรักษาโรคต่าง ๆ เช่น
โรคผิวหนัง ปวดข้อต่อ ความดันโลหิตสูง อาการนอนไม่หลับ และ
ทอ้ งร่วงในเด็ก

วิธกี ารแช่เท้าสมุนไพร

นาส่วนผสม คือ มะกรูดผ่า 5 ลูก และมะกรูดไม่ผ่า 5 ลูก ขมิ้น ไพล ใบส้มป่อย ตะไคร้ น้าเปล่า
10 ลิตร ตม้ ลงในหม้อจนเดือด จากนั้นนานา้ สมุนไพรจากท่ีต้มได้ 2 ขันใส่กะละมัง ผสมกับน้าเปล่า
2 ขัน นาหม้อแปลงจุ่มลงกะละมัง แล้วแช่เท้าลงไป อายุ 60 ปีขึ้นไป แช่ 15-20 นาที อายุต่ากว่า
60 ปี ให้แช่ 30 นาที

โรคทส่ี ามารถรักษาได้

- กลา้ มเน้ือเส้นเอน็ ที่เทา้ เกร็งคา้ ง
- เทา้ บวม
- ปลายเท้าชา

จดั ทาโดย
เด็กหญงิ ณัฐรดา อาจผง่ึ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1
เด็กหญงิ ณฐั ณชิ า มามูล ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1
เด็กหญิงณชั ชา แสงเพชร ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1
เด็กหญิงวมิ ลศริ ิ ทองศรี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1
เด็กหญงิ ไอยรา ศธิ ิ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 1

ครทู ปี่ รึกษา
นายพีรวิชญ์ รัตนอมรวสิ ทิ ธ์ิ
นางสาวปรยิ ากร คาภรี ะ และ นางสาวนสุ รณ์ วงศนวิ้

พระสงฆท์ ป่ี รกึ ษา
พระครูสาทรวรการ
โรงเรยี นเตรยี มอุดมศึกษาพัฒนาการ เชียงราย
CREDITS: Thisสpาrนeกั sงeานnเtขaตtพioน้ื nกาtรeศmกึ ษpาlมaัธtยeมwศึกaษsา cเชrียeงaรtาeยd by Slidesgo,

including icons by Flaticon, and infographics & images by Freepik


Click to View FlipBook Version