The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เรื่อง สมัยก่อนสุโขทัยในดินแดนไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ห้องหนังสือ(ครูโบ้), 2020-10-27 22:08:44

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3

เรื่อง สมัยก่อนสุโขทัยในดินแดนไทย

วชิ าประวตั ิศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3
ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1
สมยั ก่อนสุโขทยั ในดินแดนไทย

สอนโดย

นายสนั ติสุข กอ้ มมณี

ตาแหน่ง ครูผชู้ ่วย

โรงเรียนบา้ นโนนสมบูรณ์ : Boanjt
สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 : Santisook kommane

๓หน่วยการเรยี นรู้ที่

สมยั กอ่ นสุโขทัยในดินแดนไทย

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

๑. อธบิ ายเรอ่ื งราวทางประวัติศาสตร์ สมัยกอ่ นสุโขทยั ในดนิ แดนไทยโดยสงั เขปได้

เรอ่ื งราวสมัยก่อนประวตั ิศาสตรใ์ นดนิ แดนไทย

หลกั เกณฑ์การแบง่ ยคุ สมยั กอ่ นประวัติศาสตรใ์ นประเทศไทย

• สมยั ประวัตศิ าสตรใ์ นดินแดนที่เปน็ ประเทศไทยเริ่มเมอ่ื ประมาณ พ.ศ. ๑๑๘๐ ถา้ นับมาถึงปัจจุบัน สมยั ประวตั ศิ าสตร์ในประเทศไทย
มอี ายุไม่ถึง ๑,๔๐๐ ปี นบั ว่าสั้นมากเมอ่ื เทียบกับการท่ีมนุษยต์ ้งั ถ่นิ ฐานในดนิ แดนประเทศไทย และกอ่ นที่มนษุ ยใ์ นประเทศไทยจะ
รู้จกั ใช้ตวั หนงั สือกย็ าวนานมาก คอื ประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ ปี เรียกวา่ “สมยั ก่อนประวตั ศิ าสตร”์ มีหลกั เกณฑก์ ารแบง่ ยุคสมยั เพื่อให้
ชัดเจนและใหง้ ่ายแก่การทาความเข้าใจให้ตรงกนั แบง่ เป็น ๒ ประเภท

๑ แบ่งตามเทคโนโลยกี ารทาเคร่ืองมือเครอ่ื งใช้

๒ แบง่ ตามลักษณะการดารงชีวิตของผคู้ น คือ ยคุ หนิ เกา่ กับยคุ หนิ ใหม่

การขยายตวั ของชุมชนในสุวรรณภมู ิ

• สวุ รรณภมู ิเปน็ ชอ่ื เดิมของดนิ แดนเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ หรอื โดยเฉพาะดนิ แดนที่เปน็ ประเทศไทย สุวรรณภมู ิ แปลวา่ “ดินแดน
แห่งทองคา” หมายถึง ดนิ แดนที่มคี วามอุดมสมบรู ณ์มากเหมาะแกก่ ารตัง้ หลักแหล่งของชมุ ชน

• การขยายตวั ของชมุ ชนในสวุ รรณภมู ิ มลี ักษณะคลา้ ยกับการขยายตวั ของชุมชนอ่นื ๆ คอื สมัยก่อนประวัตศิ าสตรด์ นิ แดนหลายแห่งมี
กลุ่มชนเล็กๆ อาศัยอยู่ เมื่อบริเวณน้ันไม่อุดมสมบรู ณ์ ก็จะอพยพเคลอ่ื นย้ายไปหาแหล่งอาหารแหล่งใหม่ เกดิ การขยายเปน็ ชุมชน
ขนาดใหญ่

พัฒนาการของชมุ ชนโบราณในภาคต่างๆ ของไทย

ภาคกลาง

• ชุมชนยุคหินเกา่ ทถ่ี ้าพระ อาเภอไทรโยค ถา้ เขาทะลุ และถา้ เม่น อาเภอบา้ นเกา่ จงั หวัดกาญจนบุรี พบเคร่ืองมือหนิ ท่ีเปน็
เคร่อื งมือขุด เครื่องมือสับ ตดั และขวานทม่ี ีขนาดใหญแ่ ละหนัก

• ชุมชนยุคหินกลาง ทบ่ี ้านหนองโน อาเภอพนสั นิคม จงั หวัดชลบุรี พบเครื่องมือหิน เคร่อื งปน้ั ดนิ เผาลายขดี และขัดมัน
เคร่ืองมือปลายแหลม เบ็ดตกปลา และภาชนะดินเผาลายเชือกทาบ

• ชุมชนยคุ หนิ ใหม่ ทบี่ า้ นเกา่ อาเภอเมอื ง จงั หวดั กาญจนบรุ ี พบโครงกระดูกมนษุ ย์ยุคหนิ ใหม่ ขวานหนิ ขดั เคร่อื งประดบั ทาจาก
เปลือกหอย และภาชนะดนิ เผา

• ชมุ ชนยุคสาริด ท่ีบา้ นหนองโน อาเภอพนสั นคิ ม จงั หวัดชลบุรี พบหลุมศพจานวนมาก ภาชนะดินเผาเคลอื บนา้ โคลนสีแดง
รูปทรงคลา้ ยพาน กาไลหนิ ออ่ น กาไล สรอ้ ยทาจากสารดิ และเปลอื กหอยทะเล ตุ้มหทู าจากดีบกุ

• ชุมชนยุคเหลก็ ทบ่ี ้านดอนตาเพชร อาเภอพนมทวน จงั หวดั กาญจนบุรี พบภาชนะดินเผา เคร่อื งประดบั อาวธุ และเครือ่ งมือ
เครอื่ งใช้ที่ทาด้วยเหลก็

ภาคเหนอื

• ชุมชนยุคหินเก่า ท่ีถา้ ผแี มน จงั หวดั แม่ฮอ่ งสอน พบเครื่องมอื หิน ใบหอกหิน เครื่องมอื หนิ กะเทาะ
• ชุมชนยคุ หินกลาง ท่ีถ้าผีแมน จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน พบเครือ่ งมอื หินทีเ่ ปน็ เครือ่ งมอื ขุด เครื่องมอื สบั ตดั ขนาดใหญ่
• เครอ่ื งมือหนิ ขัดและเครอ่ื งมอื หนิ กะเทาะ
• ชุมชนยคุ หนิ ใหม่ กระจายอยู่ตามลุม่ แม่นา้ ตา่ งๆ ในเขตจังหวดั แม่ฮอ่ งสอน เชยี งใหม่ ลาปาง นา่ น อตุ รดิตถ์ พบเครอ่ื งมือยุค

หินใหม่ต่อเนื่องไปถงึ ยุคโลหะ
• ชมุ ชนยุคสาริด ในเขตจงั หวดั แม่ฮ่องสอน เชยี งใหม่ เชยี งราย น่าน อตุ รดติ ถ์ ตาก ลาพูน พบว่ามกี ารใชท้ ้ังเคร่อื งมือสารดิ และ

หินขัด
• ชมุ ชนยุคเหลก็ อยู่ตามลุ่มแม่น้าสายตา่ งๆ ในเขตจังหวดั แมฮ่ ่องสอน เชียงใหม่ เชยี งราย นา่ น อุตรดิตถ์ ลาพนู พบแหล่งชุมชน

โบราณท่ใี ช้เครือ่ งมือทาจากเหลก็

ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื

• ชมุ ชนยคุ หนิ เกา่ ทอ่ี าเภอเชยี งคาน จงั หวดั เลย และอาเภอดอนตาล จงั หวดั มุกดาหาร พบเคร่อื งมือหนิ กะเทาะที่เปน็ เคร่อื งมอื
ขุด สับ และตัด

• ชุมชนยุคหนิ กลาง ทอ่ี าเภอเชียงคาน จังหวดั เลย อาเภอดอนตาล จังหวดั มกุ ดาหารพบหลกั ฐานเครือ่ งมือขุดและเคร่อื งมอื
สับ ตัด ซ่งึ ตอ่ เน่ืองมาจากยุคหนิ เก่า

• ชมุ ชนยุคหินใหม่ ทบ่ี ้านโนนนกทา อาเภอภูเวียง จังหวดั ขอนแก่น พบภาชนะดนิ เผา ลกู ปัดทาจากเปลอื กหอย ขวานหนิ ขดั
หนิ สบั

• ชุมชนยคุ สารดิ ที่บ้านเชยี ง อาเภอหนองหาน จังหวดั อดุ รธานี ภาชนะดนิ เผาลายเขียนสแี ดงบนพ้นื สีนวล โครงกระดกู มนุษย์
โครงกระดูกสตั ว์ เครอ่ื งประดบั ทาจากลกู ปัด สง่ิ ของเครื่องใชท้ าจากหินและโลหะ

• ชมุ ชนยคุ เหล็ก ชมุ ชนโบราณที่บ้านเชยี ง จังหวัดอุดรธานี พบเคร่อื งมือยคุ เหลก็ และมกี ารค้นพบแหล่งแร่เหล็ก

ภาคใต้

• ชมุ ชนยุคหินเก่า ทถี่ า้ หลังโรงเรยี นทับปริก อาเภอเมือง จงั หวัดกระบ่ี พบเครอ่ื งมือยคุ หนิ เกา่ ที่ทาเป็นเคร่อื งมอื ขดุ
เคร่อื งมือ สบั ตัด

• ชุมชนยคุ หินกลาง แหล่งโบราณคดี บ้านพลีควายอาเภอสทงิ พระ จงั หวดั สงขลา พบเครื่องมอื หินกะเทาะ
เคร่ืองมือในยคุ หนิ เก่า และพบขวานหนิ

• ชุมชนยุคหนิ ใหม่ จังหวดั กระบี่ และ จงั หวดั พงั งา พบภาชนะดนิ เผาท่ที าเป็นหมอ้ สามขา พบขวานหินขัดชนิดมบี ่าและไม่มีบ่า
• ชุมชนยุคสาริด ทถ่ี ้าผีหัวโต จงั หวดั กระบี่ และในบรเิ วณอ่าวริมทะเล พบภาพเขยี นสีสมยั ก่อนประวัติศาสตรเ์ ปน็ ภาพคนสวม

ชุดยาวที่ศรี ษะมีรูปร่างคลา้ ยเขาสัตว์ แยกเป็น ๒ แฉก ร่องรอยการก่อตงั้ ชุมชนบรเิ วณอา่ ว ริมทะเล และรมิ แม่น้า
• ชมุ ชนยคุ เหลก็ ทอ่ี าเภอคลองทอ่ ม จังหวดั กระบ่ี พบลกู ปดั พน้ื เมอื งจานวนมาก และพบชิ้นสว่ นเคร่ืองมือเหล็กในสภาพ

สึกกร่อนและชารดุ

การสร้างสรรค์ภูมปิ ัญญาของมนุษยก์ ่อนประวัตศิ าสตรใ์ นดนิ แดนประเทศไทย
ปัจจัยท่มี อี ิทธพิ ลตอ่ การสร้างสรรค์ภูมปิ ัญญาของมนุษยก์ ่อนประวตั ศิ าสตร์

๑ ความตอ้ งการความมั่นคงในการดารงชวี ิตประจาวนั ในเร่อื งอาหาร ที่อยู่อาศัย เครอื่ งน่งุ ห่ม และยารักษาโรค
๒ สภาพภูมศิ าสตรแ์ ละสิง่ แวดลอ้ ม เชน่ การเกดิ ภยั ธรรมชาติ โรคระบาด
๓ คตคิ วามเชอ่ื เช่น ความตาย ความเช่อื ในเรือ่ งวญิ ญาณ เปน็ ตน้

การสรา้ งสรรค์ภมู ิปญั ญาของชมุ ชนโบราณก่อนประวตั ิศาสตร์

ดา้ นเกษตรกรรม • มนษุ ยย์ ุคหนิ ใหมม่ ีการเพาะปลูกแบบทาไร่เลอ่ื นลอย บางแหง่ มกี ารเพาะปลกู ข้าว
ในทลี่ ุ่ม ขณะเดยี วกนั ก็มกี ารล่าสตั ว์เปน็ อาหาร

ด้านโลหะกรรม • มนษุ ยย์ ุคหินใหม่มีการเพาะปลกู แบบทาไร่เลอ่ื นลอย บางแห่งมกี ารเพาะปลูกขา้ ว
ในที่ลมุ่ ขณะเดียวกันก็มีการล่าสัตวเ์ ปน็ อาหาร

ดา้ นหัตถกรรม • มนุษย์ยุคหนิ ใหมม่ กี ารเพาะปลูกแบบทาไร่เลื่อนลอย บางแห่งมีการเพาะปลูกขา้ ว
ในที่ลมุ่ ขณะเดียวกนั ก็มีการลา่ สตั ว์เปน็ อาหาร

ดา้ นการสรา้ งที่อยอู่ าศยั • มนษุ ย์ยุคหนิ ใหมม่ กี ารเพาะปลูกแบบทาไร่เลอ่ื นลอย บางแห่งมกี ารเพาะปลกู ข้าว
ในทล่ี ่มุ ขณะเดยี วกันก็มกี ารล่าสัตว์เปน็ อาหาร

ด้านการรกั ษาโรค • มนษุ ยย์ ุคหินใหม่มีการเพาะปลกู แบบทาไร่เลื่อนลอย บางแหง่ มีการเพาะปลกู ขา้ ว
ในที่ลุ่ม ขณะเดียวกนั กม็ กี ารล่าสัตวเ์ ปน็ อาหาร

พฒั นาการจากชมุ ชนมาสูร่ ฐั โบราณ แควน้ /รฐั อาณาจกั ร

ชุมชน บา้ นเมอื ง

รฐั โบราณและรฐั ไทยในดินแดนไทย
พัฒนาการของอาณาจักรโบราณในภาคกลาง

อาณาจกั รทวารวดี (พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๑ - ๑๖)

• เป็นอาณาจกั รท่ีมีหลักฐานแนน่ อนแห่งแรกบนผนื แผ่นดินไทย สันนิษฐานว่ามีศูนย์กลางอยู่ทีจ่ งั หวัดนครปฐม
• หลักฐานสมยั ทวารวดี เชน่ ธรรมจักรศิลา จลุ ประโทนเจดยี ์ และฐานอาคารทว่ี ัดพระเมรุ
• ทวารวดีได้รับอิทธิพลอินเดีย เชน่ การปกครองโดยกษตั รยิ ์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู พระพุทธศาสนา

อาณาจกั รละโว้ (พุทธศตวรรษท่ี ๑๒ - ๑๘)

• ในช่วงแรกละโว้รับวัฒนธรรมจากอินเดีย เช่น แนวคดิ เรอื่ งการปกครอง โดยกษตั ริย์มกี ารแบง่ ชนชน้ั ทางสังคม
• มีการนับถอื พระพทุ ธศาสนา นิกายเถรวาทและมหายาน รวมท้งั ความเชื่อเรื่องการนับถอื บรรพบรุ ุษ และยกย่องสตรี
• มีอาชพี ทส่ี าคญั คือ การเกษตร และมกี ารตดิ ตอ่ ค้าขายกับชมุ ชนตา่ งถิ่น
• สมัยพระเจ้าสุริยวรมนั ท่ี ๑ กษัตริย์ขอมได้ปกครองละโวใ้ นฐานะประเทศราช
• ขอมไดส้ ง่ ผแู้ ทนมาปกครองละโวม้ กี ารบังคับใช้กฎหมายและระบบตลุ าการ คือ ศาลสภา
• หลงั สมยั พระเจา้ ชัยวรมนั ที่ ๗ ขอมเส่ือมอานาจ ทาให้อิทธพิ ลขอมในละโว้ ได้หมดตามไปด้วย

พฒั นาการของอาณาจักรโบราณในภาคเหนอื

อาณาจกั รโยนกเชียงแสน (พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๒ - ๑๙)

• สันนิษฐานวา่ มีศนู ยก์ ลาง อยทู่ เี่ มอื งเชยี งแสน (อาเภอเชยี งแสน จังหวดั เชียงราย)
• เรื่องราวโยนกเชยี งแสนปรากฏอยูใ่ นตานานสงิ หนวัตกิ ุมารและตานานลวจงั กราช
• อาณาจกั รโยนกเชียงแสนถูกขอมยึดครองอาณาจกั ร
• พระเจ้าพรหมกมุ ารสามารถก้เู อกราชและสรา้ งเมืองใหม่ข้นึ ท่เี วยี งไชยปราการ
• หลังสมัยพระเจ้าพรหม ถกู มอญในพม่ารกุ ราน จึงสรา้ งเมอื งใหม่ท่ีกาแพงเพชร
• พุทธศตวรรษที่ ๑๙ ถกู รวมเปน็ ส่วนหนึง่ ของล้านนา

อาณาจักรหรภิ ญุ ชยั (พุทธศตวรรษที่ ๑๓ - ๑๙)

• สันนิษฐานว่ามีศนู ยก์ ลางอยทู่ จ่ี งั หวดั ลาพนู
• ตานานจามเทวีวงศ์กลา่ วว่า ฤๅษีวาสุเทพ เป็นผ้สู รา้ งเมืองหรภิ ุญชัย
• มีพระนางจามเทวีเป็นปฐมกษตั ริย์
• สันนษิ ฐานว่าชาวเมอื งหริภุญชัยเปน็ ชาวมอญจากละโว้
• หรภิ ุญชัยตกอยภู่ ายใต้อานาจละโวห้ ลายคร้ัง
• ในสมัยพระเจ้าอาทิตยราช พระพทุ ธศาสนามคี วามเจริญรุ่งเรอื งมาก
• พ.ศ.๑๘๓๕ หริภุญชัยถกู รวมเข้าเป็นส่วนหนงึ่ ของลา้ นนา

อาณาจักรล้านนา (พุทธศตวรรษที่ ๑๙ - ๒๕)

• มีศนู ย์กลางอยทู่ ่เี มืองนพบุรีศรนี ครพงิ คเ์ ชียงใหม่ (จงั หวดั เชียงใหม)่
• ผกู้ ่อต้งั อาณาจักร คือ พระยามงั รายมหาราช
• แรกเร่ิมตั้งราชธานที ีเ่ วียงกุมกาม ตอ่ มาย้ายเมืองไปอยู่เชียงใหม่ใน พ.ศ. ๑๘๓๙
• มคี วามเจรญิ รุ่งเรอื งในเรือ่ งของกฎหมาย มงั รายศาสตร์ อักษรธรรมลา้ นนา หรืออักษรตวั เมอื ง วดั เจดยี ห์ ลวง เป็นตน้

พฒั นาการของอาณาจักรโบราณในภาคใต้

อาณาจกั รลังกาสกุ ะ (พุทธศตวรรษที่ ๗ - ๒๓)

• ศูนย์กลางอยทู่ อี่ าเภอยะรงั จังหวัดปัตตานี
• พัฒนาขนึ้ จากการเปน็ เมืองทา่ สาคญั มีความสมั พนั ธ์ใกลช้ ิดกับจีน
• มอี ารยธรรมรงุ่ เรอื ง และมสี ถาบันกษัตรยิ ์ปกครองมายาวนาน
• เปน็ ศนู ย์กลางสาคัญของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน
• มีการนบั ถอื ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ลทั ธิไศวนกิ าย

อาณาจกั รตามพรลงิ ค์ (พุทธศตวรรษที่ ๑๓ - ๑๘)

• ศนู ยก์ ลางอยทู่ จี่ ังหวดั นครศรีธรรมราช
• เจรญิ รุ่งเรืองมาจากการเป็นเมืองท่าของพอ่ ค้าอินเดีย
• เปน็ ศนู ย์กลางการคา้ ละการเมืองในบริเวณคาบสมุทรภาคใต้
• นบั ถอื ศาสนาพราหมณ-์ ฮินดู และพระพุทธศาสนานกิ ายมหายาน
• พุทธศตวรรษท่ี ๑๘ ได้รบั อิทธพิ ลพระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาท ลทั ธลิ งั กาวงศ์
• นครศรีธรรมราชเป็นศนู ยก์ ลางสาคญั ของการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในดนิ แดนไทย

อาณาจักรศรวี ิชยั (พุทธศตวรรษที่ ๑๓ - ๑๙)

• มีศูนยก์ ลางที่เมืองปาเล็มบงั บนเกาะสมุ าตรา
• ระยะแรกเจรญิ รุ่งเรืองในฐานะศูนยก์ ลางการคา้ ทางทะเลระหวา่ งจีนและอินเดยี
• เมื่อจนี เขา้ มาคา้ ขายโดยตรง ทาใหเ้ มอื งไชยาเป็นเมอื งสาคัญในการค้าและรบั วฒั นธรรมศรวี ชิ ยั

พัฒนาการของอาณาจกั รโบราณในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ

อาณาจกั รโคตรบรู ณ์ (พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๖)

• มศี นู ยก์ ลางอยู่ทน่ี ครพนม ครอบคลมุ พืน้ ท่ีภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ และดนิ แดนฝง่ั ซา้ ยแมน่ ้าโขง
• นบั ถอื พระพุทธศาสนานกิ ายเถรวาทตามแบบทวารวดี และมีความเช่อื พน้ื เมอื งเร่อื งการบชู าพญานาค
• พระธาตพุ นมเป็นศาสนสถานที่สาคญั ของอาณาจกั ร
• พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๘ พระเจ้าชยั วรมนั ที่ ๗ แห่งอาณาจกั รขอมไดค้ รอบครองดินแดนในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือของไทย
• ตอ่ มาโคตรบูรณ์ตกเปน็ เมอื งขึ้นของล้านช้าง

อาณาจักรอิศานปุระ (พุทธศตวรรษท่ี ๑๒ - ๑๘)

• มีอานาจและเจริญร่งุ เรืองสงู สดุ ในสมยั พระเจ้าสรุ ยิ วรมันท่ี ๒
• สร้างปราสาทหินขนาดใหญ่มากมาย
• เผยแพร่อารยธรรมไปยังรัฐข้างเคียงหลายด้าน เชน่ การปกครองแบบสมบูรณาญาสทิ ธิราชย์ ความเปน็ สมมตเิ ทพของ

กษัตริย์ การปกครองแบบจตุสดมภ์ กฎหมายพระธรรมศาสตร์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู พระพทุ ธศาสนานิกายมหายาน
เปน็ ต้น

การสรา้ งสรรค์ภมู ิปัญญาของอาณาจกั รโบราณก่อนสมยั สุโขทยั
ปัจจัยทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ การสรา้ งสรรคภ์ มู ปิ ัญญาของอาณาจักรโบราณก่อนสมัยสโุ ขทยั

ปจั จยั พน้ื ฐาน • จากบคุ คลภายนอกท่เี ข้ามาตดิ ต่อคา้ ขาย
ได้รบั อารยธรรมอนิ เดียเขา้ มา เช่น ภาษา
• ลักษณะทางภมู ศิ าสตรแ์ ละส่ิงแวดลอ้ ม ศาสนา เป็นต้น
• ลักษณะรว่ มและลกั ษณะแตกตา่ งทางสงั คมและ
ปจั จัยจากภายนอก
วฒั นธรรม

ผลงานการสร้างสรรคภ์ มู ิปญั ญาของอาณาจกั รโบราณก่อนสมัยสุโขทัย

• การเกษตรกรรม การใช้แรงงานสตั ว์ การใช้ววั ควายผ่อนแรงงานคน
• การเลือกทาเลในการสรา้ งบา้ นแปงเมอื ง ตัง้ เมอื งในเขตลมุ่ แมน่ า้ มที างออกสทู่ ะเล สามารถตดิ ตอ่ กบั ดนิ แดนภายใน ที่มี

พชื ผลอดุ มสมบูรณ์
• การประดิษฐ์ตัวอกั ษรข้นึ ใช้ เดมิ ใชภ้ าษาสันสกฤตและบาลี แลว้ ดัดแปลงผสมผสานกบั ภาษาในท้องถ่นิ จึงกลายเปน็

อักษรมอญโบราณ
• ศาสนา – ความเชือ่ คาส่ังสอนในพระพุทธศาสนาเป็นหลกั ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธ นาไปสกู่ ารสร้างสรรคภ์ ูมปิ ัญญา

ทางด้านสถาปัตยกรรม ประตมิ ากรรม


Click to View FlipBook Version